 |
ความคิดเห็นที่ 174 |
ข้อความข้างล่างนี้เอามาจากเว็บ http://www.powermindcamp.com/ ทั้งหมด ซึ่งผมมีข้อสังเกตดังนี้ครับ
จากการวิจัยงานด้านวิทยาศาสตร์การพัฒนาศักยภาพของสมองพบว่าภายหลังการกระตุ้นสมองส่วนกลาง - วิจัยของมหาวิทยาลัยไหน เมื่อไร ใครเป็นผู้วิจัย ?
ผู้ทดสอบสามารถมองเห็นเมื่อถูกปิดตาเอาไว้ - จริงหรือไม่ ? แอบมองลอดตรงจมูกหรือเปล่า ? มีการส่งสัญญาณบอกกันหรือเปล่า ? ผ้ามองทะลุได้หรือเปล่า ?
สมองส่วนกลางเปรียบเสมือนหัวหน้าใหญ่ของสมองทั้งสองซีก เฉพาะผู้ที่มีสมองส่วนกลางที่ดีเลิศเท่านั้นจึงจะสามารถควบคุมสมองทั้งสองซีกได้ - จริงหรือไม่ ? จากตำราไหน
ภายหลังการกระตุ้นสมองส่วนกลาง คนๆ นั้นจะสามารถเห็นได้ด้วยการสัมผัส ซึ่งสิ่งนี้เรียกว่า “ทรรศนะสัมผัส” บางคนอาจเห็นโดยการใช้หูฟังหรือโดยการดมกลิ่น หรือแม้แต่การเห็นในขณะที่ถูกปิดหูปิดตาพร้อมๆ กัน มีนักเรียนหลายคนที่สามารถ “เห็น” ในความมืด พวกเขาสามารถเขียน อ่าน และระบายสีแม้จะอยู่ในที่มืด - จริงหรือไม่ ? ต้องพิสูจน์
สมองส่วนกลางจะอยู่ในหมวดหยุดทำงาน(Sleeping mode) ก่อนที่จะมีการกระตุ้นสมองส่วนกลาง ความเศร้า และความกดดัน ล้วนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สมองส่วนกลางหยุดทำงาน - จริงหรือไม่ ? จากตำราไหน
ตัวอ่อนในครรภ์สามารถ “เห็น” โลกภายนอกครรภ์ก่อนที่จะคลอดออกมาเสียอีก - จริงหรือไม่ ?
คลื่นสมองแผ่ออกมาจากสมองส่วนกลาง ภายหลังการกระตุ้น การทดสอบการทำงานของสมองส่วนกลางในขณะที่ผู้ทดสอบ ถูกปิดตา ผลก็คือพวกเขาสามารถ “เห็น” ได้ด้วยคลื่นสมอง แต่บางคนก็ไม่สามารถจะ “เห็น” ได้เพราะว่าคลื่นสมองไม่แรงพอ อย่างไรก็ดีพวกเขาก็ยังสามารถแยกแยะสี และคำต่างๆ ได้ด้วยการสัมผัส ภายหลังการฝึกฝนพวกเขาก็จะสามารถ “เห็น” โดยใช้คลื่นสมองได้ - จริงหรือไม่ ต้องพิสูจน์
เมื่อสมองส่วนกลางได้รับการกระตุ้นแล้ว เด็กๆ จะสามารถอ่าน เขียน วาดภาพ ในขณะที่ถูกปิดตาสมองมีสมรรถนะในการ “เห็น” เมื่อไหร่ก็ตามที่ตาสามารถมองเห็น คลื่นสมองไม่เหมือนกับรังสีเอ๊กซเรย์ (X-rays) ที่สามารถทะลุผ่านเสื้อผ้า และกำแพงได้ - ทำไมผ่านผ้าปิดตาได้แต่ทำไมผ่านเสื้อผ้าไม่ได้ ?
ด้วยวิธีการฝึกฝนสมองในส่วนกลางให้ทำงานเหมือน “สะพาน” ที่เชื่อมให้สมองทั้งซีกซ้าย และซีกขวาทำงานร่วมกัน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการเรียนรู้ของสมอง เด็กนักเรียนจะซึมซับข้อมูลได้มากขึ้น และเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น เมื่อสมองส่วนกลางได้รับการกระตุ้น นักเรียนก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากสมองทั้งซีกซ้าย และซีกขวาได้อย่างมีคุณภาพ - จริงหรือไม่ เอาข้อมูลดังกล่าวมาจากไหน คิดเอง นั่งเทียน งานวิจัย ?
ถาม : อะไรคือการปิดตาอ่าน? ตอบ : การปิดตาอ่านคือการ อ่านโดยใช้คลื่นสมองที่ปล่อยออกมาจากสมองส่วนกลาง ถามต่อ : คลื่นสมองที่ปล่อยออกมจากสมองส่วนกลางคือคลื่นประเภทไหน ทราบได้อย่างไรว่าออกมาจากสมองส่วนกลาง มีการวัดค่าอย่างไร
ถาม : ทำไมต้องปิดตาในเมื่อเราก็มีตาให้มอง? ตอบ : จุดประสงค์หลักของ เราไม่ได้อยู่ที่การปิดตา... มันเป็นแค่การเพิ่มศักยภาพให้สมองส่วนกลางซึ่งถูกกระตุ้น ถามต่อ : จะเพิ่มประสิทธิภาพในสิ่งที่ตัวเองทำได้แล้วเพื่อจุดประสงค์อะไร
ถาม : ฉันคิดว่านักเรียนสามารถขี้โกงโดยการแอบมองผ่านหัวตาข้างจมูกได้ใช่ไหม? ตอบ : จุดประสงค์ของการใช้ผ้าปิดตาก็เพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนใช้สายตามอง นักเรียนต้องปิดตาเมื่อต้องเข้าสู่ระบบสมองส่วนกลาง ถามต่อ : แล้วนักเรียนแอบมองผ่านช่องข้าง ๆ จมูกได้จริง ๆ หรือเปล่าล่ะครับ ตอบให้ตรงคำถามหน่อยสิ
ถาม : คนสามารถมองเห็นทะลุเสื้อผ้า และเห็นทุกคนเปลือยเปล่าโดยใช้คลื่นสมองที่ปล่อยออกมาจากสมองส่วนกลางได้ หรือไม่? ตอบ : ไม่ได้, ไม่ได้, ไม่ได้ คนไม่สามารถมองทะลุเสื้อผ้าได้ ซึ่งอันที่จริงแล้วคลื่นสมองไม่เหมือนกับรังสีเอ๊กซเรย์ที่สามารถทะลุผ่าน เสื้อผ้าได้ หากแต่อะไรที่ตามองเห็นสมองก็จะเห็นด้วยเช่นกัน แต่หากอะไรที่ตาไม่สามารถมองเห็นได้สมองก็ไม่สามารถเห็นได้เช่นกัน ถามต่อ : ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงมองทะลุผ้าปิดตาหรือมองในที่มืดได้ล่ะครับ
ถาม : แล้วผีล่ะ มองเห็นไหม? ตอบ : คลื่นสมองเปรียบ เหมือนคลื่นเรดาห์ค้นหา มันจะเด้งกลับเมื่อกระทบกับบางสิ่ง ผีคือวิญญาณที่ปราศจากสะสาร คลื่นสมองไม่สามารถตรวจจับวิญญาณได้ ฉะนั้นผู้ที่ได้รับการกระตุ้นสมองส่วนกลางจึงไม่สามารถเห็นผีได้ ถามต่อ : ระยะของคลื่นสมองมีระยะไกลเท่าไรครับ แล้วจะมีการถูกรบกวนสัญญาณได้หรือเปล่าครับ
ถาม : การปิดตาอ่านหรือการกระตุ้นคลื่นสมองส่วนกลางเป็นวิทยาศาสตร์หรือไม่? ตอบ : ใช่ มันเป็นวิทยาศาสตร์ และได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้ว นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจจับคลื่นสมอง ตัวอย่างเช่น มีคลื่นทั้งหมด 4 ประเภทที่มีชื่อเรียกว่า คลื่นอัลฟ่า(alpha) คลื่นเบต้า(beta) คลื่นเดลต้า(delta) คลื่นเทดธ่า(thetha) ถามต่อ : พิสูจน์จากแพทย์ท่านใด มหาวิทยาลัยไหนครับ ผมจะได้ไปสอบถามจากท่านอีกทีหนึ่ง ว่าท่านรับรองเรื่องปิดตาอ่านหรือรับรองเรื่องคลื่นสมอง
ถาม : สมองส่วนกลางอยู่ตรงไหน ทำหน้าที่อะไร และมีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่าอย่างไร? ตอบ : สมองส่วนกลางอยู่ที่ปลายสุดของก้านสมอง ที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสมอง ทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของก้านสมอง และเป็นจุดศูนย์กลางของรีเฟลกซ์(สะท้อน)เกี่ยวกับการมองเห็น(visual reflex) และรีเฟลกซ์(สะท้อน)เกี่ยวกับการได้ยิน(auditory reflex) สมองส่วนกลางมีชื่อทางการแพทย์ว่า “เมสเอนเซฟฟาลอน”(mesencephalon) ถามต่อ : จริงหรือครับ ?
ถาม : จะมีผลกระทบใดๆ เกิดขึ้นภายหลังการกระตุ้นสมองส่วนกลางหรือไม่? ตอบ : ไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น ภายหลังการกระตุ้นสมองส่วนกลาง ศักยภาพของสมองจะได้รับการฟื้นฟู มีแต่เพียงผลดีเกิดขึ้น ไม่มีผลกระทบใดๆ อย่างแน่นอน ถามต่อ : ฟื้นฟูตรงส่วนไหนอย่างไ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ไหมว่าฟื้นฟูจริง ๆ หรือคุณคิดเอาเอง
ถาม : คุณรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่มีผลกระทบเกิดขึ้น? ตอบ : ประเทศญี่ปุ่นมีการ ฝึกการกระตุ้นสมองส่วนกลางมานานกว่า 40 ปีแล้ว มีผู้ใหญ่จำนวนมากที่สมองส่วนกลางยังคงเปิดอยู่แม้อายุจะ 40 ปีแล้วก็ตาม ถามต่อ : แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีผลกระทบล่ะครับ มีผลการวิจัยหรือทดลองรองรับหรือเปล่า หรือฟังเขามาแล้วคิดเอาเอง ?
ถาม : ทำไมผู้ปกครองถึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องเรียน? ตอบ : ประการแรกเด็กอาจ เสียสมาธิเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ปกครอง ประการที่สองคือสถาบัน PMC ต้องปกป้องลิขสิทธิ์ ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของสถาบันฯ ถามต่อ : อ้าว อย่างนี้คุณจะแอบทำอะไรกับลูกผม ผมก็ไม่ทราบสิครับว่าคุณไม่ได้วางยาหรือสะกดจิตลูกผมจริง ๆ
ถาม : บอกได้ไหมว่าคุณกระตุ้นสมองส่วนกลางอย่างไร? ตอบ : สถาบัน PMC มีระบบการสอนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โดยระบบทั้งหมดประกอบด้วยเกม ดนตรี และเสียงเพลง ซึ่งได้ผ่านการทดสอบการสอนมาเป็นเวลานานแล้ว ระบบของเราไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาหรือลัทธิความเชื่อใดๆ ไม่มีไสยศาสตร์แต่เป็นเรื่องของหลักธรรมชาติ และเป็นธรรมชาติล้วนๆ ไม่มีการใช้ยาตลอดทั้งระบบการสอน มีแต่กิจกรรมที่ชวนสนุก และสร้างความสุขขึ้นในชั้นเรียน ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าทำไมพวกเด็กๆ ที่เรียนจบไปแล้วยังชอบที่จะกลับมาร่วมกิจกรรมในชั้นเรียนกับเราอีกเสมอ ถามต่อ : แล้วถ้าคุณไม่ให้ผมเข้าดูแล้วผมจะเชื่อได้อย่างไรว่าคุณพูดจริงล่ะครับ ?
ถาม : นี่เป็นเรื่อง “ดวงตาที่ 3” ที่มีการกล่าวขวัญถึงในอินเตอร์เน็ตหรือไม่? ตอบ : ไม่ใช่ การรับรู้สิ่งต่างๆ โดยการใช้สมองนั้นแตกต่างจากการใช้ตาที่สามหรือตรีจักษุ ความจริงแล้วภายหลังการกระตุ้นสมองส่วนกลาง นักเรียนสามารถมีสิ่งที่เรียกว่า “ทรรศนะสัมผัส” ซึ่งหมายถึงการที่เด็กสามารถอ่านได้ด้วยการมือหรือเท้าสัมผัส แต่ถ้าเด็กคนไหนมี “การได้ยินที่ดีเลิศ” เขาก็จะสามารถบอกสีหรือตัวเลขจากไพ่ได้โดยการวางไพ่ชิดกับหูของเขา แต่หากเด็กคนไหนมี “การดมกลิ่นที่ดีเลิศ” เขาก็จะสามารถรับรู้ตัวเลข และสีต่างๆได้โดยการดมกลิ่น เราก็ไม่สามารถจะอธิบายได้อย่างชัดเจนเพราะสมองของพวกเรายังอยู่ในภาวะการ นอนหลับ และเราก็ยังไม่มีประสบการณ์ในสิ่งที่เราจะไปถึง ถามต่อ : ไม่ทราบว่าจะอธิบายถึงหลักการ "ดมกลิ่นทราบเลข" หรือใช้ "หูฟังทราบเลข" ได้ไหมครับว่าเกี่ยวกับคลื่นสมองอย่างไร ?
ถาม : ฉันเคยเห็นนักเรียนบางคนสามารถเห็นไพ่ได้จากด้านหลัง จะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไร? ตอบ : ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ เช่นนั้น จริงๆ แล้วเขาไม่อาจเห็นได้ เป็นแค่ความรู้สึกนึกคิดหรืออย่างหนึ่งอย่างใด แค่พวกเขารู้จักสี และตัวเลขต่างๆ เท่านั้นก็อาจตอบได้ แต่บางครั้งอาจต้องใช้ “ทรรศนะสัมผัส” เพื่อให้หยั่งรู้ในอีกด้านหนึ่งของไพ่ ถามต่อ : ไหนคุณบอกข้างบนว่าถ้าตาไม่เห็นสมองก็ไม่เห็นไงครับ ทำไมคราวนี้เห็นได้ล่ะ ?
ถาม : หมายความว่าเขาจะกลายเป็นนักการพนันที่เก่งใช่ไหม? ตอบ : ไม่ใช่, ไม่ใช่, ไม่ใช่ จริงๆ แล้วเราต้องแก้ปัญหาการเล่นพนันเสียก่อน หากคนนั้นไม่รู้ว่าอีกด้านของไพ่เป็นเลขอะไร ฉะนั้นเขาก็จะต้องเดาสุ่ม และจะต้องขึ้นอยู่กับดวงดีด้วยถึงจะชนะได้ อย่างไรก็ตามหากคนนั้นรู้ว่าเลขอะไรอยู่บนไพ่ มันก็จะไม่ใช่การพนัน จึงไม่มีความเสี่ยงในเรื่องนี้อีกต่อไป ถามต่อ : คุณหมายความว่าต่อไปเวลาเล่นไพ่ลูกผมจะไม่มีความเสี่ยงในการเสียพนัน เพราะลูกผมรู้ว่าเลขอะไรอยู่บนไพ่หรือครับ ?
ถาม : หลังจากการกระตุ้นสมองส่วนกลางแล้ว นักเรียนสามารถเห็นได้ในความมืด เป็นความจริงหรือ? ตอบ : ใช่ มันเป็นไปได้ที่จะอ่านหนังสือพิมพ์ในที่มืด สัตว์ส่วนใหญ่สามารถมองเห็นในความมืด ปลาสามารถเห็นในความมืด พวกมันสามารถเห็นด้วยการใช้คลื่นสมอง เพราะว่าสมองส่วนกลางของพวกสัตว์นั้นใช้งานได้ ถามต่อ : จริงหรือครับ ? แต่ผมเคยเรียนมาว่าที่สัตว์หลายชนิดมองเห็นในที่มืดเพราะมันมีตาที่สามารถรับแสงได้ดีและมีเซลล์รูปแท่งมากกว่ามนุษย์นะครับ ไม่ได้เกี่ยวกับคลื่นสมองตรงไหน
ถาม : ทำไมผลการเรียนของลูกฉันจึงไม่ดีขึ้นหลังจากที่ฝึกการปิดตาอ่านแล้ว? ตอบ : ตามที่นักวิจัยชาวญี่ปุ่นพบว่าการจดจำจะเพิ่มขึ้นหนึ่งล้านเท่าหลังจากการ กระตุ้นสมองส่วนกลางนั้น ตามหลักวิชาการแล้วคนควรมีพัฒนาการที่เพิ่มขึ้นในการเรียนรู้เพราะว่าความจำเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามหากคนผู้นั้นไม่มีความสนใจต่อการเรียนรู้ก็เป็นเรื่องยากที่จะ มีพัฒนาที่ดี เพราะเขามักจะใช้ความจำต่อเรื่องอื่นๆ ตามความสนใจของเขาเอง ผู้ปกครองควรค้นหารากเหง้าของเหตุผลของการไม่มีพัฒนาการด้านการเรียนที่ดี ขึ้นของเด็ก ถามต่อ : นักวิจัยชาวญี่ปุ่นคนไหนครับ ? ใช่ ดร.โนบิ โนบิตะหรือเปล่า หรือ ดร.เค หรือ หมอแบล็คแจ็ค ? ล้านเท่าเลยเหรอครับ ? แปลว่าต่อไปลูกผมไม่ต้องเม็มเบอร์โทรศัพท์เพราะจะจำเลขได้ล้านตัวแบบสบาย ๆใช่ไหมครับ ?
ถาม : คุณใช้วิธีสะกดจิตเด็กใช่ไหม? ตอบ : ไม่ใช่, ไม่ใช่, ไม่ใช่ สถาบัน PMC ไม่เคยใช้วิธีสะกดจิตเด็กๆ ระหว่างการกระตุ้นสมองส่วนกลาง เราใช้กิจกรรมการร้องเพลง และเล่นเกมต่างๆ ร่วมกันในห้องเรียน นักเรียนล้วนแต่หัวเราะ และสนุกกับการเล่นด้วยพละกำลังของพวกเขาเอง เสียงเล่นยิ่งดังยิ่งดีต่อการฝึกเพราะนั่นคือนักเรียนเรียนอย่างมีความสุข ถามต่อ : แล้วผมจะทราบได้อย่างไรว่าการร้องเพลงและเล่นเกมต่าง ๆ ไม่ใช่การสะกดจิตล่ะครับ ?
จากคุณ |
:
Windforce
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ก.ค. 53 14:47:51
|
|
|
|
 |