ความคิดเห็นที่ 1 ไม่จำเป็นหรอกครับ เด็กเดินกดมั่วๆ เขาก็ได้ความรู้ในแบบของเขา อยากให้เจ้าหน้าที่หาวิธีการให้เด็กๆ มาพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เยอะๆ และจัดแสดงให้มันน่าสนใจทั้งวิธีนำเสนอและหัวข้อมากกว่า ในต่างประเทศเอง เขาก็ปล่อยให้เด็กๆ เล่นได้อย่างเต็มที่ครับ แต่ทางพิพิธภัณฑ์เอง ที่จะต้องออกแบบวัสดุให้ทนทาน ต่อการใช้งานได้ แม้ว่าเด็กอาจจะกดแบบกระแทกๆ มันก็ต้องไม่พัง หรือพังก็ต้องรีบซ่อมครับ ในต่างประเทศเอง เขาให้ความสำคัญกับการเรียนรู้มากกว่าคุณค่าของสิ่งของครับ ของไทยเองอาจจะเพราะมันแพง ไม่มีงบประมาณเพียงพอ เลยโน่นก็ห้ามจับ นี่ก็ห้ามแตะ หรือไม่งั้นก็จะเห็นของพังๆ เยอะไปหมด จากคุณ : [STYX] บัตรผ่านยังโดนแบน เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 53 13:07:35 A:202.57.180.244 X: TicketID:267882

ความคิดเห็นที่ 2 ปล. พิพิธภัณฑ์ ที่ควรใช้มัคคุเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์มากกว่าครับ จากคุณ : [STYX] บัตรผ่านยังโดนแบน เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 53 13:08:50 A:202.57.180.244 X: TicketID:267882

ความคิดเห็นที่ 3 สมัยผมเด็กๆไปเที่ยวท้องฟ้าจำลองก็กดเล่นนะ กดบ้างอ่านบ้าง อันไหนอ่านมันก็เข้าหัวเองแหละ ไอ้พวกของโชว์ที่กดเล่นได้มันก็ตีความได้ง่ายอยู่แล้วว่ากดแล้วมองก็พอจะเข้าใจ จากคุณ : ผีฟรีคิก เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 53 13:31:47

ความคิดเห็นที่ 4 พูดเหมือนเคยไปต่างประเทศ ไม่มีที่ไหนให้กดเล่นครับ ถ้าเห็นด้วยก็งูๆ ปลาๆ น้ำเต้า ที่เคยสัมผัส ทุกๆ ที่จะมีวิทยากรครับ ครูพาเด็กไป ครูต้องคุมเด็ก ส่วนใหญ่เค้าจะกำหนดวัตถุประสงค์เลยว่า " ไปทำไม" ครูจะเดินไปกับวิทยากร แล้วคอยสอดแทรก หรืออธิบายเพิ่มเติม มีปฎิสัมพันธ์กับเด็ก ถาม ตอบ และถ้าในส่วนที่เป็นอินเตอร์แอททีฟ ครูก็จะปล่อยนักเรียนให้ไปเล่น ส่วนตัวเองก็จะเดินดู หรือมีกิจกรรมร่วม ไอ้ประเภทกดเล่น รู้เองก็มี เก่งครับ เก่ง แต่ถ้าจะให้ดีก็ต้องทำเป็นระบบ ที่สำคัญ ไอ้ที่เห็นก็คือ พาไป แล้วก็ปล่อยให้เดินเล่น ส่วนตัวเองก็จับกลุ่มนั่งเม้าท์ เรื่องหวย เรื่องดารา เต้าหลุด ถ้าไปกับพ่อแม่ก็อีกเรื่อง อันนั้น ถือว่าไปเที่ยวเล่นซะมากกว่า เปิดหูเปิดตา ก็ว่ากันไป จากคุณ : ช่างกล้า..ฟันธง เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 53 14:15:13 A:124.122.80.63 X: TicketID:288592

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นด้วยกับ คห.1 และจากประสบการณ์ไปดูพิพิธภัณฑ์ที่ต่างประเทศที่ต่างๆ มาก็หลายที่ (พอดีเรียนทางด้านนี้ครับ) แนวทางในการชมพิพิธภัณฑ์จะเป็นตาม คห.1 ครับ คือให้เด็กศึกษาตามความสนใจด้วยตนเองกับพวก Interaction multimedia เขาจะเกิดการเรียนรู้และสนใจอย่างเต็มที่ และเกิดเป็นประสบการณ์ตรงกับเขา ไม่ต้องฟังจากเจ้าหน้าที่ซึ่งสู้ด้วยการเห็นด้วยตนเองไม่ได้ ส่วนเจ้าหน้าที่มีหน้าที่ที่ให้การช่วยเหลือหรือแนะนำเมื่อร้องขอน่ะครับ อุปกรณ์พวกนี้ต้องแข็งแรง และการสร้างพิพิธภัณฑ์ต้องเตรียมงบซ่อมไว้แล้ว ก็คือต้องรับมือไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วเพราะออกแบบพิพิธภัณฑ์ให้เป็นเช่นนี้ ถ้าเห็นพิพิธภัณฑ์ไหนของเสียแล้วไม่ยอมซ่อมนานๆ แสดงว่ามีปัญหากับการบริหารอะไรซักอย่างแล้วครับ จากคุณ : _ (COLORS) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 53 14:25:25

ความคิดเห็นที่ 6 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 53 16:38:21

ความคิดเห็นที่ 7 ก็เคยไปเห็นที่ต่างประเทศนั่นล่ะครับ เพราะผมไปทำงานอยู่หลายปี สมัยนี้ไปต่างประเทศ มันไม่ได้ยากเย็นเหมือนเมื่อ 30-40 ปีก่อน ที่ต้องยกโขยงกันไปส่งเป็นเรื่องใหญ่โต มีพวงมาลัยคล้องคอ หรือถ้าจะหาข้อมูล โดยที่ตัวเองไม่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินไป ผมว่าอินเตอร์เน็ตนั้น ก็มีประโยชน์มากมาย กว่าใช้โหลดหนัง ดูคลิป นะครับ ผมย้ำอีกทีเลยครับ ว่าไม่เห็นด้วย กับการพาเด็กไปทรรศนะศึกษา แล้วกระทำการใดๆ ที่จะปิดกั้นจินตนาการของเขา ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่า ต้องให้ครูควบคุมให้ใกล้ชิด ห้ามแตกแถว ห้ามทำเกินที่ครูบอก เพราะครูเองก็อาจจะไม่ได้รู้ไปทุกเรื่อง เด็กเองก็มีความคิดของเขา ที่บางทีก้าวหน้ากว่าผู้ใหญ่ ซึ่งบางครั้งถูกประสบการณ์ บริบททางสังคม บดบังความคิดใหม่ๆ ไปหมดแล้ว จากคุณ : [STYX] บัตรผ่านยังโดนแบน เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 53 17:25:56 A:202.57.180.244 X: TicketID:267882

ความคิดเห็นที่ 8 มาม่าแน่ๆ จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 53 18:26:18

ความคิดเห็นที่ 9 เวลาไปซื้อของแล้วมีเซลล์คอยเดินตามแนะนำโน่นนี่ คุณชอบไหมล่ะ ผมว่ากดเองก็ดีแล้วครับ  อันไหนน่าสนใจมากๆ ก็กดเล่นบ่อยหน่อย  ไม่ใช่ห้ามจับ ห้ามกด  ฟังเจ้าหน้าที่พูดอย่างเดียว  น่าเบื่อพิลึก  เด็กๆคงไม่คิดจะเข้าอีกรอบ2 จากคุณ : AIM-9X เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 53 18:58:30

ความคิดเห็นที่ 10 TicketID:288592 ไปทั่วเลยนะ ระวังจะเจอของจริง จากคุณ : ค.คนไทย เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 53 19:46:36

ความคิดเห็นที่ 11 ผมไปดูพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่ฮ่องกงก็เห็นว่าเป็นแบบ self learning นะครับ ทำได้น่าเล่นระดับเรายังวิ่งไปแย่งเด็กเล่น 555 อุปกรณ์ทุกชิ้นสวยงามและดูแข็งแรง แต่ละโครงงานดูน่าสนใจและเข้าใจง่าย คุ้มค่าตั๋วมากๆ เสียดายตอนที่ไปมีเวลาน้อยมากเลยได้ดูยังไม่เต็มอิ่ม มีโอกาสจะกลับไปเยือนแน่ๆ ใครไปฮ่องกงอยากไป shopping ก็เชิญเลยครับ แต่ผมจะไปพิพิธภัณฑ์ จากคุณ : Doctor-K (Devamorana) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 53 19:51:27

ความคิดเห็นที่ 12 เคยไปญี่ปุ่น เค้าจะเป็นโล่งๆ มีเครื่องบันทึกเสียง อธิบายกับหูฟังส่วนตัว จากคุณ : physikman (PhysikMan) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 53 20:57:29

ความคิดเห็นที่ 13 จขกท ลองแวะไปดูกระทู้แนะนำเรื่อง พิพิธภัณฑ์รถไฟที่ญี่ปุ่น เมื่ออาทิตย์ก่อนบ้างดีไหม เราว่า การปล่อยให้เด็กเป็นอิสระแล้วได้เรียนรู้ด้วยตนเอง นั่นแหล่ะคือ การเล่นและการเรียนรู้ของเด็ก การเล่นมีประโยชน์เยอะนะ ทำให้เด็กได้ฝึกจินตนาการ ได้ฝึกสังคมแบบฉันเล่นก่อนนะ เธอเล่นมั่ง หรือเริ่มเรียนรู้ที่จะแบ่งปันได้ด้วยตนเอง ไม่ใช่ต้องมีคนมาสั่ง มาจับเวลา เด็กก็เรียนรู้แค่ การทำตามคำสั่งเท่านั้นเอง เท่าที่ศึกษาเกี่ยวกับการเล่นและพัฒนาการของเด็กมา ก็ประมาณนี้ค่ะ หากเราเอาแต่คุม เอาแต่บังคับ เด็กก็แทบจะไม่ได้พัฒนาอะไรเลย โดยเฉพาะในเรื่องจินตนาการ จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 53 21:20:40

ความคิดเห็นที่ 14 ที่เกาหลีกดได้ครับ จากคุณ : hexa เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 53 22:55:30 A:223.207.116.188 X: TicketID:256654

ความคิดเห็นที่ 15 คห. 4 เคยไปมาครบทุกที่แล้วหรือครับ -"- ที่ผมไปมีให้กดนะครับ (Chocolate Museum@Koln & Technik Museum@Berlin) มีแม้กระทั่งเป็นลิ้นชัก ๆ (DDR Museum@Berlin) บังคับให้เปิดดูเองเลยก็มี แล้วคุณเป็นใครถึงมาตัดสินคนอื่นว่าไม่เคยไปครับ? จากคุณ : workbench เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 53 23:00:23

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องการเรียนรู้โดยอิสระ ไม่เถียงครับ.. แต่เหตุที่ต้องมีคนคอยควบคุม เพราะPublic Safety ประเทศไทยยังไม่ดีพอครับ หากไม่มีคนควบคุม คอยให้เดินเป็นแถว คอยไม่ให้หลงกัน ปล่อยเด็กตามสบาย... ใน10คน จะมี 2คนมาสาย ให้คนอื่นเป็นห่วง จะมี 2คนไปต่อยกัน ทำข้าวของสถานที่เสียหาย จะมี 1คนโดนจิ๊กโก๋ไถเงิน จะมี 1คนโดนหลอกไปเรียกค่าไถ่ จะมี 1คนโดนยาม/ภารโรง ลากไปข่มขืนในห้องน้ำ จากคุณ : Schweissnaht เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 53 00:10:10

ความคิดเห็นที่ 17 คห.16 พิพิธภัณฑ์นะครับ ไม่ใช่บ่อนปอยเป็ต แต่ก็เห็นด้วยที่ควรเพิ่มคนดูแลครับ แต่ไม่ใช่ห้ามนู่นห้ามนี่ ห้ามวิ่ง ห้ามส่งเสียง ห้ามแตะ แรงจูงใจที่ดีที่สุดของเด็กที่จะนำไปสู้การเรียนรู้ได้ก็คือ "ความสนุก" ครับ ประเทศไทยยังขาดการส่งเสริมด้านการเรียนรู้ด้วยตนเองอยู่มากครับ จากคุณ : workbench เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 53 00:20:31

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องของเรื่องคือ เมืองไทยคนไม่ชอบสนใจเรียนรู้ ประการแรกล่ะ ประการต่อมาคนที่สนใจจะเรียนรู้ ก็ไม่มีกระบวนการสนับสนุนคนที่สนใจจะเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์ ได้งบในการดำเนินการต่ำ ก็ทำไปตามที่งบมี ผลก้เลยทำให้ ไม่สามารถสร้างความน่าสนใจได้เท่าที่ควร พิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศ จะไม่มีคนอธิบายตามตู้โดยตรง แต่มักจะเป็นการจ้างเป็นกรณี ๆ มากกว่า แต่มักจะมีระบบการอธิบายผ่านสื่อที่สมบูรณ์น่าสนใจ อีกประการที่ในประเทศยุโรปเขาชอบเดินพิพิธภัณฑ์ คือแหล่งบรรเทิงใจสำหรับเด็ก ๆ บ้านเรามันเยอะกว่าครับ เด็ก ๆ ก็อยากจะไปที่มันสนุกมากกว่าจะสนใจเรื่องที่เป็นความรู้ พิพิธภัณฑ์ที่ผมเห็นว่าเวิร์คมาก ๆ ที่หนึ่งในประเทศไทย คือที่ภูเวียง กาฬสินธุ์ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่จัดได้น่าดูมาก ๆ แต่ปัญหาคือถ้าเห็บราคาแพงก็ไม่มีคนเข้าดู ให้เข้าฟรีหรือถูก พิพิธภัณฑ์ก็ไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ และเรื่องของขายที่ระลึกที่เป้นตัวทำรายได้มาก ๆ ในต่างประเทศ ของบ้านเราก็ทำได้ไม่จูงใจแฮะ บางที่ดันเอาโอทอปมาขายก็ยังมี มันคนละเรื่องเลย พอขายไม่ได้ ไม่สวย ก็ไม่มีคนซื้อ ก็เลิกทำ แล้วก็เลยร้างไป พอร้างก็ไม่น่าดู วนอยู่แบบนี้....................เว้นแต่รัฐจะยอมขาดทุนเพื่อการศึกษาและพัฒนาประเทศ ทุ่มงบด้านพิพิธภัณฑ์ให้ทุกแห่งอยู่ได้  ขนาดภูเวียงว่าดี ตอนนี้แทบจะปิดแอร์แล้วเพราะค่าไฟไม่พอ พิพิภัณฑ์ปิดแอร์ แล้วมันจะเหลืออะไรครับ จากคุณ : คนพิจิตร เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 53 14:49:50

ความคิดเห็นที่ 19 ประเด็นหลักคือกลัวของพัง กับ กลัวเด็กได้รับอันตรายจากการซุกซน ใช่มั้ยครับ ก็ต้องปลูกฝังจิตสาธารณะให้กับเด็กๆ ครับ จากคุณ : praphrut608 เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 53 23:54:06