ความคิดเห็นที่ 1 น่าจะเอามาจากคนเหมือนกันล่ะค่ะ จากคุณ : mint_la เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 00:07:34

ความคิดเห็นที่ 2   ผมนึกว่าเอามาจากที่เดียวกันซะอีก กาชาด อ่ะ จากคุณ : ฟุคุดะ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 00:19:58 A:202.176.94.128 X: TicketID:263200

ความคิดเห็นที่ 3 ซื้อค่ะ แต่ไม่รู้ว่าซื้อยังไง เพราะ เพื่อนเราทำงานในโรงพยาบาล ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงมาก แล้วกรุ๊ปเลือดตรงกับผู้ป่วยที่ต้องการอย่างเร่งด่วนพอดี เพื่อนเราเต็มใจให้ฟรีๆ แต่.. ทางโรงพยาบาล เรียกไปเอาตังค์ 500 เพื่อนเราก็งง พี่เจ้าหน้าที่อีกคนเลยบอกว่า ที่ให้เมื่อกี๊ถือเป็นการซื้อ (จะใจบุญไม่เอาตังค์ก็นางเอกไป เงินมาตรงหน้าแล้ว รับไว้อย่างนุ่มนวล กิ๊วๆ) จากคุณ : Natthanuch1 เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 00:34:38

ความคิดเห็นที่ 4 สงสัยเหมือนกัน ตอนแม่เราเป็นแดร็กคิวล่านอนดูดเลือดที่รพ.  ก็สงสัยเหมือนกันว่าเขาเอาเลือดมาจากไหน  แต่แอบแพงนะ ถุงละ 2400 ได้มั้ง ถ้าจำไม่ผิด  ซื้อมา 500 กำไรเยอะนะเนี่ย จากคุณ : หว่าหวาจัง เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 00:47:37

ความคิดเห็นที่ 5 ซื้อ  ครับ เห็น พ่อ  บอกว่า  สมัยก่อน ลุง เคยเอาเลือดตัวเองไปขายให้โรงบาล บ่อยๆ (แต่ไม่รูว่า สมัยนี้  โรงพยาบาล จะรับซื้อกันอยู่ หรือเปล่า) จากคุณ : สหายกุนเชียง เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 00:50:07

ความคิดเห็นที่ 6 มันมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกค่ะ ค่าถุง ค่าตรวจเช็คเลือด ค่านั่นนี่โน่นนู้น จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 00:52:32

ความคิดเห็นที่ 7 อืมม ขอบคุณสำหรับกระทู้นี้จ๊ะ จากคุณ : ขวัญใจซูโม่ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 01:03:22

ความคิดเห็นที่ 8 คิดเหมือนกันเลยครับ ตลกดีคนมาบริจาคฟรีๆ รพ.ซื้อมาจากกาชาดก็จริง แต่ราคาที่นำมาขายคนไข้แพงขึ้นไม่รู้กี่เท่า จากคุณ : Tamจัง เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 01:10:30

ความคิดเห็นที่ 9 มาจากสภากาชาดที่เดียวกันค่ะ (ตอนพ่อป่วยหมอบอกมา จริงๆมีคนจะให้ย้ายไปโรงพยาบาลเอกชนแต่ตัดสินใจไม่ย้ายกัน เพราะรพ.รัฐใกล้ๆน่าจะขอเลือดได้ง่ายกว่า) ส่วนค่าใช้จ่ายก็เป็นค่าน้ำยา ถุง ค่ารถไปเอา จิปาถะ ตอนที่พ่อเราต้องให้เลือด ต้องเป็นเกล็ดเลือดชนิด single donor ราคาถุงละ 9000 บาทค่ะ (ราคารพ.รัฐนะเนี่ย ไม่อยากจะคิดว่ารพ.เอกชนจะขนาดไหน) จากคุณ : ไอริน เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 01:20:48

ความคิดเห็นที่ 10 #9 เกล็ดเลือดเนี่ยเก็บรักษายากนะครับ (อายุในการเก็บไม่นาน ตู้เก็บไม่เหมือน blood component อื่น) จากคุณ : มอนตะทาโร่ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 02:07:36

ความคิดเห็นที่ 11 อยากได้กิ๊ฟบ้าง จากคุณ : บิ๊ดอิท เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 02:33:49

ความคิดเห็นที่ 12 (ลบความเห็นโดยสมัครใจ) แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 53 10:51:53 จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 04:44:23

ความคิดเห็นที่ 13   รพ. รัฐ  ผู้ป่วยก็ต้องจ่ายค่าเลือดอยู่ดีไม่ใช่หรือ จากคุณ : AIM-9X เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 06:34:31

ความคิดเห็นที่ 14 ีัรับมาจากสภากาชาดไทยครับ แล้วเก็บไว้ในตู้เย็น 4 องศา ถ้าเป็นเลือดแดง เกร็ดเลือดเก็บไว้ที่ 22 องศา พลาสมาเก็บที่ -20 องศา ต้นทุนที่สภากาชาดไทยเก็บ เก็บแค่ค่าวัสดุอุปกรณ์และน้ำยาในการทดสอบเลือดเท่านั้นครับ เพราะ เลือดถุงนึ่งต้นทุนสูง ยิ่งเป็น single donor แล้วผ่าน apheresis หรือทำ leukocyte poor มายิ่งราคาแพงครับ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 06:35:46

ความคิดเห็นที่ 15 ตู้เย็นเก็บเลือดต้องใช้แบบพิเศษลูกละ 100 ล้าน จากคุณ : . (old popeye) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 06:55:06

ความคิดเห็นที่ 16   ทำไมองค์การกุศล ได้รับบริจาคสิ่งต่างๆ ตั้งแต่เครื่องมือ เงินสนับสนุน จนไปถึงเลือด แต่เมื่อโรงพยาบาลนำไปช่วยผู้ป่วยทั้งหลาย กลับโดนค่าใช้จ่ายที่สูง ผมเคยสอบถามเจ้าหน้าที่กาชาด ท่านแจ้งผมว่าเก็บเฉพาะค่าอุปกรณ์เช่นค่าถุงเท่านั้น ส่วนตัวผมมองว่าเราเป็นผู้บริจาคให้การกุศลเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์แบบไม่มีมูลค่า แต่ถ้าโรงพยาบาลต่างๆขอเลือดไปแล้วช่วยค่าถุงบรรจุ ผมก็ไม่อึดอัด แต่เมื่อเห็นตัวเลขที่ผู้ป่วยต้องจ่ายผมเริ่มมีความสงสัยว่า การนำเลือดที่ผู้บริจาคมาทำเป็นธุรกิจ ผลประโยชน์ไปตกอยู่ที่ใคร กาชาดหรือโรงพยาบาล ผมบริจาคมา 55 ครั้งแล้ว ถ้าเป็นการค้าผมคงมองหาที่ใหม่ จากคุณ : สาธุ (สาธุฯ) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 08:36:15

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเป็นคนที่บริจาคเลือดมาตลอด ตอนนี้ก็ 41 ครั้งเเล้ว เท่าที่เคยทราบก็รับมาจากสภากาชาดเหมือนกัน (ศุนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถ.อังรีดูนังต์) ส่วนค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บก็น่าจะมาจาก อุปกรณ์และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ส่วนที่ว่าทำไม รพ.เอกชนไปขายแพงผมยังมองว่าเค้าก็ต้องเอากำไร ตามหลักการของ รพ.เอกชน ถ้ามีการให้เลือดเค้าก็ต้องเก็บเลือด มีการตรวจเพิ่มเติมอีกไหม แต่ถ้าทำเป็นธุรกิจจริงๆ ผมอยากคิดใหม่เหมือนคุณสาธุ (คห.16) บริจาคด้วยใจ แต่เอาไปค้ากำไรเกินควร จากคุณ : @Server ! maN@ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 09:21:17

ความคิดเห็นที่ 18 น่าคิดครับ จากคุณ : หนุ่มบ้านไกล เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 09:30:48

ความคิดเห็นที่ 19 ค้าขายแล้วไม่มีกำไรเลย จะทำไปทำไม? จะเอกชนหรือรัฐบาลหรือองค์กรการกุศล ล้วนต้องกินข้าวด้วยกันทุกคน จากคุณ : Sial เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 09:53:52

ความคิดเห็นที่ 20 ท่านที่บริจาคเลือด ก็บริจาคต่อไปเถิดครับ สภากาชาดไทย มีค่าใช้จ่ายเลือดต่อถุงเกือบพันบาทครับ เพราะต้องผ่านการตรวจคุณภาพ คัดกรองเชื้อโรคอย่างดี โดยถึงกับใช้วิธี PCR ในการตรวจหาเชื้อโรคแทนการตรวจภูมิคุ้มกันตามปกติ เนื่องจากช่วงหนึ่งมีผู้บริจาคเลือดหลายคนมาบริจาค เพราะอยากตรวจว่าตัวเองติดเชื้อหรือเปล่า เช่นไปเที่ยวสถานบริการมา แล้วไม่กล้าไปตรวจที่ รพ. ก็อาศัยการบริจาคเลือดเป็นช่องทาง ก็เลยมีผู้ติดเชื่อจากการให้เลือดเพิ่มขึ้น ก็เลยเป็นสาเหตุที่ต้องคัดกรองด้วยวิธีที่แพงขึ้นไปอีก เพื่อลดโอกาสเสี่ยงไปยังผู้ป่วยครับ ไม่ใช่ว่าถุงหนึ่งจะฟรีนะครับ ส่วนที่นำไปใช้ที่ รพ.เอกชนจะคิดราคาเท่าไร สภากาชาดไม่สามารถกำหนดได้ครับ สภากาชาดส่งให้ รพ.เอกชน โดยคิดราคาใกล้เคียงกับ รพ.รัฐบาล เพราะไม่สามารถ เอากำไรเกินควรได้ แต่ รพ.เอกชนต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการบริหารเลือด เช่น การดูว่าผู้ป่วยเข้ากับเลือดได้หรือไม่ การบริหารเลือด การลดความเสี่ยงจากการบริหารเลือด ฯลฯ ซึ่ง รพ.เอกชน มีสิทธิที่ จะกำหนดราคาเองครับ จากคุณ : vandalism เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 10:24:43

ความคิดเห็นที่ 21 คห.15 เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ? หรือว่ามุก (ผมยิ่งโง่ๆอยู่) จากคุณ : สมบัติดี เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 10:34:52

ความคิดเห็นที่ 22   มาจาก 2 แหล่งครับ 1) ธนาคารโลหิตของสภากาชาดไทย 2) โรงพยาบาลของโรงเรียนแพทย์(รัฐบาล) จากคุณ : หมอชนบท (หมอชนบท) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 10:46:19

ความคิดเห็นที่ 23 มาจากสภากาชาด บางครั้งก็ขอซื้อหากฉุกเฉินมากๆ ราคาที่จ่ายเป็นค่าถุง ค่าตรวจเลือดในถุง ทั้งHIV VDRL HBsAg HBcAb Rh ฯลฯ ร.พ.จะคิดค่ารถไปเอา+ราคาที่รับมาจากสภากาชาด+กำไร? จากคุณ : Megrim เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 11:46:05

ความคิดเห็นที่ 24 งั้นถ้าผมอยากไปเสนอขายเลือดให้ รพ เอกชน เขาจะซื้อไหมอะ เผื่อหาตังใช้ จากคุณ : MysteriousSlave เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 13:13:38

ความคิดเห็นที่ 25   ปรกติผมจะบริจาคเลือด ไนกรณีมีคนไข้ฉุกเฉิน หรือคนไข้ยากจนเท่านั้นครับ พอดีรู้เรื่องสภากาชาติ เลยไม่บริจาค อีกอย่าง ถ้ามีคนป่วยไกล้ตายมาอยู่ตรงหน้า อีก20วันกว่าจะบริจาคเลือดได้ เค้าไม่ตายหรอกหรือครับ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 13:22:00

ความคิดเห็นที่ 26 ลูกชายคนเล็ก เป็นโรคเลือดจากธาลัสซีเมีย ต้องไปให้เลือดที่โรงพยาบาลทุกเดือน ตอนที่เพิ่งรู้ว่าลูกเป็น เคยพาไปหาคุณหมอที่คลินิคโรคเลือดเด็กที่จุฬาฯ ซึ่งเค้าจะป้ายที่ชี้แจงมีค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนของเลือดแต่ละถุง เช่นค่าตรวจเชื้อไวรัส ค่ากรองเม็ดโหิตขาว ค่าตรวจความเข้ากัน ฯลฯ อย่างละเอียดเลยค่ะ ก็หลายตังค์อยู่ แต่เราจำไม่ได้แล้ว เพราะพาลูกไปครั้งเดียวเอง โรงพยาบาลที่พาลูกไปเป็นโรงพยาบาลเอกชน เพราะคุณหมอของเค้าท่านประจำที่นี่ ซึ่งคุณหมอของน้องชี้แจงว่าเลือดที่ทางโรงพยาบาลได้จากทางกาชาดไม่มีการซื้อขายกันแน่นอน แ้ล้วกว่าที่เลือดจะมาให้ลูกเราได้ ก็ต้องผ่านขั้นตอนการคัดกรองมากมาย แน่นอนค่าใช้จ่ายก็ย่อมสูง ดังนั้นในการนัดแต่ละครั้ง คุณหมอจะสั่งให้จองเลือดล่วงหน้าเลย น้องเจาะเลือดตรวจตั้งแต่ 8 โมงเช้า กว่าเลือดจะพร้อมให้ก็เกือบเที่ยงค่ะ สำหรับเราก็คิดว่าสมเหตุสมผล เพราะลูกเรามีปัญหาจึงต้องให้เลือด ก็ไม่อยากให้มีปัญหามากเพิ่มไปอีกหลังให้เลือด ส่วนเลือด single unit เหมือนคุ้นๆว่า คุณหมอเคยโทรมาหาพ่อของน้องตอนกำลังให้เลือดว่าเลือดที่น้องได้วันนั้นเป็นเลือดแบบ single unit ซึ่งมันพิเศษ แต่เราไม่เข้าใจหรอกว่าพิเศษยังไง รู้แต่ว่าโดยปกติมันจะแพง แต่วันนั้นหมอก็สั่งให้ทางการเงินคิดเงินเราแบบปกติไป แค่แจ้งให้ทราบเท่านั้น จากใจของผู้ที่จำเป็นต้องรับเลือดจากผู้บริจาค ก็ขอความเมตตาเถอะนะคะ เลือดที่ลูกเราได้รับก็ได้จากทางกาชาดค่ะ จากคุณ : == พิ้งค์กี้ == เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 17:11:00

ความคิดเห็นที่ 27 สมัยยี่สิบปีก่อน ตอนที่ผมอยู่หอพักวิทยาลัย มีจากรพ.เอกชนมาติดต่อที่หอพักเลยนะครับ ให้ซีซีละบาท เพื่อนผมก็ไปกันหลายคน แต่ผมไม่ไปเพราะกลัวเข็มอ่ะ  55 สมัยนี้คงไม่มีแล้วมั้งครับ จากคุณ : กล่องออมสิน เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 18:19:58

ความคิดเห็นที่ 28 มีที่มาสองทาง ครับ ส่วนที่หนึ่งรพ.รับบริจาค จากญาติ คนไข้ หรือ คนที่มาบริจาคให้กับคนไข้ (แต่เป็นการบจิจาค แบบที่อาจจะต้องมีค่าตอบแทน ที่เค้ามาบริจาคให้ ) ไม่อยากใช้คำว่าซื้อเพราะว่า เค้าห้ามซื้อขาย เลือดและอวัยวะ แต่ว่าเมื่อต้องการใช้ และมันไม่มี ก็จำเป็นต้องขอบริจาค แบบเสนอ ค่าตอบแทนให้เค้า จูงใจให้เข้ามาบริจาคให้ มีใช้ ได้ ) แล้วก็นำมาตรวจสอบ แล็บต่างๆ ทึ่จำเป็นทั้งหมดก่อนนำมาใช้ อีกส่วนหนึ่ง ก็ขอจากกาชาด เหมือนกับพวกรพ.รัฐ แต่ ไม่ใช่ว่าได้มาฟรี คือกาชาด ไม่ได้คิดค่าเลือด แต่คิดค่าถุงให้เลือด ค่าตรวจเอดส์ ตรวจตับอักเสบ และแล็บต่างๆ โดยเฉลี่ย ก็จะคิดอยู่ประมาณ ราวๆ 800-1000 บาท ต่อยูนิต และรพ.ก็มี ค่าใช้ จ่าย ในการวิ่งไปเอาเลือดมา ใช้ หรือ บางทีก็ต้องสต็อคไว้สำรอง ถ้าหมดอายุ(ภายใน 30 วันหลังจากได้รับบริจาค ) ซึ่งบางที พอได้รับมาก็เหลืออายุแค่ ไม่ถึง 10 วันก็หมดอายุก็มี) ดังนั้น เมื่อนำมาใช้กับคนไข้ ก็ยัง คงมีค่าใช้ จ่ายที่ ต้องคิดกับคนไข้ อันนี้ คงตอบข้อสงสัย คนถามได้ ว่า ทำไมเลือดจากกาชาด ที่คนบริจาคฟรี มาใช้กับคนไข้ จึงยังคิดเงินกับคนไข้ ได้นะครับ แล้ว ก็มีค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบการเข้ากันของเลือดคนไข้ กับ เลือดบริจาคนั้น จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 22:28:09

ความคิดเห็นที่ 29 ค่าถุง ค่าเก็บรักษา ค่าตรวจแล็บอะไรต่างๆที่หลายๆท่านชี้แจงถ้าเรียกเก็บเพียงต้นทุน ก็ไม่น่ารังเกียจอะไร แต่ถ้าบวกกำไรเข้าไปในค่าใช้จ่ายต่างๆเหล่านั้นด้วยอันนี้น่าคิดนะครับ ผมอาจจะมองโลกแคบเกินไปก็ได้ แต่ถ้ามีการบวกกำไรเข้าไปในค่าใช้จ่ายต่างๆข้างต้น มันจะต่างอะไรกับการเอาเลือดมาค้ากำไรหาผลประโยชน์เข้าองค์กรตนเองครับ เพราะส่วนกำไรที่คุณได้ไป ถึงแม้คุณจะอ้างว่าเป็นกำไรจากค่าใช้จ่ายต่างๆในการตรวจเก็บรักษาเลือด ไม่ใช่การซื้อขายเลือด แต่ถ้าไม่มีเลือดบริจาคมา กำไรตรงนี้คุณก็จะไม่ได้ พูดง่ายๆก็เหมือนว่า อาศัยบ้านคนอื่นอยู่ ค่าเช่าไม่ต้องเสีย  วันดีคืนดีอยากเอาบ้านไปให้เช่าต่อ ลงทุนปรับปรุงนิดหน่อย แต่เรียกค่าเช่าให้สูงกว่าต้นทุนที่ปรับปรุงไป แค่นี้ก็กำไรเห็นๆ การกระทำในลักษณะดังกล่าว ในเรื่องการค้าถือว่าเป็นธรรมดา แต่เกี่ยวกับการบริจาคเลือด เห็นว่าไม่น่าจะถูกต้อง เพราะเป็นการได้มาแบบเปล่าๆไม่ใช่ซื้อเอามา และเลือดไม่น่าจะถือเป็นทรัพย์สินที่ใครจะอาศัยโอกาสเอาไปหากำไรใส่ตัวได้ ค่ายา ค่าแพทย์ คิดกำไรไม่มีปัญหาหรอก เข้าใจว่าเป็นธุรกิจและคนไข้(ผู้บริโภค)ยินดีจ่าย แต่ค่าใช้จ่ายเรื่องเลือด ผมเห็นว่า ไม่ควรจะบวกกำไรเลย ไม่ว่ามากน้อยเท่าไหร่ก็ตาม น่าจะคิดเฉพาะต้นทุนต่างๆเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อคงไว้ซึ่งเจตนารมณ์ของผู้บริจาคให้มากที่สุด ไม่ว่าเอกชน รัฐบาล และโดยเฉพาะองค์กรการกุศลยิ่งไม่ควรแสวงหากำไร แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 53 05:01:35 จากคุณ : โรงงานช็อคโกแล็ต เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 04:48:12

ความคิดเห็นที่ 30 รพ.เอกชนแถวบ้านผม เมื่อ10กว่าปีก่อนติดป้ายว่ารับซื้อเลือดครับ     คนที่ไปขายเลือดโดยมากเป็นพวกถีบสามล้อรับจ้าง  แต่สมัยนี้เป็นยังไงไม่รู้นะเพราะไม่เข้ารพ.นี้มานานมากแล้ว จากคุณ : นายสีเสียด เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 08:10:09

ความคิดเห็นที่ 31 ตอบคุณ สีเสียด เรื่องการซื้อเลือด หรือ บริจาคเลือด แต่ได้รับค่าตอบแทนนี้ จริงๆแล้ว ถือว่า ค่อนข้างอันตราย เพราะว่า คนที่มาขายหรือ ให้แบบต้องการสิ่งตอบแทนนั้น บางที เป็นคนกลุ่มล่างๆ ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยง ในการนำเชื่อบางอย่าง อย่าง HIV ซึ่งแม้มีการคัดกรองโดยการตรวจ ก่อนนำมาให้ แต่มันก็มี Window Period ที่คนคนนั้นอาจจะเพิ่งรับเชื้อมาใหม่ๆ แต่ยังไม่แสดงออกในการตรวจ (ซึ่งโอกาสน้อย) แต่ก็ยังมีบ้าง ดังนั้นการรับบริจาคเลือด หรือ ซื้อเลือด นี่ ก็ต้องพยายามเลือก คนกลุ่มที่คิดว่า เสี่ยงน้อยสุด หรือ เลี่ยง คนที่ไม่รู้จัก หรือ คิดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงให้มากที่สุดเช่นกัน จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 13:22:40

ความคิดเห็นที่ 32 มาอ่าน จากคุณ : CherryBlossom669 เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 19:06:20