Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จะกลับไปสู่เส้นทางอาชีพนักวิจัยดีหรือเปล่า? ติดต่อทีมงาน

กระทู้ปรึกษาปัญหาชีวิตครับ

ก่อนหน้านี้ผมเป็นนักเรียนทุนวิทยาศาสตร์โครงการหนึ่ง ซึ่งตามปกติแล้วถ้าจบเอกเมื่อไหร่ก็ต้องเข้าทำงานในหน่วยงานหรือสถาบันศึกษาของรัฐ โดยส่วนตัวผมเคยตั้งเป้าไว้ว่า จบมาแล้วอยากจะทำงานในสถาบันวิจัยทางวิทยาการคอมพิวเตอร์ ไม่ก็เทคโนโลยีทางการทหาร

ก็วางแผนการเรียนไว้ค่อนข้างดีครับ เลือกเรียนในสาขาวิชาที่ปูพื้นสนับสนุนเป้าหมายมาตลอด ว่างๆ ก็ทำโครงงานโครงการประกวดแข่งขันอะไรๆ บ้าง ทำความรู้จักกับคนในวงการ ฝึกทักษะภาษา ตปท. จนตอนนี้ CV ก็พอจะเรียกได้ว่าไม่ค่อยขี้เหร่เท่าไหร่


ทีนี้ชีวิตมันเจอโค้งหักศอกก็อีตอนทำเรื่อง GT200 นี่แหละ ที่ทำให้ผิดหวังกับวงการวิทยาศาสตร์ไทยเป็นอย่างมาก จนได้เลือกที่จะเปลี่ยนชีวิตตัวเองแบบทะลุมิติที่ 4 ...


เล่าให้ฟังก่อนว่า หลังจากที่คุณ Geneticist นำเรื่อง GT200 เข้าหว้ากอ และก่อนที่ผมจะนำเรื่องนี้ไปรบกวนอาจารย์เจษฏา จนกระทั่งเรื่องได้เดินจน (พอจะเรียกได้ว่า) สำเร็จนั้น ผมได้วิ่งเต้นเท่าที่เด็กอย่างผมจะทำได้ไปทั่ววงการวิทยาศาสตร์เพื่อหาผู้ใหญ่มาช่วยเดินเรื่องนี้ ทั้งทางเครือข่ายอาจารย์รุ่นพี่ในทุน อาจารย์ในคณะวิทย์และวิศวะในมหาลัยต่างๆ ทั้งของตัวเองและที่มีคอนเนคชั่น (ขณะนั้นผมเป็น นศ. โทเอก) และผู้ใหญ่ในองค์กรวิจัยอิสระ

ทั้งหมดทั้งสิ้นเป็นเวลาสามเดือน ไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด...



บางคนได้รู้เรื่อง ก็หัวเราะแล้วบอกว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่บอกว่าเขาไม่มีเวลา งานวิจัยที่แล็บก็ยุ่งพอแล้ว

บางคนบอกปัดอย่างชัดเจน "ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ" "ผมไม่รู้จักใคร"

บางคนบอก "ทำแล้วเกิดตายขึ้นมามันไม่คุ้มนะคุณ ชีวิตในอนาคตคุณอาจได้ทำอะไรที่มันใหญ่กว่านี้ก็ได้"

ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้บริหารบางคน บอกอย่างชัดเจนว่ามันใช้ไม่ได้ แต่เขาไม่พูดอะไรต่อ

บางคนก็บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องของนักวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องการเมือง เราไม่มีนโยบายยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้

...ต่างๆ นาๆ ...

ที่ร้ายกว่านั้น ผมได้มารู้ทีหลังว่า เรื่องนี้เคยเข้า สกว. มาแล้วด้วยซ้ำ เพื่อหาคนมาทำ reverse engineering ซึ่งแน่นอนไม่มีใครกล้ารับ แต่ก็ไม่มีใครค้านอะไร

และทางทหารเคยนำเครื่องนี้มาปรึกษาตามภาควิชาของมหาลัยมาก่อนหน้าตั้งเป็นปีแล้ว แต่เช่นเดิม ไม่มีใครพูดอะไร แถมซ้ำร้ายยังอวยเสียอีก



...นั่นคือผู้ใหญ่ ผู้มีความรู้ ผู้มีความสามารถ มีอำนาจกำหนดอนาคตทางวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย แต่พอมีประเด็นวิกฤตทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องการการแก้ไข ท่านเหล่านี้กลับเอามือปิดตา ปิดหู ปิดปาก



ตัวผมเป็นเด็กที่ได้ทุนเดือนละ 7500 บาท กินรายเดือนยังไม่พอ แต่เสือกเอาเรื่องนี้เป็นธุระ วิ่งเต้นไปทั่ว

ตอนผมโดนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไยจากอาจารย์บางคน ผมเดินน้ำตาซึมจากตึกภาควิชามารอรถเมล์ตอนห้าโมงเย็น ต้องโหนรถเมล์ ปอ. 36 เบียดเสียดไปสองสามชั่วโมง ต้องกลั้นตัวเองไม่ให้น้ำตาล้นออกมาเพราะกลัวอายคนข้างๆ

ตอนผมโดนองค์กรวิทย์ปฏิเสธเพราะเขาว่าเป็นเรื่องการเมือง ผมนั่งซ้อนท้ายมอ'ไซค์เพื่อนจากเอกมัยมาสามย่าน ควันเต็มจมูก ร้อนตับแตกเหงื่อเต็มคอเสื้อเต็มเน็คไท

ตอนผมได้รับคำตอบว่าผู้บริหารหน่วยวิจัยเขาไม่ให้ความสนใจ หลังจากรอคำตอบมาสองเดือน ผมเปิดคอมฯ อ่านข่าว พบว่ามีทหารอีกสามนายต้องเสียชีวิตเพราะ GT200 ผมร้องอ้ากกก ลั่นห้องแล็บ ในใจคิดซ้ำๆ ว่า ทำไมกูไม่เดินเรื่องให้เร็วกว่านี้ๆ

ตอนกลับจากโดนถล่มที่ตึกรัฐสภา ผมกลับมาที่ห้องแคบๆ รกๆ ของผม นั่งลงที่โต๊ะญี่ปุ่นเก่าๆ ขาโยกเยก เปิดคอมฯ แจ้งข่าวชาวหว้ากอทั้งๆ ที่เมื่อคืนก่อนหน้าได้นอนแค่สาม ชม. เพราะต้องเตรียมสไลด์นำเสนอกรรมาธิการ ในขณะที่ผู้ใหญ่หลายคนกลับไปสู่ชีวิตสะดวกสบายของแต่ละคน

....

ที่พร่ำบ่นมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้ต้องการจะอวดว่าตัวเองเป็นคนดีศรีเมืองที่ทนทุกข์ทรมานเพื่อความถูกต้องแต่อย่างใด เพราะยังมีคนอื่นอีกหลายคนที่ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันทำเรื่อง GT200 และบางคนก็ลำบากกว่าผมมาก โดยเฉพาะอาจารย์เจษฎา (ที่ตอนนี้ถูกดองไปเรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆ โทษทีจารย์ ) แต่ที่ยกมา เพราะอยากให้เข้าใจถึงความรู้สึกและมุมมองของผม ว่าการ "อกหักจากวงการวิทยาศาสตร์ไทย" ของผมนั้นเป็นอย่างไร มันสะเทือนอารมณ์ขนาดไหน ผมถึงได้ตัดสินใจทิ้งบ้านทิ้งชีวิตเก่า มาเป็นทหารที่ "กองพลต่างด้าวแห่งกองทัพฝรั่งเศส" ในขณะนี้...


จากคุณ : PastelSalad
เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 53 19:14:31




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com