ความคิดเห็นที่ 1 คิดถึง mp44 ของเยอรมันแฮะ จากคุณ : Bossanii เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:23:30

ความคิดเห็นที่ 2 จำไม่ผิด สร้างทันช่วงปลายๆสงครามนี่ครับ หน่วยssเยอรมันยังใช้เลย เป็นปืนที่ดีที่สุดในสมัยนั้นครับ ปัจจุปันดัดแปลงผลิตกันหลายรุ่น จากคุณ : สุดโหดโคตรโรแมนติค เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:24:08

ความคิดเห็นที่ 3 แน่นอนครับมันคงเป็นอาวุธประจำกายที่ดีที่สุด เพราะหลังจากนั้นมันก็ยังเป็นอาวุธที่ดีที่สุดต่อเนื่องมาอีกกว่า 30 ปี โดยเฉพาคุณสมบัติเรื่องความน่าเชื่อถือของอาวุธ และความทนทาน จากคุณ : Big Worm. เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:30:50

ความคิดเห็นที่ 4 ปืน Sturmgewehr ครับ  ซึ่งเป็นต้นแบบของ AK  ที่สร้างในสมัยปลาย WW2 หลังจากแพ้สงคราม  โรงงานที่ผลิต  โดนรัสเซีย เข้าไปยึดก่อน  เลยขนพิมพ์เขียวออกมา พัฒนาเป็น AK ถ้าฮิตเลอร์ ไม่ระแวงว่า ถ้าให้ปืน Sturmgewehr ไปแล้ว ทหารราบจะมีอำนาจมาก แล้วจะโดนรัฐประหารซะเอง  เลยให้แต่หน่วย SS ใช้ ป่านนี้ ชนะสงครามไปแล้ว หน้าตาเหมือน AK + HK จากคุณ : ปากหวาน เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:40:59

ความคิดเห็นที่ 5 จากการจัดอันดับของ Discovery ใน Top Ten Rifle stg.44 ดีอยู่อย่างเดียวคือ Innovative ที่เหลือกากหมด จากคุณ : Roh_Z เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:55:50

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ ^ เจไดหนุ่มว่าการจัดอันดับของรายการ "Topten" ทางช่อง "Discovery" นั้นดูจะไม่ค่อยเป็นธรรมเท่าไหร่ครับ  เนื่องจากเขาใช้หลักการคือวัดจากปืนไรเฟิลทุกประเภทตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่1จนถึงปัจจุบัน  ดังนั้นปืนที่สร้า่งในยุคหลังๆส่วนใหญ่มันก็ต้องมีข้อได้เปรียบในเรื่องเทคโนโลยีซึ่งดีกว่าอยู่แล้ว  โดยเผื่อเพื่อนๆท่านใดอาจจะสงสัยว่ามีปืนอะไรติดอันดับบ้าง  ดังนั้น "เจไดหนุ่ม" จะขอเอาอันดับของปืนชนิดต่างๆมาให้ดูกันเลยครับโดยเริ่มที่อันดับ10ก่อนครับ อันดับ10 "M14" (มะริกันชน) (May the Spoilbe with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 15:58:45

ความคิดเห็นที่ 7 อันดับ9 "Sturmgewehr 44" (เมืองเบียร์) ปืนไรเฟิลจู่โจมรุ่นแรกสุดของโลกที่มีการนำมาใช้งานจริง ในสนามรบ  และเป็นต้นกำเนิดของเจ้าปืน "อาก้า47" อันลือลั่นในตำนาน  เดี๋ยวพอบอกอันดับเสร็จผมจะมาเล่าประวัติของมันให้ฟังแบบคร่าวๆครับ (May the Spoilbe with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:02:32

ความคิดเห็นที่ 8 อันดับ8 "Springfield 1903" (มะริกันชน) อย่าแปลกใจครับว่าทำไมปืนมะกันจึงติดอันดับเยอะ  ก็เพราะคนจัดอันดับมันพวก "ไอ้กัน" ทั้งนั้น ^_^ (May the Spoilbe with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:04:44

ความคิดเห็นที่ 9 ให้เดา AK47 ไม่ที่ 2 ก็ ที่ 1 ใช่ไหม ? จากคุณ : papikasoda (อมยิ้มหาย) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:05:07 A:58.9.1.130 X: TicketID:293013

ความคิดเห็นที่ 10 อันดับ 7 "Steyr AUG" (เมืองดนตรี) (May the Spoilbe with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:09:19

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ^ ^ ใครตาดีลองสังเกตุรูป "โปสเตอร์หนัง" ข้างบนดีๆ  เพราะัมันจะมีอะไรแปลกๆพิกลไปอย่างหนึ่ง อันดับ6 "Mauser Model 98K Carbine" (เมืองเบียร์) (May the Spoilbe with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:13:15

ความคิดเห็นที่ 12 อันดับ5 FN FAL (เมืองช็อคโกแลต) (May the Spoilbe with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 53 16:18:23 จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:18:03

ความคิดเห็นที่ 13 อันดับ4 "M1 Garand" (มะริกัน) (May the Spoilbe with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:19:54

ความคิดเห็นที่ 14 อันดับ3 "Lee Enfield SMLE" (ผู้ดีตรีนแดง) อันนี้ส่วนตัวนี้ขัดใจมากๆ! เพราะน่าจะสลับตำแหน่งกับ "เมาเซอร์" ของเยอรมันในอันดับ6มากกว่า (May the Spoilbe with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน ***ขอแก้ไขครับ*** ปืนกระบอกนี้ผมบังเอิญลงรูปผิดไปหน่อยครับ  เพราะมันไม่ใช่"เอ็นฟิลด์" แต่เป็น "โมซิน-นากัน" ของโซเวียตครับ  ส่วนรูป "เอ็นฟิลด์" นั้นผมลงเอาไว้ที่ความคิดเห็นล่างๆแล้วครับลองไปดูกันได้   แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 53 18:36:39 จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:24:35

ความคิดเห็นที่ 15 อันดับ2 "M16" (มะริกันชน) อันดับ2กับ1นี่นอนมาเลยครับ  เพื่อนทุกคนคงจะเดาได้อยู่แล้ว ^_^ ป.ล. อยากรู้จริงๆว่าพวกคนจัดมันวัดจาก "M16" รุ่นไหน  เพราะถ้าดูจากรุ่น "M16A1" ที่มะกันใช้ในเวียดนามล่ะก็  ผมว่าน่าจะเอา "FAL" มาแทนซะยังจะดีกว่า (May the Spoilbe with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:29:48

ความคิดเห็นที่ 16 อันดับ 1 AK 47 อิอิ ใช่ป่าว จากคุณ : ไม่ได้สักที เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:32:51

ความคิดเห็นที่ 17 อันดับ1 AK-47 (ค้อนเคียว) คงไม่ต้องสงสัยกันให้เสียเวลาเพราะพี่เขาจองอันดับนี้มาทุกสมัยครับ  กับปืนไรเฟิลจู่โจมจากค่ายคอมมิวนิสต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั่วโลก ป.ล. ในรูปเป็นปืน "อาก้า-47ทองคำ" ที่ทหารมะริกันยึดได้จากวังของ "ซัดดัม ฮุสเซน" ครับ (May the Spoilbe with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:37:22

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าพูดถึงปืนไรเฟิลจู่โจมหรือ "Assault Rifle" แล้วล่ะก็เราคงอดที่จะพูดถึงเจ้า "Sturmgewehr44"(Stg44) ของเยอรมันนาซีไม่ได้ครับ  เพราะมันได้รับการยกย่องว่าเป็นปืนไรเฟิลจู่โจมรุ่นแรกของโลกที่มีการ ผลิตออกมาใช้งานกันอย่างจริงจังในกองทัพครับ      โดยเมื่อครั้งที่นักวิจัยของเยอรมันผลิตเจ้าปืนตัวนี้ออกมาทดลองใช้ในสมัย สงครามโลกครั้งที่2นั้น  ปรากฏว่าทหารที่ได้ลองต่างชื่นชอบเจ้าปืนไรเฟิลจู่โจมตัวนี้กันมาก  เนื่องมาจากอัตราความรวดเร็วในการยิงของมันที่มีมากเหมือนปืนกลมือแต่ยังคง ความแม่นยำแบบปืนไรเฟิลได้เมื่อทำการยิงทีละนัด      ทว่าเรื่องตลกร้ายอย่างหนึ่งก็บังเกิดขึ้นครับเมื่อ "ฮิตเลอร์" ได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมการทดสอบประสิทธิภาพของเจ้าปืนตัวนี้เข้า  แลเมื่อท่านผู้นำได้พบเห็นถึงความร้ายกาจของปืนชนิดนี้แล้วจึงได้มีคำสั่ง อย่างเร่งด่วนให้ทำการ... ...ให้ทำการ... ...ให้ทำการ... ...ให้ทำการ... ให้ ทำการยกเลิกสายการผลิตแลห้ามนำปืนชนิดดังกล่าวมาใช้ในกองทัพเยอรมันนาซีโดย เด็ดขาด (ถ้าผมเป็นทหารที่ได้ยินคำสั่งนี้คงจะบ้าตาย -_-")  โดยเหตุผลนั้นนักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่าที่ "ฮิตเลอร์" สั่งเช่นนี้ก็เพราะกลัวว่าเมื่อปืนชนิดดังกล่าวถูกใช้กันอย่างแพร่หลายแล้ว  อาจจะมีฝ่ายต่อต้านนำมันมาใช้ในการลอบสังหารตัวของเขานั่นเองครับ   **รูปทหารเยอรมันนาซีกำลังใช้ปืนไรเฟิลจู่โจม "Stg44" ที่ติดตั้งกล้องสโคปครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:39:47

ความคิดเห็นที่ 19 *****    กระทั่งในเวลาต่อมา "ฮิตเลอร์" ก็ทนต่อเสียงกดดันของบรรดานายทหารที่เกี่ยวข้องไม่ไหว  ในเรื่องความสำคัญของอาวุธปืนชนิดใหม่ต่อประสิทธิภาพของกองทัพ  เขาจึงได้กลับคำพูดแลกลืนน้ำลายของตนเองพร้อมสั่งให้ผลิตปืนดังกล่าวออกมาใช้ในกองทัพ  ทว่าในช่วงแรก "ฮิตเลอร์" ก็ยังกั๊กปืนดังกล่าวเอาไว้ให้เฉพาะทหารจากหน่วย "เอส.เอส." ซึ่งเป็นหน่วยที่จงรักภักดีต่อฮิตเลอร์แลบูชาลัทธินาซีอย่างที่สุดครับ      กระทั่งในเวลาต่อมาจึงได้มีการนำปืนดังกล่าวไปใช้ในกองทัพหน่วยอื่นด้วย  แต่นั่นก็ช้าเกินแกงเสียแล้วเมื่อกองทัพเยอรมันได้ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำแล  โดนฝ่ายสัมพันธมิตรตีโต้กลับในทุกสมรภูมิ  จนกระทั่งเมื่อกรุงเบอร์ลินถูกสัมพันธมิตรยึดครอง "ฝ่ายโซเวียต" จึงได้นำเอาพิมพ์เขียวของเจ้าปืน "Stg44" กลับไปพัฒนาจนออกมาเป็นปืน "AK-47" อันโด่งดังนั่นเองครับ (โซเวียตสามารถยึดโรงงานผลิตปืนตัวนี้ได้ก่อนมะริกันครับ) **รูปวาดแสดงถึงทหารเยอรมันกับปืน "Stg44" ติดตั้งกล้องมองในเวลากลางคืน(Nightvision) " Vampir"  โดยเจ้า "Vampir" นี้นับเป็นกล้องมองกลางคืนรุ่นแรกของโลกที่ผลิตออกมาด้วยน้ำมือของคนเยอรมันครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:42:35

ความคิดเห็นที่ 20 กล้อง "Vampir" แบบนี้ถูกเรียกอีกอย่างว่า "ZG 1229" ครับ  แลแน่นอนว่าเมื่อเยอรมันนาซีพ่ายแพ้สงครามฝ่ายสัมพันธมิตรก็เอาพิมพ์เขียว ของกล้องแบบนี้กลับไปลอกเลียนแบบ  แลพัฒนา "กล้องมองเวลากลางคืน" ของตนเองออกมาใช้เช่นกันครับ ป.ล. กล้องแบบนี้เวลามองจะเห็นภาพเป็นสีขาว-ดำครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:43:38

ความคิดเห็นที่ 21 ขอโพสรูป "STG-44" อีกหน่อยครับ  เนื่องจากส่วนตัวชอบปืนตัวนี้มาก (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:54:24

ความคิดเห็นที่ 22 เวลาแยกชิ้นส่วน (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:55:03

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณความรู้จากคุณ เจไดหนุ่ม ครับ จากคุณ : ไก่แก้ว สาริกา เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 17:00:02

ความคิดเห็นที่ 24 ในสมัยช่วงปลายสงครามโลกทหารเยอรมันที่ไ้ด้ลอง STG-44 ต่างก็ชื่นชอบปืนตัวนี้กันมาก  เพราะยุคนั้นปืนไรเฟิลทั่วไปยังคงยิงได้แบบทีละนัดหรือไม่ก็กึ่งอัตโนมัติเท่านั้น  แต่มีเจ้าปืนตัวนี้แหละครับที่มาแปลกเพราะสามารถยิงได้อย่างอัตโนมัติต่อเนื่อง  ดังนั้นเมื่อพวกโซเวียตเห็นเข้าจึงไม่รอช้ารีบขโมยเอาพิพม์เขียวไปวิจัยและจัดสร้างปืนในตระกูล "คาลานิชคอฟ" (อาก้า) ขึ้นมาทันทีหลังสงครามจบ ป.ล. สงครามโลกครั้งที่2จบลงในปี1945  ส่วนปืนอาก้า-47เข้าประจำการในปี1949ครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 17:01:16

ความคิดเห็นที่ 25 ทหารเยอรมันกับอาวุธคู่กายทั้ง3กระบอก  โดยที่เห็นเป็นดุ้นใหญ่ๆนั่นคือ "Panzerfaust"  ซึ่งเป็นอาวุธต่อต้านรถถังแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 17:06:37

ความคิดเห็นที่ 26 ซึ่งเรื่องตลกอีกอย่างหนึ่งคือในช่วงปลายสงครามนั้นนักวิทยาศาสตร์เยอรมันได้พัฒนา "Panzerfaust 250" ขึ้นมา  เพื่อไว้ต่อต้านรถถังโดยจะมีการปรับปรุงรูปร่างให้่ใช้ได้สะดวกขึ้นแต่รูปทรงหลักๆจะยังคงคล้ายกับรุ่น "150" ที่ผลิตออกมาได้ไม่กี่เดือนก่อนสงครามจบ  ทว่าเนื่องจากเยอรมันแพ้สงครามก่อนอาวุธดังกล่าวจึงไม่สามารถผลิตออกมาใช้จริงได้   แต่เมื่อสงครามโลกจบไปได้4ปีกองทัพโซเวียตก็มีเครื่องยิงจรวดต่อต้านรถถังรุ่นใหม่  "RPG-2" ประจำการ  ซึ่งเจ้า "RPG-2" นี้ดันมีรูปร่างแลระบบการทำงานคล้ายคลึงกับเจ้า "Panzerfaust 250" ของเยอรมันอย่างกับแกะเลยทีเดียว ป.ล. พูดง่ายๆคือโซเวียตขโมยความคิดของชาวเยอรมนีมาพัฒนา "ปืนอาก้า" และ "เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี" อันโด่งดังนั่นเองครับ (รูปของเจ้า "RPG-2" ครับ) (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 17:15:28

ความคิดเห็นที่ 27 มาต่อกันที่รูปของเจ้า "STG-44" นะครับ แม้แต่ทหารมะริกันในเบอร์ลินช่วงสงครามจบใหม่ๆ  ยังติดใจเอาปืน "STG-44" ที่ยึดได้มาลองใช้ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 17:17:48

ความคิดเห็นที่ 28 ขนาดทหารอังกฤษที่ขึ้นชื่อว่าชาตินิยมและไม่ชอบใช้อาวุธจากประเทศอื่น  ก็ยังต้องขอทดสอบประสิทธิภาพของเจ้า "STG-44" ติดกล้องอินฟาเรด "Vampir" (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 17:21:17

ความคิดเห็นที่ 29 รูปความเห็นที่ 14 ปืน รัสเซีย นี่ครับ จากคุณ : วาซิลี่ ไซเซฟ เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 17:37:47 A:124.121.53.6 X: TicketID:295891

ความคิดเห็นที่ 30 แม้กระทั่งในวงการ "ตัวต่อเลโก้" ก็ยัง ... -_-" (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 17:41:37

ความคิดเห็นที่ 31 #14 น่าจะ Mosin nagan ตราฆ้อนเคียวหราเลยครับ - - จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 17:46:02

ความคิดเห็นที่ 32 14# รูปนั่นมัน โมซิน นาแกน มิใช่ฤา ? จากคุณ : papikasoda (อมยิ้มหาย) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 17:48:41 A:58.9.1.130 X: TicketID:293013

ความคิดเห็นที่ 33 ปืนเอนฟิลด์มอลเผิน ๆ เหมือน ๆ กันกับปืนโมซิน นากัง ผมแยกจากกันโดยดูที่ซองกระสุน โดยที่โมซิน นากังจะมีบานพับเหมือนกันกับเซกาเซ แต่เอนฟิลด์ถอดออกได้ จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 17:59:36

ความคิดเห็นที่ 34 ฮิตเลอร์  เอ้ย  ได้มาเป็นผู้นําเพราะฝีปากล้วนๆหาไม่มีฝีมือในการวางแผนการรบเลย จากคุณ : PredatorNeverdie เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 18:01:02

ความคิดเห็นที่ 35 **เจไดหนุ่มต้องขอโทษเพื่อนๆเป็นอย่างสูงด้วยครับ**   รูปปืนไรเฟิลใน "ความคิดเห็นที่14" นั้นผมโพสผิดตามที่ทุกท่านว่าเลยครับ  โดยรูปนั้นเป็นปืนโมซินนาแกนของโซเวียตจริงๆครับ  ส่วนเจ้า "ลี เอ็นฟิลด์" ของพวกผู้ดีตรีนแดงต้องเป็นตัวในรูปนี้ครับ  สงสัยผมคงจะกดคลิ๊กเร็วไปหน่อยเพราะรูป "ปืนไรเฟิล" ในโฟลเดอรฺ์นั้นมันมีเยอะมากและไม่ได้จำแนกชนิดไว้ครับ **ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านด้วย  ที่ช่วยแก้ไขข้อมูลเรื่องรูปให้ถูกต้องครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 18:23:58

ความคิดเห็นที่ 36 ผมว่าการจัดอันดับก็เหมาะสมดีอยู่แล้ว ปืนไอ้กันก็ใช่ว่ามันจะไม่มีคุณภาพซะที่ไหนหลายกระบอกก็คุณภาพเยี่ยมเลยทีเดียวหากแต่มันอาจแตกต่างกันในด้านต่างๆก็แค่นั้นเองครับ จากคุณ : Big Worm. เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 19:48:09

ความคิดเห็นที่ 37 รูป คห.10 นี่แปลกเพราะกระสุนที่ห้อยไว้ป่าวครับดูมันจะไม่ใช่ขนาดที่ใช้ได้กับปืนที่ถืออยู่ใช่ไหมฮะ จากคุณ : -*- เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 19:58:17 A:203.144.144.164 X: TicketID:224624

ความคิดเห็นที่ 38 ไรเฟิลยิงทีละนัด ผมก็ยังชอบ K-98 ของเยอรมันอยู่ดีครับ จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 20:13:04

ความคิดเห็นที่ 39 เฉลยภาพโปสเตอร์ให้ด้วยคร้าบ จากคุณ : กระจิบหัดบิน เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:34:23

ความคิดเห็นที่ 40 โปสเตอร์ คห.7 ลองสังเกตสโคปครับ เล็งท่านั้นคุณคริสต้องประทับปืนข้างซ้าย จากคุณ : ZXR เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 23:01:11

ความคิดเห็นที่ 41 คำตอบของ "รูปโปสเตอร์" นั้นอยู่ในภาพด้านล่างแล้วครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 23:05:22

ความคิดเห็นที่ 42 สรุปแล้วคือ "ปืนมันกลับด้าน" นั่นเองครับ! เพราะสโคปของจริงมันต้องเยื้องไปทางซ้ายครับ  แต่ในโปสเตอร์มันเยื้องมาทางขวาอย่างกะปืน4-4ใน "เกมส์ เคาน์เตอร์สไตรค์" อย่าไงอย่างงั้น ป.ล. ถ้าใครช่างสังเกตุจะพบว่าปืนในเกมส์มันจะกลับด้านจากความเป็นจริงหมดเลยครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 23:09:51

ความคิดเห็นที่ 43 ผมว่ากรณี ปืนกลับด้านในโปสเตอร์ น่าจะมาจากการกลับฟิล์มหรือ กลับด้านภาพ(ลืมไปเดี๋ยวนี้ดิจิตอลหมดแล้ว) ผมยังเคยเห็นโปสเตอร์จักรยาน มีโซ่เกียร์อยู่ด้านขวาด้วยนะ ตอนแรกตกใจใหญ๋ พี่ที่เรียนถ่ายภาพมาบอกว่าเขากลับด้านฟิล์ม เลยหายงง.. จากคุณ : ผักบุ้ง เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 23:18:40 A:125.24.19.85 X: TicketID:242820

ความคิดเห็นที่ 44 ^ ^ ^ ถูกต้องแล้วครับ! เพราะในหนังก็เห็นปืนมันอยู่ด้านซ้ายตามปรกติ  เพียงแต่ทีมงานไม่น่ามาพลาดกับเรื่องง่ายๆแค่นี้  หรืออาจจะเป็นความจงใจจะกลับภาพของทางฝ่ายศิลป์  เพราะถ้าให้ดาราบนโปสเตอร์อยู่ด้านซ้ายแล้วอาจจะดูดีกว่าด้านขวาก็ได้ ^_^ ป.ล. เวลาถ่ายจริง "คุณคริส" อาจจะโพสท่าแบบนี้ก็เป็นได้ครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 23:23:07

ความคิดเห็นที่ 45 Counter Terrorist ฺB 4 3 Terrorist B 4 1 get ready จากคุณ : Sheryl เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 00:03:45

ความคิดเห็นที่ 46 ^^^^ B6 O2 O4 ด้วยนะเออ จากคุณ : ArrowWings เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 00:17:00

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณความรู้ที่ได้จาก "เจไดหนุ่ม" ด้วยครับ ผมก็ชอบ ประเภทนี้อยู่แล้ว พอได้รับความรู้เพิ่มขึ้นแล้วสนุกกับความคิดไปเรื่อยดีแหะ จากคุณ : TappaE เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 02:46:18

ความคิดเห็นที่ 48 ขอแย้งนิดนึงนะครับ... ว่า STG-44 เมื่อเทียบกับ AK-47 จะเหมือนกันแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่กลไกภายใน อเมริกันลอกมาใช้ทั้งดุ้นกับ M.16 แม้กระทั่งสปริงรับแรงถอยก็อยู่ที่ในพานท้ายเหมือนกัน การถอดประกอบก็เหมือนกัน 90%แล้ว ต่างกันแค่ใช้แกสขับลูกเลื่อนโดยตรง   แต่ STG-44 ยังใช้แกสดันลูกสูบมาขับลูกเลื่อน แบบเดียวกัน AK-47 ส่วนกลไกของ AK-47 จะคล้าย STG-44 เพียงบางส่วนเท่านั้น อย่าดูปืนแค่ภายนอกเท่านั้นว่าเหมือนกัน นี่ถ้าผมเป็นคนออกแบบปืน AK-47 ผมคงอกแตกตายแน่  ถ้าถูกกล่าวหาว่าลอกเขามา จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 06:35:42

ความคิดเห็นที่ 49 M-16 จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 06:42:31

ความคิดเห็นที่ 50 AK-47 จะเห็นว่าเหมือน STG-44 ตรงชุดลูกสูบเท่านั้น จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 06:44:00

ความคิดเห็นที่ 51 STG-44 จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 06:46:46

ความคิดเห็นที่ 52 โทษครับลงผิด อันนี้ STG-44 จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 06:47:45

ความคิดเห็นที่ 53 ู^ ^ ^     ถ้าให้ตอบตามความเข้าใจและความรู้ของผมนะครับ  โซวเีวียตน่ะลอกปืน "STG-44" ของเยอรมันมาจริงๆครับ  เพราะมีหลักฐานที่ว่าทหารโซเวียตยึดโรงงานผลิตปืนตัวนี้ได้ก่อนมะริกัน  ดังนั้นพี่แกจึงจัดการกวาดเรียบทั้งปืนทั้งพิมพ์เขียว  และผมก็ไม่ได้บอกเลยนะครับว่าการลอกนั้นเป็นการลอกแบบก๊อปปี้เป๊ะๆ  แต่ผมได้กล่าวใน "ความคิดเห็นที่26" แล้วว่าโซเวียตนั้น "ขโมยความคิด" ของชาวเยอรมนีมาสร้างปืนกับเครื่องยิงจรวดไงครับ  พูดง่ายๆคือโซเวียตเอาพิมพ์เขียวและปืนต้นแบบมาศึกษาจากนั้นจึงพัฒนาปืนของตัวเองออกมาให้ดีกว่าเก่า     ส่วนการลอกแบบนั้นผมว่าน่าจะเป็นกรณีแบบเดียวกับที่เยอรมันยึดเครื่องยิงจรวดบาซูก้าของทหารมะริกันได้ในสมรภูมิแอฟริกาเหนือแล้วเอาปืนต้นแบบมาวิจัยแลผลิตออกมาเป็นเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถังแพนเซอร์เชร็คซึ่งมีระบบการทำงานคล้ายๆบาซูก้าแต่ชาวเยอรมันอาศัยคึวามเชี่ยวชาญในเชิงวิศวกรรมดัดแปลงออกแบบปรับปรุงให้มันดีกว่าบาซูก้านิดหน่อยเท่านั้นเองครับ (ภาพบนคือ "แพนเซอร์เชร็ค" ของเยอรมันนาซี  ส่วนภาพล่างคือ "บาซูก้า" ของมะริกันครับ) (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 11:37:09

ความคิดเห็นที่ 54 เวลาเล่น Call of Duty ส่วนใหญ่ผมจะใช้ Sturmgewehr จากคุณ : npn เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 11:43:10

ความคิดเห็นที่ 55 Call of duty ผมนิยมใช้ Mosin-Nagant แม่น เนี๊ยบ เท่ จากคุณ : คดีฆาตกรรมถั่วงอก เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 12:14:20

ความคิดเห็นที่ 56 อันนี้ผมเสริมอีกนิดนะครับ เทคโนโลยี่ด้านระบบลูกเลื่อนของปืนกึ่งอัตโนมัตของโซเวียตช่วงนั้นไปไกลมากครับ ขนาดปืน Gewehr 43 ของเยอรมันอันโด่งดัง ยังต้องลอกระบบลูกเลื่อนของ Tokarev SVT-38, SVT-40 ต้นแบบของSimonov SKS carbineอันโด่งดัง ของโซเวียตมาใช้เลย  ไหนจะรถถัง T-34 ที่เยอรมันลอกแบบระบบเกราะที่ลาดชันไปใช้อีก ดังนั้นในกรณีของ AK-47 ก็อย่างที่คุณเจไดหนุ่มว่าไว้   เพราะว่าเรารับข่าวสารของทางตระวันตกซะส่วนใหญ่  โซเวียตทำอะไรได้ดี ก็อ้างว่าลอกคนโน้นคนนี้เขามา ในรูปคือ ปืน Gewehr 43 ของเยอรมัน จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 14:14:56

ความคิดเห็นที่ 57 ส่วนอันนี้ คือTokarev SVT-38, SVT-40  ต้นแบบของ Gewehr 43 จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 14:16:20

ความคิดเห็นที่ 58 รู้แค่ว่ามันเป็นปืนที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก จากคุณ : mao_narak เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 15:58:26

ความคิดเห็นที่ 59 คห.5 ปืนสมัยโบราณเทียบกับสมัยใหม่นะครับ ของเก่าก็ต้องห่วยกว่าสิครับ อย่าลืมว่าปืนกระบอกนี้เป็นต้นแบบของ Assault Rifle เลยนะ จากคุณ : ***** เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 17:24:18 A:118.175.88.15 X: TicketID:223134

ความคิดเห็นที่ 60 คุณเจไดหนุ่ม ในเกม Counter-Strike มันมีทั้งโมเดลมือซ้าย-ขวาครับ ถ้าเอาเหมือนจริงก็โมเดลมือขวา (จับปืนไว้ฝั่งขวา) (ปืน AUG นะ กระบอกอื่นไม่รู้) คห.46 อย่าลืม b7 ด้วยนะครับ จากคุณ : ***** เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 17:35:00 A:118.175.88.15 X: TicketID:223134

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบอกเลยว่า ชื่นชอบ คุณ เจใด  ด้วยใจจริง รู้จริง  และเสียสละเวลา อย่างมากเลย เมื่อก่อนมี ป๋าชลน่าน คนนึง ท่านโพส และทำบทความ ในเวปนี้ ได้อย่างน่าติดตามจริงๆ จากคุณ : โอ๊ะเอ๊ะ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 53 22:10:13

ความคิดเห็นที่ 62 ตกลงใครลอกใคร ละครับ 555 STG44 ได้ชื่อว่าเป็นไรเฟิลจู่โจมแแบบแรกของโลก อยู่แล้วเนื่อง ปืนยุค WW2 มีดังนี้ 1.ปืนไรเฟิลแบบลูกเลื่อน เช่น K-98 ,สปริงฟิล์ ชักลูกเลื่อนที่ละนัด 2.ปืนไรเฟิลแบบกึ่งอัตโนมัติ ยิงที่ละนัดความเร็วขึ้นอยู่กับ การเหนี่ยวไกเช่น M1 ,Gewehr 43 ,SVT-40 3.ปืนกลมือ เช่น MP40 ,Tomson,sterling ยิงอัตโนมัตอย่างเดียวเท่านั้น 4.ปืนกลเบา เช่น MG42 ยิงอัตโนมัตอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีปืนแบไหนที่มันรวม ระบบกึ่งอัตโนมัต กับอัตโนมัตเข้าด้วย กันเจ้านี้จึงได้ ตำแน่งโดยภาคภูมิ ข้อเสียมัน คือหนักมาก เมื่อเทียบกับปืนปัจจุบัน แรงถีบเยอะ เรื่อง สิบเอกชาวรัสเซียลอกแบบ หรือเปล่าไม่คอยมีใครพูด ถึงเพราะเจ้าตัวไม่ยอมรับ 555 จากคุณ : กระสวยบูราน (กระสวยบูราน) เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 53 21:13:14