ความคิดเห็นที่ 1 สูบกันอย่างนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 11:26:49 จากคุณ : Humble เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:22:05

ความคิดเห็นที่ 2 น้ำมันก็ไหลเร็วอยู่นะครับ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 11:27:11 จากคุณ : Humble เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:22:39

ความคิดเห็นที่ 3 3 จากคุณ : Humble เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:22:57

ความคิดเห็นที่ 4 4 จากคุณ : Humble เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:23:13

ความคิดเห็นที่ 5 เครื่องสูบน้ำ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 11:27:39 จากคุณ : Humble เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:23:24

ความคิดเห็นที่ 6 สู้ๆ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 11:28:05 จากคุณ : Humble เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:23:42

ความคิดเห็นที่ 7 คงเป็นเงินเยอะอยู่นะครับ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 11:45:04 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 11:45:03 จากคุณ : Humble เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:23:55

ความคิดเห็นที่ 8 8 จากคุณ : Humble เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:24:09

ความคิดเห็นที่ 9 ต้องขอโทษนะครับ เพิ่งเห็นกระทู้ข้างล่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยังไงก็ถิอว่ามาดูรูปที่กระทู้นี้ก็แล้วกันนะครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9871438/X9871438.html จากคุณ : Humble เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:37:07

ความคิดเห็นที่ 10 ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ จากคุณ : กัดจัง เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:43:45

ความคิดเห็นที่ 11 ^ นั่นสิ น้ำไหลเร็วแบบนี้ น่าเอาพลังงานจากมันมา วิดมันน่าจะเวิร์ค จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:49:40

ความคิดเห็นที่ 12 ขี้่ช้าง จับพารามีเซี่ยม จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:52:17

ความคิดเห็นที่ 13 น้ำมา ให้รีบสูบ จากคุณ : เทพกันดาร เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:58:34

ความคิดเห็นที่ 14 อืม  ที่จริงผมว่ามันคำนวณได้ไม่ยากเย็นเท่าไหร่นะ แล้วก็จะรู้ว่าคุ้ม /ไม่คุ้ม จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:59:04

ความคิดเห็นที่ 15 เร็วกว่าไม่ทำครับ จากคุณ : polemistis เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:59:39

ความคิดเห็นที่ 16 ด้วยมันสมองของคนใส่ใส่เสื้อมากกว่าหนึ่งชั้นในรูปความเห็น 3 -''- จากคุณ : nutxnut เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:03:17

ความคิดเห็นที่ 17 ก็ไปบอกเขาดิว่า เอาท่อ เฟลกใหญ่ๆ ทำการลักน้ำเอาก็ได้ไม่ต้องสูบ หรือไม่ก็บอก ระเบิดหินทิ้งเลยเปิดทางน้ำ เหๆ จากคุณ : นักวิจัยฝุ่น เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:06:08 A:202.176.106.50 X: TicketID:284592

ความคิดเห็นที่ 18 แนวน่าจะมาจากถุงกาแฟ แบบว่าเทก็อาจจะไม่ทันใจ ก็เลยเจาะรูเพื่ม ที่นี้ก็แอ๊ดวาซน์ซะหน่อย ใช้เครื่องสูบซะเลยน่าจะไวกว่า เป็นแนวทางที่ดีครับ แต่ถ้าคิดเรื่องของ ค่าน้ำมันกับน้ำที่ได้มา ก็ไม่น่าคุ้มครับ จะให้คุ้มจริงๆ ก็คงต้อง กาลักน้ำครับ ไม่ต้องสูบ ปล่อยให้แรงน้ำวิ่งออก ก็จะได้ทางระบายเพิ่ม โดยไม่ต้องเสียพลังงานภายนอกครับผม จากคุณ : หน้าไม้ใจเย็นยิ่ง เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:34:57

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นปลายท่อระดับน้ำมันต่ำ มันน่าจะไหลเร็วขึ้นมั้ง จากคุณ : PalmIIIc เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:36:00

ความคิดเห็นที่ 20 แมกค่าเซบเว่อ    จะหลาดสุดๆ........*-* จากคุณ : Van Persie เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:39:37

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้ายัด TNT สัก ๓-๔ แท่ง แล้วระเบิดทิ้งนี่ NGO จะด่าไหมครับ จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:41:17

ความคิดเห็นที่ 22 เรียกว่าระบบ Youtube.com  หรือป่าว จากคุณ : chan ty เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:47:07

ความคิดเห็นที่ 23 อบจ คิด ใครจ่ายฟร่ะ แล้วนี่ไม่มีใครค้านลุงบ้างเลยเรอะ จากคุณ : หมาป่าดุ๊กดิ๊ก เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:50:41

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่ได้ลดการน้ำท่วมครับ ถ้าคิดอย่างที่คุณจขกท พูดมา แต่ ความเป้นจริงแล้ว นี่เป็นวิธีทำ ก้อนน้ำ ให้ไหลผ่านเมือง เร็วขึ้น การเกิด ก้อนน้ำ เกิดจากการ ไม่ไหล ของน้ำ แล้ว น้ำ หน้าก้อนชะลอตัว ทำให้น้ำหลังยอดก้อน ดันสมทบ ทำให้ ยอด ก้อนน้ำ สูงขึ้น กว่าที่ควรจะเป็น นี่เป็นวิธีแก้ปัญาหา คอขวดของลำน้ำ ด้วยการทำให้ น้ำก้อนหน้า ระบายออก เร็วขึ้น จะทำให้ ยอดระดับน้ำสูงสุง ลดลง และ หลากออกจากเขตเมือง เร้วขึ้น เท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 12:54:10 จากคุณ : greeny pony เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:51:50

ความคิดเห็นที่ 25 อบจ คิด ใครจ่ายฟร่ะ แล้วนี่ไม่มีใครค้านลุงบ้างเลยเรอะ จากคุณ : หมาป่าดุ๊กดิ๊ก เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:52:16

ความคิดเห็นที่ 26 ทำให้เร็วขึ้นได้จริงครับ  แต่อาจเร็วขึ้นซัก 0.1% แต่เปลืองเงิน คุ้มหรือเปล่าไม่รู้ครับ แล้วแต่สถานการณ์ อีกเรื่องคือ ปลายท่อที่น้ำออก มันสูงไปหน่อย ผมว่า ถ้าเอาปลายท่อที่น้ำออกลงไปต่ำๆ ให้ถึงระดับผิวน้ำด้านล่าง น่าเป็นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพกว่านี้ครับ ถ้าระดับน้ำออกต่ำกว่าระดับน้ำเข้า ปั๊มไม่ต้องออกแรงทำให้น้ำไหลเลย แต่แรงจากปั๊มอาจช่วยให้น้ำไหลเร็วขึ้นได้ จากคุณ : ผลึกความคิด เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 13:23:04

ความคิดเห็นที่ 27 เร็วกว่านิดนึง ดีกว่าไม่ทำอะไร จากคุณ : rbko เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 13:24:49

ความคิดเห็นที่ 28 วิธีเดียวกับการสูบน้ำออกทะเลเพื่อเร่งให้ไหลเร็วขึ้นแบบเดียวกับที่สมุทรปราการ แต่ดูสภาพอุปกรณ์แล้วของใหม่ทั้งหมด เดี๋ยวไม่กี่วันก็พัง ใช้รหัสวิดน้ำดีกว่ามั๊ยครับ ไม่เปลืองน้ำมัน จากคุณ : narissup เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 13:27:35

ความคิดเห็นที่ 29 ก็ยังดีครับ ที่ยังคิดทำอะไรเพื่อบรรเทาได้่บ้าง จากคุณ : NATSKI13 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 13:28:37

ความคิดเห็นที่ 30 อันนี้ ผมไปตอบไว้ที่ ไกดฺ อุบล มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมครับ มันไม่ได้ลดระดับน้ำครับ แต่ วิกฤติของน้ำหลากที่บ่าท่วม จะอยู่ที่ ก้อนน้ำ ที่จะยกระดับสูงขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่อน้ำหน้า ไปไม่ได้ น้ำหลังมาสมทบ ยกตัวอย่าง ระดับน้ำก่อนหลาก อยู่ที่ 7 เมตร แต่ ไปต่อไม่ได้ เพราะคอขวด แก่งตะนะ เมื่อน้ำหลากมาสมทบ ที่ระดับ 7.5 เมตร น้ำหน้าจะ ดันน้ำหลาก จนยกตัว เกิดปรากฏการณ์ ก้อนน้ำ ที่สูงขึ้นเป็นทวีคุณ คือ 10 เมตร โดยจุดปะทะ ของน้ำสองก้อน อยู่ที่ วัดสุปัฏนาราม การเกิดยอดน้ำ 10 เมตร ทำให้ น่ำล้นตลิ่ง หลากเข้าเมือง ทำความเสียหายในตัวเมือง 1500 ล้านบาท การแก้ปัญหา เดียวที่ทำได้ คือทำให้ น้ำก้อนหน้า เดินเร็วขึ้น (นิดนึงก็ยังดี) ด้วยการสูบน้ำออก 1 % ด้วยงบประมาณ 10 ล้านบาท น้ำก้อนหน้า ไม่ได้ลดจำนวนลงแม้แต่มิลลิเมตรเดียว แต่ อัตราวิกฤติของการสะท้อนกลับน้ำก้อนแรก ขยับจาก หน้าวัดสุปัฏ มาเป็น บ้านท่ากกเสียว (เลยออกมา กิโลกว่า ๆ เอง) ทำให้ เส้นทางน้ำ กว้างกว่าเดิม 10เท่า ยอดคลิ่นของก้อนน้ำ ลดลงจาก 10 เมตร เป็น 8.2 เมตร ไม่เกินกว่าค่าวิกฤติของตลิ่ง แค่นี้ น้ำก็ไม่ท่วมเมืองอุบล อาจจะหลากออกไปท่วมบ้านทหาดสวนยา ท่าบ้งมั่ง ความเสียหาย 300 ล้านบาท แค่ สูบน้ำ 10วัน หมดเงิน 10 ล้าน ลดความเสียหายจาก 1500 ล้าน เป็น 300 ล้าน คุ้มมั๊ย นี่เป็นหลักวิชาชลประทานที่คำนวนกัน หัวแทบแตก และ อบจ.ทำตามทันที โดยยอมโดนด่าว่า ทำอะไร โง่ ๆ แต่ ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ แล้วครับ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 13:43:50 จากคุณ : greeny pony เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 13:40:20

ความคิดเห็นที่ 31 หลาย ๆ ความเห้นเป็นไปเชิงสร้างสรร ดีครับ แต่ก็มึีหลายความเห็นกระแนะกระแหน น่าดู ในภาวะน้ำท่วมแบบนี้ ไม่ทำอะไรเลยก็ถูกด่า ทำก้ถูกด่า  แต่พุดในนี้เขาไม่รู้เรื่องหรอก   ลองหาทางส่งไปให้เขาทราบความเห็นดีๆ ในนี้จะช่วยได้เยอะเลยครับ จากคุณ : ReHeat เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 13:40:23

ความคิดเห็นที่ 32 ทำกาลักน้ำประหยัดกว่ามั้ย จากคุณ : ผีฟรีคิก เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 13:48:02

ความคิดเห็นที่ 33 เรียนคุณ pony ที่เคารพ เนื่องด้วยว่าผมยังงงงงอยู่ ช่วยกลับมาอธิบายด้วยครับ เรื่องคอขวด น้ำออกไม่หมด แต่น้ำท่วมน้อยลง ผมว่าอีกหลายๆคนยังไม่เข้าใจ เขียนรูปให้ดูก็ยังดีครับ จากคุณ : อิอิอิ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 13:48:52 A:125.24.83.25 X: TicketID:228785

ความคิดเห็นที่ 34 เรื่องอัตราวิกฤติการสะท้อนของน้ำ ด้วยครับ จากคุณ : อิอิอิ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 13:50:40 A:125.24.83.25 X: TicketID:228785

ความคิดเห็นที่ 35 เอาง่าย ๆ ก่อนเข้าเมืองอุบล น้ำจะถูกบีบ ให้เหลือความกว้างของเส้นทาง ประมาณ 260 เมตร (ความกว้างของสะพานเสรีประชาธิปไตย) ขวาไปไม่ได้ เพราะติด คันถนน สายวาริน - อุบล นั่นคือ คอขวดที่ 1 มีคอขวดที่ 2 ที่สะพานใหม่ ตะวันออกเมือง และ สายรอบเมืองตะวันออก น้ำหลากมา ด้วย ขนาดลำน้ำความกว้างประมาณ 3 กิโลเมตร (จากตลิ่งฝั่งอำเภอเมือง ไปยังตลิ่งฝังอำเถอวาริน) ถูกบีบเหลือ 300 เมตร แล้วถ้า น้ำเก่าทีพ้นจากตรงนี้ไปแล้ว ไปติดคอขวดของเขื่อนปากมูล (400 เมตร) กับแก่งตะนะ 340เมตร( และมี หินขวางลำน้ำจำนวนมาก) น้ำจะเกิดการ หยุดไหล และ คับคั่ง น้ำในลำน้ำ มันไม่ได้ราบเรียบตลอดทั้งเส้นนะครับ  เมื่อไม่ไหล มันจะเกิดก้อนน้ำ แล้ว ก้อนน้ำจะ สะสมย้อนกลับเส้นทางน้ำมาเรื่อย ๆ (ที่ผมอธิบายว่า สูง 7 เมตรนั้นน่ะ ความจริง ระดับน้ำธรรมดา อยู่ที่ 6 เมตร แต่ยอดก้อนน้ำ จะตีกลับ จนทำให้ ยอดน้ำสูงได้ 7 เมตร ในระยะทางประมาณ 30 - 100 กิโลเมตรของก้อนน้ำ) วันที่คำนวน คือ 2 พฤศจิกายน ก้อนน้ำนี้ จะ สูงสุด ย้อนกลับมาจนถึงเมืองอุบล แถว ๆ สะพานพอดี และยอดน้ำใหม่ ก็จะมาถึง สะพานพอดี (ที่ผมบอกว่า วัดสุปัฏนารามนั่นน่ะ สะพานพอดี น้ำจะมี เนื้อที่ให้ น้ำสองก้อน ปะทะกันที่ 300 เมตร นั่นคือ อัตราวิกฤติสะท้อนน้ำสามารถยกตัวได้สูงถึง 10 เมตร ที่ผิวหน้าน้ำ 300 เมตร แต่ ถ้าเลยจากจุดนี้ ไปอีก นิดเดียว เลยสะพาน ใหม่ไปแล้ว ตลิ่งจะกว้าง 3 กิโลเมตรเช่นเดิม (จากบ้านท่าเตาไห มาบ้านกุดระงุม 3.26 กิโลเมตร) การปะทะกันของก้อนน้ำสองก้อน จะมี  พื้นที่ผิว กว้าง 3 กิโลเมตร การยกตัวของน้ำ เมื่อ รวมกัน จะทำได้ไม่เกิน 8 เมตร ไม่เกินค่าวิกฤติของตลิ่ง แค่ สูบน้ำออก 1 % สามารถ ขยับจุดวิกฤติ ออกไปให้มีพื้นที่ผิวมากขึ้น การปะทะ ก็ไม่เกินกำลังของตลิ่ง แล้วครับ แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 14:19:10 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 14:15:35 จากคุณ : greeny pony เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 14:13:31

ความคิดเห็นที่ 36 คงเอาไว้กัน Q Peak ไหลเข้าเมืองมั้ง   ถ้าสูบตอนมัน Peak ก็พอมีประโยชน์ นอกนั้นผมเห็นว่าไม่นะ จากคุณ : ~รักความรุนแรง~ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 14:13:44

ความคิดเห็นที่ 37 สรุปก็คือเหมือนกับช่วยให้น้ำผ่านคอขวดเร็วขึ้น ไม่ให้น้ำสะสมมากเกินไป จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 14:31:10

ความคิดเห็นที่ 38 แล้ว คุณ อิ อิ อิ น่ะ ไม่ต้องถอดลอคอินก็ได้ เราคุยกัน เราไม่ได้ ทะเลาะกันซักกะหน่อย อิ อิ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 14:35:04 จากคุณ : greeny pony เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 14:34:29

ความคิดเห็นที่ 39 ก่อนอื่นต้องขออธิบายเรื่องของเส้นทางน้ำมูลในจุดที่จะผ่านแก่งตะนะ(เดิมชื่อแก่งมรณะ) เนื่องจากมีโขดหิน(แก่งตะนะ)ที่ขวางทางน้ำมูล ที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโขง ทำให้เหมือนเป็นคอขวดอยู่ตรง(แก่งตะนะ)นี้ ทำให้แม่น้ำมูลไหลลงแม่น้ำโขงได้ช้า การดำเนินการของ อบจ. ครั้งนี้ถือว่าช่วยในการระบายน้ำออกจากแม่น้ำมูลได้บางส่วน เป็นการลดระดับของแม่น้ำมูล เพื่อเพิ่มพื้นที่รับน้ำ จากกระแสน้ำที่มาจากโคราช(มูล) และ ขอนแก่น(ชี) ที่ไหลลงมา ผ่านตัวเมืองอุบลราชธานี แก่งตะนะนี้ คงไม่ควรจะระเบิดเพื่อเปิดทางน้ำ ด้วยเหตุผลของการท่องเที่ยว และ NGO แต่ควรมีการติดตั้งระบบ(โรง)สูบน้ำขนาดใหญ่แบบโครงการผันน้ำแก้มลิงแถบปริมณทลรอบๆกรุงเทพ ครับ อย่างไรก็ตาม ปีนี้เรา(อุบล)โชคดี ตรงที่ ระดับน้ำโขงต่ำกว่า น้ำมูล (บางปี ระดับน้ำโขงสูงจนดันน้ำมูลไหลย้อนกลับ) แผ่นดินอีสาณแล้งเพราะหน้าฝนปีนี้มาช้าและไปเร็ว ทำให้แผ่นดินดูซับน้ำไว้ เหลือก้อนน้ำที่จะไหลมาอุบลไม่เยอะอย่างที่คิด ถามว่าการกระทำครั้งนี้ คุ้มหรือไม่ กับค่าใช่จ่ายที่เกิดขึ้น ก็ต้องตอบว่าคุ้มครับ แม้ว่าอาจมีคน(นักการเมือง)ที่กระเป๋าตุงขึ้นจากค่าคอม  แต่ก็คิดเสียว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องเกิด ถ้าต้องการให้งานครั้งนี้เกิดจึ้น การกระทำของ อบจ.ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ครับ สมัย นายก คนที่เร่รอน อยู่ต่างแดน ก็เคยใช้วิธีนี้ได้ผลมาแล้วครับ (น่าจะเป็นความคิดของท่านปุระชัย สมัยที่ท่านมาตรวจงานน้ำท่วม ครั้งนั้น) ผมได้สรุปเรื่องความเห็นในเรื่องน้ำ(ไม่)ท่วม อุบลครั้งนี้ไว้ 3 เหตุผลหลัก ที่http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9850626/X9850626.html ขอเสริมความเห็นของท่านgreeny pony ไว้ว่า พื้นที่ที่น้ำท่วมที่บอกว่า เสียหาย 300 ล้านนั้น (อาจจะหลากออกไปท่วมบ้านทหาดสวนยา ท่าบ้งมั่ง ความเสียหาย 300 ล้านบาท) ความจริงเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในท้องถิ่นก็พยายามที่จะสร้างถนนกั้นริมตลิ่งเพื่อขจัดปัญหาเรืองน้ำมูลท่วม ซ้ำซาก ทุกๆปี (ท่ามุ่งมั่ง หาดสวนยา) แล้ว แต่เหมือนว่าชาวบ้านแถวนั้นจะไม่ค่อยเห็นด้วย และต่อต้าน การกระทำโครงการถนนกั้นริมตลิ่งครั้งนี้  ผมเองเลยไม่แน่ใจว่า ความช่วยเหลือ ที่ชาวบ้านที่ได้ จากหน่วยงานต่างๆ ที่มาช่วยเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมมันมากจนยอมให้น้ำท่วมซ้ำซาก ทุกๆปี   ปล.ผมมีที่อยู่แถวหาดสวนยาด้วยครับ ก็เลยรู้ว่าแถวนั้น มันต้องท่วมซ้ำซากทุกๆ ปี ไม่ว่าฝนจะมากหรือฝนน้อย  นี่ผมยังคิดว่าจะลงทุนสัก 4-5 หมื่นบาท สร้างบ้านหลังเล็กๆไว้ ในพื้นที่นี้ รอให้น้ำท่วม(ซึ่งมันท่วมทุกปีอยู่แล้ว) แล้วรอรับเงินและของช่วยเหลือ สักสองสามปี ก็คุ้มการลงทุนแล้ว ปี่ต่อๆไป คือกำไรเห็นๆ 555 เห็นว่าเทศบาลช่วยหลังละเป็นหมื่นบาทเลยง่ะ จากคุณ : ทองนพคุณ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 14:43:28

ความคิดเห็นที่ 40 ขอโทษทีครับ ไม่เคยเรียนฟลูอิดเลยยังงงงง โอ้วว ความรู้ล้วนๆเลย พอเข้าใจแล้วครับ ตอนแรกงงงงอยู่ต่อพอฉายดูด้วย โหมดดาวเทียมละเก็ทเลย ทีนี้ฝั่งต้นน้ำอย่างเขื่องใน กับปลายน้ำอย่างคำเขื่อนแก้ว สิริณธรจะมีปัญหาไหมล่ะครับ ปล ไม่มีล็อกอินตั้งกะทีแรกอยู่แล้วครับ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าทะเลาะอะไร แค่ถามเพราะอยากรู้ จากคุณ : อิอิอิ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 15:14:21 A:118.172.83.73 X: TicketID:228785

ความคิดเห็นที่ 41 เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Humble เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 15:27:16

ความคิดเห็นที่ 42 ปีนี้ไม่ทำมันก็ไม่ท่วมหรอกครับ เพราะปริมาณน้ำไม่ได้มาก โคราชเองที่ท่วมก็เพราะน้ำมันไม่ไหล อุบล-โคราช แค่ 300 กว่า กม. ถ้าน้ำไหลปกติ มันถึงอุบล ไปนานแล้ว สมมุติน้ำไหล 10 กม/ชม  สองวันก็ถึง กลียุคจริง ๆ ไม่มีใครกล้าพูดถึง สาเหตุที่แท้จริงที่น้ำท่วมโคราช จากคุณ : klateekla เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 15:43:04

ความคิดเห็นที่ 43 เห็นแล้วผมคิดถึงตอนที่น้ำท่วมกรุงเทพเมื่อสักสิบกว่าปีก่อนนี้ ที่ทางกองทัพนำรถ AAV7 (รถลำเลียงพลสะเทินน้ำสะเทินบก) มาผูกเชือกล่ามเอาไว้ในคลองให้อยู่กับที่แล้วเร่งเครื่อง (รถรุ่นนี้ใช้ระบบ Water Jet ในการวิ่งในน้ำ) เพื่อเป็นการช่วยผลักน้ำให้ไหลเร็วขึ้น ทำให้น้ำที่ท่วมอยู่ลดระดับเร็วขึ้น (น่าจะได้ผลจริงๆด้วย ถ้าจำไม่ผิดนะครับ  เพราะตอนนั้นยังเด็กอยู่เลย) ผมว่าหลักการน่าจะใกล้เคียงกับวิธีที่ จขกท.นำมาให้ดูแหละครับ จากคุณ : Phalanx เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 16:02:11

ความคิดเห็นที่ 44 ซ้ำครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 53 09:15:50 จากคุณ : Phalanx เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 16:03:12

ความคิดเห็นที่ 45 ซ้ำอีกแล้วคับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 53 09:16:10 จากคุณ : Phalanx เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 16:04:12

ความคิดเห็นที่ 46 ^ ^ ^ แล้วมันคืออะไรล่ะ ท่านผู้รู้ ? จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 16:05:46 A:202.28.25.201 X: TicketID:135285

ความคิดเห็นที่ 47 แล้วสาเหตุจริงๆคืออะไรครับ จากคุณ : อิอิอิ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 16:07:55 A:125.24.58.26 X: TicketID:228785

ความคิดเห็นที่ 48 จาก #42 ..ไม่มีใครกล้าพูดถึง สาเหตุที่แท้จริงที่น้ำท่วมโคราช .. มันคืออะไรอ้ะ อยากรู้ เห็นมีคนเขียนไว้แบบนี้ 2-3 คคห แล้ว แล้วก็ไม่พูด(แม้อ้อมๆ)ว่ามันคืออะไร อยากรู้ว๊อยยย... จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 16:30:16

ความคิดเห็นที่ 49 ถ้าน้ำมันไหลไม่เชี่ยว ที่อธิบายมาก็คงมีเหตุผล (ยังไม่ได้ลงรายละเอียดตำแหน่งตามรูป(แก่งตะนะกับวัดที่บอกว่าเป็นคอขวด) แต่้ผมดูยังไง น้ำที่ไหลในแ่ก่งก็ไหลได้เร็วกว่าน้ำที่ออกจากเครื่องสูบน้ำอยู่ดี จากคุณ : กัดจัง เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 16:36:59

ความคิดเห็นที่ 50 วิธีนี้แถวหมู่บ้านผมก็ใช้เหมือนกันครับ จากคุณ : บังเอิญผ่านมา เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 17:40:48 A:202.151.6.29 X: TicketID:288702

ความคิดเห็นที่ 51 ไหลเร็วก็ไม่ได้หมายความว่าไหลพอนี่ครับ เขาไม่ได้สูบน้ำแข่งกันนะครับ แต่เป็นการเพิ่มช่องทางระบายออก จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 17:55:30

ความคิดเห็นที่ 52 น่าจะหาปั๊มตัวใหญ่กว่านี้ จากคุณ : เพราะฉันพบเธอ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 18:01:01

ความคิดเห็นที่ 53 #30   มันสูบไม่ทันครับ   ตัวเลขมันฟ้องเห็นๆ หมายความว่า  เงิน 10 ล้าน  ก็จะเสียไปฟรีๆ โดยไม่สามารถปกป้องเงิน 1500 ล้านได้ จากคุณ : Professor เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:19:58

ความคิดเห็นที่ 54 เบื่อพวกทำเป็นเหมือนรู้ แต่ปากอมขี้หมาไว้ พูดไม่ได้จริงๆ จากคุณ : [STYX] บัตรผ่านยังโดนแบน เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:20:00 A:183.89.132.46 X: TicketID:267882

ความคิดเห็นที่ 55 ไอ้อีกพวกที่ชอบมานั่งสร้างข่าว ว่าคนรอบนอกเดือดร้อน เพราะต้องกันไม่ให้น้ำท่วมกทม เพราะเป็นที่อยู่ของพวกเจ้านาย ไอ้พวกนี้มันก็น่าเอาขี้หมายัดปากเหมือนกัน ทั้งๆ ที่จริง กทม มันเป็นเมืองหลวง ไม่ว่าประเทศไหนๆ มันก็ต้องป้องกันเป็นพิเศษ เพราะเป็นศูนย์กลางของประเทศอยู่แล้ว ไอ้พวกโยง มันก็พยายามโยงไปทั่ว เกิดมามีอิสระ ไม่มีใครเอาโซ่ตรวนมาล่ามไว้ ก็อยากจะเป็นไพร่กันเสียเหลือเกิน ต่างกับคนจีนร่อนเร่พเนจรสมัยก่อน มาถึงไทยแบบแทบจะเป็น( ^o^ ) แต่ทุกวันนี้ร่ำรวย ก็มีคนมานั่งเคารพ ยกมือไหว้ จากคุณ : [STYX] บัตรผ่านยังโดนแบน เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:25:20 A:183.89.132.46 X: TicketID:267882

ความคิดเห็นที่ 56 ผมดูจากรูป แม้จะด้วยเหตุผลที่กล่าวด้านบน ดูแล้วมันไม่น่าจะช่วยอะไรเลย จากคุณ : ไข่ย้อยลอยทะเล เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:34:21

ความคิดเห็นที่ 57 ปัญหาคือ น้ำไหลมาเพิ่มเท่าไหร่ และที่สูบๆ ออกไปเนี่ย เท่าไหร่ มันเป็น 1% จริงหรือเปล่า  หรือแค่ 0.001 % จากคุณ : unimox เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:40:05

ความคิดเห็นที่ 58 จากข้อมูลข้างบนคิดได้ว่า น้ำไหลมา 12,000,000 ลบ.ม / 1ชม ปั้มน้ำ 70 ตัว ดูดน้ำออกได้ที่ประมาณ  7000ลบ.ม / 1 ชม ลองมาคิดปริมาณน้ำกัน 12,000,000 ลบ.ม นี่จะเท่ากับน้ำเต็มคลองที่ความกว้าง300เมตร ความลึก 10 เมตร และความยาวถึง 4 กิโลเมตรเลยทีเดียว เท่ากับว่า ใน1ชม น้ำไหลไปได้ไกลถึง 4 กิโลเมตร คิดแบบไม่มีสิ่งกีดขวาง 7000ลบ.ม นี่จะเท่ากับน้ำเต็มคลองที่ความกว้าง300เมตร ความลึก 10เมตร แต่ความยาวเพียง 2.4 เมตรเท่านั้น ถ้าต้องการที่จะเลื่อนจุดประทะน้ำออกไป 1 กม. ก็จะต้องใช้เวลาในการสูบน้ำออกถึง =1000/2.4 = 417 ชม. ก็คือประมาณ 17 วัน ที่กำลังการสูบชม.ล่ะ 7000ลบ/ม แต่ว่าที่ว่าจุดประทะก้อนน้ำที่จะยกตัว นี่คำนวณกันยังไงครับ แม่นยำขนาดไหน ถึงได้มั่นใจว่าใช้วิธีนี้ใช่แน่.. ยังไงก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยเป็นไหน ๆ ครับ จากคุณ : ชาวประมง (GUKD) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:46:13

ความคิดเห็นที่ 59 อันนี้อุบลปี 45 ครับ หนักกว่าปีนี้เยอะ นั่ง gMC ข้ามสะพานมูลกันเลยทีเดียว http://www.guideubon.com/web/viewtopic.php?f=13&t=32894&sid=a67b0249f1c6aa504e7fd930b3766927&start=25 จากคุณ : อิอิ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 20:06:13 A:125.24.57.64 X: TicketID:228785

ความคิดเห็นที่ 60 เอาใจช่วยท่าน greeny pony ให้สามารถตัด peak ได้เพื่อลดการสูญเสีย ผมขอชมเชยที่พยายามทำทุกอย่างให้บรรเทาปัญหา ตามที่ได้เรียนมา และเอามาทดลองใช้ให้เกิดผลจริง ๆ และไม่ต้องไปคิดมาก ทำ ถ้าคิดว่าดี ก็พอแล้ว จากคุณ : kuk-42 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 22:08:18

ความคิดเห็นที่ 61 ทำไมไม่เอาท่อสูบน้ำของนากุ้งมาสูบครับ อันนั้นน่าจะช่วยให้ไวกว่านี้มาก เครื่องคูโบต้า กับเครื่องดีเซลสี่สูบ แรงคนละเรื่องเลยน่ะครับ จากคุณ : Faxes เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 22:47:19

ความคิดเห็นที่ 62 หลายท่านเข้าใจผิด ว่าผมเป็นเจ้าของเรื่องราวทั้งหมด ไม่ใชนะท่าน บ้านผมอยู่เชียงใหม่ จากคุณ : greeny pony เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 23:11:29

ความคิดเห็นที่ 63 เบื่อพวกชอบกระแนะกระแหนจริง อยากรู้ว่าใช้ชีวิตด้วยการเสียดสีแล้วสนุกเหรอ นักเลงคีย์บอร์ด ตอบคำถามดีๆมันคงยากเกินไปสินะ จากคุณ : ชนวนกลาง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 00:22:14

ความคิดเห็นที่ 64 ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไมไม่ทำ จากคุณ : ราตรีที่จันทร์ยืนเศร้า เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 01:03:03

ความคิดเห็นที่ 65 อยากจะบอกว่า ประเทศเราไม่ได้อยู่ในฐานะที่สามารถใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อแลกกับผลลัพท์จำนวนน้อย การที่บอกว่า "อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย" จึงเป็นอะไรที่ตื้นเขินและน่าหัวเราะ แนะนำให้เข้าเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น จากคุณ : ไมโตคอนเดรีย เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 01:09:51 A:58.11.81.6 X: TicketID:269899

ความคิดเห็นที่ 66 .. ขอเล่าให้ฟังเรื่อง "ภูมิปัญญาชาวบ้าน" วิศวกร ได้ไปสร้างฝายกั้นลำน้ำ เพื่อกั้นน้ำไว้ใช้หน้าแล้ง ซึ่งสูงจากผิวดินใต้น้ำเพียง 10 cm. ซึ่งยังอยู่ต่ำกว่าระดับผิวน้ำเป็นเมตร คาดว่า เพียงพอที่จะผันน้ำด้านเหนือฝายได้พอสมควร และไม่น่าจะมีผลกระทบอย่างอื่น ชาวบ้านบอกว่าทำแบบนั้นไม่ได้  จะทำให้น้ำท่วมด้านล่างฝาย วิศวกรบอกว่า ไม่เกี่ยว  ฝายสูงเพียง 10 cm.   ไม่ถึงระดับผิวน้ำ จะทำให้น้ำท่วมได้ยังไง ชาวบ้านยืนยันว่า ยังไงก็ท่วม จนกระทั่งวันที่ระดับน้ำสูงขึ้น และเริ่มจะท่วม วิศวกรกับชาวบ้าน มาถกเถียงกันที่ฝายอีกครั้ง ระดับน้ำกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าชาวบ้านจะอธิบายอย่างไร  วิศวกรก็ดูเหมือนจะยืนยันทฤษฎีของตน แต่ชาวบ้าน รอไม่ได้อีกแล้ว เพราะน้ำกำลังขึ้นเรื่อยๆ กำลังจะท่วมนาข้าว ว่าแล้ว ก็พากันทุบฝายทิ้ง ภายในไม่กี่นาที ระดับน้ำที่กำลังหนุนสูงขึ้น ระดับน้ำลดฮวบลงมาทันที วิศวกร ก็ถึงบางอ้อ เออ จริงของเค้าแฮะ .. จากคุณ : ไม่เป็นดั่งใจ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 01:52:33

ความคิดเห็นที่ 67 มาเห็นด้วยว่า วิธีที่น่าจะเป็นวิธิการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง ไม่ใช่การกักน้ำเอาไว้ แต่เป็นการระบายน้ำให้เร็วที่สุด จากคุณ : ps_addict เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 02:33:11

ความคิดเห็นที่ 68 ตามรูป 66 กรณีของ Engineering sense เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ หากว่าใครที่จบวิศวะจริงๆ เพราะเหตุผลว่ากรณีน้ำปะทะสิ่งกีดขวางจะเิกิดการยกตัวขึ้นอยู่แล้ว แสดงว่าคนเขียนไม่ได้จบวิศวะมา กรณีของ After ก็ผิดอีก เพราะเป็นไปไม่ได้ที่น้ำจะยกระดับขึ้นแล้วยืนระดับเท่าเดิม หลังผ่านสิ่งกีดขวาง ทั้งๆที่ข้างล่างสิ่งกีดขวางระดับต่ำกว่าก่อนผ่านสิ่งกีดขวาง ตามหลักการ ปริมาณเข้าเท่ากับปริมาณออก ผมว่ากรณีที่เป็นไปได้คือตามรูปข้างล่าง แม้ระดับน้ำจะยกขึ้นมา แต่เมื่อผ่านสิ่งกีดขวางก็็จะลดระดับลง และจะไม่ส่งผลต่อการท่วมที่หลังเขื่อน ยกเว้นน้ำมากจริงๆ ซึ่งท่วมอยู่แล้วแม้ว่าจะทำลายสิ่งกีดกวางก็ตาม จากคุณ : =. ลางเนื้อเจือลางยา .= เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 10:14:24

ความคิดเห็นที่ 69 คงเงินเหลือเลยทดลองดูครับ ผมว่าไม่ได้ผลหรอก จากคุณ : มังกรใจเย็น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 11:55:52

ความคิดเห็นที่ 70 #66 น้ำมีปริมาตรเท่าเดิม จะเพิ่มขึ้นได้อย่างไรด้วยฝายที่สูงแค่ 10 เซนติเมตร ที่หลังฝ่าย แต่ถ้าที่หน้าฝายก็ใช่ เห็นด้วยกับ #68 ส่วนการเอาปั๊มน้ำมาช่วยดูเพื่อระบายนั้นให้ได้เร็วขึ้นนั้น ก็ช่วยได้แต่เทียบปริมาณแล้วคงแค่ 0.0001% แต่เสียงงบประมาณไปมากมาย และไม่ช่วยลดระดับอะไร ถ้าระดับที่สูบส่งไปนั้นมันต่ำกว่าระดับน้ำในแม่น้ำ ก็ให้ทำการทลายหิน ขุดช่องทาง หรือจะใช้ระบิดเปิดช่องทางออกก็ได้ เพื่อเพิ่มช่องทางการระบายของน้ำ อันนี้ต้องมีตัวบิ๊กสั่งการ ปล่อยให้ระดับ อบจ คิดกันก็คงได้แค่ใช้เครื่องสูบน้ำ นั่นแหละถูกแล้ว และคาดว่าราคาเครื่องสูบน้ำที่ซื้อมาใหม่สำหรับงานนี้ คงมีราคาสูงกว่าท้องตลาดไม่ต่ำกว่า 100% ทั้งยังซื้อมาจากนายหน้าต่อมาอีกที ถ้าหากมีคนตรวจสอบก็คง เจอตอแน่นอน แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 53 13:25:27 จากคุณ : My membery เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 13:12:03

ความคิดเห็นที่ 71 เรื่องปรกติของ อบต. อบจ. ครับ....... พลิกวิกฤติให้เป็นค่าคอมมิชชั่น.... จากคุณ : นั่งดูนกเล่นน้ำ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 13:18:41

ความคิดเห็นที่ 72 เมื่อวานเพิ่งดูข่าว เห็นที่นึงใช้ระบบแบบนี้ แต่เป็นให้ใบพัดช่วยระบายน้ำ แต่เขาใช้กับพื้นที่ใต้สะพาน บริเวณที่เป็นน้ำนิ่ง โดยการเพิ่มกระแสน้ำให้ไหลไปลงทะเลเร็วขึ้น แต่ไม่ได้สูบน้ำที่แรงอยู่แล้วแบบนี้ จากคุณ : Crono เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 15:40:00

ความคิดเห็นที่ 73 คำตอบของ กระทู้ 66 และ 68 สภาพน้ำจริง ๆ จะเป็นอย่างนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 53 23:50:40 จากคุณ : greeny pony เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 23:47:24

ความคิดเห็นที่ 74 เอาใหม่ มะกี้เขียนไม่สวย จากคุณ : greeny pony เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 23:51:02

ความคิดเห็นที่ 75 การหลักการ press and over flow จากคุณ : greeny pony เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 23:51:41