ความคิดเห็นที่ 1 ปลดวงจรและเครื่องใช้ไฟฟ้า  เอาเครื่องทดสอบความเป็นฉนวน มาตรวจสอบ(ซึ่งคงไม่ผ่าน)  :) แล้วหาช่างไฟดีๆ มาแก้ไข จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 15:27:43

ความคิดเห็นที่ 2 ตอบสั้นๆ : ช๊อตครับ หรือไม่ก็ Breaker ที่ใช้อยู่ขนาดน้อยกว่า 50A จากคุณ : lucifer777 เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 16:00:21

ความคิดเห็นที่ 3 เพิ่มเติม...... จขกท. แนะนำว่าควรเปลียนชุดสายไฟที่มีปัญหาใหม่ทั้งหมดเลยจะดีกว่าครับ เพราะถ้าปล่อยเนิ่นนานไป มันจะไม่ใช่เฉพาะ Breaker ที่ Off นะครับ แต่จะกลายเป็นบ้านทั้งหลัง Fier แทน เรื่องไฟฟ้าอย่ามองข้ามเด็ดขาดครับ ปล.แก้คำผิดครับ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 53 16:07:21 จากคุณ : lucifer777 เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 16:03:56

ความคิดเห็นที่ 4 *****เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินและชีวิตของคุณจขกท.รวมถึงคนรอบข้าง  กรุณาอ่านความคิดเห็นของ "เจไดหนุ่ม" ให้จบด้วยนะครับ*****     อุปกรณ์ที่คุณจขกท.บอกว่ามัน "ตัด" ความจริงแล้วน่าจะเป็น "ลูกเซอร์กิต" นะครับไม่ใช่เซฟตี้เบรกเกอร์  ซึ่งจะเป็นลูกย่อยๆใส่ไว้ติดกันเป็นพรืดในตู้โหลดเซ็นเตอร์(ตู้เหล็กมีฝาเปิดปิด)  ส่วน "เซฟตี้เบรกเกอร์หรือที่ช่างเรียกกันย่อๆว่าELB" นั้นจะเป็นตัวเหลี่ยมๆป้อมๆสีดำติดลอยไว้ข้างนอกไม่ได้ไปรวมกันไว้ที่เดียวครับ     โดยการที่ลูกเซอร์กิตสับตัวเองมาที่ Off (สีแดง) นั้นแปลว่าระบบไฟที่ต่อเชื่อมกับเซอร์กิตตัวนั้นมีปัญหาครับ  เช่นไฟที่ใช้ในระบบอาจจะโอเวอร์โหลดเกินแอมป์ของตัวเซอร์กิต  หรือเกิดการลัดวงจรขึ้นในระบบไฟฟ้าซึ่งต่อเชื่อมกับเซอร์กิต  ดังนั้นลูกเซอร์กิตจึงตัดตัวมันเองตามระบบเพื่อป้องกันไฟช็อต       แต่ในกรณีของคุณจขกท.นั้นให้เราตัดการ "โอเวอร์โหลด" ออกไปได้เลย  เพราะระบบไฟที่คุณจขกท.ใช้ซึ่งต่อเชื่อมกับเซอร์กิตตัวนั้นดูไม่ได้มีมากมายอะไรจนเกินแอมป์ของลูกเซอร์กิต  ส่วนเรื่องลูกเซอร์กิตเสียนั้นก็อาจจะเป็นได้ในบางกรณีแต่บังเอิญเคสของคุณจขกท.กลับตรวจพบว่าสายฉนวนขาดผมจึงตัดกรณีนี้ออกไป (...มีต่อครับ...) **บน  รูปของ "ลูกเซอร์กิต" ยี่ห้อสแควร์-ดี(รุ่นเก่า) ครับ** **ล่าง รูปของ "เซฟตี้เบรกเกอร์หรือELB" ยี่ห้อพานาโซนิค ครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 16:24:03

ความคิดเห็นที่ 5 ***     ดังนั้นในกรณีของคุณขกท.จึงน่าจะมาจากสายไฟฟ้ามีปัญหาแน่นอนครับ  แต่จะมีปัญหายังไงนั้นเราต้องมาดูกันเป็นเรื่องๆครับ  โดยคุณจขกท.บอกว่าช่างไฟของคอนโดได้แกะแผงหน้ากากออกมาดูและพบว่า "ฉนวนเปลือกนอก" ซึ่งหุ้มสายไว้ขาดจึงเอาเทปพันสายไฟมาพันใช่มั๊ยครับ  ซึ่งบอกตามตรงการกระทำเช่นนั้นเป็นเรื่องที่ผิดและสุ่มเสี่ยงอย่างมากครับเพราะมันเป็นการแก้ปัญหาอย่างลวกๆ       และเรื่องนี้ยังทำให้พอทราบได้ว่าช่างคนนี้อาจจะไม่มีความรู้เรื่องไฟฟ้าอย่างดีพอหรือขี้เกียจเสียเวลามาแก้ปัญหาให้ถูกจุดจึงทำแบบขอไปที  ซึ่งช่างไฟแบบนี้ถ้าผมเจอกับตัวล่ะก็จะไล่ตะเพิดไปให้ไกลๆเลยครับ  เพราะความมักง่ายของเขาอาจจะทำให้เจ้าของห้องต้องสูญเสียเงินทองได้ในกรณี "เซอร์กิต" ตัดบ่อยๆจนเสียหรือมีการลัดวงจรขึ้นมาจนเกิดเพลิงไหม้     โดยก่อนจะรู้ถึงปัญหานั้นเราต้องมาทราบถึงเรื่องของสายไฟที่ใช้เดินในห้องพักของคุณจขกท.ก่อนครับ  โดยเจ้า "สายไฟคู่" ที่เดินในบ้านพักหรืออาคารสำนักงานทั่วๆไปนั้นจะเป็นสาย "VAF" ซึ่งก็คือการนำ "สายไฟเดี่ยว" สองเส้นมาประกบเข้ากันด้วยฉนวนหุ้มสาย  ซึ่งลักษณะของสายไฟแบบนี้จะเป็นดังรูปที่ผมทำขึ้นอย่างคร่าวๆครับ     ในรูปจะเห็นว่ามีวงกลมสีแดงสองอันอยู่ด้านในสุดซึ่งนั่นคือ "ทองแดง" ที่อยู่ในสายไฟแต่ละเส้นครับมีหน้าที่เป็นตัวส่งผ่านกระแสไฟฟ้า  ส่วนสีขาวกับดำซึ่งหุ้มทองแดงไว้คือฉนวนหรือเปลือกของตัวสายไฟครับ  และวงรีสีเทราคือฉนวนอีกชั้นซึ่งหุ้มสายไฟสองเส้นนี้ไว้ด้วยกันในเส้นเดียว       ซึ่งสายVAFทั่วไปนั้นจะแบ่งขนาดตามความโตของทองแดงด้านในสุดครับ  เช่นถ้าที่ข้างสายเขียนไว้ว่า 2 X 1.5 ก็หมายความว่าเป็นสายที่ด้านในมีสองเส้นและทองแดงด้านในนั้นมีขนาด1.5มิลเป็นต้น  ซึ่งขนาดของสายจำพวกนี้ที่ใช้ทั่วๆไปในที่พักอาศัยก็จะมีตั้งแต่ 2 X 0.5 1 1.5 2.5 4 อะไรเทือกนี้ครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 17:05:59

ความคิดเห็นที่ 6 ***     ซึ่งที่ผมกล่าวมานั้นคือสภาพของสายไฟในกรณีืที่มันเป็นปรกติครับ  แต่ในกรณีไม่ปรกติที่เกิดกับคุณจขกท.คือสายฉนวนซึ่งหุ้มอยู่้ขาดแหว่ง  โดยถ้าถึงขนาด "เซอร์กิต" ตัดผมว่าคงจะขาดทั้งฉนวนชั้นนอกและในจนเห็นทองแดงโผล่เปลือยออมาทักทายเราแล้วแน่ๆ  ซึ่งนั่นนับว่าเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างยิ่งเลยครับ     ลองดูรูปคร่าวๆที่ผมวาดไว้ด้านล่างประกอบนะครับ (ของจริงอาจจะไม่แหว่งเว่อร์แบบนี้แต่ผมขอวาดให้เข้าใจง่ายๆครับ)  อย่างที่บอกคือ "เส้นทองแดง" ด้านในสุดนั้นเป็นทางผ่านของกระแสไฟฟ้าและเมื่อฉนวนขาดจนเผยให้เห็นทองแดงแล้วนั่นก็หมายความว่าตัวส่งผ่านกระแสไฟฟ้านั้นไม่มีฉนวนห่อหุ้มแล้ว       ทำให้อะไรก็ตามที่มาสัมผัสมันนั้นจะกลายเป็นตัวส่งผ่านของกระแสไฟฟ้าทันที  พูดง่ายๆคือถ้าไปจับเข้าก็โดนดูดหรือถ้ามีน้ำไปสัมผัสและเราเหยียบอยู่ตรงน้ำจุดนั้นพอดีก็จะโดนไฟดูดกลายเป็นหมูปิ้งได้ครับ  และสาเหตุที่ "เซอร์กิต" ของคุณตัดนั้นคงมาจากการที่ทองแดงของสายสองเส้น(ลุกศรสีแดงที่ผมชี้เอาไว้) ไปกระทบแตะกันเข้าจึงทำให้เกิดการลัดวงจรจน "เซอร์กิต" ตัดตนเองลงมา     ซึ่งผมขออาจหาญเดาเอาจากประสบการณ์ว่าช่างไฟมักง่ายคนนั้นคงจะมาเห็นสายเป็นแบบนี้  เลยเอาเทปพันสายไฟมาพันเอาไว้เพื่อป้องกันอะไรต่อมิอะไรไปสัมผัสโดนเส้นทองแดงด้านใน  ซึ่งตามหลักแล้วเทปพันสายไฟมันก็พอจะเป็นฉนวนได้ในระดับหนึ่งครับ  แต่ทว่านั่นเป็นแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้นเองครับ     โดยผมจะไม่เถียงเลยถ้าช่างคนนั้นเขาพันเอาไว้ชั่วคราวเพื่อให้คุณมีไฟฟ้าใช้ก่อน  จากนั้นจึงหาโอกาสมาแก้ในวันต่อมาที่คุณอาจจะไปทำงานและไม่ได่ใช้ไฟฟ้าแล้ว  แต่ถ้าเขาตั้งใจแก้ปัญหาเพียงเท่านี้คุณก็ต้องโวยแหลกเลยครับเพราะเป็นการขขาดซึ่งความรับผิดชอบมากๆ     เพราะว่าสายไฟทั่วไปเวลามีกระแสไฟส่งผ่านนั้นจะเกิดความร้อนจากแรงดันไฟฟ้าขึ้นครับ  ซึ่งปรกติแล้วสายไฟทั่วไปจะมีระบุไว้ข้างๆสายแล้วว่าตัวฉนวนของสายนั้นสามารถทนแรงดันไฟฟ้าได้กี่โวลท์  แต่เจ้าเทปพันสายไฟปรกติที่มาพันนั้นมันจะรับแรงดันและทนความร้อนได้ไม่ดีเท่าฉฯวนซึ่งห่อหุ้มสายไฟครับ       จึงทำให้เมื่อพันไปซักพักตัวเทปจึงไม่อาจะทนแรงดันไฟฟ้าได้(โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทปราคาถูก) จึงเกิดการหลอมละลายจนทำให้อาการแบบเดิมกลับมากิดซ้ำอีก  ซึ่งอันที่จริงถ้าจะทำให้ถูกจริงๆมันจะมีเทปอยู่ตัวหนึ่งที่เรียกว่า "เทปพันละลาย" ซึ่งสามารถทนความดันไฟฟ้าและความร้อนได้ดีกว่าเทปทั่วไป  แต่ผมคิดว่าช่างเขาคงไม่เอามาพันให้คุณหรอกครับ  เพราะราคา "เทปพันละลาย" นั้นสูงกว่าเทปทั่วไปอยู่หลายเท่าตัวเลยทีเดียว (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 17:31:46

ความคิดเห็นที่ 7 *****     เมื่อมาถึงตรงนี้ "เจไดหนุ่ม" จะขอสรุปวิธีแก้ปัญหาให้คุณจขกท.แบบง่ายๆเลยนะครับ  นั่นคือให้ "ช่างไฟ" มาทำการตัดต่อสายใหม่ครับ  โดยเราไม่จำเป็นต้องรื้อสายทิ้งทั้งระบบแต่ควรจะเช็คจุดอื่นของสายตัวนั้นด้วยว่ามีการขาดรั่วของฉนวนหรือเปล่า  โดยถ้าสายของคุณเป็นการเดินแบบลอยกล่าวคือตีกิ๊ปหรือเดินสายในรางพลาสติกที่เรามองเห็นได้  ก็จะง่ายหน่อยครับคือให้ช่างตัดสายตรงส่วนที่ฉนวนขาดแล้วทำการต่อกับสายใหม่อีกเส้นด้วย "ลูกเต๋า" หรืออุปกรณ์ต่อสายชนิดต่างๆให้เรียบร้อยครับ (แต่ส่วนมากคอนโดทั่วไปมักเดินสายลอยกันหมดเพื่อความสะดวกเวลาซ่อมแซม)     แต่ประเด็นอีกอย่างที่ผมยังสงสัยคือสายไฟที่คุณว่าฉนวนขาดนั้นมันเดินอยู่ในลักษณะไหน  กล่าวคือฝังอยู่ในกำแพงหรือเดินลอยภายนอกเพราะถ้าลอยภายนอกก็อาจจะมีความเป็นไปได้ว่าถูกทำให้ขาดโดยสัตว์กัดแทะชนิดต่างๆหรือการกระแทกเสียดสีของวัสดุอื่นๆ  แต่ถ้าเป็นภายในกำแพงผมว่าต้องเช็คตัวสายไฟแล้วล่ะครับว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า       และตามปรกติแล้วในห้องน้ำที่ใช้สำหรับการอาบน้ำและชำระล้างร่างกายนั้นเขาไม่ควรจะติดปลั๊กเสียบไฟเอาไว้ใกล้กับบริเวณอ่างล้างมือขนาดนั้นนะครับ  และนอกจากนี้อาจจะต้องมีการเช็คเครื่องซักผ้าที่คุณบอกว่าใช้ร่วมกับสายตัวนี้ด้วยครับ (ผมไม่ทราบว่าเครื่องอยู่ในห้องน้ำด้วยเหรือเปล่า?) ป.ล. ถ้ามีปัญหาอะไรสงสัยให้ออนเอ็มมาคุยกับ "เจไดหนุ่ม" ก็ได้นะครับ  ผมยินดีช่วยเท่าที่จะทำได้ครับ  flashpanzer@hotmail.com   **สวัสดีครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 17:44:46

ความคิดเห็นที่ 8 ***     อาจจะเป็นการรบกวนคุณจขกท.เกินไปหน่อยนะครับ  แต่ถ้าจะให้ช่วยแบบสำเร็จจริงๆนอกจากวิธีที่ผมต้องไปดูสถานที่เดินไฟถึงที่แล้ว  คือการถ่ายรูปบริเวณนั้นมาให้ดูครับว่าจุดที่ฉนวนไหม้นั้นอยู่ห่างจากปลั๊กเท่าไหร่  และสายไฟเดินแบบไหน  ตู้โหลดจัดวางอะไรในลักษณะแบบไหนเป็นต้นครับ  หรือไม่คุณจขกท.ก็ต้องไปให้ "ช่างไฟจริงๆ" มาดูครับ(แนะนำวิธีนี้ครับ)     เรื่องตลอกอย่างหนึ่งคือส่วนมากที่ผมเจอมากับตัวนั้นคอนโดส่วนใหญ่เจ้าของหรือผู้ดูแลจะเป็น "สารพัดช่าง"  กล่าวคือทำได้แทบทุกอย่างแต่อาจจะไม่เก่งซักอย่าง-_-"  หรือรู้เพียงผิวเผินไม่ก็เก่งเฉพาะบางอย่างเท่านั้นครับ  โดยจะมีบ้างที่ทำได้หมดทุกอย่างแบบเทพๆแต่ส่วนมากคนแบบนี้ก็คงไม่มีใครมานั่งคุมคอนโดแล้วครับ  สู้ออกไปเป็นหัวหน้าทีมหาลูกมือซักกลุ่มแล้ววิ่งรอกรับเหมางานข้างนอกดีกว่าเยอะ ^_^ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 17:54:23

ความคิดเห็นที่ 9  คณ เจไดหนุ่ม มีน้ำใจตอบวิเคราะห์เจาะลึกอย่างละเอียด ขอบคุณที่ได้ความรู้  ปล. จะบอกว่า ลูกเบรคเกอร์ ของ Siemens ตัวเล็กๆนี้มี ELB ในตัวครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 19:52:19

ความคิดเห็นที่ 10 น่าจะลองไล่สายไฟจากจุดที่เคยช๊อร์ต ย้อนไปอีกสักหน่อยว่ามีการเสียหายมากหรือไม่มันจึงเกิดซ้ำได้อีก หากเสียหายมาก็เปลี่ยนไปเลยครับชัวร์ที่สุด จากคุณ : ลุงน้อยลำปาง เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 53 17:01:50

ความคิดเห็นที่ 11 "ขณะที่ผมขัดพื้นห้องน้ำ(ส่วนแห้ง) กำลังเอามือเอื้อมไปที่ีก๊อกน้ำ(มือยังไม่ถึงก๊อกน้ำ) ผมก็โดนไฟดูด ผมจึงชักมือออก" งงตรงนี้ครับ??? จากคุณ : jan1jj2 เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 53 21:52:03

ความคิดเห็นที่ 12 @jan1jj2: ผมโดนไฟดูดน่ะครับ แต่ืมือยังไม่ได้สัมผัสกับตัวก๊อกน้ำเลยน่ะครับ ขอบคุณมากนะครับ สำหรับทุกคำตอบ ทุกความคิดเห็น วันนี้ผมได้นัดช่างไฟเพื่อมาดำเนินการซ่อมแล้วครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : pakapola เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 53 10:54:48

ความคิดเห็นที่ 13 รายงานผลการซ่อมของช่างไฟ ก่อนอื่นผมขอเกริ่นก่อนนะครับว่า ผมไม่ค่อยรู้เรื่องไฟฟ้าสักเท่าไร ดังนั้นผมจึงจำคำพูดของช่างไฟได้คร่าว ๆ ประมาณนึงเท่านั้น ช่างไฟแกะปลั๊กไฟออกจากผนัง เพื่อเช็คสภาพของสายไฟ ซึ่งสายไฟมีทั้งหมด 4 เส้น เขียว 2 เ้ส้น , เหลือง 1 เส้น , ขาว 1 เ้ส้น ซึ่งก่อนหน้านี้ทางช่างประจำคอนโดมาพันเทปดำให้กับสายสีขาวไปแล้ว ซึ่งทางช่างไฟก็บ่นว่า ทำไมมีสายดิน 2 เส้น(สีเขียว) เส้นนึงควรต้องไปจั๊มกับสายดินของคอนโด เค้าจึงม้วนสายสีเขียวเส้นนึงเก็บไป ไม่ใช้งานและพันด้วยเทปดำอีกชั้นนึง หลังจากนั้นเค้าก็บ่นต่อไปว่า กล่องลอยที่เป็นโลหะ/อลูมิเนียมที่อยู่ข้างในผนัง มันคงไปทำให้สายไฟเกิดการถลอก เค้าจึงเปลี่ยนชุดเต้ารับนั้นใหม่หมด โดยกล่องลอยเป็นแบบพลาสติก ระหว่างเปลี่ยนทางช่างก็เช็ควัดกระแสไฟว่ามีหรือเปล่าอยู่เรื่อย ๆ จนมั่นใจว่าแก้ไขเสร็จเรียบร้อยจึงประกอบเต้ารับให้ใหม่ และก็ทดลองเปลี่ยนพัดลม ทิ้งไว้ 10 นาทีก็ไม่มีปัญหา พอตอนกลางคืนผมต้องการซักผ้า จึงเสียบสายไฟของเครื่องซักผ้ากับเต้ารับที่มีปัญหา ซักรอบแรกผ่านไปไม่มีปัญหา แต่พอจะซักผ้ารอบที่สองไฟไม่เข้าอีกแล้วครับ และเดินไปดู Breaker ย่อยก็สับสวิตมาที่ Off เหมือนเดิมครับ ผมก็ลองยกเครื่องซักผ้าไปต่อปลั๊กที่ไม่มีปัญหา เผื่ออาจจะมีปัญหาที่เครื่องซักผ้าเอง ผลปรากฎว่าไม่มีปัญหา สามารถซักผ้าได้ตามปกติ จำนวน 2 รอบ ผมจะต้องควรทำยังไงดีครับ....แง แง แง แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 53 09:23:25 จากคุณ : pakapola เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 53 09:19:19