 |
ความคิดเห็นที่ 8 |
ลองอ่านข่าวจาก นสพ.คมชัดลึก ครับ ฉบับวันที่ 20 ก.ค. 53 ----------------------------------------------------- คมชัดลึก : นายกสภาฯ ม.เอกชน ทำนาย ไม่เกิน 10 ปี ม.เอกชนต้องปิดตัวมากขึ้น เหลือเพียงแต่ซากตึก ด้านมธ.เปรียบประชุมสภามหาวิทยาลัยเหมือนเด็กพบครู คณะกรรมการสภาไม่กล้าออกเสียง หวั่นผิดใจอธิการบดี ไม่ได้กลับมานั่งตำแหน่งในสภามหาวิทยาลัย ขณะที่อดีตเลขาธิการกกอ.ติงสกอ.หลังถูกยุบรวมศธ.ไม่ได้ทำให้ระบบบริหารงาน อุดมศึกษาดีขึ้นต้นเหตุม.ขยายตัว ส่งผลม.ด้อยคุณภาพ
เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2553 ศ.ดร.สิทธิชัย โภไคยอุดม นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร กล่าวในงานเสวนาเรื่อง การประยุกต์แนวคิดการบริหารธุรกิจกับการบริหารมหาวิทยาลัย ในการประชุมทางวิชาการของที่ประชุมกรรมการสภามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ทกสท.) เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า แนวคิดทางธุรกิจนำมาประยุกต์ใช้ได้กับการบริหารงานมหาวิทยาลัยรัฐเกือบทุก เรื่อง ยกเว้นความคิดที่เรื่องการทำกำไร หากคิดจัดการศึกษาเพื่อกำไรเมื่อไร ก็เท่ากับเป็นการทำร้ายสังคม เจ้าของมหาวิทยาลัยเอกชนต้องผลิตบัณฑิตที่มีคุณธรรมและคุณภาพ โดยจ้างอาจารย์ประจำมาสอนให้ได้100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่อาจารย์พิเศษ เพราะอาจารย์พิเศษก็ต้องการแค่เงินพิเศษเท่านั้น อีกทั้งเพื่อให้นักศึกษาสามารถเข้าพบอาจารย์ประจำได้ตลอดเวลา เกิดการสอนเชิงมีคุณภาพ
"การบริหารงานของมหาวิทยาลัยเอกชนต้องหยิ่งและพึ่งตนเอง จะอาศัยเงินช่วยเหลือจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาไม่ได้ เพราะเปิดมหาวิทยาลัยเอกชนเองไม่ได้มีใครมาร้องขอให้เปิด อย่าง ไรก็ตามปัจจุบันมีการแข่งขันกันมาก แต่จำนวนเด็กที่ป้อนเข้าสู่มหาวิทยาลัยมีน้อยลง ดังนั้น ทำนายว่า ไม่เกิน 10 ปี มหาวิทยาลัยม.เอกชน ต้องปิดตัวมากขึ้น หรือไม่ก็เหลือแต่ซากตึก เพราะหากทำดีแล้ว สังคมไม่ต้องการก็ต้องปิดตัวลง"ศ.ดร.สิทธิชัย กล่าว
รศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ทุกครั้งที่มาประชุมสภามหาวิทยาลัยรู้สึกเหมือนเป็นเด็กเพราะได้เจอกับครู อาจารย์เก่าที่เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และไม่ค่อยโต้แย้งกับอธิการบดีเพราะเป็นผู้ที่สรรหาเรามา หากมาประชุมสม่ำเสมอ ไม่พูดอะไรที่กวนใจอธิการบดี ในสมัยหน้าก็คงเลือกเรากลับมาเป็นกรรมการสภาอีก อย่างไรก็ตามเห็นว่า สภามหาวิทยาลัยควรใช้ประโยชน์จากผู้ทรงคุณวุฒิให้เต็มที่ เช่น ให้เวลาผู้ทรงคุณวุฒิได้นำเสนอแนวคิดต่อที่ประชุมทุกครั้ง ๆละ 1-2 คน เพื่อที่สภามหาวิทยาลัยจะได้ทราบถึงความเป็นไปภายนอกในมุมมองหรือวิชาชีพของ ผู้ทรงคุณวุฒิท่านนั้นๆ และอธิการบดีก็ควรจะมีความเชื่อมั่นในสภามหาวิทยาลัยด้วย ขณะ ที่สภามหาวิทยาลัยก็ต้องรู้สึกถ่อมตนพร้อมเรียนรู้สิ่งต่างๆ
ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.)ในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฎกาฬสินธุ์ กล่าวว่า สภาพปัจจุบันของมหาวิทยาลัยมีการแข่งขันสูง บางกลุ่มขยายตัวอย่างไร้ทิศทาง มหาวิทยาลัยรัฐที่เคยมีคุณภาพดีมากมีขนาดนักศึกษา 20,000 คน ขณะนี้รับ 50,000 คน หรือ มหาวิทยาลัยขนาดเล็ก จำนวนรับ 3,000 คน ก็ขยายตัวเกือบ 10,000 คน สิ่งที่ตามมาคือ ทั้งมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนที่ปรับตัวไม่ทันกำลังจะตาย โดยปีนี้มหาวิทยาลัยเอกชนมีจำนวนรับน้อยลงทุกแห่ง ขณะที่มหาวิทยาลัยรัฐมีนักศึกษาเข้าเรียนมากขึ้นทุกแห่ง จึงเกิดปรากฎการณ์มหาวิทยาลัยหนีตาย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเอกชนขนาดเล็ก มีอาการน่าเป็นห่วงกว่า 10 แห่ง ส่วนมหาวิทยาลัยราชภัฎขนาดเล็ก 5-6 แห่งก็จะไปไม่รอด การที่มหาวิทยาลัยขยายตัวอย่างไร้ทิศทาง ทำให้คุณภาพย่ำแย่ เป็นเรื่องที่สภามหาวิทยาลัยต้องรับผิดชอบ
"ที่ผ่านมาเรามีระบบการบริหารอุดมศึกษาในรูปแบบทบวงมหาวิทยาลัย ซึ่งมีความเข้มแข็งระดับหนึ่ง แต่อยู่ๆก็ถูกยุบรวมกับกระทรวงศึกษาธิการ และขณะนี้ก็ไม่ได้ทำให้ระบบบริหารงานอุดมศึกษาดีขึ้น ขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น อังกฤษ มาเลเซีย ก็แยกงานอุดมศึกษาออกจากกระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ได้รวมงานอุดมศึกษากับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เพียง 2 ปีก็ปรับใหม่ โดยรวมกับกระทรวงพาณิชย์ เพราะมองว่างานอุดมศึกษาถือเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ ที่ผลิตบัณฑิตออกมาทำงาน และผลิตงานวิจัยที่นำเงินเข้าประเทศ ส่วนประเทศไทยมองว่ามีความอายเกินกว่าจะยอมทบทวนตนเอง ทั้งนี้ ความจริงแล้วเมื่อเราก้าวผิด ก็สามารถก้าวใหม่ให้ถูกต้องได้ " ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช กล่าว
| จากคุณ |
:
หม่องวิน มอไซ
|
| เขียนเมื่อ |
:
21 ก.ค. 53 16:04:52
|
|
|
|
 |