ความคิดเห็นที่ 1 การคุมกำเนิดนั้นมีมาแต่ช้านาน นักโบราณคดีได้ค้นพบว่า 3000 ปีก่อนคริสตกาล ในยุคอียิปต์โบราณมีการใช้ condom ที่ทำจากผ้าลินิน รวมทั้งมีการค้นพบ  pessaries (วัตถุที่ใส่ไว้ในช่องคลอด เพื่อป้องกันตัวอสุจิ ประมาณว่าเป็น condom ของผู้หญิง) pessaries ที่ว่านี้มีการใช้สารที่ฆ่าอสุจิร่วมด้วย อย่างสมุนไพรต่างๆ น้ำผึ้ง รวมถึงมูลสัตว์อย่างของจรเข้ด้วย ^ ^ มีการศึกษาต่อมา พบว่าสารที่ใช้ฆ่าอสุจิในยุคนั้น บางอย่างก็มีประสิทธิภาพจริง เช่น สมุนไพรที่เรียกว่า acacia ...ส่วน condom ที่ทำจากผ้าลินินนั้น  ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคติดต่อคงน้อยมากกกก ... เนื่องจากพอใช้ก็คงชุ่มน้ำอยู่แล้ว แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 53 18:04:49 แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 53 16:50:38 แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 53 14:26:49 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 13:58:33

ความคิดเห็นที่ 2 ส่วนชายชาวโรมันโบราณมีการใช้ถุงยางอนามัยที่ทำจากลำไส้ของสัตว์ สตรีโบราณในยุโรป แอฟริกา และเอเชีย มีสูตรสมุนไพรเฉพาะที่เชื่อว่าป้องกันการตั้งครรภ์ได้  สตรีกรีกกินสมุนไพรที่ทำจากพืชที่ชื่อว่า silphium เป็นปริมาณมาก ก่อนที่มันจะสูญพันธุ์ไปตั้งแต่ 200 AD   silphium coin จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 13:58:54

ความคิดเห็นที่ 3 ที่มีการบันทึกไว้   Aristotle นักปราชญ์ผู้มีชื่อเสียง ได้เขียนถึงเรื่องการคุมกำเนิด เขาบอกว่า "สตรีควรใช้น้ำมันหล่อลื่นบริเวณช่องทางที่มีเมล็ดพันธุ์(อสุจิ)ตกอยู่" โดย Aristotle มีความคิดว่า ถ้าปากมดลูกของสตรีเคลือบด้วยน้ำมันที่เรียบลื่น เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันละหุ่ง จะทำให้การปฏิสนธิเกิดขึ้นได้ยาก นอกจากนั้นหลังการมีเพศสัมพันธ์เขายังแนะนำให้นั่งยองๆกดหน้าท้อง เพื่อรีดเอาน้ำอสุจิที่ค้างคาออกจากช่องคลอดอีกด้วย -*- จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 13:59:25

ความคิดเห็นที่ 4 chastity belts หรือเข็มขัดกันชู้  เป็นวิธีที่จะบังคับให้ผู้หญิงไม่ให้มีเพศสัมพันธ์  จะได้ไม่ต้องตั้งครรภ์  ได้ถูกนำมาใช้แพร่หลายในยุโรป ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เข็มขัดนี้จะมีกุญแจล็อคดังรูป มีรูเล็กๆให้ปัสสาวะและขับถ่ายได้ ที่แย่มากๆก็คือ มันมีเพียงขนาดเดียว ดังนั้นสตรีที่มีรูปร่างอวบกว่าปกติ ต้องได้รับความทุกข์ทรมานเมื่อสวมใส่เป็นอย่างมาก ในช่วงปี 1700-1930 เข็มขัดกันชู้นี้ยังถูกนำมาใช้เพื่อไม่ให้สตรีช่วยตัวเอง ( masturbation) ด้วย จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 13:59:37

ความคิดเห็นที่ 5 เข็มขัดกันชู้ ชัดๆ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 13:59:54

ความคิดเห็นที่ 6 ถุงยางอนามัยหรือ condom  ได้ถูกคิดค้นขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16 เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างซิฟิลิส Giacomo Girolamo Casanova (1725-1798) เป็นหนึ่งในบุคคลในยุคเริ่มแรกที่ใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกันการตั้งครรภ์  นักรักตัวยงผู้นี้เรียกถุงยางอนามัยว่า "English riding coat" นอกจากนี้เขายังได้อธิบายถึงการใช้มะนาวผ่าซีกที่บีบน้ำออกแล้วเพื่อใช้เป็น "หมวกป้องกัน" ที่ปากมดลูกอีกด้วย รูปซ้ายมือ ชายอิตาลีกำลังเป่าถุงยาง เพื่อยั่วยวนสาวๆ รูปขวา ถุงยางอนามัยที่วางจำหน่ายช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ทำจากลำไส้ของสัตว์ แพคอยู่ในซองกระดาษ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 14:00:15

ความคิดเห็นที่ 7 ปี 1844 นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน Charles Goodyear (1800-1860)  ได้นำเสนอวิธีการที่เรียกว่า  vulcanization  (ใช้ sulphur ทำให้ยางมีความยืดหยุ่นและแข็งแรงขึ้น) ทำให้เกิดการผลิตถุงยางขึ้นอย่างกว้างขวาง (ปัจจุบัน ถุงยางเป็น latex ที่มีหลายรส หลากสีสัน และหลายกลิ่น ^ ^) ในรูป    Goodyear กำลังสาธิตวิธี vulcanization จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 14:00:40

ความคิดเห็นที่ 8 สำหรับฝ่ายหญิง มีการใช้ฟองน้ำ  (sponges) เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ในสตรีก็มีมาแต่ช้านาน ตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ ในรูปฟองน้ำหลายรูปแบบในยุคต้นศตวรรษที่ 20 นอกจากหน้าตาจะหลากหลาย ยังมีการชุบพวกน้ำมะนาว น้ำส้มสายชูเพื่อช่วยฆ่าตัวอสุจิอีกด้วย (ฟองน้ำในยุคปัจจุบัน ทำจากฟองน้ำสังเคราะห์และใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติฆ่าตัวสเปิร์มร่วมด้วย) จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 14:01:06

ความคิดเห็นที่ 9 Dr. Marie Stopes (1880-1958) เป็นผู้นำในเรื่องการคุมกำเนิดในยุคศตวรรษที่ 20 เธอได้เขียนหนังสือ Wise Parenthood ในปี 1918 ซึ่งถูกต่อต้านโดยกลุ่มผู้เคร่งศาสนา Dr.Stopes ได้ก่อตั้ง Society for Constructive Birth Control และคลินิคเพื่อการวางแผนครอบครัวขึ้นในปี 1921 ในทางเหนือของกรุงลอนดอน ในรูป Dr.Stopes กำลังคิดค้น contraceptive cap (หมวกยางคุมกำเนิด) ในรูปด้านซ้ายหมวกยางคุมกำเนิด ที่ผลิตในช่วงปี 1920 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 14:01:43

ความคิดเห็นที่ 10 โฆษณาในยุคปี 1930 มีการรณรงค์เรื่อง "สุขอนามัยของสตรี" โดยการโปรโมทผลิตภัณฑ์ที่ใช้สวนล้างช่องคลอด "Lysol douche," (รูปขวา) ซึ่งโฆษณาว่าการสวนล้างจะทำให้สุขอนามัยดีและสามารถคุมกำเนิดได้ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่จริงและยังอาจทำให้เกิดอันตรายอีกด้วย ในรูปซ้ายเป็นรูปห่วงคุมกำเนิดในยุคนั้น ซึ่งมีทั้งแบบทำจากโลหะ ยางและแก้ว ลักษณะเป็นแท่งและปลายบานออกเพื่อป้องกันการหลุดเลื่อนออกจากโพรงมดลูก (แน่นอน มันทำให้เกิดอันตรายเช่นกัน) เฮ้อ... เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก ไม่ว่าในยุคไหนๆ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 14:02:25

ความคิดเห็นที่ 11 ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดแรกในโลก ชื่อว่า  Enovid ซึ่งผ่าน FDA ของอเมริกาเมื่อปี 1957 ในตอนแรกวัตถุประสงค์เพื่อแก้อาการประจำเดือนไม่ปกติ แต่พบว่ามีผลในการคุมกำเนิดด้วย ในปี 1959 พบว่าสตรีชาวอเมริกันกว่าครึ่งล้านคนใช้ยา  Enovid นี้ อีกสามปีต่อมาบริษัทยาเดิมนี้จึงได้เสนอยาตัวนี้อีกครั้งผ่าน FDA เพื่อใช้เป็นยาคุมกำเนิด และไม่กี่ปีต่อมามันก็เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายที่สุด จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 14:02:44

ความคิดเห็นที่ 12 ในปี 1976 FDA ของอเมริกา ได้ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า intrauterine devices (IUDs) หรือห่วงคุมกำเนิดของสตรี รูปซ้าย -หน้าตาของห่วงอนามัยในยุค 1964-1990 ตัวกลางมีชื่อว่า Dalkon Shield ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบต่อโพรงมดลูกของสตรี ทำให้ห่วงอนามัยไม่ได้รับความนิยม และเป็นที่กังขากันว่าเครื่องมือคุมกำเนิดนี้ดีจริงหรือ ? รูปขวา - Karen Hicks เป็นผู้นำในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทผู้ผลิตห่วงอนามัยที่ชื่อ Dalkon Shield นี้ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 14:03:10

ความคิดเห็นที่ 13 ในปี 1992 FDA อนุมัติยาฉีดคุมกำเนิดที่เป็นฮอร์โมน มีชื่อว่า Depo-Provera และยังมีการจำหน่ายถุงยางสำหรับสตรีในยุคปี 90 ด้วย แต่ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากไม่สะดวกในการใช้ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 14:03:25

ความคิดเห็นที่ 14 ในช่วงปี 2000-2002 มีผลิตภัณฑ์สำหรับคุมกำเนิดสำหรับสตรีเกิดขึ้นใหม่มากมาย ทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น อาทิ Ortho Evra เป็นยาคุมกำเนิดแบบแปะ ที่ทำให้ผู้หญิงหมดภาระเรื่องการกินยาทุกๆวัน NuvaRing เป็นวงแหวนสำหรับช่องคลอด ที่จะให้ฮอร์โมนคุมกำเนิดออกมาเป็นเวลานานถึง 3 สัปดาห์ Lunelle เป็นฮอร์โมนคุมกำเนิดที่ฉีดเดือนละครั้ง Mirena เป็นห่วงคุมกำเนิดที่อยู่ได้นานถึง 5 ปี จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 14:04:05

ความคิดเห็นที่ 15 จะเห็นว่าการคุมกำเนิดเน้นแต่ฝ่ายหญิง ไว้กระทู้หน้าค่อยว่ากันถึงอนาคตของการคุมกำเนิดที่จะเน้นด้านฝ่ายชายบ้าง ท้ายที่สุด เจ้าของกระทู้ขอสรุปว่า ถึงจะมีวิธีคุมกำเนิดที่ดีแค่ไหน  แต่ถ้าการมีเพศสัมพันธ์ยังเกิดขึ้นจากความประมาทและเห็นแก่ตัว ปัญหาที่ตามมาไม่ว่าจะเป็นการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์หรือโรคติดต่อก็ยังจะต้องเกิดขึ้นอยู่ดี อีกอย่างผู้หญิงไม่ใช่ฝ่ายที่จะต้องคอยป้องกันเพียงอย่างเดียว ฝ่ายชายเองก็ควรเห็นความสำคัญในการคุมกำเนิดและเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยด้วย แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 53 14:05:24 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 14:04:54

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณค่ะ ที่อเมริกาตะก่อนโน้นเด็กซื้อ condom ไม่ได้แต่ตอนนี้ได้ทุกเพศทุกวัยแล้ว ลูกสาวครูดิฉันสอนนักเรียน high school อยู่  คุณเล่าว่าห้ามเด็กไม่ได้ก็เลยต้องสอนให้ระวัง  สอนวิธีการใช้ condom และให้ระวังการตั้งครรภ์ก่อนอายุอันควร  (ช่วงลูกสาวคุณ Palin ท้อง สาว ๆ ทั่วอเมริกาช่วยกันท้องด้วย ไม่เข้าใจจริง ๆ เอาอะไรคิด) จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 14:32:59

ความคิดเห็นที่ 17 ถุงยางที่ใส่แล้วไม่ท้องแน่ๆใช่ไหมครับ ถ้าตัดเรื่องแตก รั่วออกไป แล้วแตก รั่วเนี่ยมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากไหมครับ จากคุณ : ศูนย์ให้ยืมควง เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 14:51:42

ความคิดเห็นที่ 18 สุดยอดพี่หมูเหมียว แถมให้อีกหนึ่งประเภท จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 15:09:21

ความคิดเห็นที่ 19 บางอันดูและอ่าน ก็ให้สงสารสตรีขึ้นมาจับจิตจริงๆ บุรุษหนอบุรุษ ช่างโหดร้ายกับหล่อนยิ่งนัก จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 15:27:46

ความคิดเห็นที่ 20 3 คะแนน เต็มข้อครับ !! สนับสนุนให้มีการเรียนเพศศึกษาครับ แอบแถม vdo anatomy ระบบสืบพันธุ์... คำเตือน ไม่เหมาะสำหรับ ผู้อดีตฝังใจ กลัว เครื่องใน และไม่เหมาะกับผู้ที่งานอดิเรกในการเซ็นเซอร์เพื่อการบั่นทอนปัญญา จากคุณ : dip kid เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 16:15:41

ความคิดเห็นที่ 21 ส่วนถุงยางที่ทำจากผ้าลินินนั้น ใช้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกกก... (ก็แหงล่ะ) ---------------------------------------------------------------------------------- แอบไม่เก็ตครับ... ผ้าลินินมันทำไมหรือครับ??? จากคุณ : dip kid เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 16:22:49

ความคิดเห็นที่ 22 #16 เห็นด้วยค่ะ เราห้ามเขาไม่ได้ก็ต้องสอน แต่บ้านเราคงยังหน้าบางกับเรื่องพวกนี้อยู่มากนะคะ #17 ถุงยางอนามัยถ้าใส่ถูกวิธีและไม่แตกรั่วควรจะป้องกันการท้องได้ 100 เปอร์เซนต์ค่ะ แต่ปัจจุบันมี  failure rate 3%-14% แล้วแต่การศึกษาค่ะ คือ คนที่ใช้ถุงยางยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 3-14 ในร้อยคน ซึ่งมักมาจากการใส่หรือถอดไม่ถูกวิธี   ส่วนถ้าเป็นการฉีกขาดเอง เกิดขึ้นได้ 1 ใน 165 ระหว่างการสอดใส่ค่ะ อ้างอิงจากเวปของ Standford http://www.stanford.edu/group/SHPRC/ch6_bar.html #21  ขอโทษด้วยค่ะ เดี๋ยวไปแก้แล้ว จริงๆต้องเป็น "มีประสิทธิภาพน้อยมากกก " มากกว่าค่ะ เพราะผ้าลินินมันยังซับน้ำได้น่ะค่ะ ป้องกันอะไรคงไม่ได้ อีกอย่างไม่น่าเรียก "ถุงยาง" นะคะ ขอบคุณที่ทักท้วงมาค่ะ ^ ^ รูป condom ที่ทำจากลำไส้ของสัตว์ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 16:48:43

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่องเพศเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ต้องปกปิด บิดเบือน สำหรับเมืองไทย  เรื่องเพศศึกษา คงต้องทิ้งไว้ไกลๆก่อน..... จากคุณ : นั่งดูนกเล่นน้ำ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 16:58:11

ความคิดเห็นที่ 24 ได้ความรู้ในรอยหยักเพิ่มอีกแล้ว..ขอบคุณค้าบ... จากคุณ : notes name (Notes name) เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 17:19:42

ความคิดเห็นที่ 25 อีกหน่อยจะมีถุงยางจาก กราฟีน หนาเพียง 1 อะตอมคาร์บอนรึเปล่าเนี่ย บางเบาราวกับไม่ใส่อะไรเลย จากคุณ : Hephaestuz เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 17:29:10

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณสำหรับความรู้และสาระดีดีค่ะ จากคุณ : iamnid เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 17:37:06

ความคิดเห็นที่ 27 เสริมเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับการคุมกำเนิดค่ะ เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับถุงยางอนามัย “สวมสองชั้นจะทำให้ป้องกันได้ดีขึ้นหรือเปล่าครับ” แหม! ไม่ใช่ผ้าอนามัยนะคะ จะได้ปกป้องซึมซับได้สองเท่า ผลิตมาแบบไหน ใช้ไปแบบนั้น อย่าดัดแปลงเลยค่ะ การสวมถุงยางอนามัยสองชั้น เท่ากับเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ให้สูงขึ้น เพราะระหว่างมีเพศสัมพันธ์ถุงยางทั้งสองชั้นจะเกิดเสียดสีกัน ทำให้ถุงยางแตกได้ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 18:53:47

ความคิดเห็นที่ 28 “สวมถุงยางอนามัยชั้นแรก ทายาหม่องเคลือบ จากนั้นจึงสวมทับอีกชั้น” ทายาหม่องเพื่ออะไรหรือ? พอจะเดาได้หรือไม่คะ ผู้คิดค้นนวัตกรรมถุงยางสอดไส้ยาหม่องให้ความรู้ว่า หากฝ่ายหญิงรู้สึกแสบจากฤทธิ์ของยา... หมายความว่าถุงยางรั่ว เอ แล้วไม่คิดหรือว่าฝ่ายชายก็สามารถแสบได้เหมือนกัน แถมท่าจะทรมานพิลึกทั้งหญิงทั้งชาย วิธีนี้นอกจากเสี่ยงต่อการเกิดถุงยางแตก ยังทำให้ถุงยางเสื่อมสภาพจากยาหม่องด้วยค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 18:54:25

ความคิดเห็นที่ 29 แล้วจะทราบได้อย่างไรว่าถุงยางรั่วหรือไม่? ไม่ทราบค่ะ วิธีป้องกันถุงยางรั่วที่ดีที่สุดคือ *เช็ควันหมดอายุก่อนใช้ทุกครั้ง *เก็บรักษาถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี *ควรใช้ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่ผลิตมาเพื่อถุงยางอนามัยเท่านั้น ที่รู้จักกันดีก็ยี่ห้อเค-วาย เจลลี่ ส่วนโลชั่น วาสลีน หรือแม้แต่ยาหม่อง ห้ามใช้! *ไม่ใส่ถุงยางอนามัยซ้อนกัน *ซื้อถุงยางอนามัยจากบริษัทผู้ผลิตและแหล่งที่เชื่อถือได้ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 18:55:21

ความคิดเห็นที่ 30 สมัยก่อนนี่ดูลำบากดีเนอะค่ะ เข็มขัดกันชู้นี่น่าจะมีสำหรับคุณผู้ชายบ้างนะคะ   ขอบคุณที่เอาความรู้มาแบ่งปันจ้า จากคุณ : วัตถุต้องสงสัย เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 18:59:39

ความคิดเห็นที่ 31 เข็มขัดกันชู้ ของผู้ชาย มันจะหน้าตาเช่นไรหนอ... จากคุณ : haman_zaa เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 19:09:44

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณค่ะ วิธีคุมกำเนิดแบบโบราณนี้อ่านเจอในหนังสือ third eye วรากรณ์ สามโกเศศ ค่ะ จากคุณ : ibapapoon เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 19:19:35

ความคิดเห็นที่ 33 จำได้ว่า ถุงยางยี่ห้อหนึ่ง มีรุ่นที่เคลือบสารฆ่าเชื้ออสุจิด้วย มันจะมีไปเพื่อ..? งงครับ จากคุณ : oro เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 19:51:32

ความคิดเห็นที่ 34 ต้องเอาไข่ใส่ลงไปด้วยหรือเปล่าครับ? จากคุณ : เทาทองวอร์ริเออร์ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 20:20:13

ความคิดเห็นที่ 35 เคยมีคนบอกว่า วิธีการ "คุมกำเนิด" ที่ดีที่สุด คือการ "คุมกำหนัด"  จากคุณ : ทุ่งหญ้าสีน้ำทะเล เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 21:31:22

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามาเสียว จากคุณ : lizard8 เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 23:11:11

ความคิดเห็นที่ 37 #29 เพิ่มเติมครับ ตัดเล็บผู้หญิงก่อนมี พสพ. ด้วยก็ดีครับ อิอิ #34 ถ้าชอบแบบธรรมดาก็ไม่ต้องครับ ถ้าชอบแบบพิเศษก็ใส่ไข่ลงไปด้วย จากคุณ : Choco`Browny (guta_me) เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 23:23:12

ความคิดเห็นที่ 38 ยังไม่เข้าใจหลักการของห่วงอนามัยอ่ะค่ะ มันป้องกันยังไงหรอ เข้ามาขำ คห.บน พิเศษใส่ไข่ >< จากคุณ : ROBOTหุ่นยนต์ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 05:16:43

ความคิดเห็นที่ 39 #28 ขอบคุณน้องลูกเป็ดที่มาเพิ่มเติมให้ค่ะ เวลาอธิบายแบบนี้ให้ลูกค้าหนุ่มๆ เขินหรือเปล่าคะ? #30 , 31 ของผู้ชายก็มีค่ะ เดี๋ยวเอามาแปะให้ดู #33 condom ที่เคลือบสารฆ่าอสุจิ (spermicide) ก็เพื่อลดอัตรา Failure rate ลง เช่น ถ้าถุงยางรั่ว สารที่เคลือบจะช่วยกำจัดเจ้าอสุจิที่หลุดไปได้ สารที่ใช้มักเป็น nonoxynol-9  http://www.answers.com/topic/nonoxynol-9 ซึ่งจริงๆก็ยังไม่มีงานวิจัยชัดเจนว่ามันช่วยได้จริงๆ แต่ก็แนะนำให้ใช้ค่ะ spermicide นี้ยังผสมใน condom หรือ หมวกยางของผู้หญิง รวมทั้งมีแบบ เป็นเจลขายด้วยค่ะ #38 ห่วงอนามัยหรือ IUD หลักการก็คือ ใส่เข้าไปในโพรงมดลูกแล้ว จะไปขัดขวางการฝังตัวของไข่กับสเปิร์มที่ผสมแล้วค่ะ ดังนั้นใส่แล้วจะมีผลในทันที อยู่ได้ 3-5 ปี และยังมีแบบที่ปล่อยฮอร์โมนออกมาด้วยค่ะ . จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 06:44:01

ความคิดเห็นที่ 40 ตอบคำถามเรื่องเข็มขัดกันชู้ในผู้ชาย ในสมัยยุโรปโบราณก็มีการใช้เช่นเดียวกันค่ะ คือ สามีที่ออกไปทำงานอาจจะให้ภรรยาใส่ และเพื่อความเสมอภาคสามีก็ใส่เช่นกัน ว่ากันว่า มีหนุ่มชาวยุโรปสมัยนั้นถึง 30,000 คนที่ใส่เข็มขัดกันชู้ไปทำงาน หน้าตาก็น่ากลัวไม่แพ้กัน http://en.wikipedia.org/wiki/Chastity_belt จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 06:47:47

ความคิดเห็นที่ 41 แบบนี้ก็มี จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 06:48:36

ความคิดเห็นที่ 42 ส่วนทุกวันนี้ ถ้าเสิร์ชคำว่า  Male Chastity belt ก็จะเจอหลายแบบ เปนการผลิตเพื่อ sex fantasia ค่ะ นี่จากเวป http://www.chastitybeltformen.com/ ชาวหว้ากอสนใจไหมคะ? จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 06:50:21

ความคิดเห็นที่ 43 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 08:04:48

ความคิดเห็นที่ 44 ^ ^ ^ โอ้ว น่ากลัวมากมายครับ เหอๆ จากคุณ : ผมไม่เกี่ยวผมมาซื้อลูกชิ้น เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 08:10:28

ความคิดเห็นที่ 45 บังคับให้งอด้วยอ่า จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 11:05:11 A:58.137.175.82 X: TicketID:208572

ความคิดเห็นที่ 46 ภาพจาก 42 แล้วถ้าเกิดเจ้าตัวน้อยในนั้นมันขยายเป็ฯเจ้าตัวโตใหญ่กว่าปลอกที่ใส่จะไม่เจ็บแย่เหรอ จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 11:12:22

ความคิดเห็นที่ 47  เมียถือกุญแจเข็มขัดผัว ผัวถือกุญแจเข็มขัดเมีย  ใครทำหายขึ้นมาโดนอีกฝ่ายฆ่าแน่ๆ  จากคุณ : เกิดในที่สว่าง เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 11:45:07

ความคิดเห็นที่ 48 เข็มขัดกันชู้ผู้ชาย ถ้าเกิดใส่ๆ อยู่แล้วมันพองขึ้นมาหน้าเขียวแหงๆ จากคุณ : Steyr Commando เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 15:46:28

ความคิดเห็นที่ 49 ขอเพิ่มอีกรูปแบบครับ ยาฝังคุมกำเนิด ฝังไว้ใต้ผิวหนังป้องกันได้ 3 ปี แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 53 16:35:36 จากคุณ : ความจำสั้นสันหลังยาว เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 16:34:38

ความคิดเห็นที่ 50 อันนี้ยาฝังรุ่นเก่า ฝัง 6 แท่งกันได้ 5 ปี จากคุณ : ความจำสั้นสันหลังยาว เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 16:37:21

ความคิดเห็นที่ 51 เพิ่มเติม #39 ครับ กลไกการป้องกันของ IUD ไม่ได้มีแค่การขัดขวางการฝังตัวของไข่กับสเปิร์มที่ผสมแล้วเท่านั้น แต่กลไกหลักเกิดจากตัว copper หรือทองแดงครับ ซึ่ง copper จะมีฤทธิ์ในการทำลายอสุจิ(spermicidal)ที่เข้ามาบริเวณมดลูก หรือ ทำให้ไข่ที่ผสมแล้วและกำลังจะมาฝังตัวที่มดลูกฝ่อตัวและสลายไป โดยปรกติปริมาณ copper ที่ใส่ลงไปจะเป็นตัวบอกระยะเวลาในการคุมกำเนิดด้วย เช่น Multiload-cu 250 จะคุมกำเนิดได้ 3 ปี    Multiload-cu 375 จะคุมกำเนิดได้ 5 ปี จากคุณ : ความจำสั้นสันหลังยาว เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 16:48:57

ความคิดเห็นที่ 52 สุดยอดครับ จากคุณ : *380 Z เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 17:33:42

ความคิดเห็นที่ 53 โหว ถ้าไม่ถอดเข็มขัดกันชู้นานๆเนี่ยแกะทีสงสัยมีเป็นลม อิอิ จากคุณ : n-OO//bit-a เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 21:32:42

ความคิดเห็นที่ 54 เป็นผู้หญิงนี่ลำบากจริงๆ แฮะ มีแฟนแล้วทำให้ไม่อยากมีลูกเลยแฮะ จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 23:22:34

ความคิดเห็นที่ 55 เพิ่มเติม การคุมกำเนิดของชาวจีนโบราณก็มีการบันทึกไว้ตั้งแต่สมัยจักรพรรดิ์จิ๋นซี  นางสนม Zhao Feiyan และ  Zhao Hede ใช้สารจากชะมด ทาถูตรงสะดือของพวกเธอเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ โสเภณีจีนในสมัยนั้น มีการดื่มซุปสมุนไพรที่เชื่อว่ามีฤทธิ์คุมกำเนิด ที่แย่มากๆก็คือ มันมีส่วนผสมของสารพิษหลายชนิดอย่าง ปรอท สารหนู strychnine ซึ่งพอสะสมในร่างกายนานๆ อย่าว่าแต่เป็นหมันเลย ยังทำให้เกิดทุพลภาพ  ความเจ็บปวด จนกระทั่งเสียชีวิต วิทยาศาสตร์ปัจจุบันพิสูจน์ได้ว่า แค่สารปรอทในขนาดต่ำ ก็สามารถทำให้เป็นหมัน มีอาการประจำเดือนผิดปกติ ปวดประจำเดือน ถ้าสะสมมากๆก็ทำให้เป็นหมันได้   วิธีที่ไม่เป็นอันตราย  จะทำโดยแพทย์ในวัง คือ หลังจากจักรพรรดิมีเพศสัมพันธ์กับหญิงที่ไม่ต้องการให้ตั้งครรภ์  แพทย์ก็จะทำการล้างช่องคลอดให้ด้วยซุปที่มีส่วนผสมของผง  saffron วิธีคุมกำเนิดในฝ่ายชาย ก็มีการใช้ถุงที่ทำจากลำไส้ของแกะ ถุงลมของปลา รวมถึงผ้าไหมและผ้าฝ้าย ส่วนในสตรีนั้น ก็มีการใช้ฟองน้ำป้องกันการตั้งครรภ์เช่นกัน http://www.womenofchina.cn/Lifestyle/Customs/211403.jsp แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 53 23:31:02 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 23:28:34

ความคิดเห็นที่ 56 ขำๆ  Coke มีฤทธิ์ฆ่าสเปิร์ม งานวิจัยของ Deborah Anderson และคณะ แห่ง Boston University Medical Center an ที่ตีพิมพ์ในปี 1985 ใน  the New England Journal of Medicine  พบว่าการใช้เครื่องดื่มนี้สวนล้างช่องคลอดหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีฤทธิ์ฆ่าสเปิร์มและอาจรวมถึงเชื้อ HIV ด้วย งานวิจัยนี้ได้รับรางวัล Ig Nobel (ล้อเลียนรางวัล Nobel) ในปี 2008 (ปัจจุบันพบว่าโค้กไม่ได้มีฤทธิ์ทั้งสองอย่างแต่อย่างใด) http://www.reuters.com/article/idUSTRE49200220081003 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 23:46:21

ความคิดเห็นที่ 57 แง้ว ตกลงว่า coke ฆ่า sperm ได้จริงหรือเปล่าครับ?? จากคุณ : dip kid เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 00:28:05

ความคิดเห็นที่ 58 Depo หนูใช้ฉีดให้น้องหมา   ได้ผลดีนะ จากคุณ : ลูกป๋าโย เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 00:39:21

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณค่ะ กระทู้มีสาระดี จากคุณ : ทุ่งข้าวเขียวขจี (MajestyLove) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 02:59:55

ความคิดเห็นที่ 60 ระวังถุงยางแบบนี้นะครับ เดี๋ยวได้ตรวจ DNA 555+ จากคุณ : rijjina เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 12:25:20

ความคิดเห็นที่ 61 รูปเข็มขัดกันชู้ในคห. 4 เห็นช่องที่เอาไว้ให้ปัสสาวะแล้วครับ ว่าแต่...ตอนอึ๊อ่ะ ทำยังไง คงจะเลอะเทอะแย่เลย จากคุณ : Chef_vee เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 16:08:38

ความคิดเห็นที่ 62 จากเรื่องข้างบน.... ใช้นำ้มะนาวคุมกำเนิด....ไม่แสบหรอครับ.. ...แค่คิดก็...จี๊ด~~~แล้วครับ จากคุณ : คนไม่เคย (nai_tin) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 16:17:44

ความคิดเห็นที่ 63 น่าอ่านมากครับ เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก ช่วยหาประวัติคุมกำเนิดในไทยมาลงหน่อยสิครับ ที่รู้มาคือ ในสมัยโบราณเค้าเคี้ยวตะไคร้กันสดๆ จากคุณ : กระทู้นี้ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 23:46:16 A:69.163.32.157 X: TicketID:276906

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆ เพราะบางอันเคยได้ยินเเต่ไม่เคยเห็น เช่นเข็มขัดกันชู้ อยากให้การเรียนการสอนในไทยเห็นเรื่องนี้สำคัญมากนะคะ เพราะเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นอะไรที่ลึกลับเด็กไม่มีความรู้  ก็มาลองกันเองข้างนอกว่า อะไรเป็นไงเเบบผิดๆจนตั้งท้องเเล้วก็มีปัญหาตามาอีกร้อยแปดอย่าง เมื่อแก้ไขไม่ได้เเล้วป้องกันไว้ไม่เสียหลายหรอกค่ะ เด็กๆเมืองนอกเท่าที่รู้มาตั้งเเต่ประถม ครูจะซักถามว่ามีแฟนรึยังป้องกันยังไงบ้าง เเถมถุงยางอีกต่างหากและให้คำปรึกษาที่เด็กสงสัยในเรื่องเพศ อยากให้สังคมไทยเปิดใจเรื่องนี้ค่ะ  ที่ละนิดก็ยังดี แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 53 17:23:17 จากคุณ : เเม่น้องยีนส์ (น้ำขิงกับเต้าฮวย) เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 17:21:33

ความคิดเห็นที่ 65 ยาคุมกำเนิดที่ดีทีสุดคือ Paracetamol .... ... .. .. . . . วิธีใช้คือ ใช้หัวเข่าทั้งสองข้างหนีบไว้ให้แน่นที่สุด :) จากคุณ : ; (Chanin.U) เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 17:31:34

ความคิดเห็นที่ 66 นอกจากถุงยางอนามัยกับยาคุมกำเนิด นอกนั้นผมว่าน่ากลัวทุกอันเลย โดยเฉพาะของคุณผู้หญิงนี่ไม่น่าใช้สักอัน จากคุณ : 4 NOBLE THUST เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 18:19:27

ความคิดเห็นที่ 67 ดีจังที่เกิดในสมัยนี้ ...มีให้เลือกเยอะดี O_O!! จากคุณ : มหาโจรแห่งบ้านลี้ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 21:47:18

ความคิดเห็นที่ 68 คห ที่ 65 ความเชื่อแบบนั้นทำให้คนท้องมาหลายรายแล้ว ไม่ได้ผล คอนเฟิร์ม (หนีบเข่าทุกครั้งยังไม่รอดเลย ชิ) จากคุณ : TinyPhoenix เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 23:07:36

ความคิดเห็นที่ 69 #57 ไม่ได้ค่ะ และยังจะทำให้เกิดการทำงายเยื่อบุช่องคลอด รบกวนต่อการทำงานของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์และติดโรคทางเพศสัมพันธ์ง่ายขึ้นอีกด้วย http://www.thefreelibrary.com/Coca-Cola+does+not+kill+sperm,+says+researcher-a0199284677 #63 สนใจเรื่องการคุมกำเนิดของไทยเหมือนกันค่ะ แต่หาไม่เจอเลย ... -*- คิดว่าน่าจะใช้พวกสมุนไพรหรือเปล่าคะ ตัวอย่าง สมุนไพรคุมกำเนิด          ถ้าต้องการคุมกำเนิด ให้กินยาคุมกำเนิดในช่วงที่อยู่เดือนนี้ เรียกยานี้ว่า "ยากินแล้วบ่มีลูก" ประกอบด้วย ชะค่าน พิวแดง พิวดำ พริกน้อย จันทน์จี จันทน์บาน เปลือกฝักค้อนก้อม ดีปลี เอาอย่างละเท่ากัน ตากแดดให้แห้งแล้วตำเป็นผง ตำวันอังคาร ขณะที่ ตำอย่าให้ผู้หญิงเข้าไปใกล้ แล้วให้แม่กำเดือนกินทุกวัน ด้วยน้ำอุ่น น้ำมะนาว หรือสุรา จากเวป http://www.sri.cmu.ac.th/~maeyinglanna/main7/main3.php อีกอย่างคือการให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียวอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ไม่มีประจำเดือนก็เป็นวิธีคุมกำเนิดได้ (งานวิจัยในปัจจุบัน พบว่าการให้นมบุตร เป็นการยับยั้งไม่ให้ไข่ตก ทำให้ไม่มีประจำเดือน และสามารถคุมกำเนิดได้ผล ประมาณ 60 เปอร์เซนต์ใน 6 เดือนแรกหลังคลอด) จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 23:54:09

ความคิดเห็นที่ 70 *39 กลับกันค่ะ ส่วนใหญ่ลูกค้าเขินแทน *หาวิธีคุมกำเนิดไทยไม่เจอ เจอแต่ของจีน น่าสนใจไม่แพ้ของฝรั่งค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 04:00:37