ความคิดเห็นที่ 1 อันดับ 9 The Dropa Stones ในปี 1938 นักโบราณคดีกลุ่มหนึ่งนำโดยดร.ชีปูเตย (Dr. Chi Pu) ได้เข้าไปสำรวจเทือกเขาเป่ยอัน-คารา-ยูลา Baian-Kara-Ula ในเมืองจีน ได้ค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ในถ้ำแห่งหนึ่งเข้าสิ่งมหัศจรรย์นี้เป็นวัตถุอารยธรรมโบราณฝังรูปร่างเหมือนแผ่นศิลาทรงกลมหลายร้อยแผ่น ฝังอยู่ฝุ่นตามพื้นถ้ำ ศิลาเหล่านี้วัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ประมาณ 9 นิ้ว แต่ละแผ่นมี รอยสลักเป็นวงกลมที่ศูนย์กลาง แล้วแกะหมุนวนแบบลายก้นหอย ดูคล้ายแผ่นเสียง ทว่ามีอายุราว 10,000-12,000 ปี เมื่อเพ่งพินิจให้ดีก็จะพบว่า ที่จริงแล้ว เส้นสายเหล่านั้นเป็น อักษรภาพตัวเล็กจิ๋วที่บอกเล่าเรื่องราวที่เหลือเชื่อว่า ครั้งหนึ่งเคยมียานอวกาศบินมาตก ที่เทือกเขาแห่งนั้น ยานอวกาศที่ว่ามีนักบินเป็นเผ่าชนที่เรียกตัวเองว่า โดรปา ซึ่งมีการพบซากของมนุษย์ที่อาจเป็นลูกหลานของชนกลุ่มนี้ในถ้ำด้วย ปล. อันนี้ดู หลุดโลกไปหน่อยนะเนี่ย แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 01:38:39 จากคุณ : ผู้ชายที่ตามรักเธอไปทุกชาติ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 01:19:02

ความคิดเห็นที่ 2 อันดับ 8 The Ica Stones ในช่วงทศวรรษ 1930 บิดาของดร.ฮาเวียร์ คาบรีบรา นักมานุษยวิทยาวัฒนธรรม ผู้ศึกษาเรื่องราวของชนพื้นเมืองในเปรู ได้พบหินหลายร้อยก้อนตามหลุมศพของชาวอินคาโบราณ ดร.คาบรีบราได้สานต่องานของพ่อ ด้วยการสะสมก้อนหิน ซึ่งเป็นหินภูเขาไฟเหล่านี้ได้มากถึงกว่า 1,100 ก้อน ซึ่งประมาณว่า มีอายุราว 500-1,500 ปี และต่อมารู้จักกันในชื่อก้อนหินอิคา หินเหล่านี้มีรอยสลัก บางชิ้นเป็นเรื่องราวทางเการแพทย์ เช่นผ่าตัด ตัดหัวใจ และปลูกถ่ายสมอง แต่ที่น่าทึ่งที่สุดก็คือ ภาพสลักรูปไดโนเสาร์ ทั้งบรอนโตซอ รัส ไทรเซอราท็อป สเตโกซอรัส และเทอโรซอร์ รูปของคนขี่ไดโนเสาร์ รูปกล้องโทรทัศน์ แล้วก็แผนที่โลกที่มองลงมาจากทางอากาศ ปัจจุบัน ยังไม่มีนักโบราณคดีคนใดอธิบายเรื่องนี้ได้ แม้นักวิชาการบอกว่า หินอิคาเป็นของที่กุขึ้นมาเอง แต่ก็ไม่เคยมีการ วิจัยเพื่อพิสูจน์ความจริงหรือหักล้างในเรื่องนี้ หินอิคาจึงเป็นก้อนหินที่น่าพิศวงต่อไป จากคุณ : ผู้ชายที่ตามรักเธอไปทุกชาติ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 01:19:46

ความคิดเห็นที่ 3 อันดับ 7 Giant Stone Balls of Costa Rica เมื่อทศวรรษ 1930 ขณะกำลังหักร้างถางพงในป่าทึบของประเทศคอสตาริกาเพื่อทำสวนกล้วย พวกคนงานได้เจอลูกหินขนาดต่างๆ หลายสิบลูก หลายลูกมีรูปร่างกลมดิก ขนาดก็แตกต่างกันไป มีตั้งแต่เท่าลูกเทนนิสไ ปจนถึงลูกที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 ฟุต หนักถึง 16 ตัน เห็นได้ชัดว่า ลูกหินพวกนี้ไม่ได้เกิดเองตามธรรมชาติ แต่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ ปัญหาก็คือไม่ได้พบร่อยรอยมนุษย์ที่อยู่ใกล้เคียงแม้แต่น้อย แม้แต่เศษเครื่องปั้นดินเผาก็พบสักชิ้น มันไม่น่าจะเป็นฝีมือมนุษย์ เพราะว่าลูกบอลยักษ์กลมดิกมาก จากข้อสันนิษฐานพบว่า ลูกบอลยักษ์เหล่านี้เกิดขึ้นก่อนมนุษย์จะเกิดเสียอีก คือเกิดในยุค แทร์เซียรีพีเรีนดซึ่งนานกว่า 40 ล้านปีมาแล้ว คนพวกไหนมาสร้างเอาไว้ ทำขึ้นมาด้วยจุดประ สงค์อันใด และที่สำคัญมีเครื่องไม้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีอะไรจึงทำลูกหิน ได้กลมเกลี้ยงถึงปานนี้? จากคุณ : ผู้ชายที่ตามรักเธอไปทุกชาติ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 01:20:22

ความคิดเห็นที่ 4 อันดับ 6 Oera Linda Book "Oera Linda Book เป็นหนังสือของพวก รีสแลนด์ (ฟรีสแลนด์เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเนเธอร์แลนด์) เป็นหนังสือที่เขียนด้วยมือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เทพนิยาย และศาสนา ที่ปรากฏออกมาเมื่อศตวรรษที่ 19 หนังสือนี้ประกอบด้วย เรื่องความหายนะ, ชาตินิยมที่ผู้หญิงเป็นผู้นำครอบครัว,เทพนิยาย พบว่ามีการภาษาที่ใช้เขียนเล่มเป็นภาษาของชนชาติยุโรปและ ของชนชาติอื่นๆ รวมอยู่ด้วย โดยเนื้อหาที่เขียนถูกรวบรวมและ จัดเรียงโดย(เจ้า)แม่ผู้นำขนบธรรมเนียมท้องถิ่น ที่อุทิศตัวเป็นนักบวชหญิงของเฟรย่า ( Freya ) เทพีแห่งความรัก บุตรีแห่งมหาเทพ Wralda กับ Irtha มารดาแห่งปฐพี ด้วยเหตุนี้ภาษาที่ใช้ จึงเป็นภาษากรีกโบราณและภาษาฟีนิเชี่ยน ฉบับปัจจุบันถูกพบว่า เขียนในปี 1260 ส่วนฉบับที่เก่าแก่กว่าถูกพบว่าเขียนในช่วงระหว่าง 2194 ปีก่อนคริสตศักราช ถึง ค.ศ.803 ซึ่งสมัยนั้นไม่มีทาง ที่เขียนภาษาแบบนี้ได้แน่ๆ แต่กระนั้นก็มีการโต้แย้งว่า มันอาจเขียนขึ้นก่อนหน้านั้นแล้วทำให้ดูเหมือนโบราณเท่านั้น จากคุณ : ผู้ชายที่ตามรักเธอไปทุกชาติ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 01:21:03

ความคิดเห็นที่ 5 อันดับ 5 Impossible Fossils อย่างที่เราเคยเรียนกันสมัยมัธยม ซากฟอสซิลที่ปรากฏอยู่ตามก้อนหินนั้น ต้องใช้เวลาก่อตัวนานนับล้านปี แต่ก็มีฟอสซิลจำนวนหนึ่งซึ่งดูจะ ขัดกับหลักธรณีวิทยาหรือประวัติศาสตร์ ชนิดผิดฝาผิดตัวอย่างสุดๆ เช่น ฟอสซิลรูปมือประทับของมนุษย์ที่พบในชั้นหินปูน ซึ่งประมาณว่ามีอายุ 110 ล้านปี เป็นต้น แล้วยังมีสิ่งที่เชื่อว่าเป็นฟอสซิลนิ้วมือของมนุษย์ ที่พบในเขต อาร์กติกของแคนาดาอีกชิ้นนี้มีอายุราว 100-110 ล้านปี ไม่แต่เท่านั้น ยังมีการพบรอยเท้ามนุษย์ ซึ่งมองเหมือนสวม รองเท้าแตะ ที่เมืองเดลตา มลรัฐยูทาห์ ในชั้นหินดินดาน อายุราว 300-600 ล้านปีด้วย จากคุณ : ผู้ชายที่ตามรักเธอไปทุกชาติ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 01:21:39

ความคิดเห็นที่ 6 อันดับ 4 Out-of-Place Metal Objects เมื่อ 65 ล้านปีก่อน ตามตำราบอกว่ามนุษย์ยังไม่เกิด และแน่นอนเรื่องช่างโลหะย่อมไม่มีแน่ แต่แล้วในฝรั่งเศสดันมีการค้นพบท่อโลหะ ทรงกึ่งรูปไข่ ที่ขุดพบในหินชอล์ก ยุคครีเตเชียส(Cretaceous) ซึ่งเป็นยุคสุดท้าย ของยุคเมโสโซอิค หรือ "ยุคไดโนเสาร์" ก่อนทวีปต่างๆ ก็ได้แยกออกจากกันเช่นในปัจจุบันได้อย่างไรกัน? ...นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างกรณีทำนองนี้มีมากมาย เช่น...เมื่อปี 1885 มีการพบท่อ โลหะในก้อนถ่านหิน ซึ่งเห็นได้ว่าทำขึ้นด้วยฝีมือของมนุษย์ ...เมื่อปี 1912 คนงานของโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งก็เจอกาน้ำโลหะ ในถ่านหินก้อนใหญ่ จากยุคหิน(Mesozoic) จากคุณ : ผู้ชายที่ตามรักเธอไปทุกชาติ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 01:22:16

ความคิดเห็นที่ 7 อันดับ 3 Ark Of The Covenant หรือหีบพันธะสัญญานั้นเองครับ ที่จริงยังไม่มีใครเจอมันหรอก แต่เรื่องราวที่เกี่ยวกับมันนั้นช่างน่าพิศวงเหลือเกิน ลักษณะของหีบพันธะสัญญาคร่าวๆ ตามตำนาน เล่าว่า เป็นหีบรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทำด้วยไม้ชิดติม (Shittim) ยาว 2.5 คิวบิท กว้าง และสูงเท่ากัน คือ 1.5 คิวบิท (เทียบหน่วยคิวบิทของอียิปต์ ซึ่ง 1 คิวบิทเท่ากับ 525 ซ.ม. หีบก็จะยาว 1.3 เมตร กว้างและสูง 76 ซ.ม. )บุด้านนอกและด้านใน ด้วยแผ่นทองคำ โดยรอบหีบด้านบนยกเป็นขอบสูงขึ้นเล็กน้อย ที่มุมสี่ด้านมีห่วงทองคำสำหรับสอดไม้คาน เพื่อแบกหามเวลาเดินทาง และไม้คานทำจากไม้ชนิดเดียวกันหุ้มด้วยแผ่นทอง (มีคำสั่งห้ามถอดไม้คานออกด้วย) ส่วนฝาหีบ เรียกว่า Mercy Seat หรือการุณอาสน์มีขนาดรับกับตัวหีบ และบุแผ่นทองเช่นเดียวกัน ด้านบนมีเทวดาสององค์สยายปีก หันหน้าเข้าหากัน ปีกทั้งสองโอบ คล้ายซุ้มโค้งเหนือหีบ มีเรื่องเล่ากันว่า หีบพันธะสัญญาเป็นหีบที่สร้างขึ้นตามพระบัญชาของ พระเจ้า(??) เพื่อเป็นที่บรรจุแผ่นหินจารึกบัญญัติ 10 ประการของพระองค์ ที่ประทานแก่ โมเสส ในระหว่างที่เขาพาพวกฮีบรูเร่ร่อนอยู่กลางทะเลทราย อันกันดาร โดยชนชาวฮีบรูจะแบกหีบแห่งพันธสัญญาตลอดการเดินทาง ในพระคัมภีร์ไบเบิลเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์และอิทธิฤทธิ์ของหีบ ที่มีพลังมากมายมหาศาลถึงขั้นสามารถทำลายล้างผู้บังอาจเข้าไปแตะต้อง และถูกพระเพลิงเผาวอดตาย แน่นอนหลายคนที่ได้รู้เรื่องราวหีบพันธะสัญญานี้ได้บอกว่า มันน่าเหลือเชื่อและหากเป็นเรื่องจริงละก็มันน่าจะเป็นวิทยาการ อะไรสักอย่างที่ไม่มีในยุคนั้น ดังนั้นจึงมีข้อสันนิฐานตามมาว่า หีบพันธะสัญญาน่าจะ ขวดแก้วไลเดน (Leyden Jar) ซึ่ง ปีเตอร์ แวน มุสเซนโบรค ได้คิดค้นขึ้น เมื่อปี ค.ศ. 1745 (เป็น อุปกรณ์เก็บสะสมประจุไฟฟ้า แบบง่าย) ซึ่งอุปกรณ์ทั้งสองอย่างนี้เกี่ยวกับไฟฟ้าทั้งสิ้น สมัยก่อนนั้นมีการใช้ไฟฟ้าได้อย่างไรกัน?? และจนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครพบหีบพันธะสัญญาที่แท้จริง ทำให้ไม่สามารถรู้ว่าหีบพันธะสัญญา คืออุปกรณ์อะไรกันแน่ จากคุณ : ผู้ชายที่ตามรักเธอไปทุกชาติ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 01:22:55

ความคิดเห็นที่ 8 อันดับ 2. The Coso Artifact ขณะออกไปหาเก็บก้อนแร่และหินสวยงามบนเทือกเขาโอ ลัน คา ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ในช่วงฤดูหนาวของปี 1961 วอลเลซ เลน (Wallace Lane), เวอร์จิเนีย แม็กซี(Virginia Maxey) และไมค์ ไมค์เซล(Mike Mikesell) ได้เจอหินที่เข้าใจว่าเป็นแก้วผลึกก้อนหนึ่ง ทั้งสามชอบใจมาก เพราะคิดว่าถ้าเอากลับไปขายที่ร้านอัญมณี ของตัวเอง คงได้ราคาพอควร แต่เมื่อกะเทาะออกดู ไมค์เซลก็เจอวัตถุชิ้นหนึ่งอยู่ข้างใน มองเหมือนเครื่องเคลือบสีขาว ตรงกลางมีแท่งโลหะแวววาว ผู้เชี่ยวชาญประมาณว่า ต้องใช้เวลาร่วม 500,000 ปี กว่าที่เจ้าก้อนผลึกนี้จะก่อตัวห่อหุ้มวัตถุนี้ไว้ ภายในได้เช่นนี้ ทั้งๆ ที่วัตถุดังกล่าวมองเหมือนเป็นผลงานจาก น้ำมือของมนุษย์ เมื่อตรวจสอบเจ้าแท่งโลหะดังกล่าวอย่างละเอียด ด้วยการ เอกซเรย์ ก็พบว่ามันมีสปริงเล็กๆ ติดอยู่ที่ปลายข้างหนึ่ง บางคนที่ได้เห็น บอกว่ามันมองเหมือนหัวเทียนของเครื่องยนต์ แล้วหัวเทียนเข้าไปอยู่ในก้อนหินอายุ 5 แสนปีได้อย่างไร? จากคุณ : ผู้ชายที่ตามรักเธอไปทุกชาติ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 01:23:31

ความคิดเห็นที่ 9 อันดับ 1 Piri Reis ในปี ค.ศ. 1979 ในระหว่างที่มีการซ่อมแซมมหาราชวังคอนสแตนทิโนเปิล (Constantinople) ในอิสตันบูล ประเทศตรุกี ก็ได้มีการค้นพบภาพวาด แผนที่ที่ถูกวาดลงบนหนังกวาง ซึ่งถูกวาดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1513 แผนที่ดังกล่าวมีการลงชื่อแสดงความเป็นเจ้าของโดยของ นายทหารเรือชาวเติร์กชื่อ Piri Haji Memmed ทำให้มีการเรียกแผนที่นี้ว่า Piri Reis คาดว่ามันถูกทำขึ้นเมื่อ ปี ค.ศ. 1513 แผนที่ของ Piri Reis เป็นสิ่งที่ท้าทายนักประวัติศาสตร์อย่างมาก เนื่องด้วยแผนที่นี้มันแสดงภูมิศาสตร์สมบูร์แบบเกินกว่า แผนที่ธรรมดาทั่วไป อีกทั้งยังมีเส้นรุ้งเส้นแวงที่ชัดเจน ซึ่งเป็นไปตามหลักวิชาการแผนที่สมัยใหม่ทุกประการ มันแสดงถึงพิ้นที่ของทวีปอาฟริกาใต้อย่างละเอียดละออเป็นพิเศษ รวมไปถึงทวีปอื่นๆอย่างคร่าวๆ ซึ่งนับว่าเหลือเชื่อที่สุด เพราะถูกทำขึ้นหลังจากโคลัมบัสคนเก่ง ค้นพบโลกใหม่ เพียง 21 ปีเท่านั้น เวลาสั้นๆแค่นี้ไม่น่า จะมีใครสำรวจจนทำแผนที่ ที่แทบจะครอบคลุมโลกแบบนี้ออกมาได้ ยิ่งน่าทึ่งกว่านี้อีกคือมันมีทวีปแอนตาร์กติก้าด้วย ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีการค้นพบทวีปดังกล่าวนี้เลย ( แอนตาร์กติก้าค้นพบราวๆ ปี 1800) เขาสามารถแสดงชายฝั่งของทวีปที่อยู่ภายใต้น้ำแข็งหนาเป็นกิโล ได้อย่างไรหากไม่ใช้กรรมวิธีสมัยใหม่ทางภูมิศาสตร์ที่เรียกกันว่า การสำรวจจากทางอากาศ จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครอธิบายได้ว่าคนวาดแผน Piri Reis นี้มีวิธีการวาดอย่างไรถึงทำให้มีความสอดคล้องกับข้อมูลทางธรณี ในยุคปัจจุบัน ทั้งๆที่มันถูกวาดขึ้นในปี 1513 จากคุณ : ผู้ชายที่ตามรักเธอไปทุกชาติ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 01:24:18

ความคิดเห็นที่ 10 มีใครอยากเสนอ อะไรเพิ่มไหมครับ มีข้อแม้อย่างเดียว คือต้องลง ภาพประกอบด้วยนะ เพื่อความตื่นเต้น อิอิ ____________________________________ Credit คุณ kill1331vz จากเว็ป soccersuck แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 01:26:30 จากคุณ : ผู้ชายที่ตามรักเธอไปทุกชาติ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 01:25:25

ความคิดเห็นที่ 11 น่าทึ่งจริงๆ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ชาวบ้านทานทน (ชาวบ้านทานทน) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 01:45:56

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ หรือว่าจะเป็นฝีมือของมะนาวต่างดุ๊ด จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 02:14:19

ความคิดเห็นที่ 13   ของพวกนี้ถูกเรียกว่า โอ-พาร์ทหรือเปล่า ?? จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 02:21:23 A:74.207.250.241 X: TicketID:276906

ความคิดเห็นที่ 14 The Ica Stones บอกมีภาพทางการแพทย์ แล้วก็ไดโนเสาร์ แต่ทำไมในรูปมีแต่การสืบพันธุ์ละน่ะ จากคุณ : MoMelyz เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 02:23:59

ความคิดเห็นที่ 15 บางทีนะ บางทีแล้ว อาจจะมีพระเจ้าก็ได้ จากคุณ : mint_la เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 02:47:55

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณที่นำมาให้ชมครับ . . . ปล. จะมีของเก่าจริงสักกี่ชิ้น 55+ จากคุณ : okaunkung เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 02:57:41

ความคิดเห็นที่ 17 สงสัยอันนี้ เครื่องกลแอนติไกเธอร่า (Antikythera Machine) จากคุณ : Endlesslife เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 02:57:50

ความคิดเห็นที่ 18 อันนี้ไม่น่าจะมีแน่นอน....ha แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 03:03:02 จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 03:02:48

ความคิดเห็นที่ 19 10. Klerksdorp sphere - เกิดขึ้นตามธรรมชาติ http://en.wikipedia.org/wiki/Klerksdorp_sphere 9. The Dropa Stones - เรื่องแต่งขึ้นมาล้วนๆ http://en.wikipedia.org/wiki/Dropa_stones 8. The Ica Stones  - คนปัจจุบันทำขึ้นมาหลอกขายนักสะสม http://en.wikipedia.org/wiki/Ica_stones 7. Giant Stone Balls of Costa Rica - กำลังทำการขุดค้นทางโบราณคดีิอยู่ ป.ล. ขอนินทาคนเขียนบทความนี้หน่อยเถอะ เอาวิธีไหนมาวัดว่าหินถูกทำขึ้นมาตอนไหน เท่าที่ผมรู้ไม่มีวิธีการทางวิทยาศาสตร์ไหนที่สามารถวัดได้ว่าหินถูกกลึงขึ้นมาเมื่อไหร่(ไม่อย่างนั้นศิลาจารึกพ่อขุนรามเรื่องก็จบไปนานแล้วถ้าวัดได้จริง) 6. Oera Linda Book - น่าจะถูกเขียนขึ้นมาราวๆ ต้นศตวรรษที่ 19 เอง 5. Impossible Fossils - เจอที่ไหน? เพราะถ้ามีคนเจอจริงๆ วาติกันต้องร้องยู้ฮูแน่ๆ เพราะมันจะเป็นการทำลายทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วินโดยสิ้นซาก 4. Out-of-Place Metal Objects  - ขอข้อมูลมากกว่านี้หน่อย ยังหาไม่เจอ 3. ............. 2. Coso Artifact - มันคือหัวเทียนยุคปี 1920 ปัจจุบันนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้เพราะไม่รู้หายไปไหน 1. Piri Reis map - มีแผนที่ร่วมสมัยหลายฉบับที่เที่ยงตรงกว่านั้น The Piri Reis map is not the most accurate map of the sixteenth century, as has been claimed, there being many, many world maps produced in the remaining eighty-seven years of that century that far surpass it in accuracy. The Ribero maps of the 1520s and 1530s, the Ortelius map of 1570, and the Wright-Molyneux map of 1599 (‘the best map of the sixteenth century’) are only a few better-known examples. The Piri Reis Map of 1513 (Athens and London: University of Georgia Press, 2000) จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 03:39:23

ความคิดเห็นที่ 20 แต่ถึงยังไงก็น่าโหวตอยู่นะ จากคุณ : ผ้านวมผืนเก่า เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 04:12:04

ความคิดเห็นที่ 21   ข้อแรกสุด ตรวจอายุผิดรึเปล่าครับ เพราะจากอายุ 3000ล้านปี ข้าวสาลียังไม่วิวัฒนาการเลยนะ (ยังไม่มีข้าวสาลีในยุคนั้น) จากคุณ : NOVA เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 05:05:24 A:58.64.119.44 X: TicketID:237558

ความคิดเห็นที่ 22 รูปในความเห็นที่สอง เหมือนชายกับชายทำอะไรกันเลยค่ะ --" จากคุณ : walnutsoda เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 05:37:30

ความคิดเห็นที่ 23   The last civilization ครับ จากคุณ : PV เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 06:16:01 A:124.120.7.67 X: TicketID:102349

ความคิดเห็นที่ 24 นึกว่าจะเจอกระโหลกแก้วซะอีก จากคุณ : angel13th เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 06:31:11

ความคิดเห็นที่ 25 อันนี้ก็แปลกดี เห็นจากกระทู้ข้างล่าง!! นักโบราณคดีสวีเดน พบอวัยวะเพศชายเทียมเก่าแก่ที่สุดในโลก คาดถูกประดิษฐ์ใช้ในยุคหิน อายุมากกว่า 8,000 ปี           เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นักโบราณคดีสาวรายหนึ่งค้นพบอวัยวะ เพศชายเทียมสลักจากเขากวาง ใกล้ฝั่งแม่น้ำของคลองโกต้า ใกล้เมืองโมตาล่า ประเทศสวีเดน โดยอวัยวะเพศชายเทียมดังกล่าว มีขนาดความยาว 6 นิ้ว และกว้าง 1 นิ้ว ซึ่งในตอนแรกเธอคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เขากวาง แต่เมื่อพิจารณาแล้วก็ถึงบางอ้อ           ด้านนักวิทยาศาสตร์ เชื่อว่าวัตถุดังกล่าวเป็นอวัยวะเพศชายเทียมที่น่าจะมีอายุมากกว่า 8,000 ปี และเป็นอวัยวะเพศชายเทียมที่เก่าแก่ที่สุดของโลก อย่างไรก็ตาม มีการคาดกันว่า มันถูกประดิษฐ์ใช้เพื่อความสำราญทางเพศในยุคหิน บ้างก็ว่า เป็นสัญญลักษณ์ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมในงานเลี้ยงฉลองต่าง ๆ ในยุคนั้น แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 08:22:10 แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 08:21:41 จากคุณ : champercc36 เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 08:20:47

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณทั้ง จขกท. และคุณ Nexus เลยครับ กะแล้วว่าต้องมีคนมาให้ข้อมูลคัดค้าน แต่มาเร็วเหมือนกันนะ จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 08:24:01

ความคิดเห็นที่ 27   ฝรั่งเบิกเนตร จากคุณ : นะ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 08:24:19 A:61.19.66.214 X: TicketID:259615

ความคิดเห็นที่ 28 เป็นบทความเท็จที่บ่อนทำลายวิทยาศาสตร์ได้อย่างน่ากลัว ร้อยละ 90 ของคนที่อ่านจบ เชื่อโดยไม่พิจารณา จากคุณ : ชาลีฟ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 08:30:22

ความคิดเห็นที่ 29 รูปในอันดับ 5 Impossible Fossils  ดูเหมือนฟันอ่ะ ประมาณฟันกรามน้อย จากคุณ : wooW เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 08:47:38

ความคิดเห็นที่ 30 ทฤษฎีเดียวที่เป็นไปได้คือ นั่งเครื่องย้อนเวลาแล้วทำของหล่นไว้ จากคุณ : A.R.T. เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 08:54:09

ความคิดเห็นที่ 31 O-Parts แน่นอน ... (เดี๋ยวคงมีหินโอริฮาร์ก้อนมาแจม) จากคุณ : หลี่ซื่อหมิน เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 09:04:19

ความคิดเห็นที่ 32 ต้นฉบับมาจากที่นี่ค่ะ เวปเด็กดีเอามาแปล http://listverse.com/2008/07/23/10-more-unsolved-mysteries-of-the-world/ เวปนี้ก็อ่านสนุกดี แต่บางอย่างก็คงเอาไปอ้างอิงไม่ได้ เพราะเขียนขึ้นตามความพอใจของเจ้าของบทความ อย่างเรื่อง http://listverse.com/2010/07/03/top-10-unusual-uses-for-coca-cola/ เป็นเรื่องของการนำโค้กไปใช้ กำจัดสนิม ล้างตระกรัน ซักเสื้อผ้า เอามาจากฟอร์เวิร์ดเมล์เลยค่ะ ^ ^ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 09:34:01

ความคิดเห็นที่ 33 #19 แหม  มาเร็วไปนิด  กำลังตื่นเต้นกับจินตนาการเลย  หุหุ จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 09:41:46

ความคิดเห็นที่ 34 Ark Of The Covenant  ทุกวันนี้ยังหาไม่เจอเลยมีแต่เรื่องเล่าเรื่องแต่ง จริงอาจเป็นแค่หีบธรรมดา หรืออาจไม่มีเลยด้วยซ้ำ จากคุณ : BarLock เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 10:36:04

ความคิดเห็นที่ 35 แต่ละอย่างเวอร์ๆทั้งนั้น จากคุณ : ปลาทองสยองเมือง เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 10:43:31

ความคิดเห็นที่ 36 มีนักโบราณคดีบางคนเชื่อเรื่องวงล้อวิวัฒนาการ คือช่วงเวลาหนึ่งมีมนุษย์อาศัยอยู่  เกิดวิวัฒนาการทั้งทางด้านร่างกายและสมอง สามารถประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมต่างๆ  ได้ระดับนึง  แต่มีเหตุบางอย่าต้องหยุดหรือสาบสูญไป แล้วก็เริ่มวงล้อวิวัฒนาการใหม่อีกครั้ง  บางครั้งก็เกิดขึ้นในบริเวณเดิม  ทับซ้อนกันไปเรื่อยๆ แต่ในมุมมองของวิทยาศาสตร์แล้ว  มันยากที่จะคิดและเชื่ออย่างนั้น เชื่อหรือไม่คะว่า  คณะสำรวจแอตแลนติส  บริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ไม่ได้มีแต่ทีมโบราณคดีที่สำรวจกันอย่างเปิดเผย แต่มีทีมวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยในอังกฤษ  อเมริกา  ฝรั่งเศส  ตั้งทีมกันอยู่   โดยตั้งชื่อ project ว่าการสำรวจด้านวิทยาศาสตร์ชีววิทยาทางทะเล  ทั้งที่จุดประสงค์ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องสำรวจธรรมชาติอย่างเดียว   แต่เป็นเรื่องวัฒนธรรมและวิวัฒนาการมนุษย์ด้วย   และชุดสำรวจประเภทนี้มีทุนอุดหนุนจากหลายแหล่ง  ทำให้ทำงานได้สะดวกกว่าทีมเฉพาะด้านทางโบราณคดี จากคุณ : bailie เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 11:18:49

ความคิดเห็นที่ 37 Paranormal Phenomena เวบนี้ 10 เหตุอปกติ คล้ายกัน ผิดบางอัน http://paranormal.about.com/od/ancientanomalies/ig/Most-Puzzling-Ancient-Artifact/grooved_sphere.htm ไม่รู้เวบนี้หรือเวบ#32 ใครมาก่อน http://listverse.com/2008/07/23/10-more-unsolved-mysteries-of-the-world/ 5 Impossible Fossils เป็นรูปปั๊มฝ่ามือคน?? 8 Ica Stones รูปไดโนเสาร์ จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 11:58:30

ความคิดเห็นที่ 38 เจอ แบบนี้ เข้าไป ผมขอลายเซ็นเลย อิ อิ จากคุณ : SuperunknowN เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 12:12:43

ความคิดเห็นที่ 39 Ica stone นี่พิสูจน์แล้วว่าเป็น Hoax ครับ ว่าแต่ตามรูปใน #2 ไม่เห็นไดโนเสาร์ซักตัว แผนที่โลกก็ไม่มี มีแต่จุ๊มุก่อนประวัติศาสตร์ คนโบราณ "ใหญ่" ขนาดนั้นกันเลยเหรอ น่ากลัว จากคุณ : alan the lamb เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 12:20:15

ความคิดเห็นที่ 40 #4   6 Oera Linda Book หนังสือเขียนด้วยมือของชาวฟรีสแลนด์ ซึ่งเป็นจังหวัดนึงของเนเธอร์แลนด์ เล่าประวัติศาสตร์ ตำนาน ศาสนา พบในคริสตวรรษที่ 19 นักวิเคราะห์ว่าปลอม บางคนยังเชื่อว่าจริง The Oera Linda Book is a controversial Frisian  manuscript covering historical, mythological, and religious themes that first came to light in the 19th century. Modern linguistic analysis has argued that the book is a hoax (Breuker, 1980; Jensma 2002), while the overall themes presented within the text have led some to consider it genuine. http://en.wikipedia.org/wiki/Oera_Linda จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 12:33:28

ความคิดเห็นที่ 41 # 5  5 Impossible Fossils รูปจาก http://www.phenomenica.com/2008/10/10-most-puzzling-ancient-artifacts.html ปัญหาคือการหาอายุ อาจเชื่อถือไม่ได้ จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 12:59:22

ความคิดเห็นที่ 42 อืมๆ หลายๆคนมีข้อมูลน่าสนใจกันเยอะเลย จากคุณ : ผู้ชายที่ตามรักเธอไปทุกชาติ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 13:07:27

ความคิดเห็นที่ 43 อันดับ 3 Ark Of The Covenant 1 คิวบิท = 52.5 ซม. จากคุณ : mahaveera เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 13:08:57

ความคิดเห็นที่ 44 ขอวิธีตรวจสอบอายุวัตถุเหล่านั้นด้วยนะครับ ว่าได้อายุมาด้วยวิธีการใด เห็นบอกแต่อายุแต่ไม่บอกว่าธีที่ได้มา จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 14:23:17

ความคิดเห็นที่ 45 คาร์บอน 14 กัมมันภาพอะไรสักอย่างหรือป่าวไม่แน่ใจ เคยเรียนตอน Physics II จากคุณ : champercc36 เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 15:01:39

ความคิดเห็นที่ 46 #25 คุ้นๆ เนอะ จากคุณ : =Medley= เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 15:02:29

ความคิดเห็นที่ 47   หินกลมดิ้ก แบบนั้น แถวอ่างศิลาเราทำได้สบายครับ ทำด้วยมือนี่แหละ ไม่ยากเลย จากคุณ : เอ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 15:22:55 A:210.203.191.193 X: TicketID:248569

ความคิดเห็นที่ 48 คาร์บอน-14ใช้ในการวัดอายุโดยใช้กัมมันตภาพรังสี ซึ่งใช้ในทางโบราณคดีครับ แม่นยำมากเลยทีเดียว จากคุณ : ผู้ชายที่ตามรักเธอไปทุกชาติ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 15:54:25

ความคิดเห็นที่ 50 ไทม์แมชชีนชัวร์ๆ... จากคุณ : ร้อนนักรักซะเลย (tkung13) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 16:30:27

ความคิดเห็นที่ 51 ^ ^ ^ ตอนหลังๆนี่ เรื่องจริงใช่มั๊ยครับ จากคุณ : lucifer777 เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 16:30:33

ความคิดเห็นที่ 52 ^จิ้มไปคห.ที่49 ^ ^ เชื่อดีไหมนี่(-_-") แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 16:35:31 จากคุณ : นางเอกหนังไทย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 16:34:44

ความคิดเห็นที่ 53   ^ ^ ^ เชื่อเหอะคับ ผมนั่งไทม์แมชชีนไปดูอย่างที่ #50 ว่า จากคุณ : Catwater เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 16:43:48 A:117.47.124.84 X: TicketID:258544

ความคิดเห็นที่ 54 1. แผนที่โลกเป็นไปได้นะคะ  ก่อนโคลัมบัสไปอเมริกา ก่อนหน้าเคยมีกองทัพเรือของเจิ้งเหอไปมาก่อนแล้ว เพราะงั้นไม่แปลกที่จะมีแผนที่ -_-' จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 17:47:14

ความคิดเห็นที่ 55 จขกท. + คห.48 คาร์บอน-14 ใช้หาอายุได้แค่้ไม่เกิน 60000-80000 ปีเองครับ หลังจากนั้นค่าความคาดเคลื่อนจะมากไโดยไม่สามารถยอมรับได้ ส่วนใหญ่จะใช้ U-238 หรือพวกสตรอนเทียมมากกว่าครับ ถ้าเกิดแหล่งที่มาบอกว่าใช้คาร์บอน-14 ก็แสดงว่าจบตั้งแต่ตรงนี้แล้วไม่น่าเชื่อแล้ว เพราะของแต่ละอย่างอายุเป็นล้านปีทั้งนั้นเลย จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 17:57:01

ความคิดเห็นที่ 56 หีบแห่งพันธสัญญา ผมว่าจริงๆ แล้ว มันอาจแค่ร้อนจัดเพราะตากแดดนานก็ได้นะ โลหะตากแดดนานๆ ก็ร้อนลวกมือ พอมีคนเผลอเอามืจัดตรงงๆ ก็"จ๊ากกก กรูโดนคำสาบแล้ว" แล้วพอข่าวแพร่สะพัดออกไปจากเห,้กลวกมืทอก็กลายเป็นมือไหมไฟช๊อต ถึงแก่ีวิต บลาๆๆ คห.36 ที่แน่ๆ ฮิตเลอร์ก็ตามหาเกอะแอตแลนติสนะ ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม เคยดูในสารคดี มีเกาะเกาะนึงที่เชื่อกันว่าเป้นแอตแลนติสและกองทัพนาซีก็พยายามจะบุกยึดเอามาปลุกใจสาวก(ประมาณ "ตูยึดแอตแลนติสได้เฟ้ย เห็นไหมเผ่าพันธุ์อารยันเนี่ยแหละเจ๋งสุดในสามโลก") แต่ก็น่าแปลกที่กองทัพนาซีกลับเป็นฝ่ายแพ้ในศึกครั้งนั้น แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 19:59:40 จากคุณ : bloodsoap_cdaz เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 19:50:19

ความคิดเห็นที่ 57 ........... แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 19:59:18 จากคุณ : bloodsoap_cdaz เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 19:58:54

ความคิดเห็นที่ 58 คนจีนรู้ว่าโลกกลมตั้งแต่ฝรั่งยังกลัวตกโลกอยู่เลย(รึเปล่า) เกี่ยวกับกระทู้มั้ยเนี่ย จากคุณ : NekoOni เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 20:03:16

ความคิดเห็นที่ 59   ผมว่าไอ้พังก้า พุงก้าของกระทู้ข้างล่างดูพิศวงกว่า มันตัดหินทำเป็นอิฐบล็อคเลย มีแบบสอด มีแบบไส้ด้วย เรียบเนียบกริบ จากคุณ : สอยดาว เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 20:22:57 A:115.87.72.203 X: TicketID:281876

ความคิดเห็นที่ 60   ทำไมอันดับที่8   ก้อนตรงกลางผู้ชายโดนล้วงหรอ  = =" อะไรกัน สมัยนั้นมะการตุ๋ยแล้วหรอ จากคุณ : ATomiCGuY (ATomiCGuY) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 21:33:54

ความคิดเห็นที่ 61 หินอะไรมีรูปคล้ายๆ ชายตุ๋ยชายเลย หรือคือนิตยสารเจาะกลุ่มลูกค้าของสมัยนั้น ? จากคุณ : Pride เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 22:50:40

ความคิดเห็นที่ 62 ทฤษฎีสมคบคิด จากคุณ : kodindy เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 01:15:06

ความคิดเห็นที่ 63 Time Machine จากคุณ : Supolacs เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 02:35:04

ความคิดเห็นที่ 64   คห 2 ผมยังไม่เห็นไดโนเสาเลยครับ เห็นแต่ศึกชนช้าง ทำให้เห็นว่า รักร่วมเพศมาแต่โบราณกาล -*- มีเอาใส่เหยือกไว้ด้วย เท่มาก จากคุณ : -*- เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 04:39:14 A:124.120.183.38 X: TicketID:224624

ความคิดเห็นที่ 65 ^__^ จากคุณ : เซ็งอูฐ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 12:35:27

ความคิดเห็นที่ 66 ฃอบจังเรื่องแบบนี้ เปิดจินตนาการดีครับ จากคุณ : thasiwat เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 22:58:52

ความคิดเห็นที่ 67 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 12:16:11

ความคิดเห็นที่ 68 ทำลิงก์ให้ http://pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9556458/X9556458.html การแย้งพิสูจน์ โดย =Por= จากคุณ : Prof.Sirius เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 02:52:05