ความคิดเห็นที่ 1   รู้ซิ กิจการทวงหนี้ไง ชาวบ้าน ร้านตลาด กู้นอกระบบกันให้ตรึม ดอกวันต่อวัน จากคุณ : สายน้ำที่ไหลกลับ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 11:17:35 A:202.62.105.155 X: TicketID:276688

ความคิดเห็นที่ 2 ที่ฆ่าแล้วเผาลูกหนี้เมื่อไม่กี่วันนี้เหรอครับ ไม่ใช่รุนแรงแบบน๊า... จากคุณ : ของเล่นใหม่ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 11:22:28

ความคิดเห็นที่ 3 จริงๆ โดยเจตนามันฟังดูดีครับ อยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ตั้งแต่ต้น แต่ในความเป็นจริงทำยากมากในสังคมไทย ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ เปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งแรก...........ไม่มีใครมาครับ คนจัดงง ออกไปถามชาวบ้านทำไมไม่มีใครมา เค้าบอกว่าเสียเวลาทำมาหากิน เสียค่ารถ ค่าเรือ ผู้ดำเนินโครงการก็เลยต้องให้ ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าชดเชยอื่นๆ เปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 อ่า...นั่นไงมีคนมาแล้ว พอบรรยายเสร็จ ให้แสดงความเห็น เงียบกริบครับ ตามสไตล์คนไทย ไม่มีใครกล้ายกมือพูดหรอก และแล้วก็จะมีนักการเมืองท้องถิ่นพูด หาเสียงให้ตัวเอง โดยโจมตีโครงการ ปิดท้ายด้วย NGO บอกว่าจ้างชาวบ้านมาฟัง ชาวบ้านไม่เต็มใจมา เอวัง....ด้วยประการฉะนี้ จากคุณ : Autster เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 11:56:59

ความคิดเห็นที่ 4 คำว่า  "ตาสี  ตาสา "   ที่เราใช้กันมานาน ว่าเป็นสัญญลักษณ์แทนกลุ่ม ชาวบ้านที่  ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไร   โง่ๆเซ่อๆ     อยากทราบว่า  ถ้าให้ท่านจินตนาการถึง  คำว่า ตาสี ตาสา   ท่านจะนึกถึงกลุ่มคนอาชีพใด??????? จากคุณ : นายสีเสียด เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 12:22:56

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าที่มาที่ไปเป็นดังคุณ Autster ว่า ก็พอจะยอมรับได้ครับ ผมเพียงสงสัยว่า ใช้คำแบบนี้สื่อออกมาแล้ว คนทั่วไปจะรับรู้และเข้าใจได้ชัดเจนไหมน่ะครับ จากคุณ : ของเล่นใหม่ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 12:30:29

ความคิดเห็นที่ 6 ตั้งใจสื่อคำว่า ตาสีตาสา ก็คือคนทั่วๆไปนี่แหละครับคุณนายสีเสียด ไม่ได้เจาะจงถึงกลุ่มคนอาชีพใด ถ้าความหมายมันไปเจาะจง อย่าที่คุณกล่าวมาก็ขออภัยครับ ไม่ใช่อย่างนั้นครับผมคงเลือกใช้คำผิด จากคุณ : ของเล่นใหม่ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 12:35:25

ความคิดเห็นที่ 7 พอลองไปค้นดู โครงการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 คืออะไร ? มันไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะสิ่งแวดล้อม มันมีอะไรอีกหลายๆ อย่าง ตามความหมายของมัน จะเจาะจงเฉพาะสิ่งแวดล้อมอย่างที่ผมมาเปิดประเด็นไว้ไม่ได้ ต้องใช้คำประมาณนั้น ถ้าไม่อย่างนั้นคงยังไม่ครอบคลุม ขออภัยนะครับ มันยังมีอีกหลายๆเรื่อง สุขภาพ การประกอบอาชีพ และอีกหลายๆอย่างด้วย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พศ ๒๕๕๐ มาตรา ๖๗ บัญญัติว่า สิทธิของบุคคลที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชน ในการอนุรักษ์บำรุงรักษาและการได้ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ และในการคุ้มครอง ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ดำรงชีพอยู่ได้อย่างปกติและต่อเนื่อง ในสิ่งแวดล้อมที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัย สวัสดิภาพ หรือคุณภาพชีวิตของตน ย่อมได้รับความคุ้มครองตามความเหมาะสม การดำเนินโครงการหรือกิจกรรม ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ จะกระทำมิได้ เว้นแต่จะได้ศึกษาและประเมินผลกระทบ ต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชน และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็น ของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียก่อน รวมทั้งได้ให้องค์การอิสระ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม หรือทรัพยากรธรรมชาติหรือด้านสุขภาพ ให้ความเห็นประกอบก่อนมีการดำเนินการดังกล่าว สิทธิของชุมชนที่จะฟ้องหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถิ่นหรือองค์กรอื่นของรัฐที่เป็นนิติบุคคล เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัตินี้ ย่อมได้รับความคุ้มครอง http://www.dlo.co.th/node/253 จากคุณ : ของเล่นใหม่ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 12:59:34

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ได้มีเจตนา ทักท้วงอะไรเจ้าของกระทู้เลยครับ    เพียงแต่ผมข้องใจมานานแล้วว่า   คำว่า ตาสี ตาสา   ใครๆก็นึกถึงภาพชาวไร่ชาวนา  คงไม่มีใครปฎิเสธนะครับ    และผมสงสัยว่าทำไม   ถึงได้ส่งเสริมให้คนไทยทำอาชีพนี้จริงๆ    ปล.อาจไม่เกี่ยวกับกระทู้    แต่พอดีมีคำว่าตาสี ตาสา  ที่ผมสงสัยมานานจึงเข้ามาร้วมแจมด้วยครับ จากคุณ : นายสีเสียด เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 13:00:56

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่รู้สิครับคุณสีเสียด ผมว่าชาวอื่นๆอีกก็ได้นะ แล้วบางที่ก็แย่งกันทำนะครับไร่นาเนีย จะแล้งจะน้ำท่วมก็กล้าทำ ทะเลาะกันเปิดเขื่อนแย่งน้ำกัน ปิดเขื่อนให้น้ำไปท่วมคนอื่นก็มีทั้งสองอย่าง แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 53 13:14:49 จากคุณ : ของเล่นใหม่ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 13:14:32

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ต้องชาวไร่ชาวนาหรอกครับ พอให้แสดงความคิดเห็นกัน แม้แต่คนจบปริญญายังไม่ค่อยกล้าเลยครับ ต้องมีคนเปิดหรือคนแรกแสดงความคิดเห็นก่อนถึงจะกล้าตามกัน จากคุณ : natureza เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 13:24:09

ความคิดเห็นที่ 11 ขอออกตัวก่อน ว่า ตัวเอง เคยอยู่ในกระบวนการรับฟังความคิดเห็น ต่อโครงการพัฒนาต่างๆ แต่ส่่วนใหญ่ จะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียว ขอไม่ยกมาพูดในที่นี้.. โดยเคยเป็นทั้ง คนที่เป็นฝ่ายจัดการรับฟังความคิดเห็น และตอนนี้ อยู่ในฐานะเจ้าของโครงการ ก็อย่างที่ #3 ว่ามานั่นละครับ คือ ประชาชนส่วนใหญ่ จะคิดว่า ไม่ใช่เรื่องสำคัญของตัว จะไม่ค่อยมากัน ยิ่งในต่างจังหวัด บางหมู่บ้าน อยู่ไกลจากที่ทำการ อบต. (ส่วนใหญ่การจัดรับฟังจะใช้สถานที่ลักษณะนี้ บางครั้งก็วัด โรงเรียน) ยิ่งไม่อยากมากันใหญ่ บางครั้ง ผู้จัด ประสานผ่าน อบต. ให้กระจายข่าว แต่ ก็ไม่มีคนมาอยู่ดี.. ถึงจะมา ส่วนใหญ่ก็จะไม่แสดงความเห็นอะไร เนื่องจาก "ไม่รู้" ว่า ที่คนบนเวทีพูดๆ นั่นน่ะ มันอะไรกันบ้าง แต่บางกลุ่ม ที่เคยสัมผัสมา ถ้าหากโครงการ อาจกระทบกับผลประโยชน์ (เน้นว่าผลประโยชน์ - ไม่ใช่สิ่งแวดล้อม) ของตน จะมากันมาก และออกเสียงกันมาก นอกจากนี้ คำว่า "รุนแรง" มัน Subjective (ขออภัยที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ) คือ ต่างคน ต่างรู้สึกถึงความรุนแรง ไม่เท่ากัน หากย้อนพิจารณากรณีอย่าง มาบตาพุด มีหลายประเด็นที่นำมาถึงปัญหา ณ วันนี้ ในความเห็นของผม ได้แก่ 1. พรบ. สิ่งแวดล้อม ที่กำหนดให้มีการทำ EIA ประกาศออกมาในปี พ.ศ. 2535 แต่ นิคมมาบตาพุด ตั้งมาก่อนนั้น (ผมเข้ามหาลัย ปี 1 ในปี 2535 แต่ตอนนั้น รุ่นพี่ๆ ที่จบไปก่อนหลายรุ่น เริ่มเข้าทำงานเป็นรุ่นแรกๆ ในมาบตาพุด) เพราะงั้น หลายๆ โรงงาน ในมาบตาพุด ตั้งมาก่อนที่จะมีกฎหมายบอกให้ทำ EIA 2. ช่วงปี 39-40 ผมทำงานในพื้นที่ศรีราชา และก็เดินทางไประยองบ่อยๆ ความเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่เห็น คือ ชุมชนเข้าใกล้พื้นที่อุตสาหกรรมมากขึ้น และพื้นที่อุตสาหกรรมก็กระจายออกไปใกล้ชุมชนมากขึ้น 3. โดยลักษณะของกฎหมาย EIA นั้น เป็นการพิจารณา "รายโครงการ" คือ แต่ละโรงงาน ก็ทำ EIA ของตัวเอง ประเมินเฉพาะผลกระทบ "จากกิจกรรมของตัวเอง" เพราะในแง่หนึ่ง เขาก็ไม่สามารถที่จะไปล้วงข้อมูลของโครงการอื่นๆ ข้างๆ ทั้งก่อน และหลัง ได้ ซึ่งองค์กรที่จะสามารถทราบข้อมูล "ทบร่วม" ของหลายๆ โครงการเอกชนรวมๆ กัน ก็คงต้องเป็นหน่วยงานของรัฐ แต่ก็น้อยครั้งที่จะเห็นหน่วยงานของรัฐ มองไกลเกินกว่างานประจำของตัว จากคุณ : Wobbegong เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 16:33:18