PANTIP.COM : X9473379 มันลดได้จริงๆๆ หรือ [วิทยาศาสตร์]

ความคิดเห็นที่ 3

อันนี้ เราเคยเขียนใส่ไว้ใน FB แต่ไม่มีใครอ่านซักคน T_T เสียใจ

ภาวะโลกร้อน (global warming) คือ สภาวะที่อุณหภูมิพื้นผิวของโลกเกิดการสูงขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ส่งผลให้ตอนนี้ ร้อนตับแตกกันแบบนี้แหละ ซึ่งสาเหตุใหญ่ๆ ก็เกิดขึ้นจาก
1. การทำลายก๊าซโอโซน (Ozone) ซึ่งก๊าซโอโซนเนี่ยแหละ ทำหน้าที่กรองแสง UV ที่มาจากดวงอาทิตย์ และลดปริมาณแสงอาทิตย์ที่จะเข้าสู่โลก จะด้วยการสะท้อน หรือหักเหอะไรก็ตาม
สาเหตุการทำลายล้างโอโซนก็คือ ใช้สารทำความเย็น หรือที่เรียกว่าฟรีออน หรือที่เรียกกันติดปากว่า CFC นั่นแหละ ซึ่งสารนี้เมื่อเกิดการรั่วไหลไปยังบรรยากาศโลก ไม่เพียงแค่ไปทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนเท่านั้นนะ ยังเก็บกักความร้อนได้ดีซะด้วย แถมไม่พอ สลายตัวยากอีกต่างหาก
ผลกระทบที่เห็นกันได้ชัดเจน ตัวเราจะดำง่ายขึ้นเมื่อตากแดด สิ่งที่สาวๆ หวาดกลัวกันนั่นแหละ และ มะเร็งผิวหนัง เพราะแสง UV ที่โอโซนควรจะกรองออกไป มันเข้ามาหมด (ก็โอโซนมันไม่มี แล้วใครจะป้องกัน???) ผลกระทบอื่นๆ ก็คือ ร้อนขึ้น
แต่ปัจจุบันนี้ การใช้สาร CFC ได้ลดน้อยลง เพราะสามารถสังเคราะห์สารทดแทนที่ชื่อว่า HFC ได้ จึงกลายเป็นปัญหารองไป แต่ว่าผลกระทบจากในอดีตที่เคยใช้ CFC มันก็ยังไม่หมดหรอกนะ เพราะ CFC ยังสลายตัวไม่หมด เพราะงั้น เราก็ต้องก้มหน้ารับวิบากกรรมกันต่อไป (ซวยเนอะ)

2. ภาวะเรือนกระจก (Green house effect) เกิดขึ้นจากการที่ก๊าซแปลกปลอม หรือก๊าซผิดอัตราส่วนขึ้นไปอยู่ในชั้นบรรยากาศ ดังที่เราเคยได้ยินกันว่า เลิกปล่อย CO2 กันนั่นแหละ
ดังที่บอกไป สาเหตุก็คือ ก๊าซแปลกปลอม หรือก๊าซปริมาณผิดอัตราส่วน แต่หมายความว่ายังไงน่ะหรอ ก็คือว่า ก๊าซต่างๆ ที่ขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศนั้น ไปทำหน้าที่ดูดกลืนความร้อน ที่มาจากดวงอาทิตย์นั่นเอง นอกจากจะดูดกลืนแล้ว ยังกันไม่ให้ความร้อนออกไปนอกชั้นบรรยากาศอีก ประมาณว่า เข้าได้ ห้ามออกนั่นแหละ ก๊าซที่มีผลกระทบก็เช่นว่า คาร์บอนไดออกไซด์(CO2) ก๊าซมีเทน(CH4) ไอน้ำ(H2O) CFC เป็นต้น
บางคนเห็นไอน้ำ กับคาร์บอนไดออกไซด์คงจะเกิดคำถาม เอ้ะ ไอน้ำ กับก๊าซCO2 เนี่ย ปกติเป็นก๊าซปกติไม่ใช่หรือ แล้วทำไมจึงมีผลกระทบได้ คำตอบคือ กีาซมันผิดอัตราส่วน ถ้าในสภาวะปกติ น้ำ กับ CO2 นั้น มีอยู่ในบรรยากาศน้อย เลยไม่มีผลกระทบ แต่นี่ มันเยอะผิดปกตินั่นแหละ ก็เลยมีผลกระทบแบบนี้
ปัจจุบัน ได้มีการรณรงค์เรื่องการปล่อยก๊าซ CO2 สู่บรรยากาศให้น้อยลง เช่นออกกฏหมายการปล่อยก๊าซ การทำสนธิสัญญา ต่างๆ

3. การตัดไม้ทำลายป่า ทั้งการถางเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย หรือจะตัดไปเพื่อตัดถนน (เอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวซะแระ :P) หรือตัดเพราะอยากตัด ก็เป็นสาเหตุทั้งนั้น
ผลกระทบของการตัดไม้ทำลายป่า ก็มีทั้งแบบเห็นได้ชัด ก็คือ ฝนไม่ตกตามฤดูกาล น้ำป่าไหลหลาก ยารักษาโรคน้อยลง (สมุนไพรสูญพันธุ์) สัตว์ป่าสูญพันธุ์ แบบเห็นไม่ชัดคือ ต้นไม้สามารถแปรสภาพ CO2 เป็น O2 ได้ และก็หอย ปะการัง แปลงเป็นหินปูน ถ้าต้นไม้ กับสัตว์ทะเลมีน้อยลง แล้ว CO2 จะไปไหนได้หละ ถึงแม้ว่าบางครั้ง CO2 ก็แปรสภาพเป็นหินปูน หรือฟอสซิลหรือน้ำมันได้บ้าง จากการละลายน้ำ หรือปฏิกิริยาเคมีอะไรก็ตามแต่ แต่มันน้อยมากๆ เลยนะ

4. สภาวะของภายในโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น แม่เหล็กโลกเปลี่ยน แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด เป็นต้น
ผลกระทบของสภาวะต่างๆ เหล่านี้ ก็เกิดการเสียสมดุลบนโลกชั่วขณะนึง เช่นว่า เวลาเร็วขึ้น ช้าลง น้ำท่วม(สึนามิ) ตึกถล่ม เกิดเขม่าควัน เป็นต้น
สาเหตุนี้ เป็นสาเหตุเดียวที่พวกเราแก้ไขกันไม่ได้ ปล่อยให้มันเป็นไปตามวงจรของโลกเถอะ (อาเมน)

จากคุณ : Meyo Rabbit

เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 05:30:21

ความคิดเห็นที่ 4

ผลกระทบของภาวะโลกร้อนเนี่ย เกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนจะกลายเป็นสัญญาณแตรจากพระเจ้าในศาสนาคริสต์ ว่าเป็นอุบัติภัยของโลกที่จะสลายไปในปี 2012 หรือการทำนายปฏิทินจากชาวมายัน หรือการทำนายจากนอสตราดามุส และการทำนายอื่นๆ จะว่าไปมันก็น่าเชื่ออยู่หรอก แต่ขอให้เชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้างก็แล้วกันนะ ^^

ผลกระทบภาวะโลกร้อนมีมากมาย บ้างก็กลายเป็นวัฏจักรวงจรของผลกระทบนี้ จนกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนต่อเนื่องอีกหละ (อ้าว แล้วกัน)
1. อย่างแรกเลย โลกมันร้อน(จริงๆ นะ) ทุก 10 ปี โลกจะร้อนขึ้นราวๆ 2-3 องศาเซลเซียส อาจจะดูน้อยนะ แต่ใครลองไปอาบน้ำอุ่นโดยใช้เครื่องทำน้ำอุ่นดีๆ ที่อุณหภูมิต่างกันซัก 5 องศา แล้วจะรู็ว่า มันต่างกันเยอะ

2. น้ำแข็งขั้วโลกละลาย จนตอนนี้มีคำทำนายว่าอีก 20 ปี น้ำแข็งขั้วโลกจะไม่มีอีกเลยในช่วงฤดูร้อน แต่เดียวก่อนนะ มันไม่ใช่แค่น้ำแข็งขั้วโลกเท่านั้น ภูเขาสูงๆ ที่มีหิมะปกคลุม หรือธารน้ำแข็ง ก็ละลายไปด้วย ไม่เชื่อก็ลองดูเลย รูปภูเขาน้ำแข็ง เมื่อ 50 ปีก่อนกับตอนนี้ มันต่างกันแค่ไหน (ภูเขาสวยๆ หมดกัน แงๆ)
เมื่อน้ำแข็งละลายหมดในช่วงฤดูร้อน ก็จะเกิดเหตุการณ์ น้ำทั่วโลกสูงขึ้น จะกีเมตร กี่เซนไม่รู้หละ แต่อย่างน้อยๆ ต้องมีแผ่นดินบางส่วนจมน้ำแน่ๆ นอกจากนั้น จะเกิดภาวะน้ำจืดขาดแคลน ทำไมน่ะหรอ ก็น้ำแข็งน่ะ มันเป็นน้ำจืด ซึ่งธารน้ำแข็งจะเป็นตัวสร้างน้ำจืดให้กับผู้คนที่อยู่เชิงเขา แต่เมื่อน้ำแข็งละลาย แล้วน้ำจืดมันลงทะเลหมด แล้วจะหาน้ำจืดจากไหนกันหละ
ต่อมา ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยของ น้องหมีขาว กับ น้องเพนกวิน ถามหน่อย แล้วเจ้าพวกนี้จะอยู่กันที่ไหน!!! ก็เจ้าพวกนี้มันอาศัยบนน้ำแข็ง แล้วถ้าไม่มีน้ำแข็ง มันจะนอนกันที่ไหน
ผลกระทบนี้ ไม่เพียงแต่เกิดภาวะน้ำท่วม ขาดที่อยู่ ขาดน้ำ เท่านั้นนะ มันยังกลับกลายเป็นวัฏจักรช่วยทำให้โลกร้อนขึ้นด้วย หิมะที่ปกคลุมภูเขาน้ำแข็งนั้น เป็นตัวสะท้อนแสงชั้นดี แต่เมื่อมันละลายไป ตัวสะท้อนแสงก็หมด แถมยังพื้นที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง มันไม่ใช่ต้นไม้นะ เป็นหินแข็งสีมืดๆ ที่ใครๆ ก็รู้กันดีว่า ดูดกลืนความร้อนอย่างดีเลย คราวนี้เป็นไงหละ น้ำแข็งเจอของร้อน มันก็ละลายน่ะสิ และเพราะไม่มีตัวสะท้อนแสงออกนอกโลก มันก็เลยกลายเป็นหนึ่งในสาเหตุ ที่เกิดจากผลกระทบนั่นเอง

3. ช่วงนี้หลายๆ คนคงเคยได้ยินปะการังฟอกขาวกันนะ ปะการังฟอกขาวเกิดจากสภาวะที่อุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น 2-3 องศาเซลเซียสขึ้นไปภายในระยะเวลาอันสั้น ทำให้สาหร่าย หรือแบคทีเรียที่อยู่ในปะการัง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ ปะการังมีสีสันได้ตายลง พวกสาหร่ายเหล่านั้น เป็นตัวสร้างอาหารให้กับปะการังนั่นเอง และเมื่อมันตายลง ปะการังเหล่านี้ ก็จะเปลี่ยนสีเป็นสีขาว และไม่มีอาหารเลี้ยงตัวเอง สุดท้ายจะค่อยๆ ตายลง ซึ่งปะการังฟอกขาวเหล่านี้ สามารถกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ ถ้าอุณหภูมิน้ำกลับเข้าสูสภาวะปกติ ก่อนที่มันจะขาดอาหารตายซะก่อนนะ
ถ้าปะการังตาย หลายๆคนคงทราบดีว่า บ้านของเหล่าปลานานาพันธุ์จะหายไป และจะมีปลาที่อยู่ไม่ได้ จะตายลง หรือบางทีทำให้เกิดการสูญพันธุ์ก็มี
ปัจจุบันนี้ ไม่เพียงแต่ปะการังฟอกขาวเท่านั้น หอยมือเสือ ที่มีองค์ประกอบบางส่วนคล้ายกับปะการัง ก็ฟอกขาวเหมือนกัน บางที อาจจะทำให้หอยมือเสือตายได้เลยแหละ
ผลกระทบปะการังฟอกขาวนั้น เหมือนจะดี จะได้ช่วยสะท้อนแสงให้ แต่ไม่ใช่เลย กลับทำให้น้ำทะเลอุ่นขึ้น เพราะว่า ปะการังสะท้อนแสง แต่น้ำทะเลก็สะท้อนกลับเช่นกัน

4. น้ำระเหยมากขึ้น เหมือนจะดีเนอะ ฝนจะได้ตกเยอะๆ แต่โทษที อากาศร้อนมาก น้ำระเหยมาก แต่โอกาสกลายเป็นฝนน้อยลง เพราะความร้อนทำให้น้ำไม่กลายเป็นฝนนั่นแหละ
และเพราะน้ำที่ระเหยมากขึ้น ก็เลยทำหน้าที่เก็บกักความร้อน และเมื่อร้อนได้ที่ น้ำก็ระเหยอีก เป็นอีกหนึ่งวัฏจักรลูกโซ่ ที่ทำให้โลกร้อนมากขึ้นนั่นแหละ

5. ฤดูกาลผิดเพี้ยน อย่างที่เห็นกันในรอบ 2-3 ปีมานี้ ฤดูร้อน น้ำท่วม หิมะตก ฤดูฝน ฝนไม่ตก ร้อนตับแตก ฤดูหนาว ร้อนไฟแลบ

6. สัตว์สูญพันธุ์ ก็เพราะฤดูกาลผิดเพี้ยน ทำให้พืชพันธุ์ไม่ออกผล ส่งผลให้สัตว์ไม่มีอาหาร จึงอดตาย สัตว์บางชนิด ไม่ชอบสภาวะที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงง่าย จึงอยู่ไม่ได้ และทำให้สูญพันธุ์ได้เช่นกัน

7. เกิดโรคระบาด เมื่อโลกร้อนขึ้น เชื้อโรคก็มีการปรับตัวให้ทนแดดทนฝนมากขึ้น จนเป็นการกลายพันธุ์ เกิดสายพันธุ์ใหม่ๆ ของเชื้อโรคขึ้นมา

ยังมีผลกระทบอีกมากกกกกกก ที่ไม่ได้เขียนไว้ ซึ่งผลกระทบทั้งหมดทั้งปวงนี้ เราคงไม่สามารถแก้ไขกันได้หมด ได้แค่ช่วยบรรเทา อันได้แก่

1. ลดปริมาณการปล่อยก๊าซ CO2 เช่นหยุดหายใจ เผางานให้น้อยลง เอ้ยย ล้อเล่น เอาใหม่ๆ เช่น ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง ขับรถ เปิดแอร์ให้น้อยลง ปิดไฟเมื่อไม่ใช่ อะไรทำนองนี้แหละ
2. ไม่ใช้สาร CFC
3. ปลูกต้นไม้ ^^
4. Etc

สรุปก็เป็นว่า ถ้ายังอยากให้เราร้อนตับแตกกันแค่นี้ก็พอแล้ว ก็ต้องช่วยๆ กัน ไม่ให้ร้อนกันไปมากกว่านี้นั่นแหละ

จากคุณ : Meyo Rabbit

เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 05:33:20