ความคิดเห็นที่ 1 ภาคจบ มีการจินตนาการให้เห็นว่าเราจะต้องเป็นสัตว์นรก เกิดเป็นหนอนตามโถส้วม เป็นโสเภณีร้อยชาติ บลาๆๆ ถึงจะได้เกิดเป็นมนุษย์ผู้ชาย แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 53 15:16:19 จากคุณ : ก็อดแฮนด์ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 09:26:31

ความคิดเห็นที่ 2 ได้ครับ ถามคนทำคลิป จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 09:46:22

ความคิดเห็นที่ 3 DMC  ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : สหายกุนเชียง เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 10:02:28

ความคิดเห็นที่ 4 "สมัยพระพุทธเจ้าคงไม่มีสื่อลามก แล้วคำสอนนี้มาจากไหน " กรุณาย้อนไปฟังคลิปแรกนาทีที่ 2.25 นะ จากคุณ : decoba เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 10:08:57

ความคิดเห็นที่ 5 ทำมากายๆๆ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 53 10:27:22 จากคุณ : oh_neung เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 10:26:50

ความคิดเห็นที่ 6 จิ้มไปที่ คห 4 แหงะ อย่างงี้ศาสนสถานอย่างปราสาทหินต่างๆของเขมรก็ผิดดิ เคยไปปราสาทหินพิมาย นางอัปสรนี่นมเป็นนม หรือว่าศิวลึงค์กับฐานโยนีนี่ไม่ถือว่าเป็นสื่อลามก อิอิ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 53 10:31:33 จากคุณ : ก็อดแฮนด์ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 10:30:37

ความคิดเห็นที่ 7 จิตใจของคนแต่งเรื่องนี้คงมีแต่ความหวาดกลัวต่อบาปเล็กๆน้อยๆอยู่ตลอดเวลา จักรวาลของพวกเขาคงถือกำเนิดขึ้นมาจากความทรมาน ทันทีบิ๊กแบงระเบิด พวกเขาคงจะถือกำเนิดมาในขุมนรกดำมืดในทันที แล้วตะเกียกตะกายหาทางออกเพื่อจะได้มาเกิด และเมื่อตายพวกเขาก็ต้องตกนรกแล้วโดนตัดแขนตัดขาควักลูกตาถลกหนังแล้วราดด้วยน้ำกรด และต้องรับกรรมเป็นล้านๆปี เพียงเพราะเหยียบมดตายตัวเดียว ในสายตาผมถือว่าการสอนให้กลัวบาป ด้วยการหลอกลวง มันก็บาปไม่แพ้กันล่ะวะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 53 10:37:12 จากคุณ : (-_-") เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 10:36:27

ความคิดเห็นที่ 8   ผมไม่ค่อยชำนาญเรื่องศาสนา แต่รู้อย่างหนึ่งว่า ในพุทธศาสนา ไม่มีการสอนเรื่อง นรก สวรรค์ เรื่อง นรก สวรรค์ เป็นเพียงสิ่งปรุงแต่งของผู้ต้องการเผยแพร่ศาสนา โดยไม่รู้ถึงแก่นของศาสนา และต่อมาถูกใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากิน ส่วนคลิปนี้ ก็บอกได้เพียงแต่ว่า ผู้ทำน่าจะมีความหมกมุ่นในเรื่องบาปกรรม จนเกินพอดี จากคุณ : toxicobkk เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 10:46:02

ความคิดเห็นที่ 9 #8 รู้มาจากไหนครับ ขอหลักฐานที่น่าเชื่อถือหน่อย พึ่งเคยได้ยิน ส่วนที่เกี่ยวกับกระทู้ ไม่มีความเห็นเกี่ยวกับ video แต่ในทางพุทธอะไรที่เกี่ยวกับ เหตุแห่งทุกข์ (ตัณหา) ไม่ใช่เรื่องดีครับ อย่าไปหลงไหลได้ปลื้มกับมันมาก จากคุณ : AnotherPractitioner เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 11:00:06

ความคิดเห็นที่ 10 วัตถุประสงค์สุดท้ายก็สอนให้เป็นคนดีนั่นแหละ วิธีทางอาจต่างกันไป ทางใครทางมัน จากคุณ : พลังคลื่นเต่า เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 11:10:40

ความคิดเห็นที่ 11 ผมชอบคำพูดของคุณ...  เอ่อ..   ชื่อไรฟระ  -*-  อ่านมะออก ความคิดเห็น 7 อ่ะ ชอบประโยคนี้มากอ่ะครับ "ในสายตาผมถือว่าการสอนให้กลัวบาป ด้วยการหลอกลวง มันก็บาปไม่แพ้กันล่ะวะ " จากคุณ : ฟาฬ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 11:14:22

ความคิดเห็นที่ 12 ยิ่งอ่านเรื่องพุทธศาสนาจากหลายๆสำนัก หลายๆแหล่ง ยิ่งรู้สึกว่า ศาสนาพุทธ ไม่ใช่แค่การให้เป็นคนดี หรือ อยู่อย่างเป็นสุข เพียงอย่างเดียว เหมือนจะเป็นการ พยายามให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ได้มีหนทางหลุดพ้นออกจาก "เมตริกซ์" ยังไงก็ไม่รู้ เหมือนเราถูกขังอยู่ในก้อนบิ๊กแบง ที่มีความเร็วแสงกักขังเราไว้ เวียนว่ายตายเกิดกันอยู่ในนี้ ที่ดาวโลกมั่ง ดาวอื่นมั่ง ไปเรื่อยๆ ตลอดกาล ผมอ่านแล้วรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะ ซึ่งไม่รู้ว่า เป็นการตีความกันไปเองของผู้เผยแผ่หรือป่าว อยากรู้จริงๆว่า พระพุทธเจ้า จริงๆแล้ว "คิด" และ "เห็น" อะไรกันแน่ จากคุณ : 801s เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 11:38:45

ความคิดเห็นที่ 13 สมัยพระพุทธเจ้าก็ กามสูตร ไงครับหนังสือลามก นั่งชกท้องตัวเอง ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่มันอาจทำให้ตัวเองเดือดร้อนครับ ถือว่าเป็นบาปอย่างนึง แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 53 11:45:59 จากคุณ : ผีฟรีคิก เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 11:45:21

ความคิดเห็นที่ 14 จะว่าไปพระพุทธเจ้าก็ไม่เคยบอกว่ามีนรกสวรรค์จริงๆนิ ? สวรรค์กับนรก มันอยู่ที่ใจ จากคุณ : Baritoreca เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 12:16:58

ความคิดเห็นที่ 15 สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน คือ อริยสัจ 4 อริยสัจ 4 คือ หนทางแห่งการหลุดพ้น  ในทุกกรณี ไม่ว่าจะปัญหาเล้กน้อย  จนถึงหลุดพ้นจากวัฏฏะ ต้องใช้อริยสัจ 4 ส่วนเรื่องสวรรค์ นรก ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าปรารถนา เพราะสิ่งเหล่านั้น  ไม่ใช่หนทางแห่งการหลุดพ้น จากคุณ : ชาวบางนา เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 12:20:22

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องสวรรค์- นรก พุทธกระแสหลักบอกว่า "จำเป็นต้องเชื่อ" ว่ามี ถ้าสงสัยลองไปเถียงในห้องศาสนาดูครับ จากคุณ : atheist เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 12:43:11

ความคิดเห็นที่ 17 #12 อยากรู้ว่าพระพุทธเจ้า รู้และคิดอย่างไร... ก็ลองอธิษฐานจะเป็นพระพุทธเจ้าดูนะครับ... แต่ขอบอกว่ากว่าคุณจะได้เป็นนั้น อีก 8 หมื่น อสงไขย กับแสนมหากัปป์ ยังไม่นับเวลาที่คุณต้องไปต่อคิวจากพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ อีกมากมาย วิธีนับ อสงไขย จากวิกิพีเดีย การนับอสงไขยให้เทียบเอาดังนี้   1. สิบ สิบหน เป็น หนึ่งร้อย   2. สิบร้อย เป็น หนึ่งพัน   3. สิบพัน เป็นหนึ่งหมื่น   4. สิบหมื่น เป็น หนึ่งแสน   5. ร้อยแสน เป็นหนึ่งโกฏิ   6. ร้อยแสนโกฏิ เป็น หนี่งปโกฏิ   7. ร้อยแสนปโกฏิ เป็น หนึ่งโกฏิปโกฏิ   8. ร้อยแสนโกฏิปโกฏิ เป็น หนึ่งนหุต   9. ร้อยแสนนหุต เป็น หนึ่งนินนหุต  10. ร้อยแสนนินนหุต เป็น หนึ่งอักโขเภนี  11. ร้อยแสนอักโขเภนี เป็น หนึ่งพินทุ  12. ร้อยแสนพินทุ เป็น หนึ่งอพุทะ  13. ร้อยแสนอพุทะ เป็น หนึ่งนิระพุทะ  14. ร้อยแสนนิระพุทะ เป็น หนึ่งอหหะ  15. ร้อยแสนอหหะ เป็น หนึ่งอพพะ  16. ร้อยแสนอพพะ เป็น หนึ่งอฏฏะ  17. ร้อยแสนอฏฏะ เป็น หนึ่งโสคันธิกะ  18. ร้อยแสนโสคันธิกะ เป็น หนึ่งอุปละ  19. ร้อยแสนอุปละ เป็น หนึ่งกมุทะ  20. ร้อยแสนกมุทะ เป็น ปทุมะ  21. ร้อยแสนปทุมะ เป็น หนึ่งปุณฑริกะ  22. ร้อยแสนปุณฑริกะ เป็นหนึ่งอกถาน  23. ร้อยแสนอกถาน เป็น หนึ่งมหากถาน  24. ร้อยแสนมหากถาน เป็น หนึ่งอสงไขย คำว่า exa ในภาษาอังกฤษนี่ เล็กๆ ไปเลย จากคุณ : ทัชชี่ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 12:54:58

ความคิดเห็นที่ 18 #17 ที่ว่าให้รอ แปดหมื่นอสงไขย นี่อสงไขยอะไรครับ อสงไขยปี หรืออสงขัยกัปป์ บวกเศษอีกแสนกัปป์ แบบนั้นป่ะ 1 กัปกัลป์ (เหมือน กัปป์ เฉยๆป่าวหว่า) คือ 1 รอบอายุจักรวาล ประมาณว่า 1 รอบของการเกิดบิ๊กแบง-บิ๊กครั้นช์ ไรงั้น แต่ละรอบบิ๊กแบง เวลาไม่เกี่ยวกันอยู่แล้ว เหมือนจะนานแต่ไม่นาน ไม่เป็นไร รอได้ 5555 จริงๆผมอาจเคยอธิฐานไว้เมื่อซักสองสามหมื่นอสงไขยกัปป์ก่อนหน้านี้ก็ได้นะครับ ใครจะไปรู้ จากคุณ : 801s เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 13:40:26

ความคิดเห็นที่ 19 #17 ถ้าเอาทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องวิวัฒนาการ มาเจือสมกับพทธประวัติ ผมคิดว่าพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ และองค์ต่อไป น่าจะไม่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ในยุคปัจจุบัน รวมทั้งอาจไม่ได้จุติที่ดาวโลกดวงนี้ด้วยนะ แหม แต่น่าจะมีใครแปลงหน่วยนับปีทั้ง 24 ข้อ เปรียบเทียบกับปีตามหลักสากลดูนะ จะได้รู้ว่ายุค หรือ มหายุคต่างๆในทางโบราณคดี ที่นักวิทยาศาสตร์แบ่งเอาไว้ เทียบกับทางพุทธแล้วแตกต่างกันแค่ไหน ท่าทางโลกเราจะมีอายุไม่ถึง 1 อหหะ จากคุณ : ไตรตรึงษ์สวรรค์ (ไตรตรึงษ์สวรรค์) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 13:52:54

ความคิดเห็นที่ 20 #19 เห็นด้วยๆ ผมว่าโลกเราเป็นแค่จุดเล็กๆจุดนึงของมหายุค ดูจากระยะเวลาแล้ว พระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ไม่น่าจะเกิดบนโลกเรานี้ บางทีคนตีความโดยเอาโลกเป็นจุดศูนย์กลาง ผมว่าไม่น่าจะใช่ น่าจะต้องมองกว้างถึงจักรวาลโดยรวมมากกว่า อีกอย่าง เห็นมีบางแหล่งบอกว่า พระศรีอาริยเมตรัย พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป จะมีความสูง ร้อยกว่าเมตร!! ถ้าเป็นตามนั้นจริง ท่าทางคงจะเป็นดาวดวงอื่นแน่ๆ จากคุณ : 801s เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 14:04:19

ความคิดเห็นที่ 21 ในพระไตรปิฏกก็มีบอกเรื่องนรกสวรรค์อยู่แล้วและจำแนกไว้เป็นชั้นๆด้วย < < < อันนี้ตรงตามพระไตรปิฏก ส่วนเรื่องลักษณะภายในนรก พระไตรปิฏกไม่ได้บอกไว้ละเอียดขนาดนี้ <<<< อันนี้ไม่รู้ว่ามั่วหรือเอามาจากที่ใด ส่วนเรื่องการพิสูจน์ไม่ว่าศาสนาใดก็พิสูจน์ไม่ได้ทั้งนั้น นรกสวรรค์มีจริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ ใครที่ฟันธงว่าไม่มีจริง ก็งมงายพอๆกับคนที่ฟันธงว่ามีจริงนี่แหละ ไม่รู้ก็คือไม่รู้ ได้อย่างมากก็แค่สมมติฐาน ไม่สามารถสรุปได้ทั้งนั้น จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 14:30:53

ความคิดเห็นที่ 22 ดาวอื่นมีเยอะแยะ ไม่แปลกครับ ที่จะเห็นเวลา สถานที่ และอัตราส่วนประหลาดๆ แล้วก็ยังมีค่าของเวลาที่ต่างกันไปแต่ละดาว ขึ้นกับความเร็วของกาแลกซี่ที่เคลื่อนไหว เป็นไปตาม สัมพัทธภาพ ที่เวลาขึ้นกับความเร็ว จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 14:31:20

ความคิดเห็นที่ 23 แต่ที่แน่ๆ ทำมะโกย นั่น ท่าทางจะตกนรกกันไปคนละหลายกัป ขึ้นกับว่าใครมีปัญญามากน้อย  พวกปัญญาน้อยน้อยหน่อยก็ท่าจะทำผิดหนักหน่อย จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 14:32:43

ความคิดเห็นที่ 24 วิเคราะห์ตามวิทยาศาสตร์ Our whole universe was in a hot dense state, Then nearly fourteen billion years ago expansion started. Wait... The Earth began to cool, The autotrophs began to drool, Neanderthals developed tools, We built a wall (we built the pyramids), Math, science, history, unravelling the mysteries, That all started with the big bang! "Since the dawn of man" is really not that long, As every galaxy was formed in less time than it takes to sing this song. A fraction of a second and the elements were made. The bipeds stood up straight, The dinosaurs all met their fate, They tried to leap but they were late And they all died (they froze their asses off) The oceans and pangea See ya, wouldn't wanna be ya Set in motion by the same big bang! It all started with the big BANG! It's expanding ever outward but one day It will cause the stars to go the other way, Collapsing ever inward, we won't be here, it wont be hurt Our best and brightest figure that it'll make an even bigger bang! Australopithecus would really have been sick of us Debating out while here they're catching deer (we're catching viruses) Religion or astronomy, Encarta, Deuteronomy It all started with the big bang! Music and mythology, Einstein and astrology It all started with the big bang! It all started with the big BANG! ง่ายๆ ทุกอย่างเกิดหลัง bigbang ทั้งนั้นรวมทั้งความคิด หรือ ศาสนาก็ตาม จากคุณ : leonaele (leonaele) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 14:44:33

ความคิดเห็นที่ 25 คนทำสื่อลามก ถามว่าบาปไหม ต้องนิยามว่า บาป คือ อะไร แต่ถ้าถามใหม่ ว่า กุศล หรือ อกุศล บอกได้เลยว่าจิตเป็นอกุศล เพราะอยากได้เงิน ทำให้คนอื่นหลงกับ กาม เพื่อตนเองจะได้เงิน จิตเป็นอกุศล ย่อมเป็นทางไปสู่อบาย ซึ่งอาจจะไม่ใช่นรกก็ได้ เพราะอบาย ประกอบด้วย นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน แต่คงไม่ได้ไปสวรรค์แน่ จากคุณ : ผู้เฒ่าสายลม เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:32:36

ความคิดเห็นที่ 26   ขอยกนิ้วให้ ความคิดเห็นที่ 7...  โดนใจ จากคุณ : กองทัพเทวดา เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:46:30

ความคิดเห็นที่ 27   สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ เห็นด้วยกับคนที่ว่า ต้องถามคนทำคลิป ยังต้องไปถามคนทำชั่วแล้วลอยนวล ไม่กลัวตกนรกเลย แล้วอาจจะเข้าใจว่ากุศโลบายสอนสวรรค์กับนรกว่ามีจริงก็สอนเฉพาะคนซื่อ ๆ ได้ แต่คนไม่สัตย์ซื่อไม่เชื่อหรอก และอาจเห็นชอบที่ในสอนเรื่องสวรรค์และนรก เขาจะได้หลอกง่ายขึ้น เขาทำคลิปกันทำไม นะ จากคุณ : swathcu@yahoo.com เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:57:27 A:122.154.3.81 X: TicketID:281681

ความคิดเห็นที่ 28 ธรรมกึ๋ยๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : Yugo เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:35:30

ความคิดเห็นที่ 29   เรื่องผลกรรมเป็น1ใน อจินไตยมิใช่รึ จากคุณ : แมวกินปลา เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:50:41

ความคิดเห็นที่ 30   #17 ก็น้อยกว่าgoogleplex อยู่เยอะ จากคุณ : googleplex เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 21:54:18 A:10.9.27.57 X:202.28.169.166 TicketID:282352

ความคิดเห็นที่ 31 ผมว่าไม่เชื่อเผื่อไว้ก็ดีนะครับ...... ถ้ามันมีจริง...เราไม่ทำผิดก็รอดไป.... แต่ถ้ามันมีไม่จริงก็เจ๊ากันไปครับ..... แล้วแต่วิจารณญาณแต่ละท่านครับ เคยอ่านเจอะในหนังสือว่าพระมหาโมคัลลานะท่านเคยทำสมาธิไปดูสวรรค์นรกได้ แล้วเอามาเล่า...ให้คนสมัยนั้นฟัง... ลองฝึกตามท่าน แล้วไปพิสูจน์กันดีกว่าครับ... จากคุณ : เต่าเทอร์โบ (udom.t) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 22:58:45

ความคิดเห็นที่ 32 ผมคิดว่ามันเป็นกุศโลบายครับ การทำให้คนเกรงกลัวต่อบาปเป็นเรื่องที่ดี แต่ถามว่ามีจริงหรือเป็นเรื่องจริงมั้ย .............ตอบว่า ไม่ใช่ครับ กศล =สิ่งดี ,อุบาย = กล หลอกลวง กุศโลบาย = การลวงเพื่อก่อให้เกิดสิ่งดี มีทุกศาสนาครับ จากคุณ : น้ำนอง เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 02:55:03

ความคิดเห็นที่ 33 คิดว่ามันเกิดจากคลื่นความถี่ของจิตค่ะ การคิดเรื่องร้ายกับเรื่องดีทำให้จิตมีความถี่ต่างกัน เมื่อตายไปแล้วความถี่จะจำแนกจิตจะไปอยู่ที่ต่างกัน เสมือนอยู่ในภพภูมิที่ต่างกัน เหมือนตามนุษย์มองเห็นแสงขาวเป็นสีต่างๆ (visible light) แต่มองไม่เห็นยูวี กับอินฟราเรด เพราะความถี่ต่างกันค่ะ และสัตว์บางชนิดอาจมีความถี่ในการมองเห็นกว้างกว่ามนุษย์ อาจจะเห็นบางสิ่งที่มนุษย์ปกติมองไม่เห็นก็ได้ค่ะ จากคุณ : waanfood เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 15:18:57

ความคิดเห็นที่ 34 เท่าที่อ่านๆมาหลายๆ คห. ก็ยังเป็นพวกมิจฉาฐิถิอยู่นะครับ จากคุณ : Powerbank เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 53 11:13:10

ความคิดเห็นที่ 35   ศาสนาพุทธ ควรศึกษาให้เข้าใจก่อนเอามาเอ่ยอ้าง อย่างมงายในวิทยาศาสตร์จนเกินไปนักเลยพ่อหนุ่ม จากคุณ : ลุงชม เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 07:42:46 A:58.64.123.192 X: TicketID:156077

ความคิดเห็นที่ 36 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 21:00:17