ความคิดเห็นที่ 1 เปลี่ยนแปลงเยอะมาก ข้อดีก็ การเข้าถึงข้อมูล ความรู้ต่างๆ ง่ายดายและรวดเร็วมากๆ มีความรู้ทุกแขนงให้ศึกษา โดยที่นั่งอยู่กับบ้าน ข้อเสีย ก็มีเช่น เข้าถึงสิ่งดีง่าย ก็เข้าถึงสิ่งไม่ดีง่ายเหมือนกัน มีสิ่งโน้มน้าวไปในทางไม่ดีก็เยอะ เรียกว่าทำลายการศึกษาแบบเดิม คงไม่ถูก แต่คิดว่ามันเปลี่ยนแปลง ตามเทคโนโลยีมากกว่า จากคุณ : Teerarod เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 15:22:11

ความคิดเห็นที่ 2 ครูสั่งทำรายงานสักเรื่อง เด็กก็ไปเสริชหาเอาในอินเตอร์เนต ก๊อปมาล้วนๆ บางคนแทบจะไม่ได้อ่านเนื้อหา แปะลงเวิด ปรินซ์ส่ง เด็กบางคนยิ่งกว่านั้น พ่อแม่ทำให้ ตั้งกะหาข้อมูลยันเย็บเล่ม นึกย้อนกลับไปก็นึกขอบคุณ ครูบาอาจารย์สมั่ยก่อน รุ่นผมก็ถือว่าทันยุคคอมพิวเตอร์แล้ว จบปี 49-50 แต่อาจารย์บางท่านยังใช้วิธีการให้เราเขียนรายงานส่ง ล้วนๆ ห้ามพิมพ์ แถมมีการเทียบลายมือด้วย -*- อย่างน้อยมันก็ยังได้อ่าน เวลาคัดลอกบ้างละเนอะ ขอบคุณครับคุณครู จากคุณ : G_Great เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 15:30:33

ความคิดเห็นที่ 3 คือ นร.หาความรู้จากอินเตอร์เน็ต โดยใช้วิธีการ copy เปลี่ยนแปลงเนื้อหานิดๆ หน่อยๆ แม้แต่วิทยานิพนธ์ ของ ป.ตรี โท เอก ยังต้อง copy มาส่งเลย แต่คงโทษเทคโนโลยีพวกนี้ไม่ได้ กระทรวงกำหนดมา ว่าต้องมีนวัตกรรมใหม่ๆ ในการสอน แล้วเดี๋ยวนี้เอกสารข้อมูลต่างๆ จากห้องสมุด หรือจากงานวิจัย วิทยานิพนธ์ เขาเอาลงในสื่อเทคโนโลยีพวกนี้หมดแล้ว ผมเองก็เรียนครู ยังต้องหาวิธีการสอนที่จะต้องควบคู่กับเทคโนโลยีพวกนี้ที่ต้องหลากหลายเพื่อให้ นร. ได้เรียนรู้ในวิชานั้น จากคุณ : spindoctor เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 15:56:11

ความคิดเห็นที่ 4 สมัย 20 ปีก่อน คอมพิวเตอร์ยังเป็นของใหม่ ใครมีคอมพิวเตอร์ใช้ถือว่าเท่ห์อินเทรนด์สุดๆ ตาม รร. ม. ถ้าไม่ใช่ตัวจังหวัด ก็ยากที่จะมีคอม ถึงมีก็ไม่มีใครใช้เป็นซักกะคน (แต่โปรแกรมสมัยนั้นก็ไม่ค่อยรองรับไทยใช้ก็ยาก) ตอนเรียนอาจารย์คนนึงเคยบอกว่า ทำรายงานให้เขียนด้วยมือ ห้ามใช้คอม แกให้เหตุผลว่า ถ้าไม่มีคอมพิวเตอร์ ก็จะทำอะไรไม่เป็นเลย และเป็นการเอาเปรียบคนที่ไม่มีคอมใช้ แต่ทุกวันนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าใครที่ไหนก็มีคอมมีมือถือใช้กันถ้วนหน้า (ไม่มีก็กลายเป็นเรื่องแปลก) สมัยนี้ใครใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น รับรองได้เลยว่าใช้ชีวิตลำบากแน่ สมัครงานที่ไหนก็จะโดนเพ่งเล็ง ผมว่า อินเตอร์เน็ต ก็เหมือนๆกัน มันเหมือนห้องสมุดส่วนตัวที่ใครก็เปิดหาได้อย่างอิสระไม่ต้องแย่งใคร ข้อมูลที่หาจากอินเตอร์เน็ต มันก็ไม่ต่างอะไรเท่าไหร่กับข้อมูลที่ไปคนมาจากห้องสมุด แค่มันสะดวกกว่าคัดลอกไวกว่า สังคมโลก คงไม่มีทางเลิกใช้คอมใช้มือถือใช้รถยนต์แล้วกลับไปอยู่ในป่าในถ้ำได้อีกต่อไป มนุษย์ต้องเดินหน้าไปเรื่อยๆ ต้องยอมรับความจริงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน บางทีก็อดสงสัยนะว่า ความรู้ที่ไม่ใช่ทักษะหรือวิชาการ (แค่จำก็พอรู้ก็พอ) ฝึกท่องจำทำไม ในเมื่อ copy ลงคอมก็ได้ หรือคิดว่าอารยธรรมของเราจะล่มสลาย การเรียนคณิตศาสตร์สิ่งที่ทำได้ไม่ใช่การบวกลบในใจแต่เป็นการเข้าใจสูตรต่างๆอย่างถ่องแท้ ฝึกบวกลบเลขทำไม ในเมื่อเครื่องคิดเลขก็มี หรือคิดอารยธรรมของเราจะล่มสลาย แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 16:40:58 จากคุณ : (-_-") เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 16:29:41

ความคิดเห็นที่ 5 มีอินเตอร์เน็ตทำให้สามารถเรียนรู้ได้กว้างขึ้นครับ อย่างสามารถหาการอ้างอิงข้อมูลได้เร็ว แล้วก็ใหม่อยู่เสมอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ความรู้อยู่ในหนังสือเรียน อาจารย์สอน แล้วก็หนังสืออ่านเพิ่มเติมในห้องสมุดเท่านั้น จากคุณ : HunterCotarot เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 17:16:22

ความคิดเห็นที่ 6   #2 ยุคที่มีคอมพ์แต่อินเตอร์เน็ทยังไม่แพร่หลาย ก็มีคนถ่ายเอกสารหนังสือ มาทำให้เหมือนกับพิมพ์เอง ไม่ก็พิมพ์ลอกจากหนังสือโดยตรงเหมือนกันครับ จ้างให้คนอื่นพิมพ์ให้อีกตะหาก #4 ผมเห็นด้วยกับคุณแต่ "ฝึกท่องจำทำไม ในเมื่อ copy ลงคอมก็ได้ หรือคิดว่าอารยธรรมของเราจะล่มสลาย" ผมว่านั่นเป็นเรื่องศีลธรรมมากกว่าครับ( Academic dishonesty/ Plagarism) มากกว่าครับ จากคุณ : อยากร้องดังๆ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 17:20:49 A:10.9.27.57 X:202.28.169.166 TicketID:282352

ความคิดเห็นที่ 7 ในอดีต  การจะหาความรู้จะมีลักษณะเป็นการรวมศูนย์ความรู้ไว้ที่หนึ่ง      เช่น ห้องสมุด  ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ       เป็นต้น      ซึ่งผู้ศึกษาจะ ต้องเดินทางเข้ามาเพื่อรับการถ่ายทอดความรู้นั้นจากผู้ที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นผู้มีความรู้เรื่องนั้นๆโดยตรง    แต่ปัจจุบัน  อินเตอร์เน็ตทำให้ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องเข้า มาหาความรู้  แต่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อเรียกดูข้อมูลความรู้ให้มาหาตนได้ จากคุณ : netkuff72 เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 17:44:15

ความคิดเห็นที่ 8 การศึกษาไทย คงยังหาทางออกไม่เจอ เพราะคนกำหนดนโยบายใช้คอมไม่เป็น ในเนตมีทั้งเรื่องจริง เรื่องโกหก คือมีของดีและไม่ดี เป็นหน้าที่คนที่ได้ข้อมูลมาต้องมีปัญหาย่อยให้ออกว่า เนื้ออยู่ตรงไหน น้ำเอาทิ้งไปหรือเก็บไว้รอมีเวลามาร่อนหาเนื้อใหม่ การศึกษาที่ประสบควมสำเร็จไม่ว่ายุคไหนคือ การสอนให้คนรู้จักวิธีเรียนรู้ ( Learn How to Learn ) เพราะในชีวิตจริงมีโจทย์ที่ไม่เหมือนเรียนเสมอ ปัญหาต้องแก้ที่คนสอน คนเรียน และผู้ปกครองคนเรียน ถามตัวเองว่า ทำไมต้องเรียน(สอน) ถ้าได้คำตอบที่สร้างสรรค์  งานที่เหลือก็กล้วยๆ จากคุณ : cpbu เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 18:39:23

ความคิดเห็นที่ 9 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 18:43:36 จากคุณ : cpbu เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 18:39:50

ความคิดเห็นที่ 10   ประสบการณ์จากร้านเน็ตของน้อง พวกเด็กเก่ง ๆ ผมเห็นว่าเอาอินเตอร์เน็ตมาหาความรู้ได้อย่างดีเยี่ยมเชียวละ วางตัวหนังสือเก่งตัดเติมเสริมข้อความได้ดี ( เพราะอ่านมาทั้งเรื่องแล้ว ) ส่วนพวกกลาง ๆ ก้อขยันครับ Ctrl + C , Ctrl + V , Ctrl + P กันว่อนไม่ถึง 2 นาทีเสร็จ เจอแบบโง่สุดคือพิมพ์จากหน้าเว็ปเลย . . . . . แบนเนอร์เพรียบ 5 5 5 ถ้าอาจารย์อ่านรายงานเด็กบ้างคงจะรู้ว่าเกือบครื่งของรายงานนั้นมันมาจากเว็บเดียวกัน 5 5 5 ปล. เด็กเก่งไม่ห่วงครับแต่อยากให้ทำรายงานแบบเขียนเอามากกว่าครับ อย่างน้อยมันก้อได้อ่านมาก่อนที่จะเขียนรายงานส่ง ให้มันพิมพ์มามันก้อ Ctrl + C , Ctrl + V , Ctrl + P กันกระจายครับ จากคุณ : athit1975 เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 19:18:16 A:110.164.144.47 X: TicketID:061694

ความคิดเห็นที่ 11 ประสบการณ์จากร้านเน็ตของน้อง พวกเด็กเก่ง ๆ ผมเห็นว่าเอาอินเตอร์เน็ตมาหาความรู้ได้อย่างดีเยี่ยมเชียวละ วางตัวหนังสือเก่งตัดเติมเสริมข้อความได้ดี ( เพราะอ่านมาทั้งเรื่องแล้ว ) ผมเป็นประเภทนี้นะ แบบ เนียนที่สุดเลย จนอาจาย์นึกว่า พิมพ์เอง จากคุณ : komdej เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 22:03:04

ความคิดเห็นที่ 12 เหอะๆ 10 ปีก่อน ผมอ่านหนังสือของนักวิชาการท่านหนึ่ง ( ขอไม่เอ่ยนาม วันนี้แกเลือกสีเลือกข้างไปแล้ว ) แกชอบเน้นเรื่องการให้ความสำคัญกับการเป็น " ศิษย์ใน " อย่างมาก ไอ่ผมอ่านแล้วก็น้อยใจ คือต้องเป็น " ศิษย์ใน " เข้าพิธีการไหว้ครูกันเป็นเรื่องเป็นราวก่อนใช่ไหม? ถึงจะมีสิทธิ์ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาสำัคัญจากอาจารย์ คือต้องมีการคัดเลือกก่อน คุณต้องเป็น " ผู้ถูกเลือก " ใช่ไหม? ( เพราะสมัยเด็กๆ จะอิจฉาลูกพี่ลูกน้องคนนึง คือผู้หลักผู้ใหญ่คิดจะปั้นเด็กคนนี้ เพราะมันเท่ มันแมนกว่าผมที่สุขภาพและบุคลิกดูอ่อนแอกว่า ) พอผมรู้จัก อ.กุ๋ ( Google ) และ อ.ยู ( Youtube ) ผมเริ่มรู้สึกว่า คำว่า " ศิษย์ใน " ไม่มีความหมายกับผมอีกต่อไป เพราะสองเว็บนี้ ทำให้ผมอยากรู้อะไรก็ได้รู้ ไม่ต้องเสียเวลาไปฝากตัวเป็นศิษย์ใครอีก แถมระยะหลังๆ ยังส่งเสริมให้คนอื่นหันมาใช้บริการ 2 เว็บนี้แทนอีกต่างหาก   นี้ละครับข้อดีของ Internet สำหรับคนไม่มีโอกาสแบบผม และอีกหลายๆ คน Youtube & Google จงเจริญ! จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 22:12:18

ความคิดเห็นที่ 13   เสริมความเห็น 12 อีกหน่อยว่า มันช่วยให้หาอาจารย์ฝากตัวเป็นศิษย์ได้กว้างขวางมากขึ้นไปอีก จาก Prof.Google จากคุณ : RakRok12 เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 00:03:47

ความคิดเห็นที่ 14 เนียนได้ แต่ต้องมีวิจารณญาณครับ ไม่ใช่ลอกมาทั้งดุ้นแบบโลโก้ GT200 จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 15:19:27

ความคิดเห็นที่ 15 ทำให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและกว้างขวาง(ดี) แต่บางทีเข้าถึงข้อมูลสำเร็จรูปง่ายเกินไป จนไม่ได้สังเคราะห์(ไม่ดี) แถม อินเตอร์เน็ต เป็นที่ให้นศ.รวมตัวกันคัดค้านนโยบายการศึกษาได้ o_o" เฟชบุ๊ค/group.php?gid=149181245110620 ห้องสมุด http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9636705/K9636705.html จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 20:59:26