ความคิดเห็นที่ 1   ดูข่าวแตะกี้เหมือนกัน เจ๋งดีอะ เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ สะพานข้ามถนนเป็นทางระบายน้ำ จากคุณ : คุณชายฉายเดี่ยว เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 53 23:17:20

ความคิดเห็นที่ 2   หา... ไม่ได้ดู ทำไมต้องทำน้ำวิ่งด้านบนคับเนี่ย... -_-" ใช้ปั้มดูดน้ำขึ้นไปวิ่งบนสะพานนี่มันเปลืองไฟโดยใช่เหตุไปหรือป่าวคับ แล้วถ้าปั้มเจ้งน้ำจะท่วมหรือป่าวคับ??? ปกติเค้าจะปล่อยให้น้ำวิ่งข้างล่างแล้วรถวิ่งบนสะพานน่ะถูกแล้ว แล้วจะปั้มน้ำจากคลองขึ้นไปบนสะพานทำไม??? หรือตรงนั้นมันต่ำกว่าทะเลยังไงก็ต้องปั้มอยู่แล้ว??? จากคุณ : Catwater เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 53 23:40:04 A:180.183.115.136 X: TicketID:258544

ความคิดเห็นที่ 3   เค้าบอกว่า...ถนนตรงนั้น ต่ำมาก จึงผันน้ำขึ้นสะพานไปเลย....(เราก็รู้สึกว่า ไม่สมเหตุสมผล) แต่ไม่เคยเห็นเลยอ่ะ.....มันเลิศศศศศศศมาก.....สะพานใหญ่ แบบสี่เลน แต่ไม่ใช่รถวิ่ง.....เป็นสายน้ำวิ่งข้ามถนนนไปเลย.....เก๋กู้ดดดดดดด ไม่รู้อยู่ตรงไหน อยากไปดูด้วยตาตัวเองม๊ากมาก..... ในข่าวบอกว่า ปั๊มนั้น ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลย... มิมิฯ จึงฝากรบกวน ผุ้รู้ที่พอมีเวลาว่าง...ช่วยศึกษาหน่อยค่ะ....อยากรู้ม๊ากมากกกกกก อยากรู้ลึก เป็นกระทู้แนะนำ ....เพราะเป็นประโยชน์ต่อ คน กทม.ฝั่งใต้ ทั้งหมดค่ะ โดยเฉพาะสมุทรปราการ ที่คาดว่าจะจมน้ำก่อนใคร...... และเป็นความรุ้อันทรงคุณค่ามาก สำหรับผุ้อ่านทั้งหมดค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : มิมิ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 53 23:45:32 A:124.120.118.37 X: TicketID:266891

ความคิดเห็นที่ 4 งงเหมือนกัน ผมว่าทำสะพานให้รถข้ามคลองไม่ง่ายกว่าหรือครับ จากคุณ : HarD_TimE เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 53 23:46:25

ความคิดเห็นที่ 5 นึกถึงฝรั่งเศส เป็นคลองข้ามคลอง เรือสามารถแล่นผ่านได้ แต่ของไทยไม่รู้เป็นไง ยังไม่ได้ดู ใครมี LINK รึเปล่าครับ?? จากคุณ : yabeer เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 53 23:49:23

ความคิดเห็นที่ 6   ต้องหาข้อมูลให้ดี แต่ผมเดานะ พื้นที่สมุทรปราการอาจต่ำกว่าระดับน้ำทะเล (อาจจะในอนาคตด้วย) ปั๊มน้ำข้ามสะพานอาจเป็นการปั๊มน้ำข้ามผนังเขื่อน หึๆ บางท่านเสี้ยนจัด จนดูออกว่าคิดหมิ่นเบื้องสูง จากคุณ : นักวิจัยฝุ่น เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 00:11:49 A:111.84.146.139 X: TicketID:284592

ความคิดเห็นที่ 7 คือถ้าทำเป็นคลอง สุดท้่าย น้ำทะเล จะดันเข้ามา อาจถึง สนามบินได้ครับ แถวๆ นั้น สูงกว่าน้ำทะเล ไม่ถึงเมตรครับ บางแห่ง แค่ 30 - 50 ซมเท่านั้น การทำเป็นสะพานน้ำ จะเป็นการ ผลักน้ำ ลงทะเลได้ง่ายๆ ถ้าเมื่อไหร่ ทะเลเต็มแล้วล้นเข้ามาในชายฝั่ง ค่อยว่ากันครับ NGO คงจะเข้ามาเต้นแล้วหละ ตรงจุดนี้ พอใช้ปั้มน้ำดูดจากทางทิศเหนือ แล้วทำเป็นสะพานข้ามถนนไป ก็เหมือนกับ การที่เรา ปั้ืมน้ำทิ้งไปนั่นแหละ และช่วยไม่ได้น้ำจากทางทิศใต้  ไหลย้อนกลับมาด้วย ตำแหน่ง นี้ ถือว่า ดีมากครับ คนคิดเก่งจริงๆ ในคลองนี้ อย่างไร ก็ต้องมีปั้มครับ จะตั้งตรงไหน ก้อต้องมีปั้มครับ ไม่งั้นระบายน้ำไม่ทัน การที่คนออกแบบ วางตำแหน่งปั้มตรงก่อนข้ามถนน ช่วยได้มากครับ ทั้งประหยัด ทั้งตอบโจทย์ เกี่ยวกับ สะพานที่รถต้องข้าม ซึ่ง ถ้าจะสร้าง ก้อ อย่างน้อยๆ 10 ล้านขึ้น ถ้า 4 เลน ก็ 40 ล้านโน่นนน แก้ไข เรื่องน้ำทะเลหนุนได้อีกต่างหาก ขอชมด้วยความจริงใจครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 00:47:57

ความคิดเห็นที่ 8 น่าจะตรงตำแหน่ง ลูกศรแดงครับ อีกอย่างหนึ่งครับ ระดับ น้ำ ตรงจุดนี้ สูงกว่าผิวถนน ครับ คือขอบคลอง สูงกว่าถนน 5-6  เมตรได้มั้ง แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 53 01:00:50 จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 00:59:18

ความคิดเห็นที่ 9   ในความคิดของผม หากได้เป็นผู้ริเริ่มออกแบบโครงการใหญ่อย่าง หนองงูเห่านั้น ใหม่ผมคงออกแบบโดยใช้พื้นที่เพียงส่วนหนึ่งก่อสร้างเป็นอาคารและส่วนประกอบภาคพื้นดิน โดยออกแบบให้อีกส่วนหนึ่ง(ซึ่งก็กว้างขวางมาก)เป็นทะเลสาบที่มีความลึก เพราะที่นั้นต่ำมาก อีกทั้งดินยังเป็นประเภทโคลนเหลวอีกด้วย โดยจะให้มีโรงแรมพร้อมศูนย์การค้า(อาจรวมถึงคาสิโน)อยู่กลางทะเลสาบนั้นด้วย และมีอาคารราชการบางส่วนที่เป็นแพ รวมทั้งตลาดน้ำ และเรือขายของที่ระลึก เป็นจุดท่องเที่ยวที่ทำเงินสำหรับพวกทรานสิสได้สบายมาก  นอกจากนี้ความจุน้ำของน้ำในทะเลสาบสามารถใช้น้ำดิบนั้นทำน้ำประปาได้อีกด้วยโดยเชื่อมระบบน้ำทิ้งเข้ากับระบบหลัก ส่วนระบบการระบายน้ำเกินก็จะบรรเทาลงเนื่องจากความลึกและกว้างของทะเลสาบเป็นปัจจัยอยู่แล้ว นอกจากประหยัดค่าก่อสร้างทางระบายน้ำแล้ว ยังจะได้ผลประโยชน์ตอบแทนจากสิ่งที่ลงทุนไปอีกด้วย ตอนนั้นพวกเราเป็นแค่วิศวกรเด็ก ๆ เราคิดกันอย่างนี้ แต่ไม่รู้ทำไมเราสื่อให้ผู้มีอำนาจเข้าใจความคิดเราไม่ได้(ประมาณว่านึกภาพตามเราไม่ออก แล้วยังหัวเราะเยาะใส่อีก แต่ก็ช่างเถอะ กินกันไปก็รับกรรมกันไปไม่น้อยแล้ว) สำหรับคลองลอยนี้ในต่างประเทศส่วนใหญ่จะใช้ลำเลียงน้ำดี เคยมีคนคิดสร้างเพื่อลำเลียงน้ำจากเมืองกาญฯมาลงเจ้าพระยา แต่ก็ไม่ค่อยได้รับการตอบรับจึงพับไป ส่วนคลองลอยเพื่อระบายน้ำเกินของสนามบินแห่งชาตินี้ เข้าใจว่าก็เป็นการแก้ปัญหากันไป เพราะที่จริงจะว่าไป มันก็ผิดพลาดตั้งแต่เราตัดสินใจเลือกที่ลุ่มที่มีระดับต่ำกว่าระดับน้ำทะเลเป็นตำแหน่งที่ตั้งสนามบินแล้ว ค่าก่อสร้างต่าง ๆ จึงต้องสูงอย่างมหาศาล ซึ่งไม่แน่ใจว่าการถมทรายลงไปในโคลนของหนองงูเห่า กับการถมหินลงไปในทะเลของแชปแลปก๊อก ใครจะลงทุนแพงกว่ากัน แต่ฮ่องกงเขาต้องทำอย่างนั้นเพราะไม่มีที่จะไป ของเราถ้าหาที่ไกลออกไปหน่อย แต่ทำระบบแอร์พอร์ตลิ้งค์ให้มีคุณภาพ ค่าลงทุนก็จะถูกกว่านี้แน่นอน เช่นไร่อ้อยแถวกำแพงแสน ส่วนเรื่องการตีโค้งของเตรื่องบินนั้น บางคนว่ามันจะเข้าไปในพม่า ผมว่าถ้าจำไคตั๊กสมัยก่อนได้ ยังไงแถวนั้นก็ต้องตีโค้งได้ดีกว่าแน่ สำหรับบรรดาวิศวกร คลองลอยคงจะไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไร กลับเป็นเรื่องดี เพราะจะได้มีงานให้ซ่อมบำรุงกันในประเทศไปชั่วลูกชั่วหลานเพิ่มอีก จากคุณ : tanlove เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 00:59:35

ความคิดเห็นที่ 10 # 9 ครับ ผมเห็นว่า ถ้าดูพื้นที่จริงๆ แล้ว พื้นที่อาจไม่เหลือมากพอก้อเป็นได้นะครับ ลองดู ใน ภาพถ่ายครับ เหลือไม่ถึง 1/4 ด้วยซ้ำ ทีนี้ืในนั้น ก็ห้ามสร้างอาคารสูงในแนวเหิน ด้วย คงทำอะไรได้ยาก ช่องสีเขียว ที่อยู่ จรง ระหว่า runway L กะ  R นั้น ก็ไม่มากพอ ถ้าขุดลึกลงไปมาก อาจมีผลต่อการเคลื่อนของเนื้อดินได้ง่ายมั้ง ข้อมูลทาง  soil ที่นี่ ผมไม่มีความรู้ครับ รู้แต่ว่า มีน้ำอยู่ เกิน  60 % แล้วมี Bio mass มากทีเดียว จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 01:10:16

ความคิดเห็นที่ 11   ไหนๆจำเป็นต้องทำเพื่อกันน้ำท่วม น่าจะทำเป็นเครื่องเล่นที่เที่ยวประจำกทม.ไปเลยนะ คล้ายๆพวกล่องแก่ง จากคุณ : VVIEWW เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 01:22:02 A:58.64.107.73 X: TicketID:173601

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าตั้งใจสร้างเพื่อกันน้ำทะเลย้อน กำแพงสูงสักเมตรเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่สะพานน้ำ  เท่าที่เห็น กะความสูงด้วยสายตา ก็คง 4-5 เมตร ทำให้ต้องเสียพลังงานปั๊มน้ำขึ้นสูงเกินความจำเป็น ไปตลอดอายุการใช้งาน คิดเป็นพลังงาน มหาศาล   ที่เสียไปเปล่าๆ เพราะหลังจากปั๊มขึ้นสะพานแล้ว  ก็ปล่อยไหลลงทะเลไปตรงๆ   ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย บางท่านอาจสงสัยว่า  ปั๊มข้ามกำแพงเมตรเดียว  แล้วจะข้ามถนนได้อย่างไร ก็วางท่อลอดใต้ถนนไปซิ ท่อจะลึกเท่าไรก็ได้   น้ำ มันไหลได้ทั้งนั้น วันที่เห็นสะพานนี้ ครั้งแรก  ก็จอดรถยืนมองดูตั้งนาน พยายามทำความเข้าใจความคิดของคนออกแบบ แต่ ก็ยังไม่เข้าใจ     เขาคงขั้นเทพ เราคิดตามไม่ได้อะนะ จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 02:24:53

ความคิดเห็นที่ 13 คห 7 ถ้าเมื่อไหร่ ทะเลเต็มแล้วล้นเข้ามาในชายฝั่ง ค่อยว่ากันครับ คห 8 อีกอย่างหนึ่งครับ ระดับ น้ำ ตรงจุดนี้ สูงกว่าผิวถนน ครับ คือขอบคลอง สูงกว่าถนน 5-6  เมตรได้มั้ง ถนนสุขุมวิท ช่วงนั้น มันอยู่ชายทะเล  ห่างจากหาดเพียง 100 -200 เมตรเท่านั้น ระดับน้ำจึง เท่ากับระดับน้ำทะเล ไม่สูงกว่าพื้นดินแถวนั้นเลย    ไม่งั้นน้ำท่วมทั่วจังหวัดแล้ว ส่วนถนน ก็ยกระดับสูงกว่าพื้นดิน ประมาณ เมตรกว่า อีกอย่าง  ทะเล นะ มีทะเลเต็มด้วยหรือ มีก็แต่น้ำขึ้นน้ำลง ตามตำแหน่งดวงจันทร์เท่านั้น จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 02:36:40

ความคิดเห็นที่ 14 # 13 ไม่รับ "มุข"  ตลกเลยเหรอ โอ้้  พระเจ้า เรื่อง ระดับน้ำ ในคลอง ลอง "ขึ้น" ไปดูคันคลองของจริงก่อนครับ แล้วค่อย กลับมา post จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 02:58:33

ความคิดเห็นที่ 15 นี่คุยกัน แบบหว้ากอนะครับ ไม่เอา "มาม่า" # 12 ครับ ต้องดูทั้งระบบครับ คืองี้ เมื่อมีฝนเทมา สนามบินจะมีน้ำจำนวนหนึ่ง ที่ต้องระบายออกให้เร็ว น้ำที่ระบายออก ต้องมีอัตราการไหลออก เท่ากับหรือมากกว่าอัตราไหลเข้า เราเอาน้ำ นี้ใส่ลงในคลอง  ด้วยข้อจัดด้านความกว้างของคลอง จึงต้อง ออกแบบให้คลองมีความสูง เท่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้ และมีความลาดเท มาปลาย คลอง อีกนิดหน่อย น่าจะไม่ถึง 1 % ด้วยซ้ำ นี่คือที่มาว่าทำไม คันคลองถึงต้องสูง เท่านั้น เท่านี้ ทีนี้ การระบายน้ำนั้น  ต้อง manage น้ำให้ไหลเร็วๆ ด้วย พอถึง ปลายคลอง ก็ มีแนวคิดสองอย่างคือ 1. ดันออกไปโดยมุดลงดิน แล้วไปโผล่ที่ชายทะเล โดยไม่ต้องทำสะพานรถ  หรือ ทำสะพาน ให้ ข้ามคลองไป หรือ   2. ทำแบบที่เขาทำอยู่ คือ จบปลายคลองที่ด้าน ซ้ายของ สุขุมวิท ขาออก แล้ว ปั้มน้ำออกไปเทลงทะเลซะ (วันไหน ทะเลเต็ม แล้วล้นออกมา ค่อยแก้ปัญหานั้นอีกภายหลัง 555+) จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 04:02:58

ความคิดเห็นที่ 16 ปัญหาของข้อ 1 คือ คันคลองสูงมาก หากเรา จะทำสะพาน ให้รถข้าม เราจะต้องจ่ายเงินค่าทำสะพานมาก หรือในทางเลือกอีกด้านคือ เรา ต้อง ดันน้ำมุด ใต้ถนน   เราก็ต้อง ออกแบบให้ มีโครงสร้าง ของท่อลอดใต้ถนน อยู่ดี ตรงนี้ อย่างต่ำๆ ก้อ 40 ล้านบาท เขตทางกว้างประมาณ 60 เมตร   ( 60 เมตร นี้ ประมาณนะครับ ไม่เป๊ะ ) จุดนี้ อย่างไร เราต้องปั้มออกไปให้เร็ว เพราะ เราต้อง เร่งน้ำให้ลงทะเลให้เร็ว จะเห็นว่า  อย่างไร ก็ต้อง จ่ายค่าไฟ นอกจากนี้ เราต้อง ออกแบบปลายคลองให้มีระดับน้ำขาออก ด้านติดชายทะเล ให้สูงกว่า ระดับน้ำสูงสุดด้วย ตรงปลายคลอง จึงต้องมีประตูปิดน้ำอีกชุดหนึ่ง ต่างหาก ตรงประตูนี้ ต้องมีคนมาคอยปิดเปิด และต้องมีปั้ม ยกระดับน้ำให้มันข้าม สันประตูออกไป อีกด้วย ปัญหา ของข้อ. 2  คือ ต้องสร้าง สะพานน้ำ ให้ไหลข้าม ถนน น้ำนั้น ไม่สะเทือนเท่ารถ และไม่ต้องใช้มุมเชิงลาด เหมือนรถ ทำให้ประหยัด ในการสร้างสะพาน ทีนี้ เรื่องปั้ม ก็ต้องใช้ครับ ใช้เพื่อยกระดับน้ำให้ขึ้นมาบนสะพาน หลังจากนั้น ก็ปล่อยให้แรง g ดึงน้ำลงทะเลเอง ( ทะเล จะล้น จะเต็ม ก็ช่างมัน) ข้อสองนี้ ไม่ต้อง ใช้ประตูปิดเปิด เพราะ ปลายคลอง ไม่ได้อยู่ที่นี่ น้ำทะเลหนุนสูง ขึ้นมาไม่ได้   ส่วนการใช้ปั้ม ก็ต้อง จ่ายพลังงานอยู่ดี  คือจ่ายค่ายกน้ำ ให้ขึ้นไปบนสะพาน แต่ไม่ต้องจ่าย ค่าทำสะพาน หรืออุโมงค์มากเท่า กับแบบ ทางเลือก ข้อ. 1  ครับ การที่จะทำให้ ระดับ น้ำปลายคลอง ด้านซ้ายของถนน สูงแค่ 1.0 เมตรนั้นไม่พอครับ ข้อจำกัดคือ อัตราการไหล ของน้ำครับ สุดท้ายจึง มาที่ ต้อง ยกน้ำข้าม ถนนครับ ปล. ต้นคลองก็มี ปั้มครับ ในสนามบินก็มีปั้มครับ เรื่องปั้มนี้ อย่างไร ก็เลี่ยงไม่ได้ครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 04:06:05

ความคิดเห็นที่ 17 ขอเคลียร์ เรื่อง ระดับ น้ำทะเล กับระดับน้ำในคลองนะครับ ทั่วๆ ไป น้ำในคลองขุดเดิมๆ บ้านๆ จะเท่ากับระดับน้ำทะเลครับ นี่ถูกต้องแล้ว ทีนี้ คลองนี้ ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะคือ เป็นคลองระบายน้ำจากสนามบิน วันไหน ฝนตกเป็นฟ้ารั่ว แบบฝน 1,000 ปี ตามที่ จำลอง ศรีเมือง เคยว่าไว้ คลองนี้ ต้องรองรับน้ำมากๆ ในเวลาอันสั้นได้ หากเรา จะอาศัยค่ g ดึงให้น้ำ ในคลอง จะสนามบินมาทะเล จะทำไม่ทันครับ เขาจึงออกแบบคลองให้ มีระดับน้ำสูงสุด ประมาณ 3.0 เมตรมั้ง ตัวเลขจริงผมไม่รู้นะครับ เห็นด้วยตาว่า มันลึกน่าดู ก็เพราะ คำนึงถึง วันที่จะมี flood ไงครับ ปริมาณ ของน้ำที่ไหล ออกจากสนามบินมีมหาศาล จึงทำให้ คันคลองสูงตามไปด้วย สุดท้าย ก้อมาถึงปลายทาง ที่มาชน กับ สุขุมวิท พอดี จึงมีการออกแบบตามที่เห็นนี่แหละครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 04:16:08

ความคิดเห็นที่ 18 Idea ผมมีแค่นี้ แหละครับ ท่าน ที่มีความคิด หรือพอมีข้อมูล ก้อเอามาเล่าสู่กันฟังครับ ผมเห็นอย่างไร ก็ว่ามาตามที่เห็นครับ ส่วนความรู้เรื่องนี้ ก็ครูพักลักจำครับ จะผิดจะถูก ไม่รู้ดอก เป็น Idea เฉยๆ ครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 04:17:54

ความคิดเห็นที่ 19 #9 #10 จริงๆ ถ้าไม่มีความพยายามถม หนองงูเห่า ตั้งแต่แรก ซึ่งถมดินมากมายเท่าไหร่ ก็จำไม่ได้แล้ว และยังต้องมาใช้เทคนิคพิเศษให้ดินแน่นอีก ถ้าเปลี่ยนแนวคิดใหม่ เป็นสร้าง แพรตฟอร์ม ลอยตัวเหมือนกันสนามบินลอยน้ำ นอกจากเราจะได้สถามบินที่ราคาถูกลงแล้ว เรายังไม่สูญเสียพื้นที่เก็บน้ำไปเลยด้วยซ้ำไป จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 08:12:57

ความคิดเห็นที่ 20 สนามบินลอยน้ำ จะไปเอาวัสดุจากไหนมาสร้างครับท่าน จากคุณ : vandalism เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 09:44:13

ความคิดเห็นที่ 21 โทษทีผมไม่ได้หมายถึงลอยน้ำจริงๆ ผมหมายถึง ตอกเสาเข็ม ยกพื้นขึ้นมา เป็นแท่นครับ แบบนี้ไม่ต้องถมที่แล้ว ใต้สนามบินก็ยังคงเป็นพื้นที่รับน้ำขนาดใหญ่ได้เหมือนเดิม แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 53 10:38:38 จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 10:00:50

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่คิดถึงตอนฝนตกหนักที่สุวรรณภูมิ แล้วพอดีน้ำทะเลหนุนสูงด้วยล่ะคะ ทำอย่างที่เป็นอยู่ ก็ดูสมเหตุผลดีแล้วนิคะ เพราะไม่งั้น สนามบินจะจมน้ำ แล้วความเสียหายจะมากขึ้นอีกหลายเท่า แล้วอีกอย่างนึง ถนนสุขุมวิท ก็เป็นคันคูธรรมชาติ ที่เป็นเขื่อนกั้นน้ำทะเลไม่ให้ไหลเข้ามาท่วมพื้นที่ภายใน การจะขุดคลองตัดถนนสุขุมวิทเข้ามาที่ปลายคลองระบายน้ำ คุณไม่คิดถึงชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นเหรอคะ เพราะทั้งน้ำทะเลหนุน มันก็ปริ่มๆคันถนนอยู่แล้ว ยังจะเจอน้ำที่ระบายจากคลองสุวรรณภูมิอีก เจอสองเด้งเลย เด้งเดียวก็เมื่อยพอแล้ว ........ การวิดน้ำทั้งคืนเนี่ย เมื่อยอยู่นะคะ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 11:02:53

ความคิดเห็นที่ 23 เป็นโอกาสที่จะได้ออกกำลังกาย โดยไม่ต้องไปฟิตเนส จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 11:48:22

ความคิดเห็นที่ 24   ขอถือโอกาสแลกเปลี่ยนกับ คห 10 น้าพร และ คห 19 ครับ ในแง่การก่อสร้างทางวิศวกรรมแล้ว จะทำอะไรเอายังไงเราทำได้แทบทั้งนั้น แต่จะแพงถูกคุ้มไม่คุ้มเป็นเรื่องที่ต้องมาว่ากันต่อ อันนี้วิศวกรทุกคนเข้าใจดี พื้นที่หนองงูเห่าก่อนก่อสร้าง หน้าดินจะเป็นโคลน(ดินที่มันแทรกลอยตัวอยู่บนน้ำ-ประมาณว่าพวกมัดแซน) ดังนั้นก่อนถมทรายก็ต้องไปตะบันน้ำเพื่อให้น้ำมันลอยขึ้นมาดันเม็ดดินลงไปแล้วก็สูบน้ำออกเพื่อถมทราย จะถมทรายลงไปเลยมันทำไม่ได้ เพราะมันก็จะปลิ้นไปปลิ้นมาไม่ต่างจากการก่อสร้างในน้ำโดยไม่กันน้ำออก(ซึ่งขั้นตอนอีตอนดันน้ำขึ้นกดดินลงนี่วิศวกรคิดกันแทบอ้วก-อันนี้อ.วรากรเคยคุยให้ฟัง) ในแง่ที่ผมเคยคิด คือผมสูบโคลนออกเลย ส่วนทะเลสาบที่ว่าให้ลึกนั้นก็คงลึกได้ประมาณหนึ่ง แต่คงไม่ใช่จะให้ลึกเป็น 4-50 เมตรอะไรนะครับ ส่วนโครงสร้างชั้นดินข้างล่างไม่มีปัญหา ไม่อย่างนั้นก็จะสร้างอะไรไม่ได้ทั้งนั้น คงไม่เห็นหอบังคับการบินเป็นแน่ ส่วนโรงแรม ศูนย์การค้านี่ก็อย่าไปนึกภาพว่ามันต้องเป็นอาคารสูงสิครับ โดยเฉพาะหน่วยงานราชการก็แค่เป็นหน่วยที่ไว้ดูแลหรือจัดการพื้นที่เท่านั้นเอง ภาพที่ผมคิดส่วนใหญ่จะเป็นอาคารหนีน้ำ หรือไม่ก็เป็นแพต่อ ๆ กันไปในพื้นที่ประมาณหนึ่ง ซึ่งมันจำเป็นต้องขายความแปลกอยู่แล้ว แต่ผมเห็นด้วยในแง่ที่ว่าเนื้อที่จะไม่พอ เพราะสนามบินนี่มันก็จะพยายามขยายไปเรื่อย เฟส 8 เฟส 9 ...... จนกว่าจะไปไม่รอดแบบดอนเมืองนั่นแหละ 55+ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่างที่บอกว่า วิศวกรจำนวนมากในยุคนั้นก็เล็งเห็นแล้วว่า การเลือกชัยภูมิที่ไม่เหมาะนี้จะทำให้เกิดต้นทุนมหาศาลในอนาคตตามมาอีกเป็นพรวน เจ้าคลองลอยระบายน้ำเกินนี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งล่ะ ความเห็นส่วนตัวผมก็ยังเห็นว่าไร่อ้อยคอยรักเหมาะกว่า แม้ว่าในชีวิตจะเคยขับรถผ่านไปแถวนั้นอยู่ไม่เกิน 20 ครั้งก็ตาม แต่ก็คงไม่ต้องไปพูดถึงอะไรแล้ว เรื่องมันผ่านไปแล้ว จริง ๆ แล้ว หนองงูเห่าเป็นพื้นที่ ฟลัดเบ๊ลท์ ขนาดใหญ่มาก่อน สนามบินเราจึงสร้างขวางทางน้ำเต็ม ๆ ฉะนั้น เราคงไม่มองว่าการสร้างคลองลอยเพื่อลำเลียงน้ำเกินมันเป็นเรื่องที่แปลก ไม่ค่อยมีที่ไหนเขาทำกันหรอกครับ เพราะว่ามันก็เป็นการแก้ปัญหาที่เราเลือกทำเลสนามบินอย่างนี้ เป็นเรื่องที่เรารับรู้อยู่แล้วในอดีต ว่าถ้าเราเลือกอย่างนี้มันก็จะมีอะไรที่พิลึก ๆ ตามมาอีกมากมาย การตัดสินใจเขาก็คงคิดกันหลายเรื่องอยู่ เรื่องอื่นมันอาจจะคุ้มมาก ๆ เลยก็ได้ แต่เรื่องนี้เรารู้อยู่แล้วว่ามันต้องมีค่าใช้จ่าหนักหนาสาหัส เรายอมลงทุนปั๊มขนาดใหญ่มหึมา เพื่อระบายน้ำออกจากสนามบินได้โดยใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน แต่การลงทุนปั๊มขนาดใหญ่เพื่อสูบน้ำให้เกษตรกร เราเถียงกันมา ครึ่งค่อนศตวรรษ จนบัดนี้ยังไม่มีใครกล้าฟันธงว่ามันคุ้มหรือไม่คุ้ม เพราะประเทศเรามักคิดว่าสังคมเมืองสำคัญกว่าสังคมชนบท นั่นแลครับ จุดอ่อนของสังคมไทย วันดีคืนดี พคท.ก็มาดึงคนชนบทเป็นพวกได้ง่าย ๆ วันดีคืนดีก็มีคนพาคนชนบทไปเผาเมืองได้ง่าย ๆ อยากให้พวกเราตระหนักตรงนี้กันมาก ๆ จากคุณ : tanlove เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 12:45:44

ความคิดเห็นที่ 25 เคยขับผ่านไปเห็น  แล้วงงกับแนวคิดนี้มาก มองเห็นทีแรกไกลๆ  นึกว่าสะพานต่างระดับ พอมองใกล้ถึงรู้ว่าเ้ป็นทางน้ำยกข้ามถนน เห็นแล้วก็สงสัยว่า  ทำไมต้องทำเป็นสะพานน้ำยกข้ามถนนแทนที่จะทำุสะพานให้รถวิ่งข้ามไป คันคลองถึงจะสูงจริง  แต่คลองนี้ไม่ได้มีเรือวิ่ง ดังนั้นสะพานข้ามคลองมันจึงไม่สูง  ทำให้เสมอกับขอบคันคลองก็พอแล้ว ถนนช่วงนี้มีแค่ 2 เลนด้วย  ค่าก่อนสร้างสะพานข้ามคลองมันก็ไม่เท่าไหร่ ข้อด้อยหนักมันมาอยู่ที่  ต้องยกน้ำขึ้นสะพาน ที่ต้องเสียค่าไฟโดยใช่เหตุ หรือจะบอกว่าปั้มที่ใช้ head มันสูงอยู่แล้ว  ยกน้ำสูงแค่นี้ก็ไม่มีผลอะไร! แล้วทำไมไม่ใช่ปั้มแบบ hi flow  low head ล่ะ? จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 12:57:18

ความคิดเห็นที่ 26 ก้อ เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดก้ันครับ เรามีข้อมูลนิดเดียว ค่าระดับ ต่างๆ เราก็ไม่มี จำนวนปริมาณน้ำเราก็ไม่มี นี่ผม ก็ได้แต่ เดาความเอา ตามที่เห็นครับ เอาไว้ วันไหน เจอรุ่นน้องที่ำทำงาน ในโครงการแบบนี้ จะลองสอบถามมาให้ครับ Idea ของคลองนี้ เข้าใจว่า จะเป็นคลองแบบ flood-way มากกว่าที่จะเป็น คลองระบายน้ำธรรมดานะครับ ทำให้ต้องออกแบบให้กว้าง และลึก พอลึกลงได้ไม่มาก เพราะ ระดับน้ำทะเล บังคับ สุดท้าย ต้อง "ยกคันคลอง" ขึ้น ให้สูง ตามที่เราเห็นมาครับ พอยกคลองมาแต่ต้นแล้ว ก็ต้อง ยกข้ามถนนอีกต่างหาก 555 + จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 13:09:18

ความคิดเห็นที่ 27 http://www.profsurv.com/magazine/article.aspx?i=70324 นี่คับ คลองข้ามคลองครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 13:15:18

ความคิดเห็นที่ 28 ลองเข้าไปอ่านดูครับ http://www.paknam.com/latest-news/drainage-canal-for-suvarnabhumi-airport-.html มีรูปก่อสร้างด้วยครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 13:21:13

ความคิดเห็นที่ 29   คห 27 ภาพนี้ไม่เคยเห็นของจริง แต่เคยดูในสารคดี มายซาย คห 28 เชื่อว่าจะมีสิ่งประหลาดกว่านี้ตามมาอีกมากมาย 55+ จากคุณ : tanlove เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 13:56:54

ความคิดเห็นที่ 30 ได้ความรู้เยอะเลย ขอบคุณครับ จากคุณ : Mr.pokpak เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 14:42:23

ความคิดเห็นที่ 31 พื้นที่บริเวณสนามบินเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำท่วมถึงตลอดทุกปีอยู่แล้วครับ การที่มีการสร้างสนามบินบริเวณนี้ จำเป็นต้องแก้ปัญหาเรื่องน้ำให้ดี จริงๆ ช่วงที่ผ่านมาสนามบินน้ำไม่ท่วมครับ ไอ้ที่ท่วมคือรอบๆ สนามบิน เช่นบ้านผมเป็นต้น ^^" ระบบนี้จะช่วยระบายน้ำรอบๆ ได้ในระดับหนึ่งด้วยครับ ซึ่งน่าจะให้ผลดีกับชุมชนมากขึ้น จากคุณ : Epinephrine เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 14:50:50

ความคิดเห็นที่ 32 ผมอยู่พื้นที่แถวนั้นครับ อยู่คลองด่าน เวลาน้ำทะเลหนุนขึ้นนี่ สูงกว่าถนนแล้วครับตอนนี้ แต่ริมถนนฝั่งที่เป็นทะเล เค้าจะทำคันดินสูงกว่าถนนซัก 2 เมตรได้ แล้วใน1เดือน น้ำทะเลหนุนอยู่หลายวันเหมือนกัน ยิ่งเดือน11 12 นี่ไม่ต้องพูด ท่วมหลายพื้นที่เลยครับ ในเวลาที่น้ำทะเลหนุน ระบบชลประทานแบบเก่าซึ่งสร้างมานานแล้ว ก็ล่มหมดครับเพราะเมื่อน้ำฝั่งทะเลทีสูงกว่าฝั่งน้ำจืด ก็จะเปิดประตูไม่ได้ครับ เพราะน้ำเค็มจะเข้ามาแทน จะใช้ได้ในแบบที่เป็นปั้ม แล้วยกปลายท่อปล่อยน้ำ 45องศาหนีน้ำที่ขึ้นมาตรงฝั่งน้ำเค็มครับ แต่ปลายท่อก็เริ่มจะปลิ่ม ๆ แล้วล่ะ เพราะน้ำมันเยอะขึ้นทุกปี ๆ เข้าใจว่าที่ต้องทำสะพานข้ามมาเลยแบบนั้น คงจะเผื่ออนาคตไว้เลยล่ะครับ จะได้ไม่เจอปัญหาน้ำเค็มหนุนเหมือนประตูระบายน้ำอื่น ๆ ทีหลัง จากคุณ : ชาวประมง (GUKD) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 16:04:24

ความคิดเห็นที่ 33 อยากเห็น ภาพข่าว  ใครก็ได้เอามาโพสไว้ทีครับ จากคุณ : หนอนน้อยเจ้าปัญหา (แพทจร้า) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 16:21:49

ความคิดเห็นที่ 34 ???  อ่านบาง คห ยาวแต่ไม่เข้าใจ จากคุณ : ~รักความรุนแรง~ เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 17:30:24

ความคิดเห็นที่ 35 http://www.thailandqa.com/forum/showthread.php?p=181009 จากคุณ : tepleela24 เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 20:51:30

ความคิดเห็นที่ 36   น้ำท่วมสุวรรณภูมิขนาดนั้นเลยเหรอ มีรูปปลากรอบ ตอนน้ำท่วมป่าวอ่ะ จากคุณ : กรุงเทพก้อมีทะเล (ทามาก็อดอุนจิ) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 22:34:38

ความคิดเห็นที่ 37 ต้องขอบคุณน้าพร ที่ยังช่วงดึงกระทู้ให้กลับเข้าประเด็น แม้นจะมีบางความเห็นแถออกไปจากประเด็นที่ตั้งไว้ จากคุณ : sportscience เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 22:38:52

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณ คุณน้าพร ที่ตอบอย่างละเอียด ถ้าหาก ต้องการระบายน้ำ ปริมาณมาก   แน่นอน คลองต้องใหญ่(กว้างและลึก) และถ้าจะให้ การไหล เร็วด้วย   Head ที่ต้นทางจะต้องสูง นั่นคือ  ทางต้นทาง บริเวณสนามบินจะต้องสูบน้ำ ยกระดับขึ้น มากพอควร แล้ว ปล่อยให้น้ำไหลลงมาทางทะเล ระดับน้ำ(ผิวน้ำ)ในคลองก็จะ ลดหลั่นลาดต่ำลงมาเรื่อยๆ จนถึงจุดสุดท้ายที่ออกทะเล ระดับน้ำก็จะสูงกว่าระดับน้ำทะเล เพียงเล็กน้อย ความลาดของผิวน้ำนี้   จะมากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำ ที่ระบายออกมา ซึ่งจะมีผลให้เห็นชัดที่ต้นทาง ว่า ระดับน้ำสูงต่ำแตกต่างกัน แต่ที่ปลายทาง  จะขึ้นอยู่กับระดับน้ำทะเลเท่านั้น เมื่อพิจารณาว่า จุดที่ข้ามถนน  อยู่ห่างชายหาดเพียงประมาณ 200 เมตร หากเป็นคลองต่อเนื่อง   ระดับน้ำ ก็จะสูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียงเล็กน้อย ขอบคันคลอง ก็ไม่ต้องเป็นกำแพงสูงมาก และ เนื่องจาก เป็นการระบายน้ำทิ้งอย่างเดียว การป้องกันน้ำทะเลย้อน ก็ไม่จำเป็น จึงไม่ต้องมีกำแพงกันน้ำ ที่เราพูดถึงใน คห 12 โดยรวมแล้ว   การสูบน้ำยกระดับขึ้นที่ปลายทาง  จึงไม่มีความจำเป็นเลย คราวนี้   พิจารณาว่า เราต้องสร้างสะพานให้รถข้ามคลอง ก็ไม่ยุ่งยากแล้ว เพราะ  ระดับคันคลองไม่สูง หรือ  จะสร้างท่อให้น้ำลอดถนนไป   ให้ง่าย ก็ฝังท่อผ่านใต้ถนน  หลายๆท่อขนานกัน   โดยขยาย  แนวคลองกว้างออกรับกับท่อเหล่านั้น (จะเขียนรูปก็ ดึกแล้ว  หวังว่าคำบรรยายคงเข้าใจไม่ยากนะจ๊ะ) แบบนี้ ค่าใช้จ่ายก็ไม่น่าจะสูง แต่ แบบที่เขาทำไปแล้วนี่ เนื่องจาก  คลองมาสิ้นสุด ก่อนถึงถนน   แล้วมีโรงสูบน้ำให้ขึ้นสะพาน น้ำไม่สามารถไหลต่อเนื่องได้ อัตราการไหล ขึ้นอยู่กับอัตราเร็วของปั๊ม คราวนี้  ถ้าน้ำที่ต้นทางมาก  ต้องปล่อยออกมาเร็ว ทางปลายทางสูบออกไม่ทัน   ระดับน้ำในคลองก็จะสูงขึ้นได้มาก เพื่อป้องกัน น้ำล้นคลอง    ก็จะต้องทำคันคลองให้สูงมากๆเข้าไว้ ทำนอง เปลี่ยนคลองระบาย เป็นอ่างเก็บน้ำ น่าจะเป็นเหตที่คันคลอง จึงต้องสูงเพื่อรับระดับน้ำที่สูงถึง 3 เมตร ตามที่คุณน้าพร บอกไว้ใน คห 17 คันคลองที่สูงนี้  ก็ต้องสูงทั้งหมด จนถึงโรงสูบน้ำปลายทาง ต้นทางก็อาจต้องสูงกว่าอีกด้วย เพราะมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น เป็นความสิ้นเปลืองที่ ไม่จำเป็น ข้อที่สอง (ที่เกิดจากแนวคิด สูบน้ำที่ปลายทางนี้) แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 53 12:26:24 จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 00:50:55

ความคิดเห็นที่ 39 จาก คห 38 ถ้าหาก  จะกำจัดความสิ้นเปลือง  จะทำได้อย่างไร ถ้าหาก คำนวณ ค่าใช้จ่ายในการทำท่อลอดใต้ผิวถนน (จำนวนมากพอ) แล้วคุ้ม กับ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูบน้ำ  และค่าพลังงาน สมมุติว่า เท่ากัน ก็ยังน่าจะ ทำ เพราะการใช้พลังงาน ไปโดยเปล่าประโยชน์ มันทำให้สูญเสีย ทรัพยากร  และ ทำให้เพิ่มปัญหาโลกร้อนด้วย อีกอย่าง เมื่อตัดปัญหา ระดับน้ำสูงที่ปลายทาง ระดับความสูงที่สุดที่ต้นทางก็จะลดลง การสูบน้ำที่ต้นทาง ก็จะสามารถลดระดับลงได้อีก หรือ ถ้าไม่ลด ก็สามารถ เพิ่มความเร็วในการระบายน้ำให้มากขึ้น จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 00:59:14

ความคิดเห็นที่ 40 ตามลิงค์ คห 28  ไปดูแล้ว โอ้ววว...จอร์จ เขาไม่ได้ยกน้ำขึ้นแค่ 4-5 เมตร มันสูงสิบกว่าเมตรเลยอ่ะ จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 01:16:35

ความคิดเห็นที่ 41 ใช่ครับ  ถ้าไม่อยากทำสะพานข้ามถนน  ก็ทำเป็นท่อน้ำลอดใต้ถนนก็ได้ ท่อลอดใต้ถนน  มันไม่ต้องใช้ปั้มสูบเลย  ใช้หลักแรงโน้มถ่วง  พลังงานศักษ์ ธรรมดา  แต่จะมี loss เพิ่มขึ้นมาหน่อย โครงการนี้  อยู่ดีๆดันไปยกน้ำขึ้นสะพาน  ผมดูแล้วมันสิ้นเปลืองใช่เหตุ จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 22:04:30