ความคิดเห็นที่ 1 ธนู ทั่วโลก ในยุคโบราณ นั้น ที่นิยมใช้ และรู้จักกัน มี  2 พวกใหญ่ๆ คือ Long Bow  และ Composite Bow  ไม่รวมกับพวกหน้าไม้ ซึ่งทั้งสองชนิดมีความแตกต่างกัน ทั้งเรื่อง เทคนิค ระยะยิง ความแรง...แตกต่างกัน แต่ความแตกต่างกันที่ว่า นี่หละเป็นหนึ่งใน ปัจจัยแห่งความสำเร็จ ของกองทัพ เจงกิสข่าน เหนือ กองทัำพพันธมิตรแห่งรัสเซีย อันนี้คือหน้าตา ของ composite bow จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 00:03:29

ความคิดเห็นที่ 2 ในภาพ นี้คือ Long Bow ที่นิยมใช้ ในยุโรป ยุคสงครามครูเสด ในยุคก่อนที่ มองโกลจะยกทัพ และนำ Composite Bow  ไปแสดงโชว์ ...... ว่า เทคโนโลยี ใคร เจ๋งกว่ากัน คัน Long Bow  นั้นมีมาตั้งแต่ สมัย มนุษย์ยุคหิน ก็ว่า รูปแบบง่ายๆ เด็ก... อีสานบ้านเรา ยังประดิษฐ์ได้ แล้วนำมายิงกบยิงเขียดกัน... หน้าตาแบบนี้แหละ จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 00:08:46

ความคิดเห็นที่ 3 Long Bow  นั้นยิงได้ไกลมาก.....  เป็นข้อได้เปรียบ แต่ว่า กว้างจะง้างแต่ละที กว่าจะบรรจุดอกแต่ละที นั้น ใช้เวลาค่อนข้างนานสักพัก นอกจาก จะง้างนานแล้ว ดอกธนู ที่ใช้ยิง ก็ต้องใช้ยาวตามเนื่องจากเอ็นขึง ค่อนข้างยาว รวมทั้ง คันธนูที่ค่อนข้างใหญ่  การจะพกติดบนตัว หรือ ขี่ม้าแล้วพก จึงเป็นเรื่องที่ลำบาก จึงแทบไม่ค่อยเห็น กองทัพอัศวิน ในยุโรปที่ใหน พก ธนูติดตัว ติดหลังม้า นอกจากล่าสัตว์ นอกจาก จะพกลำบากแล้ว ยังไม่เทห์ ดูไม่สมเป็น อัศวิน... นึกภาพดู อัศวินเกราะเหล็กหิ้วธนูบนหลังม้า มันก็แปลกๆเหมือนกัน ผิดกับทหารมองโกล ที่ไปใหนมาใหน พกติดตัวเหมือนยาดม ตลอด... จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 00:17:30

ความคิดเห็นที่ 4 กองทัพยุโรป ในยุคนั้นจะแบ่ง พลหอก พลดาบ พลม้า...แยกจากกัน รวมถึงพลธนู ส่วนพลที่เดินช้าที่สุด แล้วอยู่หลังเพื่อนก็ พวกพลธนูนี่หละ ดังนั้นส่วนใหญ่ พลธนูจะคอยเป็นแบ็คอั้บออกมายิงๆๆๆก่อนแล้ว แวบหนีไปหลังกอง แล้วให้พลม้า พลหอกบุก... ดังนั้น บางที พลม้า วิ่งนำ พลธนู...มักตามไม่ทัน... เพราะส่วนใหญ่ มักจะใช้ขาเดิน... จะมีบ้างที่ เป็นกองม้าธนู แต่ก็ไม่พ้น พก Long Bow ติดตัว.... แต่นั้นหละ ถ้า Long Bow ยาวก็พกลำบาก จึงต้อง ดัดแปลง ให้ มันสั้นลง แต่ ความแรง และ ความเร็ว รวมถึง ระยะทางที่ไปถึง ก็สั้นตามไปด้วย เพราะความลำบาก ของความยาวของมัน กองทหารยุโรป เลยไม่ค่อยมี พลธนูขี่ม้า ให้เห็นนัก จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 00:23:55

ความคิดเห็นที่ 5 เข่ง! เข่ง! เข่งปลาทู! ใคร ใครก็รู้ ใครก็รู้ ว่าปลาทู มันอยู่ใน เข่ง! เข่ง! เข่งปลาทู! (ขอทีนะครับ อดไม่ได้ แบบว่านึกถึงตอนเด็ก น้าร้องให้ฟัง :) จากคุณ : เลือนลางร่ำไร เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 00:29:59

ความคิดเห็นที่ 6 มาดู กองทัพม้าธนู ของเจงกิสข่าน บ้าง กองทัพ มองโกล จากที่เคยพูดในกระทู้ก่อนหน้านี้นานแล้ว คือ หัวธนูเจาะเกราะ ที่ใช้วิธี แช่ในน้ำเกลือ เพื่อให้ แข็งกว่าหัวธนูทั่วไป ยังมี คันธนู Composite Bow ที่ยิงแล้ว ติด Crist  บ่อยๆ.... ตัวมันนั้น ดั้งเดิม ทำมาจาก เขาสัตว์ บ้าง คันไม้ บ้าง ตั้งแต่ยุค เผ่าล่าสัตว์ตามทุ่งหญ้า ที่พยายามพัฒนา ธนู มาเพื่อใช้ ล่าสัตว์และ ปกป้องตัวเอง รวมถึงระรานชาวบ้าน เพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเอง ดังนั้นจึงมีการพัฒนาเรื่อยมา ด้วยภูมิปัญาชาวบ้าน ขณะที่ ยุโรปนั้นจะเน้นไปทางพัฒนา โลหะ และอาวุธจากเหล็กกล้า แต่ความน่าอัศจรรย์ จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ชาวมองโกล ค้นพบโดยไม่ต้องมีสถาบันวิจัยอ้างอิง แบบ ซุปไก่สกัด ชาวมองโกลค้นพบ เขาสัตว์ หรือกระดูกสัตว์ บางส่วนนั้นนั้น มีสารเคราติน ยึดหยื่นได้ดี ที่นิยมก็ทำมาจากเขาแพะ แล้วรีด หรือดัด  โอ้ เขาสัตว์ที่ใครคิดว่าแข็งกลับดูยืดหยุ่น โค้งง้อได้ดี โดยไม่แตกหัก ยังกับมีไฟเบอร์อย่างงั้น รวมถึงการใช้เอ็นสัตว์มาเคี่ยวทำเป็นกาว และใช้เอ็นส่วนที่เหนียวและตึงที่สุดมาทำคันธนู.... ไอความยืดหยุ่นนี่หละ น่ากลัวที่สุด จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 00:35:28

ความคิดเห็นที่ 7 คันธนูที่ว่า นี้ จึงดูยืดหด และพกพาสะดวก นักรบมองโกล เกือบทุกคนที่ขี่หลังม้า จะพกติดตัวไว้เสมอ รวมถึงแม้ จะกับบ้าน เฝ้ากับเรือน เวลาล่าสัตว์ก็พกติดตัว.... เรียกว่า ตั้งแต่เกิด ได้จับได้ยิงกัน ทุกคน จนแม่น เพราะความที่พกง่ายสะดวก.... นักรบมองโกล เลยสามารถ เอามันมาเป็นอาวุธ รวมถึงฝึกท่ายิงธนูบนหลังม้า ไม่ว่า จะหันหน้า หันข้าง หันหลัง หรือกอดข้างๆม้า ยังเอาธนูมายิงใส่ ฝ่ายตรงข้าม ตอนที่ ชาวยุโรป เจอฤทธิ์ เดช ธนูมองโกล ครั้งแรกๆ ตะลึงททึงทึงกันไปแถบๆ... เพราะทหารม้า บ้านเขา จะพกก็ลำบาก จะหยิบมาง้างยิงก็นาน แถมท่ายิง ก็ดาดๆ... หันทีแทบจะตกจากหลังม้า สู้กันด้วย พลม้าธนู... มองโกล กินเรียบ เหมือนแทง เอฟเวอร์ตัน จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 00:44:14

ความคิดเห็นที่ 8 ฮ่าๆ เหมือนแทงเอฟเวอร์ตัน จากคุณ : hoheno3 เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 00:45:22

ความคิดเห็นที่ 9 ขออนุญาตปาดก่อนนอนนะครับ พรุ่งนี้มาอ่านต่อ จากคุณ : หมาข้างถนนคนบ้าการ์ตูน เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 00:53:19

ความคิดเห็นที่ 10 ข้อดี ของ Composite bow  ของ ทหารมองโกล พกง่าย พกสะดวก ติดตัวบนหลังม้ากันทุกคน หยิบจับ ง้างได้ ไว.....ฉับ คันศร หรือ ธนูไม่ต้องยาวมาก ขอให้ พอระัยะตึง ของเอ็น แล้ว ปล่อย ธนูที่ถูกปล่อย ก็ถูกส่งออกมา รวดเร็วและ แรง (เป็นหนึ่งในสาเหตุความพ่ายแพ้ ของ ทัพรัสเซีย) มีนักวิชาการ คาดการ์ณ ว่า ในสมัย นั้น ธนูของมองโกล บรรจุยิง นั้นความเร็วๆ น้องๆกระสุนปืน ในปัจจุบันเลยทีเดียว ความแรง แรงกว่า Long Bow ที่ใช้เวลาง้างนานกว่า และไปได้เร็ว และแรงกว่า... เป็นหนึ่งในอาวุธที่สำคัญ ของทหารม้า มองโกล ที่ใช้ ยึดเกือบครึ่งโลกมาแล้ว ชาวสลาฟรัสเซียที่ว่าแน่ ขนาด นโปเลียน กับ ฮิตเลอร์ ยังเปิดตูดกลับแทบไม่ทัน แต่เจอ เจงกิสข่าน... นี่ ราบ..... จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 00:55:26

ความคิดเห็นที่ 11 ไอ เขาสัตว์ที่ว่านี่หละครับ เขารีดกันมาทำ เป็น คันธนู.... อาวุธทรงพลานุภาพ ของ ชาวมองโกลหละครับ แต่ไม่รู้ทำอย่างไร เห็นว่ามีสารคดี...ทำเป็นเรื่องเป็นราวให้ดู จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 00:57:53

ความคิดเห็นที่ 12 มีการบันทึกว่า Composite Bow  ที่มีการใช้ในสงคราม รุ่นหลานของเจงกิสข่าน เมือง นอร์สชิกส์ รัสเซีย ทหารมองโกล ยิงธนูแต่ละนัดไปได้ไกล ถึง 500 m!!! โดนเฉลี่ย.... ยิงจากหลังม้า ด้วยนะครับ !!! จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 01:04:24

ความคิดเห็นที่ 13 นอกจาก คันธนู พิเศษแล้ว หัวธนู ที่ชุบด้วยน้ำเกลือ ยิงทะลุเกราะ ยังมีให้คุณเลือกมากมายหลากสี หลากหัว เพื่อใช้งานให้ เหมาะสมกับสถานการณ์ แม่จ้าว....แล้วมันจะเลือกถูกได้ยังไงเนี่ยว่าดอกใหนเป็นแบบใหนแล้วจะใช้ทำไม จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 01:07:54

ความคิดเห็นที่ 14 หลังจาก เหตุการณ์ ที่เจงกิสข่าน และลูกหลาน ยึดครองเกือบครึ่งโลกไปแล้ว Composite Bow ก็ถูกแพร่กระจาย แพร่หลาย ทั้งใน ยุโรป ตะวันออกกลาง ประเทศจีน รวมถึงบางส่วนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทดแทน Long Bow รุ่นเก่า แต่มีอยู่ประเทศนึง ครับที่ไม่ยอมเทรนด์นิยม ตามมองโกล นั้นคือ ดินแดน แห่ง คิมุจิ๊ เอ้ย ดินแดนแห่ง อาทิตย์อุทัย ญี่ปุ่น ชาตินิยมจ๋า ที่เรารู้จักดีนี่เอง จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 01:12:31

ความคิดเห็นที่ 15 ได้ลองอ่าน จากสมาชิกท่านหนึ่ง ของเวบเด็กกี บอกว่า ธนูเฉพาะของญี่ปุ่นนั้น คันธนูยาว  2 m!!!  ยิ่งกว่า Long Bow ของยุโรปอีก และทำมาจาก ไม้ไผ่ อายุสัก 30 ปีขึ้นไป เพื่อความทนทาน ดังนั้น จึงไม่นิยม พกไว้บนหลังม้า แต่จะใช้เป็นพลธนูแทน เพราะแบบนี้ ในบรรดาศาสตรวุธ ทั้งหลาย ดาบ กระบี่ หอก จึงสมควรคู่กับ นักรบ อัศวิน.... ทีทรงเกียรติ ขณะที่ธนู กลับถูกตราจอง เป็นอาวุธเมียน้อย ที่ถ้าใช้ในการสู้รบตัวต่อตัว จะดู ไม่ขลังเท่า....เกียรติศักดิ์ไม่ยิ่งใหญ่เท่า นานๆทีจะเจอ พ่อซามุไร ขี่ม้ายิงธนู ที่ไม่ใช่ล่าสัตว์ ไม่รู้ว่ายาว 2 m จะพกติดหลังม้าไปรบยังไง จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 01:18:28

ความคิดเห็นที่ 16 ว่าจะพูดถึง สงครามธนู ของ ชาวมองโกล และ ชาวสลาฟรัสเซีย การดวลกันด้วย ธนู Long Bow และ Composite Bow ว่าผลแพ้ชนะปรากฏอย่างไร ผลแพ้ชนะ ที่วัดกันด้วย... ความยาวของลูกศร  ที่ทำให้ กองทัพสลาฟรัสเซีย ต้องจบชีวิตลง เกือบแสนคน!!! แต่พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่้เช้า วันนี้ ขอตัวลาก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวจะมาเล่าต่อในกระทู้นี้นะครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 01:29:33 จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 01:23:06

ความคิดเห็นที่ 17 ฝันดีครับทุกท่าน จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 01:24:48

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องมองโกลนี่    เสียดายอย่างเดียว   กุบไลข่านตัดใจไม่ยอมรบกันให้แตกหักไปข้างหนึ่งกับญี่ปุ่น       อยากรู้ที่นี่ที่สุดแล้ว    ว่าถ้ามองโกลตัดสินใจทุ่มกำลังเต็มที่กับทางญี่ปุ่นอะไรจะเกิดขึ้น มีจุดที่สงสัยอยู่ครับ    คือแผนที่ของจักรวรรดิมองโกลที่เห็นในสมัยนี้   มักจะไม่รวมอินเดียเข้าไปด้วย     ทั้งๆที่อินเดียก็ถูกราชวงศ์โมกุล-มองโกลเข้ายึด      ไม่รู้เพราะอะไรถึงไม่รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งด้วย     ทำให้เวลาคำนวณพื้นที่   จักรวรรดิมองโกลจะเล็กกว่าจักรวรรดิอังกฤษ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 01:35:57

ความคิดเห็นที่ 19 ชอบจริงๆ เรื่องมองโกลเนี่ย บางทีก็รู้สึกอยากจะไปสู้รบแย่งชิงดินแดนกับเค้าบ้างเหมือนกัน จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 02:03:32

ความคิดเห็นที่ 20 #18 คาดว่าเทือกเขาหิมาลัยเป็นอุปสรรคในการยึดและปกครอง จากคุณ : axquest เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 02:23:52

ความคิดเห็นที่ 21 #6 ยิงติด Crist  กันเลยทีเดียว เสียวน่าดู... จากคุณ : Not Available At This Moment เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 02:48:59

ความคิดเห็นที่ 22 ปาดด้วยเวอชั้นดั้งเดิม จากคุณ : MAXReal เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 03:30:36

ความคิดเห็นที่ 23 คห.20   อินเดียก็ถูกราชวงศ์โมกุล-มองโกลเข้ายึดครองนี่ครับ     แต่ที่ผมสงสัยคือทำไมเขาไม่นับรวมไปด้วย จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 03:37:08

ความคิดเห็นที่ 24 กระทู้น่าอ่านครับ ทิ้งช่วงไปนานมากเลยนะครับ จากกระทู้ลูกธนูตั้งแต่เมื่อต้นปี จากคุณ : ขอบคุณ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 04:39:31 A:69.163.32.157 X: TicketID:276906

ความคิดเห็นที่ 25 หัวธนูเจาะเกราะ มีแล้ว มีหัวธนู HEAT ไหมครับ 555 จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 06:56:41

ความคิดเห็นที่ 26 เดี๋ยวต้องได้ขึ้นแนะนำ ขอโหวตก่อนละกัน ^^ จากคุณ : Lord BoBo Of Sarkhanland เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 07:35:55

ความคิดเห็นที่ 27 ทำไมเค้าไม่ลองประยุกต์ทำดาบติดตรงด้านปลายบนล่างของ long bow ดูหละ ใช้ระยะประชิดได้ด้วย 5555 จากคุณ : สายลมของความว่างเปล่า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 07:54:19

ความคิดเห็นที่ 28 ผมเชื่อว่าต้องมีคนร้องตามเนื้อเพลง คห.5 จากคุณ : เทวิน เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 08:10:06

ความคิดเห็นที่ 29 กำลังจะไปมองโกลพอดีเลยค่ะ..คริคริ.. เจ๋ง เจ๋ง...... จากคุณ : nuanapa เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 09:08:34

ความคิดเห็นที่ 30 #27 นี่ไง longbow ติดดาบ จากคุณ : haman_zaa เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 09:40:42

ความคิดเห็นที่ 31 #23 โมกุล นั้นเกิดหลัง ยุค กุบไลข่าน ครับ โมกุล เป็น ที่ยึดครองประเทศ อินเดีย นั้น เป็นเชื้อสายที่ สืบสายโดยอ้างว่า ต้นตระกูล เป็นเจงกิสข่านครับ ราชวงศ์โมกุล (ค.ศ.1526-1658) พระเจ้าบาบูร์ สืบเชื้อสายมาจากเจงกีส ข่านและตาแมร์ลัง แห่ง กาบูล (คือ มีเชื้อสายเตอร์ก-มองโกล) เป็นผู้สืบทอดการเผยแพร่อิสลาม ในฮินดูสถานต่อ พระองค์ทรงเป็นนักรบที่กล้าหาญและปกครองประเทศตามแบบเจงกีส ข่าน อาณาจักรของบาบูร์จากโอซุสไปถึงแม่น้ำคงคา และเบงกอล พระองค์ทรงขับไล่ Ibrahim Lodi จากการเป็นสุลต่านเดลฮี ด้วยการใช้เทคนิคการรบที่เหนือกว่า ที่ทรงได้รับมาจากพวกเตอร์ก จากนั้น ทรงเข้าครองเมืองอัครา พระเจ้าบาบูร์นอกจากเป็นนักรบแล้วยังเป็นนักประพันธ์ ทรงเขียนกลอนได้ทั้งภาษาเปอร์เซียและภาษาเตอร์ก ทรงนำวรรณคดีและดนตรีจากเปอร์เซียมาให้อินเดีย เมื่อว่างจากศึกสงครามทรงใช้เวลาไปในการสร้างพระราชวัง สุเหร่า สวน สะพาน ทรงจ้างสถาปนิกมาจากเมืองอิสตันบูล (ตุรกี)   กษัตริย์อินเดียที่มีชื่อว่าเป็นผู้สร้างจักรวรรดิโมกุลที่แท้จริง คือ พระเจ้าอักบาร์มหาราช (ค.ศ.1556-1605) ทรงเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ อาณาจักรของพระองค์กว้างใหญ่ ทรงเป็นนักปกครองที่ชาญฉลาด ที่ทราบว่าการปกครองประเทศใหญ่ที่เต็มไปด้วยพล เมืองหลายเผ่าพันธุ์ หลายศาสนา และหลายภาษา ควรปกครองด้วยวิธีใด การ บริหารการปกครองทรงได้รับอิทธิพลมาจากอิหร่าน ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิง อินเดียเพื่อเป็นตัวอย่าง ยกเลิกภาษีจิซิยา (Jizya = poll tax on non-Moslems) เปิดโอกาสให้คนฮินดูเข้ารับราชการเท่าเทียมกับพวกมุสลิม ทรงแต่งตั้ง ให้ Todar Mall จากราชพุทธมาเป็นผู้นำทหาร ปรับภาษีใหม่ คือ หนึ่งในสามของ ผลผลิตเป็นของรัฐเท่ากันทุกคน Todar Mall ให้คนฮินดูเรียนภาษาเปอร์เซีย เพื่อเข้ารับราชการในตำแหน่งสูงๆ ได้ การผสมกันระหว่างภาษาเปอร์เซียและภาษาฮินดูทำให้เกิดภาษาใหม่ เรียกว่า ภาษาอูรดู เกิดเมืองใหม่ คือ City of Victory เต็มไปด้วยสุเหร่า ราชวัง สถานที่สาธารณะ บ้านเรือน ศาสนาทุกศาสนามีอิสระในการเผยแพร่ศาสนาของตน   กษัตริย์องค์ต่อมา คือ พระเจ้าจาหันกี ทรงอภิเษกสมรสกับหญิงม่ายชาวเปอร์เซีย http://www.baanjomyut.com/library/2548/india/04.html ราชวงศ์มองโกลนามบาร์บูร โมกุลที่ปกครองอินเดีย ยาวนาน นานขนาด อยู่จน โดนอังกฤษ เข้ายึดครอง จนขับไล่ กษัตริย์ โมกุลออกนอกประเทศ และฆ่าลูกหลานเชื้อสาย โมกุล แล้วตั้ง พระนางวิคตอเรีย เป็น ราชนิดี แห่ง อินเดีย แทน... ถ้าเทียบก็น่าจะ รัชสมัย รัชกาลที่ 4 ของเรา แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 09:49:59 แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 09:48:25 จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 09:42:39

ความคิดเห็นที่ 32 ติ มูร์ (อังกฤษ: Timur bin Taraghay Barlas หรือ Tamerlane) มีชีวิตอยู่ในปี ค.ศ. 1336 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1405 เป็นที่รู้จักในหมู่ชาวตะวันตกว่า Tamerlane ติมูร์เป็นขุนศึกที่มีเชื้อสายผสมระหว่างมองโกลและเติร์ก และเป็นผู้พิชิตดินแดนส่วนใหญ่ของเอเชียตะวันตกและเอเชียกลาง และยังเป็นผู้ก่อตั้งจักรวรรดิตีมูร์ และ ราชวงศ์ตีมูร์ ซึ่งจะคงอยู่ต่อไปจนถึงปี ค.ศ. 1857 ติมูร์เป็นที่รู้จักที่ดีที่สุดในชื่อ ตีมูร์อีแลง (Timur-e Lang) ซึ่งเป็นภาษาเปอร์เซีย แปลว่า Timur the Lame(ติมูร์ขาเป๋) เนื่องจากเขาเคยได้รับบาดเจ็บที่ขาในการทำศึกครั้งหนึ่ง ภายหลังจากที่ติมูร์ได้สมรสกับราชวงศ์ของเจงกีสข่าน ติมูร์ได้เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น Timur Gukani ซึ่งเป็นภาษาเปอร์เซียที่ดัดแปลงมากจากภาษามองโกลคำว่า kurugan แปลว่า ลูกเขย นอกจากนี้ชื่อของติมุร์ยังสามารถเขียนได้อีกหลายแบบด้วยกัน ได้แก่ Temur, Taimur, Timur Lenk, Timur-i Leng, Temur-e Lang, Amir Timur, Aqsaq Timur และชื่อภาษาอังกฤษว่า Tamerlane และ Tamburlaine นักประวัติศาสตร์คาดว่าผู้คนจำนวนกว่า 17 ล้านคนล้มตายเนื่องจากการพิชิตของติมูร์ อาณาจักรของ ติมูร์กว้างใหญ่ไพศาล กินอาณาบริเวณตั้งแต่ตุรกี ซีเรีย อิรัก คูเวต อิหร่าน คาซักสถาน อัฟกานิสถาน อาเซอร์ไบจาน จอร์เจีย เติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน คีร์กีซสถาน ปากีสถาน อินเดีย และดินแดน Kashgar ในจีนในปัจจุบัน     ติมูร์เป็นคนที่ได้รับทั้งการยกย่องและเกลียดชัง ผุ้คนในแถบเอเชียกลางยกย่องเขาในฐานะที่เป็นผู้ปกครองที่นำความร่ำรวย ความมั่งคั่ง และอำนาจมาสู่ภูมิภาคนี้อย่างมาก แต่ผู้คนในโลกอาหรับ เปอร์เซีย และดินเดียสาปแช่งเขาในฐานะที่เขาเป็นผู้ทำลายอารยธรรม และได้ฆ่าผู้คนไปเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามทุกวัฒนธรรมต่างก็ยอมรับในความสามารถในการศึกของเขา โดยในเปอร์เซียเขามักถูกเรียกว่า Teymour The Conqueror of The World (ติมูร์ผู้ทรงชนะโลก) จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 09:46:21

ความคิดเห็นที่ 33 #5 ทำให้ผมนึกถึงเพลง "ผ่อนเจดีย์" นะ ...ผ่อน ผ่อน ผ่อนเจดีย์... จากคุณ : Stereotype เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 09:51:00

ความคิดเห็นที่ 34 ความลับของทัพมองโกลครับ ไม่ได้อยู่ที่ธนูหรอก เพราะจริงๆ แล้ว.... จากคุณ : Shinjitsu เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 09:54:07

ความคิดเห็นที่ 35 พาออก มหาสมุทธ อินเดียไป ไกล ขอวกกลับเข้าเรื่องราวของสงคราม ธนู ที่โด่้งดัง แห่ง กรุงมอสโคว์ แบ่งเป็น สองภาค ต้นเรื่องราว นั้นมาจาก สองยอดแม่ทัพที่เก่ง ที่สุดของ เจงกิสข่าน นาม เจอเป โนยอย(ใครดู มังกรหยก คนนี้เป็น อาจารย์สอนธนู ก๋วยเจ๋ง) และ สุโบไต(คนนี้ นี่หละที่ คนยุโรปครั่นคร้ามมาก) หลังจาก ไล่ตาม สังหาร มูมัมเหม็ด ซาร์ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งตะวันออกกลาง จนหนีเปิง แล้วไป นอนตายบนเกาะเล็กๆแล้ว ได้ ขออนุญาตเจงกิสข่าน เพื่อไปสำรวจ ดินแดนเพิ่มเติม ใหนๆก็มาซะไกลแล้ว พวกมองโกล ชอบปล้น เอาของฝาก กลับบ้านให้มากที่สุด ให้สมกับที่ ขี่ม้า มาจาก มองโกเลีย มาถึง อัฟกานิสถาน..... ตาม นิยาม มา..ปล้น ฆ่า เผา และ แฮ๊ป ของกลับบ้าน จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 10:00:35

ความคิดเห็นที่ 36 เคยนั่งดูสารคดีเรื่องธนูของ NG มั้ง ความไวของธนู มองโกล นี่สามารถยิงได้โดยเฉลี่ยแล้วคือ 50 - 60 ดอกต่อนาที ความแรงสามารถเจาะเกราะของเหล็กของอัศวินยุโรปได้ สบายๆ (ลงกลางๆเกราะตรงนูนๆ น่ะแหละครับไม่ได้เข้าตามข้อพับด้วย หัวลูกศรที่ใช้งานได้ดี คือหัวแหลม มันจะใช้งานได้ทั่วไป แต่ที่ชำแรกเนือและเกราะได้ดีคือหัวตัว Y การทำ Composite Bows ใช้ทั้งไม้ เขาสัตว์ ยางไม้ รวมแล้ว 7-8 ส่วนประกอบเข้าด้วยกันใช้เวลาทำร่วมเดือนกว่าจะเสร็จสักอันนึง อาวุธที่น่ากลัวของมองโกลอีกอย่างคือจรวด โดยที่พวกมองโกลจะเอาจรวดผูกกับด้ามดาบแล้วยิงขึ้นฟ้าไป พอจรวดหมดแรงจะส่งให้ดาบควงแล้วพุ่งลงมาใส่กองทหารข้างล่าง ราชวงค์ โมกุล ถือเปนคนละอาณาจักรแยกออกมาจากมองโกลครับ(ฝรั่งมันว่าอย่างนั้นนะ) เพราะมันคนละยุค และคนละวฒนธรรมกันเลย(แต่ต้นสายมาจากมองโกล) ปอลิง ใครว่าสงครามสมัยนี้โหดร้าย ผมว่ายังไม่ถึงครึ่งของยุคเก่าเลย ทั้งเครื่องพ่นไฟ น้ำมันเดือด ดาบติดจรวด อาวุธเชื้อโรค(เอาพวกศพคนเปนฝีดาษ กาฬโรค หรืออหิวาห์ ใส่ คะตะเพลาท์ แล้วยิงเข้าไป) สยดสยองกว่าสมัยนี้เยอะเลย จากคุณ : Meow-Meow (piggy_and_kitty) เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 10:00:46

ความคิดเห็นที่ 37 ประเทศแรก ในแถบ นั้นที่โดนดี ก่อน คือ จอร์เจีย (เคยเป็นส่วนหนึ่งของโซเวียต) ผู้ปกครอง นาม พระเจ้า จอร์ จี้ ที่ 3 (ชื่อโคดฮา) แน่ละครับ เทรนด์ นิยม ของทหารยุโรป นั้นชอบเอา ชุดเกราะหนาๆ มาข่ม... ยกทัพมาที เหมือน เอา หม้อ ไห ใส่ แสตนเลนส์ คลุมตัว อย่างไงอย่างงั้น เมื่อ เห็น ทหารมองโกล ชุดขอสำรวจ ใส่ชุดหนังเหมือนหนังหมา มาระราน จึง ระดม... ชุดเกราะเหล็กกล้า แบกใส่ม้า แล้ว พุ่งบึ่ง ทะยาน เข้าไป ด้วยความที่ว่าเห็น คู่ต่อสู้ มายูนิฟอร์มแบบ คนป่าๆ มาดเนื้อๆ  ยังไง หนังคนจะทนเหมือนหนังเหล็กได้ ไม่ขอเล่ายาวเดี๋ยว กับกลยุทธ ขอเอาทีเดียว กับรัสเซีีย แต่ ลงท้ายสรุปว่า โดนฤทธ์ ธนูเจาะเกราะ เล๊ะ.... และ จอร์จี้ ที่ 3 ก็ ยอมศิโรราบ จอรฺ์เจีย เป็น รัฐแรกในยุโรปตะวันออก ที่ กลายเป็น รัฐบริวารของมองโกล ไปนานเท่านาน ไอที่ประมาทคิดว่า หนังหมา หรือจะมาสู้หนังแสตนเลส นี่หละครับ สาเหตุใหญ่ๆที่แพ้ จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 10:11:43

ความคิดเห็นที่ 38 ช่วงนี้ หลังจากนี้ ไม่นาน ชีเป แม่ทัพใหญ่ ก็ เสียชีวิตลง (อาจจะป่วยตาย) ซูปูไถ หรือ สุโบไต  รองแม่ทัพ ก็ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่โดยตรง คนนี้แหละครับ ที่ ชาวยุโรป ในยุคนั้น หวาดกลัว แล้วครั่นคร้ามที่สุดเท่าที่เคยมีมา นครวาติกัน จักรวรรดิคริสต์ ที่มีกองทัพ ครูเสด ที่มากมาย... กลับต้องพบกับศัตรูที่น่ากลัวกว่า.... ทัพมุสลิม ในสงครามครูเสด ซูปูไถ คนนี้ มา ยุโรป สองรอบ เลยต้องแยกเป็น 2 ภาค มาแต่ละที บุกตีถึงฮังการี ชนเยอรมัน กันมาแล้ว จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 10:17:36

ความคิดเห็นที่ 39 # 18 แพ้ครับเพราะโดนกามิกาเซ่ เคยมีโพสไว้ในนี้ http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2010/03/X8997286/X8997286.html แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 10:33:26 จากคุณ : พระจันทร์สีฟ้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 10:32:10

ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ ซุโบไต ตาร์ข่าน จากมองโกล ยกทัพมาถึง ทะเลสาปแคสเปียน และเล็ง ที่ดินแถบนี้ไว้ ทำการเพาะปลูก เพื่อไว้ ทำเป็น ฟาร์มหญ้าเลี้ยงม้า... เพื่อไว้เป็น จุดสเบียง สำหรับทำการบุกตี ยุโรป แถบๆอื่นๆ เมืองต่างๆรายรอบ ที่เป็นแคว้นชาวคริสต์ อย่าง สโมเลนส กาลิช เซอร์นิกิฟ โวลฮีเนีย เคริสต์ เซอร์กินอฟ และ... เคียฟ(ปัจจุบัน คือ ยูเครน) ได้รวมกองกำลัง พันธมิตร กะไว้รุมกินโต๊ะ มองโกล ชุดขอสำรวจ.... ตามคำขอ จาก พระเจ้าจอร์จี้...   เจ้าชายแห่ง เคียฟ นาม เอ็มสตีสลาฟ  เคียฟ เมืองที่ใหญ่ที่สุด และรวยที่สุด นำทีม พร้อมลูกเขยคนเก่ง สองคน นำกองทัำพเกือบแสน พร้อมด้วย พลเกราะเหล็ก นำมายกประชิด กับ ทัพ สุโบไต ที่นำมา แค่ สามหมื่น.... ตามธรรมเนียม ของมองโกล ไม่ว่าจะแน่มาจากใหน ต้องส่ง ทูต ไป คุยก่อน...ว่ามาทำไม... แน่ใจ หรือว่า จะเอา... แน่ละครับ เมื่อส่ง ทูตไป .... เอ็มสตีล ก็ ตอบกลับ... "ถามมาสิจ๊ะ........โดน" และแล้ว เหล่าทูตที่มาแต่ดัว แต่กลับไปด้วย หัว  มุขเดียวกับที่ส่งไป ญี่ปุ่น ก็พาลให้ สุโบไต ที่ถล่มอณาจักร มุสลิม และ จอร์เจีย มาหมาดๆ เปิดศึก...สะท้านปฐพี งานนี้  เอ็มสตีล... จะได้โดน ตีล  แล้ว (โดนจริงๆนะครับ หลังจากเสร็จศึกครั้งนี้) สงคราม ธนู....Long Bow  ยุโรป และ Composite Bow ของมองโกล ก็เริ่มขึ้น ครั้งแรกที่นั่น จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 10:33:20

ความคิดเห็นที่ 41 ... แวะมาอ่าน แล้วจะกลับมาอ่านอีกที จากคุณ : ดาราวิปลาส เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 10:36:29

ความคิดเห็นที่ 42 ต้องไปทำงานแล้ว กะปั่นแต่ไม่ทัน ไว้กลับมาจะต่อ ศึก ธนู เต็มๆนะครับ  : _)~ จุดจบศึกครั้งนี้ ตามภาพที่ลง ไว้มาต่อครั้งหน้าครับ คืนนี้ดดึกๆครับ  : ) แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 11:43:10 จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 10:37:02

ความคิดเห็นที่ 43 ค่อยตามอ่านอีกที เขียนสนุกจัง ขอบคุณค่ะ จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 10:39:28

ความคิดเห็นที่ 44 รอชมครับ จากคุณ : shinjoker เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 10:45:03

ความคิดเห็นที่ 45 ติดตามอ่านด้วยใจระทึก ขอบคุณครับ จากคุณ : โตนปลิว เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 10:48:41

ความคิดเห็นที่ 46 #34 มันอยู่ที่+103ไฮ1เหมืองนี่เอง .. ติดตามอ่านอยู่นะคะ โปรดกลับมาโดยไว จากคุณ : blanclapine เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 10:58:08

ความคิดเห็นที่ 47 มาช่วยเป็นลูกคู่ จากคุณ : ศุศศิ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 11:14:52

ความคิดเห็นที่ 48 สังหาร ระยะไกล ทั้งขึ้น ทั้งลง แต่ละคน ต้องพกลูกไปกันซักแค่ไหนเนี่ย จากคุณ : ฉันยังอยู่ได้..คนดี เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 11:15:00

ความคิดเห็นที่ 49 รอติดตามอย่างใกล้ชิด จากคุณ : AomValkyrie เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 11:22:18

ความคิดเห็นที่ 50 มาอีกแล้ว กระทู้เปรียบเทียบธนูแต่ละวัฒนธรรมชนิดที่ไม่มีข้อมูลสถิติอ้างอิง ใช้แต่แบบผลการรบตามประวัติศาสตร์เป็นตัวสรุปเนี่ย ธนูไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้ชนะนะครับ ความคล่องตัวของทหาร ยุทศาสตร์ นักหนาเหลือจะกล่าว การรบระยะประชิดต่างหากเป็นตัวตัดสิน ถ้าธนูบนหลังม้าคือเทพพระเจ้าแล้วไหง มองโกลมาตีแคว้นทางเวียดนามแล้วแพ้ไม่เป็นท่าเพราะติดป่าละครับ เห็นได้ชัดว่าพื้นที่ซึ่งมองโกลเอาม้าเข้าไม่ได้มันเสียเปรียบ 1. คราวนั้นกระทู้คุณก็มาบอกว่าคอมโพสิตโบวปล่อยลูกดอกที่ความเร็วเท่ากับกระสุนปืนเล็ก แล้วพอผมเอาข้อมูลกระสุนขนาด 5.56 mm. มาแสดงให้ดูก็ไม่เห็นจะมีใครมาตอบอะไรเลย เงียบไปหมด กระสุนขนาด 5.56 mm. มันเร็วเหนือเสียง 3 เท่าเชียวนะครับ ธนูที่ National Geographic พิสูจน์ด้วยผลทดลองทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าปล่อยลูกศรได้เร็วที่สุดในโลก ก็คือ UMI ธนูญี่ปุ่นมันยังเร็วได้แค่ร้อยกว่าเมตรโดยประมาณเท่านั้นเอง 2. ที่ยุโรปไม่นิยมเอาพลธนูขึ้นหลังม้า ก็ขอให้ดูวัฒนธรรมเขาด้วยครับ ว่าการรบบนหลังม้าใส่เกราะหนาหนักปานนั้น ใครมันจะยกแขนง้างได้คล่องแคล่วกัน เกะกะเปล่าๆ แล้วที่ต้องคิดลองโบวออกมาเพราะว่ามันเอาไว้ใช้เจาะเกราะครับ จริงๆ หัวธนูแบบที่เรียกว่า Bodkins มีความสำคัญมาก ในการใช้เจาะเกราะ แต่ก็ไม่ค่อยจะเข้าอยู่ดี จนต้องไปประดิษฐ์หน้าไม้ยักษ์มาทดแทน     ขนาดธนูที่ National Geographic เชื่อว่า  """"""ดีที่สุดในโลก""""" โดยตาม """""ผลการทดลองทางวิทยาศาตร""""""" อย่าง Umi ของญี่ปุ่น มันยัง """"ยิงไม่ทะลุ Chainmail"" เลยครับ เพราะหัวลูกดอกมันไม่ใช่ bodkins แต่ลองโบวยิงเข้า ทั้งที่ประสิทธิภาพต่ำกว่าในทุกด้าน       ผมจะพยายามหาวิดีโอ National Geographic ตอนนั้นมาให้ดูครับ และอยากให้เจ้าของกระทู้ไปหาผลการทดลองทางวิทธิยาศาสตร์มาเปรียบเทียบด้วย อย่างน้อยคือ 1. คอมโพสิต โบว มันปล่อยศรที่ความเร็วเท่าไหร่กันแน่ อย่าใช่คำเปรียบเปรยมั่วๆ ว่ามันเร็วเท่ากระสุนปืนเล็กยาวอีก เพราะมันไม่จริง ถ้าเร็วแรงได้ขนาดนั้นแล้วมนุษยชาติจะผลิตปืนคาบศิลามาทำไมครับ 2. หัวธนูคอมโพสิตโบวมันทะลุเกราะอะไรได้บ้าง ถ้าหาที่ยิงทะลุ chainmailได้ จะเป็ฯพระคุณอย่างยิ่งครับ เพราะมันจะเกิดการเปรียบเทียบชัดเจนเลย 3. ในแต่ละสมรภูมิที่เจงกิสข่านชนะ อยากให้แสดงยุทธศาสตร์การรบมากกว่าบอกว่าเป็นเพราะธนูนะครับ เพราะพวกGolden horde เขาถืออาวุธระยะประชิด ใหญ่ๆ และหนักๆ กันทั้งนั้น ซึ่งผมว่าเป็นปัจจัยทางการรบดียิ่งกว่าอีก 3.   ที่ญี่ปุ่นใช้ Umi ไม่รับธนูอื่นมา เพราะว่าประเทศเขาในยุคนั้นปิดประเทศ ไม่รับวัฒนธรรมอื่นครับ กุบไลข่านจะไปตี ก็โดนไต้ฝุ่นซัดซะตกทะเลก่อน ก็เลยไม่ทันได้แสดงประสิทธิภาพอาวุธ และเผยแพร่วัฒนธรรมเลย 4. รูปในสมัยใหม่ซึ่งเขียนขึ้นเพื่อเล่าเรื่องราวเก่าๆ มันบอกอะไรไม่ได้หรอกนะครับ เพราะมันติด """"กรอบคิด"""" ของคนในสมัยใหม่มา อย่างเช่น เรื่องของความเป็นหนึ่งเดียว เห็นได้ชัดคือเรื่องชุดเกราะ ในยุคกลาง ไม่มี Uniform นะครับ ทหารที่ไปรบใส่ชุดไม่เหมือนกันหรอก แต่ในรูปวาดมันจะมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากกว่า ถ้าวาดตามบันทึกประวัติศาสตร์อันนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย เพราะมันไม่ติดความเป็นแฟนตาซีของผู้วาด (มามากนัก) ที่นึกอยากจะให้ดาบ ให้ ธนู ให้ขวานมันเจาะตรงไหนก้ได้ ทั้งที่จริง มันอาจจะเป็นจุดที่ในยุคกลางรู้ว่ามันยิงได้ยาก และฟันไม่ค่อยเข้าก็ได้ แต่ด้วยความที่เราอยู่ในยุคสมัยที่ไม่รบด้วยธนูและดาบแล้ว แต่อยู่ในยุคที่รบด้วยปืน เราก็ไม่รู้หรอกครับว่าจริงๆ มันมีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง เพราะปืนมันยิงเข้าได้ทุกที่ ด้วยความเคารพครับ แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 11:40:56 แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 11:37:02 จากคุณ : kappasai เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 11:35:58

ความคิดเห็นที่ 51 น่าจะมีหน่วยส่งลูกธนูให้น่ะครับ เหมือนใน3ก๊กยิงกันทีเป็นแสนๆดอก กระบอกนึงน่าจะใส่ได้ซัก50ดอกนะ กะดู แบกใส่ม้าไปน่าจะได้เป็น100ต่อคนอยู่ จากคุณ : ผีฟรีคิก เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 11:37:46

ความคิดเห็นที่ 52 เมพแห่งสงครามโดยแท้ ก่อนหน้านี้ CCTV เพิ่งเอาซีรี่เจงกีสข่านมาฉาย จบไปได้เดือนนึงแล้วมั้ง ผมฟังไม่ค่อยออก คุณพ่อนั่งดูทุกคืนเลย จากคุณ : Hephaestuz เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 11:40:47

ความคิดเห็นที่ 53 รออ่านครับ ขอบคุณมากๆ ครับ จากคุณ : pisanur เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 11:42:12

ความคิดเห็นที่ 54 ถ้ามีพรีสสายซัพ มาช่วย Pnuma    เจงกีสข่านไม่ได้ซ่าแบบนี้แน่ จากคุณ : Free Kick เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 11:48:24

ความคิดเห็นที่ 55 ออกฆ้อนสตันพอไหวไหมคับ จากคุณ : Santa_Baby เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:22:40

ความคิดเห็นที่ 56 มารองาบคนออกทะเล จากคุณ : บ่าวจ่อย เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:26:11

ความคิดเห็นที่ 57 คห 22 เวอร์ชั่นดั้งเดิมเหรอครับ อืม เนื้อเพลงดูเป็นอมตะดี แต่ทำไมมันดูติ๊งต่องอย่างนั้นหล่ะครับ เวอร์ชั่นดั้งเดิมเป็นของชาติไหนครับ จากคุณ : โดดเดี่ยวในบ้านหลังใหญ่ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:28:45

ความคิดเห็นที่ 58 ^ ^ ^ ถ้าจำไม่ผิดจะเปน วงดนตรีของเยอรมันนะครับ จากคุณ : Meow-Meow (piggy_and_kitty) เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:47:44

ความคิดเห็นที่ 59 ^ ^ ^ ถ้าจำไม่ผิดจะเปน วงดนตรีของเยอรมันนะครับ จากคุณ : Meow-Meow (piggy_and_kitty) เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:52:31

ความคิดเห็นที่ 60 ง่ะ กำลังสนุกเลย รออ่านนะคะ (ปูเสื่อ ต้มมาม่ารอ) จากคุณ : ฮ่าๆๆComeback (โฮ่งฮับตังเม) เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:53:22

ความคิดเห็นที่ 61 เหมือนเคยเห็นกระทู้นี้มาก่อนน่ะ หรือว่าเราดูหนังเรื่อง Dejavu มาเมื่อวันเสาร์น่ะ (-_-)a จากคุณ : bhattee เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:02:41

ความคิดเห็นที่ 62 รออ่านอยู่นะครับ จากคุณ : ขอใช้ชื่อนี้ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:07:17

ความคิดเห็นที่ 63 # 50 เกราะเบาเผื่อให้ขี่บนม้าได้ ม้าวิ่งเร็ว ยิ่งธนูบนม้าได้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปรบกับอาวุธหนักๆ ช้าๆ ผมมองอย่างไรก็ได้เปรียบนะ จากคุณ : พระจันทร์สีฟ้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:18:54

ความคิดเห็นที่ 64 # 50 เกราะเบาเผื่อให้ขี่บนม้าได้ ม้าวิ่งเร็ว ยิ่งธนูบนม้าได้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปรบกับอาวุธหนักๆ ช้าๆ ผมมองอย่างไรก็ได้เปรียบนะ จากคุณ : พระจันทร์สีฟ้า เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:19:50

ความคิดเห็นที่ 65 โดยภาพรวมผมว่าก็ยังไม่ใช่นะครับ ตอนช่วงแรกที่มองโกลตีซีเซี่ย ต้าหลี่(สิบสองปันนา) จูเชน และราชวงศ์ซ่ง แตกก็เพราะยุทธการที่เด็ดขาด รวดเร็ว และปิดล้อมเมืองนะครับ โดยจะเห็นได้ว่าภูมิศาสตร์ไม่เอื้อต่อการใช้ Mounted Archery เลย แต่ประการใด ส่วนใหญ่อาศัยการกดดันขุนศึก และความโหดเหี้ยมไม่เลือกวิธีที่ใช้ถึงชัยชนะ ส่้วนเรื่องการบุกตะวันตก ถ้าจะอธิบายการประสบความสำเร็จช่วงแรกๆ ของ Mongol Invasion นั้นผมยังค่อนข้างเห็นด้วยเกี่ยวกับนวัตกรรมของ Composite Bow ครับ ตั้งแต่เทือกเขาอัลไต จรดลุ่มแม่น้ำดานูป ยังมีภูมิประเทศที่เป็นที่ราบสเตปป์ สะวันนา ทะเลทราย รวมถึงที่ราบลุ่มแม่น้ำ ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้ทัพม้าในบางส่วน ดังนั้นยุทธการของมองโกลที่เด็ดขาดในช่วงแรกนี้ยังพอมองภาพออกว่า เพราะ ทัพม้า และ Composite Bow ที่โจมตีด้วยความเร็วสูง ปิดล้อมเมือง และใช้การตัดเส้นทางเสบียง ตัวอย่างที่พอเห็นได้คือการตีจักรวรรดิควาราซม์-ชาห์ (ซึ่งเป็นอาณาจักรเปอร์เซียนอิสลามิก) โดยเ้ห็นได้จากตอนยึดเมืองซามาคัน นิชาเปอร์ และฮารัต (ปัจจุบันคืออัฟกานิสถาน) ที่ตีแตกง่ายๆด้วยกลยุทธทัพม้า แต่พอตีถึงพวกเซลจุกเติร์ก กาลิปห์แห่งแบกแดด รวมถึงเมืองอเลปโป และเยรูซาเล็ม (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอิสลาม) ถึงพอสู้ได้แต่ก็หืดขึ้นคอ และยึดเมืองไว้แบบฉาบฉวย จากนั้นก็เริ่มลำบากเพราะยุทธการของพวกนี้มีไพร่พลมากกว่าหลายเท่า และเิริ่มมีการใช้ดินปืนมากขึ้น เช่น ตอนพยายามตีทัพอิสลามในอียิปต์ สุดท้ายก็พ่ายแพ้แก่ "The First Cannon" ครับ ทีนี้ข้ามโซนมาในยุโรปบ้างเส้นทางการโจมตีแนวบนส่วนมากจะเป็น โอกาไดข่าน ปาตูข่าน และสุโบไตมีผลงานมากที่สุด ที่สามารถตีพวกรุส หรือรัสเซีย ในขณะนั้นแตกไปค่อนประเทศ โดยยุทธวิธีที่ใช้ก็คือการถืออาวุธหนักเข้าตี ปิดล้อมเมืองกดดัน จนเคียฟแตก ต่อมาในยุโรปตะวันออกปาตูข่านก็ใช้การกดดันพวก Templar,Teutonic ตอนแรกก็น่าจะใช้ Composite Bow แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ (โดยผมคาดว่ายิงเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง ไม่แน่นอน) สุดท้ายก็รู้สึกเหมือนจะหันไปติดอาวุธ Heavy Lancer เข้าปะืทะแทนนะครับ แต่ก่อนที่จะรบชี้ขาดว่าใครแพ้ชนะ มองโกลดันมีปัญหาภายในพี่น้องเขม่นกันเอง คนที่มีอำนาจคุมได้(ต้องเป็นลูกสายตรงเจงกิสข่านที่ติดยศ Great Khan) ทะยอยตาย จึงแตกแยกและตั้งอาณาจักรของตัวเองในท้ายที่สุด หวังผลแค่รักษาฐานที่มั่นไม่คิดยึดทัพไหนอีก และเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลามเสียหมดครับ สรุปว่าทัพม้า+Composite ใช้ได้ผลแค่ช่วงเอเชียกลางแต่ใช้ไม่ได้ผลในยุโรป ตะวันออกกลาง เพราัะถึงจะมีที่ราบแต่พวกนี้ติดอาวุธหนัก เกราะหนัก ใช้ดินปืน หรือมีป้อมปราการแข็งแกร่ง ซึ่งทัพม้ามองโกลที่่ถนัดปิดล้อมตัดทางเสบียง ชนะอย่างเด็ดขาดไม่ได้ ต้องใช้การปีนป้ิอมปราการเข้าตีแบบรบประชิด ซึ่งไม่เหมาะที่จะใช้ Composite ครับ ผิดถูกประการใด หรือไม่เห็นด้วยรบกวนท้วงติงด้วยครับผม จากคุณ : UrmiaRest เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:27:58

ความคิดเห็นที่ 66 เข้ามาติดตาม จากคุณ : HARU_PAN เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:33:37

ความคิดเห็นที่ 67 มาลงต่อเลยน่ะครับสนุกดี จากคุณ : tus_sks เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:36:29

ความคิดเห็นที่ 68 ระหว่างรอ ... ฟัง เพลง เจงกีสข่าน เวอร์ชั่น ไทย จากวง รอยัลสไปรท์ กันไปก่อนนะครับ ^^" จากคุณ : TonTon1977 เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:44:13

ความคิดเห็นที่ 69 อ่านแล้วสนุกดีได้ความรู้ด้วย จากคุณ : สงสัยจัง เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:48:47 A:203.155.9.163 X: TicketID:155104

ความคิดเห็นที่ 70 ติด crist นี่มุกอะไร critical หรือเปล่า จากคุณ : ท่านประธานบริษัท เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:54:24

ความคิดเห็นที่ 71 แนะนำหนังสือ genghis khan ครับ เรื่องของ เจงกิสข่าน ถึง กุบไลข่านเลย สนุกครับ แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 17:43:20 จากคุณ : Flyingfox เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:10:21

ความคิดเห็นที่ 72 สนุกดีครับ อ่านไปเหมือนกำลังดูหนังอยู่ Bookmark แล้ว รอตอนต่อไปครับ จากคุณ : Sic6siX เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:48:10

ความคิดเห็นที่ 73 อ่านเพลิน+ได้ความรู้ๆ   ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : lalinphat เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:55:19

ความคิดเห็นที่ 74 รออ่านท่านเตมูจินต่อครับ จากคุณ : D-FUJIMA เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 15:50:36

ความคิดเห็นที่ 75 นิดนึงนะท่าน"ประเทศรัสเซีย ดินแดน ที่แทบไม่เคยมีใครบุกยึดครองได้ ตั้งแต่ อดีต จนถึงปัจจุบันแต่กลับพบ ยอดจอมคน จอมทัพ และกองทัพที่ถูกมองว่า ป่าเถื่อน ไร้วัฒนธรรม และ โหดร้าย และมาจาก ชุมชนเลี้ยงสัตว์ในทุ่งหญ้า เทือกเขา เบอร์คานคัลดุล บุกตีและยึดครอง รัสเซียทั้งประเทศ มากว่า 100 ปี และเพิ่งเป็นเอกราช ไม่ถึง 300 ปี" เหมือนข้อความขัดแย้งเองติ๊ดดดดนึง จากคุณ : ลูกอมขาว เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 16:03:22

ความคิดเห็นที่ 76 รออ่านเผื่อมีมาม่า จากคุณ : โสดเสมอเมื่อเจอผู้ชาย เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 16:25:01

ความคิดเห็นที่ 77 คุณพระจันทร์สีฟ้า    ที่มองโกลพ่ายญี่ปุ่นไป2ครั้งนั่นรู้แล้วครับ     แต่อยากเห็นไง    ว่าถ้ากุบไลข่านไม่ตัดใจไปซะก่อน       ระดมกองทัพเต็มกำลังไปบุกญี่ปุ่นอีก      ยอมแตกหักกันไปข้างหนึ่งนี่จะเป็นยังไง เรื่องอินเดียก็สงสัยต่อครับ     ว่าทำไมมองโกลสมัยนั้นไม่บุกเข้าอินเดีย     จะว่าเทือกเขาหิมาลัยกั้นไว้    แต่มองโกลก็ยึดแถบอัฟกานิสถานได้     ยกทัพบุกเข้าจากทางอัฟกานิสถานก็ได้นี่นา จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 16:28:32

ความคิดเห็นที่ 78 สนุกดีค่ะ ธนูมันคงหนักมากๆเลยเนอะ เก่งจริงๆคนยิง คนถือ จากคุณ : วัตถุต้องสงสัย เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 16:55:56

ความคิดเห็นที่ 79 เย้ๆๆ มาอีกแล้วว ^_^ จากคุณ : mOOgrOb'pm' เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 17:08:41

ความคิดเห็นที่ 80 ถ้าทำเป็นวรรณกรรม สงสัยสนุกกว่าแฮรี่ พอตเตอร์อีก น่าจะมีคนเอามาทำเป็นหนัง ภาคต่อจัง จากคุณ : immeeLy เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 17:14:43

ความคิดเห็นที่ 81 มองโกลที่ไม่บุกยึด อินเดีย เพราะอากาศครับ ทหารไม่ชินและทำให้โครงธนูเปลื่ยนเลยยิงไม่แม่นครับ เอาจากหนังสือที่แนะนำข้างบน แต่รุ่นหลาน อาณาจักรโมกุลิสถานที่แตกมา ก็มีบทบาทในอินเดียครับ แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 17:41:32 จากคุณ : Flyingfox เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 17:40:40

ความคิดเห็นที่ 82 อ่านของคุณ kappasai เลยไปหาข้อมูลมาเล่นๆ ความเร็วกระสุนปืน อยู่ที่ 600 - 5000 feet per second อ้างอิงจาก http://hypertextbook.com/facts/1999/MariaPereyra.shtml ซึ่งเค้าอ้าน encyclopedia อีกที ส่วนความเร็ว ธนู (ปัจจุบัน) อยู่ที่ราวๆ 300 feet per second อ้างอิงจาก http://www.thefreelibrary.com/World%27s+fastest+bows+hunting%3A+ten+bow+makers+put+their+speedsters+on...-a0133468238 แน่นอนว่า นี่เป็นข้อมูล ยุคปัจจุบัน จึงยังไม่ขอสรุปอะไรมากไปกว่านี้ แต่ที่ไปอ่านมา ธนูโบราณ น่าจะมีความเร็วที่ประมาณ 200 fps เมื่อดูจากระยะยิง แต่ไม่ใช้ข้อมูลที่เป็นทางการ และไม่ทราบชนิดธนู จากคุณ : Poker เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 17:49:53 A:58.11.98.144 X: TicketID:217078

ความคิดเห็นที่ 83 เพิ่งดูมาพอดี เทคโนโลยีขีปนาวุธ มีการกล่าวถึง ธนู ของกองทัพมงโกล http://www.doodeetv.com/?p=6481 จากคุณ : TrojanTHM เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 17:52:14

ความคิดเห็นที่ 84 #50 ความเร็วที่เขาว่าในที่นี้หมายถึง rate of fire ครับ ไม่ใช่ความเร็วของลูกธนู แหม.. ยิงเร็วเกือบเท่าเสียง แถมนน. ขนาดนั้นมันคงไม่ใช่ธนูแล้วครับ.. แถมไม่ใช่ยิงทะลุแค่เกราะด้วย..  กำแพงบ้านมันยังทะลุเลย..  ดอกธนูรบเนี่ยดอกนึงน่าจะเกินสองขีดนะครับ ลองคำนวน โมเมนตั้มของมวล 200 g * ~1000 fps คิดว่ากำลังส่งออกจกแหล่ง มันเท่าไหร่  คงต้องส่งด้วยแส้มากกว่าธนู นี่เรียกได้ว่าฝ่ายค้านตลอดการเลยนะเนี่ย..    เพราะท่าทางจะตามค้านมาหลายทีแล้ว.. จริงๆไม่น่าเชื่อว่าคุณจะคิดว่าเค้าพูดถึงความเร็วของลูกน่ะ  มันดูโง่เกินไปเมื่อเทียบกับข้อมูลที่คุณเอามาอ้างอิง..น่ะ  ข้อมูลอ้างอิงนี่ดูดี มีความรู้เชียว... จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 17:57:01

ความคิดเห็นที่ 85 ยิง 12 ดอก ใน 17 วินาที เริ่มนาทีที่ 13.30 จากคุณ : TrojanTHM เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 18:00:36

ความคิดเห็นที่ 86 หนังสร้างมาเยอะแล้วครับ มองโกลเป็นชนเผ่าที่ขี่ม้าเก่ง และยิงธนูเก่ง พอผสานเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าสุดในโลกยุคนั้นจากต้าซ่ง ก็เป็นเสือติดปีก บุกไปได้ไกล จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 18:02:23

ความคิดเห็นที่ 87 หนังสร้างมาเยอะแล้วครับ มองโกลเป็นชนเผ่าที่ขี่ม้าเก่ง และยิงธนูเก่ง พอผสานเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าสุดในโลกยุคนั้นจากต้าซ่ง ก็เป็นเสือติดปีก บุกไปได้ไกล จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 18:03:23

ความคิดเห็นที่ 88 หนังสร้างมาเยอะแล้วครับ มองโกลเป็นชนเผ่าที่ขี่ม้าเก่ง และยิงธนูเก่ง พอผสานเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าสุดในโลกยุคนั้นจากต้าซ่ง ก็เป็นเสือติดปีก บุกไปได้ไกล จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 18:04:24

ความคิดเห็นที่ 89 ผมว่าพลม้ายิงธนูที่คล่องตัวก็มีนะ  แบบนี้ไง . . . จากคุณ : To_harm_never (To_harm_never) เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 18:08:48

ความคิดเห็นที่ 90 #84 จะว่าเป็นฝ่ายค้านตลอดการรึไม่ก็ตามสบายนะครับ แต่ข้อเท็จริง นี่เป็นกระทู้ที่สอง ซึ่งผมเอาข้อมูลอีกด้านหนึ่งมาแย้ง ก็ถ้าวิทยาศาสตร์ต้องเชื่ออย่างเดียวโดยไม่มีการตีตก (anti thesys) มันจะเป็นวิทยาศาสตร์ไหมครับ คำว่าความเร็วในที่นี้ เป็น 'ความเร็ว' ซึ่งไม่ใช่คำที่ถูกลงลึกในรายละเอียดนะครับ แล้วจะให้ผมตีความเป็นอื่นได้อย่างไร เพราะผมเคยเห็นในกระทู้เด็กดีมาแล้วว่าเขาบอกลูกศรของคอมโพสิตโบวแห่งเผ่ามองโกล เร็วเท่าปืน 11 มม. มันจึงเกิดภาพซ้ำซ้อนขึ้นในหัวผมครับว่าจะเป็นการอ้างอย่างเดียวกันหรือไม่ ซึ่งผมได้ถามจขกท.ในกระทู้ก่อนไปแล้วด้วยว่า หมายถึงความเร็วเช่นนี้ใช่ไหมเมื่อเทียบกับปืนเล็ก แต่อย่างที่บอกครับ ไม่มีใครกลับมาตอบให้หายข้องใจ ไม่เชื่อก็กลับไปอ่านได้ครับ ว่าผมถามเช่นนี้จริงหรือเปล่า ถ้าเขาบอกว่าเปล่า ผมพร้อมขอโทษทันที แต่ในเมื่อไม่มีแล้วจะให้ผมคิดเช่นไรครับ? ลูกศรจากธนูยูมิของญี่ปุ่นเร็วขนาดนั้นก็จริงครับ แต่อย่าลืมว่า ลูกศรมันมี ""ตัวศรและหาง""" นะครับ ถึงจะเร็วร้อยกว่าเมตรต่อวินาทีตอนที่ลูกศรออกจากคันธนู หรือต่อให้เร็วเหนือเสียงก็เถอะ แล้วมันจะยิงเสื้อโซ่ หรือ chainmail ไม่เข้าก็ไม่เห็นแปลกนี่ครับ เพราะเรื่องหัวธนูและปัจจัยแวดล้อมในการเคลื่อนที่ของลูกศร เปรียบเทียบกับกระสุนปืนมันแตกต่างกันเยอะ อนึ่ง rate of fire คือ"""อัตราการยิง"""ใช่ไหมครับ เพราะผมแปลแบบตรงๆ ตัวและไม่เคยยุ่งกับปืน จึงไม่คิดว่าจะแปลเป็นอื่นได้ เช่นนั้นแล้วผมสงสัยว่า ในการเหนี่ยวไกปืนเล็กยาวทีละนัด กับการขึ้นศรคอมโพสิตโบว มันจะเร็วเท่ากันได้อย่างไร คนหนึ่งกระดิกแค่นิ้ว กับอีกคนหนึ่งต้องดึงศรออกจากแล่ง ขึ้นสาย ยิง ต่อให้ไม่หวังผลทั้งคู่ก็เถอะ ยิ่งไม่ต้องพูดถ้าให้ปืนเล็กยาวยิงแบบ full auto ปล. ส่วนในการแสดงความคิดเห็นของผมข้ออื่น ถ้าจะกรุณาแสดงความเห็นแย้งอีกด้านหนึ่งก็จะดีอย่างยิ่งครับ จากคุณ : kappasai เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 19:30:22

ความคิดเห็นที่ 91 rate of fire ของปืนสมัยนี้ ถ้าเป็นปืนพกทั่วไป ก็ไวเท่าที่นิ้วคุณจะเหนี่ยวไกได้ครับ ถ้าใช้คนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่ากันกับคนยิงธนู ยังไงก็ไวกว่าขึ้นคันธนูยิงแต่ละนัดแน่ๆครับ ถ้าเป็นปืนพก Full automatic อย่าง Glock 18 ก็นาทีละ 1100 นัด + หรือวินาทีละ 18 นัด ถ้าเป็นปืนกลหนัก บางรุ่นสามารถยิงได้ถึง 3000 นัดต่อนาที หรือวินาทีละ 50 นัด และโดยเฉลี่ยสำหรับปืนกลก็อยู่ระหว่าง 500 - 1200 นัดต่อนาทีหรือต่ำสุด วินาทีละ 8 นัด เป็นข้อมูลเฉยๆ นะครับ ไม่ได้มีจุดประสงค์จะขัดคอหรือดราม่าอะไรครับ ด้วยความเคารพ edit : แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องหักลบเวลาที่จะเปลี่ยนตลับกระสุนด้วย เมื่อเวลากระสุดหมด แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 19:44:00 จากคุณ : ชาวบ้านบางกอก เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 19:41:20

ความคิดเห็นที่ 92 กำลังอ่านหนุกๆ ดันมาขัดคอกันเอง เอาสนุกๆ น่ะ   อย่า serious กันนักเลย  ENTERTAIN กันหน่อยก็ได้  อวดรู้อวดเก่งก็ไม่ว่า  ขอมาเล่าเรื่องให้ผมฟังได้เรื่อยๆ อย่าเอาแต่ขัดคอกัน อวดฉลาดเลย  ผมรับอ่านทุกคน เพราะถือว่า ท่านรู้มากกว่าผม   มันจะเครียดอะไรกันนักหนา   ใครมาเบรคเรื่องนี้ ต้องหาเรื่องอื่นมาเล่าแทนนะครับ อย่าเอาแต่มาเก่ง ขัดคอแล้วก็ไป   เบื่อพวกเก่ง แต่งานสะดุด แบบนี้ ประเทศมันถึงไม่ไปไหน   แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 19:51:04 จากคุณ : PeterMc เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 19:49:02

ความคิดเห็นที่ 93 รู้แต่ว่าธนูมองโกลใกล้เคียงกับธนูยุคปัจจุบันมากที่สุด แล้วทำไมธนูของมองโกลเทพสุด ก็คงเป็นเพราะว่ามันยิงบนหลังม้าครับ ม้าวิ่งเพิ่มแรงเข้าไปอีก นึกภาพกันไม่ออกใช่ไหม แป้ป เดี๋ยวหาคลิ้ปในยูทู้บก่อนนะ คือพี่แกจะแปลขบวนเป็นวงกลม วิ่งเป็นวงกลมแล้วก็ยิงๆๆๆๆ จากคุณ : SkillFull เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 19:53:02

ความคิดเห็นที่ 94 จากคห.36 "เคยนั่งดูสารคดีเรื่องธนูของ NG มั้ง ความไวของธนู มองโกล นี่สามารถยิงได้โดยเฉลี่ยแล้วคือ 50 - 60 ดอกต่อนาที" ดอกต่อนาที ไม่ใช่ เมตรต่อวินาทีหรือฟุตต่อวินาที เป็นอัตราเร็วในการยิงลูกธนู ไม่ใช่อัตราความเร็วของลูกธนู เหมือนที่ #84 ว่าไว้ครับ จากคุณ : ดวงฉลุย เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 20:05:32

ความคิดเห็นที่ 95 เรียกว่าความถี่แล้วกันนะครับ เอ้า ต่อได้ จากคุณ : Hephaestuz เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 20:20:43

ความคิดเห็นที่ 96 #92 เค้าก้เข้ามาพูดข้อมูลอีกด้านนึง  ให้คุณได้รุ้ไงครับ  ส่วนจะเชื่อไม่เชื่อก้แล้วแต่คุณ "เบื่อพวกเก่ง แต่งานสะดุด แบบนี้ ประเทศมันถึงไม่ไปไหน "--->เป็นfallacy รึเปล่าเนี่ย จากคุณ : กร๊องงง เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 20:29:31

ความคิดเห็นที่ 97 #92 ผมว่าตรรกะมันผิดอยู่นะครับ จขกท. กำลังเล่าวิทยาศสาตร์ + ประวัติศาสตร์ ถ้ามันผิดพลาดก็ต้องมีการถกเถียงว่าถูกหรือไม่ถูก หากมีเด็กๆ มาอ่านแล้วจำไปผิดๆ ก็ผิดเท่านั้นเอง นี่คือว่าใจกว้างของวิทยาศาสตร์ครับ ไม่เกี่ยวกับเก่งหรือไม่เก่ง ผมไม่ได้ตั้งใจดักคอ แต่ผมตั้งใจถกเถียงเพื่อหาความถูกต้อง ถ้าผมผิดในข้อใดก็ว่ามาเลยครับ ผมยินดีขอโทษหรือไปหาข้อมูลมาเพิ่้มเพื่อแก้ไข เข้าใจครับว่าเป็นกระทู้เพื่อบันเทิง แต่นี่ไม่ใช่นิยายน้ำเน่าที่ผิดถูกอย่างไรก็ปล่อยๆ มันไปนี่ครับ จากการอ่านกระทู้ผ่านๆ มาของคนหว้ากอคุณก็น่าจะรู้ว่าพวกเขามีนิสัยอย่างไร รักข้อเท็จจริงที่ถูกต้องมากกว่าอะไร ไม่งั้นจะมีกระทู้ประเภท ความจริงที่คุณไม่เคยรู้ แล้วก็มีกระทู้ ความจริงของความจริงที่คุณไม่เคยรู้ออกมาแก้ไข ถกเถียงทำไมครับ? ปล. ในการทำงานผมนิยมจะให้มีการเถียงกันจนเคลียร์แล้วหยุดงานไว้ก่อนครับ เแม้จะมากเรื่องมากความก็เถอะ เพราะเวลางานมันผิดขึ้นมาจะได้ไม่มีประโยค "ฉันบอกแกแล้วใช่ไหม ทำไมไม่ฟัง" หรือ"ก็เนี่ย แทนที่จะฟังกันบ้าง เห็นมั้ยละ" ผมเจอประโยคประเภทนี้จนรำคาญซะมากกว่าอีกครับ จากคุณ : kappasai เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 20:49:46

ความคิดเห็นที่ 98 #97 ผิดตรงที่ รอให้จบก่อนได้ไหมครับ เพราะผมรออ่านให้จบอยู่ เจอแทรกแบบนี้แล้วมันเซง จากคุณ : AIScript เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 21:01:03

ความคิดเห็นที่ 99 อย่าลืมด้วยครับ ว่าลูกศร  มันรูปร่าง อย่างไร แรงที่ส่ง  เวลามันกระทบ กับวัตถุ เป็นยังไง   เพราะว่ามันยาวด้วย  อาจจะ 30-40 ซม ได้ แรงกระทบ มันมากแน่นอน  ลอง เอาก้อนหิน ขว้าง ใส่แผ่นไม้อัด ลองดูครับ แล้วลองหาหลอดแข็งยาว  มาลอง  โยนใส่ ดูมั่งครับ  ลองน้ำหนักเท่าๆกัน ลองดูว่าอันไหน  เจาะเข้าได้ดีกว่าครับ จากคุณ : joyrisus เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 21:19:36

ความคิดเห็นที่ 100 อย่าลืมด้วยครับ ว่าลูกศร  มันรูปร่าง อย่างไร แรงที่ส่ง  เวลามันกระทบ กับวัตถุ เป็นยังไง   เพราะว่ามันยาวด้วย  อาจจะ 30-40 ซม ได้ แรงกระทบ มันมากแน่นอน  ลอง เอาก้อนหิน ขว้าง ใส่แผ่นไม้อัด ลองดูครับ แล้วลองหาหลอดแข็งยาว  มาลอง  โยนใส่ ดูมั่งครับ  ลองน้ำหนักเท่าๆกัน ลองดูว่าอันไหน  เจาะเข้าได้ดีก จากคุณ : joyrisus เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 21:19:56

ความคิดเห็นที่ 101 โอ่ย บัก kappasai บักปึก เล่นจับผิดเป็นคำๆแบบนี้ มันก็เลือกเอาตรงผิดได้หมดล่ะ แม่นจริงๆ ไอ้ตรรกะคำเนี่ย จากคุณ : เด๊วปั๊ดเหน่ววเม่~ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 21:44:19 A:222.123.57.216 X: TicketID:292131

ความคิดเห็นที่ 102 หวัดดีค่า คุณอ้ายหนุ่มพลังม้า  มาเชียร์จ้า จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 21:59:06

ความคิดเห็นที่ 103 นั่นคือ จุดเด่นของกองทัพ เจงกีสข่าน ทหารม้าติดอาวุธเคลื่อนที่เร็ว คล่องแคล่ว เดินทางได้ไว และมีแม่ทัพ ผู้เกรียงไกรแห่งยุค อันสงครามนั้น กำลังพล และอุบายในการ เข้าโจมตีนั้น สำคัญ กองกำลังมากกว่าก็จริง แต่วางอุบายไม่ได้เรื่อง เสียเปรียบฝ่ายตรงข้าม ก็ย่อมพ่ายศึก "รู้เขา.....รู้เรา........รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง...." จากคุณ : giantmodify เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 22:08:07

ความคิดเห็นที่ 104 สงสัยเจอแบบนี้ เจ้าของกระทู้หมดอารมณ์เล่าต่อเลย เซ็ง คุณ kappasai ว่างมากนักก็เอาเวลาที่จับผิดคนอื่น ช่วยหาเรื่องมาเล่าให้คนในหว้ากออ่านบ้างนะครับ ขอบคุณไว้ล่วงหน้าเลย จากคุณ : tauhoo เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 22:13:47

ความคิดเห็นที่ 105 กำลังอ่านเพลินๆ จขกท ต่อเลยครับ จากคุณ : harvardวิทยาคม เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 22:32:05

ความคิดเห็นที่ 106 ผมมีภาพเปรียบเทียบแต่ละอาณาจักร อาณาจักรใครใหญ่กว่ากัน อิอิ จากคุณ : คนต้นน้ำ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 22:37:52