ความคิดเห็นที่ 1 บทนำตำนานเรื่อง หากจะกล่าวถึงที่มาของชื่อ “แปดริ้ว” นั้นมีเรื่องเล่าถึงที่มาสองแห่งด้วยกัน คือ ตำนานแรกกล่าวไว้ว่า ปลาช่อนในแถบลุ่มน้ำนี้นั้นมีขนาดใหญ่โต เนื่องมาจากความอุดมสมแก่ใจปลาช่อนทั้งหลายในถิ่นแห่งนี้ ทำให้ปลาช่อนที่จับขึ้นมาได้นั้นเมื่อแร่ออกมาแล้วจะสามารถแร่ได้ถึงแปดริ้วด้วยกัน ซึ่งหากเป็นถื่นฐานบ้านอื่นนั้นจะแร่ได้เพียงสี่ถึงห้าริ้วเท่านั้น และอีกเรื่องเล่าคือ มีนิทานพื้นบ้านเรื่อง “พระรถ - เมรี” ซึ่งเป็นนิทานเรื่องหนึ่งในปัญญาสชาดก ว่า ยักษ์ได้ฆ่านางสิบสองแล้วลากศพไปยังท่าน้ำท่าลาด ซึ่งเป็นพื้นที่ อ.พนมสารคาม แล้วชำแหละศพออกเป็นริ้วๆ รวมได้แปดริ้วแล้วทิ้งลอยไปตามลำน้ำท่าลาด ริ้วเนื้อริ้วหนังของนางสิบสองลอยมาออกยังแม่น้ำบางปะกง ไปจนถึงบริเวณเมืองฉะเชิงเทรา จึงได้ชื่อว่าแปดริ้ว จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:05:12

ความคิดเห็นที่ 2 ออกเดินทางสู่ฉะเชิงเทรา การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยัง ฉะเชิงเทรา นั้นในปัจจุบันสามารถเดินทางไปสองเส้นทางด้วยกันนั่นคือ ทางรถทัวร์ และ ทางรถไฟ ซึ่งหากทางรถทัวร์นั้นสามารถเดินทางได้จากทั้งสถานีขนส่งเอกมัยและสถานีขนส่งหมอชิต แต่การเดินทางของผมเองครั้งนี้จะเดินทางไปด้วยรถไฟ เพราะสะดวกกว่าและรวมเวลาเบ็ดเสร็จแล้วไม่ต่างกับรถทัวร์เท่าไรนัก ตัวผมเองเลือกที่จะไปรถไฟเที่ยวเวลา 10:10 น. ไม่เสียค่าเดินทางใดๆ เพราะเป็นโครงการรถไฟฟรีแต่หากนับว่าเสียเงิน ค่าโดยสารรถไฟจะเป็น 13 บาท Tips : เวลาในการเดินทางของแต่ละขบวนจะใช้เวลาเดินทางต่างกันออกไป แม้ว่าจะเห็นว่าเป็นขบวนชั้นสามก็ตามแต่บางขบวนก็ไม่ได้จอดทุกสถานี จึงทำให้บางขบวนใช้เวลาเดินทางน้อยกว่านั่นเอง แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 53 00:07:15 จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:06:33

ความคิดเห็นที่ 3 มุ่งหน้าสู่วัดหลวงพ่อ และเมื่อการเดินทางด้วยรถไฟมาถึงสถานีชุมทาฉะเชิงเทราแล้วนั้น สามารถแบ่งเส้นทางการเที่ยวออกไปได้ 2 เส้นทางคือ “สถานีรถไฟ - ตลาดบ้านใหม่ – วัดโสธรฯ - สถานีรถไฟ” หรือ “สถานีรถไฟ – วัดโสธรฯ - ตลาดบ้านใหม่ - สถานีรถไฟ” ซึ่งตัวผมเองได้เลือกอย่างหลัง เพราะอยากไปกราบไหว้พระคู่บ้านคู่เมืองของชาวแปดริ้วก่อน และ จะได้เอาเวลาที่เหลือไปทั้งหมดไปลอยชายถ่ายรูปได้ตามที่ที่เหลืออย่างสบายใจ การเดินทางจากสถานีรถไฟไปยังวัดโสธรฯนั้น หากเราไปตามรอบรถไฟจะมีลุงๆพี่ๆ “สองแถวสีเหลือง” มาจอดรอรับถึงหน้าสถานีรถไฟเลย จะตะโกนบอกกันว่า “วัดหลวงพ่อครับวัดหลวงพ่อ” ก็ขึ้นไปได้เลยครับ ค่าโดยสาร 8 บาท รถจะไปจอดหน้าวัดเลยครับ จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:07:59

ความคิดเห็นที่ 4 วัดโสธรวรารามวรวิหาร มีที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นพระอารามหลวชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เดิมชื่อว่า “วัดหงษ์” สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโสธร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของฉะเชิงเทรา เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง 1.48 เมตร ฝีมือช่างล้านช้าง แต่เดิม องค์หลวงพ่อโสธรนั้นประทับอยู่ในโบสถ์หลังเก่าที่มีขนาดเล็ก รวมกับพระพุทธรูปอื่นๆ 18 องค์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จราชดำเนินมาที่วัดแห่งนี้ ทรงมีพระราชปรารภเรื่องความคับแคบของพระอุโบสถเดิม พระจริปุณโญ ด. เจียม กุลละวณิชย์ อดีตเจ้าอาวาสจึงได้รวบรวมเงินบริจาคเพื่อจัดซื้อที่ดินสำหรับสร้างพระอุโบสถหลังใหม่  โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานการสร้าง และทรงเป็นผู้กำกับดูแลงานสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ พ.ศ. 2531 และ ทรงประกอบพิธียกยอดฉัตรทองคำ น้ำหนัก 77 กิโลกรัม ประดิษฐานเหนือยอดมณฑป เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2539 และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมาทรงตัดหวายลูกนิมิต เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2549 จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:09:39

ความคิดเห็นที่ 5 พระอุโบสถวัดโสธรฯ ศิลปะภายในพระอุโบสถหลวงพ่อพุทธโสธร ประกอบด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยรอบนับตั้งแต่พื้นพระอุโบสถ เสา ผนัง และเพดานจะบรรจุเรื่องราวให้เป็นแดนแห่งทิพย์ เป็นเรื่องราวของสีทันดรมหาสมุทร จตุโลกบาล สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พรหมโลก ดวงดาว และจักรวาล โดยตำแหน่งของดวงดาวบนเพดาน กำหนดตำแหน่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2539 ณ เวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธียกยอดฉัตรทองคำ หากโดยตำแหน่งขององค์หลวงพ่อโสธรนั้นว่ากันว่าตำแหน่งในปัจจุบันภายในพระอุโบสถนั้นคือตำแหน่งเดิมนับแต่ครั้งแรกเมื่อถูกอัญเชิญขึ้นมาจากแม่น้ำบางปะกง โดยไม่ได้มีการอัญเชิญเคลื่อนไปย้ายไปไหนจวบจนปัจจุบัน แม้ขณะสร้างโบสถ์ก็มิได้มีการอัญเชิญองค์หลวงพ่อออกไปยังสถานที่อื่นก่อนเช่นกัน ทั้งนี้ภายในโบสถ์ ทางวัดได้กำหนดให้มีการกราบไหว้บูชาด้วยดอกไม้เท่านั้น ซึ่งมีบริการไว้ให้บริเวณทางเข้า ซึ่งแล้วแต่เราจะทำบุญค่าดอกไม้ Tips : ทางวัดกำหนดให้ผู้ที่จะเข้าไปสักการะองค์หลวงพ่อโสธรในโบสถ์นั้นต้องแต่งตัวสุภาพ ซึ่งหากแต่งตัวไม่สุภาพไปนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะให้เสื้อคลุมมาใส่ แล้วจึงสามารถเข้าไปในโบสถ์ได้ครับ จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:10:39

ความคิดเห็นที่ 6 วิหารจำลอง ทางวัดได้มีการสร้างวิหารจำลองแยกไว้ภายนอกนับตั้งแต่รื้อองค์พระอุโบสถหลังเก่า และได้มีการอัญเชิญหลวงพ่อองค์จำลองไปยังวิหารจำลองเพื่อให้ประชาชนได้บูชากราบไหว้ ปิดทอง ห่มผ้า ตามความศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อโสธร รวมไปจนถึงการรำละครชาตรี ถวายองค์หลวงพ่อที่มีการจัดแสดงถวายอยู่ส่งเสียงตลอดเวลาไม่ขาดสาย โดยผู้คนส่วนมากนั้นนิยมกราบไหว้บูชาหลวงพ่อโสธรด้วยไข่ต้ม ด้วยเหตุผลว่าแต่ก่อน ไข่ต้มเป็นสิ่งบนบานที่หาได้ง่ายในสมัยก่อนเท่านั้นเอง ทั้งนี้บริเวณหน้าวิหารจำลองได้มีให้ทำบุญชุดธูปเทียนบูชาองค์หลวงพ่อชุดละ 20 บาท และ ภายในวิหารเองนั้นมีจัดให้เช่าบูชาพระ แหวนพระ ไปจนองค์หลวงพ่อจำลอง ไว้ตามแต่กำลังศรัทธาของผู้ที่สนใจแต่ละคนที่สนใจจะบูชากัน จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:13:02

ความคิดเห็นที่ 7 ตำนานหลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร ตามตำนานในถิ่นฐานภาคกลางได้เล่ากันว่า เมื่อนานมาแล้วนั้นครั้งเมื่อกรุงเก่าทางเหนือถูกรุกราน ชาวบ้านได้ทำการอัญเชิญพระพุทธรูป 3 องค์ลอยลงน้ำเพื่อไม่ให้พม่าพบเห็น ซึ่งพระองค์แรกถูกอัญเชิญขึ้น ณ วัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม และ พระองค์ที่สองถูกอัญเชิญขึ้น ณ วัดโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา และ องค์ที่สามถูกอัญเชิญด้วยการลากองค์พระจากปากคลองสำโรงมาหยุดยังวัดบางพลีใหญ่ใน และหากอีกตำนานหนึ่งกล่าวว่าแท้จริงแล้วพระที่ถูกเชิญลอยน้ำมามีทั้งหมด 5 องค์ ทั้งห้าองค์เป็นพระพี่น้องทางเมืองเหนือปรารถนาจะลงไปโปรดสัตว์ทางเมืองใต้ จึงแสดงปาฏิหารย์ลอยไปยังแม่น้ำห้าสาย หรือ เรียกกันว่า “ปัญจภาคีวารี” อันได้แก่ 1. หลวงพ่อโสธร (ปางสมาธิ) - วัดโสธรวรารามวรวิหาร  ลุ่มน้ำบางปะกง  จังหวัดฉะเชิงเทรา 2. หลวงพ่อบ้านแหลม (ปางอุ้มบาตร) - วัดเพชรสมุทรวรวิหาร  ลุ่มน้ำแม่กลอง  จังหวัดสมุทรสงคราม 3. หลวงพ่อวัดไร่ขิง (ปางมารวิชัยประยุกต์) - วัดมงคลจินดาราม  ลุ่มน้ำท่าจีน  จังหวัดนครปฐม 4. หลวงพ่อทอง (ปางสมาธิ) - วัดเขาตระเครา  ลุ่มน้ำเพชร  จังหวัดเพชรบุรี 5. หลวงพ่อโต (ปางสะดุ้งมาร หรือ ปางค์มารวิชัย) - วัดบางพลีใหญ่ใน  ลุ่มน้ำเจ้าพระยา  จังหวัดสมุทราปราการ จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:14:08

ความคิดเห็นที่ 8 ผสมผสานความเชื่อชาวจีน ด้วยศรัทธาและความเลื่อมใสในองค์หลวงพ่อโสธรไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงคนฉะเชิงเทราหรือชาวไทยเท่านั้น อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นหลักฐานยืนยันถึงแรงศรัทธาที่มีต่อองค์หลวงพ่อโสธรนั่นคือ ได้มีการสร้างโรงเจขึ้นในบริเวณวัด แสดงให้เห็นว่าชาวจีนทั้งดั้งเดิมที่ตั้งรกราก ณ บ้านย่านแปดริ้วมาแต่ก่อนเก่า และ ชาวจีนที่ดั้นด้นมาเพื่อกราบไหว้บูชา ไม่ได้มีแรงศรัทธาน้อยไปกว่าผู้คนชนชาติอื่นแต่อย่างใด โดยโรงเจของวัดโสธร นั้นสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2519 ภายโนโรงเจนั้นมีองค์เทพตามความเชื่อของชาวจีนอยู่หลายองค์ อาทิเช่น พระสังกัจจาย เจ้าแม่กวนอิม เป็นต้น จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:15:11

ความคิดเห็นที่ 9 ร้านค้า ร้านอาหาร บริเวณวัดโสธรฯ ส่วนของร้านค้าร้านอาหาร ในบริเวณวัดนั้นจะอยู่อีกฝั่งถนนตรงข้ามวัด ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจนคือ ของฝากจะอยู่ด้านนอก และ ร้านอาหารอยู่ด้านใน ซึ่งอาหารส่วนมากจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวเรือ หอยทอด อาหารตามสั่ง มีร้านค้าอยู่ประมาณ 20 ร้านได้ ราคาก็ราวๆ 30-50 บาท รสชาดนั้นบอกตามตรงว่าบอกไม่ได้ว่าร้านไหนอร่อย เพราะผมเองก็กินยังไม่ครบทุกร้าน โดยผมแนะนำว่าสำหรับทริปแบบนี้นั้น ให้หิ้วปากท้องไปหาของกินสนุกปากที่ตลาดบ้านใหม่ ซึ่งเป็นเป้าหมายปลายทางต่อไปนั่นเอง Tips : บริเวณริมแม่น้ำบางปะกงด้านหลังวัดโสธรฯนั้นมีบริการเรือนำเที่ยวไปกลับตลาดบ้านใหม่ โดยการนั่งเรือชมบรรยากาศริมสองฝั่งแม่น้ำบางปะกง โดยมีการบรรยายตามสถานที่ต่างๆที่ผ่าน แต่จะจอดแวะจุดเดียวคือตลาดบ้านใหม่ ราคา 100 บาท ต่อ ท่าน จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:16:33

ความคิดเห็นที่ 10 เดินทางไปตลาดบ้านใหม่ เมื่อได้เที่ยววัดโสธรและกราบไหว้องค์หลวงพ่อโสธรแล้ว จะพาท่านเดินทางต่อไปยังสถานที่ต่อไปเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศจากบรรยากาศอิ่มบุญอิ่มเอมไปสู่บรรยากาศอิ่มท้องสำราญปากกันที่ “ตลาดบ้านใหม่” ซึ่งการเดินทางจะเดินทางด้วยรถสองแถว โดย รอขึ้นรถสองแถวบริเวณส่วนร้านขายของฝาก หรือฝั่งตรงข้ามวัดนั่นเอง โดยนั่ง “รถสองแถวสีน้ำเงิน สายโสธร - วัดแหลม” ราคา 8 บาท เพื่อไปลงยังหน้าสถานีตำรวจสังเกตุได้จากรถสองแถวจะผ่านริมแม่น้ำบางปะกงและข้ามแยกลอดใต้สะพาน จะเป็นจุดเปลี่ยนรถหน้าสถานีตำรวจ จากนั้นต่อ “รถสองแถว สีขาวคาดเหลือง สายขนส่ง – บ้านใหม่” ราคา 8 บาท เพื่อไปยังตลาดบ้านใหม่ โดยสังเกตุได้จากตลาดจะอยู่ใกล้กับสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำบางปะกง Tips : ระหว่างทางนั้นสามารถแวะเที่ยวสวนมรุพงษ์ ศาลหลักเมือง และ ชมบรรยากาศริมแม่น้ำบางปะกง ได้โดยนั่งสองแถวสีน้ำเงินจนเจอแม่น้ำบางปะกงอยู่ขวามือก็ลงรถเพื่อเที่ยวระแวกนั้นได้เลย โดยทั้งสามสถานที่จะอยู่ใกล้กันทั้งหมด เมื่อเที่ยวเสร็จแล้วก็นั่งสองแถวสีน้ำเงินไปลงหน้าสถานีตำรวจต่อไปได้ จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:17:22

ความคิดเห็นที่ 11 ตลาดบ้านใหม่ ตลาดโบราณ 100 ปี ตลาดบ้านใหม่นั้นเป็นตลาดเก่าแก่มีอายุมากกว่า 100 ปี สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ด้วยความเป็นอยู่และการเดินทางในสมัยก่อนนั้นนิยมเดินทางสัญจรกันทางน้ำ ทำให้เกิดชุมชนตลาดเพื่อการค้าขายขึ้น ณ ริมแม่น้ำบางปะกงด้วยเช่นกัน เกิดร้านค้า กิจการต่างๆ รวมไปถึงวิถีชีวิตอันสัมผัสได้จากบรรยากาศและสถานที่แห่งนี้ แต่ทว่าเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไปเทคโนโลยีล้ำสมัย ยุคสมัยเปลี่ยนไปจากการเดินทางทางน้ำไปสู่การเดินทางทางบก เฉกเช่นตลาดริมน้ำแห่งอื่นๆ ตลาดริมน้ำบ้านใหม่แห่งนี้ก็ซบเซาไปตามกาลเวลาด้วยผ่านแพ้แก่ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ความเจริญในถิ่นฐานย่านริมน้ำแม่น้ำบางปะกงแห่งนี้ค่อยๆเลือนลางหายไป ใกล้กลายเป็นเพียงอดีตเรื่องเล่าตกทอดให้ลูกหลานฟังอยู่เต็มทน จวบจนเวลาผ่านไปในขณะที่ความหวังอันเลือนลางของผู้คนในชุมชนตลาดบ้านใหม่ใกล้หมดลง กระแสการท่องเที่ยวแบบชุมชนถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง ตลาดเก่าแก่อันเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมอันน่าค้นหาได้ถูกชุบชีวิตขึ้น วิถีชีวิตเก่าแก่ตามลุ่มแม่น้ำในถิ่นฐานภาคกลางนับตั้งแต่ลุ่มแม่น้ำสุพรรณบุรี ลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี ลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ถูกกล่าวขานเรียกชื่อให้ผู้คนได้ติดตามถามถึงกลิ่นอายอันน่าค้นหาของเรื่องราวในอดีตที่ถูกกาลเวลาแห่งเทคโนโลยีกดทับไว้ ซึ่งรวมถึงเรื่องราวของตลาดบ้านใหม่แห่งนี้ด้วยเช่นกันที่ผู้คนต่างรวมพลังกันอีกครึ่งเพื่อปลุกตลาดชุมชนของพวกเขาให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:19:34

ความคิดเห็นที่ 12 สินค้า อาหาร และ ของต่างๆในตลาดบ้านใหม่ ในยามที่ปัจจุบันสังคมเมืองอันวุ่นวายคละเคล้าไปด้วยกลิ่นบีบีและเทคโนโลยีอันพาคนเราให้วิ่งไล่ตามไปกับสิ่งที่โลกนำเราไป ณ ที่แห่งนี้กลิ่นอายอดีตยังคงคละคลุ้งไปทั่วชุมชน เสมือนว่าเราย้อนกลับมายังโลกในอดีต ตลาดบ้านใหม่นั้นมีความยาวประมาณ 500 เมตร มีร้านค้าต่างๆประมาณ 100 ร้านค้า ทั้งร้านขายสินค้าตกแต่ง ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของเล่น แผงลอยต่างๆ ซึ่งตลาดบ้านใหม่นั้นมีสินค้าของขายเหมือนๆกันกับตลาดโบราณอื่นๆ สิ่งที่พบเห็นได้คือ ขนมโบราณ ของเล่นโบราณ รวมไปถึงของตกแต่งบ้านแบบเก๋ๆที่ผสมผสานกันระหว่างของสมัยใหม่และสมัยเก่าได้อย่างลงตัว อาคารบ้านเรือนไม่ได้ถูกดัดแปลงไปจากเดิมมากนัก ยังคงความเป็นชุมชนบ้านไม้ไว้ได้ มีเพียงการปรับแต่งร้านทั่วไปเท่าที่ที่มาแทนที่อดีตของชุมชน จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:20:30

ความคิดเห็นที่ 13 ร้านค้าอาหารส่วนมากจะเป็นตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง มีทั้งร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านกาแฟ ร้านส้มตำ ให้ผู้มาเยือนได้เลือกลิ้มลองกันตามแต่ต้องการ โดยราคาอาหารส่วนมากนั้นจะอยู่ที่ราวๆ 30-50 บาท และ นอกจากร้านริมแม่น้ำที่ผู้คนมักนิยมเข้าไปลิ้มลองแล้วร้านแผงริมทางที่มีอาหารน่าลิ้มลองก็มีให้เราเลือกรับประทานด้วยเช่นกัน อาทิเช่น ข้าวห่อใบบัว ทอดมันปลากราย ห่อหมกกระทง ห่อหมกใบจาก เป็นต้น สำหรับของหวานและเครื่องเดิมก็มีให้เลือกรับประทานพอสมควร ทั้ง ไอติมโบราณ น้ำตาลสด และ ขนมโบราณที่ใครหลายคนเคยสัมผัสมาแล้ว จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:21:12

ความคิดเห็นที่ 14 ของสีสันแนวใหม่... จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:21:46

ความคิดเห็นที่ 15 ขนมปัง ที่... !! จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:22:11

ความคิดเห็นที่ 16 เสื้อแบบเก๋ๆ ราคาส่ง ณ กทม ตัวไม่กี่บาท ( เขาขาย 100 นึงแหนะ ) จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:22:56

ความคิดเห็นที่ 17 วัดจีนประชาสโมสร ในระแวกตลาดบ้านใหม่นั้นมีวัดจีนเก่าแก่ที่อยู่กับชุมชนมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นั่นคือวัดจีนประชาสโมสร หรือ วัดเล่งฮกยี่ ซึ่งชาวจีนถือว่าตำแหน่งของวัดนี้เป็นตำแหน่งท้องมังกร ภายในวัดจะมีองค์เทพต่างๆตามความเชื่อของคนจีน ซึ่งหากท่านใดที่ต้องการไปเที่ยวชมและกราบไหว้ตามความเชื่อชาวจีนก็สามารถเดินทางไปได้ โดยสังเกตจากวัดจะมีเจดีย์จีนสูงเด่น ให้สังเกตุเห็นได้ชัด จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:23:40

ความคิดเห็นที่ 18 เดินทางกลับไปยังกรุงเทพ เมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจกินเที่ยวแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับ ซึ่งสามารถเดินทางกลับได้โดย “รถสองแถวสีขาวคาดเหลือง” ค่าโดยสาร 8 บาท โดยให้ออกมารอรถ ณ ทางเข้าตลาดบ้านใหม่ (ไม่ต้องข้ามถนนไปอีกฝั่ง) เพื่อนั่งรถกลับไปยังสถานีรถไฟฉะเชิงเทรา ซึ่งระหว่างทางจะได้พบได้ชมกับบรรยากาศบ้านเรือนแบบเก่าของชุมชนฉะเชิงเทรา ที่หวนให้นึกถึงความเป็นอยู่แต่อดีตผ่านพ้นมา เมื่อรถสองแถวมาถึงบริเวณหน้าสถานีรถไฟก็เดินทางข้ามไปยังสถานีรถไฟติดต่อขอตั๋วตามเวลาที่ได้วางไว้ เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ เป็นอันครบถ้วนของการท่องเที่ยวครั้งนี้ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 53 00:25:53 จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:24:17

ความคิดเห็นที่ 19 Tips : - งานปั้นทรายโลก จะอยู่หลังห้างคาร์ฟูร์ ฉะเชิงเทรา สามารถเดินทางได้ด้วยสองแถวสีเหลือง - ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในหมวดของวัดวาอีกบางส่วนที่ยังไม่ได้นำเสนออาทิเช่น วัดซำปอกง และ วัดเมือง - หากต้องการเดินทางด้วยรถไฟขอให้เช็คเวลาเดินทางให้แน่นอน เพื่อไม่ให้ตกรถไฟและมีเวลากับแต่ละสถานที่ได้อย่างเหมาะสม สรุปค่าใช้จ่าย - ค่ารถสองแถว 32 บาท - ทำบุญค่าดอกไม้ 20 บาท - ทำบุญชุดดอกไม้ธูปเทียน 20 บาท - ค่าน้ำดื่ม 50 บาท (โอเลี้ยง + น้ำเปล่า + น้ำตาลสด ) - ค่าอาหาร 70 บาท ( ข้าวหน้าเป็ด + ขนม ) เบ็ดเสร็จรวม 192 บาท จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:25:24

ความคิดเห็นที่ 20 หมดแล้วครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน ไม่รู้เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยกันไหม ของกินไม่ค่อยมีเพราะกินก่อนถ่ายตลอด และ คนเยอะพอสมควร ทำให้การหยุดถ่ายๆเล็งๆ นั้นทำได้ลำบาก วันที่ไปกล้องเจ้ากรรมเจ๊งกลางอากาศอีก รูปหลังๆจึงถ่ายจากมือถือ พอไปได้แทน ขอบคุณครับ ไว้จะทำจังหวัดต่อไป เมื่อมีอารมณ์ ์ ์ ( หรืออยากได้จังหวัดไหนบอกมาได้ครับ ใกล้ๆ กทม ผมจัดให้ !! ) แหล่งข้อมูลอ้างอิง - ตำนานแปดริ้ว : http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/เมืองแปดริ้ว - วัดโสธรวรารามวรวิหาร : http://th.wikipedia.org/wiki /วัดโสธรวรารามวรวิหาร - พินิจนคร ตอนบางพลี - สถานที่จริงทุกที่ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 53 00:40:32 จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:27:49

ความคิดเห็นที่ 21   วันนั้นเราไปกับเพื่อน เพื่อนขับรถไป เสร็จจากวัดหลวงพ่อ ว่าจะไปตลาดเก่านี่แร่ะ ขับรถตามป้ายไป ไม่รู้หลงทางยังไง ไปโผล่อีกทีบางปู ^ ^" จากคุณ : เค๊าเป็นเนฯ เองแร่ะ (i love my boss) เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:27:54

ความคิดเห็นที่ 22 น่าสนใจครับกำลังหาที่เที่ยวพอดี ^^ วันอาทิตย์ว่าจะไปทำบุญวันเกิดด้วยผมเป็นคริสต์แต่ก็จะไปปล่อยปลาซักหน่อย ปีนี้ 27 แล้วอ่ะ ไม่ไหว ๆ จะหลัก 3 แล้ว อิอิ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 53 00:39:56 จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:38:01

ความคิดเห็นที่ 23 งื่ม  คุณเพื่อนที่รู้จักก็ชวนไปเที่ยว จ.นี้อยู่  โดยการนั่งรถไฟชั้นสามไป คงสนุกดี  แต่ยังหาวันว่างพร้องกับการมีตังไป ไม่ได้สะที เห็นมันบอกอยากไปเที่ยวตลาดนี่ด้วยอ่ะ   ของกินเยอะป้ะๆๆๆ จากคุณ : ปลาหมึกรสเลม่อน เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:59:51

ความคิดเห็นที่ 24 อยากไปจังเลยยยย จากคุณ : ทุตซี&ลุงเฟเทอร์ เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 01:07:17

ความคิดเห็นที่ 25 เคยไปไหว้หนนึงแระ คนเยอะมากกกกกกก ขอโบก จากคุณ : iamnid เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 12:45:22

ความคิดเห็นที่ 26 ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ ฝากประวัติของแปดริ้ว อีกแบบไว้ด้วยล่ะกัน ---------------------------------------------------------------- “….ตั้งแต่เมืองฉะเชิงเทรา ตั้งปากน้ำเจ้าโล้แล้วยกมาตั้งแปดริ้ว แล้วยกไปตั้งโสธร….” เป็นประโยคที่ได้จากจารึกในแผ่นเงิน  เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๘ และถูกค้นพบเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ ปัจจุบัน    เงินแผ่นนี้เจ้าอาวาสวัดพยัคฆาอินทาราม (วัดเจดีย์) เก็บรักษาไว้ คำว่า “แปดริ้ว” ปรากฏเป็นหลักฐานในข้อเขียนบรรยายภาพประวัติวัดสัมปทวน ความว่า “….บางช่องปั้นเป็นภาพของจังหวัดฉะเชิงเทรา สมัย ๖๐ ปี สมัย ๑๐๐ ปี ที่ล่วงมาแล้วให้ผู้ที่ยังไม่ทราบจะได้ทราบว่า จังหวัดฉะเชิงเทราซึ่งเดิม เรียกเมืองแปดริ้วนั้น  สมัยนั้นๆ มีสภาพเป็นอย่างไร….”  และ พ.ศ. ๒๕๓๐ ความว่า “…เปลี่ยนจากเซาที่แปลว่า ความเงียบ ยังมีอีกคำหนึ่งที่เรียกว่า บางปลาสร้อยร้อยริ้ว บางปลาสร้อยก็คือ ชลบุรี ร้อยริ้วก็คือ แปดริ้ว หรือฉะเชิงเทรานี้เอง…” เมืองแปดริ้วอยู่ที่ไหน ถ้าแปดริ้วกับร้อยริ้ว คือเมืองเดียวกันด้วยอิทธิพลของภาษาจีนเพี้ยนเป็นคำไทย และถ้าเป็นเช่นนั้น เมืองฉะเชิงเทราเป็นเมืองโบราณเพราะหลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดพบขึ้นภายหลังล้วนอยู่ในบริเวณใกล้เมืองฉะเชิงเทราทั้งสิ้น ดังนั้นชุมชนโบราณของฉะเชิงเทราก็ควรเป็นเมืองร้อยริ้วที่คล้องจองกับบางปลาสร้อยนั่นเอง ถึงอย่างไรชื่อเมืองแปดริ้ว ก็จัดอยู่ในประเภทตำนานหรือมีนิทานชาวบ้านที่เลียบชาย    ฝั่งทะเล ยังมีมากกว่านี้ ถ้าหากนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์จะไม่หลงลืมดินแดนนี้ไปเสีย  เพราะหลักฐานที่เกี่ยวกับมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ยังมีอีกมาก… "อย่างน้อยก็เป็นดินแดนปากทางเข้า และฐานเศรษฐกิจทางทะเลของที่ราบสูงภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเมืองไทยและที่ราบต่ำในเขมร…" พงศาวดารกับประวัติเมืองฉะเชิงเทรานั้น ปรากฏหลักฐานว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ยกทัพไปกวาดต้อนครัวไทยกลับคืนมา  หลังจากที่พระยาละแวกได้ฉวยโอกาสขณะที่ไทยติดสงครามพม่า  เขมรเข้ามากวาดครัวไทย แถบจังหวัดจันทบูร ระยอง ฉะเชิงเทรา  และชาวนาเริง (นครนายก) ในการศึกษาครั้งนี้ ชาวฉะเชิงเทราได้มีส่วนช่วยราชการสงครามได้รับความชอบซึ่งเป็นเกียรติมาแต่ครั้งนั้น เจ้าเมืองซึ่งเคยมีบรรดาศักดิ์เพียง "พระวิเศษ" ก็ได้เลื่อนขึ้นเป็น "พระยาวิเศษ"  ตั้งแต่นั้นมา ล่วงเข้าสมัยอยุธยาตอนปลาย กรมหมื่นเทพพิพิธได้รวบรวมกองทัพชาวเมืองแถบ   ตะวันออกพร้อมด้วยชาวเมืองฉะเชิงเทราเข้าร่วมในกองทัพนั้น  เพื่อเข้าไปช่วยแก้ไขอยุธยาที่กำลังเข้าตาจนในขณะนั้น แต่กองทัพไปเสียทีพม่าที่ปากน้ำโยธกาเสียก่อน เมื่ออยุธยาคับขันถึงขนาดจะแก้ไขไม่ได้แล้ว พระยาตากได้คุมพลประมาณหนึ่งพันเศษ ตลุยทหารพม่ามาข้ามฟากที่ปากน้ำเจ้าโล้ อำเภอบางคล้า แล้วเดินทัพมุ่งไปตั้งตัวที่จันทบุรี ใช้เวลาบำรุงฝึกปรือกองทัพเป็นเวลา ๗ เดือนเต็ม แล้วจึงนำทัพขับไล่พม่าพ้นจากดินแดนไทย ในครั้งนั้นคนฉะเชิงเทราก็ได้เข้าร่วมไปกับกองทัพกู้ชาติอย่างสมภาคภูมิ และถือเป็นเกียรติยศของชาวเมืองฉะเชิงเทราที่มีเลือดของความเป็นผู้เสียสละและรักชาติอย่างแท้จริงตลอดมานั้นด้วย จากคุณ : jakkrissana เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 14:24:49

ความคิดเห็นที่ 27 ว้าววววว จากคุณ : ฟินจัง เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 14:54:06

ความคิดเห็นที่ 28 เข้ามาดู... จากคุณ : Burin_Newton เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 15:14:03

ความคิดเห็นที่ 29 ข้อมูลเพียบ ขอคัดลอก นำไปใช้บ้างนะครับ ทริปง่ายสบายๆแบบน้ี จากคุณ : I Love 4029 (fimmaster) เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 18:13:53

ความคิดเห็นที่ 30 อิจฉาตาป๊อก เที่ยวตลอดนะครับนะ จากคุณ : ไม้ไผ่โย่ง เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 21:36:04

ความคิดเห็นที่ 31 ใครที่จะไปแล้วนุ่งสั้น เสื้อกล้าม แขนกุด เกงเอวต่ำ เค้าจะให้ใส่เสื้อคลุมสีฟ้าค่ะ //โดนมาแว้ววววววว ใส่เกงเอวต่ำ จากคุณ : น้องเก๋น เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 23:25:20

ความคิดเห็นที่ 32 . . ไปเที่ยว เย้เย้ จากคุณ : primjang เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 15:18:13