ความคิดเห็นที่ 1 ไปเรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพครูอีก 1 ปีนี่ครับ หรือว่าเปลี่ยนแล้วแบบนี้พวก สควค. ทำไงเนี่ย แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 53 21:48:36 จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 21:47:16

ความคิดเห็นที่ 2 ู^ ^ ไม่ได้แล้วครับ ข่าวเพิ่งออกวันนี้ =============== 9 สค. 2553 17:57 น.    ดร.ดิเรก พรสีมา ประธานคณะกรรมการคุรุสภา กล่าวหลังประชุมคณะกรรมการคุรุสภาว่า ที่ประชุมยังมีมติยกเลิกการให้การรับรองหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต (ป.บัณฑิต) โดยให้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ดังนั้นสถาบันผลิตครูที่เคยส่งหลักสูตรมาให้การรับรองและคุรุสภาให้การ รับรองไปแล้ว ทางคุรุสภายกเลิกไม่ให้การรับรองต่อไป แต่จะไม่กระทบต่อนักศึกษาหลักสูตร ป.บัณฑิตที่กำลังเรียนอยู่ในขณะนี้และยังไม่จบ แต่ไม่ให้สถาบันผลิตครูรับหลักสูตรป.บัณฑิตรุ่นใหม่อีก เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้มีผู้จบการศึกษาผู้มีใบอนุญาตฯพอแล้ว และ คุรุสภาควบคุมคุณภาพสถาบันผลิตครูได้ลำบากเพราะสถาบันผลิตครูบางแห่งบริหาร หลักสูตรได้มีคุณภาพ แต่บางแห่งไม่บริหารหลักสูตรให้เป็นไปตามที่เสนอต่อคุรุสภา ทำให้หลายหน่วยงานบ่นเรื่องคุณภาพของหลักสูตรป.บัณฑิต อีกทั้งผลวิจัยของมหาวิทยาลัยมหาสารคามพบว่าผู้เรียนหลักสูตรป.บัณฑิตคุณภาพ ต่ำกว่าผู้เรียนหลักสูตรครู 5 ปี “ส่วนสถาบันอาชีวศึกษาหรือสถาบันการศึกษาอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ครูซึ่งไม่ ได้จบด้านการศึกษาหรือสายช่าง ถ้าจำเป็นต้องอบรมเพื่อให้ได้ใบอนุญาตฯทางคุรสภาจะประสานงานกับหน่วยงาน เหล่านั้นเพื่อประสานกับสถาบันผลิตครูเพื่อจัดอบรมเป็นรายสถาบันรายกรณีไป” ดร.ดิเรก รวมทั้งที่ประชุมยังมีมติยกเลิกหลักสูตรการฝึกอบรมตามมาตรฐานวิชาชีพครู เช่น ครูมี 9 มาตรฐาน ซึ่งการอบรมมาตรฐานละ 20 ชั่วโมงก็มาขอใบอนุญาตฯแต่ไม่กระทบผู้ที่เรียนอยู่ในขณะนี้ แต่ไม่ให้สถาบันผลิตครูเปิดรับนักศึกษาใหม่ เพื่อควบคุมคุณภาพและมาตรฐานวิชาชีพครูสูงขึ้นสอดรับการปฏิรูปการศึกษารอบ สองที่ต้องการพัฒนาคุณภาพครู    นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติให้ปรับ ปรุงมาตรฐานวิชาชีพครูซึ่งปัจจุบันมาตรฐานวิชาชีพครูมี 9 มาตรฐาน ผู้บริหารและศึกษานิเทศก์มี 10 มาตรฐาน จะเพิ่มมาตรฐานวิชาชีพเข้าไปอีก 1 มาตรฐานในทุกกลุ่มโดยเพิ่มมาตรฐานความรู้ในวิชาที่ครูจะสอน หากเป็นครูระดับปฐมวัยจะเพิ่มมาตรฐานความรู้เน้นจิตวิทยาสำหรับเด็ก การดูแลช่วยเหลือเด็ก การพัฒนาเด็กได้อย่างสมวัย ครูระดับประถมจะเพิ่มความรู้และเทคนิควิธีในกลุ่มสาระที่ครูต้องสอนในระดับ ประถมศึกษา ครูระดับมัธยมจะเพิ่มความรู้เนื้อหาวิชาทีครูจะไปสอน หากสอนวิชาเช่นฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ก็จะต้องมีความรู้ในวิชาเหล่านี้ จะต้องเพิ่มเข้าไปในมาตรฐานความรู้วิชาชีพ ทั้งนี้ ==================== http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=463954&lang=T&cat= จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 21:50:48

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านข่าวตัวเต็มที่นี่นะครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9597296/K9597296.html งงครับ ตกลงคือต้องเรียนคุรุศาสตร์ ( หรือศึกษาศาสตร์ ) หลักสูตร 5 ปีเท่านั้นจึงจะสอบใบอนุญาตได้ใช่ไหมครับ? ไม่ใช่ว่าเรียนมาทางด้านอื่น ( Ex. พวกเรียนคณะวิทย์ฯ เอกฟิสิกส์ หรือพวกเรียนมนุษยฯ เอกประวัิติศาสตร์ แต่ไม่ได้เรียนคุรุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ ) แล้วมาอบรม + สอบใบอนุญาตก็ได้ใช่ไหม? แบบนี้มันจะดีหรอครับ ผมว่าพวกเรียนคณะเฉพาะทางดังกล่าว ความรู้เรื่องนั้นๆ น่าจะแน่นกว่าพวกเรียนคุรุฯ - ศึกษาฯ อีกนะ เหมือนนักฟุตบอลที่ค้าแข้งในวัยหนุ่ม พอหมดช่วงเวลานั้นก็มาอบรมโค้ช ได้ใบอนุญาตแล้วก็เอาไปคุมทีมต่างๆ ได้ แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 53 21:51:41 จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 21:51:08

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่า มันควรจะมีการสอบสำหรับคนที่ไม่ได้จบ วุฒิครู มาโดยตรง แล้วสนใจอยากเป็นครู ไม่จำเป็นต้องเรียนนานขนาด 5 ปี แต่ให้มีการสอบมาตรฐานต่างๆที่ คนจบวุฒิครู ควรทำได้ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คณิตศาสตร์ ม. ปลาย อินทิเกรต 2 ชั้น ครูที่จบ กศ.บ. นี่แตกฉานขนาดไหน เมื่อเทียบกับ วท.บ. pure math ผมว่า ถ้าเป็นวิชาทางวิทยาศาสตร์ ชนกับแบบวิชาต่อวิชา คณิตศาสตร์ เคมี ชีวะ ฟิสิกส์ ผมว่า ด้วยภูมิรู้ของคนที่จบมาทางครู กับจบมาทางวิทยาศาสตร์/วิศวะ ผมให้อย่างหลังชนะครับ แต่สิ่งที่วิศวะ/วิทยาศาสตร์ ขาดไปคือ ศาสตร์แห่งการถ่ายทอด และจิตวิทยาเด็ก เพราะครู ไม่ได้มีหน้าที่แค่สอนหนังสืออย่างเดียว ยังต้องมีหน้าที่ ให้คำปรึกษาเด็กๆด้วย อย่างบางกรณี เด็กถูกคนที่บ้านข่มขืน เด็กทะเลาะกัน เด็กเสพยา ผมว่า การสอนให้คนที่เป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว ให้มารู้เรื่องแบบที่กล่าวไปข้างบน มันง่ายกว่าการที่เอาคนที่รักเด็ก เข้าใจเด็ก ถ่ายทอดดี แต่ภูมิทางวิทยาศาสตร์ไม่แตกฉาน มาทำให้เก่งขึ้นนะครับ จากคุณ : โลหการ4 เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 21:55:07

ความคิดเห็นที่ 5   อะไรมาการันตีว่าคนที่เรียนมาเฉพาะทางมีความรู้แน่นกว่าหรือคะ เด็กไม่ได้ต้องการครูที่ความรู้แน่น แต่ต้องการครูที่มีความรู้ที่ถูกต้องและมีเทคนิคการสอนที่ดีมีจิตใจที่รักในการสอนอย่างจริงจัง จากคุณ : แหนม เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 22:13:18 A:183.89.78.132 X: TicketID:270759

ความคิดเห็นที่ 6 สรุปว่าครูไม่ขาดแคลนแล้วใช่ไหมเนี่ย จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 22:16:48

ความคิดเห็นที่ 7 ^- อย่าคิดแทนเด็กได้ไหม สมัยเรียน ม ปลาย ผมอยากได้ครูเก่งๆ ผมอยากได้ครูที่ตอบคำถามผมได้ ไม่ใช่เจอคำถามนอกตำราหน่อย หน้าหงิก แล้วเลี่ยงคำถาม ครูที่ดี คือ ความรู้ถูกต้อง และ แน่น พอจะหนุนศักยภาพเด็กได้ ไม่ใช่มีแต่ใจรัก ครูที่พื่นไม่แน่น เทคนิคการสอนช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกครับ จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 22:18:00

ความคิดเห็นที่ 8   จากประสบการณ์นะครับ คนที่สอนได้ ไม่ใช่คนที่เรียนเก่งเฉพาะด้านเสมอไป ถ้าเคยเรียนกับพวก ดร. จะเข้าใจว่า ดร. สอนไม่รู้เรื่อง แต่พอเพือ่นติวดันเข้าใจ ผมว่าน่าจะประมาณนี้ แต่ว่าปิดกั้นแบบนี้ไม่ถูกนะ จริง พวกสาขาขาดแคลน อย่าง คณิต วิทย์ ภาษานี่ยังไงก็ไม่เคยพอ จากคุณ : aloha_123 เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 22:23:36

ความคิดเห็นที่ 9 จาก คห.5 ผมสอนพิเศษเด็ก (รวมทั้งอารมณ์ของผมตอนเรียนหนังสือ) อารมณ์ของเด็กและผมจะ prefer อาจารย์ที่ 1) ทำให้ผมเคลียร์ในเรื่องที่สอนได้ 2) สามารถตอบคำถามหรือชี้แนะแนวทางได้อย่างดี 3) ในเรื่องที่เห็นภาพได้ยากทำให้ไม่อยากเรียน ครูที่ดีต้องชี้ภาพให้เด็กเห็นว่ามันเป็นประโยชน์อย่างไรต่อโลกนี้    และประยุกต์ใช้อย่างไรได้ ในฐานะผู้เรียนผมไม่สนหรอกว่าครูคนนี้จะจบแบบไหนมา แต่ต้องตอบสนอง need ของผู้เรียน 3 ข้อนี้ได้ ซึ่งคนที่เขาเรียนเฉพาะทางหรือสายที่ต้องใช้มา แล้วอยากมาเป็นครู เขารู้อยู่แล้วครับ ว่าเขาต้องสอนให้เด็กรู้เรื่อง แล้วอยากสอนหนังสือ ไม่งั้นเขาไปทำงานวิชาชีพเขาดีกว่า ได้เงินเยอะกว่าด้วย แล้วไปทำกวดวิชาเองได้ด้วยไม่โดนข้อครหาอีกว่ากั๊กเด็กให้ไปเรียน ผมชื่นชมคุณครูที่จบ กศ.บ. หรือ ค.บ. ที่ตอบคำถามทั้ง 3 ข้อที่ผมสนใจได้ ซึ่งมีอยู่เยอะ แต่ผมจะไม่ชอบครูที่มีไม่ครบ 1-3 ไม่ว่าจะจบอะไรมา    เพราะในฐานะที่ตัวเองเป็นผู้สอน ตัวเองควรจะรู้กว้างและทันสมัยในเนื้อหาตลอดเวลา รวมถึงเป็นผู้แนะนำเด็กที่ดีได้ด้วย ในสายตาผมผมคิดว่าไม่เห็นมีปัญหาอะไรที่คนจะเรียนเฉพาะทาง มาประกอบวิชาชีพครู โดยการเรียน ป.บัณฑิต เพื่อเสริมความเป็นครูให้เขา หรือว่าจะทำเป็นวิชาชีพสงวนก็บอกมาตรงๆ จะได้เลิกสนใจ แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 53 22:55:49 แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 53 22:29:32 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 22:27:32

ความคิดเห็นที่ 10 ค.ห. 8 การสอนหนังสือ (เรียน) ในมหาวิทยาลัยมันคนละอย่างกันครับ อาจารย์เป็นผู้ชี้แนะแนวทางเฉยๆ เด็กต้องอ่านเอง อาจารย์เขาก็ให้ Office Hour มาแล้วใน Course syllabus ถามว่าเด็กขึ้นไปถามไหมถ้าไม่เข้าใจ ก็ไม่มีใครขึ้นไปถาม เชื่อเพื่อน เชื่อรุ่นพี่ แต่ดันไม่กล้าไปหาอาจารย์ แล้วเด็กอ่านหนังสือมาก่อนเรียนไหม ถ้าไม่จับ QUIZ ก่อนเรียนหรือทำแล็บก็แทบไม่มีใครอ่านมา (แน่นอนรวมทั้งผมด้วย แต่ผมเน้นเรียนนอกห้องเรียนหรือเรียนในฝัน จะเข้าเฉพาะคาบที่เช็คชื่อหรือแล็บ) เด็กที่เรียนมันมีตั้งแต่ - เราพยายามเคี้ยวให้แล้วเหลือแค่ให้มันอ้าปาก มันยังไม่อ้าเลย (ถ้าให้ทางเลือดได้คงให้ไปแล้ว) - ในขณะที่บางกลุ่มชี้ทางว่าข้าวอยู่ตรงไหน มันก็ไปหาแล้ว แต่คอนเซปส์ในการเรียนมหาวิทยาลัยคือการชี้ทางครับ... แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 53 22:39:48 แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 53 22:35:12 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 22:34:12

ความคิดเห็นที่ 11 ตาม พรบ. การศึกษา ปี 2542 กฏหมายต้องการให้ ครู เป็นอาชีพเฉพาะทาง แต่ไม่สามารถทำได้สักที มันยังเป็นอาชีพจับฉ่าย ใครก็ได้ จบอะไรก็ได้ เรียนอะไรมาก็ได้ มาเป็นครู คิดว่าความฝันของอาชีพครู เทียบเท่าพวก อาชีพแพทย์ ทันตะ เภสัช วิศวะ ถาปัต อะไรพวกนี้มั่ง จากคุณ : Mr.Review เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 22:35:20

ความคิดเห็นที่ 12 ในขณะที่ในโรงเรียน มันคือการตักข้าว ตักน้ำให้ รวมถึงการป้อนและอาจเคี้ยวให้ด้วย ซึ่งคนที่มาสอน ไม่ว่าจบอะไรมา ต้องรู้ว่าปรุง ตบแต่ง เคี้ยวแล้วป้อนอย่างไรเด็กถึงจะสนใจ ในขณะเดียวกันต้องเริ่มชี้ทางบางอย่างให้เด็กได้ เช่นการทำโครงงาน ผมมองว่าถ้าใครทำตรงนี้ได้ก็โอแล้ว + ความเอาใจใส่เด็กเพิ่มเติม จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 22:38:36

ความคิดเห็นที่ 13   ไม่ได้คิดแทนเด็ก แต่คิดในฐานะผู้เรียน คุณเห็นคำว่า "ความรู้ที่ถูกต้อง" ไหมคะ กรุณาอ่านข้อความให้ละเอียดด้วยนะคะ ไม่ใช่ค้านอย่างเดียว ครูที่มีใจรัก ยังไงเค้าก็ต้องพัฒนาศักยภาพการสอน ทั้งความรู้และเทคนิคในการสอนอยู่แล้ว ครูไม่จะเป็นต้องรู้ทุกอย่าง แต่สิ่งที่ครูรู้ควรจะถูกต้องทุกอย่าง เพราะสิ่งที่ครูไม่รู้ เขาจะไปหาความรู้มาบอกนักเรียนหลังจากนั้น (เคยเจอมาแล้วและไม่เคยรังเกียจที่ครูบอกว่าไม่รู้เลย ) จากคุณ : แหนม เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 22:42:45 A:183.89.78.132 X: TicketID:270759

ความคิดเห็นที่ 14   ... มันไม่นับพวกที่สอนพิเศษ ... เชื่อป่ะ อีกหน่อย จะมี รร. สอนพิเศษ โฆษณาว่า รร. แห่งนี้สอนโดย ครูจบ ป.ตรี วิศวะ - วิทยาศาสตร์ - หมอ เท่านั้น (ซึ่งตอนนี้หลายที่ก็เป็นอย่างนั้น) จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 22:49:37 A:124.121.211.73 X: TicketID:250855

ความคิดเห็นที่ 15 เอาหลักสูตรมาเทียบกันดีกว่าครับว่าหลักสูตรครู 5 ปี กับ สาขาอื่น 4 ปี+ป.บัณฑิต วิชาชีพครูมีที่ต่างกันตรงไหนบ้าง และวิชาไหนในหลักสูตรครู 5 ปี ที่ทำให้เป็นครูมากกว่า จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 22:54:11

ความคิดเห็นที่ 16 จิ้ม 14 ไม่แปลกหนิครับ อาจารย์สอนเลข ม.5 ผมยังจบบัญชี สถิติ มาตรงๆ เลย เจ๋งดี ชอบมาก ผมว่าดีด้วยซ้ำถ้ามีครูสอนชีวะเป็นหมอ รร. ไม่ต้องไปหาครูพยาบาลมาด้วย ไปค่ายก็พาครูคนนี้ไปนั่นแหละ ใส่ไว้ใน JD เลย 5555+ หรือว่าถ้าเป็นวิศวกร ก็ให้เป็นหัวหน้าอาคารและสถานที่ไปเลย...หุหุ แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 53 22:59:10 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 22:55:01

ความคิดเห็นที่ 17   ครูที่ดีต้องจูงใจเด็กให้อยากศึกษาได้ ครูที่รู้ไม่ลึกซึ้ง ก็สามารถทำได้ แต่ครูที่รู้ลึกซึ้ง "อาจ" จะทำได้ดีกว่า เพราะอะไร? เพราะว่ารู้ลึก ว่าอะไรเป็นอะไร รู้ว่าจุดไหนควรเน้น จุดไหนควรปล่อย รู้ว่าอะไรคือพื้นฐานที่สำคัญที่เด็กควรรู้ จุดไหนที่กระตุ้นความคิดเด็กได้ ไม่ยัดเนื้อหามั่ว ๆ แบบที่กระทรวงกำหนดมา รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ควรยกตัวอย่างแบบไหนให้เด็กเข้าใจ ซึ่งจะทำให้เด็กสนุกไปกับการเรียนได้ (เด็กก็จะหนีโรงเรียนน้อยลงด้วยมั้ง) แต่ผมไม่ได้บอกนะว่าคนที่จบครูโดยตรงทำไม่ได้ แต่เรื่องทั้งเรื่องก็คือ ถ้าเราได้คนที่เรียนวิชาในเชิงลึกมาสอน แล้วทำได้ดีกว่า ... คนที่เรียนมาโดยตรงจะตกงาน เด็กจะได้รับความรู้ รับการศึกษาอย่างดี แล้วเด็กจะฉลาด รู้จักคิด วิเคราะห์ แสวงหาสิ่งที่ก้าวหน้า และรู้เท่าทัน และเมื่อประชาชนฉลาด ต้องการความก้าวหน้า และรู้เท่าทัน ... ... คิดต่อเอาเองนะครับว่าจะเป็นอย่างไร จากคุณ : เศียรนาคา ... เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 23:03:40 A:125.24.43.216 X: TicketID:281166

ความคิดเห็นที่ 18 ครูสอนวิทยาศาสตร์มีเพียงพอแล้วหรือไงครับ เอาแบบที่ทีความรู้ ความเข้าใจจริงๆนะครับ สามารถทำข้อสอบเอนท์ได้ไม่ต่ำกว่า 90% จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 23:04:27

ความคิดเห็นที่ 19 อ่อนใจกับผู้บริการด้านการศึกษาบ้านเราจริง ๆ คุณภาพนักเรียนถอยลงคลองไปเรื่อย ๆ ยังจะมาหวงพื้นที่ให้เฉพาะคนสายคุรุอยู่อีก หรือว่าไม่กล้าสอบแข่งกับคนที่จบสายตรงมาแล้วเรียนเอาวุฒิิเพิ่มกันแน่ เพราะเห็นว่าที่ครูจบใหม่หลายคน แอนตี้คนที่ไม่ได้จบสายครูแต่ไปเรียนเอาวุฒิเพิ่มมากเลย จากคุณ : Buff_Power เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 23:12:36

ความคิดเห็นที่ 20   เรื่องของเรื่องคือ  คนจบสายตรง โดนแย่งงาน และไม่สามารถไปทำด้านอื่นได้ คนจบสายวิทย์  ไปทำงานด้านอื่นได้ ดันมาแย่งงานคนจบสายตรง ความเห็นส่วนตัว  ผมว่า  ยุบสาขาครู  แล้วให้จบสาขาอื่นๆ หากอยากเป็นครู ให้เรียนเพิ่มอีกกี่ปีก็ว่าไป น่าจะดีกว่า  อย่างน้อยก็จะได้คนที่เก่งๆ มาเรียนความเป็นครูเพิ่มเติม แต่จะว่าไปก็ดีนะ   ผมจะได้เปิดสอนพิเศษ แล้วขึ้นป้ายว่า สอนโดยคนจบสายวิทย์โดยตรง  เป็นจุดขายอย่างดีเชียวล่ะ จากคุณ : AIM-9X เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 23:32:06

ความคิดเห็นที่ 21   แล้วใครที่บอกหนักหนาต้องการครูเก่ง เรื่องของเรื่องคือ มันไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าครู 5 ปี กับ ป.ตรี+ป.บัณฑิต ใครสามารถสื่อถึงเด็กได้มากกว่ากัน ฉะนั้นเอาคนเก่งไปฝึกให้เขาสอนเก่ไม่ดีกว่าหรือ ยกตัวอย่างชัดๆใน มหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านบางเขน เด็กจากคณะศึกษาศาสตร์ เคมี มาเรียนกับ เด็ก วิทยา เคมีเพียว  คะแนนของเด็ศึกษาจะต่ำว่า เด็กวิทเพียวอย่างเห็นได้ชัดเจน ทำอย่างนี้มันปิดโอกาส คนเก่งเข้าไปเป็นครูนะครับ ที่สำคัญคือปิดโอกาสเด็กไทยนะครับ   แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 53 23:48:11 จากคุณ : คุณชายฉายเดี่ยว เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 23:35:35

ความคิดเห็นที่ 22 สักเดี๋ยวผมว่ามีคนเก้าอี้ร้อน!!!!! จากคุณ : Dinsosamsi เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 23:35:55

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าหลักสูตร ป.บัณฑิต สาขาวิชาชีพครูไม่สามารถผลิตครูที่คุณภาพเทียบเท่าหลักสูตร 5 ปี แล้วทำไมถึงให้ผ่านการรับรองหลักสูตรล่ะครับ จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 23:45:18

ความคิดเห็นที่ 24 ทำอย่างกับว่า ตอนนี้ครูวิทย์ - คณิต เพียงพออย่างงั้นแหละ ยังขาดแคลนอยู่เลย ยังจะทำแบบนี้อีกเหรอ ไม่เถียงหรอกนะ ว่าคนที่จบครู สามารถพัฒนาความรู้จนไปสอน วิทย์ - คณิต หรืออื่น ๆ ได้ แต่ว่า จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าหากจะให้คนที่จบสายตรง ได้เป็นครู แล้วพัฒนาเทคนิคการสอน   การพัฒนาเทคนิคการสอน กับ การพัฒนาความรู้ให้ลึกพอที่จะสอน อย่างไหนมันทำได้ง่ายกว่ากัน ที่สำคัญ ถ้าจบภาษาไทยมา แล้วต้องไปสอนภาษาอังกฤษ จะแน่ใจได้ไง ว่าจะสอนได้ดีกว่าคนที่จบภาษาอังกฤษโดยตรงมา จากคุณ : isiss12 เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 23:48:46

ความคิดเห็นที่ 25 เสื่อมมาก เข้าใจ คุณ CuSO4 เพราะทุกวันนี้ผมก็โดนครับ นศ ปวส ต่อ ป.ตรี ต่อเนื่อง ไม่ได้ ทุกมหาลัยโดนสั่งปิดหมด แม้แต่ 3 พระจอมก็ไม่เว้น ต้องไปต่อ ม.เอกชน เท่านั้น ทุเรศจริงๆ จากคุณ : Firion เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 00:05:17

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นความเปลี่ยนแปลงของการศึกษาไทยทุกวันนี้ อย่างกับมีใครจงใจทำให้เด็กไทยโง่ลง ... จากคุณ : axquest เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 00:11:27

ความคิดเห็นที่ 27   ผมว่าเดินมาผิดทางแ้ล้วละครับ ถ้าจะทำแบบนี้ก็ควรมั่นใจว่าตัวเอง ทำให้คนเก่งๆสนใจเรียนครู แต่อันนี้มันไม่ใช่ คนเรียนครู เป็นคนที่อยู่ในระดับรองจาก คนเรียนสาย วิทย์โดยตรงซะอีก ผมว่าน่าจะยุบครุศาสตร์แล้วให้เรียนสาขาต่างๆโดยตรง คนที่ต้องการเป็นครูก็มาเรียนเพิ่มกี่ปีก็ว่าไปแล้วจัดทดสอบกันว่าใครผ่านมาตรฐาน และ้วค่อยสอบบรรจุ แบบนี้ดีกว่า ไม่มีใครแย่งงานใคร คนเก่งๆก็สามารถเป็นครูได้ด้วย แต่ความจริงถ้ามันไม่มีคุณภาพก็ปิดเป็นรายตัวซิครับ ปิดหมดแบบนี้ไม่ไหวนะ ว่าแล้วก็ขอเล่าเรื่อง หนักๆ(ครุๆ) ให้ฟัง มีครั้งหนึ่ง ณ. จังหวัดเชียงใหม่ นาย ก ได้โทรไปสอบถามรายละเอียดตำแหน่งงานให้กับหลาน วุฒิ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ถามไปถามมา คนตอบก็ย้ำตลอดว่าต้องการวุฒิวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ นะคะ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์เท่านั้น นาย ก งงมากๆ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์มันก็วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ นี่กว่าจะมีอะไรอีก จนเมื่อหลายนาย ก สมัครสอบ ผ่านไปเรียบร้อย กลับมาเจอกันอีกรอบ ก็เลยได้รู้ว่า มีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่เปิด "ครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต(วิศวกรรมคอมพิวเตอร์)" อยู่ทำให้คนรับสมัครต้องย้ำนักย้ำหนา เรื่องวุฒิ แถมยังมีอีกหลายวุฒิที่เปิดด้วยเช่น ครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต(วิศวกรรมคอมพิวเตอร์) ครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต(วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์) ครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต(วิศวกรรมอุตสาหการ) ครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต(วิศวกรรมเครื่องกล) ครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต(วิศวกรรมไฟฟ้า) ตอนนี้ นาย ก ก็เริ่มงง แล้วว่ามันจะตั้งชื่อ วุฒิให้งงทำไมว้า จบ เรื่องนี้ไม่ขำ แต่ งง ปล. แล้ว ทุน พสวท.และ สควค. นี่โดนด้วยหรือเปล่า จากคุณ : อย่ามาดราม่า (พอดีว่าง) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 00:12:12 A:125.25.198.112 X: TicketID:275117

ความคิดเห็นที่ 28 สงสัยอยู่ที่บางคนบอกว่าครูไม่ต้องมีความรู้แน่นขอแค่ใจรัก ถ้าไม่มีความรู้แน่น จะสอนเด็กให้เก่งคงยาก จำได้ตอน ม.ปลาย หาคนปรึกษาไม่ได้ เพราะครูไม่รู้เรื่อง ออกข้อสอบยังผิด พอคิดคำตอบให้ดู ก็ได้แค่เป็นข้อฟรีไป ไม่คิดคะแนน คงไม่ได้ความรู้ถ้าไม่อ่านเอาเอง สงสัยก็ปรึกษาไม่ได้คำตอบ บางช่วงมีสลับเปลี่ยนให้ครูเปลี่ยนสอนวิชาอื่น บอกว่าเรียนครูเหมือนกันสอนได้ทุกวิชา เล่นเอางงไปเลย จากคุณ : คุณโฮม เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 00:24:11

ความคิดเห็นที่ 29 เอางี้  ครูที่ถนัดจิตวิทยาเด็ก จริยธรรม การถ่ายทดอความรู้ ฯลฯ ก็ยังสามารถสอนวิชาอื่นได้ ไม่ใช่เหรอ เช่น แนะแนว สังคม ภาษาไทย แล้วก็ทำหน้าที่ฝ่ายปกครองไป แล้วก็ให้ทำหน้าที่ ที่ปรึกษาในการสอนให้กับครูวิชาอื่น ที่เฉพาะด้าน ยังไงผมก็เห็นว่า วิชาเฉพาะทาง ก็ควรให้ผู้รู้เชี่ยวชาญด้านนั้นมาถ่ายทอดจะดีกว่า  แต่ศาสตร์ในการถ่ายทอดอาจต้องการพี่เลี้ยงบ้าง ไม่งั้น คนเก่งวิชาเฉพาะด้าน แล้วอยากเป็นครูในโรงเรียน ก็หมดโอกาส  เป็นได้แค่ติวเตอร์นอกโรงเรียน แล้ววงจร... ก็ไม่หมดไปซะที จากคุณ : นายเดชา เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 00:39:53

ความคิดเห็นที่ 30 จังหวัดผม จ.เล็กๆ อ.ที่หมดอายุราชการ แทนที่ทาง ม.จะจ้างต่อเป็น อ.พิเศษ ดันไม่จ้าง รับแต่เด็กจบใหม่มา เด็กๆ ปีหนึ่วบ่นมาก ว่า อ.จบใหม่ สอนไม่รู้เรื่อง ส่วน อ.ที่หมดอายุราชการ โดนโรงเรียน มัธยมประจำจังหวัด จ้างไปเป็น ครู.พิเศษ ไปแล้ว น่าเสียดายจริงๆ กับประสบการณ์สอนที่สั่งสมมาหลายปี แต่ก็ดีนะ ที่ไม่ได้หายไปไหน อย่างน้อยๆ เด็ก ม.ปลาย ก็ได้ ครูดีๆ เพิ่ม แต่ ที่ ม. เสียผู้สอนดีๆ ไป จากคุณ : Spirited Away (Spirited Away) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 00:43:29

ความคิดเห็นที่ 31   ก็แค่วิธีกีดกันทางวิชาชีพแหละ คนนอกมาเรียนต่อ แล้วเบียดที่คนจบวิชาชีพสายตรงไปเยอะ (หลายปีก่อนก็จป.ก็ยกเลิกระบบไปทีแล้ว อีกหลายปีก็คงมีผชร.ตามมาแหละ) จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 00:49:01 A:1.46.16.130 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 32   ผมก็เห็นด้วยกะทุกคนในนี้อะนะ แต่อยากรู้ว่าในสายตาคนที่จบตรงครุฯ คิดยังไงบ้าง จากคุณ : ซับซ้อน เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 01:03:18 A:10.9.27.57 X:202.28.169.166 TicketID:282352

ความคิดเห็นที่ 33   "...แต่บางแห่งไม่บริหารหลักสูตรให้เป็นไปตามที่เสนอต่อคุรุสภา ทำให้หลายหน่วยงานบ่นเรื่องคุณภาพของหลักสูตรป.บัณฑิต อีกทั้งผลวิจัยของมหาวิทยาลัยมหาสารคามพบว่าผู้เรียนหลักสูตรป.บัณฑิตคุณภาพ ต่ำกว่า..." >ชอบคำว่าผลวิจัยมากเลยครับ ใช้กันเกร่อดี "...ครูระดับมัธยมจะเพิ่มความรู้เนื้อหาวิชาทีครูจะไปสอน หากสอนวิชาเช่นฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ก็จะต้องมีความรู้ในวิชาเหล่านี้..." >เรียนเพิ่มกี่ปีดีครับ แบบเดิมเอาคนเรียนวิทย์มาอบรมเพิ่ม1ปีก็ใช้งานได้แล้วนะ จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 01:15:16 A:1.46.16.130 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 34   แบบนี้ คนที่อยากเป็นครูภาษาต่างประเทศ จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยคณะไหนดี ระหว่างคณะ อักษรศาสตร์/ศิลปศาสตร์ กับคณะครุศาสตร์ แต่ครุศาสตร์ไม่ได้เปิดสอนภาษาต่างประเทศสาขานั้น หรือต้องเปิดสาขาให้คณะครุศาสตร์ใหม่ ทุกวันนี้มหาวิทยาลัยที่จบมา ให้ครุศาสตร์เปิดสอนภาษาจีน ขอถามว่า แล้วคณะอักษรศาสตร์ที่เปิดภาษาจีนมาตั้งนาน มีไว้ทำไม? เปิดให้เปลืองงบและซ้ำซ้อนหรือ งี่เง่าจริงๆ คนในกระทรวงนั้น จากคุณ : งี่เง่า เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 01:18:01 A:125.27.222.172 X: TicketID:249067

ความคิดเห็นที่ 35   ^ ^ ^ ขอแก้คณะครุศาสตร์ เป็นศึกษาศาสตร์ ค่ะ จากคุณ : งี่เง่า เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 01:20:36 A:125.27.222.172 X: TicketID:249067

ความคิดเห็นที่ 36   #5 "อะไรมาการันตีว่าคนที่เรียนมาเฉพาะทางมีความรู้แน่นกว่าหรือคะ" >ไม่ต้องการันตีหรอกครับ เป็นข้อเท้จจริงที่รับรู้แพร่หลายครับ "เด็กไม่ได้ต้องการครูที่ความรู้แน่น แต่ต้องการครูที่มีความรู้ที่ถูกต้องและมีเทคนิคการสอนที่ดีมีจิตใจที่รักในการสอนอย่างจริงจัง" >แบบที่คนชอบพูดตามกันว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้หรือเปล่า (แต่จินตนาการที่ปราศจากความรู้=เพ้อเจ้อนะครับ) #8 "จากประสบการณ์นะครับ คนที่สอนได้ ไม่ใช่คนที่เรียนเก่งเฉพาะด้านเสมอไป ถ้าเคยเรียนกับพวก ดร. จะเข้าใจว่า ดร. สอนไม่รู้เรื่อง..." >ถูกต้องครับ ไม่ใช่ว่าจะ"เสมอไป" แต่ประโยคนี้ใช้ได้กับมุมมองทางฝ่ายกลับกันด้วยครับ #11 คำว่า"อาชีพเฉพาะทาง"นี่โดนครับ สื่อความหมายได้กีดกันดีแท้ ทำไมเขาถึงไม่อยากเป็น"วิชาชีพ"ที่"ร่วมกัน"สร้างสรร #15 ไม่กล้าทำตามที่คุณแนะหรอก ต่อให้เอามากางดู ก็คงมืดบอด ไม่รู้ไม่เห็นหรอกครับ จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 01:27:57 A:1.46.16.130 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 37   แฟนผมจบ ป.ตรี วทบ.เคมี ม.เกษตร กำลังเรียนป.โท เคมี จุฬาฯ อยากเป็นครูสอนเคมี ม.ปลาย แต่ตอนนี้ไม่มีสิทธิแล้วว่างั้น ที่เรียนมาไม่มีค่าพอจะเป็นครู ม.ปลาย น่าเศร้าประเทศไทย น่าเศร้าๆๆๆๆๆ จากคุณ : คุณชายฉายเดี่ยว เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 01:35:32

ความคิดเห็นที่ 38 แม่ผมเป็นครูภาษาอังกฤษ เด็กๆรักมาก เพื่อนครูด้วยกันยอมรับในความสามารถ มีผลงานที่เกี่ยวข้องกับวิชาภาษาอังกฤษพอสมควร เป็นวิทยากรมาหลายงาน แม่ผมไม่ได้จบศึกษาศาสตร์ แต่... จบมนุษยศาสตร์ เอก ภาษาอังกฤษ โดยตรง แล้ว ผมเรียนคณิตศาสตร์จากอาจารย์กวดวิชาที่จบวิศวะ รู้เรื่องกว่า ครูที่จบครูคณิตศาสตร์มา ทำไมนะ ทำไม... เห็นด้วยกับ #20 และ อื่นๆที่แนวทางเดียวกัน คุณอยากเป็นครูคณิตศาสตร์ใช้มั้ย เอาวุฒป.ตรี ในสาขาที่เกี่ยวข้องมา เอาข้อสอบไปสอบแข่งกัน เรียน"วิชาชีพครู" อีกซักปี เอ้า จบแล้ว ไปสอนเด็กได้  เอาเงินไปกินซัก13000 แล้วกัน ปีแรกประเมิณไม่ผ่าน ไปทำอย่างอื่นนะ แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 53 01:47:29 จากคุณ : Sympho เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 01:43:37

ความคิดเห็นที่ 39   #18 "...เอาแบบที่ทีความรู้ ความเข้าใจจริงๆนะครับ สามารถทำข้อสอบเอนท์ได้ไม่ต่ำกว่า 90%" >หนักมือเกินไปครับ อย่างงี้ถึงเปิดให้สอบกันทั่วไป(ไม่จำกัดวุฒิเลยด้วย)ก็อาจรับได้ไม่ครบอัตรา (ไม่นับที่เฉลยผิดอีกนะ แต่อีกหน่อยคงไม่มีเฉลยผิดหรอก เพราะจะไม่เปิดเผยแล้วหนิ -_-") จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 01:51:11 A:1.46.193.92 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 40   #20,38 "ยุบสาขาครู" >เป็นไปไม่ได้เลยครับ ที่มาและความแพร่หลายปัจจุบันนี้มีนัยลึดกว่าเป็นแค่สาขาวิชานึง คงคล้ายๆกับบอกให้ชาวไร่เลิกปลูกอ้อยน่ะ แต่แนวทางนี้ ใช้กับวิชาชีพด้านกฎหมายและแพทย์น่าจะเกิดผลดีกับสังคมมากกว่าครับ (หมายถึงผลคุ้มค่าที่จะ"ออกแรง"เปลี่ยนระบบน่ะ แต่ใช้แรงเยอะกว่าอีกนะเนี่ย) จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 01:59:09 A:1.46.193.92 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 41 ^ ^ ไม่เห็นจำเป็นต้องยุบ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไร แค่เพิ่มเข้ามาเท่านั้นเอง แยกเป็นโรงเรียนอีกระบบก็ได้ น่าลองดูนะครับ แล้วมาเปรียบเทียบกันนะครับ  หึหึหึ เดี๋ยวจะเข้าใจผิด ผมยกย่อง เรียกว่าเทิดทูล "ครู" เลยกว่าว่าได้ ครอบครัวผมตั้งแต่รุ่นคุณทวด(ที่พอจะนึกออก) เป็นครู ครับ แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 53 02:08:55 จากคุณ : Sympho เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 02:05:12

ความคิดเห็นที่ 42   #28 "...บอกว่าเรียนครูเหมือนกันสอนได้ทุกวิชา..." >ลองไปดูกระทุ้ที่ห้องสมุดครับ จะเข้าใจ "...ต้องแยกใบอนุญาตออกเป็นกลุ่มๆ เพื่อให้ผู้รับบริการได้มั่นใจเช่น พ่อแม่ส่งลูกเข้าเรียนอนุบาลก็จะได้มั่นใจในคุณภาพครู..." target group ที่ผู้บริหารกระทรวงเขามองเป็นคนละกลุ่มกับเราครับ ^^ ปล.ขออภัย จขกท.ครับ ่เรื่องเกี่ยวกับ"การศึกษา"มันทำให้เกิดผมอินจัด แต่เครื่องมีปัญหา พิมพ์ยาวๆแล้วส่งไม่ไปครับ เลยมาซะหลายrep จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 02:07:18 A:1.46.193.92 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 43   แหะๆ คุณ#41 เราๆมองว่า"แค่เพิ่ม" แต่ท่านๆเขาจะ"ลด"อยู่เนี่ย -_-" (อีก2วิชาชีพนั้นก้หวังให้เปลี่ยนยากเหมือนกัน) จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 02:11:29 A:1.46.193.92 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 44 ครูตอนมัธยมเราไม่ได้ จบคณิตศาสตร์มาแต่เก่งกว่าครูที่ สอนคณิตศาสต์ในมหาลัยบางท่านซะอีก อย่ามาดูถูกครูรากหญ้านะจ้ะ ^^ อยากเป็นครูทำไมไม่เรียนครู หรือเรียนเผื่อเลือก กะจะมาแย่งที่ครู จากคุณ : mint_la เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 02:16:47

ความคิดเห็นที่ 45   ครูเก่งมีทั้งที่จบสายวิชาการและสายครูแหละครับ ประเด็นนี้แล้วแต่บุคคล ที่ว่าบางคนไม่เรียนครูเพราะเผื่อเลือกก็มี ทางกลับกัน บางคนเรียนครูเพราะไม่มีทางเลือกก็มี ก็แล้วแต่บุคคลอีก แล้ว"ผู้ใหญ่"จะปิดช่องกันเอง ให้"เด็ก"เสียโอกาสทำไม จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 02:23:22 A:1.46.193.92 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 46   คิดแบบเดียวกับ #20 ครับ "กลัวคนจบสายตรงจะมาแย่งงานคนจบครู" อันนี้ก็น่าเห็นใจกับคนที่ตั้งใจจะเรียนครูมาโดยตรงครับ เป็นครูไม่ได้ก็ไม่มีงานอื่นทำ แต่คนจบสายตรงมายังมีทางเลือก แล้วเด็กที่มันใฝ่รู้ อยากรู้มากกว่าที่คนจบครูรู้หล่ะ อนาตของชาตินะนั่น? คนจบสายตรงคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่จากประสบการณ์คนจบครูโดยตรงมาหากมีการเพิ่มพูนความรู้ในรายวิชาที่สอนอยู่เสมอ ความรู้ความสามารถก็ไม่ต่างอะไรจากคนจบสายตรงเลย สำหรับผม คนจบสายตรง ควรมีการฝึกทางด้านเทคนิคการถ่ายทอด และจิตวิทยาสำหรับเด็กก่อนที่จะได้เป็นครู ส่วนคนจบครูโดยตรง ก็ต้องเพิ่มพูนความรู้ ไม่ใช่ว่าตัวเองเป็นครูแล้วไม่จำเป็นต้องเรียนอะไรเพิ่มเพราะฉันเป็นครู ทีนี้หากจะสงวนอาชีพครูไว้ให้คนจบครูจริงๆ คงต้องเพิ่มความรู้ความสามารถของครูกันหน่อย ให้สามารถตอบคำถามกับเด็กๆได้อย่างดี จากคุณ : ลูกของครู เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 03:12:10 A:58.64.125.142 X: TicketID:282996

ความคิดเห็นที่ 47 แรกๆ อ่านข่าวนี้แล้วสงสัยว่าจะเป็นการกีดกันคนที่ไม่ได้จบครูหรือเปล่า   แต่พออ่านข้อความอีกที  เห็นบอกว่าต้องมีการแยกใบอนุญาตเป็นกลุ่มๆ  บางที อาจจะมีบางกลุ่มเช่นครูโรงเรียนอนุบาลที่คนไม่ได้จบครูโดยตรงทำได้ไม่ได้   ส่วนกลุ่มที่คนจบตรงทำไม่ได้ดีก็อาจมีการพิจารณาอีกทีว่าจัดหลักสูตรยังไงกระมัง หลายท่านเสนอให้ยุบครุศาสตร์ไปเลย  อันนี้ยังไม่มั่นใจเท่าไรว่าเราจะเอา คนที่จบหมอ วิศวกร วิทยาศาสตร์ อักษร มาแทนได้ทั้งหมดหรือเปล่านะ   ถ้าจะทำงั้นจริงคนที่เกี่ยวข้องต้องศึกษาให้รอบคอบหน่อย สมัยก่อนก็อนุญาตให้คนที่เป็นครูเรียนเพิ่มเพื่อเป็นวิศวกรได้  ต่อมายกเลิก ตอนนี้คล้ายปัญหามุมกลับ   คือไม่ต้องการวิศวกรมาเป็นครู  เออ บ้านเรานี้มีอะไรแปลกๆ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 04:25:44

ความคิดเห็นที่ 48 ...... อื้อหือ......เล่นกันแรงแบบนี้เลยหรือนี่ . ในกรณีนี้ เรื่องจริงที่เกิดขึ้นคือ คุณภาพของเด็กสายวิทย์โดยตรงที่ไปเรียนต่อวิชาชีพครูมีคุณภาพสูงกว่าคุณภาพเด็กครุศาสตร์ เอกวิทย์ มาก.. (โดยเฉพาะใน มมส สถาบันที่ทำการวิจัยเองนั่นแหละ ทุกปี rank คะแนน เด็กวิทย์ที่เรียนต่อ ป.บัณฑิตจะอยู่ใน rank ต้น ๆ ทั้งหมด) . . . จึงมีการสกัดตาวรุ่งเกิดขึ้น...... เพราะมิฉะนั้น ครูวิทย์ที่จบจากคณะศึกษาศาสตร์...........จะตกงาน . . . จากใจครูคณะวิทย์ ที่มีลูกศิษย์จ๊าบ ๆ จบ ป.บัณฑิต หลายสิบราย . ป.ลิง   เด็กวิทย์ที่อยากเป็นครู เมื่อให้ไปเรียนการสอน และจิตวิทยาการสอน บวกกับความถนัดเฉพาะในสายวิทย์ คนจบครูวิทย์สายตรง จะเอาอะไรมาสู้ได้ การศึกษาไทยคงเจริญลง..... จากคุณ : MissMicrobe เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 08:08:54

ความคิดเห็นที่ 49   บางความเห็นบอกว่าอยากให้ครูเป็นอาชีพเฉพาะทาง นั้นแสดงว่าพอจบมาคนคนนั้นจะต้องมีความเชี่ยวชาญที่เฉพาะด้าน และการที่เราจะเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งนั้น ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง แต่ที่สำคัญคือ ต้องมีความรู้และมีประสบการณ์ ความรู้และประสบการณ์ของครูคืออะไรล่ะ ความรู้ของครู คือความรู้ในเนื้อหาที่จะสอนอย่างลึกซึ้ง ทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ ประสบการณ์ของครู คือ ประสบการณ์การรับเนื้อหา และการถ่ายทอดเนื้อหา แล้วการเรียนครู 5 ปีล่ะ มันครอบคลุมทั้งหมดไหม? ตอบได้เลยว่าไม่ แต่คนที่เรียนครู 5 ปีนั้นจะมีประสบการณ์สอนเยอะกว่า แต่ด้านความรู้...จะมีเพียงในตำราเท่านั้น เพราะว่าจะเน้นการปฏิบัติด้านการสอนมากกว่า แล้วคนที่เรียนธรรมดามาแล้วจะเรียนวิชาชีพครูล่ะ แน่นอนว่าด้านความรู้ต้องแน่นกว่าครูอยู่แล้ว เนื่องจากต้องเรียนด้านนั้นๆๆทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ แต่สิ่งที่ด้อยกว่าคือด้านประสบการณ์การสอน (ซึ่งเราคิดว่ามันพัฒนากันได้ตามระยะเวลาอยู่แล้ว) อีกทั้งอาชีพครูในเมืองไทยค่าตอบแทนน้อย ขาดแรงจุงใจให้คนเก่งๆๆเข้ามาทำงานอาชีพนี้ สุดท้ายครูก็เป็นเพียงแค่คนๆหนึ่งที่มานั่งอ่านตำรามาสอน จะมีครูสมัยนี้สักกี่คนที่ทุ่มเทเพื่อนักเรียนจริงๆ จะมีคนที่เข้าเรียนคุรุฯสักกี่คนที่อยากเป็นครูจริงๆ (ส่วนมากก็ไม่รู้จะเรียนอะไร...คะแนนไม่ถึง ซะส่วนใหญ่) ยิ่งมาทำแบบนี้ ก็ยิ่งเป็นการกีดกันให้คนเก่งๆๆเข้าถึงอาชีพนี้เข้าไปใหญ่ คิดอะไรกันแปลกๆๆ จากคุณ : นักเรียนคนนึง เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 08:15:39 A:61.47.115.2 X: TicketID:282264

ความคิดเห็นที่ 50 ....    กระทู้ยาวจริงๆ เห็นว่าเป็นท่าน เกลือชื้น เลยขอออกความเห็นบ้าง ผมว่านี่แหละคือจุดเปลี่ยน     รู้สึกประเทศที่พัฒนาแล้ว เป็นอย่างนี้นะครับ ต้องมาจากครูเท่านั้น ต่อให้ไปสอนอนุบาล ก็ต้องจบครูครับ ไม่ได้กะเลวกระราดแบบบ้านเรา นะครับ     อย่างสมมุติว่า ผมเป็นคนไทย พูดภาษาไทยได้ แล้วไปอยู่ประเทศ ญี่ปุ่น(สมมุตินะครับ) ไปสมัครเป็นครูสอนภาษาไทย รับรองมันไล่ออก มาไม่ทันครับ ต้องจบครูเท่านั้นครับ ต่อให้พูดภาษาไทยได้ดีกว่าคนไทย ก็ตาม มันก็ถามว่า คุณมีวุฒิเป็นครูสอนภาษาไทยไหม แล้วถ้าจบครูเอก ภาษาไทยมา มันก็จะถามต่อว่า ประสบการณ์สอนภาษาไทยมากี่ปี     การเป็นครูในประเทศพัฒนาแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ อย่างมหาลัย ที่ญี่ปุ่น มีสาขาวัฒธรรมเอเชีย และก็มีชั่วโมงของวัฒนธรรมไทย แต่เขา เอาคนญี่ปุ่นสอนครับ เพราะส่งอาจารย์คนญี่ปุ่นไปอยู่เมืองไทยเรียนจนจบ ไอ้เราเข้าไปเป็นได้แค่ที่ปรึกษาหรือช่วยสอนได้เท่านั้นครับ ห้ามสอน แล้วคนญี่ปุ่นเขาจะรู้จักวัฒนธรรมไทยได้ดีกว่าเราคนไทยได้อย่างไร อื่มม์........มาตราฐานเขาเป็นอย่างนั้นครับ ประเทศเขาถึงเจริญ                                                                                            ๐๐ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 08:23:44

ความคิดเห็นที่ 51 ^ ^ แต่ครูสอนวิทยาศาสตร์ที่หลานผมไป AFS เขาก็เคยเป็นนักวิทยาศาสตร์มาก่อนนะครับ แต่เพราะเบื่อทำวิจัยแล้วก็เลยมาเป็นครู แต่ก็ดีเหมือนกันครับ จะได้เป็นติวเตอร์รวยกว่าครูด้วย จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 08:32:38

ความคิดเห็นที่ 52   แต่ประเทศที่พัฒนาแล้ว การศึกษาเขาก็พัฒนา ค่าตอบแทนครูก็สูง เป็นแรงจุงใจให้คนเก่งๆไปทำงานอาชีพครู แต่ประเทศไทยมันไม่ใช่ไง มาตรฐานของแต่ละโรงเรียนยังไม่เท่ากัน คะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเช่นวิชาภาษาอังกฤษเฉลี่ยทั้งประเทศแค่ 29 %(ในปีที่เราสอบ) แต่ในโรงเรียนเรากลับเฉลี่ยถึง 75% และโรงเรียในเครือเดียวกัน ก็ได้เท่าๆกัน มีได้เต็มและได้น้อยสุดคือ 50 ไม่มีใครต่ำกว่านี้... แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย เรากลับได้เป็นที่สุดท้ายที่เข้าได้ (คือได้คะแนนต่ำสุดในปีนั้น) แต่เราถามเพื่อน ทุกคนได้คะแนนเอนท์ ต่ำกว่าเราเกือบทุกคน แต่ว่าเขาได้ GPA สุง (สุงในที่นี้คือ 3.9 ประมาณนี้) แต่กลับเป็นว่าเพื่อนๆๆกลับเรียนมหาวิทยาลัยไม่รอด เทอมแรกติด F drop กันกระจาย ทั้งๆที่เขาเรียนวิชานั้นได้ เกรด 4 ที่โณงเรียน (เราได้ 1 ไม่ก็ 2 มาตลอดมีหลุดได้3 บ้าง) แต่ทำไมเรียนมหาวิทยาลัยไม่รอด แต่เรากลับได้เต็มโดยไม่ต้องอ่านหนังสือเีรียนเลยสักตัว...(คืออาจารย์สอนง่ายมากกก ) นั้นแสดงให้เห็นเลยว่า มาตราฐานของแต่ละโรงเรียนมันไม่เท่ากัน โรงเรียนเรา กด เกรด แต่บางโรงเรียน ปล่อยเกรดมาก มาตารฐานโรงเรียนต่างกันขนาดนี้ แล้วคนที่ออกมาจะมีควารู้เพียงพอที่จะไปสอนนักเรียนได้ยังไง คนที่เก่ง ที่มีความรู้ก็เป็นธรรมดาที่จะหางานที่มีค่าตอบแทนกับความรู้ของเขา (สมัยนี้อุดมการณ์กินไม่ได้ค่ะ) จากคุณ : นักเรียนคนเดิม เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 09:20:58 A:61.47.115.2 X: TicketID:282264

ความคิดเห็นที่ 53 เหตุผลจริงๆของเรื่องนี้ น่าจะเป็น การกีดกันทางวิชาชีพ ล้วนๆเลย เพราะ ทุกอย่างมันเป็นขั้นตอน step 1 บังคับวิชาชีพอื่นเรียน ป.วิชาชีพครู step 2 บังคับให้มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู step 3 ก็คือการยกเลิก หลักสูตร ป.วิชาชีพครู step 4 ก็คือการอนุญาตเฉพาะคนจบ ครู และ ครุศาสตร์เท่านั้น  จะสอบบรรจุได้ (ดูภูมิหลังของ    ดร.ดิเรก พรสีมา และกรรมการท่านอื่นๆ จบครูมาทั้งนั้น) จากคุณ : ขอเป็นวิศวเกินไปวันๆ (ชีวิตจะรุ่งอย่ามายุ่งกับผม) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 09:32:44

ความคิดเห็นที่ 54 เอ้าาา.....งานเข้าเลยผม.....ปีหน้ากะจะลง ป.ครู สักหน่อย..... เอางี้ง่ายๆเลย.....ถ้าจบ ป.ครู หรือสายตรงมา ก็ให้สอบบรรจุเป็นครูกันซะทั้งประเทศเลย..... เป็นการคัดคนด้วย......จบอะไร ไม่สำคัญ สำคัญว่าคุณสอบเข้าได้ไม๊..... เก่งจริง สอบได้แน่ๆ สอบไม่ได้ ไปเอกชนก็ได้ ไม่มีปัญหา.... จากคุณ : Sakurachan (Tomoeda) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 10:11:57

ความคิดเห็นที่ 55   ไม่น่าปิดกั้นกันแบบนี้ ...เพราะถ้าจะมาบอกว่า สายอื่นเข้ามาแย่งงานคุณ คุณก็ควรจะพัฒนาในสายนั้นๆ ให้แข็งแรงสิ มันจะทำให้เกิดการพัฒนาในตัวครูเอง ไม่ใช่มาปิดกั้นกันแบบนี้อ่ะ  การแข็งขันกันมากๆ ผมว่าดี เพราะว่าผลประโยชน์ที่ได้คือ ลูกหลานของเราๆ นั่นเอง คุณภาพของครูนั้นสำคัญ จรรยาบรรณในครูก็สำคัญด้วยเช่นกัน ปัญหาเด็กเล็กเรียนพิเศษตั้งแต่เด็ก ก็เพราะระบบการศึกษาไทยตกต่ำ ไม่สามารถให้ความรู้ให้แก่เด็กนักเรียนได้เพียงพอในการสอบ ระบบกลาง จากคุณ : kuping เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 10:31:34

ความคิดเห็นที่ 56 อาจารย์ที่สอนวิศวะไม่ได้สอนตำราอย่างเดียว  สอนการกินด้วย เช่น วิธีกินเหล็กเส้นเป็นต้น คิดว่างั้นนะ จากคุณ : madaras เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 10:36:29

ความคิดเห็นที่ 57   คุณ จุนสี ... 55 ครับ .. จริงๆ ตอนผมเรียน ครู ไฟฟ้า (วิชาการงาน) ผมอยู่หน่วยโสตทัศนะ นะเออ.. ผมว่า ที่สุดจะเป็นอย่างนั้น แล้วบาง รร. ก็จะเริ่มบ่น เช่น รร. ดังทางด้านวิทยาศาสตร์ ผลคือ ตอนจบก็จะมีรร. ที่ใช้วิธี hybrid (ช่วงนี้ฮิตตั้งแต่ toyota ออกรถมา) คือ ... ให้มีครูปกติเป็น หัวโขน แต่เอา คนที่จบตรงมาสอนเป็นวิชาเสริม ที่ไม่ได้เกี่ยวกับวิชาบังคับ ... (คือบังคับเรียนพิเศษ ...นั่นหละ) แล้วก็โฆษณา .... วิธีนี้ จะทำให้ รร. ต่างๆ สามารถรีดเงินจากพ่อแม่ได้เยอะเลยทีเดียว ... เพราะตอนนี้ รร. หลายๆที่ก็พยายามใช้การบังคับเรียนพิเศษในการรีดเงินอยู่แล้ว สรุปว่า คนที่คิดนโยบายนี้ จะทำให้ รร. ที่คิดจะรีดเงินเด็ก เจริญ ส่วน รร. ดังๆ บาง รร. อาจจะเครียดได้ จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 10:38:23 A:124.121.212.219 X: TicketID:250855

ความคิดเห็นที่ 58 ถามว่า คนที่เรียนครู  มีกี่คนที่รักจะเป็นครูอาจารย์  เห็นหลายคนเอ็นฯ ไม่ติด ไม่รู้จะเรียนอะไร ก็ไปเรียนครู แน่ใจเหรอว่า คนที่เรียนครู จะชอบอาชีพครูจริงๆ แล้วคนที่เรียนเฉพาะทาง  เค้าไปเป็นอย่างอื่น เงินไม่เยอะกว่าเหรอ แล้วเค้าจะมาเป็นครูทำไม   ถ้าไม่ใช่ว่าชอบหรือสนใจ อย่างญี่ปุ่น ถ้าจำไม่ผิดเค้าก็ไม่ได้ปิดกั้น จบอะไรมาก้ได้ ถ้าอยากเป็นครู  ก็ต้องผ่านการเป็นครูฝึกสอน  และต้องสอบให้ผ่านมีใบอนุญาต ก็มาเป็นครูได้ สุดท้าย  "เด็กฉลาด  ชาติเจริญ"  =  ปกครองยาก  จบข่าว จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 11:24:10

ความคิดเห็นที่ 59 ขอถามท่านที่เก่งๆทั้งหลาย  ทั้งวิศวะ และ วิทยาศาสตร์ หมอ คงไม่ถามเพราะคงไม่มีหมอคนใหนอยากเป็นครูเด็ก ท่านเก่งทุกวันนี้ ไม่ได้ผ่านการเรียนการสอนจากโรงเรียน ตั้งแต่ อนุบาล ยัน ม.ปลายเลยหรืออย่างไร สิ่งที่ครูบาอาจารย์ถ่ายทอด สั่งสอนท่านมานั้น ไม่มีคุณค่า เพราะท่านจบครูมา เลยหรือครับ แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 53 11:25:43 จากคุณ : แดงเนินพระ เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 11:25:24

ความคิดเห็นที่ 60   เอาเถอะ ว่าจะเรียนปีหน้า คงไม่ได้เป็นครูแล้ว ขอไปหางานอื่นแล้วกัน แต่บอกตรงๆ ครูบังคับเด็กสอนพิเศษส่วนมาก ก็จบครูมานี่แหละครับ ส่วนที่เด็กเรียนพิเศษ พวกกวดวิชากับพวกสาขาตรง ก็เพราะบางครั้ง ที่เขาเรียนมามันได้ไม่มากพอ เลยต้องไปเรียนกัน แต่ก็แอบสงสัยทำไม ถึงกลัวการสอบแข่งขันกันนัก มันแฟร์ดีโดยแท้ คอยดูต่อไปการศึกษาไทย หุหุ จากคุณ : สบาย เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 11:30:37 A:113.53.106.7 X: TicketID:276156

ความคิดเห็นที่ 61   ตอบ คห 59 เรามีวันนี้ได้ก็เพราะครูทุกคน ผมไม่เคยดูถูกคนเรียนครู แต่ผมหมายถึงบางคนครับ ก็เพราะผมได้ดีเพราะครู ผมจึงอยากเป็นเหมือน ครู อยากถ่ายทอด ความรู้ ชัดเจนไหมครับ ถ้าจะมองว่าคนไม่ได้จบครูไม่ มีจิตวิญญาณความเป็นครู ก็คงต้องไปคัดให้นักจิตวิทยามาคัดตัวด้วยก่อน เข้าเรียนครูในมหาวิทยาลัย สุดท้ายฝากถามหลายๆคนที่เรียนครูมา คุณกลัว อะไรครับที่จะสอบแข่งขันกัน คุณมีความสามารถคุณก็ได้ไป พวกที่ไม่ได้ จบมาไม่มีความสามารถก็คัดออกไป ?? จากคุณ : สบาย เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 11:39:05 A:113.53.106.7 X: TicketID:276156

ความคิดเห็นที่ 62   ขอแสดงความคิดมั้งนะครับ ผมก็จบ คอบ. (KMUTT) สายตรงเลยก็ครูช่าง (สอนได้ ปวช. กับ ปวส.) จบมาได้ 8 ปี ก็ยังทำงานโรงงานอยู่เลย ถามว่า รักที่จะสอนมั้ย มันก็รักนะ ตอนจบใหม่ ครูเทคนิค ถ้า จำไม่ผิดนะ ตอนนั้นอัตราจ้าง (ไม่มีบรรจุ) 8500 มั้ง (รวมค่าสอนล่วงเวลา เดือนนึง ไม่เกิน 15000) ผมยังมีกิเลศอยู่นะ อยากมีบ้าน มีรถ (คิดแล้วคงหาไม่ได้แน่ถ้าได้แค่นี้) เลยมาทำโรงงานดีกว่า ผมจึงเข้าใจว่า ครูประถม ครูมัธยม คงคล้ายๆ กัน ถึงบรรจุเป็น ข้าราชการก็เถอะ (เงินเดือนสตาท น้อยมากๆ) ลองคิดเล่นๆ ถ้าตอนนี้ลองให้เงินเดือน ครู (ประถม-มัธยม-ปวส.) สตาท สัก 25000 บาท (ส่วนปีต่อๆไปขึ้นตามเงินเฟ้อ) ขอโบนัส สัก ปีล่ะ1-3 เดือน(ประเมิณตามผลงาน) ไม่ต้องบรรจุก็ได้ รับรองได้ ไม่เกิน 2 ปีได้ครูเก่งๆ มาเยอะแน่ๆ (ส่วนคนไหนที่ แบบมาสั่งๆการบ้าน แล้วก็ออกไป นะ ก็ปลดๆ ออกไปให้หมด) ** อยากได้ของถูก แล้วจะเอาคุณภาพ มันจะมีมั้ยนี้ ** ว่าแต่ รทบ จะเอาด้วยมั้ยนี้สิ จากคุณ : 00 เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 12:02:28 A:202.149.127.143 X: TicketID:283347

ความคิดเห็นที่ 63 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9599451/K9599451.html จากคุณ : .. (somkamol) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 12:03:47

ความคิดเห็นที่ 64 3) ในเรื่องที่เห็นภาพได้ยากทำให้ไม่อยากเรียน ครูที่ดีต้องชี้ภาพให้เด็กเห็นว่ามันเป็นประโยชน์อย่างไรต่อโลกนี้ และประยุกต์ใช้อย่างไรได้ ^ ^ ^ เห็นด้วยกับคุณจุนสีประโยคนี้มาก ๆ ๆ ๆ ผมจะเป็นบ่อย ๆ กับวิชาคำนวณที่ยากๆ เพราะ มองไม่ออกเลยว่าเอาไปใช้ทำอะไร เรียนไปแบบงง ๆ  อีกอย่างคือ ผมอ่อนคณิตศาสตร์ด้วยแหละ ยิ่งเข้าใจยากเข้าไปอีก จากคุณ : อิฐมอญ เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 12:38:47

ความคิดเห็นที่ 65 ปัญหาจริงๆ คือ คุณภาพเรื่องครู ดังนั้น การแก้ปัญหา คือ ใครสอนห่วย หรือ ไม่มีความรู้เพียงพอ ควรจะคัดออกมิใช่หรือครับ ? ดันไปกีดกันอีก แล้วมันจะพัฒนาคุณภาพได้ไหมเนี่ย จากคุณ : the_architect เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 12:43:40

ความคิดเห็นที่ 66 . แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 53 13:00:17 จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 12:55:13

ความคิดเห็นที่ 67 เรียนก็แค่ 4 ปี เหมือนเอกทั่วๆ ไปนะคะ แต่ฝึกประสบการณ์สอน 1 ปี เลยเป็น 5 ปีถึงจบหลักสูตร...   ไม่ใช่เรียนอย่างเดียวตั้ง 5 ปี ฐานเงินเดือนก็มากกว่าพวกจบ 4 ปี นิดหน่อย เพราะเรียนมากกว่า 1 ปี จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 13:09:27

ความคิดเห็นที่ 68 ผมว่าเป็นแนวคิดที่แปลกนะ ทำไมการที่คนอยากมาเป็นครูแต่กลับถูกกีดกัน แล้วเรื่องการสอนพิเศษก็เหมือนกัน พอดีว่าพี่ชายกะพี่สะใภ้เป็นครูทั้งคู่อะนะพี่เขาบอกว่า คนที่จะมาสอนพิเศษถ้าไม่มีใบประกอบวิชาชีพครูมาสอนไม่ได้ถ้าเปิดเป็นโรงเรียนสอนพิเศษเลยเนี่ยจะผิดกฎหมายและถูกแจ้งจับได้เออ แปลกดีนะ เห็นหลายๆความเห็นพูดถึงว่าคนที่จบสายตรงมากับคนที่จบครูมาใครจะเก่งกว่ากัน ทำให้คิดถึงตอนเรียน วิชาเคมีซึ่งจะเอาครุศาสตร์เอกเคมีมาตัดเกรดร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ ปรากฎว่าทางครุศาสตร์ไม่ยอมเพราะว่าคะแนนสู้ไม่ได้ถ้าเอามาตัดเกรดร่วมกันจะมาเป็นฐานให้เภสัชฯเก็บ เอ อย่างเดียว จากคุณ : แมงสี่ตา (แมงสี่ตา) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 13:55:52

ความคิดเห็นที่ 69 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 13:57:39

ความคิดเห็นที่ 70   เีรียน สี่ปีเหมือนทั่วไป แต่ในสี่ปีถ้าพวกที่เรียนเฉพาะทางมา ก็จะเรียนเน้นวิชาด้านนั้นๆ แต่ถ้าเรียนครู ก็จะมีวิชาพวกเทคนิคการสอน อะไรเข้าไปด้วย เพราะว่าปีสุดท้ายคือฝึกสอนอยู่แล้ว ดังนั้นภาคทฤษฏีการสอนก็ต้องเรียนในสี่ปีเนี่ยแหละ ดังนั้นมันก้เรียนน้อยกว่าพวกเรียนเฉพาะทางแถมยังต้องเรียนหลากหลาย เพราะว่าไม่่ว่ายังไงก็ตามคนไทยยังคิดว่าครูคนหนึ่งต้องสอนได้หลายวิชา เพื่อนเราเรียน คุรุ ประถม เอก คณิต มหาลัยหนึ่ง แต่เขาต้องเรียนทั้งสังคม ภาษาไทย เทคนิคการพูดในที่สาธารณะ และวิชาอื่นๆๆอีกมากมาย ส่วนเลข เรียนเลขบังคับ แต่อาจารณ์ที่สอนก็บอกว่า เรียนๆไปเถอะ เพราะว่าจบมายังไงเธอก็ไม่ได้ใช้ เพราะว่ายังไงก็สอนเด็กประถมอยู่ดี? บวก ลบ คูณ หาร ก็พอแล้ว... ส่วนฐานเงินเดือน...สี่ปีกับห้าปีไม่ค่อยเกี่ยวอะคะ ข้าราชการต่างกันไม่เท่าไรอยู่แล้ว จากคุณ : นักเรียนคนไหน เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 14:03:48 A:61.47.115.2 X: TicketID:282264

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณ คุณ somkamol #63 หลายๆคนที่นี่รวมทั้งผมอ่านข่าวแล้วเข้าใจคลาดเคลื่อนไปไม่น้อย   1. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ใช้กับครูที่สอนระดับก่อนปริญญาตรี 2. สาขาที่ขาดแคลนจริงๆ โดยเฉพาะสาขาวิชาชีพ ยังรับสายอื่นได้อยู่ - แต่ตรงนี้ไม่มีข้อมูลว่าจะใช้วิธีอย่างไร  ข่าวบอกเพียงว่าจะพิจารณาเป็นรายๆไป มีประเด็น ที่อยากพูด 1. เสียงคัดค้าน ก็เพราะความห่วงเรื่องคุณภาพการสอนของครู  จากประสบการณ์ตรงก็คิดว่าถ้าสามารถเอาผู้รู้จริงในสาขานั้นๆมาสอนก็จะทำหน้าที่ได้ดีกว่าผู้จบครู   2. ทำไมจึงเกิดปัญหาว่า ป.บัณฑิต วิชาชีพครู ไม่มีคุณภาพ  เพราะถ้าผู้เรียนมีความสามารถอยู่แล้ว  ผลการเรียน ป.บัณฑิต วิชาชีพครู น่าจะออกมาดีและปฏิบัติหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพ 3. เรื่องเงินเดือนครู ต่ำ ก็เป็นไปตามค่านิยมสังคมว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้อยากเป็นครู   การเพิ่มเงินเดือนครูให้ทุกๆคนที่ประกอบอาชีพครู เป็นการบิดเบือนตลาด และเป็นภาระด้านงบประมาณ  น่าจะมีวิธีการที่สามารถเพิ่มเงินเดือนได้ตามความสามารถ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 14:07:13

ความคิดเห็นที่ 72 กระทรวงคงกลัวใช้งานครูไม่คุ้มมั้งครับ เพราะผมจำความได้สมัยเรียนปถม มักมีอาจารย์สอน 2 วิชา บางที่อาจ 3 - 4 วิชา เช่น อ.ท่านหนึ่งจบ คุรุศิลปะ มาแต่ได้สอน วิชาภาษาไทยด้วยควบกับวิชาศิลปะ งงไปเลย สรุปสอนแบบเปิดหนังสือแล้วก็อ่านให้เราฟัง  แล้วจะสอนไปทำไม        อ.อีกคนหนึ่งจบคุรุสาขาการงานอาชีพ สอนวิชาการงาน แล้วยังให้ไปสอนนาฏศิลป์ แถมสอนวิชาศิลปะอีก ยิ่งบ้านนอก ชนบทนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ครูคนหนึ่งอาจสอนเกือบทุกวิชา     คือใครจบคุรุมาเนี่ยประมาณว่าใช้ประโยชน์ได้สารพัด ไม่เรื่องมากด้วย รัฐบาลใช้คนคุ้มจริง ๆ แต่ขอบอกมันเหมือนจับฉ่ายอะนะ เงินเดือนก็โคตะระน้อยมาก ๆ แต่งานหนักมาก ๆ   ครูเรา ๆ ทั้งหลายจะตายกันหมดอยู่แล้ว  อย่างผมตอนนี้เป็นครูอัตราจ้าง จบศิลปะสายตรงจากจิตรกรรมศิลปากร ก็สอนเด็กได้ไม่เห็นมีปัญหาเลย ก็แค่พูดให้เด็กเข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน ทำสื่อการสอนมาประกอบด้วยช่วยให้เด็กเข้าใจง่ายกว่าเดิม วางแผนการสอนหรือจุดประสงค์ของการเรียนดี ๆ ก็ไม่มีปัญหาแล้ว ปัญหามันไม่ได้เกิดจาก ไม่ได้เรียนจบสายคุรุหรอก ผมว่ามันอยู่ที่วิญญาณนะ วิญญาณของความเป็นครู วิญญาณของการสอน ไม่ใช่แค่มาทำงานอาชีพครู เพื่อมีเงินเดือนดำรงชีพ     แต่ติดตรงที่ว่าปีหน้าผมจะไปลงเรียนเอาวุฒิครูเนี่ยนะสิ ถ้ามีเรื่องแบบนี้ ก็คงเป็นครูที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่ได้แล้วละมั้ง    สรุปประเทศเราขาดแคลนครูจริง ๆ หรือเปล่า    หรือแค่สกัดดาวรุ่งกำจัดคนจบสายตรง จากคุณ : RFB-PSG เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 14:51:54

ความคิดเห็นที่ 73 ครูสมัยก่อนน่ะเค้าคัดคนเก่งๆไปเรียนครับคุณ 59 (ถึงขนาดนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะดีทุกคนเลย) แล้วสมัยนี้มันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ถ้ามีแต่คนเก่งๆมาเรียนครูก็ไม่ต้องมีปัญหาพวกนี้หรอกครับ ดูแต่คณะวิทย์ก็ได้ครับ สมัยผมเอ็นท์น่ะคะแนนวิทย์ก็ไม่ได้สูงมาก เรียกว่าไม่ต้องอ่านหนังสือไปสอบเลยก็ติดแล้ว สิ่งที่ศึกษาศาสตร์ต้องทำไม่ใช่มากันคนอื่น แต่ต้องพัฒนาตนเองครับ จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 14:53:23

ความคิดเห็นที่ 74   #71 ผมเห็นด้วยกับคุณ นะ แต่ไม่เห็นด้วยกับข้อ 3 นะครับ ผมว่าสังคมชนบท หลายๆแห่ง ยังอยากให้ ลูกหลาน เป็นครู อยู่นะ อาชีพครู เป็นอีกอาชีพ ที่ผมไหว้ได้สนิทใจ รอง ลงมาจาก หมอ ล่ะครับ ส่วน สีอื่นไม่คงไม่ต้องบอกนะครับ ถ้าเพิ่มเงินเดือน ให้มันสะท้อนความเป็นจริง หน่อย ก็น่าจะดีนะครับ จะบอกว่าเป็นภาระของประเทศ มันก็ถูก แต่ถ้าเทียบกับการที่ ได้ครูเก่งๆ มาพัฒนาความรู้ความสามารถ ให้เด็กได้ดีขึ้น แค่นี้ มันก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้วครับ เด็กๆโตไปมีวามรู้ความสามารถ ทำงานดี เงินเดือนเยอะเดี๋ยว มันก็กลับไปในรูปภาษีเอง รทบ.อาจต้องใช้เวลา สักหน่อย กว่าจะได้เงินคืนนะ สัก 10 หรือ 20 ปี เงินแค่นี้ รทบ. ไม่จนหรอก ครับ เค้าหากันเก่งอยู่แล้ว งบประมาณ อย่างอื่นเยอะกว่าหลาย ร้อยเท่า ยังอนุมัติกันโครมๆเลย จากคุณ : 00 เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 15:49:06 A:202.149.127.143 X: TicketID:283347

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณ คุณTer @ AFC#71 ค่ะ ที่ตีโจทย์ได้ตรง เพราะงงกับผู้ตอบกระทู้มากๆ เนื่องจาก ท่านตอบกันแบบท่านไม่มีข้อมูลเลย ท่านแสดงความเห็นแบบอ่านจากสื่อ หรือถามจากผู้อื่น ไม่เห็นมีใครทำการบ้านเรื่องครูกันเลย เหมือนเอามันส์มากกว่า อย่างน้อย ท่านน่าจะเสริชกูเกิ้ลกันก็ได้ว่า "ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู" คืออะไร ใช้บังคับใคร? มันไม่ได้เกี่ยวข้องสิ่งใดกับอาจารย์มหาวิทยาลัยเลย อาจารย์มหาวิทยาลัยเขาโอเพ่นอยู่แล้ว แต่เรากำลังพูดถึง "ครู" ระดับต่ำกว่าปริญญาตรี ต่ำกว่าปริญญาตรีในที่นี้ ก็นับกันตั้งแต่อนุบาล 1 ,2, 3 , ป.1, ป.2 ,ป.3, .................ยัน มัธยม หรือ ปวช. , ปวส. เท่านั้น และสิ่งที่นักวิชาการทั้งหลายเขาคิดกัน ก็เพื่อพัฒนาวิชาชีพครู เพื่อวิชาชีพครูมันดีขึ้นเรื่อยๆ บังเอิญว่าสิ่งที่เขาคิดมันไม่ต่างกับใจพวกเราเท่านั้น และไอ้ความที่ไม่ตรงกับใจเราเนี่ยแหละ เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงว่า คนๆ นั้น เหมาะสำหรับวิชาชีพครูหรือเปล่า และเพื่อให้ได้คนที่ดีที่สุดเข้ามาเป็นครู ซึ่ง คนที่ดีที่สุดก็ไม่ได้หมายความว่าจะถูกใจทุกคนไปเสียหมด เราไม่ได้มานั่งเถียงกันเรื่องความ "เก่ง" เราไม่เถียงว่า คนที่จบสายวิทยาศาสตร์มาโดยตรงเก่งวิชาวิทยาศาสตร์ กว่าคุรุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์วิชาเอกวิทยาศาสตร์ แต่เรากำลังต้องการ "ครู" และสิ่งที่สำคัญที่สุด ของการเป็นครูที่แท้จริง "เงินเดือนสูง" ไม่ใช่คำตอบแรกในการเป็นครู "คนเก่ง" "สอนเก่ง" ไม่ใช่ "ครูดี" เสมอไป หมายเหตุ อยากจะรบกวนให้อ่าน กฏหมายครู ก่อนที่จะตอบน่ะค่ะ เพราะ กฏหมายครู ใช้บังคับเฉพาะ ผู้ที่สอนในระดับต่ำกว่าปริญญาตรี และสอนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องสิ่งใดกับการกวดวิชา การเปิดสอนพิเศษ เต้นระบำ รำฟ้อน ใดใดทั้งสิ้น แล้วเราจะเข้าใจมากขึ้นค่ะ รบกวนทุกคนด้วยนะคะ จากคุณ : .. (somkamol) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 15:54:15

ความคิดเห็นที่ 76 ส่วนประเด็น #71 1. ความหมายที่คุณพูดน่าจะหมายถึงในระดับปริญญาตรีขึ้นไปมากกว่า โดยส่วนตัวมองว่ากว่า 700, 000 คน ก็ต้องมีบางส่วนที่เสียบ้างละค่ะ ซึ่งกว่า 700,000 คนนั้น ก็พัฒนาตัวเองให้เชี่ยวชาญเหมือนกัน เพียงแต่เราอาจจะอยู่ในจุดที่ไม่เห็นมากกว่า อีกทั้งเราอยู่ในเมืองใหญ่ เราเห็นแต่เพียงมุมมองของเมืองใหญ่ ถ้าคุณเห็นทั่วประเทศ โดยเฉพาะในมุมที่ขาดแคลนมากๆ คุณจะเข้าใจ ทีนี้พอถามบุคคลที่คุณว่ารู้จริง หรือเก่งๆ เหล่านั้นว่าให้ไปอยู่บนดอย อยู่ในป่าในเขามั๊ย น้อยมากค่ะ หรือไปก็แค่ประมาณว่าไปเอาตำแหน่ง เพื่อขอย้ายกลับเข้าเมืองทั้งสิ้น   2. ทำไมจึงเกิดปัญหาว่า ป.บัณฑิต วิชาชีพครู ไม่มีคุณภาพ  เพราะถ้าผู้เรียนมีความสามารถอยู่แล้ว  ผลการเรียน ป.บัณฑิต วิชาชีพครู น่าจะออกมาดีและปฏิบัติหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพ คำถามนี้ ชี้ให้เห็นว่า ไหนละที่บอกว่าเป็นคนเก่ง รู้จริงในเรื่องนั้น นี่ละคะ ผลลัพธ์ของ ป.บัณฑิต 3. เหนือสิ่งอื่นใด "ครู" ที่แท้จริง ต้องก้าวข้ามผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้  แต่ในเมืองใหญ่ คงทำใจลำบาก   ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้พยายามพัฒนา ก็เพื่อคงไว้ซึ่ง "ศักดิ์ศรีของวิชาชีพครู" จากคุณ : .. (somkamol) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 16:05:46

ความคิดเห็นที่ 77 ^ ^ ก็ที่ผมพูดและคนทั้งหมดในห้องหว้ากอพูดนี่คือ ม. ปลายครับ ไม่ได้พูดถึง ป.ตรีเลย อ่านดีๆครับ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 16:43:30

ความคิดเห็นที่ 78 ^ ^ อ่านดีแล้วค่ะ ถึงได้ขอความกรุณาว่า รบกวน อ่าน พรบ.สภาครูฯ ก่อน แล้วเราจะได้พูดตรงกัน ซึ่งในที่นี้ แม้แต่การสอนกวดวิชาก็ไม่เกี่ยว เพราะถ้าเราถกกันแบบไม่มีข้อมูล มันก็จะเป็นประเด็นให้เถียงกันไม่สิ้นสุด แต่ถ้าเรามีข้อมูลตรงกัน มันก็จะเป็นในลักษณะ ถามมา - ตอบไป แชร์กัน อย่างนี้น่าจะเป็นเรื่องดีมากกว่าค่ะ เผลอๆ อาจได้เป็นกระทู้ข้อมูลส่งต่อไปถึงรัฐมนตรี อันนี้คิดเองเล่นๆ นะคะ จากคุณ : .. (somkamol) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 16:59:38

ความคิดเห็นที่ 79   ถูกครับเรากำลังพูดถึงครู ม.ปลาย ลงมาครับ ไม่ได้พูดถึง ป.ตรีเลย  และ ใช่ครับ ครูเก่ง สอนเก่ง ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นครูดี และ ก็เช่นกัน ครูไม่เก่ง สอนไม่เก่ง ก็ได้หมายความว่าเป็นครูดีนี่ครับ จากคุณ : คุณชายฉายเดี่ยว เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 17:01:55

ความคิดเห็นที่ 80 ส่วนที่ ๕ การประกอบวิชาชีพควบคุม —————— มาตรา ๔๓ ให้วิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษาเป็นวิชาชีพควบคุมตาม พระราชบัญญัตินี้  การกำหนดวิชาชีพควบคุมอื่นให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพควบคุม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่กรณี อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ที่เข้ามาให้ความรู้แก่ผู้เรียนในสถานศึกษาเป็นครั้งคราวในฐานะวิทยากรพิเศษทางการศึกษา (๒) ผู้ที่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนแต่ในบางครั้งต้องทำหน้าที่สอนด้วย (๓) นักเรียน นักศึกษา หรือผู้รับการฝึกอบรมหรือผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติการสอน ซึ่งทำการฝึกหัดหรืออบรมในความควบคุมของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ซึ่งเป็นผู้ให้การศึกษาหรือฝึกอบรม ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด (๔) ผู้ที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย (๕) ผู้ที่ทำหน้าที่สอนในศูนย์การเรียนตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ หรือสถานที่เรียนที่ หน่วยงานจัดการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบันสังคมอื่นเป็นผู้จัด (๖) คณาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษาในระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาทั้งของ รัฐและเอกชน (๗) ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษา (๘) บุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 53 17:07:03 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 17:05:45

ความคิดเห็นที่ 81 กรณีที่ผมพูดไม่ใช่กรณีทั้ง 8 ข้อนี้ครับ เพราะคำว่ากวดวิชาที่กล่าวมา มันเป็นคำอ้างอิงเฉยๆ ในกวดวิชามันเป็นข้อ 4 มันน่าจะยกเว้น ตามความเข้าใจผม ซึ่งไม่เกี่ยวกับตรงนี้ ที่เราพูดกันทั้งหมดนี่คือ ม.ปลาย แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 53 17:09:43 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 17:08:30

ความคิดเห็นที่ 82   "อีกทั้งผลวิจัยของมหาวิทยาลัยมหาสารคามพบว่าผู้เรียนหลักสูตรป.บัณฑิตคุณภาพ ต่ำกว่าผู้เรียนหลักสูตรครู 5 ปี" อยากให้เอางานวิจัยชิ้นนี้มาตีแผ่จังเลย เพราะโดยส่วนตัวผมไม่เชื่อครับ จากคุณ : คุณชายฉายเดี่ยว เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 17:15:51

ความคิดเห็นที่ 83 กลับมาอ่านอีกครั้งในภาคบ่ายคล้อย................... . . รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่มีผู้มาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากล้น..... . ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมบางอย่างในฐานะที่สอนในคณะวิทยาศาสตร์ และมีนิสิตในความดูแลทั้งแบบที่ได้ทุน สควค. และเรียน ป.บัณฑิต โดยใช้ทุนของตนเอง . การเรียนการสอน ป.บัณฑิต ก่อนปีการศึกษา 2552 จะเรียนเทคนิคการสอน จิตวิทยาการสอน และรายวิชาอื่น ๆ ในภาคการศึกษาต้น โดยคณะศึกษาศาสตร์ (ในมหาวิทยาที่สังกัด.... เจ้าของผลวิจัยนะแหละ) จะเปิดเทอมให้กับนิสิตกลุ่มนี้ก่อนคณะอื่น ๆ ในภาคการศึกษาที่ 2 จึงจะเป็นการฝึกสอนจริง.......... . จากปีการศึกษา 2552 เป็นต้นมา คณะศึกษาศาสตร์ บังคับให้นิสิตทั้งเรียนและฝึกสอนไปพร้อมกันทั้ง 2 ภาคการศึกษา ซึ่งสำหรับเด็กที่ไม่เคยเรียนเทคนิคการสอน และจิตวิทยาการสอนมาก่อนอาจมีปัญหาในการสอน และการสื่อสารกับนักเรียน (ยกเว้นคนที่โชคดี (ไม่แน่อาจจะโชคร้าย) .... ได้ฝึกสอนในโรงเรียนสาธิต ซึ่งวิธีการสอนใกล้เคียงกับระบบของมหาวิทยาลัย ซึ่งครูคือผู้ชี้แนะ) . ถามท่านทั้งหลายว่า.....เมื่อประเมินผลการฝึกสอน..เด็กกลุ่มนี้จะถูกประเมินได้คะแนนในระดับใด ? . . ผลวิจัยที่ว่า....เป็นผลการวิจัยที่ทำในช่วง 2 ปี นี้แหละค่ะทุกท่าน.... . ดิฉันจึงให้ความเห็นว่า....เล่นแรง และกีดกันเด็กวิทย์สายตรงที่รักการสอน และอยากพัฒนาเด็กไทยให้รักในวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ อย่างโจ่งแจ้ง . อาจารย์มหาวิทยาลัยคงต้องทำงานหนักต่อไป ในการสอนพื้นฐานวิทย์ระดับมัธยม เพื่อปรับพื้นฐานเด็กก่อน และที่รันทดยิ่งกว่าคือ ต้องทำงานราวกับครูมัธยม เพราะ สกอ. บังคับใช้ TQF (มคอ.-มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ) ดิฉันเรียกเจ้า TQF นี้ว่า Thai Quality Fail แบบประชด ๆ ............ . พร้อม ๆ กัน อาจารย์แต่ละท่านต้องทำวิจัย บริการวิชาการ และทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ไปด้วย.... . เคยฝากคำพูดไปกับเด็ก ๆ ที่ไปเรียนวิชาชีพครู และจบเป็นครูไปว่า..... "ครูหวังว่าเด็กไทยในอนาคตอันไม่ไกลต่อแต่นี้ จะมีใจรักและอยากเรียนรู้ในวิทยาศาสตร์มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะมีพวกหนู ๆ ไปจุดประกายให้ตั้งแต่ระดับชั้นมัธยม..หวังว่าหนู ๆ จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด" . หรือจะต้องจัดทำหลักสูตรร่วมระหว่างคณะศึกษาศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ เพื่อผลิตครูวิทย์ ที่เก่งทั้งวิทย์และสอน ไปพร้อมกัน ....เรียนสัก 6 ปี จะเป็นไรไป... . โอ้....Thai Quality Fail.... . ลาออกไปทำไร่นา สวนผสม ดีกว่ามั้งเรา... จากคุณ : MissMicrobe เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 17:17:33

ความคิดเห็นที่ 84 คุณ ..(somkamol) . เห็นว่าคุณยังตามอ่านอยู่ . กรุณาอ่านความคิดเห็นที่ 83 แล้วจะเข้าใจว่าทำไมคุณภาพ ป.บัณฑิตที่ประเมินออกมาจึงต่ำ.. . เพราะเขาตั้งใจ..ทำให้มันต่ำ เพื่อความชอบธรรมในการขอเปลี่ยนแปลง (rank เด็กสายตรงเมื่อสอบ comprehesive เพื่อจบคณะศึกษาศาสตร์ ในรุ่นก่อนปี 2552 จะอยู่ใน rank ต้นทั้งหมด เสมอ) . ดังนั้น..ดิฉันจึงขอพูดว่า..มันเป็นยุทธการดับดาว... . เปิดทางหางานทำให้เด็กตัวเอง..จนลืมคิดถึงอนาคตชาติ.. . แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 53 17:25:00 จากคุณ : MissMicrobe เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 17:24:08

ความคิดเห็นที่ 85   พูดตรงๆว่า ตอนนี้ ครูไทยเรา ระดับความสามารถคนเรียนวิชาครูมายัง ต่ำ มาก.... เทียบแล้วยังไม่เท่ากับพวก นิติ เศรษฐฯ บัญชี วิศวะ หมอ สถาปัตย์ ไม่ได้เลย.... น่าเสียดายที่ คนเก่งๆ ไม่อยากเป็นครู ....เพราะ ค่าตอบแทน ต่ำ....(ถ้าเทียบกับอาชีพข้างต้นที่กล่าวมา) คนที่มาเป็นครู เลยเป็นพวกคนที่ไม่รู้จะเรียนอะไรแล้ว..... ถ้าเราเปลี่ยนให้ ค่าตอบแทนครู อยู่ในระดับเดียวกับ พยาบาล หรือ บัญชี ก็น่าจะโอเคแล้ว (จะให้เท่าหมอ คงไม่ได้) เพราะครูเป็นอาชีพที่ต้องเสียสละสูงมาก ....ทั้งเวลาส่วนตัวและเวลาส่วนรวม.... คนต้องใจรักเด็กจริงๆ ถึงจะเป็นครูได้.... จากคุณ : นั่งดูนกเล่นน้ำ เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 17:29:49

ความคิดเห็นที่ 86   #85 ถ้าผมเป็น นาย.. นะ ผมว่าให้เยอะกว่า พยาบาลเลยครับ พยาบาลจอบเยอะ ถ้าใครคิดว่าเงินเดือนครู มากน้อย ไม่สำคัญ นะครับ ลองใช้ ตังเดือน นึงสัก 8000 ดู (รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างนะ) ใช้แล้วให้เหลือด้วยนะครับ ใครทำได้มาบอกผมที ครู น้อย ทุกๆ คน ก็อยากมีบ้าน มีรถขับ นะครับเจ้านายยย (ไม่ได้อยากอยู่บ้านพักครู จนเกษียณนะ) ยิ่งถ้าเป็น อัตราจ้างด้วย อย่าหวัง ว่าเงินเดือนจะเข้าตรงเปะๆ ทุกเดือน พี่สาว เป็นอัตราจ้างโรงเรียนขยายโอกาส (มีแค่ม.3) มา 4 ปี เคยได้เงินเดือน ช้าสุดๆๆเลย 6 เดือน (รวบจ่ายทีเดียว) อย่างเร็วๆ 2 เดือน แล้วช่วงที่เงินยังไม่ออกนี้เอาที่ไหนกินดีครับ ใครที่ทางบ้านฐานะมีอันจะกินก็ดีไป ถ้าใครไม่มีล่ะ ขอให้นักวิชาการทั้งหลายในห้อง หว้ากอบอกผมมาหน่อยสิครับ ควรทำยังไงดี คนที่จบใหม่ๆเลย มีไฟทุกคน ที่พร้อมจะถ่ายทอดครามรู้ และหาวิธีนำเสนอ ให้เด็กๆ สนใจครับ แต่มันต้องใช้ปัจจัย (เงิน) ทั้งนั้นล่ะ แรกเข้าเนื้อ นิดๆหน่อย ครูทุกคนพร้อม จะจ่ายกันอยู่แล้ว แต่บ่อยๆเข้า ถอดใจกันทุกคน กว่าจะเบิกงบได้แต่ล่ะที นานจนลืมล่ะ จากคุณ : 00 เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 18:21:34 A:202.149.127.143 X: TicketID:283347

ความคิดเห็นที่ 87 คุณ #83#84 ยิ่งทำให้คิดต่อว่า แล้วผู้สอนทำอย่างไรให้ ค่า rank ของสาย ป.บัณฑิต ต่ำ นั่นคือที่มาของการยุบด้วยส่วนหนึ่ง แล้วถามกลับไปที่มหาวิทยาลัยต่ออีกว่า ตอนที่คุณรับสมัครเด็กเข้ามาเรียน ป.บัณฑิตวิชาชีพครูน่ะ คุณบอกเด็กมั๊ยว่า บางวิชาเอกเรียนจบ ป.บัณฑิตวิชาชีพครูแล้ว ไม่สามารถสอบบรรจุครูได้ เพราะไม่มีการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียน แล้วถามกลับไปอีกว่า มหาวิทยาลัยขอรับรองหลักสูตร ป.บัณฑิตวิชาชีพครูมาแล้ว จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรที่ขอมาหรือไม่ ถามอีกครั้งว่า ในการรับสมัคร ป.บัณทิตวิชาชีพครู คุณจัดการเรียนการสอนอย่างไร ฝึกสอนกันอย่างไรได้ทีละ 200-300 คน บางทีปาเข้าไป 500 คน (ของจริงไม่ได้ล้อเล่น ตรวจสอบได้) อ่านะ อันนี้ฝากเป็นการบ้านให้คิดกันเล่นๆ ต่อไป จากคุณ : .. (somkamol) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 18:30:29

ความคิดเห็นที่ 88 มันกีดกัน อย่างเห็นได้ชัด อยากรู้ว่าคุณภาพที่คุณเอามาวัดคนสอนคนได้ดีกว่ากัน อยู่ที่แค่กระดาษใบเดียวเหรอ ทั้งที่มันก็กระดาษเหมือนกัน ยุทธวิธีกีดกัน ผลประโยชน์ มากกว่า จากคุณ : เอ๋อ (aumuro) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 18:57:29

ความคิดเห็นที่ 89 นี่เป็นยุทธการดับดาว จริงๆครับ ขอบอกว่าแย่มาก หลักสูตรครู๕ปีที่เรียนๆกันอยู่ ไปฝึกสอน๑ปียังทำข้อสอบวิทย์ม.๓ไม่ได้เลย ผมล่ะเหนื่อยใจในเรื่องความรู้ครับ ส่วนเรื่องการควบคุมห้องหรือจิตวิทยาต่างๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะเก่งหรอกครับ มันเป็นการกีดกันคนเรียนสาขาอื่นแต่อยากเป็นครในภายหลังมากกว่า ถามจริงๆและอยากให้ตอบจากใจจริงนะครับ มีนักเรียนที่จบม.๖กี่คนที่ตั้งใจไปเรียนครูเพราะอยากเป็นครู เท่าที่ผมเห็นส่วนใหญ่ไปเรียนอย่างอื่นไม่ได้มากกว่าเลยต้องเรียนครู เพราะเข้าง่าย ป.ล.ผมเป็นครูสอนม.ปลายครับ จากคุณ : อาทิตย์ (Athijaran) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 19:17:07

ความคิดเห็นที่ 90   สรุปว่าให้อีกครั้ง สมมุติจบอักษรศาสตร์ จุฬา เกียรตินิยม เอกอังกฤษ เขาอยากเป็นครู แต่ตอนนี้ไม่มีสิทธิจะมาเป็นครูสอนม.ปลายว่างั้น นี่ใช่ไหมสิ่งที่บอกว่าการ "พัฒนา" การศึกษาไทย จากคุณ : คุณชายฉายเดี่ยว เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 19:33:17

ความคิดเห็นที่ 91 คิดๆไปคล้ายๆ เคสที่ให้ อยากได้โปรแกรมด้านบัญชี ใช้ในบริษัท จะให้โปรแกรมเมอร์ไปเรียนอ่าน บัญชี หรือ จะให้พนักงานบัญชีไปเรียนเขียนโปรแกรม จากคุณ : 3N เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 19:38:36

ความคิดเห็นที่ 92 คุณ..(somkamol) คะ . เห็นอีกรอบว่ายังกลับมาอ่าน . เรื่องที่คุณถาม...คุณต้องไปถามอาจารย์ผู้สอนจิตวิทยาการสอน เทคนิคการสอน และรายวิชาอื่น ๆ ในคณะศึกษาศาสตร์ ที่รับเด็ก ป.บัณฑิต ไปเรียน . การจัดการเรียนการสอนในระดับมหาวิทยาลัย เป็นอะไรที่ยืดหยุ่นพอควร สามารถโยกรายวิชาใด ๆ ให้อยุ่ในภาคต้นหรือภาคปลายก็ได้ ตามความเหมาะสม แต่ทั้งนี้ต้องให้นิสิตเรียนผ่านตัวแกนของหลักสูตรได้ทั้งหมด รวมทั้งรายวิชาเลือกด้วย ในระยะเวลาที่กำหนดในหลักสูตร โดยต้องพิจารณาเปิดรายวิชาที่เป็นบุรพวิชาของวิชาอื่น ๆ ก่อน เสมอ . ที่กล่าวมานี้ อาจารย์ที่จัดทำหลักสูตรและบริหารหลักสูตรจะเข้าใจเป็นอย่างดี ปัญหาที่เกิดในระหว่างการจัดการเรียนการสอนจะใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนให้เหมาะสมตามสภาวะการณ์ (รวมทั้งความสามารถในการเรียนของนิสิต (ด้วยหรือเปล่า) ในทุกรอบ 4-5 ปี (ดิฉันพูดแบบนี้ได้แน่ ๆ ค่ะ เพราะในฐานะประธานหลักสูตร (ไม่ขอระบุ) ดิฉันจัดการแบบนี้ ...ดิฉันเก็บข้อมูลเด็กทุกรุ่น ดูความสามารถในการเรียนทุกรายวิชา เพื่อเป็นแนวทางให้อาจารย์ผู้สอนในหลักสูตรสอนเด็กให้ได้ความรู้ครบ นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้...และต้องเป็นคนดี มีจิตสาธารณะ) . ในการปรับปรุงหลักสูตร อาจต้องเพิ่มหรือลดรายวิชา อาจเป็นรายวิชาแกนของหลักสูตร หรือรายวิชาเลือก แล้วแต่กรณี ทั้งนี้เพื่อสนองความต้องการตลาดงาน และสังคม..... . ถ้าเด็ก ๆ ที่เรียน ป.บัณฑิต ได้เรียนผ่านรายวิชาทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการเป็นครูมาแล้ว ก่อนออกไปฝึกสอน..... คุณคิดว่าผลมันจะดีกว่าผลการวิจัยที่เขาบอกว่ามันหาดีไม่..ไหมคะ ? . ในปัจจุบัน..ทราบไหมคะว่าคณะศึกษาศาสตร์ให้เด็กเรียนที่มหาวิทยาลัย 2 วัน ออกฝึกสอน 3 วัน สลับกันตลอด ทั้ง 2 ภาคการศึกษา... . คุณคิดดูเอาเองแล้วกัน...นะคะ..ว่าเด็ก ๆ ทั้งเรียนและออกฝึกสอน ทั้งเขียนรายงานในรายวิชาที่เรียน  แผนการสอนที่ต้องใช้สอน ..1 วัน มี 24 ชั่วโมง ..ใช้เวลาทุกนาทีให้เป็นประโยชน์..เหนื่อยไหมคะ.. .งานที่ออกมาจะมีประสิทธิภาพ แย่ พอใช้ ดี ดีมาก ดีมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ คะ ? . ในขณะที่นิสิตคณะศึกษาศาสตร์เอง ทุกรายวิชาที่ว่า..เรียนมาหมดแล้ว... . การจัดการเรียนการสอนแบบนี้...จึงเป็นยุทธการดับดาวโดยแท้จริง.. .ผู้ที่คิดจะยุบ ป.บัณฑิต ท่านคงสั่งลูกน้องท่านว่า เอ็งจัดการเรียนการสอนยังไงก็ได้ให้ผลประเมินของเด็กพวกนี้มันต่ำกว่าเด็กเรา...(อันนี้ดิฉันจิ้นเอาเอง...ขออภัยที่ใช้ภาษาวิบัติ..กำลังอิน.) .และ..กลับไปอ่านใหม่ดี ๆ นะคะ ดิฉันเป็นอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ และดิฉันมั่นใจว่าเด็ก ๆ ของดิฉันเก่ง (ระดับได้ทุนโครงการเรียนดีวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์แห่งประเทศไทย ก็แล้วกัน แต่อยากเป็นครูวิทย์...เจ๋งมากลูก.) . ดังนั้น...คำถามที่คุณทิ้งไว้ใน # 87 ช่วยเอาไปถามผู้บริหารคณะศึกษาศาสตร์ผู้บริหารยุทธการดับดาวแทนนะคะ...ดิฉันหาทราบไม่ว่าทำไมท่านบริหารกันอย่างนั้น . และได้อ่าน paragraph ท้าย ๆ ของความคิดเห็น 83 ไหมคะ ดิฉันเขียนไว้ว่าถ้าจะต้องทำหลักสูตรร่วมระหว่าง 2 คณะวิชา จะดีกว่าไหม.. . กราบเรียนมาเพื่อบริหาร cerebrum ของคุณ..(somkamol) โดยเฉพาะ.. . แหมคุณก็...คุณนี่เข้าในอะไรยากกว่าเด็กคณะศึกษาศาสตร์ที่มาเรียนวิชาเอกวิทยาศาสตร์ที่คณะวิทย์อีกนะนี่ . ตอบกระทู้นี้เสร็จจะขอแอบอ่านอย่างเดียวแล้วละค่ะ... จากคุณ : MissMicrobe เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 19:39:00

ความคิดเห็นที่ 93   เรียนคุณ..(somkamol) ครับ คุณหลงประเด็นเองแหละครับ ตามที่คุณ CuSO45H2O บอกไว้ใน #77,81 แล้วก็ช่วยอ่านของคุณ MissMicrobe อีกทีนะครับ(หลายทีก็ได้) และ #87 "...อ่านะ อันนี้ฝากเป็นการบ้านให้คิดกันเล่นๆ ต่อไป" >การบ้านนี้มันปัญหาของผู้ที่อยากเป็นครู หรือของท่านผู้บริหารครับ? >แต่ผมว่าคำตอบอยู่ในเนื้อหาข่าวแล้วนะ คือ"...สถาบันผลิตครูบางแห่งบริหาร หลักสูตรได้มีคุณภาพ แต่บางแห่งไม่บริหารหลักสูตรให้เป็นไปตามที่เสนอต่อคุรุสภา ทำให้หลายหน่วยงานบ่น..." >แล้วแทนที่ท่านจะบังคับแก้ไขไปยังสถาบันที่ทำหลักสูตรไม่ถูกต้อง ท่านแก้โดยการยุบเลิกทั้งหมด(รวมถึงสถาบันบางแห่งที่ท่านบอกว่าได้คุณภาพ)? จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 20:51:50 A:115.87.0.113 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 94   ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับ..ว่าคุณจะได้ไปติดตามการออกปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาของลูกศิษย์ท่านหรือเปล่า 1. ท่านกล้าพูดได้เต็มปากหรือเปล่าว่า นิสิตของท่านมีความสามารถตรงตามหลักสูตรที่ท่านได้เป็นคนเขียนขึ้นมาทุกคน เพราะได้เจอกับตัวเอง นิสิตที่จบ วทบ.คอมพิวเตอร์ ไม่มีความสามารถในด้านคอมพิวเตอร์เลย ขนาด office ที่ต้องเป็นความรู้พื้นฐาน นิสิตที่จบ วทบ.คอมพิวเตอร์ ยังไม่มีความรู้เลย อย่าได้พูดถึงการเขียนโปรแกรมเลยนะครับ แค่นี้ก็คงพอจะเดากันออก 2. ตามที่ท่านได้บอกมาว่า เรียน 2 วัน สอน 3 วัน แล้วอีก 2 วันทำอะไรครับ..นี่คือเวลาที่ว่างใช่หรือไม่ หาความรู้ใส่ตัวได้ไหม..ทำงานการบ้านหรืออื่นๆได้หรือไม่...ในขณะที่ นิสิตศึกษาศาสตร์ สอน 5 วัน เต็ม และต้องทำงานอื่นๆในโรงเรียนเช่นงานธุรการ,วิชาการ,ปกครอง เป็นต้น 3.ท่านบอกว่า ท่านสอน นิสิต วทบ.ของท่านให้มีจิตอาสา ท่านเคยเข้าไปดูในโรงเรียนหรือเปล่า นิสิต ป.บัณฑิต เหล่านั้นเป็นอย่างไร เคยไปดูหรือเปล่าว่า นิสิต ป.บัณฑิต วทบ. ของท่านไปปฏิบัติงานเป็นอย่างไร ถ้าท่านอยากรู้ข้อมูลท่านไปสอบถาม/สัมภาษณ์คุณครูที่อยู่ในโรงเรียนว่านิสิต ป.บัณฑิต เป็นอย่างไร แต่เท่าที่ได้สัมผัส คือ มาสาย กลับเร็ว ไม่มีสอนไม่มา ขายบิ๊กอาย ขายยาฉีดขาว ให้นักเรียน เป็นต้น 4.คิดว่า ท่านชอบเหน็บแนมหรือดูถูกคนอื่น จาก "แหมคุณก็...คุณนี่เข้าในอะไรยากกว่าเด็กคณะศึกษาศาสตร์ที่มาเรียนวิชาเอก วิทยาศาสตร์ที่คณะวิทย์อีกนะนี่" คิดว่าความคิดแบบนี้ไม่น่าจะมาเป็นอาจารย์หรือเป็นครูนะครับ.. ........ยังไงก็ขอให้ทุกคนลองวิเคราะห์ดูดีดีก่อนนะครับไม่ใช่จะใช้แค่อารมณ์ความรู้สึก นะครับ จากคุณ : Autoboy เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 21:40:48 A:222.123.58.119 X: TicketID:246342

ความคิดเห็นที่ 95 อันนี้คุณ somsakul ตอบผมมาครับ ดูที่ 18:17 น. ครับ นี่คือสิ่งที่ข่าวไม่ได้ลง เขากังวลเรื่องธุรกิจ... แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมต้องหักดิบทั้งระบบ ที่ไหนไม่ดีก็ไล่ปิดไปทีละที่สิ สภาวิชาชีพมีอำนาจอยู่แล้ว ยกเว้นว่าตอนเปิดนี่ปล่อยให้เปิดโดยเสรี โดยไม่มีการรับรองคุณภาพมาตรฐาน หรือก็ไม่มีการติดตามเลย ไม่รู้ SAR ได้ทำกันเปล่า แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 53 22:20:52 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 21:57:09

ความคิดเห็นที่ 96   เรียน อาจารย์ MissMicrobe  ช่วยมาตอบอีกสักครั้งเถอะครับผมว่า คงมีเด็กศึกษาไม่เข้าใจที่อาจารย์อธิบายอีกแล้ว โดยเฉพาะข้อที่บอกว่า เรียน 2 วัน สอน 3 วัน มีคนเข้าใจผิดอีกแล้ว 55555555 อีกอย่างเคยเห็นแต่เด็ก เด็กศึกษา ตัดเกรด กับเด็ก วทบ. เด็กศึกษาอยู่คนละชั้น กับเด็ก วทบ. แต่นี่ออกแนวเด็ก วทบ.โง่กว่า ซะงั้น ว้าวๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ผมชอบประโยคสุดท้ายอะ ถามตัวเองก่อนมั้ย #94 จากคุณ : คุณชายฉายเดี่ยว เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 21:58:28

ความคิดเห็นที่ 97   #94 มองฝั่งกลับกันก็มีครับ เพราะเป็นเรื่องของตัวบุคคล จึงไม่ควรสรุปโดยการตัดสิทธิฝ่ายนึง แต่อีกฝ่ายคงไว้ ทั้งที่ระบบที่เป็นอยู่เท่าเทียมกัน จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 21:58:31 A:115.87.0.113 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 98   #95 "ที่ไหนไม่ดีก็ไล่ปิดไปทีละที่สิ สภาวิชาชีพมีอำนาจอยู่แล้ว ยกเว้นว่าตอนเปิดนี่ปล่อยให้เปิดโดยเสรี โดยไม่มีการรับรองคุณภาพมาตรฐาน" เจ็บปนเศร้าครับ จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 22:02:38 A:115.87.0.113 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 99 จากนาทีที่ 18:17 น. ทำไมไม่ใช้กลไกตลาดเป็นตัวตัดสินละครับ  ใช้การสอบวิชาชีพ (ครุสภาออก) + วิชาเฉพาะที่จะใช้สอน (ผู้เชีวชาณด้านวิชาชีพเฉพาะออก) ภาคทฤษฎี (50%)   การสอบสอนภาคปฏิบัติ โดยคณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้เชียวชาญทั้งทางเฉพาะ (ที่ไม่ใช่วิชาชีพเพื่อกันการกีดกัน) และผู้ที้เป็นวิชาชีพ (30%)   การสอบภาควิชาเฉพาะในเชิงปฏิบัติ (ถ้าทำได้เช่นวิทยาศาสตร์ ส่วนคณิตศาสตร์อาจจะใช้วิธีทดสอบความรู้เพิ่มเติม) (20%)   ถ้า่คุณทำไม่ได้ตลาดจะเป็นตัวคัดคุณออกเอง   ไม่จำเป็นต้องมาแทรกแซงด้วยการบิดเบือนกลไกหรอก จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 22:08:38

ความคิดเห็นที่ 101   ู^ ^ ทำไมพิมพ์คำติดได้ล่ะ จากคุณ : งวงยงง เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 22:36:11 A:10.9.27.57 X:202.28.169.166 TicketID:282352

ความคิดเห็นที่ 102 หยุดคิดกันสักนิดเถิด ไอ้การบอกว่าวิชาเฉพาะเก่งกว่าวิชาครู <- ประเด็นของคุณมีอยู่แค่นี้ กรุณายุติเถอะครับ เพราะประเด็นของกระทู้นี้ไม่ใช่ การยกวิชาเฉพาะเก่งกว่าวิชาครู ไม่มีใครถกกันเรื่องนี้ หรือเอาเรื่องนี้มาเก็บในใจ ประเด็นมันคือ ทำไมต้องปิดโอกาส คนเรียน วิชาเฉพาะ ให้เป็นครูด้วย ต่างหากล่ะครับ ผมขอร้อง เถอะนะครับ อย่าทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษา ไม่มองความจริงที่อยู่ตรงหน้า เลือกจะมองแต่สิ่งที่ตนอยากมอง บ้าหลักการ ทุกวันนี้ยังไงมันก็ต้องแข่งขันกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตั้งแต่ นักเรียน ยันครู จะออกกฏควบคุมทุกอย่างให้ดำเนินไปตามใจชอบ มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ มันคือโลกของการแข่งขันแล้ว  ท่านควรจะปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรเป็น ท่านควรแก้ปัญหาโดยมองสภาพตามความเป็นจริง ไม่ใช่ตามสภาพในสิ่งที่ท่านอยากจะเห็นมัน มีคนมากมายอยากช่วยกันแก้ไข แต่ท่านผู้ใหญ่ในกระทรวงกลับยึดติดกับ อุดมคติโง่ๆ หรือเพราะท่านหันหลังกลับไม่ได้แล้วก็แล้วแต่ อย่าลืมว่าท่านมีอำนาจ ที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศชาติได้ ควรจะห่วงประเทศชาติ มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว ท่านต้องยอมรับ ว่าทุกวันนี้เขามองว่าครูไม่มีคุณภาพ ท่านจะไปตะแบงปกป้อง ใช้อำนาจเข้าแทรกแซง กลไกที่มันควรจะเป็น ก็ไม่ใช่ นักเรียนยังต้องแข่งขันกันเข้ามหาลัย อาชีพครูหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอัพเดตตาม ผลก็คือ ครู ต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตามนักเรียน ตาม วิชาที่ใช้สอน อันที่จริง ไม่ใช่ว่า คนจบครูจะต้อง มีความรู้น้อยกว่าคนเรียนเฉพาะเลย ไม่ใช่ แต่ผลมันออกมาคือ คนเรียนจบวิชาเฉพาะ สามารถทำคะแนนได้ดีกว่าครู ส่วนศาสตร์การถ่ายทอด มันเรียนกันได้ โดยไม่เกี่ยวกับว่า ต้องไปนั่งเรียนวิชาใหม่ทั้ง 5 ปี ผลที่ได้ ก็อาจจะทำให้ได้ครูที่มีประสิทธิภาพ ได้มากกว่าคนที่เรียนครูแท้ๆ นี่น่ะแหละคือผลที่มันออกมา ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้บอกเลยว่า คนเรียนครู นั้นไม่ดี หรือดีไม่พอ แต่ผลมันออกมาแบบนี้ ไม่ว่าท่านจะยอมรับหรือไม่ แต่มันคือความจริง ถามว่า ท่านเข้าใจอะไรจริงๆหรือเปล่า เคยมองความจริงที่อยู่ตรงหน้าบ้างมั้ย หรือเลือกที่มองในสิ่งที่ตนอยากมอง สิ่งที่ตนไม่อยากมอง แค่ไม่ต้องไปสนใจมัน ใครจะเป็นอะไรยังไงก็ไม่สน  ? จากคุณ : Firion เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 22:46:06

ความคิดเห็นที่ 103 ในความคิดของผมนะครับ ครูเก่งแค่ไหน ลูกศิษย์มันก็ไม่เกินครูหรอก ส่วนที่เก่งเกินครูนั้นมาจากประสบการณ์ในภายหลัง ครูสอนฟิสิกข์ ม.ปลาย แตกแรง 3 มิติไม่ได้? ครูสอนเคมี ม.ปลาย ไตรเตรทไม่เป็น? ครูสอนคณิตศาสตร์ ม.ปลาย อินทิเกรตบายพาร์ทไม่เป็น? มีภูมิแค่เนี้ย ยังจะมีหน้ามาเป็นครู ผมว่า เราควรจะสกัดคนที่ภูมิน้อยเกินไป มิให้มาทำหน้าที่เป็นครู ดีกว่าการสกัดคนที่มีภูมิมาก ต้องการมาเป็นครูนะครับ ถ้าเด็กๆมาถามว่า ครูครับ เมื่อวัตถุมวล x โดนชนด้วยวัตถุมวล y แล้วกระเด็นไป โดยความเร็วขณะชนกัน เป็น A และ B ตามลำดับ มันจะเคลื่อนที่เป็นอย่างไรบ้างครับ ครูตอบว่า "ไม่รู้" ครูครับ การกลั่นลำดับส่วนคืออะไรครับ ทำไมต้องกลั่นลำดับส่วน ครูครับ โลหะนำไฟฟ้าได้เพราะอะไรครับ หรือด้านทางศิลป์นะครับ ภาษาอังกฤษ สำหรับครูที่จบวุฒิครู กับอักษรศาตร์ ต่างกันแน่นอน หรือจะเป็นภาษาอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส ถ้าอยากให้วิชาชีพครูสูงขึ้น ต้องเปิดให้กว้างครับ อย่าให้ใครว่าได้ว่า "น้ำหน้าอย่างนี้ เป็นครูได้เพราะจบครูหละว้า ความรู้แค่หางอึ่ง" ทำยังไง ให้คนเก่งและอยากเป็นครู มีความสามารถในการถ่ายทอด ได้เป็นครู ทำยังไง ให้คนที่มีปัญญาแค่ได้วุฒิปริญญาตรีทางครู อย่าได้เป็นครู จากคุณ : โลหการ4 เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 22:53:50

ความคิดเห็นที่ 104 ก็ รมต. ทองแดงท่านนี้ ไม่มีหัวคิด มีแต่หัวค... จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 00:02:16

ความคิดเห็นที่ 105 จากข้างบน 'ทำยังไง ให้คนที่มีปัญญาแค่ได้วุฒิปริญญาตรีทางครู อย่าได้เป็นครู' อุ๋ย! แรงส์!  กระทู้นี้ ผมได้กลิ่นดรามาลอยมาล่ะ  ขอตามดูอีกสักพัก :) จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 00:02:59

ความคิดเห็นที่ 106   มาม่ากะะลังหอมน่ากิน เดี๋ยวจะมาดูเรื่อยๆ ปักธงไว้ก่อน จากคุณ : Dark Prince of Lonely Castle เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 15:18:34

ความคิดเห็นที่ 107   เมียผมไปอบรมมา1ปี แต่ยังไม่ได้เรียน ป.บัณฑิต เลย ทำไงดีละคราวนี้ จากคุณ : แย่เลยปิดสะแล้ว เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 15:22:34 A:203.155.9.163 X: TicketID:155104

ความคิดเห็นที่ 108 ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า ขอตอบ MissMicrobe #92 เป็นหลักก่อน ก่อนที่จะมีคนบอกว่าตอบไม่ตรงประเด็นนะคะ cerebrum ของครูโดยเฉพาะดิชั้น ถูกหล่อหลอมมาโดยวิชาชีพครูให้มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นหลัก เราถูกหล่อมหลอมให้อยู่ในวิชาชีพครูตลอด 4 ปี (ปัจจุบัน 4 ปี อีก 1 ปี เจอสภาพจริง) เพื่อให้สามารถรับมือกับเด็กที่หลากหลายพื้นฐาน สำหรับเด็กที่อยู่ในการศึกษาขั้นพื้นฐานทั่วประเทศ เพื่อส่งต่อเด็กขั้นพื้นฐานเหล่านี้ ให้เข้าสู่กระบวนการแตกฉานและเชี่ยวชาญในแต่ละแขนงที่คุณพูดถึงในระดับที่สูงขึ้นกว่าระดับพื้นฐาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือมหาวิทยาลัย บางส่วนก็ไปเป็นลูกศิษย์ของคุณ จุดประสงค์ของการเล่าเรียนในขั้นพื้นฐาน แตกต่างจาก ขั้นสูงกว่าขั้นพื้นฐาน  ส่วนจะได้มากกว่าที่ขั้นพื้นฐานจัดให้นั้น เป็นการต่อยอดของผู้บริหารสถานศึกษานั้น และผู้ปกครองเสียมาก ซึ่งการต่อยอดนั้นมักจะเกิดกับโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่เมือง และในผู้ปกครองที่มีความพร้อมเรื่องทุนทรัพย์ กรณีที่คุณด่ามานี้ ดิชั้นอโหสิให้ แต่ขอยกเป็น case study ว่า เรามองกลับไปในชั้นเรียน ถ้าท่านใช้คำนี้ด่านักเรียนของท่านในชั้นเรียน ถามว่าจะเป็นอย่างไร  ซึ่งท่านปฏิเสธแน่นอนว่าไม่ได้ทำ แต่ดิชั้นเชื่อแน่ว่ามีแน่นอน เพราะขนาดในโลกไซเบอร์ท่านยังหลุด แล้วนักศึกษามากหน้าขนาดนั้น ท่านหลุดแน่นอน สถานการณืปัจจุบัน หลังการห้ามใช้ไม้เรียว มีครูมากมายที่ใช้วิธีด่านักเรียนแบบนี้ ด่า ประชดประชัน กระทบกระเทียบ ท้ายที่สุด ครูแอนตี้นักเรียน  และสถานการณ์นี้ ทางวิชาการเขาพบว่า สัดส่วนของการเกิดเหตุการณ์แบบนี้ วิชาชีพอื่นมากกว่าวิชาชีพครู  จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งในการพัฒนาวิชาชีพ อย่าลืมนะคะ นักศึกษาของคุณที่เรียนเก่งๆ เหล่านั้นถูกส่งต่อมาจากโรงเรียนที่สอนโดยครูจากครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ทั้งนั้น แม้จะมีสาขาอื่น แต่สาขาหลักมากกว่าอยู่แล้ว ท้ายที่สุด  เราอยู่ในองค์กรใดย่อมปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับองค์กรแม้จะต่างคณะ   กระบวนการจัดรายวิชาต้องเหมาะสมกับนักศึกษาอยู่แล้ว ก่อนที่จะถูกส่งให้รับรอง แต่เมื่อรับรองแล้ว มหาวิทยาลัยจะให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ ยกเว้นวิธีการสอน ซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของผู้สอน  ซึ่งผู้สอนก็ต้องมีมีสิทธิในการออกเสียงถึงผู้จัดหลักสูตร ผู้จัดหลักสูตรต้องได้ข้อมูลจากผู้สอน ถึงจะได้รายวิชาที่เหมาะสม มหาวิทยาลัย "สอน" นักศึกษา สอนแล้วจบ ตก ก็ซ่อม หรือลงใหม่ กลับกัน "ครู" สอนเสร็จ ผลสัมฤทธิ์ไม่เป็นตามเป้า ต้องติดตามเด็ก อาจจะต้องตามถึงบ้าน เด็กยากจน ไม่มีข้าวกิน ครูควักกระเป๋าตัวเอง ครูต้องสัมพันธ์กับผู้ปกครอง ต้องสัมพันธ์กับชุมชน  ครูปฏิเสธนักเรียนในโรงเรียนไม่ได้แม้แต่คนเดียว แม้เด็กคนนั้นมันจะกวนสุดๆ หรือมีปัญหาสุดๆ ทีนี้ขอตอบของ คุณCuSO45H2O กรณีที่ถามมาหลังไมค์ เห็นครั้งแรกคุณถามมาหลังไมค์ แล้วดิชั้นตอบหลังไมค์ คุณก็ยกมาหน้านี้เลย ก็เลยคิดว่า ตอบตรงนี้ซะเลยแล้วกัน (ปกติหลังไมค์เข้าใจมาตลอดว่า ไว้คุยกันส่วนตัว ถ้าจะยกมาด้านหน้า ต้องขออนุญาต เลยไม่รู้ว่าสรุปแล้วเป็นอย่างไร แต่ก็ขอบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร อันนี้ฝากไว้นะคะ) .........................." เอาคำตอบที่ 18:17 นะครับ เรื่องการสังคายนา ........ ทำไมไม่เลือกปิดไปทีละที่ละครับ เขาบอกสาเหตุไหมว่าปิดรวดเดียวเลย เพราะมองในคนนอก มันคือการกีดกันทางวิชาชีพดีๆนี่เอง ---------------------------------------------------" ตอบ   โดยทางนโยบายแล้ว ณ ขณะนี้ ยังไม่มีอะไรชัดเจน ณ ขณะนี้คนที่เรียนอยู่แล้ว ก็เรียนไป แต่ของใหม่ต้องยุติก่อน หลังจากนั้นกำหนดนโยบายใหม่ เหมือนอย่างที่บอก วิชาชีพขาดแคลนยังไงก็ต้องคงอยู่  แต่วิชาไหนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการศึกษาขั้นพื้นฐานก็ต้องงด อาจจะระบุไปเลยว่า ผู้จะศึกษาต่อต้องจบสาขาใดมา คือ ยึดโรงเรียนเป็นหลัก คงไม่ปล่อยให้รับทุกปริญญาตรีแบบปัจจุบัน  ซึ่งตอนนี้ยังไม่อะไรชัดเจน แต่แนวทางประมาณนี้ และเจตนาหลักเพื่อพัฒนาวิชาชีพครู ปัจจุบันมันเป็นเรื่องของ ธุรกิจนำการศึกษา เสียมาก เมื่อเกิดปัญหา สถาบันที่สอนไม่แก้ไข แล้วทิ้งนักศึกษาให้แก้ปัญหาเอง โดยมองว่านักศึกษาคือผู้บริโภค ผู้บริโภคต้องหาข้อมูลเอง แล้วปัญหามันก็ไปกระจุกอยู่ที่หน่วยงานออกใบอนุญาตฯเป็นคอคอดเลย  แล้วที่ไม่น่าเชื่ออย่างมากนะ สถาบันรัฐก็ยังทิ้งนักศึกษา "...............................................ส่วนเรื่องคนสอนเขาไม่แคร์หรอกครับ ว่าจะได้บรรจุไหมถ้าจะแลกกับค่าตอบแทนที่เหมาะสม ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาหรอก ........................................." ตอบ  อันนี้ขอตอบอย่างเต็มปากเลยนะคะว่า  ไม่จริงค่ะ ที่บอกว่าไม่แคร์น่ะ สอบบรรจุที มาเป็นแสนค่ะ แล้วกลุ่มที่สอบโวยวายว่าไม่ไดบรรจุก็กลุ่มวิชาชีพอื่นเนี่ยแหละค่ะ ที่เป็นที่มาของการสังคยานา ป.บัณฑิต อย่างที่เป็นข่าว ส่วนที่ไม่แคร์ ขอให้ได้สอนน่ะ "ชนกลุ่มน้อย ถือเป็นกลุ่มอินดี้" เลยทีเดียว สอบบรรจุที ปัญหาของ ป.บัณฑิตที่แต่ละสถาบันหมกเม็ดไว้ ออกตอนนี้กันสนั่นเลยทีเดียว โดยเฉพาะการสอบครูผู้ช่วยครั้งล่าสุดเนี่ยแหละค่ะ อ่อ วิชาชีพอื่น ที่ไม่สนใจเรื่องบรรจุ อันนี้แนะนำนะคะ ไม่ได้ประชดนะคะ คุณสามารถสอนในโรงเรียนเอกชนได้เลย โรงเรียนสามารถขอผ่อนผันให้คุณสอนได้โดยไม่มีใบอนุญาตค่ะ แต่แค่ชั่วคราวนะคะ มันทำได้ถ้าโรงเรียนจะทำ มีปัญหาถามกันได้ค่ะ แต่ขอแบบมีเหตุมีผลและไม่ใช้อารมณ์ ไม่เอาแบบ วิชาชีพฉันเก่งกว่า ประมาณนี้ไม่เอานะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : .... (somkamol) เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 15:52:06

ความคิดเห็นที่ 109   "..แต่ของใหม่ต้องยุติก่อน หลังจากนั้นกำหนดนโยบายใหม่...ซึ่งตอนนี้ยังไม่อะไรชัดเจน.." >ทำงานกันโดยไม่ต้องวางแผนก็ดีนะครับ หน่วยงานรัฐตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน "..ปัจจุบันมันเป็นเรื่องของ ธุรกิจนำการศึกษา เสียมาก...แล้วปัญหามันก็ไปกระจุกอยู่ที่หน่วยงานออกใบอนุญาตฯ" >มองให้รอบเถอะครับ แม้แต่สาขาวิชาชีพโดยตรงเองก็เถอะมั่นใตใช่ไหมครับว่าไม่มีธุรกิจ >หน่วยงานอนุมัติหลักสูตรไปแล้วไม่มีหน้าที่ควบคุมต่อแล้วซินะครับ "..ไม่เอาแบบ วิชาชีพฉันเก่งกว่า.." >ก็ฉัน"สอน"เก่งกว่านี่แหละครับที่มันไม่ใช่สัจจะนิรันดร์ จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:19:34 A:124.121.51.126 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 110   http://www.pm.go.th/connect/41499 จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:21:29 A:124.121.51.126 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 111 ผมขอโทษด้วยแล้วกันที่เอาคำตอบมาโพสต์ต่อโดยไม่ได้บอก ครับ ปล. ผมไม่ได้พูดเรื่องใครเก่งกว่านะครับ ผมพูดแค่ว่าทำไมต้องกีดกัน เท่านั้นเอง จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:28:40

ความคิดเห็นที่ 112 ขอแปะเพิ่มซ้ำจากที่โพสต์ห้องสมุด  แก้ข้อความเล็กน้อยให้สื่อถึงจขกท ผมเคยสงสัย... เช่นทำไมยังต้องมีคณะวิทยาศาสตร์ ในเมื่อวิทยาการด้านชีวภาพทางแพทย์ก็มีสอนและคณะที่เอียงมาทางช่างให้คณะวิศวกรรมศาสตร์ไปก็ได้   นักศึกษาจากทั้งสองคณะนี้มีคุณภาพไม่ด้อยกว่านักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์แน่นอน แต่ตอนหลังก็เข้าใจว่ามันแทนที่ทั้งร้อยไม่ได้ เพราะปรัชญาการผลิตคนต่างกัน  ด้วยเหตุผลนี้  การออกใบประกอบวิศวกรรมให้ครูช่าง (ครุศาสตร์อุตสาหกรรม) จึงถูกยกเลิกไป  เหตุที่ตัดสิทธิตอนนั้นก็อ้างเรื่องปรัชญาการผลิตคน+การยกระดับวิชาชีพ (อ้างโดยนายกสภาวิศวกรสมัยนั้น) แต่ยังเหลือช่องให้ขอใบอนุญาตแบบพิเศษได้ซึ่งต้องว่ากันตามขอบเขตงานที่ชำนาญ สำหรับเรื่องครูนี้ ไม่ชัดว่าการเปิดช่องให้ผู้จบสาขาอื่นจะทำอย่างไร ถ้ายุบหลักสูตรป บัณฑิต ก็ควรมีช่องทางให้ผู้ไม่ได้จบครูแต่ มีความสามารถใจรัก มาเป็นครูอนุบาล ประถม และมัธยมได้    ผมไม่เห็นด้วยถ้าจะปิดทุกช่องทาง แต่สงสัยจริงๆว่ามีนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์/วิศวกรรมศาสตร์ อยากเป็นครูอนุบาล ประถม และมัธยม จำนวนมากขนาดนั้นเลยเหรอ  เห็นคนใกล้ตัว คิดแต่เรื่องทำงานที่ได้เงินมากๆกันทั้งนั้น  ที่จะคิดอุทิศตัวแบบครูจูหลิงไปทำงานสามจังหวัดภาคใต้น่ะ  ผมไม่เคยเจอเลยนะ ความอิหลักอิเหลื่อในใจผมก็คือว่า  ผมเคยเห็นด้วยกับการใช้เหตุผลเรื่องปรัชญาการผลิตคนไปตัดสิทธิสาขาอื่นมาแล้ว ในกรณีของการผลิตวิศวกร  แต่หลายๆท่านกำลังไม่ยอมรับวิธีคิดแบบนี้ ในการผลิตครู  มันทำให้เราดับเบิลแสตนดาร์ดหรือเปล่า?  หรือเรากำลังจะบอกว่าสถานการณ์ต่างกัน ใช้วิธีคิดแบบเดียวกันไม่ได? จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:36:03

ความคิดเห็นที่ 113   "..จำนวนมากขนาดนั้นเลยเหรอ.." >โอกาสสำหรับเด็ก แม้จำนวนน้อยก็มีคุณค่าครับ "..ดับเบิลแสตนดาร์ดหรือเปล่า.." >ถ้าผมตะแบงตอบคงบอกว่าคนละสถานการณ์ครับ วิชาชีพหมอ-วิศวะใช้แต่วิชาการเฉพาะด้าน แต่วิชาชีพครูใช้ทั้งวิชาเฉพาะและวิชาชีวิต >แต่ประเด็นตอนนี้ก็ตาม#108 "..ต้องยุติก่อน หลังจากนั้นกำหนดนโยบายใหม่..ตอนนี้ยังไม่อะไรชัดเจน.." >หน่วยงานไม่ทำหน้าที่ของตนเองมาตั้งแต่แรกครับ จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 17:26:06 A:124.121.51.126 X: TicketID:003184