ความคิดเห็นที่ 1 ขออนุญาตยกข้อเขียนเก่าๆ ของผม ( พ.ศ.2547 ) มาให้อ่านครับ ------------------------- เปิดประเก็น! ทำไม ญ ถึงคบกะเด็กช่างมากกว่าสามัญ สืบเนื่องจากกระทู้ http://www.ปรามูล.com:443/webboard/view.php3?katoo=r542300 มีหลายความเห็นมาบ่นว่า " กรูสายสามัญ ทำไมไม่สน ไปสนเด็กช่างฟะ " วันนี้ ผมจะมาวิเคราะห์ให้ฟัง อันที่จริงแล้ว มันมิได้เป็นสิ่งที่ยากเกินไปเลย ในการหาคำตอบนี้ หากคุณลองนั่งคิด สักพัก คุณคงคิดได้ สิ่งเหล่านี้เป็น " สิ่งที่สืบทอด " มาตั้งแต่สมัยโบราณครับ นั่นคือ " ความกล้าหาญ " และ " ความเป็นผู้นำ " นับตั้งแต่สมัยโบราณมาก ผู้หญิงถูกเรียกว่าเป็นเพศที่อ่อนแอ ตามทัศนคติของสังคม ไม่ว่าที่ใดก็ตาม และไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปเพียงใด ลึกๆ แล้ว ผู้หญิงส่วนมากก็คงคิดอย่างนี้ ในสมัยก่อน คนเราถูกปลูกฝังให้รักการต่อสู้ รักศักดิ์ศรี หลักฐานที่เห็นได้ชัดคือ นักรบที่ถูกเรียกชื่อต่างๆ ตามภูมิประเทศ เช่น อัศวินของยุโรป ซามูไรของญี่ปุ่น หรือจอมยุทธ์ของจีน บุคคลเหล่านี้ดูสง่างาม และควรค่าแก่การนับถือ ประวัติศาสตร์ต่างๆ ทั่วโลก มักกล่าวถึงนักรบ มากกว่านักปราชญ์ นั่นเพราะนักรบเป็นผู้ออกแนวหน้า แม้แต่สมัยล่าสุด ( 14 ตุลา 2516 ) นักศึกษาหลายสถาบันรวมตัวกัน แต่ม.ธรรมศาสตร์ กลายเป็นชื่อที่ถูกจารึกไว้มากที่สุด รวมถึงช่างกลหลายๆ ที่ก็เช่นกัน เพราะพวกเขาเป็นคนออกหน้าครับ? กลับเข้าประเด็นกันต่อ เมื่อสมัยสงครามระหว่างชนชาติ เผ่าพันธุ์สิ้นสุดลง มนุษย์ซึ่งยังมีความอยากเอาชนะ เพราะสิ่งนี้มันเป็นสัญชาตญาณที่ติดมา แน่นอน เด็กช่างส่วนมากมีโอกาสแสดงสิ่งนี้ให้เห็นมากที่สุด ด้วยการยกพวกตีกัน จริงอยู่ ในสายตาผู้ใหญ่ ไม่มีใครสรรเสริญพวกเขา แต่ในสายตาวัยรุ่นด้วยกัน ส่วนมากจะมองว่าเป็นเรื่องโก้เก๋ เท่ หากใครเคยดูภาพยนตร์จีนเรื่อง " คนใจเย็น เป็นเจ้าพ่อไม่ได้ " ( นำแสดงโดย เจิ้งอี้เจี้ยน และ คาเรน ม็อก ) คงเข้าใจเหตุนี้ดี เรื่องนี้กล่าวถึงหัวหน้ากลุ่มนักเลง ( แสดงโดย เจิ้งอี้เจี้ยน ) ที่กลายเป็นคนขาเป๋ และล้างมือจากวงการ แน่นอน เขามีลูกชายที่ยังเด็กอยู่ และสาเหตุที่คนรักของเขา ( แสดงโดย คาเรน ม็อก ) ทิ้งเขาไป เพราะรับไม่ได้กับสิ่งที่เปลี่ยนไป จากหัวหน้าแก๊งค์มาเฟีย คุมคนเป็นจำนวนมากๆ กลับกลายเป็นเพียงเจ้าของร้านเบเกอรี่เล็กๆ ผมติดใจกับคำพูดที่ว่า " ชั้นติดตามคุณไปทั่ว ตั้งแต่อายุ 17 " แน่นอน ตอนนั้นตัวเอกกำลังเป็นวัยรุ่น ยังคึกคะนอง ก่อเรื่องวิวาทไปทั่ว สาวๆ วัยรุ่นย่อมหลงไหลเป็นธรรมดา มันช่างไม่ต่างกับสภาพที่พวกเราเห็นกันอยู่เลยใช่ไหมครับ? ภาพเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาว ตระเวณแข่งรถยามราตรี มีเรื่องวิวาทกับคู่อริ พยายามสร้างภาพความยิ่งใหญ่ให้ตัวเอง สิ่งที่วัยรุ่นมองว่าเท่เหล่านี้ จริงๆ ไม่ได้เกิดเฉพาะเด็กช่างเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเด็กที่มีผลการเรียนปานกลางจนถึงผลการเรียนไม่ดีด้วย ดังนั้นจึงมิได้เกี่ยวกับว่า สายสามัญหรือสายอาชีวะแต่อย่างใดเลย? เพียงแต่สายอาชีวะมันมีจำนวนมากกว่า เท่านั้นเอง คราวนี้เรามาเปรียบเทียบกันบ้าง เด็กเรียน : วันๆ เรียนอย่างเดียว เรียนเสร็จก็กลับบ้าน หรือไม่ก็ไปเรียนพิเศษต่อ เด็กที่เรียนๆ เล่นๆ : พวกนี้จะเข้าสังคมเก่ง รู้จักผู้คน มีโอกาสได้พบกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย และหากเปรียบเทียบกันแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงเวลาเรียนจบ พวกที่เรียนๆ เล่นๆ พวกนี้จะหาทางเอาตัวรอดได้ซะเป็นส่วนมาก ขณะที่พวกเรียนเป็นหลัก จะทำอะไรไม่ได้เลย เพราะวันๆ ขลุกอยู่กับตำรา สมัยผมทำงานแถวดอนเมือง เพื่อนสนิทผมคนหนึ่งเคยพูดกับผมว่า " เมิงจะทำตัวให้เขาสงสารไปตลอดหรือไงวะ " ผมได้ฟังคำพูดนี้ ถึงกับอึ้งและหดหู่ และได้รับรู้ความเป็นจริงว่า ไม่มีทางที่ใครจะมามองเรา ถ้าเราไม่สร้างตัวให้เขามองเสียก่อน สำหรับวัยรุ่น โอกาสดังง่ายที่สุด ถ้าไม่ใช่ดนตรี กีฬา ก็คือการวิวาท เพราะวัยรุ่นไม่คิดอะไรมากนัก แต่เรื่องเหล่านี้จะกลายเป็นสิ่งที่กล่าวขานกันไปนานพอสมควร ก่อนที่จะเลือนหายไป เมื่อพวกเขาพ้นวัยนั้นไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้สนับสนุนให้คนไปหาเรื่องวิวาท ผมเพียงสนับสนุนให้ทุกคน ไม่ว่าจะสายสามัญ หรือสายอาชีวะ เดินในหนทางที่พอดี พอเหมาะ หรือที่ศาสนาพุทธของพวกคุณเรียก " ทางสายกลาง " พวกที่วิวาทบ่อยๆ โดยไร้เหตุผล พวกคุณคิดหรือว่าจะรอดมาตลอด ในอดีต หลี่ชูเหวินที่เก่งมวยปาจี๋ฉวนมากๆ ประลองกับใครไม่เคยแพ้ ในวัยหนุ่ม เขาไม่ชอบให้ใครบอกว่าเก่ง ถ้าเขาได้ยิน เขาจะไปท้าประลองทันที และผลก็คือ เขาสังหารคู่ต่อสู้ด้วยหมัดเดียว แม้ในวัยชรา เขาจะเลิกไปท้าประลองแล้วก็ตาม แต่ก็มีคนมาท้าประลองไม่ขาดสาย และเขาก็ชนะมาตลอด แต่จุดจบช่างน่าเศร้า เขาถูกวางยาพิษตาย ถ้าหากใครที่คิดจะประพฤติตนเช่นนี้ ประเภทตีหัวหมา ด่าแม่เจ็ก สมัยนี้ง่ายมาก ปืนกระบอกเดียว จบ เขาอยู่ที่มืด คุณอยู่ที่สว่าง สักวันคุณก็ต้องพลาด แม้แต่ภาพยนตร์จีนที่ผมกล่าวมาก็ตาม แม้พระเอกจะล้างมือไปนานแล้ว ในที่สุด ก็ถูกแทงตายโดยนักเลงรุ่นใหม่ กลับมาที่เด็กเรียนกันบ้าง ก็ไม่ควรบ้าแต่เรียนมากนัก เปิดตัวสู่สังคมภายนอกบ้าง แล้วท่านจะรู้ว่า ความรู้เป็นแค่พื้นฐาน แต่การต่อยอดต้องใช้ประสบการณ์ของตัวเอง สรุปว่า ไม่ได้เกี่ยวกับสถาบันหรอกครับ แต่เกี่ยวที่บุคคลมากกว่า อาเมน TonyMao_NK51 ( ชาวยุทธ์อกหัก ) ปล.หนังจีนยังมีคำกล่าวเลย " สาวงามคู่จอมยุทธ์ " ไม่เห็นจะมี " สาวงามคู่บัณฑิต " แค่นี้คงเข้าใจครับ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 53 21:16:49 จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 21:16:21

ความคิดเห็นที่ 2 แถมเพลงนะครับ ( เพลงแปลงจาก " ร้ายก็รัก " ของโจอี้ บอย ) --------------------------- Song : Noob ก็รัก Artist : นู้ปเกรียน&เด็กเรียน ( Feat. TonyMao_NK51 ) Album : หัวเกรียนอาละวาด ทุกๆ ครั้งที่ดูภาพยนตร์ มีบางคนที่ฉันเองไม่อาจเป็น คนอะไรเล่นบทบู๊เด๊นเด่น และเป็นคนที่สาวสาวนั้นใฝ่ฝัน * แต่กลับมาสู่ชีวิตจริงที่ยังคงวิ่งเรื่อยไป ใครๆ ก็มองว่าป๊อดจัง ** งั้นผู้ชายที่ดีคงไม่มีคนหัวเกรียน งั้นผู้ชายที่ดีคงไม่ใช่พวกคนรักเรียน เพราะผู้ชายที่ดีคงไม่มีคนหัวเกรียน ฉันก็แค่เด็กเรียนที่รักแค่ไหนก็ยังเกรียน พากเพียรก็ยังโดนหักอก ( พูด ) โธ่! ใครบอกว่าเด็กเรียนมันดี ชีวิตเด็กเรียนมันแย่กว่าแซ้ปอีก เชื่อกุนะ " เอาละวะ! " ( Rap ) ถึง Noob ก็รัก ถึงเด็กเรียนยังไงก็รักนะ เชิงมวยเป็นตัวกำหนดเทวดาเขียนบทยังไงกันว้า~ อยากเป็นนักเลงนะ แต่เอาเข้าจริงก็คงไม่ไหว ใครจะรู้ว่าคนเรียนดีรักเธอมากกว่าพวกนั้นเท่าไหร่? ถึง Noob ก็รักจริงไม่มีแอบอิงกับใครทั้งนั้น คนด่าว่าไม่เต็มทุกทีที่ไปเล่นเกมเอามันส์ โดน Teen มาทีไม่เคยมีคนสนใจ ชีวิตกุมันซวยและคงจะซวยเรื่อยไป จะพวกเด็กเก๋าหรือพวกเด็กแซ้ปด่ากุว่าเอ๋อแดก เดินถือกระเป๋านักเรียนมักถูกไล่ตบจนเกรียนแตก เรียนไปโกยไปข้อหาหมั่นไส้ทุกวัน พอบู๊กันมาทีไรหลบหมัดมันไม่เคยทัน จะไปกับมันก็รีบไปเถอะกุคงไม่อาจรั้ง เพราะคนอย่างกุไม่ใช่นักเลงก็เลยไม่มีหวัง จะยอมโดนเหยียบใจและให้ด่าว่าไอ่อ่อน แต่ทำงานเมื่อไรกุเอาคืนเมิงแน่นอน ( ซ้ำ ** ) โลกของฉันมันไม่เคยดูดี ช้ำทุกทีเพราะฉันมีแต่ผิดหวัง ความเป็นจริงก็อกหักทุกครั้ง ความลำพังและแสนเศร้าของเด็กเรียน ( ซ้ำ * , ** ) เด็กเรียนก็แค่ตัวตลก! -------------------- จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 21:19:04

ความคิดเห็นที่ 3 แต่ ผู้หญิงที่ไปชอบเด็กช่าง ดูๆไปก็ไม่ค่อยต่างกันกับผู้ชายเท่าไหร่ ผมว่าคนแนวเดียวๆกัน จะดึงดูดคนแนวเดียวๆกัน จากคุณ : ปลาทองมองแมว เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 21:19:59

ความคิดเห็นที่ 4 อืมม ..   การปลูกจิตสำนึกที่ผิด ๆ  และถ่ายทอดกันต่อ ๆ มามากกว่า คิดถึงหนังสือ  หน้าที่พลเมือง   และ วิชาศิลธรรม ในชั้นเรียนเมื่อตอนเรายังเล็ก .. ซึ่งมันหายไปจากโรงเรียนกันมากี่ปีแล้วเนี่ย ??? จากคุณ : สามทับหนึ่ง เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 21:28:09

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนเรียน ม ปลาย เจอเหตุการณ์แบบเดียวกับบทความของคุณ TonyMao_NK51 เป๊ะเลย เคยจีบรุ่นเดียวกันแต่คนละห้อง แต่สาวเจ้าดันไปเอาเด็กเทคนิคมาเป็นแฟน คิดในใจ "กรูสายสามัญ ทำไมไม่สน ไปสนเด็กช่างฟะ" พอจบมหาลัย ทำงาน ได้ข่าวว่าสาวเจ้า คนนั้น เลิกกะไอเด็กช่างแล้วไปมีแฟนเป็นหมอ -*- จากคุณ : ไฟล์ที่ได้รับของฉัน เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 21:32:37

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่จริงเสมอไปหรอกครับ เพราะผมก็เป็นเด็กช่าง แต่ ไม่เค้ย ไม่เคย คิดจะหาเรื่องตีใคร หรือคิดว่าตีใครแล้วจะดี - -* พวกตีกัน เกือบๆ  99.99...% เป็นเด็กช่างกลในกรุงเทพครับ ต่างจังหวัด ไม่ค่อยตีกันหรอก พวกตีๆกันก็เป็นระหว่างแก๊ง ไม่ใช่ระหว่าง สถาบัน แต่ก็น้อยมากเมื่อเทียบกับ กทม อยู่ดี ส่วนการกินเหล้า เที่ยว หลีสาว ก็อยู่ในระดับเดียวกับพวก เรียน ม.ปลาย กับ มหาลัย น่ะแหละครับ  พฤติกรรมตรงนี้คนละส่วนกับการตีกันนะผมว่า แต่น่าสนับสนุนเปล่านั่นอีกเรื่อง จากคุณ : Firion เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 21:45:14

ความคิดเห็นที่ 7   ลึกๆธรรมมนุษย์ต้องการเป็นที่สนใจเป็นพื้นฐานอยู่แล้วอ่ะครับ ตัวแปรคือ แต่ละสังคมนั้น สิ่งที่จะทำให้ตัวเองเด่นได้มันแตกต่างกันออกไปในต่ละสังคมย่อม และขึ้นอยู่กับว่า บุคคลนั้น ต้องการเป็นที่ยอมรับจากใครเช ่นสังคมผู้ใหญ่ เราก็จะเห็นผ่านการพยายามซื้อของแบรนเนมมาอวดกัน เพื่อยกระดับให้ตัวเองดูดีขึ้น ยิ่งรวยก็ยิ่งต้องหรู เพราะในขณะที่รวย สถาณภาพสังคมมันก็ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ เด็กๆหากไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบโรงเรียนช่างกล แน่นอนครับ การที่จะทำให้เพื่อนๆยอมรับได้ มันไม่ใช่การซื้อของแบรนเนมมาใส่ เหมือนสังคมลูกคุณหนู แต่เป็นการต้องออกไปไล่ตีคู่อริ เพราะมันถูกปลูกฝังมาแบบนี้ ใครไม่ทำก็หาว่าทิ้งเพื่อน กลายเป็นที่รังเกียจ สุดท้ายก็อยู่ไม่ได้ อยากเด่นอยากดัง ยิ่งต้องทำให้แรง เล่นให้โหด เพื่อจะได้เป็นที่ยอมรับในกลุ่ม เด็กบางคนพ่อแม่ส่งให้เข้าสังคมดีๆ แข่งกันเรียน แต่ไปไม่ไหว ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมนั้น เขาก็จะเริ่มหาทางออก โดยการมองหาพื้นที่ๆเขาอยู่ได้ และสามารถทำสิ่งที่คนอื่นยอมรับได้ สุดท้ายก็ไปเข้ากลุ่มกับเด็กเกเรๆ เพราะสามารถแสดงออกได้ง่ายกว่า จริงๆมันเกิดจากความต้องการื้นฐานของมนุษยเลยครับ แต่สภาพสังคมมันเป็นสิ่งกระตุ้นให้ความอยากถูกแปรสภาพออกมาเป็นการกระทำต่างๆ จากคุณ : mustdie เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 21:52:28 A:124.121.76.251 X: TicketID:221887

ความคิดเห็นที่ 8   ผมเหนเด็กช่างเดินคนเดียวแล้วตัวสั่นอะ ไม่รุทำไม จากคุณ : ความสุขติดตัว เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 21:54:53

ความคิดเห็นที่ 9   เด็กช่าง เค้าเป็นหนุ่มตั้งแต่วันแรกที่เข้าละ   ส่วนเด็กเรียน กว่าจะแตกเนื้อหนุ่มได้ โน้น ม.5 ม.6 เด็กช่างปี1 กินเหล้าเป็นแล้วนะแต่เด็กมัธยมยังกินไม่ได้ คือประสบการณ์มันไม่เหมือนกัน ความกล้า ความด้านก็ไม่เหมือนกัน ที่นี้ไอ้ต้อมรับรู้ความด้านมันถูกกระตุ้นเร็วเกินไป เจอไปกระตุ้นต่อมหมั่นไส้ของคนอื่นๆ มันก็เลยต้องตีกัน เด็กช่าง - ความคิดเห็นไม่ตรงกัน มากระทืบกันดีกว่า   เด็กมัธยม - ความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็เออ แยกๆกันไป นั้นละ จบ.. จากคุณ : CitizenShip เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 21:59:53

ความคิดเห็นที่ 10 เด็กช่างดีๆก็มีเยอะครับ ส่วนพวกhereๆก็ช่างแมร่งมันเหอะ จากคุณ : ใส่พริกเม็ดเดียว เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 22:00:48

ความคิดเห็นที่ 11 คงแค่อยากให้คนมองมั้งครับ จากคุณ : พลังคลื่นเต่า เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 22:05:36

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนเด็กๆจำได้ไม่เห็นจะคิดว่าพวกแบบนั้นจะเท่ตรงไหนเลย พวกแข่งรถก็มีแต่ตัวดำๆ หน้าตาขี้เหร่ๆ ผู้หญิงก็ดูโลว์ๆ หน้าตาแต่ละคนไม่ได้จะฉลาดเลย เลยไม่คิดว่าหล่อเท่แต่ประการใด แบบว่าเกิดมาไม่เคยเห็นแว้นกับก๊อยดูดีแบบในหนังในละครเลย จากคุณ : n-OO//bit-a เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 22:06:53

ความคิดเห็นที่ 13 ผมพูดตรงๆเลยผมเองก็เคยเป็นเด็กช่าง ไอ้ที่ชั่วๆน่ะเด็กช่างเมืองหลวงทั้งนั้น เด็กช่างบ้านนอกไม่มีเรื่องยกพวกตีกันเป็นชาติแล้ว ไอ้ที่เป็นหนุ่มเร็ว เข้าสังคมเก่ง คงเพราะเราถูกหัดให้ทำงานได้จริงๆตั้งแต่จบ ปวช นั่นแหละครับ  ในสายตาพวกเด็กช่าง สายสามัญ ม ปลายน่ะยังเด็กอยู่เลย ในขณะที่สายช่างรู้สึกได้เลยว่าโตพอควรแล้ว จากคุณ : หวาก เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 22:08:53

ความคิดเห็นที่ 14   ป่าวคับที่ผู้หญิงไปชอบเด็กช่างเพราะจะได้มีข้ออ้างเวลาเลิกกันว่าดูแลผู้หญิงไม่ได้น่ะคับ ไปเอาหมอก็ดีหมอจะได้มาข่มช่างอยู่หมัดเลิกกันไปเด็กช่างไม่กล้าหือแน่คับ ถึงเด็กช่างจะอาจหาญกล้าตีกล้าต่อยเพียงใดก็ไม่เคยเห็นจะมาตีกับหมอซักทีคับ... ส่วนต้นเหตุที่เด็กช่างเลวนี่... ผมไม่เคยเข้าไปคลุกคลีกับโรงเรียนช่างเลยเลยไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรแต่ผมว่ามันน่าจะเป็นเล่ห์กลในการอวยทุนนิยมอีกแบบหนึ่ง... แบบว่าในการทำงานทางวิศวะหลายๆอย่างบางงานไม่จำเป็นจะต้องใช้วิศวกรหรืออาจจะไม่ใช่งานสายออกแบบของวิศวกรซึ่งใช้ความรู้ในสายช่างในการแก้ปัญหา งานนั้นๆก็จึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นวิศวกรหรือบางงานอาจจะต้องเป็นสายช่างเท่านั้นสายวิศวะทำไม่ได้อะไรทำนองนี้ และงานสายช่างนี้ตลาดใหญ่มากๆใหญ่กว่าสายวิศวะอยู่หลายเท่า ดังนั้นถ้ามองแบบนายทุนล่ะก็... ถ้ากดค่าแรงสายช่างลงไปได้ล่ะก็... จะเป็นการดีกับกระเป๋าตังค์ลดต้นทุนเพิ่มโอกาสในการแข่งขันเป็นอย่างมาก...... ดังนั้นพวกอวยทุนนิยมจึงจะต้องหาทางกดค่าแรงสายช่างลงไปให้ได้แน่ๆ... ก็อย่างที่ว่า พวกจอมยุทธแม้จะล้างมือจากวงการไปแล้วแต่ก็มักจะโดนดักตีตายเอาภายหลัง... แล้วถ้าสร้างค่านิยมให้พวกเด็กช่างเป็นจอมยุทธล่ะ??? พวกมันก็จะไปโดนวิศวะ, หัวหน้างาน, เจ้าของกิจการ...ฯลฯ ดักตีตายเอาภายหลังใช่หรือป่าว??? ถ้าสร้างนิยามว่า "เด็กช่างคือจอมยุทธ" ได้เนี่ยโหยมันโดนกดค่าแรงแน่ ถึงมันจะล้างมือแล้ว...คิดได้แล้ว...แต่เวรกรรมแต่ปางก่อนที่มันทำไว้ของมันก็ยังจะต้องมาสนองตอบมันเรื่อยไปไม่จบไม่สิ้นอย่างนี้ไปตลอดกาล ผมว่าต้นตอสาเหตุของปัญหาช่างกลนี่มันน่าจะมาจากประเด็นนี้แหล่ะ ปัญหามันถึงได้รับการสนับสนุนจากหลายๆฝ่ายจนปัญหามันหยั่งรากลึกคาราคาซังไม่จบไม่สิ้นได้ขนาดนี้... จากคุณ : Catwater เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 22:16:25 A:180.183.36.73 X: TicketID:258544

ความคิดเห็นที่ 15 และหากเปรียบเทียบกันแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงเวลาเรียนจบ พวกที่เรียนๆ เล่นๆ พวกนี้จะหาทางเอาตัวรอดได้ซะเป็นส่วนมาก ขณะที่พวกเรียนเป็นหลัก จะทำอะไรไม่ได้เลย เพราะวันๆ ขลุกอยู่กับตำรา ___________________________________________________________ ไม่ค่อยเห็นด้วยเลยกับคำพูดนี้ ชีวิตตอนเด็กๆของผมเอง ม1-ม6 ชีวิตมีแต่คำว่าเรียนอย่างเดียว ไม่ทำกิจกรรมเลย และผมไม่เรียนพิเศษด้วย อ่านหนังสือเองอย่างเดียวล้วนๆ ตีห้า ตื่นนอน อ่านหนังสือ เจ็ดโมงกว่าไป รร ห่อข้าวไปกินด้วย กินบนห้องกินคนเดียวบ้างมีเพื่อนมากินด้วยบ้าง เพราะลงไปโรงอาหารมันเสียเวลา กินข้าวประมาณ 10 นาที ก็อ่านหนังสือต่อ จน ถึงคาบบ่าย ตอนเย็นกลับบ้าน เล่นกีฬา หน่อยๆ หกโมงเย็น กินข้าว และก็อ่านหนังสือต่อ มีตารางเป็นรายวิชาเลย เข้มกว่าในห้องเรียนอีก ไม่ดูทีวีเลย เสียเวลา ทำแบบนี้ทุกวันจนเอนท์ติด ไม่เรียนพิเศษ ไม่ดูทีวี ไม่ลงไปกินที่โรงอาหาร ไม่เล่นเกมส์ อ่านอย่างเดียว หลงทางไปก็เยอะกับตำรา เช่น บางเรื่องเราใช้เวลา สามวันถึงเข้าใจ แต่ อาจารย์สอนแค่สิบห้านาทีก็เข้าใจเหมือนกัน เออแฮะ มีคนสอนก็ดีไปอย่าง แต่ส่วนใหญ่จะเบื่อห้องเรียน เพราะผมอ่านจบหมดแล้ว พอเรียนจบใช้เวลา 1 ปี ในการเรียนรู้งาน พอปีที่สองก็ก้าวเข้าสู่ผู้นำองค์กร มีลูกน้องมากกว่าร้อยคน ซึ่งลูกน้องก็คือกลุ่มที่เรียนๆเล่นๆตอนเด็กนั่นแหละ เงินเดือนแสนอับ และเพื่อนกลุ่มที่อ่านหนังสือด้วยกันอีกสามคนก็ไม่ได้ด้อยกว่าผมเลย แต่อย่างที่ คห ข้างบนว่า ไม่มีสาวคนไหนมาชอบเด็กเรียนเลยขอบอก ผมก็ได้แต่เก็บความชอกช้ำไว้ในใจ แต่พอเรียนจบมีงานทำ มีสาวๆดีๆมาให้เลือกเพียบ ดีกว่าเด็กสาวสก๊อยที่ไปชอบช่างกลแบบไม่เห็นฝุ่น แต่ๆ จนปัจจุบันผมก็ยังเป็นโรคเดิมเหมือนตอนเด็กคือ แม้ตอนนี้ไม่ต้องตะบี้ตะบันอ่านหนังสือแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ดูทีวีเหมือนเดิม รู้สึกว่าเกมส์กับทีวีมันจะทำให้โง่ลงแฮะ แต่ก็ยังเสพข่าวสารบ้านเมืองจากเนตนี่แหละสะดวกกว่าเยอะ ฮกหลง แม้นอยู่ในป่าแต่ก็เข้าใจสถานณการบ้านเมืองเป็นอย่างดี แม้นรู้ว่า ฝ่ายที่ฮกหลงจะออกไปช่วยเหลือมิอาจจะรวมแผ่นดินได้ก็ตามและแผ่นดินอาจแบ่งออกเป็นสามถ้าตนออกไปช่วยเหลือ จึงมิได้ออกไปตามคำเชิญ จวบจนมาเชิญครั้งที่สามจึงยอมออกจากกระท่อมน้อยไป จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 22:16:48

ความคิดเห็นที่ 16 ผมก็เด็กช่าง คงมีแต่เด็กในกรุงเทพที่ยังตีกันอยู่ ตอนเรียน มจพ แล้ว คนละสังคมกับเทคนิคเลย แต่เด็กที่นี้ขยันกว่ามากๆ จากคุณ : หมากฝาด เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 22:29:35

ความคิดเห็นที่ 17 โคตรแขยง แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 53 22:34:38 จากคุณ : Healing Staff เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 22:33:00

ความคิดเห็นที่ 18   ผมเด็กสามัญ เป็นเด็กต่างจังหวัดก็มีทั้ง เทคนิด เทคโน อาชีวะ โปลีเทคนิค เยอะแยะไปหมด เห็นขี่มอเตอไซต์โบกมือเรียกกันเฉย สามัญ เทคโน เทคนิค อาชีวะ ไปนั่งกินเหล้ากันเฮฮา ไปนั่งด้วยกันกินเหล้ากันไม่เห็นมีไอประเภท เทคโนต้องตีเทคนิคอะไรนั่นเลยเมาเสร็จนอนด้วยกันตื่นมาก็กินด้วยกันแยกย้ายไปเรียน มีแต่เมืองหลวงแห่งประเทศสารขัณฑ์ นี่แหละเห็นป้ายชื่อโรงเรียนไม่ได้กูคลั่ง กูจะขวิด แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 53 22:47:08 จากคุณ : คุณชายฉายเดี่ยว เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 22:43:06

ความคิดเห็นที่ 19   อ่าส์ ขอโทษเด็กอาชีวะดีๆด้วยแล้วกันนะครับ ก็น่าจะจริงที่ว่าเป็น สังคมของเด็กอาชีวะในกทม แล้วเด็กใน กทม บางที่ ก็ค่อนข้างการันตีได้ว่าไม่มีตีกัน เช่น มจพ อ่านเป็นเพราะมีการคัดเลือกล่ะมั้ง งั้นขอเปลี่ยนหัวกระทู้เป็นเด็กช่างใน กทม แล้วกันนะครับ จากคุณ : hexa เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 22:50:20 A:112.142.131.228 X: TicketID:256654

ความคิดเห็นที่ 20   บ้านเมือง ส่วนหนึ่งก็พัฒนามาจากช่างครับ บ้านเมืองก็สร้างมาจากช่าง แต่บัณฑิต พยายามหาความชอบเข้าตัวโดย การ ด่าและกดคนสายช่าง เรื่องเมื่อปี 47 บริษัทหนึ่งแถวๆ ลาดพร้าว ช่าง ปวช ไ้ด้ค่าแรง 162บาท เด็กเีรียนอาแบค ปิดเทอมมาทำงาน ได้ 195(นั่งขัดไม้) คนสายช่างก็จะเจออะไรๆแบบนี้แหละครับ ถ้าจิตใจไม่แข็งพอก็ คงผูกคอตายเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจ พวกคุณจะด่าช่างยังไงก็ตามสบายครับ แต่ตอนเอารถเข้าอู่ก็อย่าไปด่าเด็กช่างให้เจ้าของอู่ฟังละ จากคุณ : ^Ai^ เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 22:57:02 A:27.130.25.247 X: TicketID:280139

ความคิดเห็นที่ 21 พวกชั่ว ๆ ที่จับได้ไม่น่าจะปิดหน้าปิดตาเลย เพราะผมคิดว่า การกระทำแบบนี้มันไม่ควรเป็นเยาวชน (ไม่ควรเป็นคนเลยด้วยซ้ำ) น่าจะได้รับโทษเท่ากับผู้ใหญ่เลยดีกว่า เอาให้หนักมันจะใด้กลัวกันบ้าง ขอโทษนะครับที่ใช้คำแรงไป จากคุณ : GEAR OF SAREN เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:06:11

ความคิดเห็นที่ 22 ผมอยู่ประถมเป็นคุณหนู มีคนมารับส่งทุกวัน เข้ามัธยม ก็เข้าไปอยู่กลุ่มพวกที่สังคมบอกว่าเลว เริ่มด้วย โดดเรียน, ตั้งแก๊งหาเรื่องห้องอื่น, ทำลายข้าวของ , เป็นต้นทางให้เพื่อนโขมยของ , หาเรื่องโรงเรียนอื่นแต่พอเริ่มตีกันเราจะหลบหายไปก่อน ปีหลังๆ เริ่มกลัว มันเริ่มมีบุหรี่, ต่อด้วยกัญชา , พกและขายปืน  ต้องแยกตัวออกห่าง ตั้งใจเรียน(เฉพาะวิชา) สอบเข้ามหาลัยดีๆ ได้ นึกถึงวีรกรรมที่ทำไว้  ก็คุยภาคภูมิใจในเรื่องเลวๆ บางเรื่องได้เหมือนกันนะ จากคุณ : หมูน่ารักจริงๆ เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:06:15

ความคิดเห็นที่ 23   ฮอโมนล้วนๆ จากคุณ : มวนมาแล้ว เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:10:29 A:124.122.80.187 X: TicketID:285306

ความคิดเห็นที่ 24   เท่าที่อ่านๆมา ว่าแต่ ทำไม ต้องหัดให้แต่สิ่งไม่ดีครับ อยากทราบคำตอบ ทั้งๆที่พวกคุณก็ น่าจะรู้ตัวอยู่แล้ว ในฐานะ ที่คุณคิดว่า เป็นผู้ใหญ่กว่า และ คุณกำลังจะสอนผู้น้อย หรือ สิ่งดีๆที่คุณหัดให้ มันมี แต่ มันไม่น่าสนใจ????? จากคุณ : Noo architect เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:16:11

ความคิดเห็นที่ 25 เด็ก ญ ที่ชอบเด็กช่าง ก็คือเด็ก ญ อีกกลุ่มหนึ่ง เด็ก ญ ที่ชอบเด็กสามัญ ก็อีก กลุ่มหนึ่ง ซึ่ง เด็ก ญ ที่ชอบเด็กช่าง และ เด็ก ญ ที่ชอบเด็กสามัญ อยู่คนละกลุ่มกัน . . . ยกตัวอย่าง เด็ก ญ คอนแวน ก็ต้องมองเด็กชายสามัญ เช่น อสช กท อะไรพวกนั้น และ เด็ก ญ พาณิชย์ ก็ต้องมองแบบ เด็กพาณิชย์ด้วยกัน หรือ เด็กช่าง . . . ปล. ไม่ได้แบ่งแยก แค่อธิบายไปตามสภาพความจริง สภาพของสังคม   . . . น่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ เรื่องความชอบขอบเด็ก ญ ในวัยเรียน อันนี้เห็นต่างกับ คห.1 ในจุดนี้ จากคุณ : okaunkung เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:16:35

ความคิดเห็นที่ 26 ผมเคยทำงาน ร่วมกับคนแบบนี้ครับ เขามีความรู้สึกว่าอยากได้รับการยอมรับ มั้งครับ ที่ตัวเองเก๋า  เปรี้ยว  ทำเรื่องชั่วๆ แต่ในความคิดของตัวเอง เท่ มาก สุดท้าย ปรับตัวเข้ากับสังคมการทำงาน ไม่ได้ครับ   คนไม่ค่อยอยากจะยอมรับ  อีโก้สูง  ความรู้ต่ำ จากคุณ : purekung99 เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:18:08

ความคิดเห็นที่ 27   ถูกราหูครอบงำน่ะสิ จึงรู้สึกดีเวลาทำเลว เป็นเรื่องของไสยศาสตร์ค่ะ ไม่มีใครหนี พ้น จากคุณ : น้ำฝน เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:20:58 A:125.27.31.216 X: TicketID:283867

ความคิดเห็นที่ 28 เบื่อ พวก เหมา ๆ . . . ก็ แค่ ฟัง คำ เค้า พูด มา . . . ผมก็จบช่างจาก วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาชื่อดังในกรุงเทพฯ จนกระทั่งเป็นสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล จนปัจจุบันนี้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นสองของคนทั่วไป.... ผมอยู่ในสังคมแบบที่ท่านเรียกว่าสังคมเด็กช่างกลมานาน 8 ปี ผมก็รับรู้เรื่องราวความเป็นไปในสังคมนี้ดีเท่าๆกับเด็กที่จบจากสายสามัญ เนื่องจากผมเรียนต่อในระดับบัณฑิตศึกษาในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางด้านแพทย์ศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์.... และเพื่อนๆผมส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น ก็มีเพียงส่วนน้อยล่ะครับที่ทำแบบที่ท่านว่า.... แต่ว่าแต่ว่า เด็กสายสามัญไม่มีคนส่วนน้อยที่ทำแบบนี้บ้างเหรอครับ... แบบว่าอ่านแล้วจี๊ดครับ....ผมรู้สึกโกรธท่านที่ประชดประชันเสียดสีเด็กอาชีวะ จนไม่สามารถที่จะเข้าใจว่า "ทุกสังคมย่อมมีคนดีและเลวปะปนกัน" หรือทีี่ท่านรู้จักมีเพียงคนเลวล่ะครับ ถ้าแบบนั้นก็เข้าใจได้ไม่ยากครับ.... กฏของการละลายสำหรับสารเคมีง่ายๆที่นิยมพูดกัน คือ "Like dissolve like" ดังนั้นผมพอเข้าใจครับ ว่าทำไม ท่านจึงรู้จักแต่เด็กอาชีวะเลวๆ ปล. ผมว่ากล่าวเฉพาะท่านที่เสียดสี ดูถูกเด็กกลุ่มอาชีวะนะครับ และขออภัยที่ผมอาจจะใช้คำแรงไปครับ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 53 23:33:17 จากคุณ : in-situ เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:30:02

ความคิดเห็นที่ 29 คิดเป็นเรื่องการยอมรับเหมือนกัน เนื่องจากไม่มีทาง หรือส่งที่สามารถแสดงออกได้ เพื่อให้ในสังคมหรือกลุ่มยอมรับ จริงๆ ต่างชาติที่เจริญแล้วเค้าก็มีเรื่องกิจกรรมต่างๆ เช่นกีฬา ดนตรี อื่นๆ จะพบว่า ต่างประเทศเค้าจะมี ชทรมประหลาดๆ ให้รวมกลุ่มกันเป็นการระบายกับสิ่งที่เค้าชอบ ต่างกับเมืองไทยเน้นแต่เรียนๆๆๆ เรียนเก่งเป็นเทพ เรียนแย่เป็นอะไรก็ไม่รู้ เรื่องกิจกรรมก็แค่ ลูบหน้าปะจมูก หาเรื่องใช้งบเอามาแบ่งกันกิน จากคุณ : KhunGong เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:32:30

ความคิดเห็นที่ 30 ก็เพราะรุ่นพี่ นี่แหละ (รึเปล่า) เป็นตัวอย่าง ให้น้อง จากคุณ : blackbillaz เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:33:43

ความคิดเห็นที่ 31 ตรรกะแปลกๆครับ... ไม่เกี่ยวหรอกเรื่องหนังจีนอะไรนั่นหนะ ผมไม่ใช่เด็กเรียนครับ และผมก็ไม่ใช่เด็กช่าง... แต่ผมคิดว่า สังคมมันจะเหลวแค่ไหน ถ้ามีปัญหาHarอะไร ก้ตีกันเป็นทางออกซะ... แลดูไม่ดีอ่ะครับ ส่วนหญิง จะชอบคนแบบไหน ก้แล้วแต่เค้าเถอะครับ เพราะนั่นเท่ากับเค้ากำลังเลือกอนาคตให้ตนเองอยุ่... แค่นั้นเอง จากคุณ : Nanoดะ เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:41:06

ความคิดเห็นที่ 32 ผมเพิ่งได้ดูหนังเรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง จบหมาดๆ คำกล่าวของ เปี๊ยก วิสุทธิ์กษัตริย์  ในวัยชรา เคยผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านโลก ผ่านการต่อยตี ผ่านคุก  กล่าวถึง แดง ไบเลย์ ในวัยหนุ่ม (เป็นทำนอง) ว่า "แดงเป็นคนมีปมด้อยมาตั้งแต่เกิด  เขาจึงพยายามสร้างปมเขื่องเพื่อลดปมด้อยของตัวเอง  การที่จะมีชื่อเสียงได้รับการยอมรับในสมัยนั้น ไม่มีอะไรดีไปกว่า การสร้างชื่อจากการเป็นนักเลงอันธพาล" ผมเข้าใจว่ามันเป็นการสร้างชื่อเสียงน่ะครับ นัยเดียวกับพวกเก็บแต้ม อะไรเทือกนั้น บทวิเคราะห์ตาม คห.1 มีเหตุผลครับ  ผมคิดว่าสัญชาติญาณการนิยมการใช้กำลังนั้นมีมาตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์แล้วครับ ดูอย่างสัตว์ทั่วๆ ไป มักยอมรับให้ตัวที่มีกำลังกายและชั้นเชิงต่อสู้ให้เป็นจ่าฝูงและได้ครอบครองตัวเมียทั้งฝูงเลย จากคุณ : freelance_law เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:44:15

ความคิดเห็นที่ 33 คห.28 ผมว่า ที่เค้าพูดกันในกระทู้นี้ น่าจะพูดถึงคนกลุ่นน้อยนั่นแหละครับ เด็กคณะพละ เค้าว่าเกเรกัน ผมเคยไปทำกิจกรรมด้วย ต้องอยู่ร่วมห้องเดียวกับพวกนั้น อย่าจะบอกว่า เด็กพละพวกนั้น ต้อนรับผมดีมาก ให้ผมนอนบนเตียง พวกนั้นนอนพื้น แถมต้อนรับด้วยสุรา ถึงเช้า เฟรนรี่มากๆ ใครว่าเด็กพละแย่ ผมเถียง เว้นแต่พวกเกเรจริงๆ อันนั้นก็อีกกลุ่มหนึ่ง จากคุณ : okaunkung เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:44:42

ความคิดเห็นที่ 34 เป็นเรื่องของการยอมรับ วัยรุ่นอยากเด่นอยากดังเป็นธรรมดา แต่คนที่หัวไม่ดี หน้าไม่หล่อ กีฬา ดนตรี ไม่เก่ง จะทำไง แน่นอน ถ้าคนที่ติดเป็นเขาก็จะต้องบอกว่า ก็ต้องใช้ความพยายาม ฝึกฝนสิ แต่คนขี้เกียจก็ต้องหาเรื่องทะเลาะ มันง่ายดี จากคุณ : praphrut608 เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:47:03

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่มีสาวคนไหนมาชอบเด็กเรียนเลยขอบอก - ไม่จริง เราและเพื่อนหลายคนชอบเด็กเรียนนะ สังเกตสิเด็กผู้หญิงพอเริ่มสาวหลายๆคนจะกรี๊ดคนที่เรียนเก่งในห้อง พวกหัวหน้าห้องแนวเนี้ย แต่...บางทีเด็กเรียนเข้าถึงยากนะคะ ยากมาก T-T จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:53:58

ความคิดเห็นที่ 36 อ้อ อีกเรื่องนะคะ เด็กผู้หญิงที่ชอบพวกเด็กช่างอะไปนั่งซ้อนท้ายมอไซด์แว๊น แว๊น แว๊น แม้แต่กลุ่มผู้หญิงด้วยกันเองยังคิดเลยว่า กลุ่มนี้เด็กไม่ดี ไม่ตั้งใจเรียน เอาแต่จับผู้ชาย ฯลฯ ที่ดูเหมือนพวกช่างเป็นที่นิยมเพราะเด็กที่ชอบจะแนวๆเดียวกัน คือกรี๊ดกร๊าด แสดงออกยังชัดเจนว่ารักว่าชอบ (นึกถึงติ่งหูเกาหลี) ในขณะที่พวกชอบเด็กเรียน โอ้ย แค่หนุ่มหันมามองหรือนิ้วก้อยแตะโดนกันยังเขินแทบตาย ^ ^  เวลาแอบชอบใครนี่ซุบซิบกันในกลุ่ม ไม่กล้าแสดงออกเท่าไหร่น่ะค่ะ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:59:14

ความคิดเห็นที่ 37 ตามที่หลายๆ ความเห็นว่ามาครับ เป็นเรื่องของการยอมรับ มนุษย์ทุกคนต้องการการยอมรับไม่ทางใดก็ทางหนึ่งครับ ในแบบจำลองของ Maslow ก็มีบอกไว้เหมือนกันในเรื่องนี้ (ตรงกับความต้องการขั้น esteem) เรื่องน่าเศร้าก็คือบ้านนี้เมืองนี้คนที่เป็นที่ยอมรับก็จะมีแค่ไม่กี่กลุ่ม ในสังคมผู้ใหญ่ก็จะยอมรับคนรวย ผู้ดี นักการเมือง ตำรวจทหารข้าราชการชั้นสูง ในสังคมการศึกษาก็จะมีแต่คนที่เรียนเก่งเ่ท่านั้นแหละครับที่ได้รับการยอมรับ เด็กที่ไม่ได้เก่งเรียนหรือไม่มีโอกาสทางการศึกษาเท่ากับเด็กคนอื่นก็เลยทำ"อะไรซักอย่าง"เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ อย่างน้อยแค่การยอมรับในกลุ่มของตัวเองก็ยังดี ถ้าจะแก้เรื่องนี้ก็หนีไม่พ้นต้องแก้เรื่องค่านิยมสังคมก่อนนั่นแหละครับ สังคบแบบที่มองคุณค่าของชีวิตไม่เท่ากันมันไม่มีทางไปไหนได้ไกลหรอก จากคุณ : Start Something เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 00:30:39

ความคิดเห็นที่ 38 เด็กช่างในกทม ไม่มีทางจะทำดีได้หรอกคับ ถ้าคนในสังคมส่วนใหญ่ ยังมองเขาคือคนเลว อยู่ตลอด หึหึ ผิดอะไรในเมื่อคุณๆทั้งหลายก็ยัดเยียดบทบาทเลวให้เขาแล้ว เขาก็เลวตามบทที่คุณต้องการ แล้วจะเอาอะไรอีก ในเมื่อคุณค่าความเป็น คนในสายตาของเกือบทุกคนมองคนไม่เท่ากันอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงคับ หลังจากนี้จะขิ่งแย่ลงไปอีกตราบใดที่ยังแยกคนจากการเลือกสายการเรียนเป็นแบบชนชั้นอย่างงี้เชื่อผมไหมละ จากคุณ : maninbox เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 00:41:12

ความคิดเห็นที่ 39 การเหมารวมไม่ช่วยอะไรเลย ทั้งฝ่ายกล่าวหา ทั้งฝ่ายแก้ตัว จากคุณ : atheist เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 01:08:02

ความคิดเห็นที่ 40 สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ -------- คห. 38 ครับ มันไม่ใช่สังคมบอกว่าคุณเลว แล้วคุณต้องกลายเป็นคนเลวไปจริง ๆ นี่ครับ ถ้าอย่างนั้นประเทศไทยที่ถูกแบ่งแยกว่าเป็นประเทศยากจน คงต้องจนไปตลอดกาลล่ะมั้งครับ อาจจะเห็นไม่ตรงกันบ้่าง คงพอเข้าใจ -------- จากคุณ : workbench เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 01:09:50

ความคิดเห็นที่ 41 แบบนี้จะแก้ปัญหานักเรียนตีกันได้ป่าว ? จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 02:02:02

ความคิดเห็นที่ 42   ผมก็เด็กช่างใน กทม.ครับ เป็นที่ๆบอกไปทุกคนต้องเคยได้ยินชื่อ แต่ถึงผมจะเป้นเด็กช่าง ตอนนี้ผมก็เรียนต่อจนถึงระดับปริญญาเอกได้เหมือนกัน อย่ามาสร้างความแตกแยกเลยครับ จากคุณ : Ph.D. = Potential heavy Drinke เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 02:02:11 A:134.155.26.14 X: TicketID:103250

ความคิดเห็นที่ 43 ตอนวัยรุ่นเด็กสาวชอบเด็กเกเร พอสาวหน่อย ชอบหนุ่มรวยแทน แต่ดูแล้วมันก็เหมือนกันแหละ นั้นคือต้องการอิสระ ตอนเด็กแค่ใช้กำลังหาความอิสระก็รู้สึกสุดยอดแล้ว พอโตหน่อยจึงรู้ว่าเงินนี่แหละคืออิระภาพที่สุดยอดกว่า จากคุณ : DevilDoll เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 02:52:00

ความคิดเห็นที่ 44 ผู้หญิงไม่ชอบผู้ชายสร้างภาพ ผู้ชายที่ดูดีเกินไปจะถูกอิมพลายทันทีว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ ผู้ชายที่ดีบ้างเลวบ้างนั้นดูมีเสน่ห์เพราะเค้าไม่ได้ประดิษฐ์ ใครมันจะไปดี 24 ชม. ผู้หญิงเข้าใจเรื่องนี่ได้ในระดับนึง ดูดบุหรี กินเหล้า เข้าผับ มั่วนารี ชอบมีเรื่อง มันบ่งบอกถึงความเป็นชาย ตรงที่ว่า "กล้า" ถึงจะเป็นเรื่องเลวๆก็ตาม ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยชอบผู้ชายที่อยู่เหนือคนอื่น แต่มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น การทำเรื่องแบบนี้ก็เป็นอีกวิธีนึงที่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าอยู่เหนือคนอื่น ส่วนตัวไม่ได้สนับสนุนให้ผู้ชายเลวเหมือนช่างกล แต่ผมอยากให้ผู้ชายทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำมากกว่า การเป็นตัวของตัวเองดีที่สุดครับ จากคุณ : ผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร (NorsDavincy) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 03:10:35

ความคิดเห็นที่ 45 หุ หุ เด็กช่างในกรุงเทพมันเป็นแหล่งรวมของเด็กช่างจากต่างจังหวัดน่ะครับ จากคุณ : in-situ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 06:46:07

ความคิดเห็นที่ 46   ทำไมผมเรียนมา 7 ปี ไม่เจอรุ่มพี่ เสี้ยมๆแบบนี้ม่างงนา เลยขาด สีสรรไปเลย แก่ตัวไปจะมี วีระกรรม เล่าให้หลานๆฟั้งมั้งนี่ อ่ะล้อเล่นครับ ทุกๆที่บนโลกใบนี้ มันก็ต้องมีทั้งดี ปนๆ กันไปครับ ขอตัวเราเองใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่เบียดเบียนใคร .... .............ทำได้แค่นี้ ก็เอาแล้ววววววววววว.... จากคุณ : .. เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 07:59:08 A:202.149.127.143 X: TicketID:283347

ความคิดเห็นที่ 47   ผมก็เรียนช่าง จาก เทคนิคฯ ต่างจังหวัด สมัยนั้นชีวิตก็ แต่งรถมอไซต์ พกมีด ทำปืนปากกา หลอกหญิงมาฟัน กินเหล้า เล่นดนตรี หมั่นไส้ใครก็ดักแทงดักรุมกระทืบ มันก็เทห์จริงๆ นั้นแหละ มันคือสัญชาติญานมนุษย์ ที่มาจากสัตว์ เหมือน สิงโต ทำมัยต้องกินกวาง ด้วยกวางน่ารักจะตาย ก็ธรรมชาิติสร้างมาแบบนี้ แต่ทุกวันมนุษย์เราฝืนธรรมชาิติ น้ะผมว่า เพื่อให้คนทีอ่อนแอกว่า อยู่ได้เลยต้องสร้างกฎ มาคลุมเอาไว้ จากคุณ : ไม่แบก เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 08:42:41 A:92.243.10.145 X: TicketID:272004

ความคิดเห็นที่ 48 มันอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า เพื่อนผมตอนม.ต้นมันก็ไปเรียนห้องท้ายๆ ห้องช่างอุึต พอจบม.3ไอ้พวกนี้มันต่อปวชหมด ไปเรียนช่างหมด เพื่อนผมมาเรียนสายวิทย์ มันบอกมันเลือกห้องผิด มารู้ทีหลังว่ามันอยากเป็นวิศวะ บางครั้งถ้าคนจะดี สังคมมันเลวยังไงก็ลากไปไม่ได้ จากคุณ : ผีฟรีคิก เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 09:30:50

ความคิดเห็นที่ 49 ฮา #2 อ้อ ผมเด็กช่างกล ดอนบอสโก บ้านโป่ง แต่ไม่ชอบตีกับใคร จากคุณ : AW Milan เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 09:41:27

ความคิดเห็นที่ 50 มันคงเป็นการแสดงออกให้คนอื่นยอมรับ ว่าข้าเจ๋ง ข้าแน่ แต่จริงๆแล้วมันแย่นะ เราเป็นเด็กศิลปะ เด็กรุ่นน้องก็ตีกัน เด็กรร.อื่นผ่านหน้ารร.ไม่ได้เลย แปลก+งี่เง่ามาก จากคุณ : เด็กดอยหงอยเหงา เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 10:35:11

ความคิดเห็นที่ 51 บางความเห็นก็ช่างจริงๆนะ อิอิ จากคุณ : โรแมนติคโครตพิศดาร เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 10:36:50

ความคิดเห็นที่ 52 คนกลุ่มนี้หลายๆคน ไม่เคยได้รู้สึกประสบความสำเร็จในชีวิตครับ เมื่อมาอยู่รวมกัน จึงพยายามแสดงความสามารถให้เป็นที่ยอมรับครับ การทำชั่วเป็นเรื่องง่ายครับ  เมื่อการทำชั่วสำเร็จ ถือเป็นชัยชนะที่หาได้ยากในชีวิตเค้าครับ  พวกเค้าก็เลยยึดถือสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ จากคุณ : งั่ม เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 10:48:39

ความคิดเห็นที่ 53   ผมว่า สาเหตุหลัก มันเป็นที่ การอบรมณ์สั่งสอนของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และ ค่านิยมผิดๆ ฯลฯ ผมจะออกตัวก่อนนะครับ ผมเรียนสายพาณิชย ไม่ได้เรียนช่าง .... เด็กสามัญ แสบๆ เก๋าเกรียน มันก็มีมานานแล้วเหมือนกันนะครับ....แต่ก็ไม่ได้โด่งดังเหมือนเด็กสายอาชีวะ อย่างในสมัยนี้.... ผมอยากถาม ว่า คุณเคยได้ยินชื่อ พวก .. อำนวยฯ (ปัจจุบันได้ข่าวว่าเป็น Inter เงียบไปแล้ว).... ไทยประฯ สุรศักดิ์ฯ ...รบ. (ใบเตย)... ตะละภัฏ ...... ชื่อที่ผมเอ่ยมา เป็น โรงเรียนสามัญทั้วไป สิ้น ปัจจุบันแทบไม่ได้ยินชื่อเสียงด้านเสียๆ อาจจะเป็นเพราะ โรงเรียนเข้มงวดเรื่องพวกนี้มากขึ้น หรือ โรงเรียนอาจจะปิดตัวไปแล้ว.... การที่โรงเรียนเข้มงวด  คัดเด็กที่ แย่ๆ ออก... เด็กจะต้องย้ายโรงเรียน ไปเรียนซ้ำชั้น ย้ายไปไหนหละครับ พาณิชย์ หรือ ช่างกล.... 2 สาย ที่กล่าวมานี้ ไม่ค่อยเข้มงวด บวกกับ บางแห่ง ครูบาอาจารย์  ปล่อยปะละเลย ด้วยซ้ำ จึงทำให้ วุ่นวายมาจนทุกวันนี้... เด็กช่าง ดีๆ มีถมเถไปครับ ไม่ได้เลวร้ายทุกคน บางคนเลือกเรียนช่าง ก็เพราะ ถนัดในสายนี้ บางคนอยากเปิดอู่ เปิดร้านซ่อม อยากเป็นวิศวะกร ฯลฯ ... ไอ้พวกที่ ตีๆกัน ใครเกมส์ ก็ซวยไป ไม่ติดคุกติดตารางก็ตาย.... การแก้ปัญหาทั้งหมด มันต้องเริ่มตั้งแต่ ครอบครัว ครูบาอาจารย์ ไปจนถึงการแก้ปัญหาระดับประเทศ แบบแผนการเรียนการสอน ฯลฯ การแก้ปัญหาด้วยการปิดโรงเรียน ปิดสถาบัน มันไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ .... ปิดไป ผ่านมาไม่กี่ปีก็เปิดใหม่ได้ แค่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น .... ถ้าจะแก้ ต้องแก้ที่ตัวคนและระบบทั้งหมดครับ..... จากคุณ : TonTon1977 เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 11:34:22

ความคิดเห็นที่ 54 ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณครับที่เข้า ผมเข้าใจครับว่า ดีชั่วอยู่ที่ตัว ถ้าทำผิดก็ต้องรับ ใช่ว่าโทษสิ่งรอบข้าง แต่เด็กอายุ 15-20 มีกี่คนที่ ทนสภาวะการเหยียดแบบนั้นได้บ้าง ใช่ว่าเด็กทุกคนจะเป็นคนดีทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้เลวทั้งหมด แต่เมื่อเกิดการเหมารวม ก็เหมือนเป็นการผลักคนที่เป็นเทาอยู่ให้กลายเป็นดำ ทั้งๆที่เราสามารถทำเด็กเทาเหล่านั้นให้การเป็นขาวได้แต่เรากลับไม่ทำ กลับมอง ว่ามันเป็นหน้าที่ของเด็กเอง ซึ่งพอเด็กเป็นดำไปแล้วมันก็ส่งผลต่อสังคมกลับมา แล้วท่านๆทั้งหลายจะบ่นไปใย ตราบใดที่สังคมเราๆทั้งหลายไม่ช่วยกันแก้ในข้อเหล่านี้ 1. ทัศนะคติการเลือกสายการเรียน ช่องทางที่จะเสริมความรู้ความสามารถ 2. การบังคับใช้กฏหมายของผู้มีหน้าที่ อย่างจริงๆจัง ไม่ใช่แค่รอเก็บศพ หลังจากมีเรื่อง ถ้าสองข้อนี้ทำไม่ได้ เรื่องก็ไม่จบหรอกคับ ซึ่งที่ผ่านมานทั้งสองนี้ไม่มีใครสนด้วยซ้ำ ส่วน ช่างต่างจังหวัดทั้งหลายคับ ท่านอย่าได้เอามาตรฐานของต่างจังหวัดมาใช้ใน กรุงเทพ มันคนละเรื่องกันคับ เข้าใจครับ ผมเคยเรียนมาทั้งสองที่ สังคมไม่เหมือน กันเลยคับ กรุงเทพ เดินดีๆไม่ได้มีเรื่องกับใครมีสิทธิ์โดนสอยได้เหมือนกันคับ เพราะเด็กที่นี้มันเหมารอบอยู่แล้วคับ เขาไม่ได้มองว่า คนนี้แก๊งค์ไหน เขาแค่มองว่าเรียนที่ไหน ระบบที่นี้จะบังคับในคนที่เรียนที่เดียวกัน ต้องเป็นเพื่อนกันไปโดยปริยาย ซึ่งก็จะทำให้เกิดปัญหาต่างตามมาเพราะไม่ได้คบ จากนิสัยจริงๆของแต่ละคน ตรงนี้แก้ลำบาก แก้สองข้อแรกให้ได้ก่อนเถอะคับ อย่างน้อยก็ลดการสูญเสีย เด็กๆพวกนี้ยังมีอนาคต คนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพัฒนาได้ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 53 11:45:27 จากคุณ : maninbox เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 11:43:43

ความคิดเห็นที่ 55 ไอ้เรื่องตีกันนี่เค้าก็บ่นกันมานานแล้วล่ะครับ แต่ก็ไม่ได้เห็นเป็นปัญหาสังคมระดับชาติ (สมัยพ่อผมก็ตีกันนะ สมตามคำโฆษณารองเท้ายี่ห้อหนึ่งจริง ๆ - เก๋าตั้งแต่รุ่นพ่อ - แต่ผมไม่เก๋านะ 555) เค้ามองว่าปัญหาระดับชาติคือ ตีกันแล้วทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับอันตรายไปด้วยนี่แหละครับ จากคุณ : workbench เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 12:16:06

ความคิดเห็นที่ 56 แก้ง่ายครับ เปลี่ยนชุดเรียนของเด็กช่างให้เป็นกางเกงขาสั้นเหมือน ม.ปลาย รับรองได้ว่าหายซ่าไปเยอะ จากคุณ : กัดจัง เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 13:44:12

ความคิดเห็นที่ 57   ไม่ค่อยชอบเด็กช่าง มารยาทแย่ จากคุณ : Jeayung_เจยอง เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 14:09:53

ความคิดเห็นที่ 58 บางเรื่องเป็นอาชญากรรมชัดๆ เช่นการเล่าให้ฟังว่าฉุดคนนั้นไปรุมโทรม ผมก็ยังเห็นเค้าเล่ากันแบบที่ภูมิใจอ่ะ มันเท่มาก ******************************************** อ่านตัวอย่างที่จขกท.ยกมา แล้วก็สลดหดหู่   ทำร้ายผู้หญิงที่อ่อนแอกว่า แล้วทำให้พวกในกลุ่มด้วยกันดูดี ดูเทห์ นี่มันเป็นลูกผู้ชายมากเลยนะ   น่ากลัวมากเลย คนพวกนี้ จากคุณ : iamnid เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 15:47:30

ความคิดเห็นที่ 59 คงเป็นค่านิยมของเด็กช่างในเมืองหลวงละมั้ง ที่ต้องทำตัวเลวๆถึงจะดูดีและได้รับการยอมรับในหมู่เพื่อนฝูง ที่คิดอย่างนี้เพราะว่าเด็กช่างแถวๆบ้าน (ต่างจังหวัด) ไม่เห็นจะเลวร้ายแบบนี้เลย ก็อาจจะมีบ้างที่เกเร แต่ก็ไม่รุนแรงขนาดนี้ ส่วนใหญ่จะเห็นนั่งอยู่ในร้านเกมส์มากกว่า ^^" จากคุณ : หอมหวนอวลกลิ่นดอกแก้ว เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 16:33:54

ความคิดเห็นที่ 60 เหอๆ อ่านไปมา น่าสงสารเด็กช่างในเมืองหลวงมากกว่าที่โดนเหมา.... จากคุณ : in-situ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 16:45:36

ความคิดเห็นที่ 61 ไม่รู้เรื่องด้วย ดูข่าวฟังผ่านๆเด็กช่าง นี่น่ากลัวแทบนั่งรถสายเดียวกันไม่ได้เลย เดี๋ยวโดนลูกหลง มันก็เป็นอย่างงี้มานาน มีคนตายทีก้เป็นข่าวที เบื่อพวกลูกตายแล้วมาบอกขอเป็นศพสุดท้าย ฟังแล้วรำคาญ เอาผิดถึงพ่อแม่คู่กรณีมันเลยขู่อาฆาตออกทีวีไปสิ กุจะเอาคืน เด็กมันจะได้คิดมั่งว่าสิ่งที่มันทำจะไม่จบแค่มันติดคุกพ่อแม่มันอยู่บ้านต้องโดนเอาคืนด้วย เป็นการสอนความรับผิดชอบไปในตัว นี่อะไรลูกตายปล่อยตำรวจจัดการเด้กพวกนี้ติดคุก 5 ปีก็ออกมาแล้ว แต่ลุกมันตายกลับไม่กล้าเรียกร้อง Thailand only...!! จากคุณ : มามี่ PoGo เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 18:09:45

ความคิดเห็นที่ 62 ผมว่าของแบบนี้ไมได้อยู่ที่สถาบัน  หรือสายการเรียนน่ะ แต่มันอยู่ที่  "สันดาu" จากคุณ : สหายกุนเชียง เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 01:54:38

ความคิดเห็นที่ 63 ช่างกลเทียม ไปเรียนเพื่อใส่ shop มีตังค์ไปเรียนอย่างเดียวไม่พอ ต้องโง่ด้วย จากคุณ : Mhack เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 03:37:29

ความคิดเห็นที่ 64   ยุค 30-40 ปีก่อน เค้าก็ว่า เด็กวิศวะ เถื่อน วิทยา เถื่อน เภสัชก็เถื่อน เอาว่าคณะใหนที่มีผู้ชายอยู่เยอะ มีเรื่องทั้งนั้น ตีกัน เป็นเรื่องธรรมดา จนตอนนี้เวลารับปริญญา บางคณะถึงต้องออกมายืน ไถ่โทษจนถึงรุ่นนี้ จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 05:54:01 A:124.121.212.3 X: TicketID:250855

ความคิดเห็นที่ 65 เอาบ้างดิ ทำไม เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบเด็กเรียนผู้หญิง จากคุณ : mint_la เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 11:02:03

ความคิดเห็นที่ 66   ผมเรียนจุฬานะครับ มีเพื่อนอยู่คนเขาเข้ามาเรียนก็จบจากช่างแถวๆนั้นแหละ เขาพาไปเที่ยวที่เรียนเก่าเขามีรับน้องตอนกลางคืน อย่างกับในหนังมีสารพัด บอกไม่ถูกเอาเป็นว่าถ้าลองเล่นแบบนั้นทุกวันก็ไม่เป็นอันเรียนหรอกครับ จากคุณ : ลองดู เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 11:40:14 A:116.58.231.242 X: TicketID:008482

ความคิดเห็นที่ 67 ก็มัวแต่ด่ากันอย่างงี้แหละครับ คนเรียนสายสามัญก็เอาแต่ดูถูกสายช่าง พอคนสายช่างโดนดูถูกก็มีปากเสียง ไม่ต้องเถียงกันหรอกครับทุกสังคมมีคนดีคนเลวปะปนกันทั้งนั้นแหละ นี่ขนาดใน internet ยังมาเถียงกันขนาดนี้ถ้าเป็นสังคมจริงมันจะต่างอะไรกับที่เขาทะเลาะกันละครับ จากคุณ : Zaladin เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 12:29:28

ความคิดเห็นที่ 68   เจ้าของกระทู้ เป็น จรเข้น้อย อะไรหรือฟะ จากคุณ : สำราญ บานบุรี เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 12:39:34

ความคิดเห็นที่ 69   คือพวกนี้มีเเต่เเรงเเต่ไม่มีสมองครับ คนดีๆเขาไม่ทำกันหรอก ยิงรถเมล์ ตีกันเป็นเรื่องปกติ พกอาวุธปเรียนเทนที่จะเป็นอุปกรณ์การเรียน ไม่เข้าใจว่าครูสอนให้นักเรียนพวกนี้เป็นคนดีไม่ได้หรือไงนะ โทษครูนี่เเหละ จากคุณ : เอส เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 12:41:39 A:118.175.80.96 X: TicketID:214531

ความคิดเห็นที่ 70 เด็กช่างแถวบ้านผมก็ไม่ตีกันครับ เด็กสามัญก็เป็นเพื่อนกันกะเด็กช่างเยอะแยะ เห็นตีแต่ในเมืองหลวงจริง ๆ จากคุณ : GEAR OF SAREN เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 03:59:49