ความคิดเห็นที่ 10 |
หลายพันล้านปีก่อนดาวเคราะห์ น้อยถูกโลกที่กำลังก่อตัวดึงดูดให้มาชน ความแรงของการชนทำให้ธาตุที่ประกอบอยู่ในเทหวัตถุนั้นแตกตัวออกมาเป็นธาตุ ต่าง ๆ หลายชนิด ส่วนที่เป็นธาตุเหล็กหนักกว่าจะจมลงยังใจกลางโลก นอกจากธาตุแล้วดาวเคราะห์เหล่านี้ยังมีน้ำอยู่ด้วย โดยปกติจะระเหยทันทีที่ชนโลก ไอน้ำที่ระเหยจะลอยขึ้นไปรวมกับก๊าซมีเทน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลายเป็นเมฆ ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันโลก (ปรากฏการณ์นี้บนดาวเคราะห์ดวงอื่นไม่มี) ดาวศุกร์ไม่มีเมฆช่วยเป็นเกราะป้องกันจึงเสื่อมสภาพไปเรื่อย ๆ เนื่องจากพลังงานอันแรงกล้าของดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ที่เคยมีอยู่มากมายลดจำนวนลง ช่วงเวลาการชนจึงห่างออกไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้โลกยังมีมหาสมุทร มีน้ำ ทำให้หินหนืดเย็นลง อุณหภูมิโลกลดลง ขณะที่พื้นผิวโลกเย็นอากาศก็เย็นลงด้วย หมู่เมฆซึ่งลอยอยู่สูง 500 กิโลเมตรก็ค่อย ๆ ลดต่ำลง ณ จุดหนึ่ง อุณหภูมิโลกลดลงเหลือ 300 องศาเซลเซียส (ดาวเคราะห์ดวงอื่นไม่ลด) หมู่เมฆที่อุ้มน้ำไว้เริ่มสลายตัว ฝนตกลงมายังพื้นโลก อุณหภูมิของโลกก็ยิ่งลดลงไปอีก ฝนก็ยิ่งตกลงมาอีก วัฏจักรนี้วนเวียนไปต่อเนื่องจนน้ำท่วมผิวโลก โลกจึงมีมหาสมุทรเกิดขึ้น จากพัฒนาการโลก มหาสมุทรเกิดอย่างฉับพลัน ท้ายสุดหมู่เมฆยังกระจายทั่วไปช่วยกำบังแสงแดดที่ส่องลงถึงผิวโลก และน้ำในมหาสมุทรก็ระเหยขึ้นไปเป็นเมฆอีกต่อไปเป็นวัฏจักร ถ้าปราศจากมหาสมุทรและความเหมาะสม ความเหมาะเจาะ โลกก็คงจะมีสภาพเหมือนดาวศุกร์
จากข้อความข้างบน ตอบคำถามว่าว่าทำไม ถึงมีน้ำ และน้ำ ได้ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตเซลเดียว พวกแบคทีเรีย สาหร่าย ผลิตออกซิเจน นำมาซึ่งพัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
จากคุณ |
:
โลกต้องตะลึง
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ก.ค. 53 22:11:43
|
|
|
|