ความคิดเห็นที่ 1 เราอาจจะมองว่ามันน่าสยดสยองในการที่จะกินไข่ของพยาธิ แต่อย่างไรก็ยังมีงานวิจัยรองรับ ในอดีตเคยมีนักวิทยาศาสตร์ต้องลองผิดลองถูกเพื่อแลกกับความรู้ที่จะได้มา บางคนถึงกับต้องเอาชีวิตเข้าแลกทีเดียว นี่เป็นเพียงไม่กี่ตัวอย่าง การสำรวจปล่องภูเขาไฟที่กำลังประทุ ในปี  1933 Arpad Kirner นักสำรวจภูเขาไฟ ได้หย่อนตัวเองลงไป 800 ฟุตในปากปล่องภูเขาไฟ Mt. Stromboli เพื่อสำรวจภูเขาไฟที่กำลังประทุ Arpad Kirner อยู่ในชุดที่ทำจากแร่ใยหิน asbestos และสวมเกราะเหล็กป้องกันตัว เพื่อป้องกันตัวเองจากหินร้อนๆและอากาศที่ร้อนถึง 150 องศาฟาเรนไฮท์ เขาได้ใช้เวลาสำรวจปล่องภูเขาไฟอยู่นาน 3 ชั่วโมง   (นักสำรวจภูเขาไฟหลายคนไมได้โชคดีเช่นนี้ ในเดือนพฤษภาคม ปี 1980  ขณะที่ David Johnston นักธรณีวิทยาชาวอเมริกันตั้งแคมป์อยู่ที่ Coldwater Ridge ห่างจากภูเขาไฟ Mount St. Helensไป 2-3 ไมล์ ภูเขาไฟได้เกิดประทุและคร่าชีวิต Johnstonและผู้เคราะห์ร้ายอื่นอีก 56 ชีวิต)     จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:50:13

ความคิดเห็นที่ 2 ภาพข่าวใน Popsci พฤษภาคม 1933 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:50:52

ความคิดเห็นที่ 3 การทดลองดื่มเชื้ออหิวาตกโรค   ในช่วงตอนปลายของศตวรรษที่  19 Max von Pettenkofer นักวิทยาศาสตร์ มีความเชื่อว่าเชื้ออหิวาตกโรคหรือ  Cholera นั้น ติดต่อโดยการกระจายไปทางอากาศ ไม่ใช่จากการกิน เพื่อพิสูจน์สมมุติฐานนี้ Pettenkofer และนักเรียนกลุ่มหนึ่งของเขา ได้ทดลองดื่มน้ำจากหลอดทดลองที่เต็มไปด้วยเชื้ออหิวาห์ ปรากฏว่าเขาไม่มีอาการเจ็บป่วยเลย ในขณะที่ลูกศิษย์บางคนมีอาการเล็กน้อย   Pettenkofer จึงยิ่งเชื่อมั่นและประกาศชัยชนะในทฤษฎีนี้   ในปี 1892 มีรายงานว่า น้ำในเมือง Harmburg และเมือง Altona ที่อยู่ใกล้เคียง ปนเปื้อนด้วยเชื้ออหิวาต์ เมือง Altona จึงได้ใช้เครื่องกรองน้ำ ซึ่งทำให้ชาวเมืองไม่เจ็บป่วยเลย ในขณะที่เมือง Harmburg ไม่ใช้และมีผู้เสียชีวิตจากอหิวาห์จำนวนถึง 8,606 คน Pettenkofer ได้ถูกทวงถามความรับผิดชอบในกรณนี้จากทฤษฎีของเขา เขาเกิดอาการซึมเศร้าและฆ่าตัวตายในที่สุด (จากหนังสือ “The Great Influenza,” ของ John M. Barry )   จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:51:58

ความคิดเห็นที่ 4 การทดลองดื่ม  Heavy Water ในปี 1935 Klaus Hansen นักวิทยาศาสตร์ชาว Norway ได้ทดลองดื่มน้ำชนิดหนัก (heavy water) และได้รายงานความรู้สึกว่า "ช็อคเล็กน้อยและแสบริมฝีปาก" heavy water มีความหนาแน่นมากกว่าน้ำปกติ และมีปริมาณของ hydrogen isotope deuterium สูงกว่าปกติ มันมีความเป็นพิษต่อปลาเล็กและพืชน้ำ และนักวิทยาศาสตร์ไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้มันเป็นพิษ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนดื่มมันเข้าไป ดังนั้นในตอนแรกของการดื่ม heavy water ผู้ช่วยของ Hansen จึงได้เตรียมการล้างท้องและเครืองกระตุ้นหัวใจไว้ด้วย โชคดีที่เขาปลอดภัยดี และยังเพิ่มปริมาณการดื่มขึ้นทุกวัน ผ่านไป 2 ปี สุขภาพของนักวิทยาศาสตร์ท่านนี้ก็ยังแข็งแรงดีค่ะ และปัจจุบันเราทราบว่า heavy water ทำให้เกิดควมเป็นพิษในความเข้มข้นสูงๆ เนื่องจากว่ามันยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์   จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:52:45

ความคิดเห็นที่ 5 ฉีดเชื้อโรคจากกระต่ายเข้าไปในร่างกาย กระต่ายจากยุโรปถูกนำมาเลี้ยงใน Australia ตั้งแต่ปี 1859 แต่เนื่องจากการขาดการควบคุมที่ดี ในอีก 100 ปีต่อมา พวกมันจึงเพิ่มประชากรเป็นถึง 600 ล้านตัว แย่งที่อยู่และอาหารซึ่งกันและกัน การควบคุมประชากรจึงได้เกิดขึ้นโดยการทำให้กระต่ายป่วยเป็นโรคจาก  Myxoma virus ที่เรียกว่า  myxomatosis  ซึงทำให้จำนวนประชากรของมันลดลงถึง 99% -*- หลังเหตุการณ์นี้ไม่นาน มีการระบาดของไข้สมองอักเสบในประชากร New South Wales ผู้คนแตกตื่นและต่างพากันโทษว่าเป็นจากเชื้อ myxomatosis เพื่อยืนยันว่าเชื้อนี้ไม่ได้ติดต่อในคน นักวิทยาศาสตร์ของ Australia Frank Fenner, McFarlane Burnet และ Ian Clunies จึงได้ทดลองฉีดเชื้อนี้เข้าไปในตัว เมื่อผลออกมาว่าพวกเขาสบายดี ประชาชนจึงลดความแตกตื่นลง รูปกระต่ายที่ป่วยเป็น myxomatosis จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:54:39

ความคิดเห็นที่ 6 ใส่สายสวนหัวใจด้วยตัวเอง (Self-Catheterization) ขณะที่เป็นแพทย์ประจำบ้านที่ Berlin ในปี 1929  Werner Theodor Otto Forbmann ตั้งสมมุติฐานว่าเราสามารถสอดสายหรือท่อเล็กๆผ่านเส้นเลือดเข้าไปจนถึงหัวใจได้ การใส่สายเข้าไปนี้ก็เพื่อ ตรวจวัดการทำงานของหัวใจ ฉีดสี  หรือสามารถให้ยาโดยตรงให้ออกฤทธิ์ที่หัวใจได้ แต่มันอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต เพื่อพิสูจน์สมมุติฐานนี้ Forbmann ได้ใส่สายยาว 25นิ้ว เข้าไปผ่านเส้นเลือดดำที่แขนของเขา เขาเดินเข้าไปที่แผนก X-ray เพื่อตรวจดูและพบว่าสายนั้นอยู่ในตำแหน่งหัวใจห้องบนขวา (right atrium) การทดลองนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลในปี 1956 ร่วมกับแพทย์ชาวอเมริกันและแพทย์ชาวฝรั่งเศสผู้ทำงานวิจัยเรื่องหัวใจ ใส่สายแบบนี้แหละค่ะ ทุกวันนี้ในทางการแพทย์ก็ทำกันเพื่อใช้ประเมินภาวะการทำงานของหัวใจ การให้ยาที่สำคัญต่างๆ     แก้คำผิด จาก 25 เซนต์เป็น 25 นิ้ว   แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 08:15:28 แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 53 23:27:57 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:55:35

ความคิดเห็นที่ 7 ยอมติดเชื้อโรคโดยให้ยุงกัด ในปี  1980 Stephen Hoffman ผู้ก่อตั้งและ  CEO ของบริษัท  Sanaria ได้ทำการวิจัยเรื่องวัคซีนป้องกันโรคมาลาเรีย และทำให้ตัวเองติดเชื้อมาลาเรียโดยให้ยุงกัดเพื่อทดสอบประสิทธิภาพวัคซีน  ปรากฎว่ามันไม่สำเร็จและทำให้เขาเกือบตายจากมาลาเรีย Dr. Jesse William Lazear แพทย์ทหารชาวอเมริกัน เป็นอีกผู้หนึ่งที่อุทิศตนให้กับการศึกษาเรื่องไข้เหลืองหรือ Yellow Fever เขาได้ให้ยุงที่มีเชื้อกัดและเสียชีวิตจากโรคเมื่ออายุเพียง 34 ปี ผู้ร่วมวิจัย Walter Reed ได้ต่อยอดความรู้ของเขา โดยทราบต่อมาว่าเชื่อโรคไข้เหลืองอยู่ในยุงตัวแก่ ซึ่งเชื้อมีเวลาฟักตัวอยู่ได้ "การตายของเขาจะไม่สูญเปล่า แต่มันจะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติต่อไป" Walter Reed กล่าว   จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:57:18

ความคิดเห็นที่ 8 ทดลองสูดดมไนตรัสออกไซด์ การใช้ตัวเองทดลองก็ไม่ใช่ว่าจะน่าเศร้าเสมอไป อย่าง Humphry Davy ผู้ค้นพบกาซ nitrous oxide ที่ใช้ในการดมยาสลบและติดมัน เพื่อนๆของเขาอย่าง James Watt, Samuel Taylor Coleridge และ  Robert Southey ต่างก็พากันติดกาซชนิดนี้ โดยเฉพาะ Wattนั้น มักจะขังตัวเองอยู่ในห้องพิเศษที่ใช้สำหรับสูดดมไนตรัสออกไซด์โดยเฉพาะ น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่า Humphry Davy และเพื่อนๆของเขาจะทราบถึงคุณสมบัติของไนตรัสออกไซด์ว่า สามารถลดความเจ็บปวด แก้อาการเมาค้าง รักษาอาการปวดฟันได้ แต่ไม่เคยได้ทราบประโยชน์เรื่องการใช้เป็นยาสลบของมันเลย (แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สนุกกับมัน ) จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:58:29

ความคิดเห็นที่ 9 ทดสอบร่มชูชีพแบบ Home Made Franz Reichelt ช่างเสื้อชาวฝรั่งเศสได้ประดิษฐ์เสื้อ overcoat ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นเหมือนร่มชูชีพ ด้วยหวังว่าจะทำให้เขาบินเหมือนนกหรืออย่างน้อยก็ร่อนได้ ในปี 1912 Franz Reichelt ได้ทำการทดสอบร่มชูชีพของเขาโดยการกระโดดลงมาจากหอไอเฟล โชคร้ายที่มันไม่ทำงาน เขาตกลงมาอย่างรวดเร็วและกระแทกพื้นจนเสียชีวิต   แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 53 23:29:47 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:59:21

ความคิดเห็นที่ 10 คลิปการทดสอบร่มชูชีพ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:59:49

ความคิดเห็นที่ 11 ชายผู้มีความเร็วที่สุดในโลก Dr.John Paul Stapp แพทย์ประจำกองทัพของอเมริกา อาสาเป็นผู้ทดสอบในปี 1954 ว่ามนุษย์เราจะทนต่อัตราเร่งได้แค่ไหน เขาถูกทดสอบโดยให้นั่งบนเลื่อนจรวด เร่งความเร็วจาก 0 เป็น 632 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 5วินาที  เขาถูกทำให้หยุดในเวลาเพียง 1.4 วินาที ซึ่งเท่ากับขับรถชนกำแพงอิฐด้วยความเร็ว 120 ไมล์ต่อชั่วโมง หลังการทดสอบ กระดูกซี่โครงเขาหักหลายซี่ เลือดออกในจอประสาทตา และกระดูกข้อมือหักทั้งสองข้าง โชคดีที่เขาหายเป็นปกติดี จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 23:00:49

ความคิดเห็นที่ 12 The Rocket Man จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 23:01:06

ความคิดเห็นที่ 13 ในยุคที่วิทยาการต่างๆก้าวหน้าไปไกล เมื่อมองย้อนไปข้างหลัง เราอาจจะรู้สึกขบขันหรือรู้สึกว่าเรื่องที่พวกเขาทำบางเรื่องนั้นดูไร้สาระ แต่ถ้าปราศจากผู้กล้าเหล่านี้ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์อาจจะไม่ก้าวหน้าเหมือนทุกวันนี้ก็ได้ ขอแสดงความนับถือทุกท่าน References บางส่วนจากบทความ http://www.popsci.com/science/article/2010-12/gallery-our-favorite-self-experimenters-self-endangerers-and-self-agonizers อื่นๆ http://www.myhealthnewsdaily.com/parasitic-worms-as-colitis-treatment-101201-0816/ http://en.wikipedia.org/wiki/Rabbits_in_Australia http://en.wikipedia.org/wiki/Jesse_William_Lazear http://www.toptenz.net/top-10-researchers-who-experimented-on-themselves.php แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 11:47:43 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 23:02:25

ความคิดเห็นที่ 14 ยอมตายถวายชชีวิต เพื่อ สิ่งที่ตัวเองเชื่อ นับถือ จริงๆ จากคุณ : W-Soul (W-Soul) เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 23:02:49

ความคิดเห็นที่ 15 Pettenkofer กินเชื้ออหิวาต์ เองแล้วสรุป เฮ้อ ถือว่ารั่วมาก -*- แต่อ่านหลายๆ เคสแล้วนึกไปถึงที่หมอนาซีเยอรมัน ทดลองกับพวกยิว - -" แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 53 23:17:10 จากคุณ : rainfull เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 23:12:16

ความคิดเห็นที่ 16 บทความนี้รวมพวกที่ดื่มน้ำมหาวิบัติ ป้าเช๊ง ไหมครับ? จากคุณ : next80 เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 23:17:51

ความคิดเห็นที่ 17 คคห.16 คนละประเด็นละคร๊าบ จากคุณ : workbench เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 23:26:48

ความคิดเห็นที่ 18 โหวตงับ  :) จากคุณ : ผุ๋งผิ๋ง เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 00:29:10

ความคิดเห็นที่ 19 เด้นท์คนที่เอาสาย Cath สวนหัวใจตัวเองนี่เจ๋งสุดๆเลยอ่ะ สมแล้วที่ได้รางวัลโนเบล พี่หมูเหมียวขยันหาเรื่องหนุกๆมาให้อ่านจัง จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 00:47:20

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณมากค่ะ ประทับใจ Dr. Jesse William Lazear ค่ะ "การตายของเขาไม่สูญเปล่า และเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติจริงๆ" จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 01:45:27

ความคิดเห็นที่ 21 บางคนน่าสรรเสริญมากค่ะ เช่น แพทย์ที่คิดวัคซีนมาลาเรีย แต่บางคน -_-'  ไร้คำบรรยาย เช่น ใส่เสื้อโค้ทแล้วโดดจากหอไอเฟล คิดได้ไงเนี่ย จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 01:50:56

ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อวานผมพึ่งลองไม่กินน้ำกินข้าว 1 วันเต็ม ไม่หิวอ่ะ แต่ถ้านอนแล้วลุกขึ้นยืนเร็วๆ มันจะหน้ามืดนิืดหน่อย จากคุณ : MFire เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 02:52:22 A:202.176.94.63 X: TicketID:219519

ความคิดเห็นที่ 23 #21 อย่างน้อย เค้าก็ทำให้คนรุ่นหลังคิดแบบคุณได้ว่า ตายแหงๆ ไงครับ :) จากคุณ : BLiNDiNG เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 05:58:20

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณค่ะคุณหมูเหมียว จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 06:31:34

ความคิดเห็นที่ 25 ทำไมไม่เห็นเรื่องแบบนี้กับคนเอเซีย ฝรั่งทุ่มเทแบบนี้เองถึงได้ก้าวหน้า คนเอเซียIQสูงก็จริง แต่ไม่เห็นการอุทิศตัวเพื่อความก้าวหน้าขนาดนี้เลย จากคุณ : mon เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 06:43:57 A:58.64.64.108 X: TicketID:111025

ความคิดเห็นที่ 26 ใส่สายสวนหัวใจให้ตัวเอง  แล้วเดินไป x-ray อีก โห  ไม่มันเจ็บหรือครับ จากคุณ : logarithm เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 06:50:16

ความคิดเห็นที่ 27 ใบเขียวอ่อนจริงๆ จากคุณ : skullman เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 07:23:13

ความคิดเห็นที่ 28 แถมด้วยครับ Dr.Barry J. Marshall ดื่มเชื้อ Helicobacter pylori เข้าไปเพื่อพิสูจน์ว่าเชื้อนี้สามารถทำให้เกิดกระเพาะอาหารอักเสบได้จริง ซึ่งทฤษฎีนี้ทำให้ Dr.Marshall และ Dr.Warren ได้รางวัลโนเบลสาขาสรรีวิทยาและการแพทย์ในปี 2005 จากคุณ : <โหน่ง> เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 07:56:08

ความคิดเห็นที่ 29 ว้้าวววววว จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 08:32:12

ความคิดเห็นที่ 30 จาก 28 นี่คล้ายเขาพบว่า การเกิดโรคกระเพราะ หนึ่งในหลายสาเหตุก็คือเชื่อโรคตัวนี้ ตอนนั้นก็ทำผมอึ้งเหมือนกัน ผมเข้าใจเสมอว่า สาเหตุหลัก คือทานอาหารไม่เป็นเวลา จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:17:08

ความคิดเห็นที่ 31 ขอแจมเรื่องนึงครับ.. ชายผู้พยายามเดินทางไปดวงจันทร์เป็นคนแรก ว่านหู่  (Wan Hu)ข้าราชการชาวจีนคนหนึ่งในคริสตศตวรรษที่  16     เกิดนึกสนใจที่จะเดินทางไปดวงจันทร์ขึ้นมา เขาจึงได้ประดิษฐ์เก้าอี้ที่มีจรวดดินปืนผูกติดอยู่จำานวน  47  ลูก โดยหวังว่าแรงขับดันจากจรวดจะมากพอที่จะพาเขาเดินทางออกสู่อวกาศ แต่เมื่อเขาจุดจรวด  ก็ได้เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงและเสียงดังสนั่น และเมื่อควันจางลง  ก็ไม่มีใครพบเห็นว่านหู่อีกเลย ถึงแม้ว่าการเดินทางของเขาดูเหมือนจะไม่ประสบความสำาเร็จ   แต่สมาพันธ์ดาราศาสตร์สากลก็ได้นำชื่อของเขาไปตั้งชื่อให้กับหลุมอุกาบาตบนดวงจันทร์   เพื่อเป็นเกียรติแด่เขาซึ่งเป็นนักบินอวกาศคนแรกของโลก แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 09:29:27 จากคุณ : เด็กทุ่งครุ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:26:28

ความคิดเห็นที่ 32 ลืม บุรุษผู้นี้ไปได้เยี่ยงไร จากคุณ : คุณหญิงในสายหมอก เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:32:17

ความคิดเห็นที่ 33 แสดงความนับถือนักวิทยาศาสตร์ทุกคน... ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ค่ะ จากคุณ : แจ๋วจริง (อาปอย) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:47:07

ความคิดเห็นที่ 34 เยี่ยมครับ จากคุณ : jabby (jabbywa) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 10:15:30

ความคิดเห็นที่ 35 จากคุณ : -APEM เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 10:48:22

ความคิดเห็นที่ 36 ที่ยอมให้ยุงกัดนี่ ผมว่าไปหาคนป่วยมาฉีดยามันไม่ง่ายกว่าเหรอ ไม่ใช่โรคที่หายากด้วย จากคุณ : ผีฟรีคิก เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 11:12:59

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ หมกมุ่น กับ มุ่งมั่น การที่มนุษย์มีเทคโนโลยีก้าวกระโดดได้แบบนี้ ต้องขอบคุณหลายๆ ชีวิต ชอบรูปจากความเห็นที่ #28 จังเลยครับ There's no other way. ณ เวลานั้นเค้าคงไม่มีทางเลือกจริงๆ (หรือ?) จากคุณ : SPN เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 11:17:39 A:203.146.51.129 X: TicketID:294437

ความคิดเห็นที่ 38 เรื่องแรกที่กลืนHelmintเข้าไปนี่เข้าใจว่าเพิ่งเกิดขึ้น ผู้ทำวิจัยทำเรื่อง Human ethics หรือจริยธรรมการวิจัยในคนรึเปล่าคะ แล้วคณก.ให้ผ่านมาได้ไง จากคุณ : hi_thanyarat เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 11:35:47

ความคิดเห็นที่ 39 คห 36 คิดว่าเค้าคงต้องการจะสังเกตุอาการตั้งแต่ขั้นต้นไล่มาเลยมั้งครับ จากคุณ : NOVA เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 11:35:56 A:124.120.233.10 X: TicketID:237558

ความคิดเห็นที่ 40 ของเอเชียก็มีนะครับ man before the sun ไงครับ ทดลองจริง เจ็บจริง ตายจริง (ทดลองบนเหยื่อ) จากคุณ : apollo14 (apollo14) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 12:22:45

ความคิดเห็นที่ 41 #36 เชื้อในยุงกับคนในจะไม่เหมือนกันน่ะค่ะ อย่างมาลาเรียจะมีหลาย stage ในยุงกับในคนจะไม่เหมือนกัน (จำรายละเอียดไม่ได้ คืนอาจารย์ไปหมดแล้ว  ^ ^") ... ส่วนคุณหมอที่ยอมให้ยุงกัดเพื่อวิจัยเรื่องนี้นั้น ตอนนั้นก็ยังไม่ทราบแน่ว่ามันติดจากยุงชนิดนี้จริงๆหรือไม่ #38 เคสที่ว่าเป็น case report น่ะค่ะ เก็บข้อมูลย้อนหลังจากที่คนไข้ไปกลืนไข่พยาธิมาแล้ว ส่วน helminthes therapy มีกล่าวถึงมานานแล้วเหมือนกัน แต่ในแง่เป็นการแพทย์ทางเลือกมากกว่าค่ะ เวปที่รวมงานวิจัยด้านนี้ http://autoimmunetherapies.com/helminthic_therapy_news.html จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 12:24:56

ความคิดเห็นที่ 42 สุดยอดเลยค่ะ จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 13:17:43

ความคิดเห็นที่ 43 สุดยอดเลยค่ะ ^^ ตอนอ่านหัวกระทู้นึกถึง คห.11 ก่อนเลยเพราะเคยดูสารคดี รู้สึกจะมีอาการลูกตาถลนออกมานอกเบ้าด้วย  สยองสุดๆ เหมือนเยลลี่เลยอ่ะ แต่คุณหมอแกก็หายดี  สุดๆ อ่ะ จากคุณ : XziBitch เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 13:37:24

ความคิดเห็นที่ 44 #40 man behind the sun ไม่ใช่หรอ จากคุณ : Dequardo เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 13:43:18

ความคิดเห็นที่ 45 ตรง คห.11 ตาหลุดออกจากเบ้าด้วยนะ จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 13:50:48 A:58.137.175.82 X: TicketID:208572

ความคิดเห็นที่ 46 การทดลองดื่มเชื้ออหิวาตกโรค สงสัยครับ ทำไมคนที่ทดลอง เขาดื่มเชื้อเข้าไปตรงๆอย่างนั้น ถึงไม่เป็นไรเลย จากคุณ : kuroroneo เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 15:12:29

ความคิดเห็นที่ 47 คห.3 ครับ ในปัจจุบัน ก็ยังพบว่ามีการทดลองดื่มน้ำเชื้อ... กันอยู่จนเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำคืนของมนุษย์นะครับ จากคุณ : แฟนคลับอาโออิ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 15:24:06 A:183.89.144.92 X: TicketID:179478

ความคิดเห็นที่ 48 คห 31   คนๆ นั้นคือ... จากคุณ : z3th05 เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 16:22:48

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณหลายๆชีวิตที่ทำให้เรามีวันนี้ จากคุณ : moshita เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 17:10:54

ความคิดเห็นที่ 50 คห.47 คงต้องขอบคุณพวกเธอเหล่านั้น ที่ทำให้รู้ว่า . . . กินได้!! จากคุณ : okaunkung เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 17:20:14

ความคิดเห็นที่ 51 นั่งคิดอยู่นานมาก จะคลิกเข้าไปดูภาพพยาธิดีมั้ย สุดท้าย ... ไม่เอาดีกว่า สงสารน้องกระต่ายอ่ะ โดนทำให้เป็นโรค เค้าไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอเนี่ย ? ใส่สายแคทด้วยตัวเองเลยเหรอ เปรี้ยวมากมาย~ จากคุณ : nowan เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 17:31:51

ความคิดเห็นที่ 52 #31เขาเดินทางไปดวงจันทร์แล้วหาทางกลับไม่ได้ไง จากคุณ : จกม (จิ๊กโก๋หมู) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 17:37:01

ความคิดเห็นที่ 53 สูดไนตรัสออกไซด์แล้วจะวิ่งเร็วกว่าเดิมมั๊ยครับ จากคุณ : คิดชื่อนานมากๆ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 17:55:02

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณครับสำหรับกระทู้ที่ดี จากคุณ : สะตอคุง เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 17:58:06

ความคิดเห็นที่ 55 ชอบดมไนตรัสออกไซด์เหมือนกันค่ะ :D ดมแล้วเส้นตื้นขึ้น 100 เท่า 555 จากคุณ : dent_mod เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 18:08:00

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ค่ะ จากคุณ : ssangar (ssangar) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 19:14:06

ความคิดเห็นที่ 57 ความตายของพวกท่านจะไม่สูญเปล่า และจะมีผู้สืบเจตนารมนี้ต่อไป :) จากคุณ : I3oZZ (Boss-sama) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 19:22:39

ความคิดเห็นที่ 58 ชอบ ๆ สนุกมาก จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 19:50:55

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณครับ จากคุณ : หน้าต่างไร้กลอน เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 21:54:15

ความคิดเห็นที่ 60 รู้สึกทึ่งในตัวของนักวิทยาศาสตร์สมัยก่อน เค้าทุ่มเทจริงๆ จากคุณ : ยมทูตลูเคีย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:16:57

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณครับสำหรับสาระความรู้ดีดี ยังต้องอุทิศผลงานหลายๆ ชิ้น ให้กับคนที่ถูกตกเป็นเครื่องมือการทดลอง สมัยสงครามโลก ด้วยครับ จากคุณ : nutow เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:23:57

ความคิดเห็นที่ 62 ไม่มีใครกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่เลยเหรอ จากคุณ : gordonman เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 07:46:35

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ จากคุณ : หลวงโยธา เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 08:36:52

ความคิดเห็นที่ 64 นักวิทยาศาสตร์วีรชนคนกล้า ข้าน้อยขอคารวะ จากคุณ : tunnie555 เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 09:55:27

ความคิดเห็นที่ 65 GT200 ไง เอาชีวิต(คนอื่น) พิสูจน์หลักความเชื่อ ว่าถ้าคุณเชื่อมั่น (และนอนเพียงพอ) คุณจะทำ ให้แท่งพลาสติก ตรวจหาระเบิดหรือสารเสพติดได้ (เอาเครื่องมือที่น่าจะวิทยาศาสตร์ มาพิสูจน์ว่า ใช้ได้ผล ด้วยหลักที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์) จากคุณ : ENNUI เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 15:31:15

ความคิดเห็นที่ 66 สมัยก่อน คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ (Ethic Committee) ยังไม่มีบทบาทมากครับ และถึงจะมี แต่ถ้าเรื่องที่วิจัยนั้น มันมีผลต่อมนุษยชาติสูงๆ อย่างเรื่อง H.Pylori ผมเชื่อว่าคนแหกกฎก็ยังต้องมีครับ ยกนิ้วให้คนเหล่านี้เลย จากคุณ : Epinephrine เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 16:09:56

ความคิดเห็นที่ 67 ขอสดุดีไว้นัที่นี้ะ จากคุณ : ป้าซื่อตรง เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 16:26:24

ความคิดเห็นที่ 68 นับถือในความเสียสละจิตวิญญาณของนักวิทยาศาสตร์ครับ ในไทยน่าจะมีแบบนี้มั่งนะพวกยาป้าย GT200 เหรียญควอนตัม จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 53 09:59:09

ความคิดเห็นที่ 69 ขอกราบงามๆ 1 ครั้งที่เท้าของทุกท่านคับ บุญคุณของท่านเหล่านี้ ทำให้มนุษย์ มีชีวิตต่ออีกหลายล้านชีวิต จากคุณ : dark leklek เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 53 15:06:12

ความคิดเห็นที่ 70 นับถือครับ นับถือครับ พยาธิดูแล้วแต่ดูจริงๆแล้วมันวิธีรักษาที่ผมว่า ยาบางชนิดยังทำไม่ได้ จากคุณ : GTNEWSTHAILAND เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 53 18:19:38

ความคิดเห็นที่ 71 นับถือนักวิทยาศาสตร์ในสมัยก่อนจริงๆ ค่ะ การจะได้มาซึ่งความรู้หรือทฤษฎี ต้องแลกด้วยชีวิตเลยทีเดียว จากคุณ : Noey :p เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 53 19:29:48

ความคิดเห็นที่ 72 คุณปู่คนที่สวนสายเข้าไปในหัวใจนี่เจ๋งจริงๆ กล้ามากจนน่ากลัว 55 แต่มันเข้าไปถึงได้ไงอ่ะครับ วานผู้รู้โปรดบอก จากคุณ : NorsDavincy เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 05:18:06

ความคิดเห็นที่ 73 #46 การได้รับเชื้อ บางทีก็ไม่ได้ทำให้เกิดโรคค่ะ อย่างคนที่อยู่ในถิ่นระบาด บางทีอาจจะเคยได้รับเชื้ออ่อนๆมาก่อน แล้วกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันไปแล้ว อย่างวัคซีนอหิวาต์ก็คือเชื้อที่ทำให้อ่อนตัวลง แล้วให้ดื่มเข้าไปเหมือนกัน #72 Forbmann ใช้วิธีฉีดยาชา เปิดแผลที่ท้องแขน แล้วใส่สายผ่านเส้นเลือดดำที่ชื่อ Bachial vein เข้าไปค่ะ สายที่เข้าไปอยู่ในเส้นเลือดดำแล้วจะไม่มีความรู้สึกเจ็บ ในปัจจุบันก็ยังใช้วิธีนี้อยู่ ถ้าใช้การผ่าตัดเปิดแผลเพื่อใส่สายเรียกกว่าการทำ Cut down หรือจะใช้วิธีการแทงผ่านผิวหนังเข้าไปก็ได้ค่ะ นอกจากนี้การใส่สายให้เข้าไปอยู่ในหัวใจห้องบนขวา (right atrium)   หรือเหนือหัวใจห้องบนขวา  (Superior vena cava) ยังสามารถทำได้โดยการใส่สายเข้าไปในหลอดเลือดดำใหญ่อื่นๆ  เช่น Subclavian Vein, Internal jugular vein จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 17:10:14

ความคิดเห็นที่ 74 แจ่มคับ  กระทู้นี้                                                                                                                                                                                                         จากคุณ : dr.nova-star เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 04:21:50

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณกระทู้ดีๆค่ะ จากคุณ : lalinphat เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 10:36:06

ความคิดเห็นที่ 76 The Rocket Man น่าจะทดลองจากช้าไปหาเร็ว ไม่น่าข้ามขั้นแบบนั้นเลยดูแล้วสงสาร จากคุณ : งามหน้า เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 21:46:33