ความคิดเห็นที่ 1   เหล็กแบบนี้อ่ะครับ จากคุณ : JeZeus เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 21:23:47

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ให้รถถังขึ้นมาได้ จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 21:48:21

ความคิดเห็นที่ 3 รอคำตอบด้วยคน เรื่องนี้สนุกดี จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 21:48:58

ความคิดเห็นที่ 4 ดักรถถังครับ ทำให้รถถังเข้ามาไม่ได้ต้องให้ทหารช่างทำลายครับ จากคุณ : guyping เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 21:49:10

ความคิดเห็นที่ 5 คาดว่าเป็นเครื่องป้องกันไม่ให้เรือยกพลขึ้นบกแล่นขึ้นชายฝั่งได้ รอผู้รู้ที่แน่นอนครับ จากคุณ : ตาแห้ง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 21:50:05

ความคิดเห็นที่ 6 เรียกว่า anti-tank obstacle จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 21:52:09

ความคิดเห็นที่ 7 กันเรือยกพลขึ้นบกด้วยครับ เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงแอนแลนติสคามแนวคิดของนายพลรอมเมล (มั่งนะ) จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 21:54:34

ความคิดเห็นที่ 8 เรือใบขนาดยักษ์ จากคุณ : อิฐมอญ เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 22:05:10

ความคิดเห็นที่ 9 เขาเรียก Tank Traps ครับเอาใว้กันยาเกาะ และรถถังต่างๆ จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 22:05:19

ความคิดเห็นที่ 10 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 53 22:27:57 จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 22:26:15

ความคิดเห็นที่ 11 ทั้งดักรถถังทั้งดักเรือครับ ฮาทหารช่างในหนัง รถถังจมจมทะเลหมดแล้ว แต่ก็ยังทำหน้าที่ทำลายแนวกีดขวางเหล่านี้ วันนั้นน้ำขึ้นสูง ทุ่นระเบิดลอยไปไม่ถึง คาดการณ์ไว้ดีจริงๆ จากคุณ : papikasoda เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 22:26:46

ความคิดเห็นที่ 12 ***   เหล็กสามท่อนที่นำมาประกอบเข้าด้วยกันแล้ววางไว้ตามชายหาดนอร์มังดีในภาพยนตร์นั้นคือ "กับดักรถถัง" ชนิดหนึ่งครับ  โดยจุดประสงค์ของมันไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายรถถัง  แต่ใช้เพื่อหยุดยั้งและชะลอการรุกของรถถังแลยานเกราะที่จะบุกจากหัวหาดเข้าแผ่นดิน  แลยังทำให้กำลังยานเกราะที่ขึ้นหัวหาดมาไม่สามารถไล่ตาม "ทหารราบ" ที่รุกเข้าไปก่อนหน้าได้โดยทันทีครับ     โดยวิธีใช้กับดักแบบนี้คือนำมันไปวางตั้งทิ้งไว้ตามชายหาดหรือถนนที่กองกำลังยานเกราะของข้าศึกเคลื่อนที่ผ่าน  และด้วยน้ำหนักที่มากมายของมันทำให้เมื่อนำมาตั้งเรียงติดกันมากๆ  ยานเกราะของข้าศึกก็จะไม่สามารถเคลื่อนที่ผ่านบริเวณดังกล่าวได้โดยทันที  แลต้องเรียก "รถบูโดเซอร์" ไม่ก็หน่วย "ทหารช่าง" มาทำการเขี่ยหรือระเบิดทิ้งก่อนครับ   (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 22:27:20

ความคิดเห็นที่ 13 เอาไปขาย น่าจะได้หลายตัง จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 22:35:16

ความคิดเห็นที่ 14 ***    ซึ่งการวางกับดักรถถังนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการปกป้อง "แนวกำแพงแอตแลนติค" บริเวณชายฝั่งฝรั่งเศสของจอมพล "เออร์วิน รอมเมล" เจ้าของฉายาจิ้งจอกทะเลทราย  ซึ่ง "รอมเมล" คนนี้เป็นขุนศึกที่เก่งกาจของกองทัพเยอรมันนาซีในสมัยนั้นที่ได้สร้างชื่อเสียงมาจาก  การนำทัพฝ่ายอักษะรบชนะพวกอังกฤษในสมรภูมิทะเลทรายแห่งแอฟริกาเหนือทั้งๆที่มีกำลังน้อยกว่า (แม้ตอนหลังจะพ่ายแพ้เพราะวิสัยทัศน์ห่วยๆของ "ฮิตเลอร์" แต่ผู้คนจำนวนมากก็ยังยกย่องชื่นชมในความเก่งกาจของเขา)    โดยจอมพล "รอมเมล" ได้เสนอแผนการกับฮิตเลอร์โดยตรงว่าการจะหยุดยั้งฝ่ายกองทัพสัมพันธมิตรทางตอนเหนือของยุโรปนั้นต้องกระทำที่บริเวณชายหาดเท่านั้น  เนื่องจากรอมเมลได้ศึกษาความผิดพลาดของฝ่ายอักษะแลยุทธวิธีของฝ่ายสัมพันธมิตรในตอนที่รุกรานอิตาลีมาเป็นอย่างดีแล้วว่า  ถ้าฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถยกพลขึ้นบกมายึดหัวหาดได้เมื่อไหร่กำลังหนุนจำนวนมหาศาลก็จะไหล่บ่าทะลักเข้าสู่ผืนแผ่นดิน      จนทำให้กองทัพเยอรมันซึ่งในตอนนั้นกำลังเสียเปรียบเรื่องจำนวนทหารแลยุทธปัจจัยจะไม่สามารถต้านทานการบุกดังกล่าวได้  ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือหยุดยั้งไม่ให้พวกสัมพันธมิตรขึ้นบกได้โดยง่ายดาย  ซึ่งต้องใช้การวางกับดักและทุ่นระเบิดจำนวนมหาศาลที่แนวชายฝั่ง  อีกทั้งต้องสนับสนุนด้วยกำลังยานเกราะแพนเซอร์แลทหารจำนวนมาก  เพื่อสร้างแนวรับบริเวณแนวชายหาดอันหยาวเหยียดของฝรั่งเศส **รูปทหารมะริกันในเรือยกพลขึ้นบกระหว่างกำลังแล่นเข้าสู่แนวชายหาด "โอมาฮ่า" ซึ่งเป็นจุดปะทะอันรุนแรงที่สุดในการยึดหัวหาดครั้งนั้น** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 22:36:43

ความคิดเห็นที่ 15 #๑๔ รอมเมลแพ้ในสงครามทะเลทรายเพราะ สายส่งบำรุงกำลังนิครับ แถมตอนหลัง ปิดฉากชีวิตตัวเองด้วยการ ดื่มยาพิษ (คำสั่งประหาร -*- ) จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 22:42:55

ความคิดเห็นที่ 16   ขอบคุณทุกคำตอบมากครับ ถึงว่าในหนังตอนแรกๆ ไม่มีรถถังแล่นลงจากเรือลำเลียงเลย มีแต่ทหารลงมาอย่างเดียว แต่ดูแล้ว ทหารฝ่ายรุกคงสูญเสียมาก เพราะพอประตูเรือเปิดที ทหารฝ่ายตั้งรับก็ยิงใส่ทหารที่กระจุกตัวในเรือแล้ว ถ้าอยากยึดหัวหาดได้จริง คงต้องใช้กำลังมากกว่าฝ่ายตั้งรับหลายเท่ามากๆ แน่ เป็นภารกิจที่เสี่ยงตายจริงๆ จากคุณ : JeZeus เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 22:53:20

ความคิดเห็นที่ 17 ตามแนวชายหาดจะเป้นตัวเหล็ก แบบ ที่ คห. บนๆ บอก ไปแต่พอ ไปในดินแดน แล้วก็จะเปลี่ยนเป็นอีกแบบ เรียก dragon teeth หรือ ฟัน มังกร ใช้ บีบ รถถัง ให้เข้ามาอยู่ ในพื้นที่สังหาร  ทำจากคอนกรีต เสริม เหล็ก จากคุณ : Napoleonic เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 22:54:19

ความคิดเห็นที่ 18 ***    ทว่า "นายสิบฮิตเลอร์" กลับมีความคิดที่แตกต่างจากยอดขุนศึกท่านนี้โดย "ฮิตเลอร์" แย้งว่ายังไงกองทัพเยอรมันก็คงไม่สามารถหยุดยั้งกำลังพล3ล้านนายของฝ่ายสัมพันธมิตรได้แน่  ดังนั้นจึงควรปล่อยให้พวกนี้ขึ้นบกยึดหัวหาดจนสำเร็จจากนั้นทัพเยอรมันจะอาศัยความเจนศึกในการรบบนบกเข้าล้อมทำลายผู้รุกรานให้ราบ      ซึ่งความคิดของฮิตเลอร์นั้นถ้าเป็นช่วงต้นสงครามที่กองทัพเยอรมันกำลังฮึกเหิมสดชื่นแลมียุทธปัจจัยมหาศาลสนับสนุนอยู่ก็คงจะใช้การได้  แต่ท่านผู้นำที่มียศเท่านายสิบกลับลืมนึกไปว่ากองทัพเยอรมันในตอนนั้นกำลังอ่อนเปลี้ยแลขาดแคลนยุทธปัจจัยอย่างหนัก  จนถึงขั้นที่ทหารจำนวนมากต้องสวมถุงเท้าแลรองเท้าที่ถักทอจากเส้นผมของชาวยิวที่ถูกสังหารในค่ายกักกันแล้ว  ดังนั้นประสิทธิภาพในการรบย่อมด้อยกว่าสมัยที่รุกรานโปแลนด์และฝรั่งเศสแน่นอน    แต่ด้วยคำสั่งที่ไม่มีใครสามารถขัดได้ของท่านผู้นำ  จึงทำให้จอมพล "รอมเมล" ไม่ได้รับกำลังสนับสนุนตามที่เขาร้องขอในการปกป้องกำแพงแอตแลนติดเท่าที่ควร  โดยเฉพาะกำลังยานเกราะแลน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเขาเรียกร้องเพิ่มเติม  จึงทำให้เวลาที่ฝ่ายสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกจึงพบว่ากำลังยานเกราะของเยอรมันในแนวตั้งรับนั้นมีน้อยกว่าที่คาดไว้เป็นจำนวนมาก **รูปทหารมะริกันทำการ "สถาปนาหัวหาด" หลังจากทำลายแนวป้องกันของเยอรมันที่ชายหาดได้โดยสมบูรณ์  ก่อนจะเริ่มส่งกำลังสนับสนุนแลยุทธปัจจัยมาเพิ่มเติม** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 22:55:26

ความคิดเห็นที่ 19 เหล็ก 3 เหลี่ยม เรียก ว่า The Czech hedgehog ต้นฉบับ ก็มาจาก ประเทศ Czech  นี้ละ http://en.wikipedia.org/wiki/Czech_hedgehog จากคุณ : Napoleonic เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 22:58:15

ความคิดเห็นที่ 20 ** ถึงเพื่อนสมาชิกในความคิดเห็นที่15 คุณIce-man **    นั่นก็จริงอยู่ครับที่สายการส่งกำลังของเยอรมันในแอฟริกาเหนือยาวเกินไป  แต่เราต้องมาดูสาเหตุต่างๆด้วยครับว่าทำไมกองทัพเยอรมันจึงไม่สามารถสนับสนุนหน่วยรบ "แอฟริกาคอฟ" ได้ดีพอ  ซึ่งสาเหตุนั้นมาจากวิสัยทัศน์ห่วยๆของฮิตเลอร์ด้วยครับ  เพราะตอนที่สงครามกำลังระอุนั้น "รอมเมล" เองก็ได้ยื่นเรื่องของกำลังสนับสนุนแลเชื้อเพลิงเพิ่มเติมจากฮิตเลอร์เป็นจำนวนหลายครั้งแล้ว      แต่ "ฮิตเลอร์" ก็ทำเฉยบ้างหรือส่งให้นิดหน่อยบ้างซึ่งนั่นมันไม่เพียงพอต่อการรุกคืบของทหารเยอรมันแน่นอน  แถมที่ร้ายกว่านั้นคือ "ฮิตเลอร์" กลับเอากำลังพลชั้นดีจำนวนมากไปทุ่มในสมรภูมิรัสเซียแทน  ซึ่งผลก็ออกมาอย่างที่เราๆท่านๆทราบกันคือทั้งกำลังทหารผ่านศึกและยานเกราะชั้นดีของเยอรมันต้องมลายหายไปเป็นจำนวนมาก  จนอาจกล่าวได้ว่าความพ่ายแพ้ในรัสเซียเป็นสาเหตุหลักของความเพลี่ยงพล้ำของเยอรมันนีในตอนหลังนั่นเอง      โดยถ้า "ฮิตเลอร์" เลิกถือทิฐืในการจะบดขยี้ "สตาร์ลิน" แลรู้จักถอนกำลังออกมาก่อนเพื่อรอตีโต้กลับตอนหลังผลของสงครามก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้  ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือสมรภูมิที่ "สตาลินกราด" มีอย่างที่ไหนสั่งให้ทหารทั้งกองทัพภาคเป็นแสนๆคนสู้จนตัวตายห้ามยอมแพ้  ทั้งที่ทหารเหล่านั้นถ้าสั่งให้ถอยกลับมาก็ยังสามารถฟื้นฟูและสนธิกำลังขึ้นมาใหม่ได้  แต่นี่เล่นเอาคนหนุ่มเจนศึกไปสังเวยลูกปืนแลความหนาวเหน็บตั้งมากมายแบบนั้นก็ไม่แปลกเลยครับที่เยอรมันจะแพ้ ป.ล.  แต่แม้เยอรมันจะแพ้แต่ก็แพ้ได้อย่างไว้ลายทีเดียว  เพราะขนาดเสียทหารดีๆไปเป็นล้าน  ก็ยังสามารถตีโต้กลับสัมพันธมิตรได้ตั้งหลายครั้งทีเดียว (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 23:08:23

ความคิดเห็นที่ 21   เสียดาย กระทู้ผมที่คุณ เจไดหนุ่ม ได้มาตอบเอาไว้ เกี่ยวกับ วิธีต่อต้านรถถังไนสมัยก่อน โดนมือดีลบไปแล้ว -*- จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 23:10:00

ความคิดเห็นที่ 22 พูดถึงเรื่องของการรบระหว่างเยอรมันกับรัสเซียใน "สมรภูมิ สตาร์ลินกราด" แล้ว "เจไดหนุ่ม" มีหนังดีๆที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นมาแนะนำให้เพื่อนๆได้รับชมกันด้วยครับ (ไม่ใช่!การดวลกันของสองสไนเปอร์นะครับ  เพราะเรื่องนั้นทุกคนคงจะเคยดูกันมาแล้ว ^_^) เรื่องที่ผมจะแนะนำคือ "Starlingrad" (สงครามนรกโหดสุดขั้ว)   โดยถ้าเพื่อนๆท่านใดที่เคยรับชมภาพยนตร์เรื่อง "DAS BOOT" ของผกก. "วูลฟ์กัง ปีเตอร์สัน" ที่เกี่ยวกับชีวิตของลูกเรือในเรือดำน้ำ "อู" แล้วชื่นชอบในความสมจริงแลบีบคั้นอารมณ์ของหนังเรื่องดังกล่าวล่ะก็  ทุกท่านคงจะชอบภาพยนต์เรื่องนี้แน่นอนครับ เพราะมันสามารถตีแผ่ชีวิตอันแสนขมขื่นของทหารเยอรมันที่ไปรบได้เป็นอย่างดีทีเดียว เพราะแม้เรื่องนี้จะไม่ได้ผกก. "วูลฟ์กัง" มากำกับแต่ก็ได้ทีมงานเดิมที่เคยทำ "DAS BBOT" กลับมาร่วมสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกเรื่องนี้ครับ  ซึ่งตัวหนังนั้นเป็นภาษาเยอรมันล้วนๆครับ  และได้รางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์ในเยอรมันมาแล้วตอนที่มันออกฉายใหม่ๆด้วยครับ(1993) **Trailer ของหนังเรื่องนี้ครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 53 23:34:42 จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 23:32:23

ความคิดเห็นที่ 23 และข่าวดีสำหรับเพื่อนๆที่กำลังคิดว่าจะทำยังไงกับภาษาเยอรมันที่จ้อกันทั้งเรื่อง  เพราะปัจจุบันมีค่ายหนังของบ้านเราหยิบภาพยนตร์ตัวนี้กลับมาทำแล้วออกวางจำหน่ายในแบบฉบับดีวีดีแล้วครับแถมราคายังไม่ถึง100ด้วย(มีเสียงไทยซับไทยครบถ้วน)  ทว่าคุณอย่าโดนหน้าปกห่วยๆของทางผู้ผลิตหลอกตาเอาได้นะครับ  เพราะแม้หน้าปกของหนังจะทำออกมาได้เหมือนกับพวกหนังเกรดบีดาษๆทั่วไป  แต่ผมขอรับประกันว่าตัวหนังด้านในนั้นเข้าขั้นสุดยอดขึ้นหิ้งทำเนียบหนังสงครามแน่นอน ป.ล. เห็นมาหลายเรื่องแล้วครับกับการทำปกหนังห่วยๆ  ทั้งๆที่ตัวของหนังออกจะดีมาก  ยกตัวอย่างเช่น "Apocalypse Now" หนังสงครามเวียดนามในตำนาน  ที่โดนค่ายหนัง "อ.ท." จับมาลงดีวีดีซึ่งนอกจากจะทำปกออกมาได้แย่บรมแล้วยังตัดทอนเนื้อหาสำคัญของหนังไปมากมายเลย -_-" (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 23:42:01

ความคิดเห็นที่ 24 ต้องหามาชม....สุดขั้ว จากคุณ : ผมมาดี เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 00:11:57

ความคิดเห็นที่ 25   ไม่อยากปล่อยให้เลยไปนะครับ....เพื่อความรู้ครับ สิ่งกีดขวางนี้ฝ่ายตั้งรับทำขึ้น เพื่อขัดขวางการบุกโจมตีหรือการเข้ามาของเรือระบายพล เรือยกพลขึ้นบกหรือรถสะเทินน้ำสะเทินบกในการขึ้นสู่ฝั่งครับ สิ่งกีดขวางนี้เจตนาจะวางไว้ให้อยู่ปริ่มๆน้ำหรือระดับใต้น้ำที่คนขับเรือมองไม่เห็น เพื่อจะให้เรือชน จะทำให้ท้องเรือระบายพลทะลุเสียหายและจมลงหน้าหาด รถสะเทินน้ำสะเทินบกพังขึ้นไม่ถึงหาด ทหารที่มากับเรือหรือนาวิกโยธินต้องลอยคอในน้ำ บ้างก็คงจมน้ำตาย บ้างก็ต้องทิ้งอาวุธเพื่อเอาชีวิตรอด แต่ที่แน่ๆก็คือทุกคนกลายเป็นเป้านิ่งในน้ำที่ฝ่ายตั้งรับเลือกยิงเอาได้ หากรอดตายขึ้นฝั่งได้ ก็ไม่มีอาวุธติดตัวซะแล้ว และบ้างก็พลัดหลงกับหน่วยของตน เกิดความสับสนไม่รู้ว่าจะฟังคำสั่งใครและไม่รู้ใครเป็นใคร เรือสนับสนุนการยกพลขึ้นบกที่บรรทุกยุทโธปกรณ์มา บรรทุกรถถังรถจิ๊ปมา ถ้าโดนเข้าก็ล่ม จมลงที่หน้าหาดทำให้รถถัง รถจิ๊ป ปืนใหญ่ต่างๆจมน้ำ ชำรุดเสียหายใช้ประโยชน์ไม่ได้ครับ กว่าจะกู้ขึ้นมาก็ต้องใช้เวลาอีกนานโข ฝ่ายตั้งรับจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ฝ่ายบุกผ่านหาดขึ้นมาได้ ยิ่งฝ่ายบุกเสียเวลาในการผ่านหาดขึ้นไปมากเท่าไหร่ก็ย่อมสูญเสียชีวิตของกำลังพลของทหารมากเท่านั้น เพราะช่วงที่นาวิกโยธินยังอยู่ในเรือนั้น เป็นช่วงที่เป็นจุดอ่อนที่สุด เพราะไม่สามารถป้องกันตัวเองได้เลย มีปืนก็ยิงไม่ได้ เก่งแค่ไหนแต่ต้องลงไปลอยคอในน้ำก็ได้แต่ภาวนา ทหาร นย.จะมีอิทฤทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อไปถึงฝั่งแล้วเท่านั้น จึงจะสมารถแสดงอภินิหารได้ ดังนั้น ในช่วงการบุกขึ้นสู่ฝั่ง ทหาร นย.จะถูกปกป้องเหมือนไข่ในหิน ด้วยการพยายามเอาเขาเหล่านี้ไปส่งให้ถึงฝั่งให้เร็วที่สุดและปลอดภัยที่สุด อันนี้เป็นงานที่สำคัญของทางเรือที่ต้องทำ อย่าให้ต้องมาละลายตายกันหมดที่หน้าหาด เลยไม่ทันได้แสดงฤทธิ์เดชก็มาชิงตายซะก่อน หลังจากถึงบกแล้วทีนี้ก็เป็นงานที่นาวิกโยธินต้องทำต่อ ด้วยการรวมกำลังที่เหลือเข้าโจมตีต่อที่หมายบนฝั่ง เคยได้ยินว่าผู้ที่ขึ้นไปกับคลื่นบุกคลื่นแรกๆ...แทบจะไม่เหลือหลอหากไม่มีการเตรียมการที่ดีพอ ... เพราะการขัดขวางของฝ่ายตั้งรับก็พยายามให้แตกหักกันที่นี่ เพราะเขารู้ดีว่าจุดอ่อนที่สุดของนย.ก็มีอยู่ช่วงเดียวเท่านั้น คือช่วงที่เท้ายังไม่แตะพื้น ก็คือช่วงบุกขึ้นสู่ฝั่งนั้นเอง .... ทุกอย่างจึงประเคนมาหมดทั้งสำรับ ทั้งปินโต อาหารคาว-หวานและดอกไม้ธูปเทียนที่หน้าหาดนี่เอง ครับ .. จากคุณ : ประดู่กิ่งอ่อน เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 00:36:29 A:203.130.138.66 X: TicketID:058478

ความคิดเห็นที่ 26 แนวรบด้านยุโรป อเมริกันไม่ได้ใช้งานนาวิกโยธินครับ แต่เป็นทหารบก นาวิกโยธินถูกมอบหมายงานให้ฉะกับญี่ปปุ่นในแนวรบด้านแปซิฟิกครับ ตอนนั้นมีการคิดติดทุ่นให้รถถังคล้ายเอาห่วงยางไปสวมรถถัง แล้วเอารถถังขึ้นไปกับเรือยกพลขึ้นบก แล้วปล่อยลงน้ำห่างจากฝั่งให้เคลื่อนที่เข้าหาฝั่งเอง ผลปรากฎรถถังจมน้ำหมดทุกลำ มีรอดอยู่หนึ่งหรือสองลำที่ ผู้บังคับการเรือยกพลขึ้นบกตัดสินใจไม่ปล่อยรถถังลงน้ำแต่นำเรือเข้าไปเกยฝั่งแทน ทำให้สามารถช่วยทหารราบเข้าตีได้ ที่เยอรมันพลาดส่วนหนึ่งคือ ตัวรอมเมลตอนนั้นไม่ได้อยู่แนวหน้า (จำไม่ได้ว่าแกขอลาพัก หรือโดนท่านผู้นำเรียกตัวไปเบอร์ลิน) ทหารเยอรมันเลยสับสน บวกกับสัมพันธมิตรทำการลงว่าจะไปยกพลขึ้นบกตรงส่วนที่แคบที่สุดของช่องแคบ (น่าจะกาเล) และเยอรมันดันเชื่อจริงๆ เลยขนทหารไปอุดตรงจุดนั้นสะส่วนใหญ่ แต่กลับไปยกพลขึ้นบกจริงๆที่นอร์มังดีแทน ส่วนแนวรบด้านแอฟริกา ที่เยอรมันการส่งกำลังบำรุงได้ไม่ดีพอส่วนหนึ่งมาจากกองเรืออังกฤษ คอยก่อกวนส่วนหนึ่งครับ และเรืออู ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำผลงานได้ไม่ดีพอ จากคุณ : sayanjo65 เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 01:42:13

ความคิดเห็นที่ 27 อ่าน คห 25 แล้วนึกถึงตอนญี่ปุ่นบุกไทย เราตั้งรับกันยังไงครับ จากคุณ : ผมมาดี เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 02:52:16

ความคิดเห็นที่ 28 หนังเรื่อง สตารินกราด ตอนนี้ แมงป่องผลิด ออกมาใหม่ แล้วครับ ไม่ได้โฆษณาแต่คนรักหนังก็อยากได้ปกสวยๆ + หนังสงครามเก่าๆ อีกหลายๆเรื่อง ผมก็แอบไปหยิบ lost battion มาด้วย จากคุณ : Napoleonic เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 05:22:47

ความคิดเห็นที่ 29 ผมว่านายพลเกอริ่งแกโม้มากไปหน่อยเลยทำให้สายส่งกำลังบำรุงของเยอรมันอ่อนแอ.. จากคุณ : bradpitt.สุดหล่อแมน เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 09:33:10

ความคิดเห็นที่ 30 คิดแล้วก็อยากรู้ความรู้สึก ของทหารหน่วยแรกๆ ที่ต้องวิ่งขึ้นหาด ว่าก่อนที่ประตูเรือลำเล็กที่มาส่งที่หาดกำลังจะเปิด พวกเขามีความรู้สึกอย่างไง เป็นผมคงทำใจอ่ะ ไงๆๆก็รอดยากๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 53 09:35:36 จากคุณ : hunterzaza เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 09:34:59

ความคิดเห็นที่ 31 # 30 ตายเป็นเบือที่หาด ไหนจะจมน้ำตายเพราะถือของหนักอีก โดนยิงแบบจะๆ อีก ปล.นึกถึงเกมส์ที่เราเล่นเป็นป้อมแล้วค่อยยิงทหารขึ้นชายฝั่ง จากคุณ : พระจันทร์สีฟ้า เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 10:47:34

ความคิดเห็นที่ 32 Battle field 1942 จากคุณ : -APEM เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 10:55:57

ความคิดเห็นที่ 33 **ที่เพื่อนสมาชิกในความคิดเห็นที่26พูดก็ถูกครับ**    แต่ผมกำลังจะชี้แจงว่าสาเหตุที่เบยรมันไม่สามารถต้านทานการบุกของสัมพันธมิตรได้ดีพอนั้นมาจากวิสัยทัศน์ห่วยๆของฮิตเลอร์ด้วย  เพราะถ้าลองศึกษาดูถึงข้อมูลเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่2ในเชิงลึกขึ้นไป  จะพบข้อมูลที่ว่า "ฮิตเลอร์" สั่งระงับการส่ง "กองพลยานเกราะแพนเซอร์" ซึ่งประกอบไปด้วยรถถังจำพวกแพนเซอร์ ไทเกอร์ แพนเธอร์ ไปสนับสนุน "รอมเมล" ในนอร์มังดี  เพราะฮิตเลอร์เชื่อในแนวความคิดที่ว่าต้องให้พวกสัมพันธมิตรเข้ามาบนบกแล้วค่อยล้อมขยี้จึงได้เก็บยานเกราะหลักๆเอาไว้      แต่ฮิตเลอร์กลับโยกย้ายเอารถถังพวกนั้นไปประจำการที่อื่นซึ่งไม่ใช่แนวชายฝั่ง  หรือไม่ก็จอดแช่เอาไว้ในกรมเฉยๆ  ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้แก่นายทหารระดับบัญชาการจำนวนมากแต่ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้  ยิ่งมาบวกกับการที่ฝ่ายสัมพันธมิตรใช้พลพรรคใต้ดินและสายลับแอบลอบวางระเบิดโจมตีทางรถไฟ  ซึ่งใช้ขนส่งกำลังพลแลยานเกราะไปในแนวหน้าฝั่ง "นอร์มังดี" จึงทำให้กองกำลังที่ปรกติก็มีไปสนับสนุนไม่พออยู่แล้วยิ่งน้อยลงไปอีกเยอรมันต้องอ่อนกำลังลงไปอย่างมาก ป.ล. เรื่อง "ยุทธการขึ้นบกลวง" ก็น่าสนใจเป็นอย่างมากครับ  และแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเสนาธิการฝ่ายสัมพันธมิตร  อาทิเช่นการส่งหุ่นพลร่มปลอมๆไปทิ้งเหนือพื้นที่ห่างไกลจากแนวบุก  การแกล้งปล่อยสัญญาณโทรเลขปลอมๆ  การเอาศพสายลับที่เสียชีวิตแล้วยัด "จดหมายข่าวลวงเรื่องสถานที่บุก" แล้วปล่อยให้ลอยน้ำไปทางฝั่งเยอรมันเป็นต้น (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 11:28:54

ความคิดเห็นที่ 34 ... จาก คคห.26 นะครับ รอมเมล ลาพักกลับไปเยอรมันนี....เพราะวันที่ 6 มิ.ย. เป็นวันคล้ายวันเกิดเมีย ... จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 13:04:14

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ ^ รวมถึง กองพลยาง ที่ฝั่งตรงข้ามดังเคริก์ด้วยนะครับ ^^ แต่ว่าตอนนั้น กองพล(หรือพันหว่า) ยานเกราะของเยอรมันมุ่งหน้าไปยังชายหาดแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงจุดหมาย แต่ ท่านผู้นำทราบข่าวก็สั่งให้ยกเลิก หันหัวกลับที่ตั้ง ประกอบกับ หน้าห้องท่านผู้นำ ไม่ยอมปลุกท่านผู้นำเพื่อสั่งการกองพลยานเกราะให้เคลื่อนทัพ (ตอนนั้น อำนาจการสั่งการเคลื่อนพล ท่านผู้นำรวบไว้กับตัวหมด) นี่ถ้า หน้าห้องกล้าปลุกท่านผู้นำ เหตุการณ์อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ นะครับ แต่ท้ายที่สุด เยอรมันก็ไม่อาจจะต้านการบุกของโซเวียตได้อยู่ดี แต่ถ้าประวัติศาสตร์เปลี่ยนไป ญี่ปุ่นไม่โจมตีเพริล เพื่อลดอำนาจทางทะเลของอเมริกา เพื่อบุกเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เลือกสนับสนุนเยอรมัน โดยการบุกโซเวียตแทน โซเวียตต้องรับมือ ศึก ๒ ด้าน ผมว่า ผลสงคราม น่าจะเปลี่ยนแน่ๆครับ (แถมอเมริกาไมมีเหตุผลพอที่จะเข้าร่วมสงครามด้วย) จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 13:05:26

ความคิดเห็นที่ 36 ***   ผมว่าต่อให้ย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ "ญี่ปุ่น" คงจะไม่มีทางโจมตี "โซเวียต" ทางตะวันออกแน่นอนครับ  เพราะในห้วงเวลานั้นชาวปลาดิบกำลังแสวงหาทรัพยากรมาบำรุงแลขับเคลื่อนจักรกลสงครามของตนเอง  แม้พื้นที่ทางตะวันออกในเขต "ไซบีเรีย" ของโซเวียตจะมีทรัพยากรธรรมชาติหลายชนิด  แต่ทหารญี่ปุ่นซึ่งไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศแลความหนาวเย็นคงจะชั่งใจถึงผลได้เสียแล้ว  และมุ่งหน้าลงใต้สู่พื้นที่เขตร้อนที่คนของตนเองมีความถนัดมากกว่า (ร้อนแค่ไหนยานเกราะก็ยังทำงานได้  แต่ถ้าหนาวจัดล่ะก็แม้แต่ "น้ำมันเครื่อง" ยังจับตัวเป็นน้ำแข็งเลย ^_^)       อีกทั้งในห้วงเวลาดังกล่าวตัวชูโรงของกองทัพลูกพระทิตย์ตือ "กองทัพเรือ" ครับส่วนกำลังพลทางบกนั้นถ้าไม่นับทหารราบที่มีระเบียบวินัยสูงแล้วล่ะก็ ยานเกราะของพวกญี่ปุ่นยังถือได้ว่าด้อยพัฒนาอยู่แลไม่สามารถเทียบชั้นกับยานเกราะของพวกยุโรปหรือรัสเซียได้  แต่ทว่าถ้าเป็นการโจมตีด้วยกองทัพเรือแลการรบแบบสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกแล้วล่ะก็ในเวลานั้นพวกยุ่นนับว่ายอดเยี่ยมที่สุดในเอเชียบูรพาเลยครับ    อีกสาเหตุหนึ่งคือก่อนสงครามโลกจะระเบิดได้ไม่กี่ปีนั้น  กองทัพญี่ปุ่นกับโซเวียตเคยฉะกันมาครั้งหนึ่งแล้วครับในสมรภูมิทางภาคเหนือของจีนซึ่งนักประวัติศาสตร์หลายคนกล่าวกันว่าเป็นการรบที่ถูกลืม  โดยห้วงเวลานั้นกองทัพญี่ปุ่นกำลังเตรียมตัวจะรุกรานประเทศจีนพอดีแต่ทว่าต้องมาเปิดศึกกับโซเวียตด้วยปัญหาหยุมหยิมเรื่องเขตแดนแลความขัดแย้งบางประการ      แลผู้นำของกองทัพโซเวียตในศึกครั้งนั้นคือ "นายพลซูคอฟ" บุรุษในตำนานผู้โด่งดังเรื่องของการนิยมชมชอบยุทธวิธีทุ่มกำลังทั้งหมดที่มีเข้าใส่ข้าศึกเพื่ออาศัยจำนวนที่มากกว่าเข้ากำชัยครับ  ดังนั้นในการรบดังกล่าวกองทัพญี่ปุ่นจึงเสียหายหนักมากจนทั้งสองฝ่ายต้องเจรจาสงบศึกกันเป็นการชั่วคราว  ก่อนที่พวกยุ่นจะเริ่มเปิดศึกรุกเข้าใส่ประเทศจีนอย่างจริงจังตอนปี ค.ศ.1937 ครับ (ก่อนเยอรมนีรุกรานโปแลนด์ประมาณ2ปี) **ภาพทหารญี่ปุ่นกำลังเดินทัพในระหว่างการรุกรานประเทศจีนครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 13:34:04

ความคิดเห็นที่ 37 ทหารญี่ปุ่นระหว่างยาตราทัพเข้าเมืองเซี่ยงไฮ้ (ตอนนั้นพวกมะริกันตัดสินใจถอนทหารออกจากบริเวณพื้นที่ท่าเรือใหญ่ๆในจีนหมดแล้ว) (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 13:36:05

ความคิดเห็นที่ 38 รถถังขนาดเล็กของญี่ปุ่นระหว่างจอดพักกลางตลาดในเซี่ยงไฮ้  จากรูปจะเห็นได้ว่ารถถังของชาวยุ่นนั้นมีขนาดเล็กมากๆ  และยังนิยมใช้การฝังหมุดยึดตัวแผ่นเกราะอยู่  แม้แต่ในรุ่นที่ใหญ่ที่สุดก็ยังนับได้ว่ามีขนาดเล็กและไม่สามารถจะไปต่อกรกับรถถังของชาติตะวันตกได้เลย (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 13:38:23

ความคิดเห็นที่ 39 รูปของเจ้า "TYPE-97" ซึ่งเป็นรถถังของขนาดกลางยอดนิยมของพวกยุ่น  ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2ครับ  โดยเมื่อพิจารณาจากความสามารถแล้วยังนับว่าเจ้า97ตัวนี้ไม่สามารถต่อกรกับ "แพนเซอร์รุ่นจับฉ่าย" ของเยอรมันได้ด้วยซ้ำ   จึงนับเป็นจุดอ่อนของกองทัพญี่ปุ่นอย่างหนึ่งที่แม้ทหารราบจะมีระเบียบวินัยสูง กองทัพเรือจะเยี่ยมยอด อากาศยานจะเป็นเลิศ (ในช่วงต้นๆ)  แต่ทว่าการขาดแคลนยานเกราะขนาดหนักที่มีประสิทธิภพก็ทำให้ความสามารถในการรบบนพื้นที่โล่งกว้างต้องอ่อนด้อยลงไป (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 13:44:33

ความคิดเห็นที่ 40 รูปในความคิดเห็นที่38นั้นผมโพสผิดครับ  ความจริงต้องเป็นรูปนี้ต่างหาด แฮ่ๆ ^_^ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 13:45:39

ความคิดเห็นที่ 41   ตะกี้เพิ่งดูหนังเรื่อง Stalingrad ที่คุณเจไดแนะนำ หนังดีมากครับ ทำให้เรามองเห็นอีกด้านหนึ่งของสงคราม (ตามปกติถ้าดูหนังเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 เรามักจะได้ดูแต่ฝ่ายสัมพันธมิตร) แต่ดูจบแล้วก็รันทดมาก ป.ล. ใครสนใจหลังไมค์มาน่ะครับ เดี๋ยวเอาเว็บให้ จากคุณ : JeZeus เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 17:54:35

ความคิดเห็นที่ 42 JeZeus ที่นี่ คนเดียวกับในประมูลป่าวครับผม ปล. รูปหน้าปก สตาลินกราด นั่นมัน Ak-47 ไม่ใช่หรือครับ -*- จากคุณ : ฆาตกร เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 20:25:52

ความคิดเห็นที่ 43 แล้วรถถังใช้ปืนใหญ่ยิงทิ้งเองไม่ได้เหรอครับ จากคุณ : bloodsoap_cdaz เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 03:04:31

ความคิดเห็นที่ 44 รถถังของญี่ปุ่นรุ่นนี้ ทางทหารไทยสมัยก่อนเรียกว่า "ไอ้แอ็ด"ครับ เพราะคันเล็กกะติ๊ดหนึ่ง ใครที่อยากเห็นตัวจริง เห็นว่ามีจอดเป็นที่ระลึกอยู่คันหนึ่ง ตรงประตูทางเข้ากรมกำลังสำรอง (รด.เดิม) หน้าสวนสราญรมณ์ จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 09:38:17

ความคิดเห็นที่ 45 all quiet on the western front ก็ไม่เลวนะครับ จบแบบหดหู่ดี... จากคุณ : หมอเถื่อน เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 10:30:06