 |
ความคิดเห็นที่ 2 |
|
ลองหาดูเวปต่างๆไปเจอนี่มา..
เมื่อวันที่ 30 มกราคม 1996 Dr.Norman Bergrun นักวิทยาดาราศาสตร์อวกาศของทางองค์การนาซ่าได้จับภาพยานอวกาศขนาดมโหฬารได้ โดยจากกล้องฮับเบิล (Hubble Space Telescope) ขณะกำลังส่องดูความเคลื่อนไหวของดาวเคราะห์น้อยที่โคจรอยู่บริเวณวงแหวนดาวเสาร์ และแล้วก็พบเจอกับสิ่งประหลาดเข้าจึงได้ส่งคำสั่งไปยังดาวเทียมให้ทำการบันทึกภาพบริเวณนั้นไว้ จากรูปถ่ายที่ได้มาจากดาวเทียมสำรวจนั้นปรากฏสิ่งหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายกับยานพาหนะขนาดใหญ่โตติดมาด้วย โดยลักษณะของมันดูคล้ายกับยานอวกาศทรงซิการ์ ที่ดูเหมือนกำลังโคจรอยู่บริเวณรอบวงแหวนดาวเสาร์
ทางนาซ่าเองก็ประหลาดใจมาก เพราะไม่เคยปรากฏว่ามีการพบเจอสิ่งประหลาดหรือ UFOs ขนาดยักษ์แบบนี้ที่บริเวณดาวเสาร์มาก่อน แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่าทางนาซ่าสามารถถ่ายภาพเจ้ายานอวกาศลำนี้ไว้ได้เพียงแค่ 2 ใบแรกเท่านั้น เพราะว่าภาพถ่ายใบต่อๆ มาก็ไม่ปรากฏว่ามีรูปยานอวกาศลำนี้ติดอยู่ในรูปเสียแล้ว จึงสันนิษฐานว่ามันน่าจะเคลื่อนที่ไปจากบริเวณนั้นในช่วงเวลาที่ดาวเทียมกำลังถ่ายภาพ ไม่ใช่แค่นั้นครับ จากตอนต้นที่กล่าวไว้ว่ามันมีขนาดความยาวจากหัวถึงท้ายที่เรียกได้ว่ามโหฬารเลยทีเดียว แต่อยู่ๆ ก็หายไปจากสายตาของกล้องฮับเบิลและดาวเทียมในเวลาไม่ถึงวินาที !!! แสดงว่ายานลำนี้หรือสิ่งนี้ต้องมีความเร็วที่สูงมาก จากการประมาณความเร็วจากนักวิทยาศาสตร์ได้ให้ความเห็นว่ามันจะต้องมีความเร็วในการเคลื่อนที่ที่สูงมาก จนภาพถ่ายมุมกว้างจากกล้องฮับเบิลนั้นยังจับภาพได้เพียง 2 ใบ จากการถ่ายภาพต่อเนื่องกันและบริเวณที่จับภาพไว้ได้นั้นมีเนื้อที่ประมาณเกือบ 30 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางของโลกต่อภาพหนึ่งใบ !!!
จึงคาดว่ายานอวกาศนั้นน่าจะมีการเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็วในทันทีจนไม่ปรากฏในรูปใบต่อมาหรือบริเวณอื่นใดในภาพ หรือที่คาดกันว่ามันอาจจะใช้ความเร็วแสงในการเคลื่อนที่จากไปตรงที่มันอยู่ !! หรือมีอีกกรณีหนึ่งคือมันหายตัวไปหรือมีเครื่องพรางตนเองทำให้ยานล่องหน แต่ที่น่าตกใจไม่ใช่เพียงแค่นั้น ที่สำคัญเมื่อทางนาซ่าลองคำนวณขนาดของมันจากรูปถ่ายทั้ง 2 ใบและเปรียบเทียบขนาดกับวงแหวนของดาวเสาร์กับโลกของเราแล้วพบว่า ขนาดยานอวกาศลำนี้มีความยาวเท่ากับเส้นผ่านศูนย์กลางของโลกเราหรืออาจจะใหญ่กว่าเลยทีเดียว !! โดยพวกข้อมูลและรูปภาพเหล่านี้ภายหลังได้ตีพิมพ์ลงนิตยสาร "Science News vol. 149 No.5 p.71" ในเวลาต่อมาอีกระยะหนึ่ง โดยทาง Dr.Norman และทางนาซ่าเองก็ไม่ได้ความเห็นอะไรมากนัก
อีก 8 เดือนต่อมาเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 1996 ทางนาซ่าก็สามารถจับภาพของยานอวกาศลำนี้ได้อีกครั้ง และที่สำคัญมันโคจรอยู่ที่บริเวณที่ไม่ห่างไปจากเดิมคือแถววงแหวนดาวเสาร์ คราวนี้สามารถจับภาพได้ติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 12 วัน โดยมันแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงตำแหน่งในการเคลื่อนเลย จนกระทั่งถึงวันที่ 22 สิงหาคม มันก็หายไปอีก ก็ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมอะไรไปมากกว่าภาพถ่ายครั้งก่อนของมันและข้อสันนิษฐานต่างๆ ที่เพียงแต่เห็นมันเป็นเวลานานขึ้นเท่านั้นเอง ยานอวกาศลำนี้มาทำอะไรที่บริเวณวงแหวนของดาวเสาร์ ?? แค่ผ่านมา จอดซ่อมยาน เติมเสบียงหรือว่ากำลังปฏิบัติการอะไรซักอย่างหนึ่ง หรือว่ามันเป็นเพียงแค่ดาวเคราะห์น้อยหรือดาวหางธรรมดา ที่รูปร่างบังเอิญคล้ายกับรูปร่างของยานอวกาศเท่านั้น ?
ทาง Dr.Norman ก็ได้ออกมากล่าวว่ามันไม่ใช่ดาวเคราะห์หรืออุกกาบาตแน่นอน เพราะจากรูปทรงเลขาคณิต รวมไปถึงการปรากฏตัวและหายตัวไปแบบฉับพลันทั้งยังตำแหน่งในการโคจรแล้ว มันไม่ได้โคจรแบบสะเปะสะปะเลยหรือลอยอยู่เฉยๆ แบบดาวเคราะห์น้อย แต่มีวิถีโคจรที่ค่อนข้างมั่นคงและค่อนข้างรักษาระยะเดิมระหว่างวงแหวนของดาวเสาร์อยู่ตลอด กล่าวว่ามันน่าจะเป็นยานพาหนะหรือสิ่งประดิษฐ์ชนิดหนึ่งจากสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญา และได้ให้สันนิษฐานว่ายานอวกาศลำนี้อาจจะกำลังทำอะไรสักอย่างแถววงแหวนของดาวเสาร์ที่อาจเกี่ยวกับแรงดึงดูด โดยจากขนาดอันมโหฬารของยานอวกาศยักษ์ลำนี้นั้น
Dr.Norman ยังกล่าวอีกว่า บางทีสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งใดก็ตามที่ประดิษฐ์หรือขับยานลำนี้นั้น ขนาดร่างกายอาจจะไม่เท่ากับมนุษย์อย่างเราก็ได้ แต่อาจจะใหญ่กว่าชนิดหลายสิบหรือบางทีอาจหลายร้อยเท่า ฉะนั้นยานอวกาศที่อยู่ในภาพอาจจะเป็นแค่ยานสำรวจหรือยานโดยสาร ที่มีขนาดธรรมดาสำหรับผู้ขับเหมือนกับยานอวกาศหรือเครื่องบินของโลกเราก็เป็นได้ และทิ้งข้อคิดเห็นเอาไว้ว่าในจักรวาลนี้มนุษย์อาจไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เป็นต้นแบบหรือขนาดมาตรฐาน บางทีอาจจะมีสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่กว่าหรือเล็กกว่าเรามากอาศัยอยู่ก็เป็นได้ และกล่าวเสริมว่าที่ไม่ได้นำมาแถลงต่อสาธารณชนมาก่อน ตอนที่เพิ่งจับภาพนี้มาได้นั้นเพราะว่าเกี่ยวกับความมั่นคงและความปลอดภัยที่ไม่ใช่แค่ระดับชาติ แต่อาจจะเป็นระดับโลก ก็ว่ากันไป
บางข้อมูลก็ว่าเอาไว้ว่าที่ทางนาซ่าไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลต่างๆ หรือแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้และทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้นั้น เพราะว่ามีหน่วยงานราชการลับจากทางรัฐบาลเข้ามาควบคุมดูแลข้อมูลหรือบางสิ่งที่ไม่อาจจะเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ ตั้งแต่ตอนที่ทางนาซ่าเริ่มบุกเบิกอวกาศ และเริ่มมีการพบสิ่งประหลาดหรือเหตุการณ์ประหลาดที่ไม่น่าจะใช่ฝีมือของมนุษย์โลก
จากนั้นทางรัฐบาลก็ได้นำหน่วยงานลับนี้เข้ามาควบคุมนาซ่าอีกทีนึง โดยหน่วยงานนี้มีชื่อเรียกกันภายในว่า "military intelligence agencies , MIA" ที่มีหน้าที่ปกปิดและคอยตรวจตราข้อมูลของนาซ่าจากการสำรวจอวกาศ ภาพ UFOs ภาพถ่ายจากอวกาศและข้อมูลต่างๆ ที่ไม่ปกติก่อนที่จะนำไปเปิดเผยหรือแถลงการณ์ทุกครั้ง โดยนี่ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ว่าทำไมทางนาซ่าถึงไม่ค่อยได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ UFOs ภาพถ่ายเอเลี่ยนหรือสิ่งแปลกจากอวกาศออกไปมากนัก เพราะไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานนี้นั่นเอง
อื้ม จบไปกับ CT อีกครั้ง ตอนนี้เป็นไงบ้าง สั้นๆ อาจจะน้อยไปนิดนึงนะครับ ข้อมูลคราวนี้มีเหตุผลให้ด้วยว่า ทำไมทางนาซ่าถึงไม่ค่อยได้เปิดเผยหรือออกมาพูดอะไรมากนัก เกี่ยวกับงานสำรวจหรือข้อมูลกับภาพถ่ายแปลกๆ ต่างๆ ของนาซ่าเอง และทำไมทางอเมริกาถึงมีหน่วยงานลับเยอะแยะจริงแฮะ ควบคุมโน่นนี่ไปหมด พวก Secret Agents อีกทั้งหลายอีก แต่หน่วยงานที่เค้าว่ามีพลังอำนาจมากที่สุดในอเมริกาทั้งหน้าฉากและหลังฉาก ทุกคนคงจะทราบแล้วนะครับ ก็คือพี่ใหญ่หรือ Big Brother , CIA นั่นเองไม่ว่าจะเป็นยังไง "the truth is out there" ความจริงอยู่ข้างนอกนั่น ละครับ ความจริงยังรอการค้นหาอยู่เสมอ.....
จากคุณ |
:
CD-HEAR
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ก.ค. 53 01:29:14
|
|
|
|
 |