ความคิดเห็นที่ 1 ความตายอะไร การตายทางสรีรวิทยา คือ การยุติการทำงานของ สมอง ระบบหมุนเวียนโลหิต หัวใจ และปอดอย่างถาวรไม่สามารถคืนสภาพได้ เรื่องของนิยามความตาย และการเปลี่ยนแปลงหลังความตายเคยเขียนบทความไว้ที่นี่ค่ะ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ailurophile&month=11-2009&date=09&group=1&gblog=5 "ประสบการณ์ใกล้ตาย" (Near Death Experience) ประสบการณ์ใกล้ตาย “Near-death experience" เป็นคำบอกเล่าถึงการรับรู้จากคนที่ใกล้ หรือฟื้นจากการตาย เป็นปรากฏการณ์ที่พบทั่วโลก และไม่ใช่เรื่องใหม่ หลักฐานเก่าแก่ที่สุดที่พบอยู่ในงานของพลาโต (Plato's "Republic“,  360 B.C.E.) กล่าวถึงประสบการณ์ใกล้ตายของทหารชื่อ Er ที่เกือบตายจากบาดแผลสงคราม  Er เล่าว่าวิญญาณของตนหลุดจากร่าง ถูกพิพากษา และขึ้นสววรค์ จาก Plato’s Republic, the Myth of Er " Well, I said, I will tell you a tale; not one of the tales which Odysseus tells to the hero Alcinous, yet this too is a tale of a hero, Er the son of Armenius, a Pamphylian by birth. He was slain in battle, and ten days afterwards, when the bodies of the dead were taken up, his body was found unaffected by decay, and carried away home to be buried. And on the twelfth day, as he was lying on the funeral pile, he returned to life and told them what he had seen in the other world. He said that when his soul left the body he went on a journey with a great company, and that they came to a mysterious place at which there were two openings in the earth; they were near together, and over against them were two other openings in the heaven above. In the intermediate space there were judges seated, who commanded the just, after they had given judgment on them and had bound their sentences in front of them, to ascend by the heavenly way on the right hand; and in like manner the unjust were bidden by them to descend by the lower way on the left hand; He drew near, and they told him that he was to be the messenger who would carry the report of the other world to men, and they bade him hear and see all that was to be heard and seen in that place. รูปประกอบ Plato (429-347 BC) แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 53 11:12:40 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 53 09:16:59 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 09:08:10

ความคิดเห็นที่ 2 ปี  1943   พลทหาร George Ritchie อายุ 22 ปี นอนแน่นิ่งอยู่ในห้องคนไข้โรคติดต่อของโรงพยาบาลทหารที่เมือง Abilene มลรัฐเท็กซัส เจ้าหน้าที่แพทย์ที่ประจำการอยู่ในขณะนั้น ได้ประกาศว่าเขาถึงแก่กรรมแล้วด้วยโรคปอดบวม และกำลังถูกย้ายไปไว้ที่ห้องเก็บศพ แต่พยาบาลชายผู้หนึ่ง ยืนยันว่าเห็นมือของศพเคลื่อนไหวจึงขอร้องให้แพทย์ลองช่วยเขาดูอีกครั้ง   แพทย์จึงฉีดสาร adrenalin ทำให้ Ritchie ฟื้นขึ้นมาใหม่แล้วยังสามารถไปเรียนต่อจนสำเร็จจบเป็นจิตแพทย์ออกมาประกอบวิชาชีพได้อย่างปกติ Ritchie สามารถจดจำประสบการณ์ช่วงเวลาที่ตายได้อย่างชัดเจนและเล่าให้นายแพทย์ Raymond A. Moody ด้วย Ritchie  เล่าว่า ในขณะที่เขาตาย เขามองเห็นศพของตนเองนอนนิ่งอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลจากระยะที่ห่างออกมา  จากนั้นก็ล่องลอยผ่านอุโมงค์มุ่งตรงไปยังแสงสว่างจ้าข้างหน้า   มองเห็นตัวตนที่มีลักษณะเหมือนแสงสว่าง เกิดความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก มองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างในชีวิตของเขาที่ผ่านมา (life review) อย่างสมบูรณ์ชัดเจนเหมือนจริงเป็นสามมิติ เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผลกระทบต่อตัว Ritchie เองอย่างลึกซึ้ง เพราะเขาเชื่อว่า เขามีโอกาสได้มองเห็นชีวิตหลังการตายได้ชั่วครู่หนึ่ง Raymond A. Moody (รูปประกอบ) ได้รวบรวมกรณีศึกษาจากผู้ที่ผ่านประสบการณ์เฉียดตายชื่อ  "Life   After Life" ซึ่งหนังสือเล่มนี้มีอิทธิพลต่อแนวความคิดเรื่องการตาย และประสบการณ์เฉียดตายในยุคปัจจุบัน Moody ตั้งชื่อเรียกประสบการณ์เช่นนี้ในหนังสือเล่มนั้นว่า "ประสบการณ์ใกล้ความตาย (Near-Death Experience; NDE) จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 09:15:43

ความคิดเห็นที่ 3 ลักษณะทั่วไปของประสบการณ์ใกล้ตาย จากคำบอกเล่าของผู้ผ่านประสบการณ์ใกล้ตายมักพบว่า .. 1.  รู้สึกสงบ (Feelings of calmness) ยอมรับความตาย (acceptance of death) รู้สึกสบาย และไม่เจ็บปวด   2. พบแสงสว่างจ้า แต่ไม่แสบตา (Intense, pure bright light) 3. กลายเป็นวิญญาณ และพบประสบการณ์นอกร่าง (Spirit beings and Out-of-body experiences; OBE) ร่างเปลี่ยนเป็นแสงสว่าง หรือกลายเป็นวิญญาณ (spirit) พบหรือรู้สึกถึงผู้มีอำนาจสูงสุดตามแต่พื้นฐานทางศาสนาของคนผู้นั้น เช่น พระผู้เป็นเจ้า พระเยซู พระพุทธเจ้า หรือ พระอัลหล่า หรือพบญาติมิตรที่ตายจากกันไปแล้ว ขณะเดียวกันเห็นภาพมีมุมมองที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รู้สึกเหมือนกับว่าตนเองลอยสูงขึ้นแล้วมองลงมาเห็นร่างกายของตน 4. สู่ดินแดนหรือมิติอื่น (Entering into another realm or dimension) เช่นสู่สวรรค์ หรือนรก หรือลอยขึ้นฟ้า 5. พบอุโมงค์ (The tunnel experience) รู้สึกล่องลอยไปที่ช่องทางลักษณะเป็นอุโมงค์ ตรงส่วนปลายของอุโมงค์ก็จะพบแสงสว่าง 6. ติดต่อกับจิตวิญญาณ (Communication with spirits) ผู้ผ่านประสบการณ์ใกล้ตายบางคนเล่าว่าพูดคุยกับวิญญาณ หรือเสียง โดนเสียงนั้นมักเป็นเสียงผู้ชายที่ทรงอำนาจ (strong male voice) มาบอกตนว่ายังไม่ใช่เวลานี้ หรือบอกให้กลับไปสู่ร่างตน หรือไม่ได้ยินเสียง แต่มีความรู้สึกเหมือนถูกสั่งให้กลับเข้าร่าง   7. การทบทวนชีวิต (Life review also called "the panoramic life review“) เกิดการทบทวนเรื่องราวของสิ่งที่ผู้นั้นเคยกระทำมาในอดีต การเกิดสภาวะเช่นนี้มักจะอยู่ในลักษณะการมองจากสายตาของบุคคลที่สาม โดยเห็นชีวิตทั้งชีวิตในช่วงเวลาสั้นมาก ในสถานการณ์นี้ บางคนรู้สึกสำนึกและรับรู้ผลแห่งการกระทำของตน และอาจรู้สึกว่าถูกพิพากษาจากจิตวิญญาณอื่น จากลักษณะข้างต้น จึงพบว่าผู้ผ่านประสบการณ์ใกล้ตายมักกลัวตายน้อยลง และมีศรัทธาต่อศาสนามากขึ้น จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 09:21:04

ความคิดเห็นที่ 4 ลักษณะการเกิด NDE ไม่ได้เป็นลักษณะที่พบเฉพาะประเทศทางฝั่งตะวันตกเท่านั้น จากการสัมภาษณ์ผุ้ป่วยโรคไตที่เคยผ่านประสบการณ์ใกล้ตาย จากไต้หวันจำนวน 51 คน (รายงานโดย Lai CF, et al. 2007) ก็พบว่ารู้สึกถึงลักษณะ NDE ที่กล่าวมาข้างต้นเหมือนกัน จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 09:23:31

ความคิดเห็นที่ 5 Atypical NDEs ประสบการณ์เลวร้ายจากความตาย จากการสำรวจโดย Gallup poll (1982) พบว่า 25 % ของผู้ผ่านประสบการณ์ใกล้ตายไม่รู้สึกถึงความสบาย ได้ขึ้นสวรรค์ หรือได้พบจิตวิญญาณที่เป็นมิตร แต่กลับพบจิตวิญญาณที่ชั่วร้าย หรือปิศาจ หรือพบว่ากำลังเดินทางไปสู่นรก มีลักษณะเช่น มีทะเลสาบที่เต็มไปด้วยไฟ มีวิญญาณที่ถูกทรมาน และรู้สึกได้ถึงความร้อนอย่างรุนแรง ผู้ผ่านประสบการณ์ใกล้ตายบางคนยังเล่าว่าเห็นจุดจบของโลกและมนุษยชาติอีกด้วย รูปประกอบ A vision of Hell from Dante’s Divine Comedy. Illustration by Gustave Doré. จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 09:30:56

ความคิดเห็นที่ 6 คำอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ - พบว่าสมองส่วนที่น่าจะเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ใกล้ตายมีหลายบริเวณ ได้แก่บริเวณ limbic system, hippocampus, amygdala และ inferior temporal lobe การกระตุ้นสมองเหล่านี้จะทำให้การรับรู้ของเราผิดเพี้ยนไป - สภาวะขณะที่ใกล้ตายก็มีผลต่อการรับรู้ของสมองเช่นเดียวกัน เช่น ยา การขาดอากาศ (Oxygen starvation and  hypercapnia) และการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟีน (Endorphins) ซึ่งมีฤทธิ์ลดความเจ็บปวด และหลั่งออกมาตามกลไกทางสรีรวิทยา เมื่อร่างกายพบความเจ็บปวดถึงระดับหนึ่ง คำอธิบายกลไกของ NDE มีหลายทฤษฎี เช่น - ขณะใกล้ตายสาร Dimethyltryptamine (DMT) ซึ่งสามารถทำให้เกิดภาพหลอน อาจหลั่งออกมาจากต่อมไพเนียล ทำให้เกิดการรับรู้ที่ผิดปรกติ - การนอนหลับแบบกลอกตา (REM sleep) อาจเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ใกล้ตาย ขณะที่เราหลับแบบ REM สมองจะทำงานคล้ายกับที่เราตื่น สมองส่วนทีเกี่ยวข้องกับการมองเห็น (visual centers) ทำงานมาก แต่สมองกลับสั่งให้กล้ามเนื้อในร่างกายเป็นอัมพาต (จากกลไกเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายบาดเจ็บจากการลุกขึ้นมาขณะที่ยังไม่มีสติ) กลไกของสมองขณะที่หลับแบบ REM อาจคล้ายกับที่เกิดในขณะที่เห็นแสง หรือเห็นสิ่งต่างๆในช่วงใกล้ตายก็ได้ (Nelson Nelson KR et al. 2006) - ดร. Chawla แห่งมหาวิทยาลัย George Washington สังเกตการทำงานของสมองผ่านการสังเกตคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalogram; EEG) ในผุ้ป่วยใกล้ตาย 7 คน พบว่าคลื่นไฟฟ้าสมองมีลักษณะคล้ายกับคลื่นไฟฟ้าสมองของคนที่ยังมีสติอยู่ ลักษณะคลื่นไฟฟ้าสมองดังกล่าวปรากฏนานประมาณ 30 วินาที่ถึง 3 นาที่ ก่อนตาย โดยคาดว่าปรากฏการณ์นี้น่าจะเกิดจากการที่เซลสมองตอบสนองต่อการขาดอากาศ (hypoxemia)    ดร. Chawla คาดว่าปรากฏการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการเห็นสิ่งต่างๆ และการทบทวนความทรงจำเมื่อมีชีวิตในขณะอยู่ในประสบการณ์ใกล้ตาย (Chawla LS, 2009) จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 09:39:52

ความคิดเห็นที่ 7 ประสบการณ์ออกจากร่าง (Out-of-body experience; OBE) ผู้ผ่านภาวะใกล้ตายมักพบประสบการณ์ออกจากร่าง แต่ประสบการณ์ออกจากร่างพบได้ทั้งในภาวะใกล้ตาย และขณะที่อยู่แบบปรกติ ประสบการณ์ออกจากร่างเป็นการรับรุ้ที่ผิดเพี้ยนอย่างหนึ่ง เรียกรวมว่า Autoscopic phenomena (AP) ประกอบด้วย 1. Out-of-body experience (OBE) รู้สึกว่าตัวเองลอยออกจากร่าง และมองเห็นร่างตนเองนอนอยู่ 2. Autoscopic hallucination (AH) เห็นตัวเอง แต่ไม่รู้สึกว่าตัวเองหลุดออกจากร่าง 3. Heautoscopy (HAS) เห็นตัวเองมีมากกว่าหนึ่งร่าง ส่วนมากบอกไม่ได้ว่าร่างไหนเป็นร่างที่แท้จริง จากรูป ภาพที่เขียนด้วยเส้นทึบคือร่างจริง (Physical body) ภาพที่เขียนด้วยเส้นประคือร่างลวง (Parasomatic body) แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 53 11:15:49 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 53 09:51:32 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 09:42:53

ความคิดเห็นที่ 8 Autoscopic phenomena เกิดจากหลายสาเหต เช่น การติดเชื้อในระบบประสาท (meningitis and encephalitis) สารพิษ โรคลมชัก(epilepsy) การบาดเจ็บที่สมอง (traumatic brain damage) ไมเกรน เนื้องอก (neoplasia) ในสมอง และ vascular brain damage กลไกที่เกี่ยวข้องกับการเกิดประสบการณ์ออกจากร่าง 1. ความผิดปรกติที่ระบบการรับรู้ตำแหน่งของร่างกายผ่านกล้ามเนื้อ และข้อต่อ (Proprioceptive system) และ ความผิดปรกติที่ระบบ Vestibular system ระบบนี้ทำให้ร่างกายรับรู้ว่าอยู่ในท่าทางใด (เช่น กำลังก้มหน้า เงยหน้า หันหน้าซ้าย-ขวา) ความผิดปรกติจะทำให้ไม่รับรู้ตัวตน หรือทำให้รู้สึกว่าลอยได้ 2. เกิดภาพลวงตาจากความผิดปรกติของระบบรับภาพ (Visual system) นอกจากนี้พบว่ามีความผิดปรกติของสมองบริเวณที่คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้อง ได้แก่ - Out-of-body experience : superior parietal lobule (Brodmann’s area 7) - Autoscopic hallucination : รอยต่อระหว่าง parietal และ occipital lobe (Brodmann’s areas 21 and 40) - Heautoscopy : angular และ supramarginal gyrus (Brodmann’s areas 40 and 41) รูปประกอบแสดงการเกิด Autoscopic phenomena และสมองส่วนที่เกี่ยวข้อง คำย่อ TPJ = temporoparietal junction; PIVC = parieto-insular vestibular cortex). จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 09:50:05

ความคิดเห็นที่ 9 นอกจากความผิดปรกติที่เกิดในสมองแล้ว เราสามารถลวงสมองได้ด้วยการใช้กล้อง และการสัมผัส คลิปนี้เป็นการทดลองของดร. Olaf Blanke (Federal Polytechnic of Lausanne) อ่านเกี่ยวกับการทดลองได้ที่นี่ค่ะ http://www.newscientist.com/article/dn12531-outofbody-experiences-are-all-in-the-mind.html จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 09:59:43

ความคิดเห็นที่ 10 อีกคลิปที่คล้ายกัน อ่านเกี่ยวกับการทดลองได้ที่นี่ค่ะ http://www.newscientist.com/article/dn17564 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 10:01:29

ความคิดเห็นที่ 11   วิญญาณที่สามารถจดจำช่วงเวลาบนสวรรค์ได้ (A Soul's Remembrance of Heaven) ความทรงจำก่อนเกิดของ Roy Mills (Roy Mills' pre-birth memories) Roy Mills สามารถจำเหตุการณ์ก่อนที่ตัวเองจะลงมาเกิดได้ มันเป็นเหตุการณ์ที่เป็นจริงแจ่มแจ้งชัดเจน เหมือนกับประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิตของเขา ตอนเขาเกิด เขาไม่เคยลืม ความทรงจำนั้นติดตัวเขาและตอกย้ำเขาอยู่เสมอ จนอายุได้ 10 ขวบ ถึงได้รู้ว่า คนอื่นๆ ไม่ได้มีความทรงจำแบบเขา มันเป็นพรสวรรค์ของเขา เราเขาได้รับการบอกกล่าวจากพระเจ้าว่า อย่าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง แม้แต่คนในครอบครัว เพื่อนสนิท หรือผู้นำทางจิตวิญญาณคนใด จนกว่าเขาจะได้รับอนุญาต ในปี 1995 Roy Mills ได้รับข้อความจากสวรรค์ว่า ให้เขียนเรื่องราวเหล่านี้ลงหนังสือ แล้วให้บอกเล่าความทรงจำของเขาก่อนที่เขาจะมาเกิด หนังสือเล่มนั้นก็คือ The Soul's Remembrance ทุกวันนี้ เป็นเวลากว่า 50 ปี หลังจากเขาเกิดมา Roy Mills ยินดีจะมาแชร์ความทรงจำอันสุดบรรเจิดที่มนุษย์ได้ลืมเลือนไป ในหนังสือของเขา The Soul's Remembrance โลกใบนี้ไม่ใช่บ้านของเรา Roy Mills ได้เผยถึงโลกที่มีมาก่อนโลกใบนี้ การมีอยู่ของโลกที่เราเติบโตมาด้วยความรัก และการ เตรียมตัวที่จะลงมาใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ เขาเผยให้เห็นถึงความกังวลใจของพวกเราที่จะลงมาเกิด และการเลือกบทเรียนที่จะใช้เป็นบททดสอบความแข็งแกร่งของเรา เป็นความท้าทาย ที่ทำให้เรารู้สึกยินดีทั้งในตอนนี้และหลังจากนี้ ถาม: อะไรคือความทรงจำของวิญญาณครับ Roy: ความสามารถที่สามารถจดจำช่วงเวลาบนสรวงสวรรค์ได้ และไม่มีวันลืม ถาม: สวรรค์มีหน้าตาเป็นยังไงครับ Roy: ช่างน่าอัศจรรย์! เต็มไปด้วยแสงสี และสนุกสนานกับการเรียนรู้ คุณจะได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง และสามารถตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่คุณอยากรู้ ไม่มีความหมองหม่นเลยในสวรรค์ จะมีสิ่งต่างๆ ดำเนินตามวิถีของมันไปเสมอ ถาม: เพื่อนของคุณบนโลกนี้ เป็นคนๆ เดียวกับเพื่อนของคุณบนสวรรค์หรือไม่ Roy: ใช่แล้วครับ เพื่อที่ดีที่สุดของผมที่นี่มักจะอยู่บนนั้นด้วย เช่นเดียวกับครอบครัวของผม พวกเราวางแผนร่วมกัน ถึงกิจกรรมและเหตุการณ์ที่เราจะทำร่วมกันบนโลก จริงๆ แล้วเราเป็นส่วนหนึ่งของแผนการนั้น คนมากมายที่เป็นคนสำคัญในชีวิตของเรา ก็จะเป็นคนที่เราจะได้พบกันบนสวรรค์ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่จะได้พูดคุยกัน และมีส่งผลกับชีวิตของเราไม่มากนัก ถาม: อะไรคือสารจากความทรงจำของวิญญาณ Roy: ก็แค่ให้รู้ว่า มีความหวังอยู่เสมอ อย่าคิดว่าโลกใบนี้เป็นจุดจบของทุกอย่างเมื่อคุณตาย เพราะมันไม่ใช่อย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างบนสวรรค์ คุณจะรู้สึกมีชีวิตชีวา ยิ่งกว่าตอนอยู่บนโลกนี้เสียอีก โลกทางกายภาพของเราเป็นแค่ที่อยู่ชั่วคราวเท่านั้น เหมือนมาพักผ่อนในวันหยุดเท่านั้น คุณลงมาบนโลก แสวงหาหนทางของตัวเอง และเมื่อคุณคิดว่ามันถึงที่สึดแล้ว คุณก็แค่กลับบ้าน เมื่อคุณกลับไปบนสวรรค์ คุณจะรู้ในทันทีว่าคุณอยู่ที่ไหน คุณกำลังทำอะไร มันเป็นสถานที่ที่น่าอัศจรรย์มาก ไม่มีความเกลียดชัง มีแต่ความรัก ความเมตตา และการให้อภัย มีครอบครัวใหญ่อยู่ที่นี่ อย่าเป็นทุกข์เลย จงจำไว้ว่า วิญญาณนั้นแข็งแกร่ง มีเจตจำนงค์ และเข้าใจในทุกสิ่งได้ในทันที พวกเราล้วนเป็นบุตรของพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความรัก และไม่มีสิ่งที่เราเรียกกันว่า ความตาย ก็แค่การแยกจากกันเท่านั้น "คนจะไม่ได้ชื่อว่ามาเกิดจริงๆ จนกว่าจะได้ตาย" - Benjamin Franklin http://www.near-death.com/mills.html จากคุณ : Anonymous เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 10:05:34 A:113.53.216.32 X: TicketID:279853

ความคิดเห็นที่ 12 ที่มา 1. http://thai-d.com/movie-english/flatliner/flatliner.htm http://science.howstuffworks.com/near-death-experience4.htm 2. [รูปคคห. 1] van Tellingen C. Heaven can wait - or down to earth in real time: Near-death experience revisited. Neth Heart J. 2008 Oct;16(10):359-62 3. [รูปคคห. 4] Lai CF, et al. Impact of near-death experiences on dialysis patients: a multicenter collaborative study. Am J Kidney Dis. 2007 Jul;50(1):124-32, 132.e1-2 4. Disayavanish C. The Psychobiology of the Near-Death Experience .J Psychiatr Assoc Thailand 1997 ; 42(4) : 84-104 5. Nelson KR, Mattingly M, Lee SA, Schmitt FA. Does the arousal system contribute to near death experience? Neurology. 2006 Apr 11;66(7):1003-9 6. Chawla LS, et al. Surges of electroencephalogram activity at the time of death: a case series. J Palliat Med. 2009 Dec;12(12):1095-100 7. [รูปคคห. 7] Blanke O, Mohr C. Out-of-body experience, heautoscopy, and autoscopic hallucination of neurological origin Implications for neurocognitive mechanisms of corporeal awareness and self-consciousness. Brain Res Brain Res Rev. 2005 Dec 1;50(1):184-99. Epub 2005 Jul 12 8. [รูปคคห. 8] Lopez C, Halje P, Blanke O. Body ownership and embodiment: vestibular and multisensory mechanisms. Neurophysiol Clin. 2008 Jun;38(3):149-61. Epub 2008 Jan 3 9. Blanke O, et al. Out-of-body experience and autoscopy of neurological origin. Brain. 2004 Feb;127(Pt 2):243-58. Epub 2003 Dec 8 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 10:12:11

ความคิดเห็นที่ 13 ข้องใจ - นรกและ สวรรค์ครับ มันอยู่ตรงไหน ถ้าบอกว่า อยู่อีกมิตินึง คงง่ายไป - มนุษย์ โลกตายไป เป็นมนุษย์ต่างดาวได้มั้ย - นรกสวรรค์ ของโลก มีข้อตกลงกับ นรกสวรรค์ ของ ต่างดาวมั้ย ต่างดาวที่ว่า นี้อาจไม่ต้องมีอารยธรรม เพราะ ดาวหลายๆดาวถูกค้นพบแล้วว่ามี / หรือเคยมี สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอาศัยอยู่ - ถ้าวันนี้ ไม่มีสิ่งมีชีตที่เรียกว่า มนุษย์ จะมี นรกสวรรค์อยู่มั้ย - พวกนี้เป็นพื้นฐานของนรกสวรรค์หรือปล่าว เพราะมีมนุษย์ ถึงมีนรก สวรรค์หรือปล่าว จากคุณ : T_Plus+ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 10:33:55

ความคิดเห็นที่ 14   คห 13 ผมก็อยากจะตอบให้นะครับ แต่กลัวจะโดนลบบัตรผ่าน คุณทิ้ง E-Mail ไว้ แล้วผมจะตอบไปทาง E-Mail ดีกว่าครับ จากคุณ : Noname เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 10:46:38 A:113.53.216.32 X: TicketID:279853

ความคิดเห็นที่ 15   ความคิดเห็นที่ 14 longseeddoo แอด gmail ดอทคอม ครับ จากคุณ : gmail เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 11:57:36 A:202.149.29.81 X: TicketID:276732

ความคิดเห็นที่ 16 งานเขียนทางวิทยาศาสตร์ควรจะเป็นแบบยายโอ้ละหนอ พูดถึงหลักฐานที่มี และไม่อนุมานเกินเลยไปกว่านั้น หรือจะค้านก็ควรทำในมุมมองของวิทยาศาสตร์เช่นกัน สิ่งที่ยากในการศึกษาก็เพราะหลักฐานแยกแยะ Subject การศึกษา ทำได้เฉพาะเหตุผลแวดล้อม (การผิดปรกติของสมอง หรือ สภาพจิตใจ หรืออาจเป็นการโกหก) แต่กรณีที่ไม่เป็นดังข้างต้น หลักฐานนั้นก็จะไม่มี เป็นแค่คำให้การของพยาน ผมคิดว่าวิธีการทดสอบของ ดร Olaf Blanke ไม่สามารถเรียกว่าการพิสูจน์ได้ เนื่องจากเป็นการบ่งชี้อารมณ์และศึกษาพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากการจำลองสภาพ OBE แต่วิธีการทดสอบนี้น่าสนใจในแง่การศึกาการทำงานของระบบความคิดครับ ติดกีบไว้เดือนหน้าก่อนนะ จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 12:05:48

ความคิดเห็นที่ 17 คห13 ตอบยังให้จะโดนลบเหรอครับ ตอบเเบบสุภาพเเละมีเหตุผล คงไม่โดนหรอกครับ ไม่ได้ตั้งใจกวนน่ะ เเต่อยากรู้จริงๆ จากคุณ : Mr.thanyawat (Mr.thanyawat) เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 12:12:53

ความคิดเห็นที่ 18   คห 17 เมื่อวานแค่มาตอบ ก็โดนลบไป 5 - 6 บัตรผ่าน แล้วครับ จากคุณ : Noname เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 12:19:15 A:113.53.216.32 X: TicketID:279853

ความคิดเห็นที่ 19 มาดูดสาระ... แก Give หมด ติดไว้ก่อนนะครับผม จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 12:19:44

ความคิดเห็นที่ 20 มาลงชื่อ อ่านได้สาระดีจ้า จากคุณ : say a words เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 12:51:22

ความคิดเห็นที่ 21   ในนรก สวรรค์ คงมีหมู หมา กา ไก่ ไดโนซอร์ ให้เห็นนะ หรือมันอยู่ได้เฉพาะคน หรือเพราะเรามีสมองฉลาด ตายไปก็ไปสร้าง นรก สวรรค์ ปกครองกันอีกที จากคุณ : นอนกันจัง เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 12:53:44 A:202.62.105.155 X: TicketID:276688

ความคิดเห็นที่ 22 ว่าไปผมเคยนอนแล้วตื่นมาเห็นตัวเองนอนอีกคนหนึ่ง แต่กลับหัวกัน แบบเท้าผมอยู่หัวผมอีกคน มึนเลย จากคุณ : ท่านประธานบริษัท เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 12:54:13

ความคิดเห็นที่ 23 สำหรับคนที่สนใจ มีสารคดีเกี่ยวกับ Near death experiences ในแง่คำบอกเล่าจากผู้ผ่านประสบการณ์นี้ และในแง่วิทยาศาสตร์ค่ะ และนี่จากช่อง discovery ด้วย (แต่ไม่เต็มเรื่องนะคะ) http://videos.howstuffworks.com/discovery/31437-conspiracy-test-brain-changes-in-near-death-experience-video.htm จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 13:49:41

ความคิดเห็นที่ 24 ว้าวๆๆ กระทู้คุณโอ้ละหนอ เราจึงขอจัดกีบไปให้จ้า จากแฟนคลับจ้า จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 14:20:47

ความคิดเห็นที่ 25 เพลิน... จากคุณ : maikeet เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 14:28:00

ความคิดเห็นที่ 26 มาลงชื่ออ่านอีกคนค่ะ เราเคยหลับแล้วลุกออกมาเห็นตัวเองนอนอยู่ แล้วเดินลอยๆเท้าไม่ติดพื้น แต่แยกไม่ออกว่าฝันหรือวิญญาณหลุด รู้สึกเหวอๆเหมือนกันค่ะ จากคุณ : เซร่า (CandyBee) เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 14:48:15

ความคิดเห็นที่ 27 มาหาความรู้ครับ.... จากคุณ : น้องคำหล้า เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 15:08:42

ความคิดเห็นที่ 28 เชียร์ เชียร์ เชียร์ จขกท. จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 16:12:51

ความคิดเห็นที่ 29 แฟนคลับอีกคนมาลงชื่อค่ะ ขอบคุณสำหรับบทความที่น่าสนใจมากมาย ตอนที่ต้องสุญเสียบุคคลอันเป็นที่รักที่สุดไป เคยสนใจอ่านเรื่องนี้เป็นบ้าเป็นหลังอยู่ช่วงหนึ่งค่ะ แต่ก็พบว่ามีหลายทฤษฎีที่อธิบายเรื่องนี้ อย่างที่คุณโอ้ละหนอเขียนมาหมดแล้ว ล่าสุดที่อ่านเจอ ก็พบว่า NED นี้อาจสัมพันธ์กับปริมาณ carbon dioxide ในกระแสเลือดที่เพิ่มขึ้นก่อนตาย การศึกษาในคนไข้ heart attack ที่ได้รับการช่วยชีวิต 52 คน พบ NED 11 คน และพบว่าปริมาณ CO2 ในคนที่มีประสบการณ์ NED สูงกว่าคนที่ไม่เจออย่างมีนัยสำคัญ http://www.sciencedaily.com/releases/2010/04/100407192448.htm อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าประสบการณ์ใกล้ตายจะเกิดจากอะไร เท่าที่อ่านพบว่ามันไม่น่ากลัว ก็รู้สึกดีใจแล้วค่ะ ^ ^ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 53 17:25:28 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 53 16:31:11 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 16:29:48

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะคุณหมูเหมียว ตามความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่า ประสบการณ์ใกล้ตายเป็นความเมตตาจากธรรมชาติอย่างหนึ่ง เพราะขณะที่ร่างกายแตกดับน่าจะมีความเจ็บปวดทรมานทั้งร่างกาย และจิตใจ (กลัว ไม่อยากตาย) หากผู้ตายมีการปรับตัวตามที่คนที่ผ่านประสบการณ์ใกล้ตายกลับมาเล่า (ไม่เจ็บปวด รู้สึกสบาย สงบและยอมรับความตาย เห็นผู้เป็นที่รักรออยู่ ฯลฯ) ดิฉันว่าบางทีความตายคงไม่เลวร้ายและทรมานนักหรอกค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 53 16:50:00 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 16:49:33

ความคิดเห็นที่ 31   สิ่งที่ดร.ไวส์ได้ยินได้ฟังจากแคทเธอลีน ในระหว่างการรักษาแบบ PRL นั้นยังมีเรื่องความลี้ลับของชีวิตมนุษย์ด้วย เช่น แคทเธอลีนจำได้ว่า ในขณะเมื่อพบกับความตาย จิตของเธอจะลอยออกมาอยู่เหนือร่างกายเธอเสมอ แล้วก็ถูกเรียกกลับไปสู่โลกของจิตวิญญาณ โดย “ แสงแห่งความเมตตา “ และในช่วงนี้เธอยังได้สัมผัสกับ “ ผู้ดูแล “ จิตวิญญาณหลายๆท่าน ซึ่งท่านเหล่านี้สามารถสื่อสารและส่งข่าวสารด้านจิตวิญญาณมายังดร.ไวส์ โดยผ่านแคทเธอลีน และในระหว่างที่อยู่ภายใต้การสะกดจิตนี้ แคทเธอลีน ได้เรียนรู้เข้าใจสี่งต่างๆมากยิ่งกว่าในช่วงชีวิตตามปกติของเธอเสียอีก ดร.ไวส์ เองก็ค่อยๆคลายความลังเลสงสัย ในความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตในชาติก่อนตามไปด้วย ครั้งหนึ่งในช่วงPRL แคทเธอลีน จำได้ถึงความตายในชาติหนึ่งของเธอ เมื่อหลายศตวรรษก่อน ในขณะที่จิตของเธอถูกนำไปสู่แสงสว่างแห่งความเมตตา ที่เธอคุ้นเคย นั้น เธอก็ได้รับข่าวสารหนึ่งเพื่อส่งต่อมายัง ดร.ไวส์ ดังมีความว่า “ บิดาของคุณกำลังอยู่ที่นี่ เช่นเดียวกับลูกชายของคุณ เขายังเด็กมาก บิดาคุณบอกว่าคุณน่าจะรู้จักเขา เพราะเขาชื่อ Avrom และลูกสาวคุณก็มีชื่อตามเขา ลูกชายคุณเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ หัวใจเขามีความสำคัญมากทีเดียว เพราะมันพลิกกลับเหมือนหัวใจไก่ เขาได้เสียสละแทนคุณอย่างมาก เพราะเขารักคุณ จิตของเขามาจากระดับชั้นสูงมาก ความตายของเขาเป็นการชดใช้หนี้แทนบิดาของเขา เขายังอยากให้คุณรู้ว่า ยารักษาโรคทั้งหลาย มีผลรักษาโรคได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งก็จำกัดมาก “ ข้อความเหล่านี้ทำให้ดร.ไวส์ ตกตะลึงมาก เนื่องจากแคทเธอลีนเองไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเขามาก่อนเลย รวมทั้งไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับครอบครัวของเขา เรื่องเศร้าที่สุดในชีวิตของเขาคือ ความตายเมื่อแรกเกิดของลูกชายคนแรกของเขา สภาพหัวใจของเขาอยู่ในภาวะอันตราย เพียงแค่ 10 วันแรกที่คลอดออกมา ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้เพียงหนึ่งใน 10 ล้านเท่านั้น เขาเสียชีวิตเมื่ออายุเพียง 23 วัน ส่วน บิดาของดร.ไวส์ เสียชีวิตด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน และท่านมีชื่อว่าAvrom ! หลังจากนั้นอีก 4 เดือนลูกสาวของดร.ไวส์ก็คลอดออกมา เธอมีชื่อว่า Amy ตามชื่อคุณปู่ที่ล่วงลับไป เนื่องจากแคทเธอลีน และดร.ไวส์ ไม่ใช่คนใกล้ชิดกันมาก่อน เธอจึงไม่มีทางรู้เรื่องราวเหล่านี้เลย ทว่าสิ่งที่เธอเล่าออกมานั้นทำให้ดร.ไวส์ถึงกับผงะ ดังนั้นเขาจึงถามเธอว่า “ ใครอยู่กับคุณที่นั่น ? ใครบอกเรื่องนี้กับคุณ ? “ เธอตอบเบาๆว่า “ ท่านผู้รู้แจ้งเหล่านั้น “ ท่านผู้รู้แจ้ง บอกให้ฉันฟัง พวกเขายังบอกว่าฉันเคยมาเกิดในโลกนี้ 86 ครั้งแล้ว happy.teenee.com/xfile/explaruk/12.html จากคุณ : Noname เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 16:56:05 A:113.53.216.32 X: TicketID:279853

ความคิดเห็นที่ 32 # 30 ใช่ค่ะ พอรู้แบบนี้ก็รู้สึกดีใจว่าคนที่เรารัก คงไม่ทุกข์ทรมานจากการที่จะก้าวผ่านไปยังอีกภพหนึ่งค่ะ ตั้งแต่ปี  1980เป็นต้นมา ที่นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมมมุติฐานว่า ประสบการณ์ใกล้ตายของคนเรา เกิดจากกลไกการป้องกันตัวเอง เมื่อร่างกายเจ็บป่วยจะมีการหลั่งสารเคมีในสมองที่ทำให้เรารู้สึกสบาย ผ่อนคลาย มองเห็นภาพหลอนต่างๆ  ปรากฎการณ์ NED นี้ สามารถทำให้เกิดขึ้นได้โดยการใช้ยา "ketamine" ซึ่งเป็น party drug ตัวหนึ่ง .. ในหนังสือ  Ketamine: Dreams and Realities  ได้เล่าถึงประสบการณ์ของผู้ใช้ยานี้ไว้ ผู้ใช้คนหนึ่งบอกว่ามองเห็นแสงสว่าง และคิดว่าตัวเองเป็นเพระเจ้า เล่มนี้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 53 17:30:09 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 17:29:05

ความคิดเห็นที่ 33 น่าสนใจมากกกกกก.. จากคุณ : คุณฉงน เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 18:21:42

ความคิดเห็นที่ 34 อ่านแล้วชอบค่ะ.. อันนึงที่คิดอยู่เสมอคือ.. ขณะนี้มนุษย์ทุกคนบนโลก ก็ถือว่าเป็นภาวะใกล้ตายได้ แต่ช่วงระยะใกล้ถึงความตายนี้ จะสั้นหรือยาวก็ต่างกัน อิอิ.. ปล. คุณโอ้ฯ ไปไหนมาสามวาสองศอก จากคุณ : CriM* เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 18:53:04

ความคิดเห็นที่ 35 แฟนคลับคุณโอ้มาติดตามอ่านครับผม  ขอบคุณมากนะครับนะ จากคุณ : ไม้ไผ่โย่ง เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 19:22:09

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ จากคุณ : Ploeauer เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 20:08:02

ความคิดเห็นที่ 37 คุณหมูเหมียว นอกจากพวก Ketamine LSD และยาเสพย์ติดที่สามารถทำให้หลอนประสาทได้แล้ว ยังมีสารอีกชนิดหนึ่งคือ Dimethyltryptamine ค่ะ คือสารประเภทนี้เป็นสารที่ทำให้เกิดอาการประสาทหลอนที่พบได้ในพืช แต่ร่างกายคนของสร้างได้เหมือนกัน แต่ปรกติในร่างกายของมนุษย์จะสร้างออกมาจำนวนน้อย และยังไม่รู้การทำงานเกี่ยวกับสารนี้ในร่างกายมนุษย์มากนัก แต่ก็มี "ทฤษฎี" ออกมาว่า Dimethyltryptamine อาจจะหลั่งออกมาจากต่อมไพเนียลมากขณะเกิด NDE ค่ะ อย่างไรก็ตามการทำงานของสาร DMT แบบ endogenous นี้ยังต้องวิจัยอีกมากค่ะ จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 20:47:41

ความคิดเห็นที่ 38   เสียดายไม่มีกีบจะให้ เคยคุยกันกับเพื่อนที่คลั่งเรื่องพวกนี้ แล้วเบื่อเลยครับ ศรัทธานี่อยู่เหนือเหตุผลทุกประการเลยทีเดียว จากคุณ : ผมไม่เกี่ยวผมมาซื้อลูกชิ้น เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 21:20:24

ความคิดเห็นที่ 39 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 21:54:18

ความคิดเห็นที่ 40 ชอบที่ จขกท. เขียนใน คห.30 จังเลยค่ะ "ประสบการณ์ใกล้ตายเป็นความเมตตาจากธรรมชาติอย่างหนึ่ง..." จากคุณ : เจ้าหญิงฮิปโป เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 22:50:09

ความคิดเห็นที่ 41 7. การทบทวนชีวิต (Life review also called "the panoramic life review“) เกิด การทบทวนเรื่องราวของสิ่งที่ผู้นั้นเคยกระทำมาในอดีต การเกิดสภาวะเช่นนี้มักจะอยู่ในลักษณะการมองจากสายตาของบุคคลที่สาม โดยเห็นชีวิตทั้งชีวิตในช่วงเวลาสั้นมาก ... เคยผ่านประสบการณ์ลักษณะนี้มาครับ ตอนมัธยมต้น จมน้ำที่วังตะไคร้ เหมือนความทรงจำมันทะลักเข้ามาในหัวเลยครับ ตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ จนถึงตอนนั้น พรวดเดียวครบ คิดว่าจะตายแล้ว แต่ก็รอดมาได้ ข้อความต่อไปนี้ใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ พอจบภาพชีวิตทั้งหมด ผมเห็นภาพแม่อยู่ที่บ้านพักครับ ผมนึกในใจว่า "แม่ ช่วยด้วย" จากที่จม ๆ อยู่ ทะลึ่งพรวดขึ้นมาได้ ลักษณะกึ่ง ๆ รู้ตัว กึ่ง ๆ ไม่รู้ตัว มานอนหอบอยู่ริมฝั่ง ห่างจากจุดที่ถูกพัดจมเป็นร้อยเมตรแน่ะ เกือบได้ลงน้ำตกไปแล้ววว จากคุณ : only 1 meter , เพียง ฉัน มีเธอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 23:12:23

ความคิดเห็นที่ 42   ในเมื่อจิตวิญญาณนั้นนิรันดร์ และสวรรค์ก็แสนสุข แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมจึงต้องส่งวิญญาณให้มาเข้าร่าง Physics ให้มาพบเจอกับความทุกข์ ให้มาสร้างเทคโนโลยี สร้างวัฒนธรรม สร้างมลภาวะ ฯลฯ บนโลก ด้วย พอตายก็กลับไปเป็นวิญญาณ แล้วก็ วน loop เวียนวายตายเกิด ทุกอย่างล้วนมีเหตุผล แล้วเหตุผลคืออะไร ทำไมต้องให้มาวน loop แล้วทำไมต้องลบความจำ รึกลัวมนุษย์จะต่อต้านบัญชาสวรรค์ *-* จากคุณ : sopimp เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 53 00:24:27

ความคิดเห็นที่ 43 ชอบเรื่องแนวๆนี้ค่ะ  มันเหมือนจะสามารถเอาวิทยาศาสตร์มาอธิบายได้   แต่ในอีกขั้วหนึ่ง มันก็เกินกว่าที่จะสรรหาอะไรมารองรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน เราเคยเจออะไรแปลกๆ เเต่ตอนนั้นไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เฉียด ประมาณว่า หลับเเล้วหายใจไม่ออก ทำอะไรไม่ได้ จนทนไม่ไหวเเล้ว บอกตัวเองว่าต้องตื่น  นับ 1    2    3 ....  ตื่น  ! ตื่นจริงๆด้วย เเล้วก็ตื่นมายืนมองตัวเองนอนอยู่ด้วยความงงๆ เอ้าเห้ย  นี่ฝันหรืออะไรวะเนี่ย   -  -a พอเห็นตัวเองไม่กล้าหันไปมองอะไรอีกเลย  กลัว  แต่ไม่รู้กลัวอะไรสิ   ขอบคุณคุณ จขกท. นะคะ  อ่านเเล้วเพลินเลย ^^ *คุณเซร่า (CandyBee) คห.26   ... เหมือนกันเลย ตอนนั้นรู้สึกตัวลอยๆ ยืนบนพื้นแต่เท้าไม่ติดพื้น อะไรๆ มันเหมือนจะ สโลโมชั่น ไปมหด ฮ่าๆๆ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 53 03:14:17 จากคุณ : : : เตลิด : : เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 53 03:09:57

ความคิดเห็นที่ 44 ถ้าพูดถึงในแง่ที่ว่ารู้สึกเหมือนตนเองเป็นบุคคลที่สามแล้วเห็นตัวเองอยู่ ผมเคยมีประสบการณ์ตอนที่เสียใจมากๆ (แบบช็อคกับบางเรื่อง) แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองในทางกายภาพเป็นบุคคลอื่น เห็นอะไรๆ ที่ตัวเองทำก็รู้สึกเหมือนเป็นบุคคลอื่นทำไปหมด โดยรู้สึกว่าตัวผมเองจริงๆ มองดูจากภายนอกเหมือนกับดูหนัง อยากทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับการทำงานของสมองในกรณีนี้เหมือนกันครับ PS เอาประสบการณ์มาแชร์ ไม่รู้ว่ามีใครเคยเป็นแบบผมไหม - -" จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 53 05:55:56

ความคิดเห็นที่ 45 เข้ามาดูดดด   จากคุณ : wippygal25 เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 53 11:26:11

ความคิดเห็นที่ 46 เข้ามาดูด จากคุณ : wippygal25 เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 53 11:26:53

ความคิดเห็นที่ 47 ชอบมากเลยอะคับ เรื่องนี้ ผมว่าคำตอบ เดี๋ยวทุกคนจะรู้แน่นอนคับ เกิดแก่เจ็บตาย จากคุณ : civic coupe (punkskate208) เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 53 13:31:29

ความคิดเห็นที่ 48 จะบอกว่า......เคยประสบกับตัวเองเลยฮะ เมื่อตอนเด็กๆที่บ้านผมพี่น้อง 4 คนจะอาบน้ำรวมกันในห้องน้ำที่ชั้น 2 ของบ้าน ลักษณะห้องน้ำก็เป็นแทงค์ที่ก่อเป็นกำแพงด้านหนึ่ง ส่วนอีก 3 ด้านเป็นกำแพงห้องน้ำ เปิดน้ำเก็บไว้ใช้ในห้องน้ำ แล้วใช้วิธีตักน้ำอาบเอา วันที่เกิดเหตุ น้ำลดลงไปอยู่ระดับหน้าแข้ง ส่วนขอบปูนสูงระดับอก ก็ต้องก้มลงไปตักน้ำ โดยต้องก้มจนขาลอยเลยว่างั้นเถอะ ถึงจะตักน้ำมาอาบถึง ในขณะที่ก้มลงไปตักน้ำมาอาบนั่นเอง ผมก็เสียศูนย์ ตกลงไปหัวกระแทก นอนแอ้งแม้งอยู่ในแทงค์น้ำ...... ตอนนั้นที่รู้สึกตัวคือไม่เจ็บ........ แต่ที่แปลกคือ ผมเห็นตัวเองนอนจมน้ำอยู่ในแทงค์ ภาพที่เห็นคือหน้าด้านข้างของตัวเองที่จมอยู่ในน้ำ (ทั้งๆที่ระดับน้ำสูงระดับแข้งเมื่อยืน........... ยังจะจมอีก - -*) ในตอนนั้นผมเห็นพี่ วิ่งร้องลั่นลงไปตามพ่อที่อยู่ชั้นล่าง (เห็นว่าพี่โป๊ด้วย :P ) เห็นพ่อวิ่งขึ้นบันไดมา เห็นพ่อมาดึงตัวผมขึ้นจากแทงค์น้ำ แล้วเห็นพ่อทำการผายปอดให้......... ความรู้สึกตอนนั้นออกแนวงงๆซะมากกว่า ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่กลัวด้วย ซักพักผมก็เห็นหน้าพ่อแบบเต็มๆ ความรู้สึกแรกตอนนั้นคือกลัวมาก ร้องไห้จ้าเลย ************************************************ พอโตขึ้นมาได้อ่านหนังสือแนวๆนี้ของสำนักพิมพ์ต่วยตูน ถึงได้รู้ว่า มีคนเคยประสบเหตุการณ์แบบผมเพียบเลย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นประสบการณ์เฉียดตายระดับไหนเหมือนกันฮับ แต่ที่เล่าให้ฟังก็แค่อยากแชร์ประสบการณ์ที่เคยประสบกับตัวเองให้ฟังเท่านั้นเองครับ ว่าความรู็สึกแบบที่ จขกท. เอามาให้อ่านนั้น มันเกิดขึ้นจริงๆ จากคุณ : basicball เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 53 15:57:19

ความคิดเห็นที่ 49 เคยเป็นแบบ life review แต่ไม่ได้เห็นธรรมดา เห็นเป็น kaleidoscope เลยค่ะ หมุนติ้วๆๆๆ จริงๆมันเริ่มจากรู้สึกว่าอวัยวะส่วนต่างๆในร่างกายหยุดทำงานแล้ว หูไม่ได้ยิน จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นควบคุมไม่ได้ หัวใจหยุดเต้น ฯลฯ ระหว่างนั้นก็เห็นภาพนี่แหละ จบที่เห็นรูปพระพุทธเจ้าปางสมาธิ เราก็ตะโกนในใจว่ายังไม่อยากตายนะคะ แล้วก็ดับมืดไปเลย อึดใจหนึ่งก็เริ่มรู้สึกว่าอวัยวะค่อยๆกลับมาทำงานใหม่ แล้วก็เริ่มอาเจียน ทีนี้ก็สลบไปเลยค่ะ จากคุณ : JiViNG JinX เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 53 19:21:27

ความคิดเห็นที่ 50 ผมเองก็เคยครับ......ที่แปลกคือ คคห.ที่41 เล่าแทนผมเรียบร้อยแล้ว เหมือนกันทุกประการ ( สถานที่, ภาพที่เห็น) ไม่รู้ว่าเวลาเดียวกันหรือเปล่า? วันที่มีผู้เสียชีวิตเยอะๆอ่ะครับ? จากคุณ : miumi เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 53 10:52:25

ความคิดเห็นที่ 51 เหตุการชีวิตใกล้ตายแล้ววิญญาณออกจากร่างนี่ผมเคยทดลองด้วยตัวเองมาแล้วครับ ก่อนหน้านี้เคยอ่านเรื่องคนที่ใกล้ๆจะตายบางคนจะเหมือนวิญญาณออกจากร่าง แล้วเห็นร่างตัวเองนอนอยู่บนเตียงหรือบางรายเห็นร่างตัวเองติดอยู่ในรถขณะเกิดอุบัติเหตุ มีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่สนิทๆกันแกบอกว่าตอนผ่าตัดคลอดลูกขณะหมอกำลังผ่าเพื่อเอาทารกออกทางหน้าท้อง เพื่อนผมเขารู้สึกว่าเตัวเขาเองมันเบาๆและลอยออกจากร่างแถมมองเห็นหมอกำลังสาระวนกันผ่าตัด แล้วแว๊บเดียวกก็จิตรดับไป ตื่นมาอีกทีในห้องผ่าตัดแถมแกสรุปให้เสร็จเลยว่าได้ยินผู้รู้หลายๆท่านบอกมาว่า คนเราขณะใกล้ๆจะตายวิญญาณจะออกจากร่างแล้วบางคนจะไปปรากฎในที่ๆจิตรของเราจดจ่อหรือผูกพันอยู่ แล้วพอตื่นมาก็จะจำได้ว่าจิตรของเราล่องลอยไปที่ไหนมาบ้าง แล้วเหตุการแบบนี้ก็มาหาผมครับ วันนั้นผมนอนปวดท้องเพื่อรอผ่าไส้ติ่งอยู่นานมาก มันนานจนฟุ้งซ่านแถมคิดไปคิดมาก็นึกถึงและจำเรื่องเหตุการเฉียดตายแล้วจิตรออกจากร่างที่เพื่อนเล่าให้ฟังได้ ในขณะที่ผมนอนปวดๆๆๆๆอยู่นั้นเองผมตั้งจิตรทันทีเลยครับ ระหว่างที่หมอให้มอฟีนเพื่อรอผ่าตัดนั้นผมกำหนดจิตรแน่วนิ่งถึงลูกสาวผมครับ ตอนนั้นลูกสาวผมอายุแค่ขวบกว่าๆกำลังน่ารักและผมก็กำหนดให้จิตรมุ่งไปที่บ้านทันที(ผมเป็นคนรักบ้านครับ) ระหว่างที่ปวดมากๆอยู่นั้นผมนึกทบทวนเลยครับ ว่าสเตปการเกิดจิตรออกจากร่างของผมคงจะคล้ายๆกับเพื่อผมที่แกเล่าให้ฟังแน่นอน คือมองเห็นร่างตัวเองอยู่บนเตียงผ่าตัดแล้วตัวจะเบาๆแล้วหากจิตรออกจากร่างได้จริงผมคงแว็บไปปรากฏที่บ้านแล้วเห็นลูกสาวผม(ที่กำลังน่ารัก)อย่างแน่นอน ผลการทดลองครับ ทันทีที่จิตรผมวูบนิ่งไปหลังจากหมอชวนให้สูดหายใจลึกๆระหว่างอยู่บนเตียงผ่าตัดนั้นเอง ผมตื่นมาอีกทีก็บนเตียงนั้นแหละครับแต่หมอพยาบาลไปไหนกันหมดก็ไม่รู้ แถมจิตรที่ผมพยายามเพ่งถึงลูกและถึงบ้านเพื่อหวังจะเจอกับประสพการจิตรออกจากร่างก็ไม่ประสพผลสำเร็จครับ จิตรผมไม่ได้ไปไหนไกลกว่าเตียงผ่าตัดเลยแถมตื่นมาปวดแผลทันทีเลย ไม่มีอาการตัวเบาลอยๆหรือเห็นแสงสว่างอย่างที่คิดไว้เลย แหมคิดไปก็เสียดายนะครับตอนแรกคิดว่าจะออกจากร่างกันได้ง่ายๆทุกคนเสียอีก   เป็นประสพการที่ผมทดลองแล้วไปประสพความสำเร็จครับ จากคุณ : คุณพ่อน้องจุ้นแซ่จ้าน (mang+por) เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 53 15:30:21

ความคิดเห็นที่ 52 ไม่ค่อยเชื่อนะ แต่ก็ไม่หลบลู่              คืออยากตายแล้วไม่อยากขึ้นสวรรค์   หรือ ตลกนรก  อยากตายแล้วก็สลายไปเฉยๆ  ไม่อยากมีจิตวิญญาณอะไรทั้งนั้น   มันเยอะเกิน  วุ่นวาย  แค่เป็นมนุษย์ในเมืองกรุงก็วุ่นวายพอแล้ว  ยังจะไม่วุ่นในนรกอีกหรอ   2000 ล้านคน  ไม่รวมคนที่ตายไปแล้วอีก  เยอะ  ไม่เอา  ไม่ไป  ตายแล้วก็ไปเป็นพนักงาน   พาคนที่กำลังตายไปส่งนรก  มีหัวหน้า มีลูกน้อง  วัฏจักรเดียวกับระบบทุนนิยม   ใช่เงินเบิกทางขึ้นสวรรค์ได้ เราไม่รู้ว่า   นรก  ของคนยุโรปมีรึป่าวนะ  เธอทำชั่วเธอมาตลกนรกที่ประเทศไทยนะ จริงๆแล้วมันเกี่ยวข้องกับสมอง   ก่อนตายว่าเราคิดอะไรไว้  เราจะไปไหน  มันเป็นความเชื่อ   ที่ฝั่งไว้ในจิตใต้สำนึกมากกว่า จากคุณ : 2NE1 เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 53 16:15:11

ความคิดเห็นที่ 53   เรื่องถอดจิตกับเรื่องนรกสวรรค์มีบันทึกมานานแล้วในพระไตรปิฎก แต่คนไม่สนใจกัน เพราะเห็นเป็นเรื่องงมงายบ้าง ศาสนาบ้าง ไม่เป็นวิทยาศาสตร์บ้าง พระไตรปิฎก http://www.84000.org จากคุณ : kanan เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 53 19:44:28 A:192.168.5.22 X:58.9.129.215 TicketID:279064