ความคิดเห็นที่ 1 ... จะเป็นนักบิน F-16 ของ ทอ.ไทย ขั้นแรก...ต้องสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ในส่วนของ ทอ.ให้ได้ซะก่อน ปี่หนึ่งๆ รร.ตท.-รร.นายเรืออากาศ รับเข้าเรียนในส่วนของ ทอ. ประมาณ 100-120 คน ขั้นต่อมา...เมื่อเรียนจบจาก รร.นนอ....ก็ต้องผ่านการตรวจร่างกายให้ได้ตามมาตรฐาน ของเวชศาสตร์การบิน...จากนั้นก็เข้าเรียน รร.การบิน...ไปเป็นศิษย์การบินอีกราวๆ 1 ปี รร.การบินจะคัดเลือกศิษย์การบิน...ไปเรียนบินกับเครื่องบินชนิดต่างๆ...ตามระดับฝีมือ พวกฝีมือดีจะไปบินเครื่อง Jet.....พวกนี้บางคนก็จะได้รับการคัดเลือกไปบิน F-16 อีกที ไม่ยากเกินความสามารถ....ของคนที่มีความตั้งใจจริงหรอก http://www.604sqdn.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=429045&Ntype=6 ... จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 10:03:44

ความคิดเห็นที่ 2 ในเมืองไทยถ้าอยากบิน F -ขั้นแรกเข้าเตรียมทหารให้ได้ก่อน รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีๆ แสดงความเป็นผู้นำให้โดดเด่น เสียสละ ไม่ต้องกลับบ้านบ่อยๆ แทนเวรให้เพื่อนเยอะๆ เป็นคอมมแมนให้ได้ ที่กล่าวมาทั้งหมดยังไม่เกี่ยวกับการเป็นนักบินนะครับแต่เป็นการปูทางให้เห็นแววและสร้างความโดดเด่นให้ตัวเอง -ขั้นที่2 ขึ้นเหล่า(โรงเรียนนายเรืออากาศ) ตามเหล่าทัพที่สอบไว้ตั้งแต่ต้น เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าจะมือการจับมือเปลี่ยนเหล่ากันอีกไหม นี่คือจุดเริ่มต้นครับ ทางที่ 2 สำหรับพวกที่ชาวบ้านๆจริงๆก้เข้าโรงเรียนจ่าอากาศครับ ทำเกรดให้ติดตามที่กำหนดไว้ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะ 3.5ขึ้นไปมั้ง รุ่นๆนึงเนี่ยจะมีได้ทุนไปเรียนต่อ นายเรือากาศ ประมาณ 20 คนแต่เดี๋ยวนี้ไม่แน่ใจว่าได้ไปกี่คน แล้วก็ไปวัดดวงเอาแต่พวกที่ไปจากโรงเรียนจ่าอากาศต้องยอมรับความจริงอย่างนึงว่าจะไม่มีรุ่นเตรียมทหารนะครับ แต่สมัยก่อนจะมีรุ่นที่ได้ไปเตรียมทหาร ตัวอย่างเช่น พลอากาศเอก คงศักดิ์ วันทนา.พลอากาศเอก สมหมาย ดาบเพ็ชร์.สองท่านนี้จบจากโรงเรียนจ่าอากาศแล้วได้ไปที่ นายเรืออากาศครับ(แต่ท่านทั้ง 2 มีรุ่นเตรียมทหารครับ เอาแค่นี้ก่อนครับ งานยุ่งนิดนึง จากคุณ : jim bowies เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 10:09:23

ความคิดเห็นที่ 3 อืมความคิดเห็นที่1 ตอบไปหมดแล้ว เคลียร์ที่สุดแล้วครับ ความคิดเห็นที่ผมได้บอกไปมันเป็นเพียงส่วนประกอบและรายละเอียดปลีกย่อยนะครับแต่ความจำเป็นถามว่ามีไหม มีแน่นอนครับ ถ้าลงรายละเอียดกันจริงๆ มากมายหลายเรื่องครับกับการที่จะทะยานขึ้นมาอยู่ในหัวแถวของรุ่น ท่าน คคห.ที่1ครับ กิ๊ฟผมหมดนะ ขอบคุณที่ให้กิ๊ฟครับผม แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 53 10:29:42 แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 53 10:28:14 จากคุณ : jim bowies เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 10:13:14

ความคิดเห็นที่ 4 นอกจากที่จะต้องสอบผ่านเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ในส่วนของทหารอากาศและเข้าไปเรียนในโรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนนายเรืออากาศแล้ว ก็จะต้องมาเป็นทหารบก หรือทหารอากาศ หรือ หน่วยอากาศโยธิน ผลการเรียนในโรงเีรียนนายเรืออากาศก็คือการคัดเลือกอีกอย่างหนึ่งครับ คือ เลือกได้ว่าจะเป็นนักบิน มีโอกาสได้ไปเรียนที่โรงเรียนการบินกำแพงแสนหรือไม่ อย่างไร ถ้าผลการเรียนเฉลี่ยในโรงเรียนนายเรืออากาศสูง ก็มีโอกาสได้เลือกก่อน ตามลำดับคะแนน ว่าจะเรียนแผนกใด ฝ่ายใด และจะมีโอกาสได้เป็นนักบินหรือไม่  ถ้าเรียนไม่เก่งคะแนนไม่สูง เพื่อนก็เลือกไปก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม จะผ่านไปเรียนที่โรงเรียนการบินกำแพงแสนได้ ก็ยังต้องผ่านการตรวจสอบร่างกาย จิตใจ จากมาตรฐานกรมเวชศาสตร์การบิน ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลทั่วโลกเสียก่อนด้วย  ซึ่งในจุดนี้ คนเรียนเก่งจริง แต่ไม่รอดในด่านนี้ ก็มีเยอะ และข้อมูลอีกประการแต่ไม่แน่ใจนักคือ ผลการเรียนในโรงเรียนการบินกำแพงแสน ก็จะเป็นตัวเลือกอีกเช่นกันว่า ใครจะมีโอกาสเลือกไปอยู่ที่กองบินไหนๆ ตามที่่มีอัตราว่าง ซึ่งกองบินที่มีเครื่องบินขับไล่ไอพ่นประจำการอยู่ อาจจะถูกเลือกหมดก่อน เพราะถือว่ามีโอกาสเจริญก้าวหน้าดี หรืออาจจะดูมีเกียรติยศ ศักดิ์ศรีดี ถือว่าเป็นอันดับต้นๆ จริงๆ ระหว่างนี้ อาจจะมีหลายคน ไปสมัครเป็นนักบินการบินไทยบ้าง  นักบินพาณิชย์สายการบินอื่นๆ บ้าง ก็แล้วแต่อุดมการณ์และการตัดสินใจของแต่ละคน ซึ่งคนที่ไปก็ต้องจ่ายเงินค่าทุนการศึกษาที่รัฐออกให้ทั้งหมด ซึ่งคำนวณเป็นจำนวนเงินมาตรฐานไว้แล้ว ก็เป็นหลักล้านเลยทีเดียว จากคุณ : unimox เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 10:40:22

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นพี่ที่เป็นทหารอากาศ บอกว่า อนาคตไกลอาจเลื่อนยศ ถึงนายพล ได้ จากคุณ : SuperunknowN เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 11:04:04

ความคิดเห็นที่ 6 ก็ยิ่งเครื่องดี ก็ต้องยิ่งเรียนดีเรียนเก่งหนะครับ เพราะประเทศไทยไม่ได้มีเครื่องบินให้สอยเล่นเหมือน พี่กัน จากคุณ : darkness2 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 11:09:05

ความคิดเห็นที่ 7 ทำไมต้องมีร่างกายที่แข็งแรงมาก ๆ ในการเป็นนักบิน จากคุณ : hideto b1 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 11:11:15

ความคิดเห็นที่ 8 ค่า G ดูตรงตัวเลขมุมบนซ้ายครับ อัดไปแต่ละครั้ง  โคตร ๆ สุโค่ย ปล. ขอโพสต์มั่ง จากคุณ : Clarvoyance เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 11:25:35

ความคิดเห็นที่ 9 นนอ. พอเข้า รร.การบินกำแพงแสนได้ ก็จะต้องทำการบินเดี่ยว Solo flight ได้ภายใน 9 ชม.บินด้วยค่ะ ไม่งั้นก็เก็บของออกจากโรงเรียนกลับบ้านได้เลย ไปนั่งตบยุงทำงานเอกสาร หรืองานอื่นๆที่ไม่ใช่นักบิน ของหนูเป็นพลเรือน เขายืดระยะให้ Solo flight ภายใน 13 ชม.บิน ซึ่งหนูก็ผ่านได้พอดีเป๊ะ ไม่ขาดไม่เกิน ฮิฮิ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 11:55:14

ความคิดเห็นที่ 10 ปีนึงสมัครสอบเข้าเตรียมทหารประมาณ 20000 คน ปีล่าสุดเหล่าทหารอากาศรับ 85คน จ้า จากคุณ : ศุศศิ เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 11:55:26

ความคิดเห็นที่ 11 คำถาม ได้ยินมาว่าคนที่จะขับเครื่องบินไอพ่นเครื่องบินรบเช่นเคื่องF16ต้องเป็นคนเก่งต้องคนมีความสามารถและเรียนเก่งอยากทราบว่าต้องเก่งขนาดไหนมีความสามารถพิเศษอะไรถึงจะถูกคัดเลือกเป็นนักบินเครื่องบินรบและถ้าคนธรรมดาอย่างเราๆจะฝึกฝนสามารถเป็นได้หรือไม่ จะขอตอบแบบเข้าใจง่ายๆไม่ลงในรายละเอียดน่ะครับ ลำดับการเป็นนักบินของกองทัพอากาศ ข้อความเห็นข้างบนก็กล่าวมาพอสมควร ของเพิ่มเติมข้อมูลเล็กน้อย จบจากโรงเรียนเตรียมทหาร เหล่า ทอ. และไปต่อที่โรงเรียนนายเรืออากาศ เมื่อจบ ก็สอบคัดเลือกเข้าเรียน ที่โรงเรียนการบิน กำแพงแสน  ที่เป็นแหล่งผลิตนักบินของกองทัพอากาศ นักบินทุกคนที่สังกัดกองทัพอากาศ จะต้องจบมาจากที่นี้ เมื่อเรียนจบหลักสูตร ก็ต้องแยกย้ายไปเรียนในแต่ละแบบของเครื่องบิน ตามลำดับคะแนน และแบบ เครื่องบิน เช่น ลำเลียง ,ปีกหมุน ,และแบบเครื่องบินขับไล่ เหล่านักบิน มีมากมายหลายแบบ แต่ถ้าจะเป็นนักบินขับไล่ ทุกคนจะต้อง ไปผ่าน ฝูงบิน 401 กองบิน 4 ตาคลี  จ.นครสวรรค์  เพื่อทำการบินกับเครื่องขับไล่ฝึก แบบ 1 (บข.ฝ.1) L-39   ฝูงบินนี้เป็นฝูงบิน ที่เรียกกันว่า ฝูง  Fighter Lead In  ผู้ที่จะทำการบินกับเครื่องบินขับไล่แบบต่าง ๆ ที่กองทัพอากาศมีอยู่ เช่น F-16  F-5  หรืออนาคต Jas-39ไ ด้ต้องผ่านการปูพื้นฐาน เพื่อให้ทุกคนมีความเข้าใจในการเป็นนักบินขับไล่ จากฝูงบินนี้ครับ ฝูงบิน 401             เตรียมการ และปฏิบัติการใช้กำลังทางอากาศ โดยมีกิจเฉพาะหลัก ฝึกนักบินขับไล่ และโจมตีขั้นต้น มีกิจเฉพาะรองปฏิบัติการ ร่วมกับเหล่าทัพอื่น ๆ และสนับสนุนด้านการค้นหาช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ โดยมีเครื่องบิน แบบ บข.ฝ.๑ (L-39) ประจำการ ข้อมูลก็ไปตามต่อกันน่ะครับ อาจจะถูกต้องเสียทีเดียว !!! จากรูปเป็นเส้นทางการเป็นนักบิน ของกองทัพอากาศ ในส่วนของนักบิน C-130 สังเกต ตอน จบจากโรงเรียนการบิน แล้วทุกคนต้องไปเลือกแบบ และเข้าสังกัดกับฝูงบินต่างๆที่มี เครื่องบินในแต่ละแบบ  ถ้าเป็นนักบิน ฮ. ก็ต้องไปที่ ฝูงบิน 201 กองบิน 2  ถ้าเลือกแบบ ลำเลียง ก็ต้องไปลง ที่ฝูง 601 กองบิน 6 นั่นเองครับ     จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 11:56:17

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อก่อนสมัยตอนเด็กๆ  มีเด็ก กลุ่มหนึ่งๆ ที่เป็นเพือนรัก ที่คุณพ่อเป็น ทหารอากาศ ทุกๆวันเด็ก จะพากันไปงานวันเด็กไปขึ้นเล่นเครื่องบินแบบต่างๆ แล้วพูดคุยกันเรื่องความฝัน ว่า สักวันหนึ่งพวกเราจะเป็นนักบิน อยากขับเครื่องบิน .............          จนมาถึงวันนี้ ใครจะคิดว่า เพื่อนในกลุ่น ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเป็นนักบิน รบ F-16 และนักบิน C-130 หรือ บ.แบบต่างๆๆ  แสดงว่าความฝันเป็นจริง เด็กทุกคนสามารถทำความฝันเป็นจริงได้ สักวันพวกเราก็ต้องไป พวกท่านก็ต้องขึ้นมาแทน ดังนั้น อนาคตบุตรหลาน ของพวกเราๆ ก็สามารถเป็นนักบินได้   ชีวิตการเป็นนักบิน คนเรา อายุก็มากขึ้นไปเรื่อยๆ การที่จะเป็นนักบิน รบ ร่างกาย มีส่วนสำคัญที่สุด สายตา และอายุ นักบินในแบบอื่นๆพอไว แต่นักบิน รบ ร่างการและความสามารถต้องมาก่อน นักบินรบทุกคน หรือนักบินพลเรือน หรือผู้ทำการในอากาศ  จะต้องได้รับการตรวจจาก     สถาบันเวชศาสตร์การบินกองทัพอากาศ   มีหน้าที่  ตรวจ คัดเลือก รักษา แนะนำ ควบคุม ส่งเสริมสมรรถภาพ ฝึกศึกษา อบรม และออกหนังสือสำคัญทางการแพทย์แก่เจ้าหน้าที่และผู้ทำการในอากาศ วางแผน อำนวยการ และดำเนินการส่งกลับทางอากาศสายแพทย์  ส่งเสริมความปลอดภัยในการบิน ช่วยเหลือผู้ประสบภัย และสอบสวนหาสาเหตุทางการแพทย์ ในกรณีอากาศยานอุบัติเหตุ ทำสถิติ ค้นคว้า วิจัย เกี่ยวกับเวชศาสตร์การบิน   ดำเนินการฝึกศึกษาแก่เจ้าหน้าที่เวชศาสตร์การบิน  รวมทั้งให้การสนับสนุนงานด้านเวชศาสตร์การบินแก่เจ้าหน้าที่และผู้ทำการในอากาศเหล่าทัพอื่นและพลเรือน ให้เป็นไปตามมาตรฐานของกองทัพอากาศและองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 12:06:33

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อสมัยก่อน ย้อนกับไปเมื่อหลาย สิบปีก่อน ผมมักจะล้อชื่อพ่อ ชื่อแม่กัน เจอหน้ากันที่ไร เด็กสมัยโน่นก็เป็นแบบนี้ ไม่รู้ใครเป็นบ้างหรือเปล่า หรือบางคนยังเกิดไม่ทัน เจอหน้ามั-ที่ไร มักจะเรียกชื่อพ่อ มั- ก่อน  จนถึงวันนี้ เพื่อนคนนั้น ท่านก็ได้เป็นนักบิน กัปตันที่ 1 ด้วยความรู้ความสามารถของท่าน ท่านเรียนเก่ง เป็นที่ 1 สมัยอนุบาล ประถม มัธยม และสอบ เข้าเตรียมทหาร ได้ในที่สุด ไม่ว่าเพื่อนจะยศใหญ่ แค่ไหน หน้าที่การงานจะขนาดไหน เวลาต่อหน้าก็ให้เกียรติกัน แต่เวลาส่วนตัว เพื่อนก็ยังเป็นเพื่อนครับ มาเหล่าต่อ เราทราบกันแล้วว่าจะเป็นนักบิน ก็ต้อง จบนายเรืออากาศ แล้วก็สอบแข่งขันเข้าเป็น ศิษย์การบิน  ซึ่งปีหนึ่งๆจะรับน้อยมาก เข้ามาเป็นศิษย์การบินใช่ว่าจะต้องจบหมดทุกคนน่ะครับ คุณคิดผิด ...........คนที่ไม่จบหรือออกระหว่างเรียนก็มีมาก   ขึ้นชื่อว่านักบิน เป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง เมื่อนำเครื่องขึ้น นั้นหมายถึงชีวิต ไม่เหมือนหลักสูตร นักเลงคีย์บอร์ด กดๆๆจิ้มๆ โรงเรียนการบิน สถาบันผลิตนักบิน ของ ทอ.ไทย http://www.fts.rtaf.mi.th/startpage.asp จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 12:17:02

ความคิดเห็นที่ 14 คนธรรมดาที่เคยบิน F  16 ของไทย เห็นจะมีแต่แชมป์แฟนพันธ์แท้เครื่องบินเท่านั้น (ส่วนอีกคนไม่พูดถึงนะ) จากคุณ : . (bvi) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 12:21:15

ความคิดเห็นที่ 15 การจะเป็นนักบินและจบ จากโรงเรียนการบิน กำแพงแสน ได้นั้น มีหลักสูตรหลัก อยู่ 2 หลักสูตร กับเครื่องบิน ที่ใช้ฝึกนักบินทั้ง 2 แบบ 1 ฝูงฝึกขั้นต้น ชั้นประถม ทำการบินกับ เครื่องบินฝึกแบบที่ ๑๖ ก (บ.ฝ.๑๖ก) หรือ CT-4E นามเรียกขาน CHICKEN เครื่องบินฝึกขนาดเล็ก (ใบพัด) ๒ ที่นั่งเคียงกัน จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 12:27:20

ความคิดเห็นที่ 16 2 ฝูงฝึกขั้นปลาย  ชั้นมัธยมทำการบินกับ PC-9  (Mustang) มีเครื่องบินฝึกแบบที่ 19 บ.ฝ.19 เครื่องบินฝึก ๒ ที่ นั่งตามกัน เครดิต จากน้องโย หรือคุณ Skyman จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 12:29:52

ความคิดเห็นที่ 17 #14 2 คนนั้นเค้านั่งเฉยๆนะ ไม่ได้ขับเอง จากคุณ : Teerarod เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 12:38:28

ความคิดเห็นที่ 18 ลำนี้ก็ Chicken CT-4 ของ รร.การบินกำแพงแสน แต่ปัจจุบันโอนมาให้ฝูง 604 ดอนเมือง เพื่อใช้ทำการฝึกบินให้ศิษย์การบินทหารและพลเรือนค่ะ หนูบินลำนี้มาแค่ 1 ชม. แต่มันส์โคตร ตีลังกาทำลูป 3รอบ ทำ Barrow roll ทำ Chandleir ทำ Lazy 8 ทำ Steep turn แถมบินกลับหัวโชว์ให้ดูอีก (ครูบินนะ หนูนั่งเฉยๆ) พอกลับลงมาพื้น เดินแทบไม่เป็น จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 13:03:12

ความคิดเห็นที่ 19 ทําไมไม่ฝึกนักบินทุกคนให้ได้ขับเครื่องเอฟ16ละครับ แบบประมาณว่าฝึกให้ขับเป็น หรือได้ขับสักปี  ก่อนไปทําอย่างอื่น คือไม่จําเป้นต้องให้คนเก่งเท่านั้นที่ได้ฝึกแบบนี้ไม่แฟร์เลย สําหรับนักบินคนอื่น เพราะในสถานกาณ์การรบเข้าขั้นสงครามโลก  นักบินไม่สามารถผลิตทัน แต่เครื่องบินสามารถหามาได้ไม่ยากถ้ามีตังหรือจําเป้นต้องหามาให้ได้ไม่ว่าต้องกู้เงินหรืออะไรก็ตาม ดังน้น เราแค่ฝึกนักบินของเราให้รู้จักขับเครื่องเอฟ 16ให้เป็นไว้ก่อนไม่ต้องถึงขั้นชํานาญอะไร  หลังจากนั้น ค่อยเรียกมาฝึกปีละครั้ง หมุนเวียนกันไป เราจะมีนักบินที่พร้อมใช้เอฟ16กันทุกคน  เพียงแต่เราต้องสร้างหน่วยบินรบที่ใช้ เอฟ16คล่องๆไว้จํานวนนึงที่สามารถรับมือกับการรุกรานในระยะแรกได้ เมื่อถึงคราวรบแล้วก็ไม่ต้องกลัว ว่าจะผลิตนักบินไม่ทัน   ก็เหมือนคนขับรถเป็นยังไงก็เป้นไปตลอดชีวิต  แค่ให้ได้ขับเล่นๆสักอาทิตย์ก็จะชํานาญไปเอง แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 53 13:21:56 จากคุณ : PredatorNeverdie เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 13:18:20

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ ถ้าฝึกนักบิน 1 คน ใช้งบประมาณเท่ากับฝึกคนให้ขับมอเตอร์ไซต์เป็น 1 คน ก็น่าจะฝึกให้เป็นกันทุกคนอยู่ครับ จากคุณ : unimox เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 14:09:56

ความคิดเห็นที่ 21 >>>ทําไมไม่ฝึกนักบินทุกคนให้ได้ขับเครื่องเอฟ16ละครับ คำถามสั้นๆง่าย แต่ถ้าจะตอบจริงๆ เนื้อหามาก ถ้าเปรียบเหมือนการขับรถทั่วๆ จริงอยู่ใครก็ขับได้ เช่นถ้าเป็นเกียร์ธรรดา หรือ อัตโนมัติ แต่รถก็มีหลายประเภทเช่นกัน  เช่น รถบรรทุก รถ เครื่องจักรกล รถเครน ใบอนุญาต ก็ต้องมีเฉพาะการรถชนิดนั้น ไม่ใช่ มีใบอนุญาต ขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล จะไปขับรถอีกประเภทหนึ่ง ลองมาเปรียบเหมือนวิชาชีพแพทย์  แพทย์เรียน 6 ปี จบมาเท่ากันหมด แต่ละครก็ต้องไปต่อความถนัดสาขา ของตนเอง ไม่ใช่ขึ้นชื่อว่าแพทย์ แล้ว จะต้องเป็นหมด เช่น หมอฟัน หมอรักษาสัตว์ บางคนชอบเด็กก็ออกไป ทาง กุมารเวช หรือ จะเป็น สูติ หรือจะเป็น วิสัญญีแพทย์ จะให้แพทย์ทั่วๆไป วางยาสลบคนไข้ ไม่ได้ครับ ต้องเป็นแพทย์ที่ได้รับหน้าที่ นี้นั่นก็คือ วิสัญญีแพทย์ ความเชี่ยวชาญในแต่ละอาชีพไม่เหมือนกัน ลองดูว่าแต่ละคนในที่นี้ มาถึงคำว่า นักบินบ้าง   ขึ้นชื่อว่านักบินทุกคนต้องคิดว่า ต้องขับเครื่องบินได้ทุกประเทภ อันนี้ต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ นักบินหรือ เหล่านักบิน เป็นอาชีพหนึ่ง ที่ทำการบนอากาศยาน ในอากาศ มีความถนัดในอากาศยานแต่ะละประเภท ตามที่ฝึกฝนกันมา เมื่อจบจาก โรงเรียนการบิน ทุกคนก็ถือว่าเท่ากันหมด มีความรู้ความสามารถ พร้อมที่จะเป็นนักบินในแบบต่างๆ ตามลำดับ คะแนน และตามที่ตัวเองเลือก นักบินรบก็เช่นกัน ในส่วนของนักบินรบ หรือนักบินที่จะไปผ่านเครื่องบินขับไล่ ทุกคนจะต้องไป ทำการ ฝึกบิน กับเครื่อง ขับไล่ฝึก แบบ 1 (บข.ฝ.1) L-39  ของฝูง 401 เมื่อมาถึงตรงนี้ ทุกคนยังไม่ทราบว่าจะได้บินแบบใด จนกว่า จะจบหลักสูตร ถึงจะถูกส่งไปยัง ฝูงบินที่มีเครื่องบินรบ ประจำอยู่ทั่วประเทศ เช่น เครื่อง F-16 ,F-5 , Alfa jet ,L-39 หรือ ในอนาคต Jas-39 นั่นเอง ครับ จากรูป ว่าที่นักบินใหม่ ศิษย์การบินรุ่นที่ 126 รุ่นล่าสุด ในพิธิปิดการฝึก Last Final  ที่พร้อมจะออกไปทำหน้าที่รับใช้ชาติ ในเครื่องบิน แบบต่างๆ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 14:24:33

ความคิดเห็นที่ 22 ศิษย์การบิน ในส่วนของ ทอ. หลังจากเรียนรู้ในด้านต่างๆ ทั้งวิชาการ ทั้ง การยังชีพ ความรู้ต่างๆ และ ทุกคนจะตื่นเต้นครั้งแรก เมื่อได้ขึ้นทำการบินกับเครื่อง Chicken CT-4  เป็นการบินครั้งแรกไปพร้อมกับ ครูการบิน   แผงหน้าปัด เครื่อง  CT-4  ที่นักบินทุกคนต้องเคยสัมผัสมา ถือว่าเป็นเครื่องแรกในชีวิต ที่จะต้องฝึกบิน และมาตื่นเต้นที่สุดในชีวิตอีกครั้งก็เมือ ตอน ปล่อยเดี่ยวกับเครื่อง นี้อีก นั่นถือว่า คุณขับเครื่องบิน คนเดียวบนท้องฟ้า โดยที่ไม่มีครูอยู่เคียงข้าง เมื่อผ่านตรงนี้ไปได้ ก็เข้าสู่ ชั้นปลาย กับเครื่อง  PC-9  (Mustang)  ก็เช่นกัน ก็ต้องไปเรียนกับครูการบิน จนถึงขั้นปล่อยเดียว และเก็บชั่วโมงบิน บินกลางวัน บินกลางคืน บินเดินทางไกล ก็ประมาณนี้ นี้เอาแบบย่อ ฉบับเต็มก็ไปหาข้อมูลจากหน่วยงานนั้นๆอีกทีครับ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 14:35:25

ความคิดเห็นที่ 23 ในส่วนของศิษย์การบิน เมื่อจบแล้วก็ไปประจำการตามฝูงบินต่างๆ ในส่วนของใครที่ได้คัดเลือก ให้ไปทำการบินกับเครื่องบินขับไล่   ก็ต้องไปเรียนหลักสูตร นักบินฝึกขับไล่ ที่ฝูง 401 กองบิน 4 ชื่อการบอกอยู่ว่า เป็น เครื่องขับไล่ฝึก แบบ 1 (บข.ฝ.1) L-39   สงสัยหรือเปล่า ว่าทำไม L-39 ถึงต้องมี 2 ที่นั่ง หรือพวกเครื่องบิน ฝึกนักบิน ก็เพราะ คนเราอยู่ๆ ไม่เคยขับเครื่องบิน จะให้ไปบินได้อย่างไร ก็ต้องมีครูฝึก หรือเราอาจจะเรียกว่า checker หรือเปล่า ไม่แน่ใจ คอยทำการบิน และคอยเป็นครูผู้ฝึกสอน นั่นเอง คงสงสัยกันอีกว่า ทำไม F-16 หรือ ที่มาประจำการในไทย หรือ jas-39  หมายเลข ต้นๆต้องเป็นแบบ 2 ที่นั่งหรือแบบ B   นั่นเพราะว่า การจะฝึกนักบิน รบในเครื่องแต่ละแบบขึ้นมาสักคน จะต้องมีครูการบิน ของแต่ละแบบ  เช่นแบบ Grippen 39 ที่เราส่งไป ฝึกบินที่ปรเะเทศสวีเดน นั่นเอง เครื่องขับไล่ฝึก แบบ 1 (บข.ฝ.1) L-39   เครื่องบินฝึกแบบแรกก่อนที่จะไปเป็นนักบินขับไล่ใน เครื่องบินขับไล่ในแบบต่างๆ เครดิตตาม ลายน้ำเจ้าของภาพครับ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 14:54:47

ความคิดเห็นที่ 25 เครื่องบินเราน้อย  ฉะนั้น นักบินเราต้องคุณภาพครับ อ่านข่าวการฝึกซ้อมรบในย่านนี้นักบินไทยติดอันดับต้นๆ ตลอด  อ่านแล้วก็ปลื้ม จากคุณ : puylogin เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 15:33:30

ความคิดเห็นที่ 26 คุณสมบัติของนักบินที่มันหายากมากๆในคนทั่วไปคือ การทำงาน+ตัดสินใจภายใต้แรงกดดันสูงมาก ลองคิดดูสิ ข้าศึกคุณอยู่ข้างหน้า คุณต้องยิงจรวดใส่ ถ้าคุณยิ่งใส่ เครื่องบินข้าศึกตกไปข้างล่าง ชาวบ้านตายเป็นร้อย แต่ถ้าคุณไม่ยิง มันก็จะทิ้งระเบิด คนข้างล่างตายเป็นร้อยเช่นกัน ในอีกแค่ 10 วินาที ข้าศึกจะทิ้งจรวดแล้ว คุณต้องตัดสินใจยิงหรือไม่ยิง หรือหาทางล่อให้มันไปที่อื่นในเวลาแค่ 10 วินาที คุณจะทำอย่างไร?? ในขณะที่คุณคิด คุณต้องบังคับเครื่องบิน เตรียมขอคำสั่งยิง หูฟัง ตามอง ขา+มือทำงานตลอดเวลา ทุกคนสามารถเป็นนักบินได้ครับ ถ้าได้รับการฝึกฝน แต่คนที่จะเป็นนักบินที่ดี มี airmanship .... หายากมาก คนที่เป็นนักบินได้ ไม่ใช่คนเก่ง ไม่ใช่คนฉลาด ... แต่เป็นคนที่เหมาะสม จากคุณ : อย่ามาห้ามผม เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 15:35:23

ความคิดเห็นที่ 27 ความคิดเห็นที่ 24 เขาเป็นใครครับ หน้าคุ้นๆ เหมือนเป็นตำรวจรึป่าว แต่ เอ๊ะ....... ตำรวจขับ F-16 ได้ด้วยหรอ จากคุณ : Paultinus เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 18:06:17

ความคิดเห็นที่ 28 นักบินไทย เทียบชั้นในระดับโลกได้แน่  เราด้อยกว่าตรงแค่เครื่องบินล้าสมัยและเก่าไปหน่อยเท่านั้น และ ชม บินที่ค่อนข้างจะน้อย  เพราะค่าใช้จ่ายแพงแต่ถึงนั้นเราก็ยัง  มีกองทัพอากาศที่ดีที่สุดในย่านนี้ พม่า ลาว เขมร  ฟิลิปปินส์ อินโดนีซีย มาเลเซีย ตามหลังไทยทั้งนั้น จากคุณ : PredatorNeverdie เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 18:23:09

ความคิดเห็นที่ 29 แหมพี่..ยังไงก็ให้เกีรยติเพื่อนบ้านหน่อย เอาเป็นเก่งพอๆ กันก็พอ ถ้าจะบอกว่าเก่งกว่าเค้าหมดนี่ ไม่มีใครบอกได้หรอก ต่อให้เป็นนักบินเองก็เถอะ เพราะสมัยนี้มันไม่มีประจัญบานกันแล้ว เรดาห์ใครดีกว่า คนนั้นก็เก่งกว่า หมายถึงตอนรบนะ ประเภทฝึกไปฝึกมา อย่าไปฟันธงเลย คนไทยก็ต้องยกย่องคนไทย แต่ขอไม่อวยเกินแล้วนะครับ จากคุณ : เก่งไม่แพ้คนอื่นละกัน เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 19:22:54 A:115.87.73.85 X: TicketID:287513

ความคิดเห็นที่ 30 ช่วงฝึกบินเราจะบินกับครูของเราค่ะ ครูก็พาไปฝึกการทำการบิน เรียนรู้สิ่งต่างๆของเครื่องบินและอาการของมัน ฝึกให้รู้การใช้งานมันอย่างถูกวิธี รวมถึงการแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องที่อาจมี บินฝึกแบบนี้กับครูคนเดิม จนครูมั่นใจว่า ศิษย์ทำได้แล้ว ก็จะถึง ชม.ปล่อยเดี่ยว แต่ก่อนจะปล่อยเดี่ยว เราก็ต้องไปทำการบินกับ Checker ก่อน เพื่อตรวจสอบในขั้นสุดท้าย ซึ่ง ครู Checker ก็คือครูการบินอีกคน ที่เราไม่เคยบินด้วยเลย เพื่อป้องกันการซูเอี๋ย หรือการเข้าข้างศิษย์ตัวเอง ทั้งนี้เพราะการทำการบินนั้น มีความเสี่ยงสูง ถ้าทำได้ ต้องทำให้ได้ ถ้าไม่ได้ ก็ต้องบอกว่าไม่ได้ การบินกับ Checker นั้น เราต้องทำการบินให้เหมือนกับตอนที่เราจะปล่อยเดี่ยวทุกประการ นั่นคือครู Checker จะนั่งกอดอกเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย เขาจะปล่อยให้เราทำไปตามลำพัง ผิดก็ไม่แก้ให้ (นอกจากว่ามันจะอันตรายถึงชีวิต เพราะครู Checker ก็กลัวตายเหมือนกัน ฮิฮิ) ครู Checker จะติดตามดูพฤติกรรมของเราตั้งแต่เดินออกห้อง Briefing room ไปเดินขึ้นเครื่อง ตรวจสอบสภาพเครื่องบิน แท๊กซี่ เทคออฟ ไต่ระดับ เข้าเส้นทางการบิน ทำท่าทางการบิน Airwork ที่กำหนด จนกระทั่งบินกลับ จนเข้าจอด ณ หลุมจอด ครูจะไม่พูด ไม่ทำอะไรเลย นั่งดูอย่างเดียว จนสุดท้าย มานั่งคุยกันที่ห้องพักผ่อนว่า เมื่อกี้เราทำอะไรผิดพลาดบ้าง อันไหนยอมรับได้ อันไหนยอมรับไม่ได้ ซึ่งครู Checker จะบอกเราเองว่า เราพร้อมที่จะปล่อยเดี่ยว บิน Solo หรือไม่ ซึ่งถ้าครูเห็นว่า ไม่ปลอดภัย เขาก็จะไม่ปล่อยให้ขึ้นเดี่ยว เพราะมันอันตรายมาก ถึงแก่ชีวิตได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม (ส่วนใหญ่)ทุกคนบินได้ทั้งนั้น เพียงแต่อาจจะใช้เวลาในการเรียนรู้นานไม่เท่ากัน แต่ในกรณีของ กองทัพอากาศ เขามีเวลาจำกัด เขาจึงกำหนดให้ศิษย์การบิน ต้องบินเดี่ยวให้ได้ภายใน 9 ชม.บินแรก ถ้าทำไม่ได้ ถือว่า ขาดคุณสมบัติการเป็นนักบินที่ดี ก็หมดสิทธิ์เป็นนักบินของกองทัพอากาศ ก็ต้องไปทำหน้าที่อื่นไปที่ไม่ใช่นักบิน ส่วนของพลเรือน เขายืดให้เป็น 13 ชม.บิน ซึ่งศิษย์การบินส่วนใหญ่ก็ทำได้ค่ะ ยกเว้นพวกที่ไม่ค่อยได้มาฝึก หรือมากระปริบกระปอย มันไม่ต่อเนื่อง ปล่อยเดี่ยว รอดตายลงมายืนที่พื้นได้ ก็ต้องมีพวงมาลัย และป้ายกระดานแขวนคอ เพื่อเป็นเกียรติ ครูการบินจะมาติดป้ายอาร์มที่แขน เป็นป้ายสีแดง เขียนว่า Solo เพื่อเป็นเครื่องหมายว่าเราผ่านจุดที่ยากที่สุดมาแล้ว จากนั้นบรรดาครูอื่นๆ เพื่อนพ้องร่วมรุ่น ที่ช่วยรอลุ้นกัน ก็จะมาตักน้ำคนละขัน รดน้ำให้เปียกทั้งตัว เพื่อคลายร้อน เพราะตอนบินเดี่ยวนั้น เหงื่อตก ชุ่มไปทั้งตัวอยู่แล้ว จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 20:43:25

ความคิดเห็นที่ 31 ขอเสริม ตามที่คุณแตงกวา กล่าวไว้ เรื่อง ครู Checker  ในจำนวนศิษย์การบิน ที่ได้รับเข้าไปเรียนที่โรงเรียนการบิน กำแพงแสน ไม่ได้รับประกันว่าทุกคนจะจบหมดน่ะครับ เพราะอะไรนั่นหรือ ถึงบอกความสามารถทางด้านการบิน ของแต่ละบุคคล ที่จะต้องคัดเลือกกันจริงๆๆ   แล้วถ้าไม่ผ่าน ก็ต้องกลับไปรายงานตัวกับต้นสังกัดเดิม ครับ นั่นหมายถึง ไปไม่ถึงดวงดาว   เคยถามสอบถามดูเล่นๆว่าเพราะอะไร ถึงบินแล้วไม่ผ่าน อันนี้ไม่ค่อยตอบๆๆๆๆๆๆๆลองถามความรู้สึกกับคนที่รู้จักกันดูครับ แน่นอน ไม่ใช่ทุกคนที่จะผ่านไปได้ง่ายๆ กว่าจะจบมาเป็น ศิษย์การบิน ที่พร้อม สำหรับ จะทำการบินกับ บ. ทุกชนิด ที่มีประจำการอยู่ ทั้งแบบ ฮ. แบบลำเลียง แบบตรวจการณ์ และสุดท้าย เป็นนักบินขับไล่ การปล่อยเดี่ยวนั้น ถือว่าสุดยอดของชีวิตนักบิน ทุกคนที่ เมื่อทำการบินเดี่ยวกับ บ. แต่ละชนิด โดยตัวเองเป็นนักบิน ไม่มี ครู ไม่มี  Checker ค่อยอยุ่เคียงข้าง ความรู้สึกคงเดาไม่อยาก ทั้งตื่นเต้น หัวใจเต้นแรง แต่ทุกคนต้องนำความรู้ความสามารถที่ได้รับการฝึกฝนมา นำมาใช้ทั้งหมด เพื่อนำเครื่อง ขึ้นและทำการบินอย่างปลอดภัย จนถึงนำเครื่องลง อย่างปลอดภัยเช่นกัน ดังนั้น ทุกวินาที หมายถึงชีวิต แต่นักเลงคีย์บอร์ด พิมพ์ผิด ก็ลบพิมพ์ใหม่ได้ แต่นักบินถ้าพลาดไม่มีคำว่าแก้ตัว มีชีวิตเป็นเดิมพันครับ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 21:03:10

ความคิดเห็นที่ 32 ก่อนปล่อยเดี่ยว ครูเราก็จะเคี่ยวมาให้ได้ที่ จับบินติดๆกัน ซ้อมการบินขึ้นและลงอย่างปลอดภัย ก่อนปล่อยเดี่ยวในวันรุ่งขึ้น เราก็จะถูกครูพาไปบินซ้อม บินขึ้นลงๆ วนซ้อมอยู่อย่างนั้น ประมาณ 15 รอบขึ้นไป บินกันแทบว่า จำได้ทุกวินาที ให้มันซึมอยู่ในสายเลือด รู้โดยอัตโนมัติ ว่าตอนไหนต้องทำอะไร กลับไปบ้าน ถึงกับนอนละเมอเลยเชียวแหละ ฮิฮิ พอรุ่งขึ้น ถึงวันกำหนดปล่อยเดี่ยว เช้ามา ครู Checker จะพาไปทำการบินเช็คโดยละเอียด ตามที่กล่าวข้างบน บินอย่างนั้ๆซ้ำๆ จนกว่าครู checker จะแน่ใจ ถ้ารอบแรกยังไม่แน่ใจ ครู checker ก็จะให้บินซ้ำอีก (ครู checker นั่งไปด้วย ส่วนครูตัวจริง นั่งกินกาแฟอยู่ข้างล่าง ฮ่าๆๆ) ครู checker ต้องตรวจสอบซ้ำ จนกว่าจะแน่ใจว่า ศิษย์เอาตัวรอดได้แน่นอน ถึงจะ อนุญาตให้ปล่อยเดี่ยว ทอ. มีกฏอยู่ว่า ถ้าศิษย์เป็นอะไรไป ครู checker จะแป้ก และโดนตั้งกรรมการสอบสวนด้วย ครู checker จึงต้องเข้มเป็นพิเศษ และไม่ปล่อยให้ผ่านไปลวกๆแน่นอน เพราะมันหมายถึง อนาคตหน้าที่การงานของครูด้วย และแล้วก็มาถึง นาทีระทึกใจ ที่จะต้องขึ้นบินปล่อยเดี่ยว หลังจากครู checker ตรวจสอบจนแน่ใจ ก็จะให้บินวนลงมาจอดเป็นเที่ยวสุดท้าย พอเครื่องลงแตะพื้นรันเวย์แล้ว เครื่องชะลอช้าๆจนจอดนิ่งสนิทกลางรันเวย์ ครู checker จะเปิดประตู กระโดดลงไปจากเครื่อง ปิดประตู เอื้อมมือมาปิดล็อกประตูให้ เข้าที่ แล้วตะโกนบอกให้ศิษย์ปิดกระจกหน้าต่าง วินาทีนั้น ก็เหลือเราแต่เพียงลำพังบนเครื่องบิน หันไปข้างๆ ณ ตำแหน่งที่ครูเคยนั่ง ตอนนี้ก็ว่างเปล่า ไม่มีใครอีกแล้ว เหลือแต่เราคนเดียว ชีวิตอยู่ในกำมือ และสองเท้าของเราเอง มองไปข้างนอก ครู checker ยืนยิ้มเผล่ มือยกนิ้วหัวแม่โป้งขึ้น เหมือนขอให้เราโชคดี เสียงครูตะโกนดังฝ่าเข้ามา พอได้ยินว่า "ทำตามที่ฝึกตะกี้นะ ถ้ามีอะไรให้ วิทยุลงมาบอก ครูจะรอฟังอยู่ข้างล่าง" หนูพยักหน้าอย่างงงๆ สมองมึนตึ้บไปหมด เสียงดังอื้ออึงในหัว หลังจากตั้งสติอยู่ครู่นึง หนูก็กดวิทยุเรียกหอ "ดอนเมือง Tower, Sunny 101 Solo FLight, อ่า.. เอ่อ.... Ready to take off" เสียงหอตอบมาเสียงดังฟังชัด "Sunny 101 Solo, Cleared for take-off" วินาทีนั้น หนูก็ต้องตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตครั้งหนึ่งว่า จะไป หรือไม่ไป เหงื่อเม็ดเป้งๆ ผุดเต็มใบหน้า ไหลหยดลงมาโทรมกาย แล้วก็กลั้นใจตอบไปว่า "Cleared for take-off, Sunny 101" แล้วก็ยัด power หน้าสุด เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม... เท้าปล่อยเบรค ตาจ้องที่เส้นกลางรันเวย์เบื้องหน้า เครื่องบินสั่นสะท้านไปทั้งลำ ล้อค่อยๆหมุน เครื่องค่อยๆเคลื่อนที่เร็วขึ้นๆ ภาพต้นไม้และสนามหญ้าข้างๆรันเวย์วิ่งผ่านถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว เหลือบสายตามองเข็มวัดความเร็ว 40.. 50.. 60.. 65 "Rotate" เสียงตะโกนร้องอยู่ในใจ พร้อมกับมือดึงคันบังคับเข้าหาตัวช้าๆ เครื่องบินค่อยๆยกหัวขึ้น ล้อหน้าพ้นพื้น ความเร็วเพิ่มขึ้นๆ 70.. 80... และแล้ว มันก็ค่อยๆยกตัวขึ้นจากพื้นอย่างช้าๆ... ภาพพื้นดินลอยห่างออกไปๆๆ ตึกอาคารที่พักผู้โดยสาร เหลือเท่ากล่องไม้ขีด แล้วหนูก็ตกใจตื่น.. ฮี่ๆ ขี้เกียจเขียนแระ ชักยาว เอิ๊กๆ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 22:08:37

ความคิดเห็นที่ 33 คุณแตงกวาเล่าต่อครับ กำลังสนุก ^___^ จากคุณ : เมฆหมอกยามเช้า เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 07:21:56

ความคิดเห็นที่ 34 สนุกจัง  ได้ความรู้ด้วย ขอบคุณทุกท่านค่ะ จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 07:38:58

ความคิดเห็นที่ 35 หนุกดีครับ คุรแตงกวา อ่อผมเห็นโรงเรียนการบิน ตรงจตุจัก ตรงนั้นเขาทำอะไรกันครับ เด็กมาเรียนเหมือนเด็ก เทคโน พานิชเลย จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 09:06:13

ความคิดเห็นที่ 36 ...สนุกดี ... จากคุณ : ซีมาสเตอร์ เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 09:21:18

ความคิดเห็นที่ 37 โอเค..เช้าแร้ว มาบินต่อ เอิ๊กๆๆๆ "ยกหัวปริ่มรันเวย์ รักษาเส้นกลางไว้" เสียงครูที่เคยสอนไว้ ดังอยู่ในหัว ขณะนี้เรากำลังยกตัวไต่ระดับขึ้น แต่ต้องระวังที่จะไม่ยกหัวสูงมากไป เพราะจะทำให้ stall และตกลงมาหงายท้องได้ ครูจึงสั่งนักสั่งหนาว่า ให้ยกหัวแค่พอให้เห็นจมูกของเครื่อง หรือด้านหน้าเครื่องพอดีๆกับปลายรันเวย์ที่อยู่ไกลๆนั่น แล้วรักษาท่าไต่นี้ไว้ นอกจากเรื่อง pitch ของหัวเครื่องแล้ว เราก็ต้องกันเท้าถีบรัดเดอร์ให้ตัวเครื่องวิ่งไปตามแนวเส้นกลางรันเวย์ด้วย เพราะอย่าลืมว่า ดอนเมืองมีรันเวย์สองเส้น เราต้องอยู่ในเลนของเรา ไม่ไปล้ำเขตของรันเวย์ข้างๆ สัก 3-4 อึดใจ เหลือบตามาดูเข็มวัดความสูง ก็จะได้ประมาณ 200 feet จากพื้น คราวนี้ก็ได้เวลาทำตามคู่มือการบิน อันดับแรกคือ ปิดไฟ Landing Light จากนั้นก็ผ่อนเครื่องยนต์ลงเล็กน้อย แต่ยังรักษาการไต่ไว้เหมือนเดิม ตอนวิ่งขึ้น เราจำเป็นต้องใช้ power สูงสุดของเครื่องยนต์ เพื่อช่วยยกตัวเองให้พ้นพื้น แต่ตอนนี้เราสูง 200 feet จากพื้นแล้ว เรามั่นใจแล้วว่า เครื่องเกาะอากาศได้แล้ว  จากนั้นก็ตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ และเครื่องมือวัดต่างๆว่า มันตรงตามที่ควรจะเป็นหรือไม่ เสียงเครื่องยนต์ยังดังกระหึ่ม ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี เพราะถ้าเครื่องยนต์ไอค่อกๆแค่กๆ ล่ะก้อ เป็นเรื่อง อีก 7-8 อึดใจ เครื่องก็จะไต่ถึงความสูง 500 ฟิต ส่วนตำแหน่งเครื่องบินก็จะบินเลยหัวรันเวย์มาเล้กน้อย ประมาณถนนที่วิ่งตรงไปแยกหลักสี่ คราวนี้ก็ได้เวลาเข้าวงจรการบิน standard pattern ด้วยการเลี้ยว 90 องศา ไปทางซ้าย เข้า crosswind (leg ที่ 2 จากรูป) รันเวย์ที่วิ่งขึ้นตะกี้คือ 21L ซึ่งทำมุม 210 องศาตามเข็มทิศนั่นเอง ดังนั้น เลี้ยวซ้าย 90 องศา แปลว่า เข็มทิศจะต้องชี้ไปที่ 120 เสียงครูแว่วมาในหัวอีกแล้ว "เลี้ยวด้วย ไต่ความสูงด้วย ให้ใช้ปีกมุมเลี้ยวไม่เกิน 20องศา" หนูค่อยๆเอียงปีก ทำมุม bank 20 องศาพอดีเป๊ะ ตาจ้องที่เข็มทิศ สลับกับเข็มวัดความเร็ว ด้วยกำลังเครื่องยนต์ขนาดนี้ มุมไต่ขนาดนี้ มุมเลี้ยวขนาดนี้ จะต้องได้ความเร็ว 100MPH และอัตราไต่ 500 feet/min ไม่ขาดไม่เกิน พอเข็มทิศชี้เข้าใกล้ 120 องศา เราก็คืนปีก กลับมาตั้งลำบินระดับอย่างเดิม ซึ่งขณะนี้ก็จะพอดีกับความสูงจะเกือบๆ 800 ฟิต ซึ่งก็ได้เวลาทำตามคู่มือการบินที่บอกไว้ว่า ให้วางระดับ เพราะเราจะใช้ความสูง 800 ฟิตจากนี้ไป ในการบินเข้า downwind อ่า.. ทุกอย่างกำลังไปได้สวย จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 09:36:29

ความคิดเห็นที่ 38 ตอนเด็กนี่ ความฝันเลยครับ เป็นนักบินนี่ จากคุณ : Mdiic~* เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 10:29:36

ความคิดเห็นที่ 39 คุณแตงกวาเล่ารายละเอียดครบดีมากเลยครับ  อ่านแล้วเหมือนกำลังนั่งอยู่ที่นั่งข้างๆคุณแตงกวาเลย ว่าแล้วก็อยากไปเรียนกับฝูง 604 มั่งจังเลย จากคุณ : Phalanx เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 10:44:46

ความคิดเห็นที่ 40 พอถึงจุดที่ 2 ความสูง 800 ฟิต เราก็ต้องทำการเลี้ยวซ้าย 90 องศาอีกครั้ง เพื่อเข้า downwind (หรือบินตามลมนั่นเอง) ช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรมาก บินระดับแล้ว นั่งชมนกชมไม้ได้ตามสะดวก เอิ๊กๆๆ เหตุการณ์จะมาตื่นเต้นอีกที ตอนที่บิน downwind เข้ามาถึง ตำแหน่งประมาณแนวเดียวกับหอบังคับการบิน ซึ่งเป็นจุดแรกที่จะต้องรายงานหอว่า เราต้องการจะบินเข้ามา Landing ที่รันเวย์ 21L "ดอนเมือง Tower, Sunny 101 Solo flight, Left downwind, Request Landing Runway 21 Left" หนูกดวิทยุบอกความต้องการให้หอทราบ หลักการพูดวิทยุ เราต้องแจ้งว่า เรากำลังเรียกใคร และใครกำลังพูดอยู่ จากนั้นก็รายงานตำแหน่งที่เราอยู่ และแจ้งความประสงค์ว่าจะทำอะไรต่อไป ซึ่งกรณีนี้ หนูเรียกหอ แจ้งว่าตัวเองอยู่ตำแหน่ง Left Downwind แล้ว กำลังจะขออนุญาตลงจอดที่รันเวย์ 21 ซ้าย เสียงหอตอบกลับมาชัดเจน "Sunny 101 Solo, Donmuang Tower, Cleared to Land, Report Base" หอฯอนุญาตให้หนูลงจอดได้แล้วที่รันเวย์ 21 ซ้ายตามต้องการ แต่ให้รายงานซ้ำอีกที เมื่อเข้า Base pattern ณ ตำแหน่ง 3 ในรูปอีกที ตอนนี้อะไรๆก็ดูดีไปหมด เพราะไม่ต้องทำอะไรเลย แค่รักษาท่าทางการบินเอาไว้ให้ได้อย่างเดิมให้ตลอดรอดฝั่งเป็นพอ อีกพักเดียว เครื่องบินก็จะมาถึงตำแหน่ง 3 ในรูป ซึ่งจะสังเกตเห็นสี่แยกใหญ่อยู่ข้างล่าง มีตึกกองบัญชาการทหารอากาศ รูปแปดแฉกอยู่ทางซ้าย คราวนี้แหละ เข้าสู่จุดเริ่มต้นของการทำ Procedure เพื่อ Landing ตามคู่มือ ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา จะต้องถูกงัดนำมาใช้เต็มที่ เพราะนี่คือจุดวิกฤติที่สุดของการทำการบินแล้ว การนำเครื่องบินลงจอดให้ได้โดยปลอดภัย เป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของการทำการบิน "ปีกซ้ายทับตึกแปดแฉก แล้วเริ่มทำ Landing Procedure เลยนะอีหนู" เสียงครูแว่วในสมอง "ได้เลยครู" หนูมักจะตอบแบบนี้เสมอๆ แต่คราวนี้ หนูต้องนั่งรำพึงกับตัวเอง เพราะบนเครื่องไม่มีใครเลย นอกจากตัวหนูตามลำพัง ในใจนึกทบทวนตำรา และคู่มือที่ครูสั่งนักสั่งหนาว่า ให้ท่องให้ขึ้นใจ ให้ฝึกซ้ำแล้วซ้ำอีก จนทำได้โดยอัตโนมัติ "15นิ้ว, หิ้วหัว, mix rich, pitch fine, landing light on, speed ผ่านร้อยเปิด half flap, ห้อยหัว, เลี้ยวร่อน, ตัวไม่เกินคันคลอง, ความสูง 600, สปีด 80-85" โอว...แม่เจ้า หนูต้องทำทั้งหมดนี้ภายในเวลาไม่กี่วินาที !!! อธิบาย ==== 15นิ้ว --> ผ่อน power เครื่องยนต์ลงมา ใช้แรงดันน้ำมันหัวฉีดแค่ 15 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว หิ้วหัว --> รักษาระดับหัวเครื่องไว้ไม่ให้ตก เพราะพอขาดกำลังเครื่องยนต์ ใบพัดหมุน น้อยลง หัวเครื่องจะตก mix rich --> ใช้ส่วนผสมอากาศน้ำมัน แบบ หนา (rich) pitch fine --> ปรับมุมใบพัดให้เป็นแบบละเอียด (มุมเอียงใบพัดน้อย) landing light on --> เปิดไฟหน้า เพื่อบอกให้ลำอื่นๆรู้ว่า เรากำลังจะ landing speed ผ่านร้อยเปิด half flap --> เมื่อผ่อน power จะทำให้ความเร็วเราลดลง แรงยกปีมีน้อย จึงต้องเปิด flap ช่วย, เวลาลงจอดแบบปกติ เราจะเปิด flap แค่ครึ่งเดียว และที่ต้องรอให้ speed ต่ำกว่า 100MPH ก่อน ถึงจะเปิด flap ได้ ห้อยหัว --> เมื่อเปิด flap แล้ว ทำให้เครื่องบินยิ่งบินช้าลง เพราะ flap จะต้านอากาศมาก จึงต้องกดหัวเครื่องลง เพื่อให้ความเร็วมีมากขึ้น ตอนนี้เราไม่สามารถเพิ่มกำลังเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มสปีดได้แล้ว เพราะเราต้องการลงจอด ดังนั้น วิธีเดียวที่จะทำให้ความเร็วเพิ่มได้ ก็คือการกดหัวเครื่องลง แต่ก็อย่าลืมว่า ถ้าสปีดต่ำกว่า stall speed เมื่อไหร เครื่องตกทันที ดังนั้น จึงต้องห้อยหัวให้ทันเวลา งุ่มง่ามไม่ได้ เพราะถ้าช้า สปีดจะตกลงไปมาก ทำให้เครื่องเสียระดับอย่างรุนแรง เกิด stall และตกได้ทันที เลี้ยวร่อน --> เมื่อถึงจุด 3 แล้ว เราต้องเลี้ยวซ้าย 90 องศา เพื่อเข้า Base leg  ซึ่งก็ต้องเลี้ยวไป และร่อนไปด้วยกำลังเครื่องยนต์เท่าที่มี ตัวไม่เกินคันคลอง --> ถ้าเราทำช้า งุ่มง่าม เครื่องบินจะเลยไปไกลจากหัวสนาม ทำให้เราบินมาไม่ถึง เพราะตอนนี้กำลังเครื่องยนต์น้อย ความสูงกก็กำลังลดลง เนื่องจากเรากดหัวไว้ ดังนั้น ต้องเลี้ยวทันที โดยไม่ให้ตัวเครื่องเกินแนวคันคลองหัวสนาม ซึ่งมีบ่อน้ำขนาดใหญ่อยู่ ตัวต้องไม่เกินแนวบ่อน้ำนี้ ความสูง 600 --> จากความสูง 800 และเรากดหัวเครื่องลงมาเรื่อยๆ ตอนนี้ความสูงจะเหลือแค่ 5-600 ฟิต สปีด 80-85 --> ตลอดเวลา เราต้องคอยเช็คความเร็วของเครื่องบินเสมอ มันต้องได้ 80-85 MPH ไม่มากหรือน้อยกว่านี้ ถ้ามากเกิน เราก็จะลงสนามไม่ทัน (ตัวยังสูงเกินไป สปีดเร็วเกินไป ลงไม่ได้) ถ้าน้อยไป ก็ได้ลงบ่อน้ำหัวสนามแทน จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 12:40:13

ความคิดเห็นที่ 41 เข้ามารอดู First solo ครับ หุหุ :) จากคุณ : Citation X เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 12:57:38

ความคิดเห็นที่ 42 โอ้ยสนุกมาก มาต่อเร็วๆครับคุณแตงกว่า ^^ จากคุณ : tum2910 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 13:21:25

ความคิดเห็นที่ 43 "มือขวาเท่านั้น ที่จะช่วยชีวิตเราได้" เสียงครูดังก้องอยู่ในหัว ครูหมายถึงว่า ในตอนนี้ ด้วยสภาพการบินแบบนี้ เครื่องยนต์ผ่อน ความสูงน้อย เตรียมเข้า final approach เพื่อร่อนลงจอดแบบนี้ หากเกิดเหตุอะไรไม่คาดฝันสักอย่าง มือขวาที่กำคันเร่ง power ของเครื่องยนต์เท่านั้น ที่จะช่วยให้เราอยู่ในอากาศได้ต่อ นั่นหมายถึงว่า หากเกิดเหตุ ความสูงไม่พอดี อยู่ต่ำเกินไป เลี้ยวไม่ตรงรันเวย์ ฯลฯ มือขวาต้องทำหน้าที่ อัด power สุด แล้ว Go Around หรือไปตั้งวงมาใหม่สถานเดียว ครูสั่งห้ามดื้อเด็ดขาด ไม่ได้คือไม่ได้ ไปตั้งลำมาใหม่ ห้ามฝืน เพราะยิ่งฝืน ยิ่งเละ และไม่มีเวลาให้แก้ไขแล้ว ตอนที่สอบจิตเวช ณ ศูนย์เวชศาสตร์การบิน จะมีสอบสภาพจิตใจในเรื่องนี้ ว่าเป็นคนดื้อดึง ดันทุรังรึป่าว บางครั้ง ความมุ่งมั่นที่มากเกินไป จะพาให้เราเสียชีวิตได้ พอเลี้ยวเข้า Final ปั๊บ เราก็เล็ง center line ของรันเวย์ ตามองกำหนดจุดแปะ (touchdown point) ไว้ในใจ ถ้าคิดว่าเราอยู่สูงเกินไป ก็ให้ผ่อน power ลง หรือถ้าคิดว่าเราอยู่ต่ำเกินไป ก็ต้องอัด power เข้าไป "จิกหัวลงไปที่จุดแปะ อย่ากลัว จิกลงไป สปีด 80" เสียงครูดังก้องในสมอง "ทุกอย่างอยู่ที่มือขวา" เสียงสำทับดังในใจ จุดแปะเลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้นๆ เส้นม้าลายแถบสีขาวลอยเด่นมาตรงหน้า รันเวย์อันเบ้อเริ่มลอยเข้าหาตรงหน้า.... "เงยหนึ่ง" หนูคันบังคับเข้าหาตัวนิดนึง เพื่อปรับมุมการร่อนลงให้เข้าที่ "เงยขนาน" เมื่อเครื่องบินทับจุดแปะที่ตั้งใจไว้แล้ว ก็ให้ดึงคันบังคับอีกนิด เพื่อให้ตัวเครื่องขนานกับพื้นทางวิ่ง "ล็อกแขนไว้ แล้วโรย power" ครูหมายถึงให้บังคับเครื่องขนานกับพื้นไว้แบบนั้น แล้วลด power ลง "ดึงให้สุด" ครูสำทับอีก ต้องดึง power ลดลงต่ำสุด "ดูอาการ ตกแล้วยกรับ" พอเราลด power ใบพัดจะหมดแรงดึงไปข้างหน้า ทำให้ความเร็วลดลง แรงยกจากปีก็จะลดลง ความสูงจะโรยต่ำลง แต่เราจะยกหัวเครื่องไว้ เพื่อเอาล้อหลังลงก่อน "ตก ยกรับ"  เครื่องจะค่อยๆเสียความสูงลง แต่หัวเครื่องเราต้องยกเอาไว้ให้อยู่ที่เดิม ล้อหลังจะค่อยๆโรยลงแตะพื้นแบบนิ่มนวล "ค่อยๆวางล้อหน้าลงเบาๆ ปล่อยมือได้ " ตอนนี้ล้อแตะพื้นแล้ว คันบังคับไม่มีความหมายแล้ว เราบังคับเลี้ยวด้วยการถีบรัดเดอร์แทน เพื่อให้เลี้ยวตามต้องการ จากนั้นก็ค่อยๆแตะเบรคอย่างแผ่วเบา เพื่อรักษาการเคลื่อนที่ให้ตรงไปข้างหน้า แต่ชะลอความเร็วลงช้าๆ "Sunny 101 Solo, ดอนเมือง Tower, Exit Uniform" เสียงหอสั่งให้หนูนำเครื่องออกจากทางวิ่ง ทางออกที่มีสัญญลักษณ์ตัว "U" เพื่อเลี้ยวกลับไปจอดที่ฝูง หลังจากขั้นตอน After Landing เรียบร้อยแล้ว หนูก็ได้เวลาถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่เหลือก็แค่ taxi เครื่องตามเส้นสีเหลืองกลับไปยังฝูง ที่นั่น เพื่อนๆ ครูการบิน และญาติมิตร กำลังยืนรอฉลองความสำเร็จ... ช่างอากาศ เจ้าหน้าที่ให้สัญญาณมือ ในการนำเครื่องไปจอดยังจุดที่กำหนด หนูพาเครื่องแท๊กซี่ตามสัญญาณมือ จนเจ้าหน้าที่ให้สัญญาณมือไขว้เหนือศรีษะ เป็นสัญญาณบอกว่า ให้ดับเครื่องยนต์ได้ "ดอนเมือง Tower, Sunny 101, Parking completed, ขอบคุณค่ะ" เสียงวิทยุสุดท้ายไปที่หอฯ "Parking completed, Sunny 101, Congratulations" เสียงพี่หมู ATC ประจำหอ ร่วมแสดงความยินดี ผู้ร่วมชะตากรรม 4 คนในวันนั้น "นักบินมือใหม่ ป้ายแดงสดๆร้อนๆ" ได้เวลาราดน้ำแล้ว เย้..... จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 13:25:11

ความคิดเห็นที่ 44 เหอะภาพข้างบน มี จ่าดิบ กับคุณแก็ปด้วย จากคุณ : บิน102 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 13:39:23

ความคิดเห็นที่ 45 ขออณุญาตแปะ เครื่องขับไล่ฝึก แบบ 1 (บข.ฝ.1) L-39 จากคุณ : วานรชูแมว เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 13:41:52

ความคิดเห็นที่ 46 รูปประกอบ ไปจิ๊กมาจากที่ฝูงค่า  ยืมของคนอื่นเขามาอีกที ไม่ช่ายของหนู เอิ๊กๆ อย่าว่าอะไรหนูนะ เจ๊ต้อมขา   จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 13:52:21

ความคิดเห็นที่ 47 เข้าเรื่องผมสงสัยกับคำที่บอกว่า เรามีเครื่องบินน้อย เอาตรรกะตรงไหนมาคิดครับอยากทราบ และข้อมูลที่ผมบอกต่อไปนี้ก็ไม่ใช่ความลับนะครับ รู้กันทั่ว ปัจจุบัน ทอ.ไทยมี ฝูงบินขับไล่ 5 ฝูง ครับและจำนวนเครื่องดังต่อไปนี้ F-16 3 ฝูง 59 ลำ (ตกไปแล้ว 1ลำ) F-5 E/F 2ฝูง 27 ลำ ฝูงบินฝึกขับไล่และโจมตี L-39ZA 36 ลำ Alpha Jet A 20 ลำ จำนวนขนาดนี้หรือครับที่เรียกว่าน้อย? จากคุณ : บิน102 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 13:52:51

ความคิดเห็นที่ 48 เท่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เท่มากๆๆๆๆ ไม่มีอาชีพไหนจะเท่และมีเกียรติเท่านี้อีกแล้ว เท่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : AppLePie81 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 14:35:39

ความคิดเห็นที่ 49 น้อยซิครับเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ที่จะไขว้ ขว้า เข้าหามัน และลำนึง ถูกสุด ก็ alpha jetราคาหลัก หลาย สิบล้าน ไม่รวมค่าซ่อมคืนสภาพ จากเยอรมัน ก็ยังมีคนบ่นตอนซื้อว่าแพงไป แล้วทุกครั้งที่จะซื้อ ไม่ได้ นึกจะซื้อ ก็ซื้อได้ต้องร่างโครงการกันมหาศาล งบที่จ่ายแทบจะไม่มีเลยซักครั้งที่จ่ายในปีงบประมาณเดียว จำไม่ได้ว่า jas 39 ตัวล่าสุด ราคาเท่าไหร่ น่าจะเกิน 80 ล้านเหรียญ ดอลล่าร์ การเสียเครื่องบินไปซักลำหมายความว่า การรักษาความสุมดุลทางการทหารของเราต่อประเทศเพื่อนบ้านก็จะลดลงไปอีก มีไม่กี่ปีะเทศบนโลกหรอกครับที่เครื่องบินรบมากกว่าความต้องการในการป้องกันประเทศ จากคุณ : lyonheartz เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 14:49:24

ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อก่อนอยากเป็นนักบินมาก ไปสอบนายเรืออากาศตั้ง 2 ครั้ง แต่ไม่ติดสักครั้ง เศร้าเลยครับ   ตอนนี้ก็อยากเป็นอยู่ แต่ตอนนี้สายตาคงไม่ได้แล้วครับ เหอๆ   คงเป็นได้แค่นักบินเครื่องบิน RC หรือไม่ก็ Flight Simulator จากคุณ : Belkan-War เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 15:36:53

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณพี่กกร่มมากครับ ทีเล่าเรื่องราวนักบินกองทัพเรา มันเท่ห์แต่ตอนแต่งนักบินอ่ะคับ เงินเดือนคงไม่มากมายเหมือนเอกชน พอแก่ตัวก้อหมดความหมาย อาศัยใจรักและต้องพร้อมในหลายๆอย่าง จากคุณ : สุดโหดโคตรโรแมนติค เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 16:09:36

ความคิดเห็นที่ 52 คุณแตงกว่าเขียนได้แบบให้ภาพเลยครับ ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : Cute_boY เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 16:27:22

ความคิดเห็นที่ 53 เป็นกระทู้ที่อ่านสนุกมากครับ เหมือนอ่านการ์ตูนเลย ขอบคุณ คุณแตงกวา และทุกcomment ครับ จากคุณ : ตอนเด็ก ๆ ก็เคยเป็น (nanova) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 16:51:49

ความคิดเห็นที่ 54 ให้ผมขับ รถ F1 ยังจะดีกว่า!! ขับเครื่องบินท่าทางหวาดเสียวน่าดู จากคุณ : okaunkung เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 18:36:46

ความคิดเห็นที่ 55 น่าสนุก จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 18:58:18

ความคิดเห็นที่ 56 ชอบ ได้ความรู้ ได้ประโยชน์มาก ๆ จากคุณ : Strackhouse เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 21:12:04

ความคิดเห็นที่ 57 โอ้โฮ..เรียกจ่า.. หมดสภาพเลยเนี่ย ครูดิบ ติดยศ นอ. แล้วนะ เพิ่งจะตุลานี้เอง ไปเป็นผู้ฝูงที่กำแพงแสนแล้วค่ะ ส่วน คุณ"ไอ้แก็ป ไก่ย่าง" ก็ยังอยู่ทีเดิม เอิ๊กๆๆ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 21:15:39

ความคิดเห็นที่ 58 บินเครื่อง cessna เหรอครับ จากคุณ : koyah เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 23:33:46

ความคิดเห็นที่ 59 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 03:03:34

ความคิดเห็นที่ 60 //19 ทําไมไม่ฝึกนักบินทุกคนให้ได้ขับเครื่องเอฟ16ละครับ แบบประมาณว่าฝึกให้ขับเป็น หรือได้ขับสักปี  ก่อนไปทําอย่างอื่น คือไม่จําเป้นต้องให้คนเก่งเท่านั้นที่ได้ฝึกแบบนี้ไม่แฟร์เลย สําหรับนักบินคนอื่น ^ ^ ^ ^ กองทัพก็อยากฝึกให้ทุกคนแหละครับ แต่ - งบค่าใช้จ่ายปฎิบัติการบิน F16 ชั่วโมงนึงก็เกือบ 2 แสน, เราไม่มีงบเหลือเฟือขนาดนั้น สู้เอาไปฝึกให้คนที่มีแววเก่งจริงๆดีกว่า - เครื่อง F16 รุ่นที่เป็น 2 ที่นั่ง สำหรับใช้ฝึกบินมีไม่กี่เครื่อง  ไม่ค่อยเพียงพอในการฝึกเท่าไหร่ครับ (ถ้าใช้มันหนักๆ โครงอากาศยานก็พังเร็ว) แต่ประเด็นหลักๆก็เรื่องเงินนั่นแหละ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 10:20:57

ความคิดเห็นที่ 61 อิอิ คุณแตงกว่า แคลลี่ รู้ล่ะ อิอิ อุอุ อิอิ ช่างบังเอิญเหลือเชื่อ จากคุณ : Kally_narak เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 10:25:55

ความคิดเห็นที่ 62 กลับเข้ามาดู กระทู้อีกทีขึ้นแนะนำไปแล้ว สำหรับ น้องๆท่านใดที่อยากจะเป็นนักบิน ของเหล่าทัพต่างๆ หรือจะเป็นนักบิน พลเรือน ไม่ยากเกินความสามารถครับ เมื่อครั้งตอนผมเป็นเด็ก ผมก็อยากเป็น แต่ในกลุ่มเพื่อนๆสมัยเด็กที่เรียนด้วยกันมา ก็ได้เป็น นักบินรบสมใจ สมกับความตั้งใจ  ส่วนผม เป็นคนกลัวความสูงมากที่สุด ไม่ชอบเลย กับเรื่องสูงๆ กระทู้นี้มีหลากหลายข้อมูล เล็กๆน้อย จากประสบการณ์ เรื่องการบิน ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลกว่าจะมาเป็น นักบิน หรือจะเป็นนักบินพาณิชย์  ถ้าอยากจะเป็นนักบินรบ ลองคำนวณเวลาแล้ว ว่าใช้ทั้งหมดกี่ปี กว่าจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็น นักบินพร้อมรบ มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยๆ ให้หาข้อมูลกันต่อไป ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้ว ในส่วนใครจะเป็น นักบินขับไล่ หลังจากจบมาจากโรงเรียนการบินก็ต้องไปฝึกบิน กับ L-39 ก่อน เมื่อจบ ก็ต้องแยกย้ายกันไปประจำฝูงบินรบต่างๆ เดี๋ยวจะมาเพิ่มข้อมูลเรื่องเครื่องบินรบ ในแบบที่เราๆท่านๆสงสัย รวมถึงการฝึกบิน ในแบบต่างๆ ตามที่ผมเข้าใจ ส่วนข้อมูลที่ถูกต้องก็ต้องไปหาข้อมูลเพิ่มในหน่วยงานนั้นครับ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 10:59:33

ความคิดเห็นที่ 63 สมมุติว่าวันนึง ผมขึ้นเครื่องการบินไทย อาจจะได้ยินว่า ตุ่ง ตุง ตุ๊ง สวัสดีค่ อะฮั้น กัปตัน แตงกวา ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่การบินไทย เที่ยวบินที่ TG000 ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการเดินทาง..... ^_^ ขอบคุณนักบินทุกท่านที่ช่วยแชร์ประสบการณ์ครับ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 12:48:50

ความคิดเห็นที่ 64 .                 นี่ก็นักบินฮับ ! จากคุณ : samma เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 13:14:58

ความคิดเห็นที่ 65 .               หล่อป่าวครับ จากคุณ : samma เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 13:16:03

ความคิดเห็นที่ 66 เป็นกำลังใจให้นักบินทุกคนค่ะ ^^ จากคุณ : SmithyGirl เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 13:16:19

ความคิดเห็นที่ 67 .           รายงานระบุว่า สำหรับนาวาอากาศตรีรัสเซลล์ วิลเลี่ยม ถือเป็นนายทหาร อนาคตไกล และยังเคยได้รับความไว้วางใจให้ขับเครื่องบินให้แก่นายกรัฐมนตรีของ หลายประเทศ และสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ของอังกฤษ            ข่าวอะไร ผมไม่ลงรายละเอียด เพราะมันไม่ค่อยจะ ... จากคุณ : samma เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 13:19:27

ความคิดเห็นที่ 68 เอ หรือว่าเราแปลกหว่า ตอนปล่อยเดี่ยวผมคิดว่ามันจะรู้สึกตื่นเต้น แต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่ค่อยรู้สึกตี่นเต้นอย่างที่คิดไว้เลย เหมือนกับว่าเราทำตามที่เราฝึกมาแค่นั้นเอง แถมเรารู้สึกด้วยว่าเครื่องเบาขึ้นอีกหน่อย 5 5 5 จากคุณ : Jc2000 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 16:19:34

ความคิดเห็นที่ 69 ^ ^ search ใน Google เรียบร้อยแล้วงับ  !!! จากคุณ : gazeclub เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 16:19:51

ความคิดเห็นที่ 70 ฟังคุณแตงกวาเล่าความรู้สึกสำหรับการเป็นนักบิน ไปแล้ว ก็ลองมาดูข้อมูลของเครื่องบินที่คุณแตงกวา ใช้สำหรับการเรียนฝึกบินกันบ้างครับ ฝูงบิน 604 จากสโมสรการบินพลเรือน ในอดีตมาเป็นหน่วยฝึกการบินพลเรือน กองทัพอากาศ  ในปัจจุบัน ได้ทำการฝึกบินให้กับสมาชิก ฯ ซึ่งมีทั้ง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และประชาชนทั่วไป  สำเร็จไปแล้ว รวม ๕๗ รุ่น โดยปัจจุบันหน่วยฝึกการบินพลเรือน กองทัพอากาศ ภารกิจ เตรียมการและใช้กำลังทางอากาศ โดยมีกิจเฉพาะ ดังนี้ การปฏิบัติกิจเฉพาะการฝึกพิเศษ ได้แก่ 1.การฝึกนักบินลำเลียงขั้นต้น 2. การฝึกนักบินประจำกองนอกหน่วยบิน 3.การสนับสนุนกิจกรรมของหน่วยฝึกการบินพลเรือน ทอ. เครื่องบินที่ใช้ในการฝึกบิน 1  เครื่องบินแบบ   บ.ฝ.14 (T-41D)  CESSNA R 172 E 2 เครื่องบินแบบ   บ.ฝ.16 (CT-4-A)     จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 21:24:22

ความคิดเห็นที่ 71 จะเห็นได้ว่า บุคคลทั่วไปพลเรือนก็สามารถจะเป็นนักบินได้ แต่ก็ต้องขึ้นกับ ความพร้อมของร่างกาย และค่าใช้จ่ายในการเรียน สำหรับของบริษัทเอกชนก็มีเช่นเดียวกัน เช่นที่หัวหิน   นักบินหลายท่านที่เป็น นักบินของสายการบินพาณิชย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็มาจากการเรียนโรงเรียนการบินเหล่านี้ ทั้งของรัฐและเอกชน ในส่วนนักบิน ที่มีชั้นยศนำหน้า เมื่อเอยชื่อนักบิน อย่างเช่น กระผมกัปตัน ร.อ. หรือ ...........งอะไรก็ว่าไป นั่นแสดงว่า เคยเป็นทหารมาก่อน  แล้วลาออกมา ณ ตำแหน่งชั้นยศสุดท้าย นั่นเองครับ นักบิน ผลิตได้จากหลายสถาบัน เช่น ตำรวจก็เป็น กองบินตำรวจ   ทหารบก ก็ต้องมาจาก ศิษย์การบิน ทบ. จบแล้วก็ทำการบินในเครื่องบินแบบ ที่ ทบ.มีประจำการ ในส่วนของ กองทัพเรือ ก็มีหน่วยงานในการผลิตนักบิน อากาศยานในแต่ละประเภท สำหรับหน่วยงานรัฐอื่น ให้สังเกต นักบินจะมีชั้นยศ นำหน้า นั่นก็แสดงว่าอาจจะมีการโอนย้ายมาหน่วยงานที่มี ฮ. หรือ เครื่องบินประจำการอยู่ เช่น กรมป่าไม้ กรมอุทยาน อะไรประมาณนี้ เรื่องของนักบินยังมีอีกมาก ยกตัวอย่างมาเท่าที่พอจะสรุปได้ จากรูป ฝูงเครื่องบินฝึก ของ ฝูง 604 กองบิน 6 ดอนเมือง เครดิต จาก http://www.604sqdn.com จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 21:34:06

ความคิดเห็นที่ 72 เข้ามาอ่านจ้า ^ ^ จากคุณ : radiergummi เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 09:17:08

ความคิดเห็นที่ 73 ศิษย์ การบิน รร.การบิน ทหารบก ก็เหมือนกัน ครับ   คล้ายๆกัน    แต่ในส่วน ของ ทบ.  เราใช้ helicopter เป็นจำนวนมาก แต่ ก็ มี ศิษย์การบินที่ ทำการ ฝึก กับ เครื่อง บินปีกติดลำตัว( Fix wong ) ด้วยเช่นกัน จากคุณ : คิดถึงการปล่อยเดี่ยวจัง (wongkran) เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 11:33:12

ความคิดเห็นที่ 74 >>>   คิดถึง ภาคเหนือจัง   <<< จากคุณ : wongkran เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 11:43:16

ความคิดเห็นที่ 75 ในรูป ที่ 74 น่าจะเป็นภารกิจ บุคคคล VIP จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 14:02:07

ความคิดเห็นที่ 76 เข้าไปค้นเรื่อง Russel Williams โด่งดังระดับอยู่ใน wiki เลยทีเดียว แต่ไม่รู้ว่าผมคิดมากไปรึเปล่านะ ผมรู้สึกว่าการมาโพสท์เรื่องของ Russel Williams ในกระทู้นี่เป็นเหมือนการ "ไม่ให้เกียรติ" เหล่านักบินที่อุตส่าห์สละเวลาเข้ามาเล่าเรื่องราวดีๆที่เราๆท่านๆคงหาโอกาสได้รับรู้เรื่องดีๆจากประสบการณ์ดีๆแบบนี้ไม่ได้ง่ายนัก ผมเองเรียนที่โรงพยาบาลของกองทัพอากาศอยู่ 3 ปี ไปอยู่จันทรุเบกษาเป็นเดือนยังไม่เคยได้เฉียดเข้าใกล้สิ่งที่คุณแตงกวาหรือคุณกกร่มเอามาเล่าให้ฟังเลย นอกจากนี้ข้อมูลนี้ก็ไม่ได้ช่วยแชร์ข้อมูลอะไรกับกระทู้นี้เลย ลองคิดดูสิครับว่าเรากำลังนั่งล้อมวงฟังวิทยากรที่เราเชิญมากำลังช่วยเปิดหูเปิดตาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับอาชีพของเขาที่เราอยากรู้กันอย่างสนุกสนานแล้วอยู่ดีๆมีคนเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาแล้ว "ตะโกน" ด้วยเสียงอันดังว่า "อาชีพนี้มีฆาตกรข่มขืนต่อเนื่องอยู่ด้วยนะ!!" วิทยากรและคนที่นั่งล้อมวงอยู่จะรู้สึกอย่างไร แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 53 22:33:18 จากคุณ : Doctor-K (Devamorana) เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 22:30:06

ความคิดเห็นที่ 77 แบบที่บอกไปครับ ทุกเหล่าทัพก็สามารถผลิตนักบินในเหล่าทัพของตัวเองได้ ตามแต่ละชนิดของเครื่องบิน มาดู กว่าจะเป็นนักบินทหารบก  กันบ้างว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ในเมื่อทอ.ก็มี โรงเรียนการบินที่กำแพงแสน ทบ.ก็มีโรงเรียนการบินเช่นเดียวกันครับ เราเรียกว่า โรงเรียนการบินทหารบก.หน่วยบินกองทัพบก.แหล่งกำเนิดบุคลากรด้านการบิน. จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 23:42:50

ความคิดเห็นที่ 78 โรงเรียนการบินทหารบก ขึ้นกับ ศูนย์การบินทหารบก นักบินของทบ. จะผลิตมาจากที่นี้ เริ่มด้วย แบบ ฮ. และแบบปีก เครื่องบินทบ. มีหลายแบบที่ประจำการ ที่เรารู้จัก ดังๆก็ blackhawk  และแบบ คอบร้า  หรือแบบฮ.แบบต่างๆที่มีประจำการทั่วประเทศ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 23:49:46

ความคิดเห็นที่ 79 การฝึกนักบิน ในส่วนของ ทบ.  เห็นไมครับยังมีอีกมากที่ไม่กล่าวถึง นี้แค่ยกตัวอย่างเฉพาะในส่วนของ กองทัพ ที่เราพบเห็นได้บ่อยๆ และสงสัยว่าพวกเขาเหล่านั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 23:53:09

ความคิดเห็นที่ 80 ^ ^ ตอนเป็น ร้อยตรี....ฝอ.3 กองพัน แจ้งให้ทราบตอนรวมแถวเช้าว่า..... ศูนย์การบินทหารบก ประกาศรับสมัคร นายทหารเป็นศิษย์การบิน ทบ. ใครมีความประสงค์....ให้ส่งรายชื่อถึง ศบบ.ภายในวันที่ 22 แต่วันนั้น...มันปาเข้าไปวันที่ 25 แล้ว....กลั่นแกล้งกันชัดๆ  ....เลยอดเป็น ผู้มีฤทธิ์ กะเขาเลย ... แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 53 09:38:29 แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 53 09:35:02 จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 53 09:34:18