ความคิดเห็นที่ 1 ว่ากันว่ามีไม่ถึง 100 คนในโลกที่อธิบาย ให้เข้าใจแบบง่ายๆได้ เพราะคนที่ว่ากันว่ามีความรู้สูงแล้ว ก็ยังเข้าใจ ทฤษฏีนี้ไม่ถ่องแท้ เกรงว่า คุณอาจจะไม่ได้รับคำตอบน่ะครับ จากคุณ : ZGMF-X10A เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 23:20:33

ความคิดเห็นที่ 2 อ่าใช่ มีหนังสือที่อธิบายง่ายๆอยู่เล่มนึง ชื่อ จักรวาลในเปลือกนัท เขียนโดย ฮอร์คิง จากคุณ : ZGMF-X10A เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 23:21:47

ความคิดเห็นที่ 3 เข้ามารอ... จากคุณ : haman_zaa เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 23:22:38

ความคิดเห็นที่ 4 ฮาอ่ะ 55555 จากคุณ : mint_la เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 23:35:57

ความคิดเห็นที่ 5 เอาง่ายๆ(ผมว่าง่ายแล้ว นะ อิๆ) ทฤษฏีนี้ ของไอน์สไตน์บอกว่า เนื้อหรือ มวลของสสาร สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็น พลังงานได้ และ พลังงานที่ได้ออกมาจะมีจำนวนมหาศาล ตามสูตร E = MC2 จะเห็นว่าพลังงานได้มากมาย เพราะว่า ตัว  C นั่นคือ ความเร็วแสงซึ่ง มีค่าประมาณ= ประมาณ 3X108 m/s ดังนั้น เฉพาะ C2 ก็ = 9X10 16 หรือถ้าเขียนเป็นตัวเลข ก็ 90,000,000,000,000,000,( m/s)2 เยอะมั้ย อิๆ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 23:43:27

ความคิดเห็นที่ 6   ถ้าให้อธิบายสมการ E=MC^1 ก็ไม่ยากหรอก ก็แค่การเทียบค่าเปลี่ยนพลังงานเป็นมวล แต่ถ้าต้องการ ทฤษฏีสัมพัทธภาพ ขอบาย เพราะผมก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ จากคุณ : NOVA เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 23:49:21 A:110.164.240.238 X: TicketID:237558

ความคิดเห็นที่ 7 คือมวลเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ ตัวอย่างเช่น ในปฏิกิริยานิวเคลียร์ ถ้าเรายิงใส่อนุภาค A ใส่อะตอมของธาตุ  B ได้เป็นธาตุ C กับ D และพลังงาน ถ้าเอาผลรวมมวลมาคำนวณ จะได้ว่า A > C+D  ซึ่งขัดกับกฏทรงมวล คือมวลไม่สูญหาย จริงๆแล้ว มวลที่หายไปนี้ กลายเป็นพลังงานตามสูตร E=MC2 นั่นเอง โดย M แทนมวลที่หายไป และ E คือพลังงานที่ได้ออกมา จากคุณ : Tiger อู๊ด เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 00:34:18

ความคิดเห็นที่ 8 ที่มันเป็น C^2 เดาเอาว่ามันน่าจะเกี่ยวกับสูตรพลังงานจลน์ด้วยรึปล่าวที่ว่า E=1/2mv^2 (เดาเอาล้วนๆ) จากคุณ : Exis เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 00:54:58

ความคิดเห็นที่ 9 E=mc^2 - คอนเซ็ปท์ง่ายๆ คือ เมื่อก่อนนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า พลังงานนั้นสูญหายไม่ได้ เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบของมันไป เช่น พลังงานน้ำไปปั่นไดนาโมกลายเป็นพลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานความร้อน - แต่จากสมการที่ว่านี้พบกว่า พลังงาน (E) นั้นสามารถนำมาแปรเปลี่ยนไปมากับมวล (m) ได้ โดยมวลเล็กน้อยที่หายไป สามารถได้พลังงานมหาศาล เพราะว่าคูณด้วยค่าความเร็วแสนยกกำลังสอง - แน่นอนว่าการค้นพบนี้จำกัดอยู่เฉพาะในระดับเล็กๆ อย่างอะตอม ส่วนกฎทรงพลังงานก็ยังคงใช้ได้อยู่ในกรณีคำนวณแบบปกติชนโดยทั่วไป - วิธีการทดลองที่พบง่ายๆ ก็อย่างเช่น ระเบิดปรมาณู ซึ่งมวลพร่องที่หายไปเพียงเล็กน้อย ทำให้เกิดพลังงานรุนแรงได้ - หรือนั่นหมายความว่า หากเราสามารถควบคุมการหายไปของมวลได้ (แม้แต่เพียงเล็กน้อย) เราก็จะมีพลังงานจำนวนมหาศาลไว้ใช้กัน แถม... ทฤษฎีสัมพัทธภาพ (ไม่ใช่ สัมพันธภาพนะ) - เป็นคอนเซ็ปท์ที่ค่อยข้างขัดแย้งต่อความรู้สึกมนุษย์ - สมมติว่าเราขับรถด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. ส่วนอีกคันวิ่งตามเราในทิศทางเดียวกันแค่ 80 กม./ชม. เราก็จะเห็นรถคันหลังช้ากว่าเรา 20 กม./ชม. เช่นเดียวกับรถคันหลังที่รู้สึกว่าเราเร็วกว่าเค้า 20 กม./ชม. เช่นกัน - แต่หากเป็นความเร็วของแสง (ที่ตกกระทบตาเรา) ล่ะ หากเราวิ่งด้วยเร็วใกล้แสง เท่าแสง หรือมากกว่าแสง จะเกิดอะไรขึ้น? เห็นภาพช้าลง ไม่เห็นภาพอะไร หรือว่าเห็นอดีต? - การทดลองพบว่า แสงมีความเร็วคงที่ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม (กรณีวิ่งเป็นเส้นตรงบนอวกาศ ไม่ใช่วิ่งผ่านตัวกลางซึ่งแสงจะชนอนุภาคไปมาจนช้าลง) - เมื่อความเร็วแสงคงที่ สิ่งที่แปรเปลี่ยนไปเพื่ออธิบายปรากฎการณ์ดังกล่าวคือ เวลาของสิ่งที่วิ่งเร็วใกล้แสงจะช้าลง และ ระยะทางก็จะหดสั้นลง และจากการทดลองนั้นได้พบว่ามันเป็นจริง - ผลก็คือ นักวิทยาศาสตร์เริ่มมองมิติของเวลาชัดขึ้น และหากเรามีพลังงานมากพอที่จะเร่งให้เร็วเข้าใกล้แสง การเดินทางในอวกาศจะง่ายขึ้น ระยะทางและเวลาจะสั้นลง เป็นต้น แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 01:22:20 จากคุณ : เด็กวัดสะพานใหม่ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 01:20:45

ความคิดเห็นที่ 10 คห.2 จักรวาลในเปลือกนัท เขียนโดย ฮอร์คิง ยอมรับว่าอ่านตอนแรกๆแล้วเหมือนจะเข้าใจ แต่อ่านไปเรื่อยๆกลับพบว่า ตนเองไม่เข้าใจอะไรเสียเลย - -", T T จากคุณ : หอยทากตัวน้อย เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 01:25:37

ความคิดเห็นที่ 11 จขกท. เรียนชั้นไหนครับ คนตอบจะได้เลือกคำตอบได้ถูกต้อง ปล. อยากอ่านจักรวาลในเปลือกนัท กับประวัติย่อของกาลเวลาจังเลย ใครมีให้ยืมหรือขายต่อมั้ยครับ จากคุณ : จั๊กกะจี๋ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 02:11:35

ความคิดเห็นที่ 12 เท่าที่จำได้ E=mc^2 ถ้าทำให้วัตถุอันนึงหายสลายหายไปอย่างสิ้นเชิงได้จะทำให้เกิดพลังงานสูง แล้วไอ่พลังงานนั่นก็เท่ากับ มวลที่หายไป คูณกับ ความเร็วแสงยกกำลังสอง ทฤษฎีนี้เกิดขึ้นมาแบบลอยๆ ไม่ได้ไปทดลองอะไร ปล.ผิดพลาดตรงไหนขออภัยไว้ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 06:41:26 จากคุณ : DARKSNIPER เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 06:41:00

ความคิดเห็นที่ 13 แถมการ์ตูนหน่อย จากคุณ : DARKSNIPER เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 06:44:44

ความคิดเห็นที่ 14 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 06:53:53 จากคุณ : hamzah (hamzah) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 06:53:26

ความคิดเห็นที่ 15 สมการนี้ไม่ได้คิดขึ้นลอยๆนี่ครับ การทดลองก็ระเบิดนิวเคลียร์ไง E = mc2 http://www.btinternet.com/~j.doyle/SR/Emc2/Derive.htm แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 09:04:39 จากคุณ : scozember เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 09:04:15

ความคิดเห็นที่ 16   มวล 1 กิโลกรัม เปลี่ยนเป็นพลังงานได้ 9 x 10^16 จูล ง่ายสุดแล้วครับ จากคุณ : SNRZ (SNRZ) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 09:09:32

ความคิดเห็นที่ 17 **  โพสผิดกระทู้   แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 09:33:31 จากคุณ : ตาเป๋า เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 09:32:27

ความคิดเห็นที่ 18 #12 สิ่งที่เป็นหลักฐานว่าทฤษฏีนี้พิสูจน์แล้วคือ บิกินี่ ครับ(ไอ้ชุดว่ายน้ำนั่นแหละ) ใครเก็ตว่าผมหมายความว่าไง ขอ กีบ ด้วยฮับ >_< จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 09:42:29

ความคิดเห็นที่ 19 ตามความเข้าใจของผม(สมัยเรียน ม.ปลาย) คือ... ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า นักวิทยาศาสตร์เขาเชื่อว่ามวลของสสารต่างๆ โดยปกติจะไม่มีวันหายไปไหนจากจักรวาล เพียงแต่อาจเปลี่ยนรูปไปเท่านั้น เช่น  น้ำ 1กิโลกรัม ถ้าเอาไปต้ม มันก็กลายไปเป็นไอน้ำ ถึงน้ำในรูปของเหลวจะเหือดแห้งหมดไปก็จริง แต่ไอน้ำก็ยังมีอยู่ และถ้าเอาปริมาณไอน้ำนั้นมารวมกัน... ก็จะได้น้ำหนักเท่าเดียวกับน้ำในตอนแรก คือ 1กิโลกรัม พอดีแป๊ะ... ดังนั้นมวลของน้ำจึงไม่หายไปไหนจากจักรวาลนั่นเอง.... ต่อมาคือ  E = mc^2   E     คือ  พลังงาน (มีหน่วยเป็น จูล), m    คือ  ปริมาณสสาร หรือ มวล,   c^2 คือ  ความเร็วแสงยกกำลัง 2 (ความเร็วแสง = 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที , ยกกำลัง 2 ก็เท่ากับ 300,000 x 300,000  =  90,000,000,000,000,000 กิโลเมตรต่อวินาที) ดังนั้น  ความหมายของมันก็คือ "พลังงาน" มีค่าเท่ากับ "มวล" คูณ "ความเร็วแสง ยกกำลังสอง" กรณีนี้ เป็นข้อสมมุติฐานว่าถ้าจะทำให้มวลอะไรสักอย่าง หายไปจากจักรวาลเลยโดยสิ้นเชิง... มวลชนิดนั้นก็จะคายพลังงานออกมาให้ ในอัตรา ปริมาณของมวล คูณ ความเร็วแสง ยกกำลัง 2 ดังนั้น  มวล จึงมีค่าเท่ากับ พลังงาน นั่นเอง  (E = m) เช่น ถ้าเราจะทำให้น้ำ 1 ลิตร  หรือ 1 กิโลกรัม หายไปจากจักรวาลนี้เลย.... มวลของน้ำ 1 กิโลกรัมนี้  ก็จะให้พลังงาน เท่ากับ  1 คูณ 9x10^16 จูล (1 คือ มวลของน้ำ 1กิโลกรัม(m) ,9x10^16 คือความเร็วแสงยกกำลัง 2 (c^2)) ถ้าเขียนเป็นตัวเลขให้ตาลายเล่นๆได้ก็คือ 90,000,000,000,000,000 จูล นั่นเอง... ดังนั้น มวลของสสารอะไรก็ตาม 1 กิโลกรัม ถ้าทำให้หายไปเลยจากจักรวาลนี้ มวลนั้นจะให้พลังงานเท่ากับ ความเร็วแสงยกกำลัง2 จึงเขียนสมการได้  คือ  E = mc^2  นั่นเอง.... ประมาณนี้... ----------------------------------------------------------------- จินตนาการต่อไปอีก... จากทฤษฎี  E = m "เมื่อมวลกลายไปเป็นพลังงานได้ เพราะฉะนั้นพลังงานก็อาจกลายเป็นมวลได้ด้วย" ดังนั้น สมมุติถ้าเราจะสร้างน้ำให้ได้มวล 1กิโลกรัม ด้วยพลังงาน เราจะต้องใช้พลังงานเท่ากับ c^2 หรือ 9x10^16 จูล นั่นเอง... ----------------------------------------------------------------- * ระเบิดปรมานู ลิตเติลบอย... บรรจุธาตุยูเรเนียมประมาณ 64 กิโลกรัม แต่ส่วนที่จะระเบิดแบบฟิสชั่นมีน้ำหนักเพียง 700 กรัมเท่านั้น ให้พลังงาน 6.3 x 10^13 จูล = 63 TJ (เทอราจูล) ว่างๆ ลองคำนวนดูเล่นๆครับ ว่าตรงตามสูตร E = mc^2 หรือไม่... http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A2 ----------------------------------------------------------------- ความจริงแล้วผมว่า ถ้าจะเขียนให้เข้าใจง่ายขึ้น น่าจะเขียนแบบนี้มากกว่า  mc^2 = E   เพราะสมมุติฐานแรกมันเปลี่ยนจากมวลไปเป็นพลังงาน (เกี่ยวกันไหมเนี่ย) ผิดพลาดประการใดขออภัยครับ... โอย.. ผิดเยอะ... แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 11:18:03 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 11:15:58 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 11:02:14 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 10:58:55 จากคุณ : สหายกุนเชียง เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 10:53:30

ความคิดเห็นที่ 20 จริงๆแล้วมันหมายถึง มวลคือพลังงาน พลังงานคือมวล E = m เป็นความสัมพันธ์ระหว่างมวลกับพลังงานแบบตรงไปตรงมา ทื่อๆ แต่เหตุที่ต้องคูณด้วยค่าคงที่ c ยกกำลังสอง เข้าไป เพราะเหตุผลเรื่องหน่วย ใช่มั๊ยครับ สมมติผมกำหนดหน่วยขึ้นมาว่า มวล 1 kg คือพลังงาน 1 Ei (ไอน์สไตน์) ถ้าจะแปลงจาก 1 Ei เป็นจูล ต้องคูณด้วย c ยกกำลังสอง เป็นแบบนี้ใช้มั๊ยครับ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 11:17:02 จากคุณ : 801s เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 11:16:42

ความคิดเห็นที่ 21 จักรวาลในเปลือกนัท อ่านไม่รู้เรื่องเลยครับ คืออ่านเป็นนิยายก็ไม่สนุก อ่านเชิงวิชาการ ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 11:58:03

ความคิดเห็นที่ 22 มวลกับพลังงานคือสิ่งเดียวกัน สามารถแปลงไปแปลงมาได้ แต่ตอนนี้เรารู้แค่วิธี แปลง(เศษเสี้ยว)ของมวล ให้เป็นพลังงานได้ โดยผ่านปฏิกิริยานิวเคลียร์ ซึ่งพิสูจน์ไปแล้วว่าเป็นจริงตามนั้น จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 12:10:57

ความคิดเห็นที่ 23   #19 คุณ สหายกุนเชียง c^2 คือ ความเร็วแสงยกกำลัง 2 (ความเร็วแสง จากคุณ : SNRZ (SNRZ) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 12:39:29

ความคิดเห็นที่ 24   #19 คุณ สหายกุนเชียง c^2 คือ  ความเร็วแสงยกกำลัง 2 (ความเร็วแสง = 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที , ยกกำลัง 2 ก็เท่ากับ 300,000 x 300,000  =  90,000,000,000,000,000 กิโลเมตรต่อวินาที) หน่วยต้องยกกำลัง 2 ด้วยครับ C2 = 9 x 1016 m2 / S2 จูล: นิวตัน-เมตร นิวตัน: กิโลกรัม-เมตร/วินาที2 ดังนั้น จูล: (กิโลกรัม-เมตร/วินาที2) x เมตร = kg m2 / S2 จากคุณ : SNRZ (SNRZ) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 12:40:57

ความคิดเห็นที่ 25 ^ ^ แฮะๆๆ  รับทราบครับ..  ตามนั้นเลยครับ... จากคุณ : สหายกุนเชียง เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 13:44:28

ความคิดเห็นที่ 26 ขอคำอธิบาย E=mc^2  ... มาจากสัมพัทธภาพเฉพาะ(special relativity) เกิดค่าแกมม่า = (1-v^2/c^2)^-1/2 เมื่อมวลเปลี่ยนได้จากความเร็ว พลังงานจลน์สัมพัทธ์ เท่ากับพลังงานทั้งหมด ลบด้วยพลังงานที่อยู่นิ่ง(rest energy) พลังงานที่อยู่นิ่ง(rest energy) = E0 = mc^2 http://en.wikipedia.org/wiki/Kinetic_energy#Relativistic_kinetic_energy_of_rigid_bodies จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 14:21:48

ความคิดเห็นที่ 27 ความหมายของ  E = mc^2 เป็นสมการสมมูลมวล-พลังงาน(mass–energy equivalence) เป็นแนวคิด(concept)ว่ามวลวัตถุ(mass of a body)คือการวัดเนื้อพลังงาน(energy content) http://en.wikipedia.org/wiki/Mass%E2%80%93energy_equivalence 1905 Albert Einstein เสนอไว้ในบทความ "Does the inertia of a body depend upon its energy-content?" http://www.fourmilab.ch/etexts/einstein/E_mc2/www/ จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 14:44:28

ความคิดเห็นที่ 28 มันมาจากการแปลงสมการลอเรนซ์ .................(1) เสร็จแล้วแทนที่ด้วยสูตรของนิวตันครับ .................(2) ซึ่งทำให้ได้สมการเคลื่อนที่ใหม่ ในแบบเฉพาะของไอนสไตน์ ซึ่งพิสูจน์ไปในตัวว่าไม่มีอะไรเร็วกว่าแสง.................(3) พอได้ (3) เสร็จแล้วก็เอามาอธิบายพลังงานจลน์ (การเปลี่ยนแปลงพลังงานของแสง) ตามกฏอนุรักษ์พลังงาน โดยจัดรูปใหม่ ซึ่งพอแทนค่าไปๆมาๆ มันได้ E = 1/2*(E/c2)*v2 จากสูตรเดิมที่ใช้คำนวณพลังงานจลน์ทั่วๆไปคือ E = (1/2)*m*v2 ซึ่งเมื่อเทียบกันสองอันนี้แล้วจะได้ว่า E/c2 = m ทำต่อก็จะได้ E = mc2 ปล. ใน (1) , (2) , (3) ถ้าเจ้าของกระทู้สนใจผมอธิบายต่อได้ แต่กลัวว่ามันจะเกินขอบเขต แถมจะงงป่าวๆ ขอละไว้เท่านี้ก่อนละกันครับ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 16:08:48 จากคุณ : Firion เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 16:04:18