ความคิดเห็นที่ 1 ที่ทำได้ก็คงอยู่ในระดับ กายทิพย์ แหละครับ สามารถถอดวิญญาณไปที่ไหนก็ได้ แต่ ร่างจริง คงทำเหนือกว่าความเป็นจริงไม่ได้ครับ จากคุณ : PromZero เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:02:19

ความคิดเห็นที่ 2 จริงๆแล้วเขาไม่ให้อวดอุตริมนุสธรรมที่มีในตน ส่วนเรื่องอื่นนั้นลองศึกษาจากกระทู้ธรรมะของหลวงปู่ชา... http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y9787060/Y9787060.html จากคุณ : อุ่นหนาวสาวคลั่ง (tkung13) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:06:16

ความคิดเห็นที่ 3 มีข้อห้ามเรื่องการอวดอุตริค่ะ ท่านอาจจะทำ แต่คนต้องไม่เห็น ถ้ามีคนเห็น ญาณท่านจะเสื่อมค่ะ จากคุณ : Janur เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:15:59

ความคิดเห็นที่ 4 จริง ๆ แล้วอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ สำหรับพระแล้วแสดงโชว์ต่อสาธารณะไม่ได้ครับ มีข้อห้ามไว้ ยิ่งถ้าทำเพื่อลาภยศสรรเสริญด้วย ยิ่งไม่ได้ใหญ่ ครูบาอาจารย์ท่านว่าจะเสื่อมทันที แต่ที่พระบางรูปท่านทำเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมและลูกศิษย์ลูกหา ก็ทำได้ครับ ถึงได้มีแค่บางคนเท่านั้นที่มีโอกาสได้พบประสบการณ์แบบนี้จากพระบางรูป และครูบาอาจารย์ต่าง ๆ เรื่องพวกนี้พิสูจน์ไม่ได้ ใครจะไม่เชื่อก็ไม่แปลกครับ  มีสิทธิ์ที่จะสงสัย มีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อครับ จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:17:06

ความคิดเห็นที่ 5 ผมใช้เวทย์มนต์ได้นะ แต่ถ้าคนอื่นเห็น มนต์จะเสื่อม จากคุณ : K.raywind เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:18:03

ความคิดเห็นที่ 6 ทรงอภิญญาครับ ถึงมีฤทธิ์ได้น่ะ  ถ้าทรงสมาธิ มีสติอย่างเดียว.. ;-) จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:20:53

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าแสดงออกมา มนต์จะเสื่อมน่ะสิ ผมถอดร่างไปดูหนังตั้งหลายครั้ง ไม่เคยบอกใคร ทั้งๆที่อยากจะบอกนะ อย่าบอกต่อล่ะ จากคุณ : โอ๊ะเอ๊ะ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:26:08

ความคิดเห็นที่ 8 เหมือนในหนังเรื่อง The Mystery Men ครับ คนหนึ่งมีพลังพิเศษสามารถล่องหนได้ (คนที่สองจากซ้าย) แต่มีเงื่อนไขคือ ตอนที่เขาใช้พลังต้องไม่มีใครมองดูเขา... จากคุณ : (-_-") เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:27:23

ความคิดเห็นที่ 9 ที่นั่งรถ เพราะ เดินแล้วเมื่อย ส่วนนรก ภูติผี คือการเรียกสิ่งที่ไม่รู้จับต้องไม่ได้หรือไม่มีตัวตน พอเราตั้งชื่อเรียกให้มันแล้วเราจะเข้าใจว่าคืออะไร แต่เราก็กลัวผีนะ แปลกดี แถมเคยหลอกผีหมา หมายังกลัวเลย จากคุณ : Celes'Being (chocoray) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:30:02

ความคิดเห็นที่ 10 ก็เพราะเป็นแค่เรื่องเล่าไง ปัจจุบันถึงต้องนั่งรถอยู่ การที่บอกว่าแสดงให้เห็นแล้วเดี๋ยวจะเสื่อม มันเป็นแค่ข้ออ้างเฉยๆ(เพราะปกติก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว เลยบัญญัติเอาใว้กันคนถาม) จากคุณ : อิอิบายสวัสดี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:31:26

ความคิดเห็นที่ 11 ท่านไปด้วยจิตครับ แต่ถ้าต้องการเอากายเนื้อไปโปรดชาวบ้าน ก็ต้องนั่งรถหรือเดินไป จากคุณ : mon เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:37:51 A:58.64.107.30 X: TicketID:111025

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วสงสัยอีกอย่าง ถ้ามีการเวียนว่ายตายเกิดจริง สิ่งมีชีวิตพวกแรกเกิดจากอะไร แล้วถ้ากล่าวได้ว่า ผู้ไม่มีกรรมย่อมไม่เกิด แล้ว สิ่งมีชีวิตสิ่งแรกทำกรรมอันใดไว้ แล้วทำกับใคร ถึงได้มาเกิด ปล. สังสัยเฉยๆ นะขอรับ จากคุณ : 7-Scene เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:39:00

ความคิดเห็นที่ 13 ทั้งๆ ที่พระท่านก็ไม่เคยบอกซักหน่อย มีแต่ลูกศิษย์ลูกหาทึกทักเอาเองทั้งนั้น ดีๆ ทั้งนั้น ทั้งโกหกพกลม ทั้งอวดอุตริแทน ทั้งโยนหาปัญหามาให้ท่าน เป็นลูกศิษย์ที่น่ารักมาก จากคุณ : เด็กวัดสะพานใหม่ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:39:04

ความคิดเห็นที่ 14 นึกถึงมุข "ไฟฉายพลังงานแสงอาทิตย์" จากคุณ : นักกวีจากเงามืด เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:40:08

ความคิดเห็นที่ 15 ผมเชื่อในกฎฟิสิกส์นะ เพราะฉะนั้นคิดว่าหายตัวจริงๆคงทำไม่ได้ แต่น่าจะเป็นการเปรียบเทียบแบบ คห1 อ่ะครับ ที่ว่าถอดวิญญาณได้อะไรยังงี้มากกว่าครับ จากคุณ : ~ KiM - HuNT ~ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:40:36

ความคิดเห็นที่ 16 ถามเรื่องเวียนว่ายตายเกิดเป็นยังไง รบกวนไปห้องศาสนาเถอะครับ นี่หว้ากอ การเวียนว่ายตายเกิด บาปบุญคุณโทษ มันไม่มีจริงครับ ตายแล้วก็คือจบ ไม่งั้นแต่ละศาสนาไม่ต่างกันสุดขั้วแบบนี้หรอกครับ จากคุณ : อิอิบายสวัสดี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:42:24

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านคอมเม้นบนๆ ลองย้อนไปมอง URLนี่มันหว้อกอ หรือ ศาสนาวะ จากคุณ : King Bamboo เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:46:02

ความคิดเห็นที่ 18 ^^^^ ขอประทานโทษนะครับ ที่ส่อเข้าทางศาสนา แต่ถ้าลองผมไปโพสในห้องศาสนาจะได้คำตอบ ที่เป็นทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ ผมว่าคำตอบต้นๆ ที่ผมจะได้คือ "ต้องปฏิบัติด้วยตนเอง" หรือไม่ก็ "ปรามาสพระอริยะ" กลับมาแทนนะครับ แต่ที่ผมอยากรู้คือ อย่างที่ถามแหละครับ การเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีจริง เรื่องพญานาคที่เล่ากันมาโกหกทั้งเพ แล้วถ้าที่พูดมาไม่เป็นความจริง คำพูดของไอสไตน์ที่ว่า "พุทธศาสนา คือศาสนาแห่งสากล " ก็ควรจะถูกลบล้างด้วยจริงไหมครับ และถ้าการเวียนว่ายตายเกิดไม่มีจริง ทำไมทุกศาสนา (เข้าใจว่าอย่างนั้น) ถึงผูกเรื่องกับเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด หล่ะครับ ปล. เปิดใจกว้างๆ หน่อยนะครับ ด้วยความเคารพ และไม่ได้หมิ่นศาสนาแต่อย่างใด แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 53 23:54:55 จากคุณ : 7-Scene เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:53:05

ความคิดเห็นที่ 19 การที่จะใช้อิทธิฤทธิ์ได้นั้น ต้องใช้พลังจิตที่สูงมาก .... ถ้าใช้งานมากเกินขีดจำกัดก็อาจจะฟิวส์ขาดหมดสติไปเลยก็มี จึงต้องทำการพักผ่อนเพื่อชาร์จพลังเพิ่มเติม ดังนั้นท่านจึงต้องนั่งรถไปไหนมาไหน ดีกว่าใช้พลังจิตมาสร้างอิทธิฤทธิ์ให้ปวดหมองครับ... จากคุณ : sanchai0045 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:58:32

ความคิดเห็นที่ 20 จะใช้พลังเทเลโพเทชั่นได้ ก็ต่อเมื่อไม่มีใครเห็น แล้วมันจะต่างอะไรกับฝันคนเดียวอ่ะ...-*- เงื่อนไขแบบนี้ ผมก็บอกได้ว่าผมบินได้ ต่อเมื่อไม่มีใครเห็นเท่านั้น.....ติ๊งต๊องแล้ว.... จากคุณ : นั่งดูนกเล่นน้ำ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 00:15:55

ความคิดเห็นที่ 21 18 แน่ใจหรือครับว่า พุทธที่ไอสไตนพูด เป็นพุทธเดียวกันของไทยเรา จากคุณ : garun studio เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 00:18:38

ความคิดเห็นที่ 22 มันคือการใช้ "เน็น" รูปแบบหนึ่งครับ โดยที่ผู้ใช้ตั้งสัตยาบันว่า จะใช้ได้เฉพาะตอนที่ไม่มีคนเห็น... จากคุณ : สหายกุนเชียง เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 00:22:01

ความคิดเห็นที่ 23 ตำราดูดวง บางตำรายังบอกว่า ดวงเกิดของเราจริงๆไม่ใช่จากวันเกิด แต่เป็นวันที่เราปฏิสนธิในท้องแม่ เห็นเค้าบอกว่าให้เอาวันเกิดบวกล่วงหน้าไป 270 วันคือดวงเกิดที่แท้จริงของเรา เห็นเค้าบอกว่าดับแล้วก็เกิดเลย อะไรประมาณนี้ (อ้างอิงจากมติชนรายสัปดาห์นะคะ หน้าปกที่เขียนประมาณว่าต่อให้ร้อยคลิปก็ไม่เปียก อะไรทำนองนี้หละ หน้าไหนไม่รู้ปิดไฟแล้วขี้เกียจเดินไปหา) ถ้าเราคลอดก่อน หรือ หลังกำหนดล่ะ? จะรู้ไหมเนียะว่าแม่ท้องวันไหน ถ้าเป็นสมัยนี้ก็อาจจะรู้เพราะแม่มือใหม่มักตื่นเต้น และจดทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับลูกน้อยในครรภ์ ของแบบนี้มันอยู่ที่ใครจะเชื่อแบบไหนเท่านั้นเอง จากคุณ : ynwtf เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 00:29:55

ความคิดเห็นที่ 24 อาจจะนอกเรื่อง แต่ว่า "พุทธศาสนา คือศาสนาแห่งสากล" <- ไอนสไตน์ไม่เคยพูดประโยคนี้ครับ ลองพยายามหาแหล่งอ้างอิงดู จะรู้ว่าไม่มี ในหนังสือเล่มที่อ้างถึงก็ไม่มีประโยคดังกล่าวอยู่ จากคุณ : Firion เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 00:36:50

ความคิดเห็นที่ 25 ต้องเข้าใจก่อนครับว่า ณ ตอนนี้ มนุษย์เราอาจจะคิดว่าเรารู้จริงและรู้เยอะรู้ทุกอย่างรู้ไปหมด แต่พอเอาเข้าจริงๆเราก็รู้เฉพาะแค่สิ่งที่เราเห็นหรือสัมผัสมันได้แค่ในชีวิตซะส่วนมาก ทุกสิ่งที่เราคิดว่าถูกในตอนนี้อีกสัก100ปี มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ยิ่งเรื่องเกี่ยวกับจักรวาล อวกาศ นี่  ยังหาข้อสรุปการเกิดยังไม่ได้เลย มีคนเคยคำนาณแล้วพบว่าอวกาศอาจจะมีถึง11มิติ  แต่เรารู้หรือสัมผัสมันได้ตอนนี้ก็แค่ 4มิติเท่านั้นเอง บางทีบางสิ่งไม่อาจจะใช้สามัญสำนึก สัมผัส หรือจินตนาการของมนุษย์ ในการรับรู้ได้เลยก็เป็นได้   ค่าคงที่หลายๆตัวทุกวันนี้ก็ยังหาที่มาไม่ได้เลย ว่าทำไมมัน ต้องเท่ากับเท่านี้  ที่พิมพ์ซะยาวนี่ไม่ใช่อะไรครับ จะบอกว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไรจน เกินไป ไม่ใช่ไม่เชื่อเพราะวิทยาศาสตร์อันก้าวไกลของเรายังพิสูจน์ไม่ได้เลยไม่เชื่อ ไว้รออีกซัก10-20ปีหรืออีกสัก100-200ปี ที่เราไปเที่ยวอันโดรเมด้าเล่นๆก่อนแล้วค่อย มาสรุปเรื่องนี้กันดีกว่า  ตอนนี้พูดไปก็เหมือนหลักฐาน ผลการทดลองที่ยังไม่ครบ จึงยังสรุปผลไม่ได้   ปล. ญาณที่เห็นบอกกันว่าเสื่อมนะ  เป็นฌาณโลกีส์ครับ(พิมพ์ก็ขออภัยครับ) ถ้าไม่ฝึกบ่อยๆ หรือใช่ในทางที่ผิดนี่เสื่อมได้ แต่ก็สามารถทำให้เกิดขึ้นใหม่ได้ แต่จะยากกว่าครั้งแรกที่ฝึกได้  มีฌาณอีกประเภทที่ไม่มีเสื่อมครับ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 53 00:43:51 จากคุณ : หายใจออก เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 00:41:13

ความคิดเห็นที่ 26 ตอบไม่ได้ครับ มีหลายเรื่องที่เจอและหาคำอธิบายไม่ได้ ก็เลยไม่อยากแสดงความเห็นอะไรในเรื่องลึกลับนี้ จากคุณ : okaunkung เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 00:45:35

ความคิดเห็นที่ 27 และถ้าการเวียนว่ายตายเกิดไม่มีจริง ทำไมทุกศาสนา (เข้าใจว่าอย่างนั้น) ถึงผูกเรื่องกับเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด หล่ะครับ -เข้าใจผิดครับศาสนาที่สอนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด นอกจากพุทธแล้วก็เห็นจะมีแต่พราหมณ์เท่านั้นเอง (รายละเอียดต่างกันพอสมควร) ส่วนศาสนาหลักของโลกอีกสองศาสนา รวมทั้งศาสนาย่อยๆไม่มีศาสนาไหนสอนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดเลยครับ แม้กระทั่งศาสนาโบราณของอียิปต์ โรมัน Norse โซโรอัสเตอร์ ขงจื้อ เต๋า ชินโต ก็ไม่มีเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดครับ จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 00:55:30

ความคิดเห็นที่ 28 คริส - พระเจ้าสร้างโลกและทุกสิ่ง อิสลาม - พระเจ้าของอิสลามก็สร้างโลกและทุกส่ิงเช่นกัน พุทร - เกิดมาอยู่บนโลกที่พระเจ้าของศาสนาอื่นเป็นคนสร้าง เรื่องของความเชื่อ เถียงกันให้ตายไปข้างนึงก็ไม่จบ -.- จากคุณ : อิอิบายสวัสดี เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 01:05:16

ความคิดเห็นที่ 29 อะไรที่ไม่รู้ อย่างมงาย ครับ เรื่องพวกนี้ จริงคือเท็จ เท็จคือจริง ความจริงอยู่หลังความจริง คนบางพวกก็มิอาจรับความจริง ตกแต่งปาฏิหาย์ จนเป็นจริง จากคุณ : tt.Charlesy เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 01:05:40

ความคิดเห็นที่ 30 อยากให้กีบคห.25ค่ะ ไม่เห็น ไม่ได้หมายความว่า ไม่มี สิ่งที่มนุษย์รู้ตอนนี้ อาจจะเล็กน้อยซะยิ่งกว่าอนุภาคที่เล็กที่สุดในจักวาลนี้ชะอีก จากคุณ : Oh my dahlia เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 01:20:05

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าพระรูปนั้นมีอภิญญาจริง ท่านอาจจะย่นระยะทางแทนการหายตัวก็ได้ จากคุณ : สองหกสิบสอง เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 01:57:22

ความคิดเห็นที่ 32 กายเป็นเพียงรูปทางกายภาพ จะเคลื่อนย้ายต้องย้ายทั้งอนุภาค แต่ที่ท่านสามารถย้ายได้ คือ ถอดจิตออกครับ ซึ่งคนทั่วไปอาจจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ของแบบนี้ไม่เกิดกับตัวเอง อธิบายไปคนก็หาว่าไม่จริงอีก โลกเรามีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่รู้นะ แค่หนังสือในห้องสมุด วันนี้คุณอ่านถึง 1 % ของหนังสือทั้งหมดแล้วหรือยัง จากคุณ : คุณชายไข่เจียว เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 02:05:45

ความคิดเห็นที่ 33 ขอให้ดูคำถามคุณนะครับ ว่าเป็นวิทยาศาสตร์หรือศาสนา ไม่ต้องอ้างเลยครับว่าถ้าตั้งในห้องศาสนาแล้วจะไม่ได้คำตอบแบบวิทยาศาสตร์ มันฟังเหมือนข้อแก้ตัวครับ ฟังไม่ขั้น คำถามของคุณ มันเป็นเรื่องศาสนาวางรากฐานอยู่บนความเชื่อ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 53 03:55:17 จากคุณ : นฤมลประการ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 03:52:05

ความคิดเห็นที่ 34 ท่าน หมดกิเลส แล้ว ท่านจึงไม่จำเป็นต้อง อยาก จะเดินทางให้เร็ว ท่านเดินทางเพราะต้องการสงเคราะห์โลก จึงอนุวัติตามโลก โดยการนั่งรถ จริง ๆ ระดับพระอริยะแล้ว ญาณจะไม่เสื่อมนะครับ แต่ท่านเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ท่านเคารพธรรม ในเมื่อมีวินัยห้ามไว้ ท่านก็ไม่ทำ อีกประการหนึ่ง พระอริยะ ไม่จำเป็นต้องมีอภิญญาทุกคน จากคุณ : ผู้เฒ่าสายลม เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 06:13:12

ความคิดเห็นที่ 35 อธิบายหลักทางพุทธศาสนา เรื่องนรก สวรรค์ ภูตผีปีศาจ เปรต แม้กระทั้งพญานาคไว้ว่าอย่างไร ??? ไม่นานมานี้ ผมเองก็คิดเหมือนเจ้าของกระทู้ครับ แต่พอได้ ฟัง อ่าน มากขึ้น พอเข้าใจได้ว่า(โดยส่วนตัว) พระพุทธองค์ ไม่ได้ สอนให้เชื่อ เรื่องเหล่านั้น แต่ทำไม ใน สิ่งที่อ่าน สิ่งที่รู้ เกี่ยวกับพุทธศาสนา ถึงมีเรื่องเหล่านั้น เพราะญาติบางฝ่าย บางท่าน ของพระองค์ มีเชื่อเรื่องเหล่านั้นอยู่ก่อน พระพุทธองค์ ก็ทรงแทรก บาปบุญ คุณโทษ ไว้กับเรื่องเหล่านั้น จะฝืน จะห้าม ให้ละทิ้ง ความเชื่อ เก่าๆ คงยาก และใช้เวลานาน ลองอ่านดีๆครับ คำสอนต่างๆ พระพุทธองค์ สอนเพราะอะไร ต้นเหตุ แห่งที่มา เกิดขึ้นได้เพราะอะไร จากคุณ : ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 07:01:19

ความคิดเห็นที่ 36 ได้ยินเสียงคนพูดไกล้ตัวทุกวันๆ แต่ไม่เห็นตัวคนพูด เขาเรียกว่าอะไร อย่าบอกว่าหูฝาด เพราะมันจะฝาดมาตั้งสามสี่ปีเหรอ จากคุณ : โจ๋ จาระบี เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 07:52:58 A:118.172.37.112 X: TicketID:287936

ความคิดเห็นที่ 37 ผมมักได้เห็นคำนี้บอยๆ "ไม่เห็น ไม่ได้หมายความว่า ไม่มี" เอ่อ ผมก็พูดได้ว่า ไม่เห็น ไม่ได้หมายความว่า มี จริงมั้ย -_-" ก็ไม่เห็นนี้หว่า ผมว่าถูกสุดแล้วหากเราพิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องคิดว่า ไม่มีไว้ก่อน แต่หากบอกว่าอนาคต พิสูจน์ได้ก็ ok เชื่อตอนนั้น ก็ยังไม่สายจริงมั้ย เหมือนสมัยก่อนเชื่อ ว่าฟ้าผ่าเกิดจากการลง โทษของเทพเจ้า แต่ปัจจุบันก็พิสูจน์ได้ว่าเกิดจาก ไฟฟ้า สถิตย์ จากก้อนเมฆ เป็นต้น แล้วเรื่องศาสนาพุทธ หากจำไม่ผิดผมว่า นิกายที่เรานับถือกันอยู่ เนี่ย เรานับถือ พระพุทธเจ้า เป็นคนธรรมดา ไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่เหรอเพราะบางนิกายนับถือเป็นเทพเทวดา หรือ ผมจำผิดเนี่ย จากคุณ : zzztop เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 08:37:10 A:213.220.233.230 X: TicketID:272004

ความคิดเห็นที่ 38 แหม..คำตอบก็อยู่ในคำถามนั่นแหละคะ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 08:37:55

ความคิดเห็นที่ 39 ก่อนที่จะมาถึงคำถามในกระทู้ ควรจะมีคำถามก่อนว่าล่องหน ไปไหนมาไหนได้จริง หรือเปล่า  ถ้ายังพิสูจน์สมมติฐาน หรือความเชื่อนี้ไม่ได้ ไม่ต้องถามต่อว่าทำไมถึงไม่นั่งรถครับ ถ้าอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะแหกกฏหลายข้อ ยกตัวอย่าง เช่นกฏการเคลื่อนที่ และเทอร์โมไดนามิกส์ ไหนๆ ก็มาห้องนี้แล้ว ถ้าจะเชื่อสมมติฐานอะไร ต้องลองหยิบวิทยาศาสตร์มาอธิบายครับ จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 09:37:11

ความคิดเห็นที่ 40 มันเหนื่อย วู้ย.... จากคุณ : หน้าไม้ใจเย็นยิ่ง เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 10:03:33

ความคิดเห็นที่ 41 มันก็เหมือนกับสักยันต์ ฟันไม่เข้าอ่ะครับ อธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้มั้ย แล้วมันฟันไม่เข้าจริงป่ะหล่ะ พระอานท์ยังบินได้เลย ถ้าไม่เชื่อเท่ากับ ไม่เชื่อพระพุทธเจ้านะ จากคุณ : อ๊อก (theoneox) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 10:10:14

ความคิดเห็นที่ 42 ตอบ จขกท ในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์      ท่านยังนั่งรถอยู่เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้ คนขับรถ น้ำมัน รถยนต์ ตอบ จขกท ในมุมมองของนักฟิสิกส์      ณ ปัจจุบัน การจะเคลื่อนย้ายร่างกายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ในเวลาอันรวดเร็วนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะจะขัดกับหลักที่ว่าความเร็วจำกัดอยู่ที่ความเร็วแสง และต้องใช้พลังมหาศาลในการทำเช่นนั้น จึงเป็นเรื่องที่ เป็นไปไม่ได้ ตอบ จขกท ในมุมมองของนักพุทธศาสตร์      การถอดจิต สามารถทำได้ โดยที่ร่างกายของเราไม่ได้ย้ายไปที่ใด แต่มีเพียงจิตของเราที่ล่องลอยไปตามที่ต่างๆ ด้วยสมาธิ และ บุญบารมีที่สั่งสมมา อันนี้เป็นไปได้ ส่วนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดนั้น ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบได้ เพราะเท่าที่จำได้คือ เกิดมา แต่ยังไม่ตาย(กายหยาบ) แต่กายละเอียด หรือ จิตใจความรู้สึกของข้าพเจ้ามันเกิดดับ เกิดดับ อยู่มานานแล้ว สำหรับเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดนั้น ข้าพเจ้าไม่ทราบได้ ว่ามันจะมีจริงไหม แต่มีเหตุการณ์หลายอย่างที่ทำให้จำเป็นต้องเชื่อ คือมันไม่น่าเป็นไปได้ แต่มันก็เกิดขึ้น สำหรับข้าพเจ้าเอง คิดว่าถ้าคนเราตายไป บางคนก็ไปเกิดเป็นสัตว์ บางคนก็มาเกิดเป็นมนุษย์ ตามกรรมของแต่ละคน แต่จะจำเรื่องราวในอดีตได้ไหม คงตอบว่าจำไม่ได้ด้วยข้าพเจ้าเองก็จำไม่ได้ว่าชาติก่อนข้าพเจ้าเป็นอะไร หรือ มีจิตพอจะรู้สึกตัวได้ไหมว่าตัวเองเป็นอะไร สมมติ ชาติที่แล้วข้าพเจ้าเกิดเป็น แมว จิตของข้าพเจ้าในตอนนั้นคงไม่รุ้หรอกว่าข้าพเจ้าคือแมว และ ดังนั้นเมื่อมาชาตินี้มันจึงไม่มีร่องรอยบ่งชี้ว่าข้าพเจ้าเคยเป็น แมวมาก่อน แต่บางคนชาติที่แล้วเกิดเป็นคน ทำบุญกุศลไว้มาก ชาตินี้มาเกิดเป็นคนอีก เค้าก็อาจจะสามารถขุดลึกเข้าไปจนเจอกับ เรื่องราว หรือ ร่อยรอยในอดีตชาติของเค้า ถ้าถามหาข้อพิสูจน์ ก็คงจะลำบากอยู่ เพราะถึงพิสูจน์ไป แต่ถ้า จขกท ไม่เข้าใจหรือมีขีดจำกัดในการรับรู้ ไม่เพียงพอ ก็ยากที่จะเข้าใจได้ เพราะมันเป็นเรื่องของความสามารถของจิต(ในทางพุทธ) ล้วนๆ มันคล้ายๆ กับ F=ma  ถ้า จขกท ไม่ได้เรียนฟิสิกส์มา ก็จะไม่รู้ว่า m คืออะไร F , a คืออะไร ท่านก็จะงงๆ แต่เมื่อได้อธิบายต่อว่า F คือ แรงน่ะ m คือ มวล a คือความเร่ง และท่านก็เข้าใจคำศัพท์ และ ธรรมชาติของคำทั้งสามคำนั้นได้ ท่านก็จะเข้าใจตัวสมการ ในกรณีเดียวกันเรื่องถอดจิต มาตอนแรกท่านไม่เคยปฏิบัติมาก่อนท่านก็จะไม่เข้าใจว่าถอดจิตเป็นยังไง มันทำได้ด้วยเหรอ ไม่จริงมั้ง แต่พอท่านเข้าใจลมหายใจของท่าน เข้าใจความเกี่ยวเนื่องระหว่างลมหายใจกับร่างกายของท่าน ท่านลดความเกี่ยวพันนั้นลง ท่านจะเข้าถึงสมาธิ และนั่นคือจุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมด ท่านจะรู้สึกว่ามีความสุข(อย่างที่ท่านไม่เคยรู้สึกมาก่อน) จากนั้นท่านจะเริ่มเข้าใจว่า ความสุขนั้นมันส่งผลกับจิตใจของท่าน ท่านเริ่มลดผลกระทบของอารมณ์ความรู้สึกที่สุข ท่านก็จะมีจิตใจที่ผ่องใสสะอาด ท่านทำบ่อยๆ ท่านจะรู้สึกสบายผ่อนคลาย และ ท่านก็จะมีทุนรอนในการฝึกจิตของท่านให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ เมื่อฝึกถึงจุดหนึ่งท่านก็จะสามารถ ใช้จิตของท่านขุดลงไปเพื่อมองเห็นสิ่งที่ท่านไม่เคยเห็น และไม่เคยคิดว่ามี นั่นคือวิถีทางที่ท่านจะได้มาซึ่งการเห็นอดีตชาติของท่าน หรือ การถอดจิต หรือการควบคุมจิต ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ ต้องมีอาจารย์สอนที่ดี ถูกทาง และ บุญกรรมของท่านที่ทำเอาไว้ เอางี้ท่านเคยทำอะไรบางอย่างแล้วรู้สึกว่า ทำไมมันง่ายจัง ทำไมเรารู้สึกว่าเหมือนเราเคยทำมันมาทั้งชาติ ทั้งๆที่เกิดมาชาตินี้เรายังไม่เคยทำสิ่งนี้เสียด้วยซ้ำ อย่างเช่นข้าพเจ้าเคยโดนลุงของข้าพเจ้าสั่งให้ชำแระปลา ข้าพเจ้าสามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องถามว่าทำอย่างไร ข้าพเจ้าก็จัดการกับปลาพวกนั้น ทุบหัว ลอกไส้ ตัดครีบ ขอดเกล็ด ข้าพเจ้าทำได้โดยที่ไม่เคยทำมาก่อนเลย และ ก็ไม่เคยเห็นใครทำ จนลุงของข้าพเจ้าถึงกับสงสัยว่า เออ ทำเป็นด้วย ทำดีด้วยน่ะ เคยหาปลามาก่อนเหรอ ข้าพเจ้าตอบไปว่าไม่เคย แต่พอทำลงไปแล้วมันเหมือนข้าพเจ้าทำในสิ่งที่ตัวเองเคยทำมาแล้ว นั่นมันทำให้คิดไปว่า ในอดีตชาติคงมีสักครั้งนึงที่ข้าพเจ้าคงเป็นคนหาปลา คนขายปลา กระมัง จากคุณ : Santa_Baby เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 10:37:17

ความคิดเห็นที่ 43 มันเป็นแค่เสียงลือเสียงเล่าอ้างแค่นั้นเอง มนุษย์ก็คือมนุษย์แหล่ะครับ บางครั้งเค้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองจิตไม่ปกติ เหมือนทรงเจ้าเข้าผีนั่นแหล่ะ บางคนหลอกลวงเต้มๆ แต่บางคนมีภาวะทางจิตเวลาถูกคนทักว่ามีร่างทรง จิตใจก็เตลิดนะครับ ต้องรักษากันนานพอสมควร จากคุณ : ย้ง เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 10:56:26 A:58.8.250.87 X: TicketID:236524

ความคิดเห็นที่ 45 นึกถึง ซุปเปอร์ไซย่า.... เห็นผลง่ายๆ ที่จะตอบ จขกท.ครับ... 1. การใช้พลังจากจิตมันยากและเหนื่อยกว่า ใช้พลังจากกาย ต่อให้ชำนาญอย่างไรก็ตาม 2. พระพุทธเจ้าทรงห้ามสาวกแสดงอภินิหารย์ เนื่องจากในสมัยพุทธกาลมีพระบางรูปประพฤติไม่เหมาะสม จึงทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามไว้ ตอบ คห. อื่นๆ สิ่งที่เราไม่เห็น หรือรับรู้ไม่ได้ทางทวารทั้ง 6 ไม่ได้แปลว่า "มันไม่มี" จากคุณ : ทัชชี่ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 11:45:57

ความคิดเห็นที่ 46 สิ่งที่ไม่เห็น หรือรับรู้ไม่ได้ทางทวารทั้ง 6 ก็ไม่ได้แปลว่ามีเช่นกัน... จากคุณ : อิอิบายสวัสดี เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 12:15:30

ความคิดเห็นที่ 47 #27 ศาสนาในจำพวก Pagan มีสอนเรื่องเวียนว่ายตายเกิดนะครับ แต่คนละคอนเส็ปต์กับพุทธ/พราหมณ์ จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 12:20:13

ความคิดเห็นที่ 48 "แล้วหลักวิทยาศาสตร์อธิบายหลักทางพุธศาสนาเรื่องนรก สวรรค์ ภูตผีปีศาจ เปรต แม้กระทั้งพญานาคไว้ว่าอย่างไรครับ และถ้ายังอธิบายไม่ได้แสดงว่าเรายังไม่ควรเชื่อใช่ไหมครับ" ประเด็นที่ต้องการรู้อยู่ที่ ควรเชื่อหรือไม่ ใช่ป่าวครับ มันอยู่ที่ จขกท จะเลือกที่จะคิดในแนวคิดไหนมากกว่าครับ ถ้าเลือกที่จะคิดแบบวิทยาศาสตร์ ก็ตอบได้ว่า "ไม่ควรเชื่อ" เราเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ ไม่มีผิดหรอกครับ เพราะจะผิดหรือถูก ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม แนวคิดที่ใช้ตัดสิน มากกว่า ทีนี้ พอคนที่ใช้แนวคิดคนละอย่าง มาพูดเรื่องความเชื่อกัน ก็คุยกันไม่รู้เรื่องครับ เถียงกันตายเลย จากคุณ : 801s เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 12:33:18
		ความคิดเห็นที่ 49 ***และถ้าการเวียนว่ายตายเกิดไม่มีจริง ทำไมทุกศาสนา (เข้าใจว่าอย่างนั้น) ถึงผูกเรื่องกับเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด หล่ะครับ*** ต้องตีความด้วยครับ การเวียนว่ายตายเกิดไม่ได้หมายถึงการตายไปแ้ล้ว ก็กลับมาเกิดเป็นทารกใหม่อีกครั้งในมุมนั้นอย่างเดียว แต่ยังนับรวมถึง การเวียนว่ายตายเกิดของกองทุกข์ คร่าวๆนะครับ เมื่อทำกรรมดีหรือกรรมชั่วอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เสมือนเกิดมาหนึ่งชาติ เมื่อทำกรรมอะไรเอาไว้ ย่อมได้รับผลที่เกิดจากกการกระทำนั้น ก็เสมือนดับไปหนึ่งชาติ เพราะฉะนั้น ชีวิตคนเราชั่วชีวิตหนึ่ง ก็สามารถเวียนว่ายตายเกิดได้มากมายครับ :) จากคุณ : Zen Entania เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 12:44:23

ความคิดเห็นที่ 50 นักวิทยาศาสตร์ท่านใดอยากพิสูจน์   ก็ละกิเลส  แล้วเข้าปฎิบัติสมาธิ  ด้วยจิตใจสะอาด ปราศจากทิฐิต่างๆ พอท่านปฏิบัติจนได้บรรลุอภิญญาแล้ว   ท่านก็จะสามารถพิสูจน์ได้เองครับ ว่ามันจริง หรือไม่จริง จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 13:00:26

ความคิดเห็นที่ 51 2คน อกหัดด้วยเหตุการณ์เหมือนกัน แต่ทุกข์ไม่เท่ากัน ถ้าลองสืบไปที่ต้นตอ อย่างน้อยครึ่งหนึ่งก็ มาจากขั้วจิตที่สั่มสมมา เป็นต้นเหตุ แล้วเหตุแห่งทุกข์แรกหละ มาจากไหน ดีเอ็นเอ เพียงพอที่จะกำหนดขั้วกรรมของบุคคลนั้น หรือไม่ ถ้าความสงสัยใดๆ นำพาไปสู่การหาทางดับทุกข์ ก็จะไปตามทางของพุทธ แต่จะสงสัยหรือเชื่อสนิทใจ แล้วนำพาไปสู่ความทุกข์ ก็จะสวนทางกับพุทธ จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 13:14:05

ความคิดเห็นที่ 52 กระทู้เช่นนี้ ดีแล้วที่เอามาถามห้องวิทยาศาสตร์ จะได้เปิดฟังความเห็น คนนอกวงการบ้าง ขอแสดงความเห็นนะครับ ในมุมมองของผู้สนใจศาสนาพุทธ เช่นผม ในพระไตรปิฎกมีกล่าวถึงเรื่องของการแสดงฤทธิ์ครับ และก็มีการบัญญัติว่า ไม่สมควรแสดงให้คนทั่วไปเห็น เพราะจะเป็นที่มาของ การกราบไหว้ ลาภสักการะ มันจะทำให้เป้าหมายของความเป็นพระเปลี่ยนไป (เอาแค่ต้นกล้วยก็พอ ยังมีคนไปซูฮกเลย) ส่วนพระที่ (ว่ากันว่า) มีฤทธิ์หายตัว อะไรต่อ อะไรได้ หากท่านมีจริง จะนั่งรถซักหน่อย มันคงไม่แปลกหรอก Naruto เวลามันไปไหนมาไหน ไม่ใช่จะต้อง เดินไต่ตึกขึ้นไปซะนี่  เดินขึ้นบันไดปกติยังทำกันเลย : )   ************************ ถูกแล้วครับ อะไรที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ก็ยังไม่ต้องเชื่อ หลักกาลามสูตร ก็มีกล่าวถึงเช่นกัน แต่อย่างไรแล้ว หากรู้ได้ด้วยตัวเองว่าอะไรที่ทำแล้วมีผล เช่น ดูดบุหรี่จนกว่า ปอดจะดำ แล้วค่อยเลิกอย่างนี้ถึงค่อยเชื่อ : ) ไม่ว่าจะเชื่อวิทยาศาสตร์หรือศาสนาศาสตร์ น่าจะอยู่ที่ว่า เรามีท่าทีอย่างไรนะครับ หากไม่เชื่อว่า เรื่องสวรรค์ นรก จะมีจริง (ศาสนาพุทธ ไม่ใช่ศาสนาที่บังคับ ยัดเยียดให้เชื่อ) แต่มองเรื่องของการกระทำใกล้ตัวง่ายๆ ว่า เราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนใช่มั้ย? เราก็ไม่ต้องการ ให้ใครมาทำให้เราเดือดร้อนใช่มั้ย?   และคุณลุงไอส์(ไตน์) ที่แกจะบอกว่าศาสนาพุทธ ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ คนในศาสนาพุทธที่เข้าใจจริงๆ ก็ไม่ได้ยินดีอะไร กับคุณลุงไอส์ เท่าไหร่หรอกครับ เพราะลุงแก มองเห็นพุทธแค่โครงสร้างเท่านั้นเองว่า พุทธศาสนา มองในเรื่อง ทำอย่างนี้ มีผลอย่างนี้ เป็นเหตุ และเป็นผล ที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันเลย ลุงแกคงไม่ได้มองเรื่องของ การฝึกจิตใจหรอกครับ นี่เป็นสิ่งที่ คนพุทธส่วนหนึ่งมองว่า ไม่ได้ดีใจ ที่ลุงไอส์ มาซูฮกพุทธซักนิดเลย และชาววิทย์ ก็ไม่ต้องมาซูฮก พุทธด้วยเลย เพราะเพียงคำพูดของลุงไอส์  ที่มองพุทธเพียงโครงสร้าง แล้วจะทำให้ต้องเชื่อทั้งหมด ใครจะว่าพุทธฯ  เป็นปรัชญา เป็นหรือไม่เป็นวิทยาศาสตร์ หรือเรื่องอิทธิฤทธิ์ เรื่องปาฏิหาริย์เป็นเรื่องเสริม เรื่องนิทาน หากใครจะว่าเช่นนี้ก็ว่าไปเถอะ เพราะพุทธศาสนาเป็นอะไรก็ได้ เป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่หลักๆ เป็นปรากฏการณ์ที่มีคำสอนเรื่องของ "ความเข้าใจ ในชีวิตตัวเอง"  เพียงเท่านี้แหละครับ จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 13:47:14

ความคิดเห็นที่ 53 #50 เห็นฝั่งศาสนาชอบโฆษณาว่าแบบนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่นักปฏิบัติทุกคนที่จะทำได้ใช่ไหมครับ หากว่าเราทดลองตามนั้นแล้วไม่สำเร็จ ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง แล้วจะถือเป็นการพิสูจน์ได้อย่างไร? สำหรับนักวิทยาศาสตร์แล้ว สิ่งที่เราสามารถเรียกได้ว่า "การทดลอง" หรือ "การพิสูจน์" ต้อง falsifiable ครับ ผลลัพธ์ต้องออกมาให้เห็นจะๆ ว่า "ได้" หรือ "ไม่ได้" ไม่ควรมีการหลีกเลี่ยงได้ว่า "ปฏิบัติยังไม่ถึง" แล้วไม่มีระยะเวลาที่แน่ชัดระบุไว้ว่าเมื่อไรจึงจะปฏิบัติถึง จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 14:00:57

ความคิดเห็นที่ 54 ผมหายตัวได้ครับ แต่ คนอื่นห้ามมองผมนะครับ   ถ้ามีใครมามองผม(ในขณะหายตัว) ร่างผมจะปรากฏทันทีครับ จากคุณ : aumpaump12 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 14:05:09

ความคิดเห็นที่ 55 ศาสนา Pagan ไหนที่สอนเรื่องการเวียนว่ายตา่ยเกิดครับ ชักอยากรู้แล้วสิ พวก Agnostic หรือเปล่า? น่าสนใจอยู่เหมือนกันว่าจะมีภูมิภาคไหนที่มีคำสอนแบบคล้ายๆกันบ้าง ถ้าเอามารวมกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็จะน่าสนใจขึ้นอีกหลายขั้น จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 14:06:51

ความคิดเห็นที่ 56 #55 ผมเข้าใจว่าเยอะครับ ที่ทราบมาอย่างน้อยก็มี Druidism กับ Wicca 2 ศาสนาล่ะครับที่มีสอนเรื่องเวียนว่ายตายเกิด http://www.fortunecity.com/greenfield/tigris/567/id90.htm <- อันนี้เป็นแนวคิดของ Wicca ครับ จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 14:20:15

ความคิดเห็นที่ 57 ไม่น่าเชื่อ คนไทยแท้ๆๆยังไม่รู้หลักของศาสนาพุทธแนะนำอ่านธรรมะของหลวงปู่ชา เพราะฟังง่ายเข้าใจง่าย เรื่องการเดินทางด้วยจิตรนั้น ผมจะอะบายง่ายๆๆก่อนความรู้ของคนเปรียบดัง Hdd สิ่งที่ผ่านมาแล้ว เก็บเอาไว้ในรูปแบบฟิมล์ และอนาคตที่ยังไม่เจอก็ยังม้วนอยู่ ถ้าเราสามารถข้ามไปดูฟิมลของอนาคตละ แล้วกลับมาบอกเล่าสิ่งต่างๆๆ มันก็ดีมิไช่หรือวิธีมันมีแต่คุณหาไม่เจอเองหรือคิดไม่ถึงก็เท่านั้น เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดนั้น คุณต้องไปศึกษาพื้นฐานมาก่อนไปคุยกับคนห้องศาสนาเยอะๆๆ มันคล้ายๆๆกับการท่องสูรคูณถ้าไม่มีพื้นฐานไม่มีทางเข้าใจ ถ้าเอาคนห้องศาสนามาคุยเรื่องฟิสิก ก็คงมึนเช่นกันเพราะคุยกันไม่รู้เรื่องรู้คนละแบบ คุยกับบัวที่ยังไม่โพล่พ้นน้ำมันลำบาก หลายๆๆครั้งที่ผมแค่เกริ่นแต่ไม่ตอบปัญหาแบบนี้เพราะคนที่รู้ไปก็ไม่เกิดประโยชน์ซ้ำร้ายเขายังแปลความผิด อาจเข้าใจเป็นคนละเรื่องเลยก็ได้ ผมจะลองเกริ่นเป็นคีเวิร์ดดูครับถ้าไครเข้าใจก็เข้าใจครับแล้วลองศึกษาต่อถ้าไม่เข้าใจก็ผ่านๆๆไปคล้ายๆๆอ่านหนังสืออ่านเล่น ก่อนเริ่มโลกนั้นสิ่งมีชีวิตรเป็นแค่สารหรือธาตุต่างๆๆล่องลอย ก่อนที่จะรวมตัววิวัฒนาการมาเป็นสะสารด้วยการรวมธาตุต่างๆๆ แต่เมื่อตายลงกายหยาบหลุดไปในรูปต่างๆๆส่วนจิตรนั้นที่ลอยออกมาอาจสลายไปหรือคงอยู่ที่รวมธาตุแล้ววนเวียนอีกครั้ง แต่ถ้าเราหลุดพ้นจากวงโคจรนี้ละกลับไปในรูปก่อนที่จะกำเนิดโลกเดินทางในจักวาลที่ไม่สิ้นสุดนี้ และมองดูการเวียนว่ายของสะสารต่างๆๆคงรูปคืนรูปไปเรื่อยๆๆ ในสายตาของผู้ที่หลุดพ้นเรื่องพวกนี้แล้ว คนตายซักคนหนึ่งก็คือเรื่องของโลกมันเกิดขึ้นและดับไปเป็นปรกติ มันอาจกระเทือนบ้างแต่ก็เป็นเรื่องทางโลกเท่านั้น ไม่มีมากกว่านั้น หลายๆๆคนยังแย่งชิงเพื่อความสุขในโลกใบนี้ แต่พอเมื่อตายไปมันก็ต้องทิ้งไว้เอาไปไม่ได้บรรยายมากไปหลับหมดห้องแน่ ผมก็ศึกษาเรื่องนี้มาไม่นานนักอยากให้ไปคุยกับห้องศาสนามากกว่าอย่าเป็นน้ำเต็มแก้วแล้วตั้งคำถาม พยายามรับมาแล้วพิจารณาด้วยปัญญาดีกว่าครับ ที่พูดไปจะมีคนเข้าใจบ้างใหมนะ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 14:45:21

ความคิดเห็นที่ 58 #53 ครับ ถ้าฝึกตามหลักที่ถูกต้อง พระพุทธเจ้าบอกไม่เกิน 7 ปี ครับ จะเห็นผล เรื่องที่วิทยอธิบายไม่ได้ ที่ผมเคยเจอกับตัวเองคือโดนอ่านจิตครับ ผมงงมากเลย ว่ารู้ได้ไง ไอ้เรื่องความลับในใจโดนแฉหมด... -*- จากคุณ : ลานดิน เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 16:17:00

ความคิดเห็นที่ 59 แม้คนถามจะถามคำถามเกี่ยวพันกับศาสนา แต่ที่นี่คือห้องหว้ากอ คนตอบเชื่อในวิทยาศาสตร์ ก็ตอบแบบวิทยาศาสตร์ก็ได้นี่คะ ช่วยกันแสดงความคิดเห็น อธิบายและนำเสนอมุมมองทางวิทยาศาสตร์ ดีกว่ามาถกกันว่าถูกห้องหรือป่าว จขกท นั่นแหละจะเป็นคนรู้ดีที่สุดว่าตัวเค้าได้คำตอบที่ต้องการจริงหรือป่าว จากคุณ : busajula เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 16:30:59

ความคิดเห็นที่ 60 ^ ^ ^ อ่านจิตรทำเล่นๆๆเองก็ได้ครับเขาอ่านคุณไม่ได้หรอกแต่ยัดเยียดลงสมองคุณได้ครับ วิธีคือทำมือเป็นรูปสี่เหลี่ยมคุณมองรอดรูนี้แล้วดันไปหาหน้าเขาหลายๆๆรอบไวๆๆแล้วให้เขาหลับตาทันทีนึกถึงของเล่นสมัยเด็กๆๆ เขาจะนึกถึงรถถังหรือเกมส์กดครับ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 16:33:22

ความคิดเห็นที่ 61 #58 ไม่เกิน 7 ปีคือบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์หรือพระอนาคามีไม่ใช่เหรอครับ พระอรหันต์ไม่จำเป็นต้องแสดงฤทธิ์ได้นะครับ หมายความว่าปฏิบัติจนบรรลุธรรมยังอาจไม่ได้อภิญญาที่อยากพิสูจน์เลยครับ จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 16:38:43

ความคิดเห็นที่ 62 ตอบ จขกท. ครับ ถูกครับ อย่าเชื่อ ทุกคห.ที่ว่ามาทั้งหมด ก็เชื่อไม่ได้ครับ การเรียนรู้ธรรมที่ถูกต้อง คือวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ตั้งปัญหา -->ตั้งสมมติฐาน --> รวบรวมข้อมูล -- > ทดลองพิสูจน์ --> สรุปผล และทั้งหมด ต้องทำด้วยตนเองครับ อย่าให้เพื่อนทำให้ อย่าให้คนอื่นทำให้ครับ อย่าเชื่อแลปแห้งกันมากครับ ทำแลปจริงกันเยอะๆ ที่มันสับสนกันมาก เพราะว่าเชื่อในแลปแห้งกันนี่ละ ไม่รู้ว่าใครมั่วกันมาบ้าง เค้าว่ามาก็ปล่อยเค้าไป ฟังหูไว้หู จากคุณ : debud เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 17:11:27

ความคิดเห็นที่ 63 ไปถามคนอินเดียคนนึงมา เขาบอกว่า เทเลพอท มันไปได้แค่สุดช่องครับ ไประยะไกล ๆ  ไม่ได้ จากคุณ : devil amature2 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 17:42:49

ความคิดเห็นที่ 64 ใช้จิตคุยกัน อะไรประมาณนี้ ผมว่า ยังพอเป็นไปได้นะครับ คลื่นความถี่ สัญญาณวิทยุอะไรยังงี้อะครับ พอเป็นไปได้ แต่ให้ไปทั้งตัว หรือไปแค่วิญญาณจิต แบบออกตัวไปเลยเนียะ.... อืม.....  คงต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือเยอะพอสมควรกว่านั่งหลับตาเฉยๆอะครับ... จากคุณ : คนสร้างภูเขา เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 17:53:01

ความคิดเห็นที่ 65 # 12 - พระพรหมกินง้วนดิน จนเกิดกายหยาบเป็นมนุษย์ครับ - พันธสัญญากับกรรมครับ ไม่ใช่กรรมอย่างเดียว # 27 อียปต์โบราณมีความเชื่อเรื่องการกลับมาเกิดใหม่ครับ ผมเคยอ่านประวัติฟาโรห์หญิง Hatshepsut ซึ่งได้เป็นฟาโรห์ทั้งที่เป็นผู้หญิงเพราะเชื่อกันว่ามาจากวิญญาณบรรพบุรษที่เป็นชาย   คริสต์ช่วงต้นๆก็ยังเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิดนะครับ ตอบจขกท อยู่ในโลกสมมติก็ต้องรู้จักใช้สมมติให้เป็น แต่ต้องไม่ยึดติดกับสมมติครับ ถามจขกท คุณรู้สึกยังไงกับบั้งไฟพญานาคล่ะ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 19:06:03

ความคิดเห็นที่ 66 ถ้านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายในนี้ลองเจียดเวลาไม่ต้องมากเหมือนพระเกจิท่านทำ แค่วันละ 5-10 นาที นั่งสมาธิเวลาไหนก็ได้ แล้วท่านก็จะรู้เองว่าพลังของสมาธิมันเป็นอย่างไร เมื่อก่อนผมก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้มาก่อน เพราะคิดว่าตนเองฉลาดเพียงพอที่จะคิดหรือจะทำอะไรด้วยสมองตนเองเพียงอย่างเดียว แต่พอได้ลองนั่งสมาธิแล้วรู้สึกเลยว่าการดำรงชีวิตประจำวันของตัวเองมันต่างไปจากเดิมจริงๆ ดังนั้น ผมไม่สงสัยพลังสมาธิเลยว่ามันพอจะทำอะไรได้บ้าง เพราะเพียงแค่วันละไม่กี่นาทีผมยังรู้สึกได้ แล้วท่านที่ทำมากกว่านี้ย่อมมีแต่สิ่งดีๆแน่นอน ปล โดนคุณแม่กึ่งบังคับอีกต่างหาก แต่ก็ทำตามใจท่านดู ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ปล คนบางคนเขียนเอาสนุก ทั้งที่ไม่เคยได้ทดลอง วิทยาศาสตร์ที่แท้จริง ต้องทดลองสมมติฐาน ไม่ใช่ไม่เคยลองแล้วมาสรุปเอาตามใจ มีแต่คนที่ทดลองเท่านั้นแหละจึงจะทราบผล ว่า sig ที่ 0.001 อิอิ จากคุณ : เรื่องแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 19:09:38 A:81.232.131.220 X: TicketID:294586

ความคิดเห็นที่ 67 #65 ผมว่าไม่น่าจะเกิดจากฝีมือมนุษย์นะ เพราะวิทยาการหลายสิบหลายร้อยปีก่อนคงยังไม่มี แต่อยากเกิดจากลักษณะของก้อนแร่่อะไรบางอย่าง ที่ทำปฏิกิริยากับสภาวะแรงดึงดูดของดวงจันทร์ที่เหมาะสม จึงเกิดการจุดระเบิดขึ้น อันนี้สมมติฐานครับ เพราะว่ามันไม่ได้เกิดเฉพาะวันออกพรรษา บางทีเกิดก่อนมาก บางทีเกิดหลังมาก (ความเห็นส่วนตัว) ส่วนเรื่องไอสไตน์นั้น ถ้าจำไม่ผิดอ่านมาจากไอสไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น มั้งครับ ถ้าจำไม่ผิดนะ >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> แล้วถ้าตามที่หลายๆท่านอธิบายเรื่องทางจิต กาถอดจิต หรือวิญญาณ แสดงว่าจิต หรือวิญญาณ วิทยาศาสตร์รองรับแล้วใช่ไหมครับ ถ้ายอมรับแล้วพิสูจน์ได้อย่างไรครับว่าจิต หรือวิญญาณมีอยู่จริง จากคุณ : 7-Scene เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 23:56:35

ความคิดเห็นที่ 68 ผมมีมนต์หายตัวได้นะ แต่ถ้ามีใครเห็น มนต์จะเสื่อม (- -") จากคุณ : NATSKI13 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 11:58:59

ความคิดเห็นที่ 69 พระ ไม่เคย พูด มีแต่ ลูกศิษย์ ที่พูด แอบอ้าง เพื่อจะขาย ของขลัง หรือเพื่อเงินบริจาก ต่อให้ไม่แตะไม่เอาเงินบริจาก เข้ากระเป๋า มันก็มีการสร้าง ต่างๆในวัด ทีนี้ละ ผู้รับเหมา ใส่ซองให้เลย จากคุณ : mu-wat เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 12:18:06

ความคิดเห็นที่ 70 #67 ยังไม่ได้ยอมรับเลยครับ แค่ยังไม่ได้ปฏิเสธ จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 14:18:29

ความคิดเห็นที่ 71 เห็นตรงกันว่าอย่าเพิ่งเชื่อ ควรพิสูจน์ เห็นต่างที่วิธีพิสูจน์ เช่น ทำได้ ก็ทำให้ดูสิ ข้อโต้แย้ง ห้ามทำโชว์ หรือ ทำได้ ไม่เชื่อลองทำเองสิ แต่ยากหน่อยนะ ซึ่งคงจะโต้เถียงกันต่อไป จากคุณ : vermillion เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 17:32:38

ความคิดเห็นที่ 72 จิต มีการศึกษาโดยนักจิตวิทยากับจิตแพทย์ไม่ใช่รึครับ  เห็นคนในห้องนี้เองก็อ้างทฤษฎีหลายครั้ง (ฟรอยด์ คาล จุง) ถ้าทำให้ดูอย่างที่จินตนาการกันไว้ (แล็บแห้ง) แล้วทำไมถึงเชื่อว่าจริงล่ะครับ  'จริง'หมายถึงอะไร จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 03:47:11

ความคิดเห็นที่ 73 จิต ในความหมายของนัีกวิทยาศาสตร์ กับ นักไสยศาสตร์ มันต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ พวกที่อ้างว่า ถอดจิต ไปโน่นมานี่ได้ ถ้าแน่จริงคุณกล้าทดลองง่าย ๆ ไม๊ล่ะ แค่ถอดจิตไปดูตัวเลขสักชุดนึงที่อยู่ห้องถัดไป ถ้าตอบได้ถูกต้อง ก็สรุปได้ว่าถอดจิตได้จริง จากคุณ : Some-One เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 11:55:31