ความคิดเห็นที่ 1 ... แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 02:15:30 จากคุณ : Mr.Feynman เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 02:14:52

ความคิดเห็นที่ 2 เค้ามองในเชิงปรัชญาหรือเปล่าคะ จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 02:27:17

ความคิดเห็นที่ 3 ยังไม่ได้อ่านหนังสือของเฮียแกอ่ะนะ แต่ผมก็บอกตัวเองมานานแล้วว่าทั้งความคิด ความฝัน และความรู้สึกทั้งหมดทั้งปวงในหัวมันก็คือสัญญาณประสาท ไม่มีอะไรวิเศษไปกว่านั้น ซึ่งมันก็ทำให้ผมเข้าใจตัวเองมากขึ้นซะมากกว่าอีกต่างหาก สรุปเห็นด้วยเหมือนกันครับ จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 02:43:48

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วแต่การกำหนดขอบเขตครับ ถ้ามองในกรอบกว้างๆ เราก็ไม่ได้ทำอะไรที่แตกต่างกัน แต่ถ้ามองลึกๆ ทุกๆอย่างที่เราทำล้วนแตกต่างกันหมด จากคุณ : vermillion เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 02:53:59

ความคิดเห็นที่ 5 ก็คิดว่างั้น  นามธรรมระดับมหัพภาค จากคุณ : Sakuder เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 02:59:24

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นปัญหาทางปรัชญาครับ ลองนึกเป็น Ordered Universe v.s. Free Will จะเห็นภาพ น่าเอาไปออกข้อสอบPoS จากคุณ : KL เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 03:54:09

ความคิดเห็นที่ 7 ....         ผมเองก็อยากวิจารณ์ Hawking นะครับ แต่เมื่อกระทู้ก่อน ผมไปวิจารณ์ แต่มีคนไม่เห็นด้วย บอกประมาณว่า                    "ถ้ายังโง่กว่า Hawking ก็อย่าไปวิจารณ์" นั่นก็หมายความว่า ต้องเชื่อทุกอย่างที่ Hawking พูดนะซิ....!! ผมก็โง่กว่า นายก ครับ ก็คงต้องเชื่อทุกอย่างที่ นายก พูดด้วย อืมม์...!!           " มีแต่ปลาตายเท่านั้นหละครับ ที่ไหลไปตามน้ำ"                                                                                                         ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 04:25:51

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเคยอ่านคหที่คุณสองนิ้วชี้เขียนแล้วได้ความรู้ดี ยังไงช่วยแสดงความเห็นหน่อยนะครับ ผมรอฟังอยู่ ^_^ จากคุณ : Mr.Feynman เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 04:29:56

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับ ฮอว์คิง และ ECOS (thelegendofm) #3 จากคุณ : ผลึกความคิด เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 05:20:30

ความคิดเห็นที่ 10 น่าจะจริงเพราะมนุษณ์ถูกชี้นำโดยสัญญาณไฟฟ้าจากสมองถ้าเกิดสมองเสียหายไปตัวตนของคนๆนั้นก็หายไปด้วย หรือ ถ้าคนเรามี free will อยู่จริง แล้วถ้าเกิดกรณีที่สมองได้รับการกระทบกระเทือนจนเป็นบ้าไป ถ้าเช่นนั้นแล้ว free will เดิมของคนๆนั้นไปอยู่ที่ไหน??? แต่ถึงจะยอมรับทฤษฎีแบบนั้นแต่ส่วนตัวแล้วไม่ยอมรับว่าสิ่งมีชีวิตไม่มี free will เพราะไม่แน่ว่าถ้าคนเราหันมาฝึกด้านจิตใจให้เข็มแข็งกว่านี้ในอนาคตมนุษย์อาจจะสั่งการร่างกายได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องพึ่งสมองก็ได้ใครจะไปรู้ การที่เชื่อปักใจว่า free will ไม่มีอยู่จริงอาจเป็นเหมือนการปิดกั้นหนทางในวิวัฒนาการณ์ดีๆนี่เอง ป.ล. นิยามของคำว่า free will ของผม คือ เจตจำนงอิสระที่ไม่ถูกควบคุมหรือสังการใดๆโดยสมองหรือคงจะเรียกอีกอย่างว่า"จิตวิญญาณ"ละมั้ง จากคุณ : zielfiend เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 05:55:33

ความคิดเห็นที่ 11 ....ขอบคุณครับ         อันเห็นด้วยกับ Hawking ครับ แต่ก็อย่างลืมครับว่า        " เราคิดเอง หรือว่า เราถูกสั่งให้คิดอย่างนั้น "       เมื่อก่อนคิดว่า ความคิดเป็นของตนเอง ทุกอย่างที่ออกมาจากความคิดเรา นั้น จะต้องเป็นของเราเท่านั้น       แต่วันหนึ่ง ดูรายการ 4ทุ่มแสคว์ สัมภาษณ์ นักมวยคนหนึ่ง ก่อนเป็นนักมวย ดังได้ เพราะเพียงแค่ เดินไปซื้อของ แต่ทางที่ไปมี 2 ทางเขาเลือกไปอีกทางไม่ค่อย ได้เดินไป ไปเจอหัวหน้าค่ายมวยกำลังโดนทำร้ายก็เลยเข้าไปช่วย หัวหน้าค่ายมวยเห็น หน่วยก้านดี ก็เลยเอาไปฝึก        เพียงแค่ซ้ายกับขวา ชีวิตก็เปลี่ยนไป หรือว่า ทฤษฎีจักรวาลคู่ขนานที่เป็นที่ มาของ เดจาวู จะเป็นจริง เราไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับ เดจาวู แต่เราทุกคนยอมรับว่า เรามีเหตุการณ์อย่างนั้นจริงๆ "สมองเรา มีอะไรซ่อนอยู่" หรือ แม้แต่การคิด เรายัง ถูกสั่งให้คิดจาก"ผู้สร้าง" หรือเปล่า ถ้าแม้กระทั่งความคิดยังถูกสั่งให้คิดด้วยล่ะก็ "เรากำลังอยู่ในที่ไหน หรือว่า กำลังหลับอยู่" อะไรจริง อะไรเท็จ โน็ตบุคส์ที่อยู่ข้าง หน้าเรามีจริงหรือเปล่า ไม่แน่ใจ ก็เลยเอามือไปจับ "อ่อ...มันมีอยู่จริง" ไม่ได้ฝัน แต่ถ้าประสาทสัมผัสของการจับก็ถูกหลอกด้วย เพราะบ่อยครั้งที่เราฝันว่าได้จับต้อง สิ่งใดๆ มันก็รู้สึกว่ามันเหมือนว่าเกิดขึ้นจริงๆ ดังนั้นการจับต้องก็ไม่สามารถตอบได้ว่า เราฝันอยู่หรือเปล่า ในสมองของเรามีอะไรกันแน่ เรารู้เพียงแต่ว่า สมองเราถูกสร้างขึ้น ดังนั้น ความคิดก็อาจถูกโปรแกรมไว้ตั้งแต่แรกด้วยหรือเปล่า......ภาพที่เราเห็นจริงๆ มันควรจะเป็นภาพอย่างไร เพราะสมองปรุงแต่งทุกอย่าง หรือภาพจริงๆอาจจะเป็น ดังรูปขวามือ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 06:39:03

ความคิดเห็นที่ 13 สมมติฐานนี้อาจจะเป็นจริงครับ โดยมีหลักฐานทางชีววิทยาด้าน Neuroscience สนับสนุนในเบื้องต้น(มากๆ)ครับ หลักฐานคร่าวๆ คือ เขาให้อาสาสมัครเลือกกดปุ่มที่มือซ้ายหรือมือขวา และให้บอกว่าตัดสินใจกดเมื่อไหร่ ปรากฏว่า เมื่อวิเคราะห์กระบวนการในสมอง เราพบว่าสมองเราสั่งให้กดปุ่มซ้ายหรือขวา ก่อนเราจะตัดสินใจเสียอีก และเรา สามารถใช้รูปแบบกระบวนการในสมองพยากรณ์ว่าอาสาสมัครจะกดปุ่มซ้ายหรือขวาได้ก่อนหลายวินาที ก่อนที่เจ้า ตัวจะรู้สึกตัว เขาเลยสันนิษฐานว่าเจ้า Free will เป็นแค่ภาพลวงตาที่เราสร้างขึ้นมา เพื่อรู้สึกเป็นเ้จ้าของพฤติกรรมต่างๆ รู้สึกว่า ควบคุมพฤติกรรมนั้นได้ (ทั้งๆ ที่จริงเราควบคุมไม่ได้) อย่างไรก็ตาม ผลการทดลองยังอยู่ในระดับเบื้องต้นมากๆ เรายังไม่ได้ศึกษาพฤติกรรมซับซ้อนอื่นๆ ครับ ยังอยู่แค่ พฤติกรรมง่ายๆ แบบเลือกกดปุ่มเท่านั้น http://www.nature.com/neuro/journal/v11/n5/full/nn.2112.html จากคุณ : Geneticist เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 07:50:28

ความคิดเห็นที่ 14 สตีเฟน ฮอว์คิง นี่ใครเหรอครับ? จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 07:52:04

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่าเรื่องทางจิตยังหารอยต่อกับเรื่องทางกายภาพได้ยากครับ งั้นผมก็ขอสรุปว่าStephen Hawkingไม่มีอยู่จริงนะครับ เพราะผมเป็นพวกidealism จากคุณ : หมูรูนสุดหล่อ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 08:24:14

ความคิดเห็นที่ 16 สิ่งที่จำเป็น (Prerequisite) ในการจะมี Free Will ก็คือการที่กฏธรรมชาติ (ในสเกลขนาดเซลล์มนุษย์) เป็นแบบ Non-deterministic Deterministic หมายถึง ถ้าเรา input ค่าเริ่มต้นต่างๆของวัตถุทั้งหมดในระบบ (ตำแหน่ง เวลา โมเมนตัม มวล ประจุไฟฟ้า) เป็นค่าเดียวกัน จะต้องได้ผลออกมาแบบเดิมเสมอ ส่วน Non-deterministic เราอาจได้ผลลัพท์ต่างกัน ได้จากค่าเริ่มต้นเดียวกัน ถ้าธรรมชาติเป็น Deterministic หมด แปลว่าถ้าย้อนเวลากลับไปในอดีตแล้วเริ่มใหม่ เหตุการณ์ต่างๆ จะดำเนินไปเช่นเดิมทุกประการ กล่าวคือไม่มี Free Will ถ้าธรรมชาติมีส่วนที่เป็น Non-Deterministic แปลว่าเรา "อาจจะ" มี Free Will ได้ แต่ก็อาจยังไม่ใช่เงื่อนไขเพียงพอที่ทำให้มี Free Will ทุกวันนี้ปรากฏการณ์ทางควอนตัมบางอย่าง "ดูเหมือน" เป็น non-deterministics แต่ก็ไม่มีใครฟันธงได้ จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 08:36:36

ความคิดเห็นที่ 17 แม้ว่าสิ่งมีชีวิตเซลเดียว หรือจำนวนเซลน้อยๆ อาจไม่มี "Will" (เจตจำนงค์) พฤติกรรมของเซลเล็กๆ บางอย่าง อาจเป็น Building Block ของ Free Will ก็ได้ เซลล์จำนวนมหาศาลรวมกันเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่แบบเราๆ ทำให้เกิดความสามารถใหม่ๆ ก้อนอิฐก้อนเดียวย่อมไม่สามารถเป็นบ้านได้ การปฏิเสธ Free Will โดยพิจารณาแค่เซลเล็กๆ เป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 08:42:05 จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 08:41:01

ความคิดเห็นที่ 18 ความเข้าใจในเรื่องกฏของธรรมชาติ มันมีอยู่ 2 ค่ายใหญ่ๆ ก็คือ Deterministic กับ Non-deterministic นี่แหละค่ะ Deterministic คือ ทุกอย่างดำเนินไปตามกฏเกณฑ์ของมัน มีแบบแผน มีการกำกับ มีการขีดเส้นทางให้เดิน เช่น ถ้าเราใส่แรงกระทำกับมวล มวลก็จะมีความเร่ง ตามกฏของนิวตัน ยิ่งใส่แรงมาก มวลก็จะยิ่งมีความเร่งมาก ฯลฯ กับอีกด้าน Non-Deterministic คือ แนวทางที่คิดว่า ทุกอย่างเป็นไปโดยอิสระ เป็นกระบวนการแบบสุ่ม ไม่มีขอบเขตหรือข้อจำกัดใดๆในการสุ่ม เพียงแต่สภาวะแวดล้อมอาจกำหนดให้ผลลัพธ์ออกไปในทิศทางหนึ่งมากกว่าทิศทางอื่นๆ เช่น นกที่บินไม่ได้ ปลาที่ว่ายน้ำไม่เป็น เมื่อสมัยแรกเริ่มเดิมทีก็คงจะมี เพราะตอนเกิด มันเป็นกระบวนการแบบสุ่ม แต่สัตว์หรือสิ่งมีชีวิตพวกนี้ ก็คงสูญพันธ์ไปแล้ว  เพราะไม่เหมาะสมที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ ซึ่งก็คือกฏธรรมชาติ แพ้คัดออก ผู้ชนะเท่านั้นที่จะอยู่รอดต่อไปได้ กลับมาเรื่อง Free will มันก็แล้วแต่จะคิดว่า มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตใดๆนั้น มี Free will รึป่าว มันก็คงแล้วแต่จะคิด แล้วแต่จะมอง คงไม่มีคำตอบที่ถูกที่สุดกระมังคะ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 08:51:30

ความคิดเห็นที่ 19 คิดมาตลอดตั้งแต่เกิดว่าคนเรามี free will แต่พอมีลูก โลกทั้งโลกก็เปลี่ยนไป ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วทั้งนั้น จากคุณ : free will แสนกิ๊บเก๋ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 09:21:13 A:121.116.144.249 X: TicketID:299625

ความคิดเห็นที่ 20 ชอบครับมาก กระทู้นี้ จากคุณ : Timshel เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 09:33:38

ความคิดเห็นที่ 21 คุณว่า "ความคิด ความรู้สึ" เกิดมาจากอะไรล่ะ สมอง หรือ จิตใจ ถ้ามาจากสมอง ฮอว์กิ้ง ก็คิดถูก ถ้าจิตใจ ฮอว์กิ้ง ก็คิดไม่ถึง ตราบใดที่นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่เข้าใจเรื่อง จิต วิญญาน และคิดว่าความคิดการกระทำเกิดจากกระบวนการทางชีวเคมีทั้งหมด ก็ไม่ไปไหนหรอกครับ จากคุณ : HK USP เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 09:55:13 A:124.120.242.73 X: TicketID:205338

ความคิดเห็นที่ 22 ชีวิตเป็นเหมือนความฝันตื่นใหญ่ ตราบใดที่เรายังไม่สะท้านตื่นขึ้น เราก็จะยังคงถูกความสมจริงของความฝันนี้ดึงดูดเอาไว้ คำถามก็คือ เราจะรู้ได้ยังไงว่าเรากำลังฝันจริงๆ แล้วถ้าเรารู้ว่าเรากำลังฝัน เราจะตื่นจากฝันนี้ได้อย่างไร แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าชีวิตหลังจากตื่นแล้วจะดีขึ้นกว่าเดิมหรือแย่กว่าเดิม? ...สุดท้ายเราก็ต้อง "เลือก" เอง จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 10:20:58

ความคิดเห็นที่ 23 Hawking เป็น Determinism เขาบอกว่า ถึงแม้ ความตั้มมีหลักการของความไม่แน่นอน แต่ความไม่แน่นอนของตำแหน่งและความเร็วคูณกันแล้วยังน้อยกว่าค่าค่านึง ดังนั้นโดยรวมแล้วยังคงคำณวนได้อยู่ดี ถ้าคำณวนได้ก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 11:35:50

ความคิดเห็นที่ 24 เรื่องเดียวกันป่ะ -*- จากคุณ : wrought เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 11:38:24

ความคิดเห็นที่ 25 #24 แสดงว่ารุ่นเดียวกัน อิอิ ส่วนตัวผมเชื่อว่า ตราบใดที่คุณยังเลือกว่าเดินไปทางซ้ายหรือทางขวาได้ มนุษย์ก็ย่อมมีเจตจำนงเสรีเสมอครับ จากคุณ : dial-up เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 11:57:00

ความคิดเห็นที่ 26 ผมไปงานเลี้ยงโต๊ะจีน ตราบใดที่ผมยัง สามารถตัดสินใจเลือกตักกับข้าวได้เอง ผมมีฟรีวิว ครับ ผมไปที่อาบอบนวด มีนางนั่งอยู่ในห้อง ราว 15 คน ตราบใดที่ผมยังเลือกนางได้เอง ผมมีฟรีวิว ครับ จากคุณ : นะ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 12:07:06 A:61.19.66.86 X: TicketID:259615

ความคิดเห็นที่ 27 จากระทู้นี้ ทำให้ผมคิดถึงคำนี้ พระองค์ ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เอาแต่คำว่า ผู้ตื่น ก็ทำให้ผมขนลุกและ เสียดายที่เกิดช้าไป ไม่งั้นก็คงจะเข้าใจระบบจิตเป็นแน่แท้ จากคุณ : ^Ai^ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 12:10:33 A:183.89.185.162 X: TicketID:280139

ความคิดเห็นที่ 28 โอ้ว คุณแตงกวาผู้รอบรู้ T-T จากคุณ : okaunkung เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 12:19:06

ความคิดเห็นที่ 29 มนุษย์เป็นสัตว์ประเภทเดียวในโลกที่เลือกได้ว่าจะทำตามสัญชาติญาณหรือไม่ แบบนี้ไม่เรียกว่ามี freewill หรือ?   แค่อธิบายสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจไม่ได้...ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีซะหน่อย จากคุณ : น้องปั้ม เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 12:37:46

ความคิดเห็นที่ 30 มันก็ยากและง่ายในการเข้าใจ ง่ายและง่าย แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 12:39:13 จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 12:38:05

ความคิดเห็นที่ 31 Free will เราเลือกได้แค่ ในโลกแห่งวัตถุ มันก็ถูกขีดกรอบไว้ แล้ว กรอบแห่งวัตถุเราจึงไม่มี Free Will ดูเหมือนมีแต่ไม่มี เหมือนเรามีชีวิตแต่เราไม่อาจมีอิสระแท้จริงได้ ที่จะไม่ตายหรือควบคุมร่างกาย นั่นแหละครับ ทุกสิ่งมีชีวิตล้วน ไม่มีอำนาจแท้จริงในตัวเอง ในร่างกายวัตถุ โลกวัตถุ นี้เรามีอำนาจเทียมชั่วคราวเท่านั้น จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 12:42:04

ความคิดเห็นที่ 32 ผมสงสัยคือทำไมเราต้องมี consciousness(สติรับรู้) ไว้ดูความคิดหรือการรับรู้ของเรา ถ้าไม่มี free will เราก็น่าจะเป็นเหมือนเครื่องจักรที่ซับซ้อม ผมไม่คิดว่าการมีอยู่ของสติรับรู้เป็นสิ่งจำเป็นครับ ทำไมเราต้องมี consciousness consciousness เกิดขึ้นที่ตรงไหนในกระบวนการวิวัฒนาการ ถ้า computer ซับซ้อนพอ computer จะมี consciousness หรือไม่ (computer ก็ไม่มี freewill) ปล. ผมคิดว่าไม่มี free will นะ จากคุณ : wachira2k เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 13:16:38

ความคิดเห็นที่ 33 ลองตอบ คห ที่ 32 ดู ผมคิดว่าเกิดจาก kin/group selection นะ เป็นลักษณะที่เกิดขึ้นเพื่อทำให้สัตว์ที่อยู่เป็นกลุ่ม เป็นสังคมซับ ซ้อนสามารถรับรู้ว่าพฤติกรรมอะไรควรทำ (ทำแล้วกลุ่มอยู่รอดได้ดีขึ้น) ไม่ควรทำ(ทำแล้วกลุ่มแตกแยก) การจะรู้่ว่าพฤติกรรมอะไรควรทำ ไม่ควรทำ สัตว์ชนิดน่าจะต้องมีความรับรู้ตัวตนพอสมควร รู้ว่านี่คือตัวฉัน นั่นคือตัว อื่น ถ้าฉันทำอย่างนี้กับตัวอื่น แ้้ล้วตัวอื่นน่าจะรู้สึกอย่างไร(เอาใจเขามาใส่ใจเรานั่นเอง) จากคุณ : Geneticist เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 13:32:03

ความคิดเห็นที่ 34 ....ลองตอบ คห ที่ 33 ดู        เท่าที่รู้ มีเพียงแค่ ลิง Chimpanzee และคนเท่านั้น ที่ส่องกระจกแล้วรู้ว่าเป็น ตัวเอง                                                                                                        ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 13:44:30

ความคิดเห็นที่ 35 #25 เรามีเจตจำนงค์อิสระจิงหรือคับ??? อีกเรื่องหนึ่งเล่ากันสนุก ๆ ว่า นอสตราดามุสได้พบกับขุนนางคนหนึ่งที่เมืองฟอลแร็งวิลล์ หลังจากที่ได้สนทนากันแล้ว พอทราบว่านอสตราดามุสเป็นหมอดู จึงอยากจะทดลองความสามารถให้เห็นดำเห็นแดงกันไปเลย ขุนนางเมืองฟลอแร็งวิลล์ ได้ทำการทดสอบ โดยขอให้นอสตราดามุสลองทำนายอนาคตของลูกสุกรทั้งสองตัวของเขา ที่กำลังนอนดูดนมแม่อยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน นอสตราดามุสทำนายว่าท่านขุนนางจะได้รับประทานเนื้อลูกสุกรตัวสีดำ ส่วนลูกสุกรตัวสีขาวจะถูกสุนัขคาบไปกิน ทันทีที่ได้ฟังคำทำนาย ขุนนางผู้นี้ต้องการลบล้าง จึงได้เชิญนอสตราดามุสให้อยู่รับประทานอาหารเย็นด้วยที่บ้าน และแอบไปกระซิบบอกคนครัวให้จับลูกสุกรตัวสีขาวมาฆ่า เพื่อทำอาหารเย็นเลี้ยงนอสตราดามุส คนครัวได้จัดการตามที่ท่านขุนนางสั่ง คือ นำลูกสุกรตัวสีขาวมาฆ่า แต่ในขณะที่พ่อครัวกำลังเตรียมชำแหละเนื้อลูกสุกรขาวเพื่อปรุงเป็นอาหารเย็นอยู่นั้น มีสุนัขของเพื่อนบ้านตัวหนึ่งมาแอบคาบสุกรตัวนั้นวิ่งหนีเข้าป่าไป คนครัวตกใจมาก เกรงว่าจะถูกขุนนางผู้เป็นนายดุด่าจึงไปจัดการฆ่าลูกสุกรตัวสีดำ มาทำอาหาร เย็นแทน ในขณะที่นอสตราดามุสกับขุนนางกำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นมื้อนี้อยู่นั้น ทางฝ่ายขุนนางเจ้าของบ้านก็ได้ทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่อง กล่าวกับ นอสตราดามุสว่า เนื้อที่เขากับนอสตราดามุสกำลังรับประทานอยู่นี้คือเนื้อของลูกสุกรตัวสีขาวที่ทำนายว่าจะถูกสุนัขคาบไปกิน นอสตราดามุสยิ้มอย่างผู้ชนะ และยืนยันกับเจ้าของบ้านว่า เนื้อที่คนทั้งสองรับประทานอยู่นั้น เป็นเนื้อของลูกสุกรตัวสีดำ เพื่อพิสูจน์ความจริงกัน ท่านขุนนางจึงได้เรียกคนครัวมาสอบถาม คนครัวก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ผู้เป็นนายฟัง จึงเป็นอันว่าคำทำนาย ของนอสตราดามุสในครั้งนี้ถูกต้องแม่นยำเหมือนมองเห็นอนาคตได้ด้วยตาทิพย์ ลิ้ง http://writer.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=344835&chapter=5 จากคุณ : Catwater เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 14:12:12 A:223.207.117.202 X: TicketID:258544

ความคิดเห็นที่ 36 อ่านหัวกระทู้เป็น "สตีเฟน ฮอว์คิงบอกว่ามนุษย์ไม่มี Free Wifi" จากคุณ : ย้ายมาอยู่ที่นี่ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 14:19:45

ความคิดเห็นที่ 37 ^ #36 ตอนแรกอ่านอย่างนั้นเหมือนกัน T^T จากคุณ : KinkyVans เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 14:23:39

ความคิดเห็นที่ 38 ถ้า ความคิด อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ของมนุษย์ เป็นแค่สัญญาณไฟฟ้าที่ส่งต่อกันไปมาระหว่างสมองกับระบบประสาท ไม่มีอะไรมากมายไปกว่านั้น พฤติกรรมต่างๆของมนุษย์ จะต้องสามารถกำหนดวัดค่าได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ และไม่สมควรที่จะมีความแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญ ครับ เพราะสิ่งที่เราได้เห็น ได้ยิน ได้สัมผัส ได้รับรส เป็นเพียงแค่การส่งต่อทางสัญญาณรูปแบบหนึ่ง ที่มีที่มาจากสิ่งเดียวกัน ดังนั้นมันจึงต้องให้ค่าคงที่ และผลที่สามารถชี้วัดไปในทางเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงนั้น ทำไมอาหารชนิดเดียวกัน จานเดียวกัน บางคนกินว่าอร่อยถูกปาก บางคนว่าไม่เห็นจะอร่อยเลย ทำไมคุณถึงชอบหนุ่ม/สาว ที่ขาวตี๋ สไตล์ญี่ปุ่น เกาหลี มากกว่าที่จะชอบคนผิวสีทางแถบแอฟฟริกัน และพวกเขาทางนั้นก็เห็นว่าพวกของเขาเองหล่อ/สวย แทนที่จะมาสนใจขาวตี๋ ญี่ปุ่น เกาหลี เหมือนเรา ทำไมบางคนฟังเพลงซิมโฟนี่แล้วตื้นตันน้ำตาไหล บางคนฟังแล้วง่วงจนทนไม่ไหว น้ำหอมติดรถกลิ่นต่างๆ ทำไมบางคนว่าหอมสดชื่นดี แต่บางคนได้กลิ่นแล้วเวียนหัวจนแทบจะอาเจียน ถ้า อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ เป็นเพียงแค่สัญญาณไฟฟ้าที่เราได้รับมาจากภายนอกแล้วแปรสภาพสู่สมอง ไม่มาก ไม่น้อยไปกว่านั้น ก็ไม่สมควรที่จะเกิดความแตกต่าง หลากหลายมากมายขนาดนี้ จากคุณ : charoka เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 14:24:52

ความคิดเห็นที่ 39 ส่วนเรื่องการตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง(Free will) แน่นอนว่ามันก็มีความแตกต่างหลากหลายมากเกินไปเช่นกัน คุณเจออุบัติเหตุบนท้องถนน ทำไมคุณจึงตัดสินใจหยุดดูอยู่เฉยๆบนฟุทบาท แต่ทำไมบางคนจึงตัดสินใจเดินลงไปถนน เพื่อดูอาการคนเจ็บ ทำไมคุณจึงตัดสินใจที่จะขับรถผ่านไปโดยที่ไม่สนใจอะไร แต่บางคนตัดสินใจที่จะหยุดรถ เพื่อลงมาให้ความช่วยเหลือ ผมคิดว่าก่อนที่จะไปมองหรือไปกำหนดตัดสินว่า มนุษย์มี Free will รึเปล่า แล้วตัวเราล่ะ มี Free will รึเปล่า เราควรจะหาเหตุผลที่ทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมากมายเหล่านั้นก่อนดีกว่า ทฤษฎีที่ว่าสิ่งต่างๆที่เราคิด ที่เรากระทำลงไปนั้น แท้จริงถูกกำหนดเอาไว้ก่อนแล้ว อาจจะเป็นความจริง 1 ชิ้น  จากภาพรวมความจริงทั้งหมด(ที่เรายังไม่ค้นพบ) เหมือนชิ้นเค้ก ที่ตัดออกมาจากก้อนเค้ก ถามว่านั่นใช่เค้กจริงหรือไม่ มันก็ใช่ เพียงแต่ยังไม่ใช่ก้อนเค้ก(ภาพรวม)ที่สมบูรณ์ จากคุณ : charoka เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 14:39:38

ความคิดเห็นที่ 40 ขยายความต่อจาก #6 โดยปกติแล้ว เวลาเราdoing science อย่างหนึ่งที่เป็นความเชื่อหลักก็คือโลกนี้(หรือจักรวาลนี้) เป็นOrdered Universe Ordered Universe หรือ Determinism เป็นการมองว่า โลกนี้(หรือจักรวาลนี้) มีความเป็นระเบียบหรือมีเหตุผล นั้นก็คือ ถ้ามีเหตุปัจจัยครบและเพียงพอ(necessary and sufficient conditions) ผลต้องเกิดขึ้นเสมอ เช่น สมมติให้เหตุในการเกิดการเผาไหม้มี 1. เชื้อเพลิง 2. ตัวสันดาป(เช่น ออกซิเจน) 3. สภาพเหมาะสม (ความร้อนสูง) ถ้า 1 2 3(เหตุ) มีครบและเพียงพอ การเผาไหม้(ผล)  ต้องเกิดขึ้นเสมอ หรือมองกลับได้อีกอย่างว่า ถ้าเราเห็นผล ก็จะรู้ว่าเกิดจากปัจจัยอะไร ดังนั้นแล้ว ในOrdered UniverseหรือDeterminism ถ้าเรารู้ปัจจัยทั้งหมด เราก็จะรู้ได้ว่า คนๆหนึ่งจะตัดสินใจอย่างไร (นั้นก็คือ ไม่มีFree Will) จากคุณ : KL เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 15:17:11

ความคิดเห็นที่ 41 ผมมองเห็นว่าการกระทำต่างๆที่มองว่าเป็น free will นั้น ไม่ได้เป็น free will อย่างแท้จริง แต่เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ขึ้นมาของแต่ละปัจเจคบุคคล เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ต้องตอบสนอง เราก็จะใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นตัวตัดสินว่าจะทำอะไรต่อไป ขอยกตัวอย่าง นาย A อยู่เมืองไทย กำลังจะข้ามถนน เขาจะมองด้านซ้ายก่อนหรือมองด้านขวาก่อน นาย B อยู่อเมริกา กำลังจะข้ามถนน เขาจะมองด้านซ้ายก่อนหรือมองด้านขวาก่อน เมื่อพิจารณาแล้ว ก็จะมองเห็นว่า ในการตัดสินอะไรนั่น น่าจะมีกระบวนการแบบนี้ input ที่ต้องการตัดสินใจ -> สมองทำการค้นจากประสบการณ์ที่ใกล้เคียงว่าเคยเลือกอะไรไว้ และผลเป็นอย่างไร -> สมองเลือกคำตอบที่เห็นว่า "ถูกใจ" หรือ "มีผลดี" กับตัวเองในสถานการณ์นั้นมากที่สุด -> output เป็นการตัดสินใจ แต่บางเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวมาก่อน หรือไม่ทันได้ตั้งตัว ก็จะใช้การตอบสนองอัตโนมัติ หรือ reflex แทน จากคุณ : angel13th เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 15:20:26

ความคิดเห็นที่ 42 ค่อนข้างเห็ฯด้วยกับ Hawking ค่ะ เพราะถ้ามองในเรื่องทาง Neuroscience  หลายอย่างล้วนมีสิ่งเร้า สิ่งกระตุ้น ถูกกำหนดด้วยสารสื่อประสาท ทั้งเรื่องรัก เหงา เศร้า เกลียด แม้กระทั่งความโกรธ โดยเฉพาะถ้าองค์ความรู้พัฒนาไปไกลจนมนุษย์สามารถสั่งการอารมณ์ได้ แต่อยากจะเชื่อว่ามนุษย์มี Free will เพราะทำให้รู้สึกว่าโลกนี้น่าอยู่ค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 15:28:03

ความคิดเห็นที่ 43 กิน ขี้ ปี้ นอน ขาดสมดุลนี้ก็จะเป็นกิจกรรมอื่นไป เช่น ศึกษา เล่น รบ แค่นี้แหละ หึหึ จากคุณ : รุตน้อย เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 15:47:13

ความคิดเห็นที่ 44 คห 38 ถ้า ความคิด อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ของมนุษย์ เป็นแค่สัญญาณไฟฟ้าที่ส่งต่อกันไปมาระหว่างสมองกับระบบประสาท ไม่มีอะไรมากมายไปกว่านั้น พฤติกรรมต่างๆของมนุษย์ จะต้องสามารถกำหนดวัดค่าได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ และไม่สมควรที่จะมีความแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญ ครับ ___________________________________________ ทำไมจึงสรุปง่ายๆ เช่นนั้น ? ลองดูที่คุณยกตัวอย่าง คห  39 คุณเจออุบัติเหตุบนท้องถนน ทำไมคุณจึงตัดสินใจหยุดดูอยู่เฉยๆบนฟุทบาท แต่ทำไมบางคนจึงตัดสินใจเดินลงไปถนน เพื่อดูอาการคนเจ็บ ______________________________ การที่คนนั้นๆ จะลงไปดู แน่นอนต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ      มีไฟฟ้าวิ่งในสมองแน่ๆ แต่ที่ต่างกับอีกคน  ที่มีไฟฟ้าวิ่งในสมองเหมือนกัน ก็คือ โครงสร้างใยประสาทในสมอง ที่ทำให้ไฟฟ้าวิ่งไม่เหมือนกัน โครงสร้างใยประสาทในสมอง  ก็เกิดจาก พันธุกรรม อาหารการกิน  การออกกำลังกาย การเติบโต การเรียนรู้ ฯลฯ มีปัจจัยทีั่ทำให้เกิดความแตกต่างมากมาย ถ้าเราตรวจจับปัจจัยได้หมด เราก็จะบอกได้ว่า ทำไมจึงสมควรที่จะเกิดความแตกต่าง หลากหลายมากมายขนาดนี้ จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 16:04:12

ความคิดเห็นที่ 45 ค่อนข้างเห็ฯด้วยกับ Hawking ค่ะ เพราะถ้ามองในเรื่องทาง Neuroscience หลายอย่างล้วนมีสิ่งเร้า สิ่งกระตุ้น ถูกกำหนดด้วยสารสื่อประสาท ทั้งเรื่องรัก เหงา เศร้า เกลียด แม้กระทั่งความโกรธ โดยเฉพาะถ้าองค์ความรู้พัฒนาไปไกลจนมนุษย์สามารถสั่งการอารมณ์ได้ แต่อยากจะเชื่อว่ามนุษย์มี Free will เพราะทำให้รู้สึกว่าโลกนี้น่าอยู่ค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ [FriendFlock] [Bloggang] เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 15:28:03 [แก้ไข] ********************************************************** แม้มนุษย์จะรับรู้สิ่งที่มากระตุ้นตาม Neuroscience ให้รัก ให้เกลียด ให้โกรธ แต่มนุษย์ไม่จำเป็นต้องออกอาการตามความรู้สึกเสมอไป ยิ่งพระอริยะแล้วท่านอยู่เหนือสิ่งเหล่านี้มาก คนขับรถสามารถสั่งให้รถวิ่งไปซ้าย/ไปขวาได้ นี่คือสิ่งที่ถูกกำหนดเป็นรถมาแล้ว(Deterministic) เรียกว่าระบบเครื่องยนตร์ แต่คนขับไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าไม่อยากทำ( Non-Deterministic) เขาเลือกที่จะไม่ขับ หรือขับไปตรงๆเลยก็ได้ จากคุณ : Haking เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 16:12:48 A:61.19.66.3 X: TicketID:259615

ความคิดเห็นที่ 46 มีทฤษฏีโลกตะวันออกอยู่ศาสตร์หนึ่งสองสามพันปี คือ ปาจื้อ บอกว่า มีตัวแปร 8 ตัว ที่มนุษย์ทุกคนถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เกิด ขณะเดียวกัน ก็สามารถบ่งบอกความน่าจะเป็น เหตุการณ์สำคัญในชีวิต ด้วยตัวแปรอีกสองตัว สิ่งเหล่านี้ถือเป็นตัวแปรภายในของบุคคลนั้น ซึ่งจะกำหนดลักษณะนิสัยใจคอของบุคคลนั้น รวมถึงชะตาชีวิต โดยภาพรวม ขณะเดียวกัน ก็มีตัวแปรอิสระอีกหลายตัวที่นับจำนวนไม่ได้ สามารถเข้ามามีอิทธิพลกับ ตัวแปรอื่นๆที่ตั้งต้นล่วงหน้าได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวแปรนั้นจะส่งผลมากน้อยไม่เท่ากัน ผลลัพธ์ของชีวิต = ตัวแปรก่อ  +  ตัวแปรตาม จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 16:50:52

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้าอิงตามเหตุผลที่ว่า มูลอาการจิตใจของชีวิตใดๆล้วนเป็นไปตามหลักของ เหตุอวิชชา-->ผลปัจจัยอันเป็นมูลอาการของจิตซึ่งย่อมเป็นลักษณะอจินไตยตามหลักสังขตธรรม ก็ย่อมกล่าวได้ว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ ล้วนมีอาการของจิตใจเนื่องจากเหตุที่มาเสมอ จะบังเอิญเกิดมูลอาการของจิตโดยไม่มีสาเหตุที่มาไม่ได้    .... ดังนั้นอาการของจิตที่เกิดขึ้นจึงไม่อาจเป็นอิสระอยู่เหนือเหตุผล แต่เป็นอาการภายใต้หลักเหตุผลหรือเหตุปัจจัยตามหลักสังขตธรรมที่ลึกลับซับซ้อนเป็นอจินไตยเหนือสภาพนึกคิดเสียอีก .... สรุปอีกทีว่า มูลอาการจิตใจของชีวิตใดๆนั้นไม่อาจเป็นอิสระเหนือหลักเหตุผล แต่ก็ลึกลับซับซ้อนเป็นอิสระเหนือสภาพความรู้สึกนึกคิดใดๆ   ส่วนจะเป็น Free will หรือไม่เป็น ก็แล้วแต่จะวิเคราะห์ตีความกันไปครับ จากคุณ : ผู้ศึกษา เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 16:56:25

ความคิดเห็นที่ 48 มันก็เหมือนกับว่า True randomness นั้นมีจริงรึเปล่า ถ้าสามารถคำนวนทุกอบ่างได้ ก็ไม่มี Free will ถ้าไม่สามารถคำนวนทุกอย่างได้ก็ถือได้ว่ายังมี Free will Free จากอะไร ก็ Free จากการทำนายล่วงหน้าของมนุษย์ไงครับ ณ. ปัจจุบัน ถือว่า มนุษย์ยังมี Free will แต่ในอนาคตอีกนานแสนนาน จะเป็นยังไง ก็ไม่แน่ มนุษย์อาจจะไม่มี Free will เพราะว่า ไม่มีมนุษย์แล้วก็ได้ จากคุณ : Hephaestuz เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 17:15:08

ความคิดเห็นที่ 49 ที่หลายคนรู้สึกไม่ดีนี่ เพราะถ้าไม่มีฟรีวิลจริงแล้วจะขาดอธิปไตย ขาดความเป็นเจ้าของของชีวิตตน สิ่งเหล่านี้มันเป็นแค่อัตตา จะบอกว่าเป็นอิลลุสชั่นก็ไม่ผิดเหมือนกันนะครับ แล้วถ้าจะมองว่าฟรีวิลนี่ไม่มีแล้วมันเสียหายไหม มันก็ไม่เสียหายนะ เช่น ให้เราเลือกนึกถึงอะไรก็ได้ 1 อย่าง สมองเราก็ไม่มีทางฟรีจริง นึกอะไรก็ได้อนันต์อย่างนะครับ มันก็มีข้อจำกัด แล้วคำตอบเดียวที่เราเลือกนึกขึ้นมา มันก็เกิดจากสภาพ ณ ตอนนั้นของเรา ไม่ได้ผุดมาจากอะไรก็ได้นะ มันก็เกิดจากกระแสประสาทเรา มีทางเลือกมากมายจริง สุ่มเลือกได้จริง แต่สภาพของเราตอนนั้นเลือกมาให้เราหนึ่งอย่าง และถึงมันจะไม่ฟรีจริง วิถีทางของคนมันก็ไม่ได้เป็นเส้นตรงเหมือนถูกชี้นิ่วสั่ง มันแตกแขนง หลากทางไป แต่อยู่ในขอบเขตของเครื่องจักรชีวะเช่นตัวเรา แค่นั้น จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 17:42:22 A:116.58.231.242 X: TicketID:208572

ความคิดเห็นที่ 50 Free Will จิตไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยครับ แคบมาก เหมือนโลกนี้แคบมาก มันมีกรอบเป็นเหมือนกรงขังไว้ เหมือนง่าย ๆ มนุษย์ทุกคนมี ความต้องการ รัก โลภ โกรธ หลง มันก็วนอยู่แค่นี้แหละครับ แค่มากน้อยเข้มข้นเจือจางแค่ไหนดังนั้นมนุษย์เข้าใจง่ายเสียยิ่งกว่าทำความเข้าใจเด็กน้อย และสิ่งที่กำหนด ความมากน้อยเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับ สภาพ แวดล้อมและพันธุกรรม ก็ยิ่งทำให้เราเข้าใจได้ง่ายอีก เมื่อแยกแยะจำแนกออกเป็นชั้น ๆ และที่มากน้อยเหล่านี้มันก็เกิดเหตุปัจจัยจากวัตถุทางกายทางโลกที่ทำให้บางเบามากน้อย แค่นั้นเอง ฟรีวิลจึงกิ๋บ ๆ มนุษย์โดยพื้นฐานไม่มีอะไรให้เข้าใจยากเลย พื้น ๆ ครับ ยิ่งเป็นมนุษย์ที่มีวิวัฒนาการทางจิตแล้วยิ่งใสยิ่งกว่าแก้วอีกครับ ยิ่งไม่ซับซ้อนเลยแต่เราจะทึ่งและอึ้งและอึ้งและทึ่งในความใสไร้ขอบเขตนั้น แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 19:14:57 จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 19:10:13

ความคิดเห็นที่ 51 เคยคิดเหมือนกันที่ว่าพระอริยะเจ้าเห็นนู่นเห็นนี่เป็นเพียงสารเคมีในสมองผิดปกติจากการนั่งสมาธิรึเปล่า จากคุณ : n-OO//bit-a เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 19:12:41

ความคิดเห็นที่ 52 นี่ไงครับมนุษย์ที่มีตัวมีตนคิดว่ามีฟรีวิลลี่เหล่านี้ จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 19:17:51

ความคิดเห็นที่ 53 นี่อีกนิด เราจะเห็นว่าตัวตนของแต่ละคนที่คิดว่าตนนั้นเกิดมาสำคัญมากน้อยเหล่านั้น ๆ ยอมไม่ได้บ้าง เก่งบ้าง เหนือกว่าบ้าง หล่อบ้าง พ่อแม่รักอุ้มชูบ้าง ก็ต่างทับถมกันหมดอยุ่ในกองนั้น สิ้นลงนับร้อยนับพันปี แม้แต่ผมก็รอวันสิ้นไป จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 19:19:40

ความคิดเห็นที่ 54 ถึงจะไม่มีฟรีวิล แต่เรื่องต่างๆนั้นก็ซับซ้อนมาก จนอาจจะไปถึงจุดที่เข้าใจทั้งหมดพร้อมกันไม่ได้ ดังนั้นจะมี ไม่มี ก็ไม่ต่างกันนัก จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 19:29:15

ความคิดเห็นที่ 55 วิธีเข้าใจไม่ยากครับแต่ต้องหยุด จากโลกที่กำลังพยายามดึงดูดตัวตนเราให้เป็นของโลก แยกตัวออกมาแล้ว ลองให้เวลาตัวเองสับสนครุ่นคิดสักปีสองปีสามปี หรือนานกว่านั้น บางคนปัญญาดีไว บางคนพันธุกรรมทางปัญญาแย่ตายเปล่า ไม่พบเจอเองไม่มีทางเข้าใจต่อให้อ่าน หรือซาบซึ้งในวิชาการคำสอนทางศาสนาหรืออะไรก็ไม่อาจ รู้สึกยอมรับเป็นความจริงได้เท่ากับได้สัมผัสรสชาติเหล่านั้นเองเหมือนรสเค็มรู้องค์ประกอบทฤษฎีแต่ไม่เคยชิมก็ไม่รู้หรอกครับเค็มยังไง และการที่ไม่ให้เวลาตัวเองก้ไม่มีใครว่า คนเป็นพัน ๆ ล้านคนจะตายไปก็ไม่มีอะไรเดือดร้อนอะไรกับจักรวาลเอกภพ พอเข้าใจค่อยกลับมาในสังคมแห่งโลกด้วยจิตที่มีอำนาจเหนือกายวิวัฒนาการแล้ว นั่นแหละครับ แต่ถ้าดุ่ม ๆ ไปด้วยสภาพแบบนี้ จิตมีแต่จะลังเล สองแง่สองง่าม  ติด ๆ ดับ ๆ จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 19:39:00

ความคิดเห็นที่ 56 ถ้าเวลามีจริง ก็มี free will ถ้าเวลาไม่มีจริง ก็ไม่มี free will จากคุณ : DVB เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 19:58:08

ความคิดเห็นที่ 57 ถ้ามนุษย์มี free will จริง ก็คงเป็นอิสระต่อยาที่มีผลต่อระบบประสาททั้งหลาย รวมไปถึงผลประทบกับระบบประสาทด้วยสิ่งต่างๆ เช่นการบาดเจ็บหรือโดนไฟฟ้า คนอาจเปลี่ยนไปได้ทั้งคน ทั้งนิสัย และ กริยา อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางประสาท ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว จะเรียกว่ามนุษย์มี free will อันเป็นอิสระต่อรูปได้อย่างไร จากคุณ : ชาเขียวเข้มๆ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 20:24:49

ความคิดเห็นที่ 58 ชอบอ่านเรื่องแบบนี้จังค่ะ อยากรู้ ๆๆ ~ จากคุณ : Tysonlovers เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 21:01:43

ความคิดเห็นที่ 59 ตรงหลัีกอนัตตาเป๊ะ! จากคุณ : Reverb เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 22:12:32

ความคิดเห็นที่ 60 เป็นการฝึกการอ่านภาษาไทยให้รู้เรื่องเลยจริงๆ กระทู้นี้ ทำให้ผมรู้ IQ ตัวเองเลย  ..... . ทำไงเราจะคิดเก่งๆแบบนี้มั่งนะ จากคุณ : PeterMc เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 22:14:34

ความคิดเห็นที่ 61 กระทู้เมื่อกลางปี http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2010/04/X9139221/X9139221.html ปล. แต่ตอนนี้ จขกท. หายไปไหนสักพักละก็ไม่รู้ จากคุณ : Zew เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 22:38:58

ความคิดเห็นที่ 62 วิวัฒนาการทางจิตเท่านั้น ที่จะบอกได้ว่า มี Free Will หรือไม่ครับ วิวัฒนาการทางจิตที่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของการไม่มีตัวไม่มีตน แม้แต่การคิดว่าตนเองลด ละ เลิก ไม่มีไม่มีสิ่งใด แล้วก็ไม่ถือมั่น ไม่มีความกลัว ความง่วง เหงา หาว นอน ไม่มี ทิฐิ ใด ไม่มี รัก โลภ โกรธ หลง ไม่มี เวทนา ฝ่ายใด ๆ บุคคลนั้นนิ่งสงบ แม้ความมืด หรือความตายมาเยือนตรงหน้าก็ยิ้มด้วยใจ สงบ สงัด สง่า ไม่วิงวอน ร้องขอชีวิตใด ๆ นั่นแหละครับคือผู้มี Free Will บุคคลที่ทำได้ระดับนั้น เราหลายคนรู้ตัวดีว่าสามารถหลุดพ้นจาก กายวัตถุ โลกวัตถุที่ครอบงำได้อย่างถาวร แต่ชั่วคราวที่ทำได้ และก็วกกลับมาอ่อนแอ จิตจึงต้องคงความมีสติ ไม่ประมาทที่จะไม่เวทนาต่อสัมผัสต่าง ๆ ย่อมไม่ตาย ก็จะมีชีวิตแม้ร่างกายดับสิ้น Free Will นั่นแหละครับ อิสระจากทุกสิ่งที่รัดไว้ ขออภัย ที่อาจออกแนวศาสนา _ __" แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 23:25:58 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 23:12:56 จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 23:11:42

ความคิดเห็นที่ 63 และเมื่อเป็นอิสระจากทุกสิ่งที่รัดไว้ ให้เกิดตาย เกิดตาย อย่างไร้ค่า เมื่อเป็นอิสระแล้วคุณค่าอย่างแท้จริง จึงเกิดขึ้น แล้วคุณจะพุ่งทะยานก้าวไปอย่างไร้ขอบเขต ในจักรวาล ในเอกภพ ที่กว้างใหญ่เหนือจินตนาการ แต่ตอนนี้ ย่ำอยู่ตรงนี้เพื่อ พยายามวิวัฒนาการต่อไป อย่างไม่หยุดยั้งทางจิต หรือจะยอมรับการมีชีวิตบนโลกนี้และเกาะติดกับ โลกวัตถุกายวัตถุ ต่อไป นั่นแหละครับ ไร้อิสระแท้จริง จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 23:16:14

ความคิดเห็นที่ 64 มันแสดงถึงว่าเราเข้มแข็ง เราไม่อ่อนแอ แม้ร่างกายพื้นฐานจะอ่อนแอ สิ่งรอบตัวจะทำให้เราอ่อนแอ เศร้า เหงาท้อแท้ รัก อกหัก และอื่น ๆ  ผู้อ่อนแอบางคนไม่ได้เกิดอีกสูญสิ้นไปจากกาลเวลามากมายมหาศาลนักนับไม่ถ้วนจากเหตุมากมาย บางคนเริ่มเข้มแข็งวนเวียนกลับมาโลกเดิมนี้  บางคนเดินหน้าต่อไปไกลกว่าที่เราจะเข้าใจ เราต้องเข้มแข็งสดใส สว่างไสว นี่คือหัวใจของการเป็นอิสระที่มีจริง แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 23:28:07 จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 23:23:26

ความคิดเห็นที่ 65 เกี่ยวกับฟรีวิลอ่ะนะ ผมยกตัวอย่างเรื่องนึง มีอาจารย์ทางจิตวิญญาณผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่ง มีลูกศิษย์มากมาย ผู้คนทุกสารทิศไปหาอาจารย์ท่านนี้เพื่อขอคำปรึกษา แล้ววันหนึ่ง ก็มีชายคนหนึ่ง อยากจะพิสูจน์ว่าอาจารย์คนนี้ไม่ใช่อาจารย์ แต่เป็นคนหลอกลวง จึงไปที่อาศรมของอาจารย์ ชายคนนี้ก็ไปทดสอบอาจารย์ ด้วยการกำลูกไก่ไว้ข้างหลัง แล้วก็เข้าไปถามอาจารย์ว่า ลูกไก่ที่เขากำอยู่ ตายแล้ว หรือว่า ยังมีชีวิต ไม่ว่าอาจารย์จะตอบอะไร เขาจะแกล้งทำให้เป็นตรงกันข้าม เพราะถ้าอาจารย์บอกว่าลูกไก่มีชีวิต เขาก็จะกำให้ตาย แต่ถ้าอาจารย์บอกว่าตาย เขาก็จะให้ดูว่ามีชีวิต รู้ไหมว่า อาจารย์ตอบว่าอย่างไร "มันอยู่ในมือของคุณ" แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 23:56:40 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 23:55:57 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 23:55:08 จากคุณ : powerinvincible เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 23:53:44

ความคิดเห็นที่ 66 เห็นด้วยกับเฮียฮอว์คิง ทุกๆ การกระทำและการตัดสินใจได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว จากการเรียนรู้ในอดีต ประสบการณ์ที่พานพบมาตั้งแต่เกิดของแต่ละบุคคล ตลอดจนวัฒนธรรมและสังคมที่คนนั้นอยู่ ซึ่งประมวลผลออกมาเป็นการเลือกทำสิ่งใดๆ ที่มีผลลัพธ์หลายหลากตามแต่ปัจเจกบุคคล และคงไม่มีใครที่มีกระบวนการคิดวิเคราะห์ที่เหมือนกัน 100% มีเพียงบุคคลที่มีการทาบทับของเหตุการณ์ ประสบการณ์ หรือสภาพแวดล้อมร่วมกันมาที่คาดการณ์การกระทำของแต่ละคนอื่นๆ ได้ เป็นเพราะมนุษย์เรายังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงจิตละเอียดหรือเปล่าค่ะ เพราะสิ่งที่คิดและเชื่ออธิบายอยู่ในรูปของกายหยาบทั้งสิ้น เมื่อถึงวันที่ความรู้ความเข้าใจของมนุษย์ทะลุปรุโปร่งในเรื่องจิตละเอียด คำตอบอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ จากคุณ : มารเหา เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 00:09:58

ความคิดเห็นที่ 67 ความเชื่อทางวิทยาศาสตร์ เชื่อว่าสมองบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างไว้ ด้วยวิธีการที่ยังไม่ทราบแน่ชัดในตอนนี้   โดยเรียกสิ่งที่ถูกบันทึกว่าเป็นความจำ  ซึ่งชนิดความจำที่ถูกเรียกคืนได้ง่ายมักจะสัมพันธ์กับแนวคิดหรือวิธีคิด และความจำเริ่มต้นตั้งถูกบันทึกแต่อยู่ในครรภ์ และจากการวิจัยพบว่า วิธีคิดบวกถูกกำหนดโดยพันธุกรรมถึง 50% ที่เหลือถูกกำหนดโดยประสบการณ์          ในการที่สมองส่วนเล็กๆ บางจุดสามารถควบคุมสมองส่วนใหญ่ได้ เราเรียกสิ่งนั้นว่า "การเลือก" ซึ่งบางครั้งไม่ได้อาศัยสติ , ตรรกะ หรือแม้กระทั่งปัญญา          การฟังเสียงจากหัวใจ เป็นรูปแบบหนึ่งของการเลือก ที่องค์รวมของชีวิตเลือกกระทำกิจกรรม โดยอาศัยสิ่งเร้าภายนอกและภายในโดยตรง ซึ่งมักจะถูกตีความว่า "เป็นการใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล"          แล้วทำไหมบางครั้งการตัดสินใจโดยใช้เหตุผล จึงไม่ใช่วิธีการที่ดีที่สุด สาเหตุเพราะว่าธรรมชาติมีแนวโน้มในการเข้าสู่ภาวะสมดุลย์ ณ จุดที่พลังงานต่ำสุด ดังนั้นในการเลือกแต่ละครั้งเหตุผลจะนำสู่จุดสมดุลย์     แต่การเลือกโดยฟังเสียงจากหัวใจ จะนำสู่การสร้างสิ่งใหม่หรือความไม่สมดุลย์ หรือสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ จากคุณ : DVB เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 00:14:40

ความคิดเห็นที่ 68 สำหรับเราแล้วคำว่า Free will เนี่ยเป็นคำที่มีความหมายสัมพัทธ์นะ การที่จะบอกว่าเรา มี หรือ ไม่มี free will นั้นขึ้นอยู่กับว่าเกณฑ์อ้างอิงที่เราใช้พิจารณาคืออะไร เหมือนเราเปรียบเทียบเงิน 10 บาท ถ้าเราไปเทียบกับคนมีเงิน 50 บาท เราก็จะมีเงินน้อยกว่า ถ้าเราไปเทียบกับคนมีเงิน 3 บาท เราก็จะมีเงินมากกว่า เมื่อใดก็ตามกรอบเกณฑ์ที่เราใช้อ้างอิงไม่คงที่ เมื่อนั้นเราก็ยังคงตัดสินแบบฟันธงไม่ได้ จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 00:15:00

ความคิดเห็นที่ 69 ความคิดเห็นที่ 63 และเมื่อเป็นอิสระจากทุกสิ่งที่รัดไว้ ให้เกิดตาย เกิดตาย อย่างไร้ค่า เมื่อเป็นอิสระแล้วคุณค่าอย่างแท้จริง จึงเกิดขึ้น แล้วคุณจะพุ่งทะยานก้าวไปอย่างไร้ขอบเขต ในจักรวาล ในเอกภพ ที่กว้างใหญ่เหนือจินตนาการ ............ จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) ___________________________ คำว่า คุณค่าอย่างแท้จริง     หมายถึงอะไรหรือ ทำไม ต้องเกิดเมื่อเป็นอิสระแล้ว คำว่าอิสระ หมายถึงอะไร ถ้าอิสระ หมายถึงจิตที่ว่างเปล่า ไม่ยึดติด กับ ตัวตน อารมณ์ เคยมีใครอิสระจริง บ้างไหม คนที่ทำสมาธิ จนลดอารมณ์ลงได้ มันก็แค่สงบนิ่ง แล้ว จะบอกว่า พุ่งทะยาน   ทะยานไปไหน   ไร้ขอบเขตอย่างไร ความคิดเรื่องพุ่งทะยาน  เป็นเพียงความหวังหรือเปล่า จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 00:54:31

ความคิดเห็นที่ 70 เราไม่ค่อยชอบอีตาฮอกกิ้ง นี่ ใจจริงแล้วยังคาดหวังอยู่ลึกๆว่าอาจจะมีฟรีวิว แต่ว่าเรื่องนี้ เห็นด้วยนะ เนื่องจากเหตุผลหลายๆอย่างแล้ว ระบุว่าเราเป้นแค่ก้อนมวลก้อนนึงที่มีพลังงานเท่านั้น เราแค่มีสมองที่ซับซ้อนกว่าสัตว์ แล้วก็ทำให้คิดอะไรได้มากกว่า เป็นแค่วิวัฒนาการทางสมอง เราเป็นวัตถุ ไร้ซึ่งจิตใจที่แท้จริง ทั้งความรัก ความเสียใจ อะไรนั่น มันไม่มีจริงหรอก จากคุณ : mint_la เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 03:36:41

ความคิดเห็นที่ 71 โหวตครับ ผมก็เคยมีแนวคิดแบบนี้ เคยนั่งคุยเรื่องนี้กับอ.จิตแพทย์ที่รู้จักมาแล้วด้วย อิอิ เล่นเอาอึ้งไปเลยทีเดียว จากคุณ : นักมายากลแห่งรัสเซีย เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 08:20:22

ความคิดเห็นที่ 72 ถ้าตามหลักฐานก็อาจจะเป็นอย่างนั้น อยากรู้คำตอบ คงจะตอบไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน จากคุณ : หัวหอมกะซาวครีม เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 08:55:30

ความคิดเห็นที่ 73 ทุกอย่างมีจริงเป็นจริงนะครับ แต่ไม่ใช่อย่างที่เราเข้าใจ เพราะสิ่งที่เราเห็นถูกเคลือบทับด้วย ประสบการณ์ การเรียนรู้ ความฝังใจ สัญชาติญาณ สิ่งใดๆที่เราเคยทำมาพบมา สิ่งที่นำเรามาสู่สภาพนี้ ทั้งหมดนี้บดบังเราไว้ไม่ให้เราเห็น สิ่งที่เป็นจริงตามที่เป็นไปจริง แล้วเราก็ตัดสินใจสิ่งต่างๆไปตามนั้น จากคุณ : มังกรใจเย็น เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 09:37:50

ความคิดเห็นที่ 74 ตอบความคิดเห็นที่ 69 ครับ และเมื่อเป็นอิสระจากทุกสิ่งที่รัดไว้ ให้เกิดตาย เกิดตาย อย่างไร้ค่า เมื่อเป็นอิสระแล้วคุณค่าอย่างแท้จริง จึงเกิดขึ้น แล้วคุณจะพุ่งทะยานก้าวไปอย่างไร้ขอบเขต ในจักรวาล ในเอกภพ ที่กว้างใหญ่เหนือจินตนาการ ............ จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) ___________________________ คำว่า คุณค่าอย่างแท้จริง หมายถึงอะไรหรือ ตอบ คือการมีชีวิตครับตราบเท่าที่คุณยังคิดว่าการมีชีวิตเป็นสิ่งมีค่าแต่เราควรมีชีวิตในรูปแบบอนุภาคอื่นที่ไม่ใช่ร่างกายนี้เรียกว่าวิวัฒนาการไปอีก ขั้น เหมือนกับการที่เราเบื่อหน่ายต่อความไร้สาระของการมีชีวิตที่ซ้ำ ๆกันในแต่ละวันเหมือนสัตว์นี่แหละครับ มันไร้สาระ เราจึงพยายามหลุดออกไปสุ่การมีชีวิตที่ดีขึ้น วิวัฒนาการครับ ทำไม ต้องเกิดเมื่อเป็นอิสระแล้ว ตอบ คนทั่วไปเกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัยไม่ต่างจากรา เห็ด หญ้า ต้นไม้ หรือสัตว์ต่าง ๆ ย่อมเกิดขึ้นตายลง ลองไปดูเชื้อโรคที่ตายแล้วเกิดด้วยน้ำยาเป็ดในห้องน้ำเป็นตัวอย่างง่าย ๆ ครับ เหลือแค่เซลเดียวไม่นานก็แพร่พันได้นับล้านพันล้าน หลากหลายสายพันธุ์ มนุษย์ก็เช่นกันฆ่ากันเท่าไรก็เกิดได้อีกพอ ๆ กับเชื้อโรค ดังนั้นน้อยสิ่งมีชีวิตที่จะสามารถแหวกว่ายไปสุ่ระดับนึงได้ เรียกว่าเป็นการเกิดใหม่ในอีกรูปแบบ การตายจึงไม่ใช่การตายแต่เป็นการเกิดสำหรับคนที่มีประสบความสำเร็จ แต่ความตายก็เป็นความตายสำหรับคนที่ล้มเหลวไม่ว่าด้วยเหตุปัจจัยอะไร คำว่าอิสระ หมายถึงอะไร ตอบอิสระจากกรอบครับ กรอบในที่นี้คือ โลกวัตถุ กายวัตถุ ไม่ทุกข์ ไม่เวทนาเท่าทันต่อทุกเหตุบนโลกโดยไม่มีอะไรทำให้หวั่นไหวได้ เรียกว่า จิตลืม กายจำ ครับ จิตไม่มีอะไรที่เราเก่งหรือไม่เก่ง เราดีหรือไม่ดี เราทำได้หรือไม่ได้ คนอื่นก็เช่นกัน เหมือนกับคำว่าแค่รู้กับไม่รู้ และไม่มีใครบนโลกนี้ผิดเลยสักคนด้วยมุมมองทางจิตวิญญาณ แต่มองด้วยมุมมองทางสังคมกรอบในโลกทุกคนมีผิดมีถูก มีดีกว่าเลวกว่า ผมจึงแยกกายกับจิตออกจากกัน กายเราเรียนรู้เข้าไปเพื่อดำเนินชีวิตทางกายอย่างปกติสุขและไม่ผิดพลาด บนโลกแม้เราพยายามแล้วแต่เหตุร้าย ๆ หรือดีเหล่านั้นก็ยังเกิดก็เรียกว่า ความเป็นไปของโลกเกิดขึ้น จิตรู้ก็นิ่งเฉยไม่มีอะไรกระทบได้ มองว่าเป็นธรรมดา คนทั่วไปเป็นลมเพราะเห็นเลือด หรือเจ็บแทบดิ้นตาย ตอนได้รับอุบัติเหตุแต่ผม ครึ่งตัวแล้วที่เป็นเหล็ก สงสัยเรียกว่าซาดิส55 ไม่เจ็บ ไม่ทรมาน นิ่งเฉยได้ รับรู้แยกแยกอาการทางกายว่าเจ็บแต่จิตขำ เหมือนตอนใกล้จะตายก็เคยแต่จิตกำลังหัวเราะว่า 55 เรากำลังจะตายเหรอเนี่ยตลกจริง ๆ ไม่กลัวเลยเจ้ากรรมดันไม่ตายหุหุ ถ้าอิสระ หมายถึงจิตที่ว่างเปล่า ไม่ยึดติด กับ ตัวตน อารมณ์ เคยมีใครอิสระจริง บ้างไหม ตอบครับ ผมครับอิอิ อิสระจริง แต่จริงได้แค่ไหน นานเท่าไร อีกเรื่องครับ จิตว่างแต่สมองไม่จำเป็นต้องว่างครับ เ หมือนเรารู้ว่า โลกนี้เป็นแค่ละคร ทุกข์ สุข จะยืนยาวแค่ไหน วันนึงต้องตาย มีคนเขียนบทให้เราเดิน คือการมีชีวิตเป็นมนุษย์ เราก็แค่ เป็นตัวละครขึ้นอยู่กับว่าเราจะแสดงดี หรือแสดงแย่ มันก็แค่นั้น จบสิ้นบทบาทเหล่านี้ เราย่อมไม่สะทกสะท้านต่อเหตุการณ์ใด ๆ ผมเป็นแบบนั้นเสมอ แต่เรามักเผลอหรือถูกสภาพแวดล้อมโลกทำให้คิดว่าเราเป็นจริงเป็นจังเกินไป เรียกว่ามีสติไว้ครับ วันคืนวันคืนหลับตื่นหลับตื่น เหมือนเราเกิดตาย ๆ ซ้ำ ๆ นับวันแรมปี มีอะไรที่จะทำให้เราทุกข์ได้หละครับไม่มีหรอก เราอุปาทานผสมเวทนาไปเอง  เรียกว่าทุกอย่างรอบตัวเราหนังละครรถซูเปอไบค์ คนอะไรก็ตามเป็นแค่เปลือก ๆ ที่ห่อหุ้ม จะตกแต่งแต้มสีอะไรอย่างไรก็ได้ แต่แก่นเราไม่มีอะไรมาทำให้สูญเสียความเป็นตัวตนเราไปได้ คนที่ทำสมาธิ จนลดอารมณ์ลงได้ มันก็แค่สงบนิ่ง แล้ว จะบอกว่า พุ่งทะยาน ทะยานไปไหน ไร้ขอบเขตอย่างไร ความคิดเรื่องพุ่งทะยาน เป็นเพียงความหวังหรือเปล่า ตอบครับ การทำสมาธิไม่ใช่การเข้าถึงครับ ฤาษี ชีปะขาว คงบรรลุไปกันหมดแล้วแต่ สุดท้ายก็นั่งย่ำอยุ่อย่างนั้นได้แค่ ความสุข จากความสงบของสมาธิ ถ้าเข้าถึงได้ พระพุทธเจ้าคงบรรลุไปแล้วเมื่อตอนนั่งมาหลายปีหลากหลายวิธีทำวิปัสสนา ไม่ได้ทำให้เข้าถึงได้เลย จนต้องเกิดปัญญาเปลี่ยนแนวทาง ใช้ความสงบชั่วขณะและใช้ปัญญาในการวิเคราะห์จึงจะเข้าถึงครับ และเมื่อเข้าถึงได้แล้วสมาธิแทบไม่จำเป็นสำหรับบุคคลนั้น ๆ คุณคงเคยนะครับนั่งให้ตายก็งงมึน แต่พอหาที่สงบ ๆ มองคิดวิเคราะห์แล้วมันปริ๋งขึ้นมานั่นแหละ สมาธิจำเป็นแค่ระดับเดียวไม่ใช่เอามาไว้นั่งทนว่าใครนั่งได้นานเก่งครับ สิ่งมีชีวิต ในระดับมนุษย์มีความฝัน มีความหวังครับ นั่นแหละครับจึงบอกว่า ทำไมต้อง ไร้ขอบเขต เพราะอยากรู้อยากไปตรงไหนก็พยายามที่จะไป พยายามที่จะรู้ จักรวาลไร้ขอบเขตอย่างไร จิตเราย่อมท่องเที่ยวไปไร้ขอบเขตแบบนั้นครับ ถ้าไม่อยากไปก็ไม่มีใครบังคับเรา เราก็ไม่ต้องไป อยากไปก็ไป เหมือนคุณอยากไปเที่ยวก็ไปไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป นั่นแหละครับ การวิวัฒนาการ ก็เหมือน เราคือแสงที่ส่องสว่างได้เกินกว่าตัวเราเองจะรู้ แต่เราก็ส่องแสงได้แค่ขอบเขตที่กั้นขวางไว้ พอเราเข้าใจก็เหมือนเรายกสิ่งนั้นออกแล้วส่องแสงไปต่ออีกระดับจนถึงขอบเขตที่ขวางกั้นไว้อีก พอสิ่งที่ขวางกั้นนั้นถูกยกออกไปเราก็ส่องสว่างไปอีก อย่างนี้ ไปเรื่อย ๆ นั่นคือการเปรียบเทียบเรื่องพุ่งทะยานแบบเด็ก ๆ ของผม เหมือนเราใช้จิตกับปัญญาคิดเรื่องยานอวกาศที่วิ่งเร็วมากนั่นแหละครับ ฟร้าวว แล้วเราก็ติดหงั่กตรงดาวอะไรสักอย่าง แล้วเราก็จิตนนาการต่อไปอีก ผมยังเด็กนะครับอย่าจริงจังมาก ขำ ๆ สิ่งเหล่านี้คุยกันมันก็ผ่านไปครับเหมือนสายลมกาลเวลา แต่บังเอิญมันบันทึกไว้ในอินเตอร์เนตต่างจากพูดเฉย ๆ ก็ดีนะ สนุกดี แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 09:56:54 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 09:56:18 จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 09:49:57

ความคิดเห็นที่ 75 เคยผิดหวังเรื่องความรัก เสียใจมากมาย จนวันหนึ่งได้อ่านทบทวนหนังสือเรื่องสมอง ได้รู้ว่าความรู้สึกต่างๆ ก็เกิดจากสัญญานสื่อประสาททั้งนั้น  เออ....ความเสียใจของเราก็แค่สัญญานประสาทเท่านั้นเอง เมื่อเข้าใจแบบนั้นก็เลยไม่เสียใจเท่าไหร่ ถ้าจะพูดจริงๆ ก็คือยังเสียใจอยู่ เพียงแต่ไม่ให้ความสำคัญกับมันมากนัก อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวกับกระทู้เท่าไหร่ ขอโทษนะคะ คือเราแค่อยากจะพูดว่า ความรู้สึกต่างๆของคนเรา ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของระบบประสาทเท่านั้นเอง จากคุณ : เต่าพันปี เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 10:51:54

ความคิดเห็นที่ 76 ผมเชื่อว่าฟรีวิลมีอยู่จริง แต่มันเป็นไปไม่ได้ คือตั้งแต่มนุษย์เกิดจะ ก็จะค่อยๆสร้างกรอบให้กับตัวเองไปเรื่อยๆ กว่าจะเริ่มตัดสินใจ ก็สูญเสียฟรีวิลไปหมดแล้ว จากคุณ : @Lfa7D เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 11:43:48

ความคิดเห็นที่ 77 มนุษย์ไม่มี Free Will ระบุให้ชัดขึ้นเป็น จิต สามารถเลือก โดยอิสระจาก สิ่งกระตุ้น ได้หรือไม่ ผู้เลือก มีตัวเลือกอื่น หรือไม่ พูดถึงผู้เลือก ย่อมเป็น ผู้เลือก ณ วันนี้ ที่ ไม่ใช่ ผู้เลืกอ เมื่อวานนี้ สมมติ มี2ผู้เลือก ที่สายกรรม เหมือกันเดี๊ยะ เจอ 2สิ่งกระตุ้น ที่เหมือนกัน ตอบตามพุทธ คือสามารถเลือกได้  อิสระจากกัน ไม่มีรูปแบบตายตัว แต่พาราด็อกซ คือ แล้วพระพุทธเจ้า จะทำนายการเลือก ได้อย่างไร อรหันต์ ประกอบกรรม โดยไม่ถูกสิ่งกระตุ้นครอบงำได้ จิตมีอิสระจากกิเลส ทั้งปวง อืม ทิ้งท้าย ในฝัน ที่ว่าบังคับได้ หรือในจิตนิยม คุณเลือก ได้อย่างอิสระหรือป่าว คุณบังคับฝันได้ หรือฝันว่าบังคับได้ อยากเก็บสถิติ อย่างผม การบังคับฝัน ประกอบด้วย 1 รู้ตัวว่าฝัน 2 อยากทำบางอย่าง 3 บังคับสร้างเหตการณ์ได้ เหมือนเป็นจิตนิยมที่กระตุ้นมาจากกิเลส แล้วแบบไม่มีกิเลส เป็นไง บังคับไม่ให้ตื่น ได้ไหม แล้วอันไหนฝัน อันไหนตื่น จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 11:44:57

ความคิดเห็นที่ 78 คุณ sb*star ครับ ที่ผมยกตัวอย่างใน คห.38 กับ 39 นี่มันต่างกันนะครับ ใน 38 จะเป็นเรื่องของสิ่งที่เรียกว่าอารมณ์ ความรู้สึกหรือการส่งสัญญาณไฟฟ้าสู่สมอง ที่จะเกิดขึ้น ณ.ขณะนั้น เมื่อมีสิ่งเร้ามากระทำหรือตกกระทบ ส่วนใน 39 นี่เป็นเรื่องของการตัดสินใจ หลังจากที่รับรู้สภาพเหตุการณ์ ซึ่งตรงนี้ก็จะแยกไปได้อีกว่าตัดสินใจหลังจากรับรู้และประมวลผลแล้วหรือเป็นการตัดสินใจไปโดยสัญชาติญาณ และที่คุณว่า "ถ้าเราตรวจจับปัจจัยได้หมด เราก็จะบอกได้ว่า ทำไมจึงสมควรที่จะเกิดความแตกต่าง หลากหลายมากมายขนาดนี้ " จริงๆผมว่าเราสามารถหาคำอธิบายได้ง่ายกว่านั้นอีกครับ คือไม่ต้องไปมองภาพรวมที่กว้างมากอย่าง พันธุกรรม อาหารการกิน  การออกกำลังกาย การเติบโต การเรียนรู้ แต่มองแค่ระบบสมองของแต่ละคนนี่แหละ เช่นถ้ากำหนดว่าระบบประสาทในส่วนสมองของแต่ละคน เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความแตกต่างอย่างหลากหลาย สมมุติว่ามีเส้นประสาทสมอง 5 เส้น(น้อยมากๆถ้าจะเทียบในความเป็นจริง) ที่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความแตกต่าง ถ้าสภาวะในการรับ-ส่งสัญญาณของคนๆหนึ่ง เป็น ปิด-ปิด-เปิด-ปิด-ปิด และคนๆนี้ กินอาหารประเภท A ไม่อร่อย และฟังเพลงประเภท B ไม่เพราะ ถ้ามีอีกคนที่สภาวะในการรับ-ส่งสัญญาณ เป็น ปิด-ปิด-เปิด-ปิด-ปิด เหมือนกัน แม้เขาจะยังไม่เคยกินอาหาร A และฟังเพลง B มาก่อน แต่ก็น่าจะกำหนดล่วงหน้าได้เลยว่า ถ้าเขามากินอาหาร A และฟังเพลง B เขาจะต้องไม่ชอบเช่นกัน จากคุณ : charoka เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 13:01:13

ความคิดเห็นที่ 79 แต่ทีนี้มันมีลักษณะอย่างนี้เกิดขึ้นด้วยเช่นกันครับ (จริงๆไม่อยากจะยกตัวอย่าง เพราะมันค่อนข้างพัวพันกับเรื่องศาสนา) เช่นมีคนที่เกิดในประเทศหนึ่งซึ่งนับถือศาสนา ก. เกิดมาในสภาวะแวดล้อมที่มีแต่คนนับถือศาสนา ก. ครอบครัวก็นับถือศาสนา ก. กันทุกคน ถูกเลี้ยงดูมาแบบศาสนา ก. ตั้งแต่เล็กจนโต แต่พอได้มาศึกษาอีกศาสนาหนึ่งอย่างจริงจัง ก็ได้เปลี่ยนวิถีชีวิต หันไปดำเนินตามหลักของศาสนานั้นแทน คำถามคือคนที่เกิด,เติบโตและดำรงชีวิตมาในสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นคนของศาสนา ก. ทำไมจึงเกิดการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงไปสู่อีกแนวทางหนึ่งได้ จริงๆเรื่องมันอาจอธิบายได้อย่างง่ายๆ แค่ สภาวะในการรับ-ส่งสัญญาณในสมองของเขาแค่เปลี่ยนไป จากเดิม เปิด-เปิด-ปิด-ปิด-ปิด เป็น ปิด-ปิด-เปิด-เปิด-เปิด แต่ในกรณีเช่นนี้ คุณมองว่าเป็นการผ่าเหล่า(Mutation)หรือการวิวัฒนาการ ทางกายภาพ(สมอง) หรือมองว่าเป็นการผ่าเหล่า,วิวัฒนาการ ของสิ่งที่ไม่น่าจะมีอยู่จริง อย่างความคิด ล่ะครับ จากคุณ : charoka เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 13:23:23

ความคิดเห็นที่ 80 ผมขอเปรียบเทียบให้ "ฟรีวิลล์" คือวัตถุที่ไม่มีพลังงานอยู่ภายในเลย และอยู่นอกเหนือมิติใดๆ ดังนั้นวัตถุนี้จะอยู่นอกเหนือเหตุการณ์ทุกอย่างไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลง นอกเหนือจากวัตถุแบบนี้แล้ว!!! ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่มี"ฟรีวิลล์" เพราะอยู่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น คราวนี้มาดูซึ่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีอยู่ 3 รูปแบบ ได้แก่ ก้าวหน้า , ถอยหลัง หรือสมดุลย์ไดนามิก ทุกวันนี้มนุษย์เราพัฒนามาไกลกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ (เท่าที่รับรู้ได้ณ.เวลานี้ ) แสดงว่ามนุษย์อยู่ภายใต้ "เจตนาของความก้าวหน้า" มนุษย์จึงไม่มีฟรีวิลล์ มิฉนั้นจะไม่มีมนุษย์อยู่ณ.เวลานี้ แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 14:52:59 จากคุณ : peterfly (peterfly) เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 14:40:57

ความคิดเห็นที่ 81 ลองตอบคุณ charoka ก็เรื่องปกตินี่ครับ เหมือนเกิดมาในครอบครัว ฟังแต่เพลงลูกทุ่ง แต่ลูกดันชอบเพลงสากล ที่พ่อแม่ไม่พอใจจะฟังเลย บ่นด่าว่า พอ ๆ กับเรื่องศาสนานั่นแหละครับ ดังนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าใจอะไรยาก เพียงแต่มนุษย์นั้นมีเสรี มีอิสระทางความคิด ทุกคนครับ แต่บางคนถูกฝึก ถูกขัดเกลา ให้ขาดอิสระนั้น แต่โดยพื้นฐานมีอิสระครับ จึงต้องการทำอะไรก้ได้ที่ใจอยากทำ อยากลองอยากสัมผัสสิ่งแปลกใหม่ เป็นต้นครับ และมันก็เป็นเรื่องของ ร่างกายด้วยครับ พ่อแม่ ถ้ายังหนุ่มแน่น สังขารยังฟิต มีฮอโมนเร่งเร้าเยอะ เจอเพลงแนวที่เคยว่าไปนี้ไปก็ดิ้นครับชอบ ฟังได้ หรือบางคนก็ฟังได้อยู่แล้ว เหมือนพ่อแม่ไม่เล่นเกมส์นั่นแหละครับ ลองให้เขาได้ย้อนวัย สิครับ สอนให้เข้าใจง่ายพักเดียวนั่งเล่นไม่ลุกไปไหน ยกเว้นจะบ่นว่าแก่แล้ว (แก่) ก็เท่ากับสังขารร่างกายมันเสื่อมไม่ไหว หู ตา มันแย่แล้ว ก็แค่นั้นเองครับ สั้น ๆ แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 14:47:29 จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 14:46:16

ความคิดเห็นที่ 82 ขอยกข้อความที่เคยพิมพ์ไว้ในกระทู้ก่อนนะครับ แนวคิด determinism เป็นแนวความคิดที่ทรงพลังหากควบรวมเข้ากับกลศาสตร์นิวตัน เพราะนิวตันเองก็เชื่อว่า หากเราทราบพารามิเตอร์ต่างๆของแต่ละอนุภาคทั้งหมด เราจะสามารถทำนายทุกสิ่งทั้งมวลที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น อตีดจนถึงอนาคต ผ่าน สมการทางคณิตศาสตร์ แนวความคิดนี้เองไอนสไตน์ก็ได้รับอิทธิพลมามากเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นคงไม่เกิดวลีเด็ด "God doesn't play dice" แต่โดนบอรห์สวนเข้าให้ว่า "Stop telling God what to do with his dice" น่าเสียดายที่ Determinism ถูกสั่นคลอนด้วยการท้าทายจากกลศาสตร์ควอนตัม และถูกพิสูจน์แล้วว่า ควอนตัมเข้าใกล้ความจริงของจักรวาลมากกว่า **เพิ่มเติม การโต้ตอบกันอย่างดุเดือดของไอนสไตน์กับบอรห์ เกิดขึ้นในการประชุมทาง วิชาการที่โคเปนเฮเกน โดนฝ่ายควอนตัมบรรยายเกี่ยวกับสภาวะความพัวพันทางควอนตัม ทำให้ฝ่าย determinism อย่างไอนสไตน์ตั้งสมมุตฐานโต้ตอบ เกิดเป็น EPR paradox (Einstein–Podolsky–Rosen paradox) โดยท้ายที่สุดในอีกประมาณ30ปีให้หลัง EPR paradox ก็ถูกพิสูจน์ได้โดย John S. Bell. และพบว่าพระเจ้าทรงโปรดปรานการพนันจริงๆ จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 16:38:34

ความคิดเห็นที่ 84 give หมด โหวตให้นะ จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 21:47:41

ความคิดเห็นที่ 85 สนุกจัง จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 22:27:55

ความคิดเห็นที่ 86 มันคือแบบนี้นะพี่น้อง มันคือ free will ที่ถูกกำหนดโดย non free will ลูกเต๋าถูกกำหนดหน้าเป็นnfw แต่เวลาทอดไปแล้วมันกลายเป็น free will "เราถูกกำหนดให้ต้องเลือก"นะครับพี่น้องไม่ว่า ทางใดก็ทางหนึ่ง จากคุณ : จาบู้ ณ cmu เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 23:12:29

ความคิดเห็นที่ 87 ถ้าเป็นจริง นั่นหมายความว่า คนทำดี หรือ เลวเพราะกระแสไฟฟ้าภายในสมองสั่งให้ทำ !!!!!!!!!!!!! จากคุณ : Capillary เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 23:17:02

ความคิดเห็นที่ 88 ใครก็ได้ช่วยอธิบายเรื่องหลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์กให้ฟังง่ายๆได้หรือเปล่าครับ การที่อิเล็กตรอนตัวนึงจะมีความไม่แน่นอนนั้น เป็นเพราะกระบวนการวัด  หรือเป็นเพราะความไม่แน่นอนในตัวมันเอง ถามอีกแบบก็คือ  ถ้าเราไม่ไปวัดมัน  อิเล็กตรอนดังกล่าวจะมีความแน่นอนในตำแหน่งและโมเมนตัมหรือไม่ การที่อนุภาคซักตัวมีความไม่แน่นอน จะทำให้มันสามารถแหกกฎเกณฑ์ทางฟิสิกส์  หรือประพฤติตัวในกฎเกณฑ์ที่เป็นแบบสุ่มใช่หรือไม่ครับ ถ้าเช่นนั้นแล้วเจตจำนงเสรีก็อาจเกิดขึ้นได้ผ่านทางช่องโหว่ดังกล่าวได้หรือเปล่า แล้วการที่ไซแนปส์ซักแห่งในเซล์ประสาทจะเกิดสัญญาณประสาทขึ้นหรือไม่  ก็มีโอกาสเป็นแบบสุ่มได้จริงหรือ จากคุณ : Exampli gratia เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 23:30:48

ความคิดเห็นที่ 89 เข้ามาทำให้งงอีกรอบ สำหรับความคิดเห็นที่ 88 คุณเคยได้ยินเรื่องจักรวาลคู่ขนานไหม เวลา้เราศึกษาโลก Quantum สภาวะต่างๆ ดูเหมือนไม่แน่นอน อยู่ในรูปแบบสมการความน่าจะเป็น ไม่ได้แปลว่าสิ่งที่เราศึกษาอยู่ ณ จุดใด จุดหนึ่งในสมการนี้ แต่แปลว่าอยู่พร้อมๆ กันทั้งหมด แต่เมื่อเราเข้ายุ่ง ไปสังเกตการณ์ สภาวะมั่วสุมก็จะสลาย ไป เหลือปรากฏ ณ จุดใดจุดหนึ่งที่เราทำนายได้โดยสมการความน่าจะเป็น ตัวอย่าง(ที่น่างง) คือ double-slit experiment โดยใช้อิเลกตรอนอนุภาคเดียวฉายไป ตามความคิดเรา อิเลกตรอนต้องผ่านแค่ช่องใดช่องหนึ่ง ไม่ซ้ายก็ขวาใช่ไหมครับ แต่ผลการทดลองพบว่า อิเล็กตรอนอนุภาคเดียว สามารถลอดผ่านทั้งสองช่องพร้อมกัน นี่แหละคือโลก Quantum ที่น่าปวดหัว http://en.wikipedia.org/wiki/Double-slit_experiment แล้วทำไมในโลกชีวิตประจำวัน เราถึงไม่สามารถอยู่สองที่พร้อมกันได้ ทำไมถึงไม่มีปรากฏการณ์แปลกแบบ Quantum ให้เห็น ก็มีหลายคนพยายามอธิบาย ทฤษฎีหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังรวมทั้ง Hawking สนใจคือ ทฤษฎีโลกคู่ขนาน คือทุกเหตุการณ์ ทุกสภาวะที่เป็นไปได้เกิดขึ้นพร้อมกันทั้งหมด เพียงแต่เรารับรู้ได้เพียงแค่เหตุ การณ์เดียว ย้อนกลับมาเรื่อง Free Will ถ้าการตัดสินใจของเราเพื่อทำพฤติกรรมใดๆ ก็ตาม มีปัจจัยภายนอก เช่น สิ่งเร้า และปัจจัยภายใน เช่น ฮอร์โมน ความทรงจำเก่า เท่านั้น เราก็ไม่มี Free will แต่ถ้าในสมองของเรามี Switch หรือ มีเซลล์ประสาท หรือมีร่างแหประสาทกลุ่มหนึ่งที่ทำหน้าที่ตัดสินใจโดยเป็นอิสระจากปัจจัยอื่นๆ ทั้ง หมด นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเรามี Free will จริงๆ อาจเป็นไปได้ว่าเราทำพฤติกรรมทุกอย่างที่เป็นไปได้ ทั้งหมดพร้อมๆ กัน แต่สมองสร้างจิตที่รับรู้ได้เพียงพฤติกรรมเดียว ผลลัพธ์รูปแบบเดียว ในจักรวาลอันเดียว แต่จริงๆ แล้วมีตัวเราทำตัดสินใจทำอย่างอื่นๆ พร้อมๆ กัน แต่แยกกันไปเป็นอีกโลกหนึ่งจักรวาลหนึ่ง งงไหมครับ ผมเขียเองก็งงเองเหอๆๆ จากคุณ : Geneticist เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 01:23:28

ความคิดเห็นที่ 90 คิดว่า ความไม่รู้ในเหตุปัจจัย น่าจะถือว่ามนุษย์(จึง)มี Free Will    ครับ จากคุณ : กัป' เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 01:39:13

ความคิดเห็นที่ 91 ถ้าเป็นไปได้อยากใให้โหวตกระทู้นี้จังครับ ได้ความรู้เยอะเลย จากคุณ : Mr.Feynman เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 02:51:13

ความคิดเห็นที่ 92 ผมเชื่อครับว่าถึงมนุษย์จะถูำกควบคุมด้วยสมอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี free will คำถามคือคุณคิดว่า free will คืออะไร ผมคิดว่ามันคือพลังงานหรืออะไรซักอย่างภายนอก ที่มีความเป็น Random ไม่สามารถ Predict ได้อย่าง 100% (แต่อาจ Predict ได้ในบางส่วน) ที่เป็นแค่ "หนึ่งในหลายๆ" ตัวกระตุ้นต่างๆ ที่ทำให้สมองมนุษย์ตัดสินใจอะไรซักอย่างไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ไม่ใช่ Free ถึงขนาดที่อิสระจากการควบคุมของสมอง แต่ Free ในระดับหนึ่งสามารถควบคุมได้บางส่วนและควบคุมไม่ได้บางส่วน ผมเชื่อว่ามนุษย์มี Free will แต่ผมไม่บอกว่า Free will แข็งแกร่งกว่าแรงกระตุ้นอื่นๆ อาจจะเบาบางกว่าแรงกระตุ้นบางตัว (เช่น การจี้สัญญาณเข้าสมองโดยตรง) และอาจจะแข็งแกร่งกว่าแรงกระตุ้นบางตัวก็ได้ การที่ฮอวกิ้งและหลายๆ คนที่คัดค้าน Free Will โดยมองว่าถ้ามนุษย์ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว ถือว่าไม่มี Free will ผมคิดว่าตั้งธงผิด ที่แท้จริงแล้วถ้ามนุษย์สามารถถูก Predict พฤติกรรมได้ 100% เต็มต่างหาก จึงจะถือว่าไม่มี Free will เพราะไม่มีใครบอกเลยว่า Free will ต้องแข็งแกร่งกว่าแรงกระตุ้นไฟฟ้า ต้องแกร่งกว่าความเสียหายเชิงกายภาพ อาจจะเป็นแค่เจตจำนงบางๆ ก็ได้ การจะัคัดค้าน Free Will ต้องบอกว่า "ทุกแรงกระุตุ้นที่ควบคุมให้สมองทำงานนั้น ไม่มีตัวไหนเลยที่เป็น Random Factor ทุกตัวมีเหตุผล และ Pattern ของมัน" ผมไม่เห็นด้วยที่เอาเรื่องสมองมาบอกว่า Free Will มีหรือไม่ เพราะ Free Will คือการ Predict ไม่ได้ตะหาก ต่อให้เราสามารถควบคุมคนได้ในรูปแบบที่เป็น Bio Machine ได้ 100% เต็ม ก็ยังไม่สามารถหักล้างทฤษฎี Free Will ได้นะครับ เพราะเราอาจจะแค่ทำลาย Free Will ของ Machine ตัวนั้นด้วยแรงกระตุ้นอื่น แต่ถ้าเราไม่กระตุ้น ก็จะยังมีFree will โผล่เข้ามาควบคุมอยู่ดี แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 53 03:06:19 จากคุณ : Mariel เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 03:05:00

ความคิดเห็นที่ 93 ในความคิดของผม สิ่งที่เป็นผมตามมาของการไม่มี free will ก็คือทุกอย่างถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว (Predetermine) กำหนดว่าผมต้องมาเขียนกระทู้นี้ คุณต้องมาอ่านกระทู้นี้ กระทู้นี้ต้องเป็นกระทู้แนะนำ (555+) กำหนดว่าเราจะเป็นอย่างไรในอนาคต กำหนดไว้ทั้งหมดตั้งแต่จุดเริ่มต้นของทุกอย่างจนถึงจุดสุดท้าย(ถ้ามี) เรื่องของโชคชะตาลิขิตมีอยู่จริงแต่ไม่ใช่คำพูดในเชิงศาสนา เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นมีความเป็นไปได้อย่างเดียว ซึ่งเป็นผลมาจาก first cause ตามลำดับมาเรื่อยๆ แต่สุดท้ายแล้วมันไม่สำคัญเลยว่าจะมีหรือไม่มี free will เพราะใน illusion ที่ฮวคกิ้งพูดถึงเราได้ทำสิ่งต่างๆไปจริงๆ (หรือเปล่า?)  ความรัก ความเกลียดที่เป็นแค่สารเคมีในสมองที่อยู่ภายใต้กฎมีตัวตนอยู่จริงๆ แม้การเลือกของเราจะเป็น illusion ก็ตาม ยังมีประเด็นที่น่าสนใจอีกในหนังสือที่พูดถึงเรื่องกฎในธรรมชาติที่นำไปสู่เรื่อง free will ฮวคกิ้งได้ตั้งคำถามสำคัญสามข้อว่า 1.กฎต่างๆกำเนิดมาได้อย่างไร ? 2.กฎของธรรมชาติมีข้อยกเว้นหรือไม่ ? 3.กฎต่างๆที่เป็นไปได้ในเอกภพมีแค่ชุดเดียวอย่างนั้นหรือ มีกฎชุดอื่นอีกหรือไม่ ? อยากฟังความรู้ดีๆอีกครับ แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 53 03:34:50 แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 53 03:26:33 แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 53 03:22:12 แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 53 03:13:59 จากคุณ : Mr.Feynman เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 03:05:41

ความคิดเห็นที่ 94 ผมขอค้านแรงๆเลย คนเรามีการตัดสินใจตลอดเวลา ถ้าบอกว่าไม่มีfree will แล้วการตัดสินใจล่ะ เรียกว่าอะไร? บางทีเราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ เราโดนรบกวนให้ตื่นโดยไม่มีfree will แต่หลังจากตื่นแล้ว แน่นอนว่าเราสามารถเลือกจะนอนต่อหรือลุกจากเตียงได้ อย่าบอกว่าการถูกจำกัดแค่2ตัวเลือก คือไม่มี free will เพราะสำหรับเหตุการณ์นี้ มันเกิดขึ้นได้แค่สองแบบเท่านั้น(เช่นเดียวกับเหตุการณ์ใดๆ ย่อมมี2ตัวเลือกหรือมากกว่า แต่ก็ถือว่าจำกัดอยู่ดี) ถ้านิยามคำว่า free will ว่าไม่จำกัดจำนวน อันนี้ก็เหมือนจะอุปโลกทฤษฎี ที่แค่นิยามเข้าข้างความคิดตัวเอง แล้วจากนั้นจะตั้งทฤษฎีอะไรก็ถูกหมดแหละ จากคุณ : nohaha เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 03:56:41

ความคิดเห็นที่ 95 ...        เป็น กระทู้แนะนำไปแล้วครับ ท่าน จขกท พอผมกดปุ๊บมันก็ขึันให้เลย สงสัยรอผมละมั้ง (อันนี้โม้ครับ แต่จริงๆก็เพิ่งกดได้ไม่นานมันก็ขึ้นให้)                                                                                                    ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 04:39:28

ความคิดเห็นที่ 96 ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยวาดภาพว่า อันความเป็นไปของสรรพสิ่งในเอกภพทั้งมวลล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากหลากหลายปัจจัย มีความสลับซับซ้อนและยากแท้ที่จะคำนวณหาสมการมาอธิบาย เอาเป็นว่า ปัจจัยเหล่านั้นขึ้นอยู่กับสสารและพลังงาน ที่มีอยู่จริง แต่ถ้าท่านมีความสามารถที่จะตรวจวัดและคำนวณทุกๆปัจจัย จนกระทั่งสร้างสมการหรือแบบจำลองเพื่ออธิบายความเป็นไปของทุกสิ่ง อย่างถูกต้องได้แล้ว ท่านจะบอกได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พูดง่ายๆว่าท่านสามารถพยากรณ์ถึงอนาคตได้ทุกสิ่งทุกอย่างเลยทีเดียว จะว่าไปแล้วชีวิตของเราและท่านมันเป็นพรหมลิขิตอย่างแท้จริง เราไม่มีสิทธิ์ควบคุมสิ่งใดๆโดยสิ้นเชิง และ มันก็เป็นของมันอย่างนี้เอง สรุปได้อย่างไม่ต้องสงสัยว่ามนุษย์ไม่มีเจตจำนงเสรี แต่แล้ว Quantum Entanglement ก็ก้าวเข้ามาในชีวิต และมันก็ทำให้ข้าพเจ้าเขวจนได้ มันบอกเราว่า กลุ่มของปัจจัยที่เหมือนกันทุกประการ อาจก่อให้เกิดความเป็นไปที่แตกต่างกัน ไม่มีใครพยากรณ์อนาคตได้อย่างถูกต้อง ถึงแม้จะมีสุดยอดวิทยาการหรืออภินิหารหยั่งรู้ทุกสิ่ง มันก็ทำให้ข้าพเจ้าต้องทบทวนความคิดและมองอีกมุมหนึ่งว่า มนุษย์อาจจะมีเจตจำนงเสรี ก็เป็นได้ แต่ เจตจำนงเสรี มันคือการที่มนุษย์เลือกที่จะกระทำหรือไม่กระทำสิ่งใดโดยไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีสาเหตุที่จะมาอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ได้ ใช่หรือไม่ ? ถ้าใช่ มันอาจจะดูเหมือนว่าเป็นความเลื่อนลอยไร้เหตุผลที่เราและท่านอยู่ดีๆจะคิดหรือทำอะไรขึ้นมาเอง โดยที่ไม่สามารถชี้ได้ว่าอะไรที่ทำให้มันเป็นแบบนั้น หรือกำลังจะบอกว่า อะไรที่ว่านั้น ไม่ใช่สสาร ไม่ใช่พลังงาน ไม่ได้เป็นสิ่งที่เรารู้จักคุ้นเคยโดยสิ้นเชิง (วิญญาณ ?!?!? ) หมายเหตุ : แก้ไขคำผิดจาก เจตจำนงค์ เป็น เจตจำนง แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 53 08:21:08 จากคุณ : กระรอกเทา เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 06:02:25

ความคิดเห็นที่ 97 free will  &  non free will พรหมลิขิต   พระเจ้าบันดาล  กรรมเก่า  อิทัปปัจจยตา(เหตุ ปัจจัย) ผมเห็นความพยายาม ที่จะอธิบาย ทั้งจากแง่มุม วิทยาศาสตร์ และศาสนา อาจเป็นจุดบรรจบกันก็เป็นได้ free will คืออะไร ???????? อิสระที่จะเลือก  ใช่มั๊ย   แล้วก็มาถามต่อว่า  ทำไมต้องเลือกอย่างนั้น  มันก็มีตั้งแต่แรงขับภายในของคน การเรียนรู้ ประสบการณ์  เหตุปัจจัยภายนอก รวมกัน ประมวลผล แล้วตัดสินใจเลือก  อ้อ ลืมความแปรปรวนของอารมณ์ (สัญญาณขัดข้อง)  ข้อมูลเข้ากันได้เป๊ะ ก็ง่ายหน่อย ไม่งั้นก็คำตอบใกล้เคียง บางทีก็มั่วหรือสุ่มไปเลย แล้วบันทึกข้อมูลไว้  รอประกอบในการเลือกครั้งต่อไป มีกระบวนท่า ก็ คาดเดาได้ ไร้กระบวนท่า ก็ดูเลื่อนลอย ปรมาจารย์ทั้งหลาย สร้างกระบวนท่า(แบบแผน) จากการไร้กระบวนท่า จอมยุทธ์จึงมีท่าไม้ตาย จากคุณ : Timshel เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 07:25:33

ความคิดเห็นที่ 98 จะเป็นไปได้หรือไม่ถ้า แท้จริงแล้วมนุษย์อาจไม่มี Free Will แต่มนุษย์มีอัตตา อัตตาก่อให้เกิด "ตัวเรา ของเรา" ซึ่งอัตตานี้เป็นตัวการที่ทำให้เข้าใจว่ามี Free Will เพราะฉะนั้น ถ้าสามารถกำจัดอัตตาได้ จะสามารถเข้าใจกลไกการเกิด Free Will เข้าใจสรรพสิ่งต่าง ๆ และอาจจะพบความสุขที่เป็นอนันตกาล เหอ ๆ ไปซะแล้วลาบเลือด จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 09:24:35

ความคิดเห็นที่ 99 no free will สำหรับ จากการสังเกตุ และการคิด ผมว่ามันเป็น สัญญาน จากสมอง ที่คิดไว้แล้ว เพียงแต่เรากำหนดมันให้เป็นรูปออกมา มันยังรวมไปถึงทฤษฏี ช่วงเวลาเส้นเดียว  อันนี้ ทุกอย่างถูกกำหนด กับ ทฤษฏี ช่วงเวลาหลายเส้น[อนัน]  อันนี้ คงfree will ปลอมๆ  เพราะจริง มันเป็นได้ทุกอย่างอยู่ดี จากคุณ : joyrisus เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 09:24:40

ความคิดเห็นที่ 100 เหมือนๆ ว่า หว้ากอ จะคุยเรื่องนี้มาหลายรอบ แต่ก็ยังหา จุดสรุปกันไม่ได้ - -" จากคุณ : รักสาว มธ. (NoahComeBack) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 10:13:48

ความคิดเห็นที่ 101 ผมเลือกกินเม็ดสีฟ้าฮะ มอร์เฟียส จากคุณ : นีโม่ไม่ใช่นีโอ (kula_beauty) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 10:24:26

ความคิดเห็นที่ 102 ในส่วนของทางพุทธ ต้องว่ากันตรงจุดของปรมัตถ์ หรือความจริง ณ จุดท้าย ไม่ว่าธรรมชาติทั้งมวลมันจะพิลึกพิลั่นแค่ไหน ในจุดสุดท้ายของมันคือ รูป กับ นาม รูป และ นาม ในจุดท้าย  มันมีลักษณะ เกิด-ดับ  การเกิดและดับนี่เอง ที่เป็นตัวบ่งชี้ ถึงความ อนัตตา ในจุดสุดท้าย   เพราะ ระหว่างที่มันเกิด และ มันดับ ไม่สามารถเข้าไปคอนโทรล หรือ บังคับบัญชาแทรกแซงอะไรมันเลย มันเกิดและดับของมันอยู่อย่างนั้น บังคับบัญชาไม่ได้มันจึงมิใช่ตัวตนของใคร ทุกอย่างกระเพื่อมไปตามสิ่งเร้า กระทบกันไปเป็นทอด ๆ กระเพื่อมกันไปเป็นชั้น ๆ ตามเหตุปัจจัย สิ่งคล้ายฟรีวิลน่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อ หลุดจากกลไกที่เกิดดับ ไปสู่ความไม่เกิดไม่ดับ หลุดออกจากกฎทั้งปวง เป็นอิสระอย่างแท้จริง แต่ ไม่มีตัวตน เพราะตัวตนไม่เคยมี มีเพียงความเข้าใจผิด   ผมคิดว่าอิสระมีจริงแต่การบังคับบัญชาไม่มีจริง มันมีอยู่เพราะมีตัวกู การบังคับบัญชานั่นเองที่เป็นตัวบ่งชี้ว่ามันไม่อิสระเป็นภาระจากการแบกสมมติ แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 53 10:35:23 จากคุณ : Reverb เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 10:34:01

ความคิดเห็นที่ 103 เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น แค่นี้แหล่ะ เพราะพวกท่านกำลังพูดถึงสิ่งที่มี สิ่งที่เกิดขึ้น จากคุณ : Suomi เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 10:37:11

ความคิดเห็นที่ 104 สำหรับอันนี้ผมเห็นด้วย จากคุณ : Fatalbringer เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 11:37:13

ความคิดเห็นที่ 105 Reverb คุณ เข้าใจถูกต้องแล้วครับ ถูกต้อง แต่ถูกเท่าไร ยังมีคนสงสัยคิดแบบนี้อีกว่า อาจมีความจริงกว่านี้อีกหรือไม่นั่นก็คือ ความหลงคิดวกวนอยู่อีกหรือไม่นั่นแหละ ที่จะทำให้เราลังเลสงสัย ไม่อาจเข้าใจและหลุดพ้น ไปสู่ภาวะ Free Will ที่แท้จริงได้ และ Free Will ที่แท้จริงจะนำพาเราเข้าใกล้ความจริงกว่าที่ปัจจุบันนี้จะสามารถเข้าใกล้ได้ เพราะ ปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยให้ จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 11:41:33

ความคิดเห็นที่ 106 ในที่สุดวิทยาศาสตร์ก็กำลังพูดสิ่งที่พุทธศาสเข้าใจ และธรรมชาติมีอยู่ อยู่รู้ ความจริง จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 11:42:58

ความคิดเห็นที่ 107 ป้าดดดด  คม   . .  มีแต่ปลาตายเท่านั้นหละครับ ที่ไหลไปตามน้ำ .. . จากคุณ : puylogin เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 11:59:12

ความคิดเห็นที่ 108 55 บางทีปลาเป็นก็อาจไหลไปตามน้ำนะครับถ้ามันจะไปทางนั้นพอดี แถมฉลาดผ่อนแรงได้อีกต่างหาก 55 จากคุณ : ดัช (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 13:04:36

ความคิดเห็นที่ 109 -*- แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 53 13:06:43 จากคุณ : ดัช (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 13:06:14

ความคิดเห็นที่ 110 ขอแลกเปลี่ยนแนวคิด...บ้าง ส่วนตัวผมมองว่า...ความเชื่อของศาสนาพุทธสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ในระดับหนึ่ง ฝ่าย Deterministic : มีตัวแทนคือ "กฏแห่งกรรม" คุณทำสิ่งใดไว้สิ่งนั้นจะย้อนกลับมาสนองคุณในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง... เสมือนกับ สิ่งที่กระทำไปแล้ว ก็จะเป็นการกำหนดอนาคตไปในตัวเลยว่าจะต้องโดนสนองเช่นไร...เพียงแต่จะไม่รู้ว่าโดนสนอง เมื่อไร อย่างไร เมื่อกรรมที่คุณทำ...สามารถกำหนด รูปร่างหน้าตา ลักษณะนิสัย ฐานะการงาน และสิ่งที่จะเกิดกับคุณในอนาคตไปแล้ว ก็เท่ากับคุณไม่มี Free will ที่จะเลือกเอง...เพราะถูกกำหนดโดย "กรรม" ฝ่าย Free will : มีตัวแทนคือ นิพพาน   ในทางกลับกัน หากคุณอยากมี "ข้อยกเว้น"...ไม่อยากถูกกำหนด อยากมี Free will ที่แท้จริง คุณก็สามารถทำได้ โดยการ ไม่สร้าง "กรรมใหม่" ...ให้เกิดการกำหนด ชดใช้ "กรรมเก่า" ...ให้จบการกำหนด เมื่อไม่มี "กรรม" ก็ไม่ถูก "กำหนด".... เมื่อไม่ถูกกำหนด ก็มี Free will หลุดพ้นจากสงสารวัฏ...หลุดพ้นจาก "กฏแห่งกรรม" จากคุณ : ผ่านมาแซว (ไผ่แผ่วพริ้ว) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 14:55:17

ความคิดเห็นที่ 111 ตรวจแรกผมก็เข้าใจว่า เป็น สตีเฟน คิง ก็นึกว่า นักเขียนนิยายสยองขวัญ พูดเรื่องเกี่ยวกับ อิสระภาพ อะไร  (Free will ) จากคุณ : พ่อมดกระป๋อง เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 15:09:36