ความคิดเห็นที่ 1 ตามมาด้วย  m14 ปืนไรเฟิล ชนิด Battle rifle Battle ปืนยาว ประเทษ ประเทศสหรัฐอเมริกา น้ำหนัก 11.5 lb (5.2 kg) 11.5 lb (5.2 kg) Length ความยาว 46.5 in (1,181 mm) 46.5 in (1,181 mm) ความ ยาว 22 in (559 mm) 22 in (559 mm) M14 ปืนที่มีต้นแบบมาจาก M1A ที่สร้างชื่อเสียงไว้ในสมัยสงครามโลก M14 มีประวัติยาวนานตั้งแต่สงครามเวียดนาม จนถึงปัจจุบัน ทหารอเมริกันก็ยังคงนิยมใช้กันอยู่ เพราะประสิทธิภาพในการยิง และรูปทรงที่คลาสิกของมัน ยังครองใจผู้ใช้ได้จนถึงทุกวันนี้ M14 SOCOM (Special Operation Command) หรือแปลเป็น ไทยง่ายๆคือ “หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ” ออกแบบโดย บริษัท Springfield บริษัทซึ่งเป็นผู้คิดค้น M1Aที่โด่งดังนั่นเอง แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 53 16:56:00 จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 14:39:15

ความคิดเห็นที่ 2 และนี่ พ่อของ m16และ m4 แต๊นแตน แต๊นนนนนนนนนนนนน Armalite AR-15 จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 14:41:04

ความคิดเห็นที่ 3 m16 ปืน M16 นี้พัฒนาขึ้นโดยกองทัพบกสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1950 ขณะที่ได้นำไปประเดิมใช้เป็นครั้งแรกในสงครามเวียดนาม ซึ่งแต่เดิมนั้น ปืน M16 ออกแบบและผลิตโดยบริษัทอาร์มาไลต์ (Armalite) ในปีค.ศ. 1958 โดยเรียกว่าปืนรุ่นนี้ว่า AR-15 สำหรับปืนไรเฟิลอัตโนมัติ AR-15 นี้เป็นปืนไรเฟิลซ้อมยิงที่นิยมกันมากในประเทศสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับปืน M16 ในปัจจุบันนี้ และได้เข้าประจำการในฐานะอาวุธปืนประจำกายของหน่วยแพทย์ทหารเสนารักษ์และ หน่วยสนับสนุนการรบต่างๆในช่วงสงครามเกาหลีด้วย แต่เนื่องจากตัวปืนนั้นมีปัญหาเรื่องลำกล้องปืนมักจะบวมและแตกร้าวเมื่อมี การยิงต่อเนื่องนานๆ จึงทำให้มียอดสั่งซื้อเข้ามาน้อยมาก ในรูป เป็น a1-4 ครับ ต่อมาเมื่อบริษัท Armalite ได้ขายแบบแปลนปืน AR-15 ให้แก่บริษัทโคลต์ (Colt Firearms) ปืน AR-15 ก็ได้รับการพัฒนาจนออกมาเป็นปืน M16 และเข้าประจำการในกองทัพอากาศสหรัฐฯในปีค.ศ. 1964 ส่วนทางกองทัพบกสหรัฐฯก็ได้นำปืน M16 มาพัฒนาต่อเป็นปืน XM16E1 ซึ่งได้เพิ่มระบบคันส่งลูกเลื่อน (Forward Assist Assembly) เข้ามาและเข้าประจำการในกองทัพบกสหรัฐฯพร้อมทั้งเรียกชื่อใหม่ว่า ""US Rifle, 5.56mm, M16A1" ในปีค.ศ. 1967 และยังมีการเปิดสายการผลิตปืน M16 ในรูปแบบอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันในอีกหลายประเทศทั่วโลก ต่อมาในปีค.ศ. 1981 บริษัทโคลต์จึงได้พัฒนาและปรับปรุงปืน M16A1 จนออกมาเป็นปืน M16A1E1 เพื่อรองรับกระสุนขนาด 5.56x45 mm. NATO รุ่นใหม่คือกระสุน M855 Ball หรือ SS-109 ของบริษัท FN ซึ่งมีความแม่นยำและอานุภาพมากกว่าเดิม จนในปีค.ศ. 1982 หน่วย US Department of Defense (US DoD)จึง ได้บรรจุปืน M16 รุ่นนี้เข้าประจำการและเรียกในชื่อใหม่ว่า "US Rifle, 5.56mm, M16A2" ซึ่งปืน M16A2 นี้สามารถยิงได้เพียง 2 รูปแบบ คือ แบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi-Auto) ครั้งละ 1 นัด/ครั้ง และแบบอัตโนมัติชุดละ 3 นัด (Burst Auto) โดยมีคันบังคับการยิงให้จัดเลือกอยู่ทางด้านซ้ายเหนือด้ามปืน ซึ่งต่างจากปืน M16A1 ตรงที่แบบอัตโนมัติของรุ่น A1 จะเป็นแบบอัตโนมัติเต็มตัว (Full-Auto) กล่าวคือปืนจะทำการยิงตามวงรอบการทำงานไปเรื่อยๆจนกว่าผู้ยิงจะเลิกเหนี่ยว ไกปืนหรือจนกว่ากระสุนจะหมดซองกระสุน มิใช่ยิงเป็นชุดเพียง 3 นัดเท่านั้น ไม่ว่าผู้ยิงจะเหนี่ยวไกค้างไว้หรือไม่ก็ตาม ในปีค.ศ. 1994 ทางบริษัทโคลต์ได้มีการปรับปรุงสมรรถภาพของปืน M16A2 อีกครั้งเป็นรุ่น A3 และ A4 ตามลำดับ โดยปืน M16A3 นั้นสามารถยิงได้สองโหมดคือ ยิงทีละนัด (Semi-Auto)และยิงอัตโนมัติเต็มตัว (Full-Auto)เท่านั้น ส่วนปืน M16A4 นั้นจะยิงได้สองโหมดนี้คือ โหมดยิงทีละนัด (Semi-Auto) และแบบอัตโนมัติชุดละ3นัด (Three-Burst Auto) โดยรุ่น A4 มีลักษณะภายนอกคล้ายกับ A2 และ A3 ทุกประการแต่สามารถถอดด้ามหูหิ้ว (Flat Top Receiver) ออกเพื่อติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่างๆได้ในขณะที่ A2 และ A3 จะเป็นแบบติดตั้งตายตัว ในรูปเป็น a1- a4 จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 14:44:09

ความคิดเห็นที่ 4 ตามมาด้วย m4 เอ็ม4 คาร์บินเป็นอาวุธปืนตระกูลเดียวกับเอ็ม 16 ทั้งหมดล้วนมีแบบมาจากเออาร์-15 ที่ ทำโดยอาร์มาไลท์ มันสั้นกว่าและเบากว่าเอ็ม16 มีชิ้นส่วน 80% ที่เหมือนกับเอ็ม16เอ2 เอ็ม4มีระบบลือกการยิงที่รวมทั้งกึ่งอัตโนมัติและการยิงทีละ 3 นัด (เหมือนเอ็ม16เอ2) ขณะที่เอ็ม4เอ1มีระบบอัตโนมัติแทนที่ระบบยิงทีละ 3 นัด เอ็ม4และแบบอื่นที่ยิงกระสุน 5.56x45 ม.ม. และเป็นระบบแก๊ส ระบายความร้อนด้วยอากาศ ป้อนกระสุนนแบบแมกกาซีน สามารถปรับพานท้ายได้ แบบเดิมของเอ็ม4 นั้นมีกล้องส่องอยู่แล้ว แต่แบบใหม่นั้นได้เพิ่มความนูน โค้งที่ท้ายของกล้องส่องเข้าไป เอ็ม4นั้นเหมาะมือและสะดวกในการพกพามากกว่าปืนเล็กยาวแบบ อื่น ขณะที่ มันเป็นผู้แข่งขันสำหรับคนที่ไม่ใช่ทหารราบ มันยังเหมาะสำหรับการต่อสู้ในระยะใกล้ หน่วยขนส่งทางอากาศและในปฏิบัติ การพิเศษอีกด้วย มันถูกใช้โดยหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯและนาวีซีล มันยังถูกใช้โดยกรมทหารอากาศของออสเตรเลียอีกด้วย มาเลเซียได้สั่งซื้อเอ็ม4 คาร์บินเพื่อมาแทนที่สเตย์ เอยูจีใน กองทัพเมื่อปี 2006 และถูกผลิตในมาเลเซียภายใต้ใบอนุญาต มันเป็นที่คาดกันว่าอาวุธเหล่านี้จะ ไม่ได้ถูกใช้แค่โดยเอ็มเอเอฟ แต่ยังได้รับความสนใจจากตำรวจ, ยามชายฝั่งและผู้รักษากฎหมาย เอ็ม4ถูกพัฒนาและผลิตให้กับรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ โดยบริษัทโคลท์ ซึ่ง ต้องการผลิตปืนตระกูลเอ็ม4จนถึงปี 2009 อย่างไรก็ตาม มีการผลิตอาวุธปืนที่คล้ายเอ็ม4มากกว่า เอ็ม4เอ1และเอ็ม16เอ4ได้เข้ามาแทนที่เอ็ม16เอ2 กองทัพอากาศของสหรัฐฯ วางแผนที่จะทำการเปลี่ยนไปใช้เอ็ม4 คาร์บินอย่างสมบูรณ์ เอ็ม4นั้นมีความคล้ายคลึงกับเอ็ม16 มาก หน่วยนาวิกโยธินของสหรัฐฯ ได้สั่งให้นายทหารในหน่วยใช้ปืนประจำกายเป็นเอ็ม4เอ1 คาร์บินแทนที่จะใช้ปืนพกเอ็ม9 นี่ก็เป็นเพราะว่าปืนพกนั้นไร้ประโยชน์ในการปะทะส่วนมาก และมันเป็นไปตามภาษิตของหน่วยนาวิกโยธินที่ว่า "นาวิกโยธินทุกนายคือพลปืนเล็กยาว" ในกองทัพเรือของสหรัฐฯ ก็ยังใช้เอ็ม4เอ1แทนเอ็ม9เช่นกัน                                                                        ความเป็นมาและแบบต่างๆ กองทัพของสหรัฐฯ ใช้เอ็ม4และเอ็ม4เอ1แทบจะทั้งกองทัพ ซึ่งจะมีอุปกรณ์ พิเศษเพื่อช่วยในการมองติดอยู่ด้านบน โดยส่วนมาแล้วจะเป็นเอ็ม68 ซีซีโอ ซึ่งเป็นกล้องช่วยในการต่อสู้ระยะใกล้ และมักจะติดด้ามจับ ต้นแบบคือแบบโคลท์920(เอ็ม4)และ921(เอ็ม4เอ1)   แบบต่างๆ ของคาร์บินสร้างโดยโรงงานที่แตกต่างกันไป และยังประจำการในหน่วยรบพิเศษในหลายๆ ประเทศ อย่างหน่วยช่วยเหลือทางอากาศของออสเตรเลีย(SASR) ขณะที่หน่วยเอสเอเอสอาร์มักเน้นไปที่การใช้อาวุธที่สร้างโดยโคลท์เพื่อส่ง ออก (โคลท์ใช้ต้นแบบที่แตกต่างกันเพื่อแยกระหว่างแบบอาวุธที่เป็นของกองทัพสห รับฯ กับแบบอาวุธที่ผลิตเพื่อส่งออก) หน่วยเอสเอเอส(SAS)ของอังกฤษใช้แบบเดียวกับต้นแบบ เป็นเอสเอฟดับบลิว(SFW)ซึ่งผลิตโดยบริษัทไดมาโก้ของแคนาดา แม้ว่าไดมาโก้จะถูกซื้อโดยโคลท์และตั้งชื่อใหม่ว่าโคลท์แคนาดา ชื่อไดมาโก้และอาวุธปืนที่เกี่ยวข้องก็ยังเหมือนเดิม เอ็ม4/เอ็ม4เอ 1 ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างสองแบบนี้คือ เอ็ม4มีแบบไกปืนเป็น"S-1-3"(เซฟ/กึ่งอัตโนมัติ/ยิงทีละ 3 นัด) ขณะที่เอ็ม4เอ1มีแบบไกปืนเป็น"S-1-F"(เซฟ/กึ่งอัตโนมัติ/อัตโนมัติ) เอ็ม4 เอ็มดับบลิวเอส (Modular Weapon System) โคลท์โมเดล 925คาร์บินถูกทดสอบด้วยบริษัทอาวุธที่ชื่อKnight's Armament Corporation (KAC) เอ็ม4 อาร์เอเอสอยู่ใต้การออกแบบโดยมีชื่อว่าเอ็ม4อี2 แต่การออก แบบนี้พบว่ามีข้อตำหนิในเรื่องระบบอุปกรณ์ การเพิ่มส่วนของระบบRail Accessory System (RAS) เข้าไปทำให้มันกลายเป็นเอ็ม4 เอ็มดับบลิวเอสหรือModular Weapon System เอ็ม4เอ1 เอ็ม4เอ1คาร์บินเป็นรุ่นแบบอัตโมติที่มีต้นแบบมาจากเอ็ม4 คาร์บิน ซึ่ง ผลิตออกมาให้ใช้ในปฏิบัติการพิเศษ เอ็ม4เอ1ถูกใช้โดยหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ โดย ส่วนใหญ่ เอ็ม4เอ1 คาร์บินเป็นที่ชื่นชอบของหน่วยต่อต้านผู้ก่อการร้ายและ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ สำหรับการรบระยะประชิด เนื่องมาจากความกระชับและอำนาจการยิงของมัน รุ่นนี้ยังมีประโยชน์มากในการรบในเมือง แม้ว่าเอ็ม4จะมีประสิทธิภาพในด้านระยะยิงน้อยกว่าเอ็ม16 ทางหลายกองทัพคิดว่าการทำการยิงในระยะที่มากกว่า 300 เมตรนั้น ไม่จำเป็น มันมีประสิทธิภาพมากในระยะ 150 เมตรหรือน้อยกว่า และมีระยะยิงไกลสุดที่ 500-600 เมตร ในปีให้หลัง เอ้ฒ4เอ1 คาร์บินได้มีการปรับแต่งความแข็งแรงเพิ่มจากโรงงานด้วยลำกล้องที่มี โป รไฟล์ ขนาดเล็กกว่าที่ใต้ที่จับ นี่ก็ด้วยเหตุผลมากมาย อย่าง การลดความร้อนขณะทำการยิงแบบอัตโนมัติและความแม่นยำ ลำกล้องที่หนักกว่า เดิมนี่ยังมีบัฟเฟอร์ที่หนักกว่าเดิมซึ่งเรียกว่า เอช2 ในบัฟเฟอร์จะแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งเป็นเหล็กและอีกสองส่วนเป็นทังสเตน อาวุธเหล่านี้รู้จักโดย โคลท์ว่าต้นแบบ 921เอชบี ซึ่งให้ชื่อว่าเอ็ม4เอ และรัฐบาลพิจจารณาว่าเอ็ม4เอ1เป็นทั้ง921และ921เอชบี จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 14:44:58

ความคิดเห็นที่ 5 ฝั่ง เยรมัน ก็เอาเอ็ม4ไปพัฒนาต่อยอดเป็น เจ้านี่เลย แต๊นแตนแต๊นนนนนนนนนนนนน hk416 ปืนเวอร์ชั่น : HK416 บริษัท : H&K ประเทศ : GERMANY กระสุน : 5.56 x 45 MM , 7.62 x 39 MM เเม็กกาซีน : 30 นัด ระบบปฏิบัติการ : GAS-OPERATED , ROTATING BOLT ระบบการยิง : FULL AUTO อัตราการรัว : 700-900 RPM นัด/นาที น้ำหนัก : 3.3Kg - 3.5Kg ฟังก์ชัน : กล้องเล็ง ZOOM 1X - 10X , ศูนย์เลเซอร์ , ไฟฉาย , เครื่องยิงระเบิด M203 , เครื่องยิงลูกซอง , เครื่องยิงที่ช็อตไฟฟ้า , มีดปลายปืน M9 BAYONET , กระบอกเก็บเสียง แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 53 15:02:36 จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 14:48:39

ความคิดเห็นที่ 6 ปืน HK416 เป็นปืนที่ดัดเเปลงมาจากปืน M4 เเล้วเอาคุณสมบัติของปืน M4 , AK47 มารวมกันจนทำให้ปืนกระบอกนี้มีคุณสมบัติของ M4 , AK47 อยู่ด้วยกันในปืนเดียวกัน โดยมีคุณสมบัติที่เกือบเทียบชั้น AK47 คือ จุ่มโคลน , ลุยทราย , จุ่มน้ำ , โดนฝุ่นได้ , เเถมยังมีความทนทานที่มากกว่า M4 อีกจึงเป็นปืนที่สามารถลุยได้ทุกสมรภูมิ แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 53 14:50:17 จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 14:49:43

ความคิดเห็นที่ 7 FN SCAR สกาไม่ใช่แร๊กเก้ๆๆๆๆ จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 14:52:09

ความคิดเห็นที่ 8 SCAR มันเป็น Assult Rifle หรือปืนไรเฟิลจู่โจม ถ้าเรียกตามภาษากองทัพไทยก็น่าจะเป็น ปืนเล็กยาว FN SCAR มีชื่อเต็ม คือ Special Operations Forces Combat Assult Rifile ( SCAR ) หรือ ปืนเล็กยาวโจมตีของหน่วยรบพิเศษ ผลิตโดยบริษัท Fabrique Nationale Herstal ( FN ) แห่งประเทศเบลเยี่ยม เมื่อปลายปี ค.ศ. 2004 ภายใต้สนธิสัญญากับ United State Special Operations Command ( US SOCOM ) หรือหน่วยปฏิบัติการพิเศษแห่งกองทัพสหรัฐฯ โดยผลิตขึ้นเพื่อ ทดแทนปืนเล็กยาว M 16 และ ปืนเล็กสั้น M 4 ที่ล้าสมัย ผนวกกับ ทหารหน่วยรบพิเศษสหรัฐฯ ที่ อัฟกานิสถาน และ ในอิรัก ต้องการปืน ที่มีอำนาจ การทำลาย หนักหน่วงกว่า ปืนเล็กสั้น M 4 FN SCAR เป็นปืนที่ นำความสุดยอดของ ปืนเล็กยาวของอดีตสหภาพโซเวียต นั่นคือ Automatic Kalashinikova 47 ( AK47) มาประยุกต์ ให้เข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย ของ อาวุธของสหรัฐฯ ได้อย่างลงตัว ปืนนี้ ยังถูกแบ่งออกเป็น 2 รุ่นด้วยกัน คือ SCAR-H และ SCAR-L โดย รุ่น H ย่อมาจาก คำว่า heavy หรือ “ หนัก ” หมายถึงว่า ปืนรุ่นนี้ใช้กระสุน ขนาด 7.62 * 51 มม. ของ นาโต้ และ รุ่น L มาจากคำว่า light หรือ “ เบา ” หมายถึงว่า ปืนรุ่นนี้ ใช้กระสุนขนาด 5.56 * 45 มม. ของนาโต้ จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 14:54:34

ความคิดเห็นที่ 9 เข้ามารอปืน AK-47 ปืนในดวงใจผม^^ จากคุณ : red-racket เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:00:06

ความคิดเห็นที่ 10 pdw เป็น ปืนที่พัฒนาเพื่อเป็นปืนป้องกันบุคล ครับ แต่ปืนรุ่น นี้มีปัญหาลำกล้องติดขัดค่อนข้างบ่อย จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:01:28

ความคิดเห็นที่ 11 มาฝั่งเยรมัน ดีกว่า sturmg44  พ่อของปืนไรเฟิลจู่โจมบนโลกใบนี้ จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:05:55

ความคิดเห็นที่ 12 ปืนกลมือ ดู ตระกูล mp5กันบ้างดีกว่า ปืน MP5 เป็นปืนที่มีน้ำหนักเบาไม่มากจนเกินไป ไม่หนักจนเกินไป มีความคล่องตัวสูง ผลิตมาจากบริษัท H&K ที่มีชื่อเสียงของโลก สัญชาติเยอรมัน MP5 คือปืนกลเบาที่มีชื่อเสียงเเละดังกระฉ่อนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของบรรดาปืนต่างๆที่ H&K ผลิตสร้างขึ้นมาเลยล่ะ ได้รับความนิยมไปยังหลายหน่วยงาน เช่น นาวิก , SEAL , NATO , SWAT เเละก็ยังถูกเข้าประจำการในกองทัพสหรัฐอีกด้วย เป็นปืนกลที่มีประสิทธิภาพมาก มีความเเม่นยำเป็นเลิศ ระบบการยิง เเละระบบเซฟความปลอดภัยดีเจาะกลุ่มลูกค้าเป็นหลักดี ความทนทานดีไม่เป็นรองใคร เเรงสะท้อนเบาใช้ได้ คุมปืนง่าย เเม้เเต่ในเมืองไทยยังสั่งปืนนี้มาเข้าประจำการมาในเมืองไทยเหมือนกัน ปืน MP5 นั้นจะมีฟังก์ชั่นเยอะ เเล้วปืน MP5 เกือบทุกรุ่น จะมีเเม็กกาซีนพิเศษให้ใช้ด้วย เช่น BETA C-MAG เป็นเเม็กกาซีนบรรจุ 100 นัดคล้ายๆ เเม็กกาซีนของปืน MG36 ที่พัฒนามาจาก G36 เเตก็ไม่ค่อยนิยมใช้เท่าไรเพราะเเม็กกาซีนชนิดนี้จะหนักมากไปหน่อยน่ะ ส่วนเเบบ DRUM MAG จะเบากว่าเเบบ BETA C-MAG บรรจุ 70 -100 ได้ เเต่ก็ยังไม่นิยมเท่าเเบบเเม็กกาซีน 30 นัด เพราะมันคล่องตัวกว่า ซึ่งดีกว่า เเถมยังติดตั้งเเม็กกาซีนเป็นคลิปติดกัน 3 เเม็ก รวมกันเปน 90 นัด เเล้วเเปะกาวหนังไก้รอบเเม็กกาซีนด้ามปืน ซึ่งจะเปลี่ยนกระสุนเเละเเม็กกาซีนได้เรวกว่า เบากว่า คล่องตัวกว่าด้วย ไม่ใช่มีเเต่ MP5 อย่างเดียวที่ทำได้ปืนตระกูล M4A1 M16 ก็ทำได้ด้วย เช่นกัน ต่อมา ปืนกล H&K MP5A3 รุ่นนี้มีการปรับปรุงตรงส่วนพานท้ายจากแบบตายตัวเป็นแบบเลื่อนเข้าออกได้ พร้อมทั้งปรับตรงกระโจมมือให้ติดตั้งไฟฉายไปด้วยเลยไว้ใช้สำหรับการบุกเข้า ไปในที่แคบและมืดครับ ตั้งแต่รุ่น A3 เป็นต้นไปปืนกล H&K MP5 ก็ผลิตสำหรับใช้กับกระสุนขนาด 9x19 mm. Luger อย่างเดียวครับ แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 53 17:51:11 แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 53 16:56:34 จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:08:11

ความคิดเห็นที่ 13 ตระกูล g G36 ปืนไรเฟิลจู่โจมของกองทัพบกเยอรมันที่เป็นที่นิยมมากในหลายประเทศมีหลายรุ่น ทั้งแบบไรเฟิลจู่โจมหรือแบบปืนกลสนับสนุนใช้ในหน่วยรบพิเศษต่างๆหรือแม้แต่ หน่วย SWAT ก็ใช้และยังมีใช้หน่วย THAI SEAL ด้วยนะรุ่นที่หลายคนรู้จักก็มี G-36C , G-36E , G-36K , MG-36 ปืน นี้จริงๆก็ปืนไรเฟิลจู่โจมรุ่น G-36 ดีๆนี้เอง ปีประจำการ 1995-ปัจจุบัน เเต่ปืนนี้มันไปใส่เเม็กกาซีนประเภท BETA C-MAG ที่บรรจุได้ 100 นัด มันจึงกลายเป็นปืนกลสนับสนุน รุ่น MG36 เเทน ส่วนรูปภาพข้างล่างคือ BETA C-MAG เเม็กกาซีนประเภทนี้ใส่ได้กับปืน MP5 , M4A1 , GLOCK , M16 เป้นต้น ซึ่งใส่ได้หลายรุ่นปืน เเต่ก็ไม่เป็นที่นิยมเท่าไร ไม่เหมือนกับเเม็กกาซีน 30 นัดเป็นที่นิยมมากกว่าน้ำหนักก็เบากว่าด้วย MG 36 เป็นอาวุธประจำหมู่ที่ถูกดัดเเปลงมาจากปืนไรเฟิลจู่โจม G36 เเต่ถูกอัพเกรดให้เคียงกับ ปืนไรเฟิลจู่โจมมากกว่าที่จะเป็นปืนกล มี ดรัมเเม็กกาซีน ซ้ายขวาประกอบเป็น BETA C MAG ยิงต่อเนื่องได้ 100 นัด เเละดึงเอาอำนาจทำลายล้างของ M16A2 กับปืนกลเบามาใช้ ปืนกล MG36 จะมีติดตั้งกล้อง ZOOM ขยายได้ไกล 1.5X ทำให้หวังผลในการเล็งยิงได้ในระยะไกลขึ้นมาหน่อยน่ะ อัตราการยิง 750 RPM นัด/นาที ถือว่าค่อนข้างรัวเร็ว เเรงถีบก็ถือว่าเเรงมากพอสมควรเลย ความเเม่นยำสูง ศูนย์เล็งปราณีต เเล้วมีความทนทานสูง สามารถลุยได้หลายสภาพเเวดล้อมเเละตามสมรภูมิหิมะ พลังทำลายถือว่าสูงมากเอาการ น้ำหนักถือว่าพอโอเคเลย เเต่มีความกะทัดรัดดี เป็นปืนกลหนักที่เบาที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เป็นปืนกลหนักที่ใช้ได้ทั้งเป็นฝ่ายรุกเเละฝ่ายรับได้อย่างดีเยี่ยม เนื่องจากมีความคล่องตัวสูง ซึ่งอาจจะดีกว่าปืนกลหนักรุ่นอื่นๆเลยก็ว่าได้ เป็นอาวุธปืนที่ใช้สนับสนุนกับหน่วยพิเศษโดยเชพาะ เสน่ห์ของปืนรุ่นนี้ก็คือ ความคล่องตัวกับเเม็กกาซีนที่บรรจุกระสุนได้เยอะเเล้วเข้ากับตัวปืนได้ดี กว่าปืนรุ่นอื่นๆอีก จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:10:45

ความคิดเห็นที่ 14 มีหลาย เวอร์ชั่น ในภาพเป็น G3A3 กับ MG36 จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:13:23

ความคิดเห็นที่ 15 hk33 ปลย 11 เป็นปืนเล็กยาว พัฒนาโดยบริษัทเฮคเลอร์แอนด์คอช ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ทศวรรษ 1960 โดยพัฒนามาจากปืนเล็กยาวเฮคเลอร์แอนด์คอช จี3 ซึ่งเป็นขนาด 7.62x51 มม. มีประจำการในกองทัพบราซิล ไอร์แลนด์ ตุรกี และได้รับสิทธิ์ผลิตใช้ในกองทัพไทย และมาเลเซีย กองทัพไทยได้ขออนุญาตใช้สิทธิบัตรเพื่อนำมาผลิตเอง โดยกรมสรรพาวุธทหารบก (สพ.ทบ.) และเข้าประจำการในปี พ.ศ. 2511 โดยใช้ชื่อ ปืนเล็กยาว แบบ 11 หรือตัวย่อ ปลย.11 สำหรับทหารบก หรือ ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ ขนาด 5.56 มม. เอชเค 33 หรือตัวย่อ ปลยอ.5.56-3 สำหรับทหารอากาศ จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:16:03

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่า เจ้า hk33เนี่ย เหมือนเจ้า sturmg44 อย่างไม่น่าเชื่อ จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:17:00

ความคิดเห็นที่ 17 ปืนกลมือ Heckler & Koch UMP45: แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 53 17:50:52 แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 53 16:55:41 จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:21:16

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องประสิทธิภาพ ชอบ SCAR-L  กับG36 ครับ จากคุณ : NipponJ เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:22:38

ความคิดเห็นที่ 19 แม่ว้อย ได้เวลาตัวร้ายออกโรงแล้ว เตรงงงเตร๊งงงง เตรงเต๊งงงงงงงงงงงงงงงง ak 06-Jul-2008, 21:20 เอเค 47 (AK-47) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "อาก้า" นั้น เป็นคำย่อมาจากภาษารัสเซีย "Автомат Калашникова образца 1947 года" (อัฟโตมัท คาลาชนิโควา 1947 โกดาก) หรือชื่อในภาษาอังกฤษคือ "Automatic Kalashnikov Model of 1947 gun" เป็นปืนเล็กยาวจู่โจม ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Gas-operated ซึ่งออกแบบโดย Mikhail Kalashnikov และมีการผลิตออกมาโดยกลุ่มบริษัท IZHMASH หรือ Izhevsk Machinebuilding Plantผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของประเทศรัสเซียซึ่งได้รับ สิทธิบัตรในการผลิตปืนรุ่นนี้จากเขาแต่เพียงผู้เดียว ในปีค.ศ. 1946 และเข้าประจำการในกองทัพโซเวียตในปีค.ศ. 1949 โดยมีการใช้ในอย่างแพร่หลายในหลายประเทศโดยเฉพาะกลุ่ มประเทศคอมมิวนิสต์ในช่วงสงครามเย็นซึ่งปืน AK-47 ได้เข้าไปมีบทบาทเป็นอย่างมากในสมรภูมิรบหลายแห่งในช่วงนั้น และถูกกล่าวขวัญถึงประสิทธิภาพของปืนไรเฟิลอัตโนมัติรุ่นนี้ที่สามารถทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่าปื นไรเฟิลอัตโนมัติ M16 และAR-15 ของฝ่ายโลกเสรีในขณะนั้น แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 53 15:40:30 แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 53 15:30:55 แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 53 15:27:23 จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:25:56

ความคิดเห็นที่ 20 งาม เถื่อน ดิบ แม๋ สมกับตัวร้ายจริงๆ จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:33:02

ความคิดเห็นที่ 21 ต่อยอดออกไป เป็นร้อยรุ่น ทั้งรุ่น ที่ใช้ในหน่วย สวาท หรือรุ่นที่ใช้ ในปฏิบัติการพิเศษ ปืนไรเฟิลซุ่มยิง VSS Vintorez ผลิตโดยบริษัท Tula Arms Plant ประเทศรัสเซีย ใช้กระสุน 9x39 mm. Sunsonic ระบบปฏิบัติการ Gas operated, rotating bolt อัตรายิง 700 นัด/นาที ระยะหวังผล 400 เมตร ความจุ 10/20 นัด ติดอุปกรณ์ถาวรคือที่เก็บเสียง (Silencer) เข้าประจำการในหน่วย Spetsnaz และ OSNAZ ของรัสเซียเอง ปืนไรเฟิลซุ่มยิง VSS Vintorez ในรุ่นแรกๆนั้น สามารถยิงได้เพียงโหมด Semi-automatic ในภายหลังจึงปรับปรุงให้สามารถยิงในโหมด Autimatic ได้ จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:37:37

ความคิดเห็นที่ 22 มาถึง ปืนในดวงใจผมอีกแล้ว ปืนกลเบา p90 ประวัติ P90 ขนาดลำกล้อง : 5.7x28mm SS190 น้ำหนัก : ไม่ใส่แม็กกาซีน 2.54 กก. , ใส่แม็กกาซีนพร้อมกระสุน 50 นัด 3 กก. ขนาด : 500 มม. ขนาดลำ กล้อง : 263 มม. ยิงต่อเนื่อง : 900 นัดต่อนาที จำนวน กระสุนในเเม็กกาซีน : 50 นัด ฟังก์ชัน: ศูนย์เลเซอร์ , ไฟฉาย ,กล้อง ZOOM ระยะกลาง - ไกล ,ท่อเก็บเสียง ,เเม็กกาซีน ,สายสะพาย ปืนกลเบา FN P90 ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 80 โดยใช้เป็นอาวุธปืนในเชิงรับของหน่วยรบทหารหลายต่อหลายหน่วย ยกเว้น หน่วยทหารม้าและทหารปืนใหญ่ เนื่องจากกระสุนที่ปืนกลเบาและปืนพกใช้อยู่ทั่วไปนั้นไม่มีประสิทธิภาพเพียง พอที่จะทะลุทะลวงเสื้อเกราะของทหารของศัตรูได้ ดังนั้นบริษัท FN Herstal จึงได้พัฒนากระสุนที่อำนาจทะลุทะลวงขึ้นมาใหม่ นั่นคือ SS 190 ปืน กล FN P90 เป็นปืนแบบ Bullpup ใช้กระสุนขนาด 5.7x28 มม. ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Delayed blowback, closed breech มีความจุ 50 นัด อัตราการยิง 900 นัด/นาที ออกแบบโดยบริษัท Fabrique Nationale de Herstal แห่งเบลเยี่ยม ในปัจจุบัน FN P90 ถูกใช้เป็นปืนประจำการอยู่ในหลายๆประเทศทั่วโลกอาทิเช่น หน่วยรบพิเศษของประเทศซาอุดิ อาระเบีย เปรู และหน่วยรบพิเศษของกองทัพไทย โดยบริษัท FN เป็นผู้จัดจำหน่าย แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 53 16:57:13 จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:43:09

ความคิดเห็นที่ 23 STEYR AUG STEYR AUG เป็นปืนเล็กยาวของประเทศออสเตรีย ออกแบบขึ้นในปี ค.ศ. 1970 โดย Steyr Mannlicher GmbH & co KG ( หรือ Steyr Daimler- Puch ในขณะนั้น ) AUG ย่อมาจาก ( Armee Universal Gewehr หรือ Universal Army Rifle ในภาษาอังกฤษ ) หรือน่าจะแปลเป็นไทยได้ว่าปืนไรเฟิลอเนกประสงค์สำหรับกองทัพ เจตนาดั้งเดิมเพื่อผลิตมาทดแทนปืน FN FAL หรือในรหัส Stg 58 ที่ประจำการอยู่ในขณะนั้น โดยมีรหัสทางการว่า Stg 77 เลข 77 บอกถึงปีที่ AUG เข้าประจำการ แต่ในความเป็นจริงแล้ว AUG เข้าประจำการในกองทัพ ปี ค.ศ.1978 AUG ประจำการในกองทัพบกของออสเตรียรวมถึงหน่วยงานตำรวจ รวมถึงในกองทัพของอาเจนติน่า , ออสเตรเลีย, ( บรรจุเข้าในปี ค.ศ.1985 ภายหลังออสเตรเลียได้ซื้อแบบแผนไปผลิตเองด้วย ) นิวซีแลนด์ , โบลิเวีย , เอคควาดอร์ (1988 ) , ไอร์แลนด์ , ลักซ์เซมเบอร์ก , ซาอุดิอาระเบีย , ตูนิเซีย ( 1978 ) , ปากีสถาน รวมถึงตม.ของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1988 AUG ได้รับการออกแบบให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูงมีลำกล้องหลากหลายขนาด เพื่อการใช้งานในสภาวะที่แตกต่างกันไป ชิ้นส่วนของ AUG จะผลิตขึ้นจากโพลิเมอร์ และมีส่วนประกอบที่เป็นเหล็กเฉพาะที่ต้องการความแข็งแรง ในภาพเป็น au3g จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:46:02

ความคิดเห็นที่ 24 AUG A1 ประกอบด้วยชิ้นส่วนหลัก 6 ชิ้นได้แก่ ลำกล้อง , โครงปืนด้านบนทำเป็นหูหิ้วและมีกล้องเล็งติดในตัว , ลูกเลื่อน และห้องลูกเลื่อน , ชุดลั่นไก , พานท้ายและแม็กกาซีน ระบบการทำงานของ AUG เป็นระบบ GAS operated ยิงในสภาวะลูกเลื่อนปิด กระบอกสูบที่อยู่ทางด้านขวาของปืน ซึ่งจะเป็นตัวรับแรงดันของแก็สที่เกิดจากการเผาไหม้ไปผลักไกด์ร็อดข้างขวา เพื่อดันนกปืนให้ขัดกับเซียร์ไว้ หลังจากเคลื่อนที่สุดระยะแล้วไกด์ร็อดที่ติดอยู่กับชุดลูกเลื่อนก็จะวิ่ง กลับไปข้างหน้าด้วยพลังงานจากสปริงไกด์ร็อดพร้อมพากระสุนเข้ารังเพลิง และหน้าลูกเลื่อนก็จะหมุนตัวตามร่องบังคับให้เข้าไปขัดกลอน รอการเหนี่ยวไกนัดต่อไป การ ยิงนัดแรกใช้วิธีการดึงคันลูกเลื่อนให้ถอยหลังแล้วปล่อยให้ลูกเลื่อนพากระสุ นบรรจุเข้ารังเพลิง แต่ถ้าเป็นในรอบของการยิงระบบปฏิบัติการจะทำงานโดยหลังจากการยิงในนัดแรกไป แล้ว แก็สที่เกิดจากการเผาไหม้จะไหลย้อนกลับมาผลัก ในระบบการยิง AUG สามารถยิงได้ทั้งแบบเซมิออโต้หรือฟูลออโต้ บังคับโดยการเหนี่ยวไกเท่านั้น คือหากบีบไกเข้ามาประมาณครึ่งทางก็จะเป็นการยิงแบบเซมิออโต้แต่ถ้าหากบีบไก เข้ามาจนสุดปืนก็จะยิงในแบบฟูลออโต้ทันที จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:46:41

ความคิดเห็นที่ 25 ปาดดดดด  สกาเท่านั้นนน  VSS สวยโฮกเลย จากคุณ : หัวปลาทู เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:49:43

ความคิดเห็นที่ 26 ถูกใช้งานจริงครั้งแรกในสงครามอ่าวเปอร์เซีย รุ่น: F1, G1, G2, FAMAS Export, FAMAS Civil, FAMAS Commando Specifications: น้ำหนัก 3.61 kb (FAMAS F1) น้ำหนัก 3.68 kb (FAMAS F2) ความยาว 757 mm / 965 mm ความยาวลำกล้อง 488 mm กระสุน 5.56 x 45 mm NATO ความเร็ว ในการยิง 900 – 1000 รอบ/นาที (F1) 1000 – 1100 รอบ/นาที (G2) ระยะ หวังผล 300 ม. (F1) 450 ม. (G2) แม็คกาซีน 25 นัด (F1) 30 นัด (G2) FAMAS ปืนไรเฟิล หรือปืนกลกึ่งอัตโนมัติประสิทธิภาพสูงที่ถูกบรรจุใช้ ในกองทัพของฝรั่งเศส และถือเป็นความภาคภูมิใจของกองทัพฝรั่งเศส FAMAS เป็นปืนไรเฟิลที่ถูกผลิตขึ้นโดย Saint-Étienne arms factory ในประเทศฝรั่งเศส และมีรัฐบาลฝรั่งเศสร่วมเป็นเจ้าของในธุรกิจดังกล่าว FAMAS assault rifle ได้ถูกริเริ่มโครงการขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1967 และประสบความสำเร็จในการสร้างต้นแบบของ FAMAS กระบอกแรกเมื่อปี ค.ศ. 1971 รวมแล้วใช้เวลาในการออกแบบถึง 4 ปี และเปิดฉากทดสอบ FAMAS โดยกองทัพฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1972 เพื่อทำการแก้ไข ปรับปรุงข้อด้อยจากต้นแบบ การทดสอบยาวนานถึง 6 ปีเต็ม จนกระทั้งปี ค.ศ. 1978 FAMAS ที่ผ่านการทดสอบ และ ได้รับการแก้ไขจนผ่านมาตรฐานการใช้งานของกองทัพฝรั่ง เศสก็ถูกบรรจุให้เป็นปืนประจำกองทัพของฝรั่งเศสในที่สุด ภายหลังที่ FAMAS F1 assault rifle ถูกแทนที่ MAS-49 ในกองทัพฝรั่งเศส ในการผลิตครั้งแรก ตัวเลขของจำนวนการผลิตสูงถึง 400,000 กระบอก ต่อมาได้มีการพัฒนา FAMAS G1 ขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน และเปลี่ยนส่วนประกอบปืนบางชิ้น เช่น กริพจับแบบใหม่, พานท้ายปืน, และขยายโก่งไกปืน เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีการพัฒนา FAMAS G2 เพิ่มเติม และถูกนำมาใช้กับหน่วยราชนาวีของฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1995 อย่างไรก็ตาม FAMAS F1 ก็ยังคงถูกใช้งานอยู่ในกองทัพของฝรั่งเศสในปัจจุบัน จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:51:13

ความคิดเห็นที่ 27 ปืนเวอร์ชั่น : SL8 บริษัท : H&K ประเทศ : GERMANY กระสุน : 5.56 x 45 MM NATO เเม็กกาซีน : 10-30 นัด ระบบปฏิบัติการ : GAS-OPERATED RIFLE ระบบการยิง : SEMI-AUTO น้ำหนัก : 4.1 Kg ฟังก์ชัน : กล้อง ZOOM ระยะไกล , ขาตั้งปืน ประวัติ ปืน ไรเฟิลซุ่มยิงชื่อ SL8 ของบริษัท H&K ปืนนี้ถูกพัฒนาจากปืน G36 น่ะคับ ใช้กระสุนไรเฟิลขนาด .223 CALIBER หรือที่รู้จักในนามกระสุน 5.56 x 45 MM นี้เอง บรรจุกระสุนประมาณ 10-30 นัดได้ พลังทำลายสูงอยู่เเล้วปืนนี้ด้วยใช้กระสุน 5.56 ด้วยหยุดยั้งเป้าหมายต่อสิ่งมีชีวิตดีเยี่ยม ใช้ระบบปฏิบัติการยิงเเบบเเก๊สโอเปอเรท ระบบการยิงเป็นเเบบ SEMI-AUTO ยิงกึ่งอัตโนมัติ เป็นปืนที่มีดีไซด์ที่จะเท่ห์เป็นพิเศษกว่าปืนของ H&K หลายรุ่นเลยทีเดียว เป็นปืนที่จัดว่ามีลูกเล่นเเพรวพราวเหมือนกัน ฟังก์ชั่นเยอะ เเถมยังติดกล้องอินฟราเรด กล้องมองกลางคืนได้ด้วย จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:58:50

ความคิดเห็นที่ 28   FAMAS G2 ปรับปรุงจาก F1 เพื่อต้องการมาตรฐานนาโต้แท้ ๆ เท่านั้นเอง จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:01:51

ความคิดเห็นที่ 29 f2000 ประวัติ ไม่รู้หาไม่เจอจ๊ะ จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:01:52

ความคิดเห็นที่ 30 Tavor STAR 21 ตะกูรทราวโว่  บ้านเรานำมาเป็นใช้ในกองทัพเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:04:05

ความคิดเห็นที่ 31 คิดว่าหลายท่านๆท่านคงได้ยินข่าวเรื่องการจัดซื้อรถเกราะล้อยางและอาวุธปืน ขนาด 5.56 มม.ของกองทัพไปแล้วนะครับ ซึ่งในเรื่องอาวุธปืนขนาด 5.56 มม.นั้นข่าีวก็ไม่ได้ลงลึกไปว่าเป็นปืนชนิดใดและของบริษัทใด กระผมจึงขอแนะนำให้รู้จักปืนรุ่นนี้ก็คือปืน Tavor TAR-21 ของบริษัท IWI (Israeli Weapons Industries Ltd.) หรือชื่อเก่าที่เรารู้จักกันก็คือบริษัท IMI แห่งประเทศอิสราเอลนั่นแหละครับ โดยคุณสมบัติของปืนรุ่นนี้็คือ เป็นปืนไรเฟิลจู่โจมแบบ Bull-pup ใช้กระสุนขนาด 5.56x45 mm. NATO ระบบปฏิบัติการแบบ Gas operated, rotating bolt อัตราการยิง 750-900 นัด/นาที จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:05:47

ความคิดเห็นที่ 32 นี่ไม่ใช่ปืนเล็กยาว มันเป็นปืนใหญ่ยาวอิอิ ชอบ เลยเอามา ปืนเวอร์ชั่น : M134 บริษัท : ??? ประเทศ : USA กระสุน : 7.62 x 51 NATO บรรจุกระสุน : 5000 นัด หรือบรรจุกระสุนจากสายพานที่ต่อออกมาจากกระเป๋าสะพาย ขนาด 2,500 นัด ระบบปฏิบัติการ : ELECTRICAL ระบบการยิง : FULL AUTO อัตราการยิงรัว : 2000 - 6000 RPM นัด/นาที น้ำหนัก : 18.8 Kg ฟังก์ชัน : ระบบคลายความร้อน ประวัติ ปืนกลหนักรุ่น M134 ของกองทัพสหรัฐ ที่ไว้ใช้ในการสนับสนุน ไว้ใช้เป็นฝ่ายตั้งรับมากกว่ารุก ซึ่งปืนกลรุ่นนี้สามารถใช้ตั้งรับกับยานพาหนะได้หลาย อย่าง เช่น รถถัง เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ รถจี้บ เป็นต้น ซึ่งสามารถติดตั้งกับเครื่องบินกับเฮลิคอปเตอร์เป็นยานรบยิงบังคับได้เกือบ ทุกเเบบสามารถใช้สนับสนุนเหล่าทหารได้ เเล้วยังสามารถใช้ถือเดินยิงไปได้ เเต่ก็ยังไม่ดีเท่าไร ไม่เหมาะเท่าไรด้วยน้ำหนักที่หนักมากเอาการทำให้เคลื่อนไหวได้ช้าเเละจะเป็น เป้านิ่งเเก่ศัตรูได้ง่ายขึ้นด้วย ปืนกลรุ่นนี้จะยิงด้วยระบบไฟฟ้าทางอิเล็กทรอนิกส์ ปืนนี้เวลาจะยิงจะต้องโยกเเกนข้างหลังลงให้สุดเเล้วลำกล้องปืนจะทำการหมุน ภายใน 1.5 วินาที เเล้วทำการยิงทันที เป็นปืนที่มีระบบคลายร้อนขนาดใหญ่ภายในตัว ทำให้ยิงติดต่อกันได้นานมากๆ มีอัตราการยิงรัวที่น่ากลัวมากๆ ด้วยอัตรการยิงรัว 2000 - 6000 นัด/นาที ซึ่งถ้าใครโดนยิงเข้าไปในระยะประชิดพรุนแน่นอน อานุภาพการทำลายล้างก็สูงมากเพราะใช้กระสุนของไรเฟิล ลอบสังหารโดยตรงเลย ขนาด 7.62 x 51 NATO โดยกระสุนของมันมีเเรงปะทะประมาณ 2890-3352 J ซึ่งเหนือกว่ากระสุนขนาด .50 A.E. แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 53 16:31:09 จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:10:01

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่ได้จะมาขัดจ๊ะ หัวข้อ ไรเฟิลจู่โจม ทอมมี่มัน ปืนกลมือ m14 ไรเฟิลธรรมดา ง่า ง่า ง่า ง่า จากคุณ : iiixe_user เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:10:56

ความคิดเห็นที่ 34 ปืนยิงสนับสนุนประจำหมู่ m249 จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:12:06

ความคิดเห็นที่ 35 enfieldl 85 ว่ากันว่า ห่วยสุดๆ      ปืนไรเฟิลจู่โจม FAMAS ของกองทัพฝรั่งเศส ใช้กระสุนขนาด 5.56x45 mm. NATO (.223 Remington) ใช้ระบบ Blowback อัตราการยิง 950 นัด/นาที ความจุ 25/30 นัด แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 53 16:19:50 จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:17:20

ความคิดเห็นที่ 36 ประบอก นี้รักเลยๆๆๆ ยังไม่หมดครับ ปืนของ IMI แห่งอิสราเอลมีอีกเยอะ มาต่อกันที่ปืนไรเฟิลจู่โจมกาลิล (Galil Assault Rifle) อันลือชื่อของกองทัพอิสราเอล ที่แม้แต่แขกอาหรับยังขอยกนิ้วให้ในเรื่องความทนทาน+ความแม่นยำเลย ปืน Galil เป็นการนำสุดยอดปืนไรเฟิลจู่โจม 3 อย่างมารวมกันคือ ระบบปฏิบัติการแบบ Gas-operated, Rotating bolt ได้มาจากปืน M16 ส่วนศูนย์เล็งได้แบบมาจากปืน H&K G3 และโครงปืนและระบบกลไกได้แบบอย่างมาจากปืน AK-47 มีความจุ 25 นัดสำหรับขนาด 7.62x51 mm. NATO และ 35 นัดสำหรับขนาด 5.56x45 mm. NATO อัตราการยิง 650 นัด/นาทีครับ เป็นปืนที่สามารถถอดเปลี่ยนลำกล้องโดยไม่ต้องดัดแปลงโครงปืนเพื่อให้ใช้ กระสุนอีกขนาดได้ครับ Comment : ผมว่าปืนกาลิลนี่คือสุดยอดของปืนไรเฟิลจู่โจมแล้วครับ รองลงมาจากปืนอาก้า ผมว่ากองทัพไทยน่าจะขอซื้อลิขสิทธิ์มาผลิตเองน่าจะคุ้มค่ากว่าปืน HK33 เสียอีก จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:19:24

ความคิดเห็นที่ 37 ขนาดกระสุน: 9x18 มาคารอฟ เครื่อง ป้อนกระสุน: ซองกระสุนขนาด 66 นัด ความเร็วกระสุนที่ปากลำกล้อง: 320 เมตร/วินาที (450 เมตร/วินาที สำหรับดินปืนแบบ PM-M) ศูนย์เล็งแบบ: เปิด ความยาวปืน: 660 มม.กางพานท้าย, 425 มม. พับพานท้าย น้ำหนัก: 2,5 กิโลกรัม (ไม่รวมซองกระสุน) ผลิตในประเทศ: รัสเซีย จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:22:23

ความคิดเห็นที่ 38 ปืนไรเฟิลจู่โจม SAR-21 หรือ Singapore Assault Rifle - 21st Century ผลิตโดยบริษัท Singapore Technologies Kinetics ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเข้าประจำการแทนปืน M16S1 (ปืน M16A1 รุ่นซื้อลิขสิทธิ์ผลิตในสิงคโปร์) ใช้กระสุน 5.56x45 mm. NATO ระบบปฏิบัติการ Gas operated, rotating bolt อัตรายิง 450-650 นัด/นาที ระยะหวังผล 800 เมตร (เมื่อใช้กระสุน Ball SS109) ความจุ 30 นัด จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:24:39

ความคิดเห็นที่ 39 ปืนกล MG3 ซึ่งติดตั้งบนรถเกราะล้อยาง V-150 ครับ ผลิตโดยบริษัท Rheinmetall AG ประเทศเยอรมนี ดัดแปลงมาจากปืนกล MG42 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จากเดิมที่ใช้กระสุน 7.92x57 mm. Mauser มาเป็นกระสุน 7.62x51 mm. NATO ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Recoil operated, roller locked (ระบบขัดกลอนแบบ Roller Locked นี้ถูกนำมาใช้กับปืน HK 33 กับ HK G3 ด้วย แต่เปลี่ยนระบบปฏิบัติการเป็น Blowback แทน) ระยะหวังผล 200-1,200 เมตร อัตรายิง 1,150 นัด/นาที บรรจุกระสุนด้วยสายกระสุน 50 นัดและ 100 นัด จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:25:29

ความคิดเห็นที่ 40 ปืนกลเบา Daewoo K3 ผลิตโดยบริษัท Daewoo ประเทศเกาหลีใต้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปืน FN Minimi หรือ SAW M249 ของกองทัพสหรัฐฯ ใช้กระสุน 5.56x45 mm. NATO ระบบปฏิบัติการ Gas-operated, rotating bolt อัตรายิง 725 นัด/นาที ระยะหวังผล 800 เมตร บรรจุด้วยสายกระสุน 250 นัดและสามารถนำแมกกาซีน STANAG ความจุ 30 นัดของปืน M16 มาใสุ่แทนได้ด้วย (ลอก M249 มาทั้งดุ้นเลยจริงๆ ) จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:27:31

ความคิดเห็นที่ 41 ต่อมาก็ปืนกล RPK ซึ่งเป็นปืนในตระกูล AK ของเฮียมิคาอิล คาลาชนิคอฟ คำว่า RPK ย่อมาจาก Ruchnoi Pulemet Kalashnikova = Kalashnikov Light Machinegun โดยดัดแปลงมาจากปืน AK-47 ใช้กระสุนได้สองขนาดคือ 7.62x39 mm. M43 กับ 5.45x39 mm. 5N7 ของปืน AK-74 (ถ้าใช้กระสุนขนาด 5.45x39 mm. จะเรียกว่าปืนกล RPK-74) ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Gas-operated, rotating bolt อัตราการยิง 600 นัด/นาที ความจุ 40 นัด/แมกกาซีนมาตรฐานและ 75 นัด/Drum จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:33:35

ความคิดเห็นที่ 42 เหนื่อย เดี๋ยวค่อยมาต่อนะครับ ^^ จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:33:59

ความคิดเห็นที่ 43 มารอ ปืนโปรด กระบอกนี้ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:45:38

ความคิดเห็นที่ 44 ดรากุนอฟ ซุ่มยิงระยะไกลแบบ กึ่งอัตโนมัติทำงานด้วยระบบแกส ที่พัฒนาในสหภาพโซเวียต ออกแบบโดยเยฟเกนี ดรากูนอฟ  และเข้าประจำการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1963 โดยพัฒนามาจากปืนไรเฟิลตระกูลเอเค 47 ปืนซุ่มยิงดรากูนอฟมีใช้ในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศสมาชิกจากสนธิสัญญาวอร์ซอ และได้ขายสิทธิบัตรให้มีการผลิตในประเทศจีนและประเทศอิหร่าน จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 16:53:32

ความคิดเห็นที่ 45   M134 นั่นของปลอมน่อเป็น BB ของจริงไม่มีใครถือยิงได้หรอกเพราะปืนแบบนี้แรงรีคอล์ยมหาศาลมิหนำซ้ำใช้ไฟฟ้าอีกต่างหาก(บางแบบใช้แก้ส) แถมน้ำหนักกระสุน 6-10 นัดได้ราว 1 ขีด 5000 นัดมันกี่โล - -* จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 17:06:31

ความคิดเห็นที่ 46 ต่อ ให้หน่อยสิครับ นึกไม่ออกแล้ว รุ่นไหนอีก จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 17:12:31

ความคิดเห็นที่ 47 ผมว่า ทอมสัน, MP5, UMP มันเป็น Submachine gun  นะครับมันไม่ใช่ไรเฟิลจู่โจม โดยนิยามของคำว่า Submachine gun คือว่า It combines the automatic fire of a machine gun with the cartridge of a pistol มีการยิงแบบอัตตโนมัตแล้วใช้กระสุนของ ปืนพก ยังไงก็ช่วยแก้ให้ถูกด้วยนะครับ เดี๋ยวจะจำกันไปผิดๆ แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 53 17:18:41 จากคุณ : Napoleonic เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 17:16:51

ความคิดเห็นที่ 48 ต่อ ให้หน่อยสิครับ นึกไม่ออกแล้ว รุ่นไหนอีก จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 17:19:44

ความคิดเห็นที่ 49   SA-80 จากคุณ : ปลูกถั่ว เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 17:46:24

ความคิดเห็นที่ 50   XM8 ลูกผสมระหว่าง M-16 กับ G36 โหด แรง แหล่มเลย !!! จากคุณ : ปลูกถั่ว เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 17:50:24

ความคิดเห็นที่ 51 ขึ้นหัวกระทู้ว่าปืนเล็กยาวทำไมคับ ปืนกลมือกับปืนกลเบาก็เอามา เดี๋ยวจะสับสนกันไปใหญ่ จากคุณ : knopsod เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 17:51:42

ความคิดเห็นที่ 52   ปืนในตำนานหายไปหลายกระบอก... จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 18:49:30

ความคิดเห็นที่ 53 XM8 โหด แรง อึด ขัดลำกล้องต่ำ พลาสติดเยอะ เบา และ ไม่มีคนใช้เลย สงสาร โคทล์ อ่ะ อุสาสร้างมาแบบ พิถึพิถัน จากคุณ : takpiboon เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 19:34:48

ความคิดเห็นที่ 54 MG36 ไม่ใช่ปืนกลหนักนะครับ มันคือปืนกลเบาเท่านั้น คำว่าปืนกลหนักต้องใช้กระสุนขนาด .50 ขึ้นไปครับ #53 XM8 Colt ไม่ใช่ผู้สร้าง และผู้ออกแบครับ แต่เป็น HK (Heckler & Koch) ของเยอรมันครับ สร้างปืนต้นแบบออกมาให้ อเมริกาเลือกเข้าประจำการ แต่ตกไป แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 53 20:21:17 จากคุณ : sayanjo65 เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 20:21:02

ความคิดเห็นที่ 55 SIG550 ผมไปหนายยย T^T จากคุณ : ดอกไม้ไฟสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:00:35

ความคิดเห็นที่ 56 ขอหนึ่งกระบอก เอาไว้ยิงคนเจ้าชู้ .. จากคุณ : หน้าแง๊ว~* เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:22:50

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบ ขอบคุณทุก คห จร้า เดี๋ยวจะแก้ให้นะครับ ชื่อเต็มของปืนคือ SA80/L85A1 (Small Arms ปี 1980) เป็นไรเฟิลของสหราชอณาจักรซึ่งทำงานด้วยแก๊ส ระบายความร้อนด้วยอากาศ บรรจุ กระสุนขนาด 5.56 x 45 Nato ซึ่งเริ่มใช้งาน(แบบทดสอบ)ตอนปี 1976 และเสร็จสมบูรณ์ตอนปี 1994 เริ่มเป็นอาวุธประจำการของสหราชอณาจักรแทน FN FALตอนปี 1987 และที่จาไมก้าปี 1992 (จนถึงปัจจุบัน) แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 53 16:11:48 จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 16:11:23

ความคิดเห็นที่ 59 เยี่ยมครับ ครั้งหน้ารวมปืนพก ด้วยซิครับ จากคุณ : MaEnjoy เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 16:13:11

ความคิดเห็นที่ 60 #57 ตัวนี้รึป่าวครับ type 97 ปืนประจำกาย ทหารจีนนั้น ได้เปลี่ยนแปลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2552 ที่ผ่านมานี้เองครับ ทางการจีนได้นำเอาปืน QBZ-95 / 97 [Type 95 / 97] assault rifleโดยTYPE 95เปลี่ยนแปลง ขนาดกระสุน เป็น 5.56x45 mm NATO  TYPE 97 ทำให้ทหารราบ สามารถ นำกระสุนติดตัวออกไปได้คราวละมากกว่าด้วย ส่วนทางฝั่งยุโรป และ อเมริกา ต่างใช้ กระสุน ขนาด 5.56 mm NATO มากันอย่างยาวนานแล้ว ปืนชนิดนี้เปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 1995 ผลิตและพัฒนาโดยรัฐบาลจีนทั้งหมด ขีดความสามารถ ของปืน ยิงได้ 650 นัด/นาที (QBZ-95)และ 800 นัด/นาที (QBZ-95B Carbine) ความเร็ว ปากกระบอกของ QBZ-95 อยู่ที่ 3,050 ฟุต/วินาที ระยะหวังผลที่ 400เมตร แมกาซีน บรรจุ 30 นัด และแบบdrum บรรจุ 75 นัด น้ำหนักปืนเปล่าอยู่ที่ 2.9 กิโลกรัม ลำกล้องมาตรฐาน 14.5 นิ้ว มีรุ่น ที่ผลิต เพื่อนจุดประสงค์อื่น เช่น sniper นั้น ลำกล้องจะยาวถึง33.1นิ้ว แต่น้ำหนัก ความเร็ว ปากกระบอก และระยะหวังผลจะแตกต่างกันออกไป ระบบ การยิง จะมี full-automatic , semi-automatic และระบบยิงครั้งละ 3 นัด ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ คือ ปืนรุ่นนี้ สามารถบรรจุ แมกกาซีน ของM16 ได้ด้วย ปัจจุบัน ทางหน่วยความมั่นคงจีน ทั้ง ทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ และตำรวจ ต่างนำปืน รุ่นนี้เข้าประจำการ ทั้งหมดแล้ว สำหรับกองทัพที่ใช้ปืนชนิดนี้อยู่ ได้แก่ กองทัพจีนทั้งหมด หน่วยคอมมานโดกัมพูชา กองทัพอากาศศรีลังกา ทหารปืนใหญ่ศรีลังกา และกองกำลังพิเศษของพม่า จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 16:21:26

ความคิดเห็นที่ 61   FN P90 ก็เป็นปืนกลเบา จากคุณ : ***** เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 16:33:42 A:115.31.161.9 X: TicketID:223134

ความคิดเห็นที่ 62   คราวหน้าขอกระทู้ปืนพก กับลูกซองด้วยนะครับ คุณโลกต้องตะลึง ปืนกลหนักด้วยก็ได้ จากคุณ : ***** เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 16:36:00 A:115.31.161.9 X: TicketID:223134

ความคิดเห็นที่ 63 ยิง:-)เลย..... ชื่อหนังนะครับ จากคุณ : D-FUJIMA เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 17:04:38

ความคิดเห็นที่ 64 ชอบมากเลยครับ AK47 จากคุณ : ak47_gong เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 17:05:39

ความคิดเห็นที่ 65 XM8 ยังเป็นแค่ Prototype อยู่เลยไม่ใช่เหรอครับ อุปกรณ์เสริมที่ใช้กับปืนมันต้องใช้ของมันเองต่างหาก ไม่สามารถใช้อุปกรณ์แบบติดกับรางทั่วไปได้ เลยไม่ได้บรรจุ ดูๆแล้ว ก็เป็นกระทู้รวบรวมปืนมากกว่าที่จะรวมไรเฟิลจู่โจม เพราะมากันทั้ง ปืนกลมือ และปืนกลเบา แถมเก็ตลิงค์มาอีกกระบอก จากคุณ : Don Malarkey เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 53 08:46:12

ความคิดเห็นที่ 66   ผมรู้แต่ อาก้า คือ 4-1 hk คือ 3-1 P90 คือ 3-3 STEYR AUG คือ 4-4 ต้องกดให้เร็ว ไม่งั้น อาจจะตายก่อนได้ จากคุณ : เอก ดอยสะเก็ด เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 53 06:32:19 A:114.128.15.192 X: TicketID:274228

ความคิดเห็นที่ 67 ชอบดรากูนอฟเหมือนกันครับ ชอบตระกูล AK มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก จากคุณ : Pierrot เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 20:00:08

ความคิดเห็นที่ 68 แต่ปืนซุ่มยิงนี่ผมชอบ บาร์เรท นะไอ้คนที่โดนนี่ยังไม่ได้ยินเสียงด้วยซ้ำ หัวกระจายเป็นมะพร้าวโดนลูกซองเบอร์100เลย จากคุณ : wan_p เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 22:04:17

ความคิดเห็นที่ 69 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 22:29:38

ความคิดเห็นที่ 70 kriss super v. กับ AK SOPMOD อ่ะครับ แบบในเกม จากคุณ : nEO_nJOY เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 02:21:37

ความคิดเห็นที่ 71 อยากได้ข้อมูล UZI ครับ จากคุณ : เล่น SF (Glamosic) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 03:17:30

ความคิดเห็นที่ 72 ช่วยสงเคราะห์อธิบายเรื่องระบบปฏิบัติการของปีนอัตโนมัติหน่อยครับ จากคุณ : alan the lamb เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 17:31:41