ความคิดเห็นที่ 1 มันวิ่งได้ 120 (160 เหมือนแอฟริกาใต้) ไม่ดีเลย์หลายชั่วโมงก็ดีใจตายแล้วครับ จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 14:30:55

ความคิดเห็นที่ 2 กินกันอีกแล้ว จากคุณ : มั้ง เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 14:55:55 A:180.183.210.3 X: TicketID:300785

ความคิดเห็นที่ 3 น่าจะเป็นเพราะว่าต้องเชื่อมต่อกับระบบที่วิ่งจากจีนผ่านทางลาวครับ หากทำไม่เหมือนกันต้องมาเปลี่ยนถ่ายรถ เสียเวลาและค่าใช้จ่ายบานเบอะ ความเร็ว200นี่ คงเน้นขนสินค้ามากกว่าคน ไม่ต้องเร็วสุดๆก็พอแล้ว ยังไงก็ถือว่าไม่ช้าหรอก คิดแล้ว กทม.-หนองคาย ไม่น่าเกิน 4 ชม. แค่นี้ก็ดีตายชัก อ้อ...ผมว่านะ......เขาเผื่อไว้ถ้ารฟท.ขับตกรางมั๊ง ขืนวิ่ง3-400 ตายโหงเรียบแน่ หุหุ จากคุณ : FreeWing เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 15:07:52

ความคิดเห็นที่ 4 ยิ่งท่ามกลางผลประโยชน์มหาศาลแบบนี้มันช่วงชิงกันขนาดไหน ยิ่งถ้าเทียบกับที่มีอยู่ปัจจุบัน โอยได้ 200 นี่ผมก็รักแล้ว จากคุณ : Big Worm. เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 15:09:39

ความคิดเห็นที่ 5 เพราะจีนเป็นเจ้าภาพ จากคุณ : thampitak 33 เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 15:21:55

ความคิดเห็นที่ 6 .....ทำไมต้องทำที่หนองคาย ต้องการเอาไปเชื่อมกับระบบรางของลาวครับ ....ซึ่งระบบรางของลาว ก็เชื่อมกับจีนอีกที จากคุณ : ginosty เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 15:23:50

ความคิดเห็นที่ 7 ทางสายหนองคายนั้น จีนเขาอยากเอาไว้ขนสินค้าและเชื่อมต่อยูนนานเข้ากับทะเลนั่นแลครับ ไม่ได้เน้นเอามาขนคนจริงๆหรอก การขนคนเป็นผลพลอยได้เท่านั้นแล ดังนั้นหากอยากร่วมทุนกับจีน ก็ต้องให้จีนเขาได้ผลประโยชน์ด้วย จึงจะไปเจรจาลงตัวครับ และจีนเขาก็สนทางเส้นทางสายนี้อยู่ มันเลยเจรจากันง่ายขึ้น สมมติไทยบอกว่า อยากสร้างทางรถไฟสาย กรุงเทพ-ตราด ให้จีนมาลงทุน ทางจีนไปดีดลูกคิดแล้ว ผลประโยชน์ไม่เพียงพอเขาก็บอกว่าไม่เอา......... สรุปว่า จะสร้างรางแบบไหน รถจักรแบบไหน วิ่งได้เร็วแค่ไหน เส้นทางสายไหน ก็ต้องไปเจรจากับผู้ลงทุนหรือผู้ร่วมทุนเอาครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 15:27:13

ความคิดเห็นที่ 8 ผมขอวิ่ง 90  แล้วตรงเวลา ไม่ตกรางก็พอแล้วครับ จากคุณ : AIM-9X เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 15:58:24

ความคิดเห็นที่ 9 หนองคาย - อุดร - ขอนแก่น - โคราช  ไม่ใช่เมืองใหญ่ตรงไหน จากคุณ : dust su เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 16:12:27

ความคิดเห็นที่ 10 หนองคายออกไปเมืองท่า ถานโฟวิน ของเวียตนามได้ครับ จีนมองสองทางเลือกคือจาก คุณหมิง ไปพม่า ออกอันดามัน เอาไว้ ขนส่งน้ำมัน และติดต่อกับอาฟริกายุโรปได้ และเอาไว้ต่อรองกับไทย กรณีไทยเล่นแง่ เช่นกัน ก้อเอาไว้ต่อรองกับพม่า กรณีพม่าเล่นแง่ ทีนี้ ที่ผ่านมาทางไทย เนื่องจากต้องการ ติดต่อกับ อาเซียน และต้องการยางพารา มันสัมปะหลังจากไทย ถ้าเปิดไทยได้ มาเลย์ กะสิงคโปร ก็ไม่ยากแล้วหละ แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 54 21:58:10 จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 16:15:57

ความคิดเห็นที่ 11 1435 มันเป็น standard guage นี่ครับ ใช้อันนี้ไม่เห็นแปลก ใอ้ 1520 นี่หารถ ยากกว่าอีกนะ ส่วนเรื่องเส้นทาง เค้าเลือกเส้นนี้เพราะจีนต้องการทำทางรถไฟไปให้ถึงสิงคโปร์ ซึ่งท่าจะทำออกทางเชียงราย ก็จะผ่านลาวแค่หลวงน้ำทา ลาวไม่ได้ประโยชน์ใดๆ จากทางรถไฟสายนี้ จีนเลยลากเส้นใหม่ ผ่านมันทั้งหลวงพระบางและเวียงจันทร์เลย มันก็เลยมาจรดไทยที่หนองคายครับ จบ จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 16:20:22 A:49.229.210.94 X: TicketID:135285

ความคิดเห็นที่ 12 อีกนานไหม กว่าจะขยายไปเส้นทางอื่นนิ  อยู่อุบล อยากนั่งมั่ง จากคุณ : ลัดลอบเลียบแล เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 17:37:03

ความคิดเห็นที่ 13 อยากได้รุ่นนี้อะ CRH 380A ความเร็ว 350-400 กม./ชั่วโมง แผลบๆ จากคุณ : unicorn-k เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 17:46:36

ความคิดเห็นที่ 14 ทำไมต้องราง 1520 ทั้งๆ ที่ ราง 1435 เป็นรางที่ใช้เยอะที่สุดในโลก และมีรถไฟความเร็วสูงให้เลือกเยอะแยะ 1. ป้องกัน รถไฟสินค้าจีน ที่มีมากมายมหาศาล ซึ่งสามารถทำรถไฟรางคู่ (ความจุทาง 2*96ขบวน) เต็มได้โดยรถไฟโดยสารไม่มีโอกาสได้วิ่ง โดยทางจีนจะอ้างว่า รถไฟโดยสารความเร็วสูงในไทย ขาดทุนขอไม่ทำต่อ และวิ่งแต่รถสินค้าจนเต็มความจุของราง กรณีนี้เคยเกิดที่จึนแลัว ที่รถไฟโดยสารไม่กำไร เลยวิ่งแต่รถสินค้า ปล่อยให้ชาวบ้านหาทางไปกันเอง (แต่บ้านเรามันคงฮั่วกับรถทัวร์ เครื่องบินมากกว่า เพราะไม่เห็นอีเกียวมาขัด แสดงว่ามีโอกาสที่มันจะตกลงกันแล้ว) ซึ่งจะเป็นจุดจบของรถไฟโดยสารไทย) 2. ป้องกันการครอบงำ รัฐวิสาหกิจจากเงินทุนต่างประเทศ เพราะอะไรที่เป็นการบริการพื้นฐาน การให้เอกชนผู้ขาด จะเป็นแบบ ปตท. ที่อ้างว่าขาดทุน ขอขึ้นราคาน้ำมัน ก็ยังอ้างว่าขาดทุนอยู่อีก แต่ดัน มีปัญญาซื้อบางจากกับสัมปทานถ่านหินของออสเตเรียได้ 3. ราง 1520 สามารถวิ่งได้ไกลกว่าถึงกว่า 30ประเทศในยุโรบ ไม่ได้ตันที่ชายแดนจีน-รัสเซีย และจีนก็มีแผนที่จะสร้างราง 1520 เช่นกัน( รวมมือกับการรถไฟรัสเซีย) RZD hxxp://forum1520.ru/en/-id=231.htm 4. ราง 1520 ก็มีรถไฟรถไฟความเร็วสูงเช่นกัน และหลายรุ่นด้วย เครดิส จากคุณMNLจากตุรกี แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 54 18:42:55 จากคุณ : ถุงกระดาษเปื้อนน้ำตา เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 18:41:52

ความคิดเห็นที่ 15 1. การสร้างทางรถไฟขนาด 1.52 m นั้นจะเพิ่มราคาการก่อสร้างอีกมหาศาลเลยหล่ะครับ ทั้งขนาดของตัวสะพาน, การจัดการหน้าดินที่จะทำการวางราง การขุดเจาะอุโมงค์หรือช่องเขาต่างๆที่รถไฟต้องพาดผ่าน (โดยเฉพาะช่วงจากมาบกระเบาข้ามภูเขาไปจนถึงสีคิ้ว) ยิ่งหากทำเป็นทางคู่แล้ว ค่าก่อสร้างจะบานตะไทแน่ๆ 2. เราต้องการการลงทุนจากจีนและเทคโนโลยีหน่ะครับ ซึ่งจีนเขาต้องการรางแบบ 1.435 m ซึ่งเป็นรางที่เขาใช้ภายในประเทศและหวังจะเชื่อมจีน-อาเซียน ด้วยรางแบบนี้ หากเราไปสร้างรางขนาดอื่นๆ ก็จะต้องเสียการสนับสนุนด้านทุนและเทคโนโลยีจากจีนครับ ต้องเปลี่ยนไปหาแหล่งเงินทุนจากที่อื่น จะเป็นภาระให้กับภาครัฐมากขึ้นไปอีก รัฐบาลของเรามีแผนจะสร้างทางรถไฟความเร็วสูงในอีกหลายเส้นทาง และพัฒนาระบบรถไฟดั้งเดิมไปพร้อมๆกันด้วย ซึ่งหากจะทำให้ดีเยี่ยมตามแต่ใจต้องการทุกอย่างนั้น ด้วยงบประมาณที่มีไม่น่าจะเพียงพอ และจะทำให้โครงการต่างๆต้องล่าช้าออกไปอีกครับ กลายเป็นวัฎจักรแบบสมัยโบราณคือ รอมีเงินก่อนค่อยทำ หรือทำไปทีละส่วนไว้มีเงินค่อยมาทำต่อ ทำให้เกิดทางรถไฟแบบด้วนๆขึ้นมาหลายสาย ทั้งสาย บ้านดารา-สวรรคโลก, ชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์-คีรีรัฐนิคม, ชุมทางหนองปลาดุก-สุพรรณบุรี เป็นต้น 3. เรื่องการจัดตั้งบริษัทหรือ MOU ร่วมกันจีนนั้น ต้องสร้างข้อกำหนดให้เหมาะสมครับ จะให้จีนจัดการทั้งหมดนั้นคงจะยอมไม่ได้แน่นอน รัฐบาลไทยต้องเข้าไปมีส่วนร่วมอยู่แล้ว เพื่อให้ทางเราได้รับผลประโยชน์ตอบแทนมากที่สุด ที่จะกลายเป็นแต่รถสินค้ามาวิ่งจนเต็มความจุทางนั้น ต้องเจรจากันให้ชัดแจ้งอีกที มีกฎเกณฑ์การให้แน่ชัดครับ ส่วนที่ทำไมประธานสมาคมรถขนส่งผู้ยิ่งใหญ่ไม่ออกมาต่อต้านนั้น ผมมองว่าอาจจะเพราะตลาดนั้นคนละส่วนกันมากกว่า รถไฟความเร็วสูงน่าจะคุ้มเงินสำหรับผู้นั่งในกรณีที่ต้องการเดินทางไกลๆครับ (เช่น กรุงเทพ-หนองคาย, กรุงเทพ-อุดรธานี) ส่วนกลุ่มที่นั่งระยะสั้นๆอย่าง กรุงเทพ-ปากช่อง, กรุงเทพ-ราชสีมา นั้นรถทัวร์ก็ยังมีส่วนแบ่งตลาดได้มากพอสมควร อาจจะต่อสู้ในเรื่องราคาหรือบริการมาทดแทนก็ว่ากันไป อีกทั้งจุดบอดของรถไฟความเร็วสูงอีกอันก็คือ มันจอดเฉพาะสถานีใหญ่ๆ วิ่งกันทียาวกว่าจะจอด (แต่ละสถานีห่างกัน 100-200 กิโลเมตรขึ้นไป) นั่นหมายความว่า หากคุณนั่งกรุงเทพ-อุดรธานี แล้วจะไปบ้านผือ, กุมภวาปี, หนองหาน ก็ต้องไปต่อรถอยู่ดี หรือนั่งไปหนองคาย แล้วจะไป โซ่พิสัย, ท่าบ่อ, ปากคาด ก็ต้องต่อรถอยู่ดี ส่วนหนึ่งผมเห็นว่า คนไทยไม่ชอบอะไรที่มันยุ่งยากหลายต่อหลายทบหลายทอดครับ ผู้โดยสารจำนวนมากยอมนั่งรถแบบต่อเดียวถึง แต่ใช้เวลานานกว่าก็มีอีกเยอะ แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 54 19:38:08 จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 19:27:21

ความคิดเห็นที่ 16 4. ถ้ารัฐบาลไทยเราลงมือเองหมด ผมคิดว่าไม่เหมาะสมด้วยประการละทั้งปวง เพราะมันเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่หนักเกินไปครับ ทั้งค่าก่อสร้าง, การจัดตั้งบริษัทมาทำเนินการ, ค่าเทคโนโลยี, ค่าประกอบการ และจิปาถะอีก แถมด้วยค่าโดยสารที่รัฐบาลเสนอออกมาในเบื้องต้น ซึ่งนับว่าไม่แพงเลย (ถูกจนน่าตกใจ) ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราจะต้องมีจำนวนผู้โดยสารเป็นจำนวนมากต่อวัน เพื่อให้ระบบสามารถเลี้ยงตัวเองได้และมีเงินจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ซึ่งรัฐบาลรับผิดชอบมาหน่ะครับ เช่นสาย กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 745 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 209,936 ล้านบาท สมมติต้องกู้ต่างประเทศมา ดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี หรือราวๆ 8.4 พันล้านบาท ให้สามารถจ่ายคืนเงินต้นได้ภายใน 40 ปี หรือ เฉลี่ยต้องเก็บเงินเอาไว้คืนเงินต้น+ดอกเบี้ยต่อปีราวๆ 1.35 หมื่นล้านบาทต่อปีครับ ต้องมีกำไรอย่างน้อยๆปีละ 1.35 หมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐบาลบอกว่าค่าตั๋วไปเชียงใหม่ต้องไม่เกิน 1200 บาท หรือ เฉลี่ยว่าต้องมีคนนั่งไปเชียงใหม่ปีละ 11.4 ล้านคน (สมมติว่าทุกคนนั่งไปสุดสายหมดนะครับ พวกนั่งไปกลางทางก็ตีว่าสุดสายไปด้วย) หรือตกวันละ 31000 คนต่อวัน ถ้า 1 ขบวนจุผู้โดยสารได้ 700 คน ก็ตก 44 เที่ยวต่อวัน (ไป 22 กลับ 22 เที่ยว ออกทุกๆ 1 ชั่วโมง) แบบเต็มทุกเที่ยว ซึ่งต้องตั้งคำถามว่า เป็นไปได้หรือไม่หน่ะครับ........ ทุกวันนี้รถทัวร์ กรุงเทพ-เชียงใหม่ (เอาแบบไปทุกอำเภอของเชียงใหม่มานับด้วย) มีราวๆ 250 เที่ยวต่อวัน นับว่าทุกคันจุผู้โดยสารได้ 40 คน (เพราะมันมีทั้งรถ 24-32 ที่นั่งปนกับ 40-55 ที่นั่ง เอากลางๆแล้วกัน) ก็คือตกวันละ 1 หมื่นคนครับ ซึ่งถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาล มันไม่มีทางเต็มได้เลย เฉลี่ยแล้วมีผู้โดยสารราวๆ 50-60% ของที่นั่งทั้งหมดต่อวันเอง (หรือก็คือ 5-6 พันคนต่อวัน) รวมเครื่องบินที่บินไปเชียงใหม่ ผมไม่ทราบมีวันละกี่เที่ยว แต่ตีว่ามีผู้โดยสารไม่เกิน 1 หมื่นคนต่อวันแน่ๆ และนอกนั้นก็คือคนที่ขับรถไปเอง รวมออกมาอย่างไรผมก็มองไม่เห็นเลยว่า เราจะหาผู้โดยสารจากไหนได้วันละ 3 หมื่นคน ที่เดินทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ได้ทุกๆวันครับ และแค่รายได้สำหรับเอามาจ่ายดอกเบี้ย+เงินต้นก็ยังหาไม่พอด้วยซ้ำ ไม่ต้องไปคำนึงถึงการหารายได้เพียงพอต่อค่าดำเนินการอีกเลย ซึ่งหากภาครัฐเป็นคนดำเนินการ มันก็จะต้องแบกรับภาระขาดทุนต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อยๆก็หลายสิบปี ในการลงทุนทางรถไฟสายเดียวคือ กรุงเทพ-เชียงใหม่ และถ้าต้องสร้างอีก 5 สายให้ครบตามแผนนี่ จะต้องแบกรักภาระขาดทุนอีกปีละเท่าไหร่ และต้องกู้เงินจากต่างชาติอีกมากแค่ไหนกัน จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 19:44:50

ความคิดเห็นที่ 17 ที่สรุปเเล้วมี2เส้นทางครับ กรุงเทพ-เชียงใหม่ กรุงเทพ-ระยอง น่าจะเสร็จปี2556ครับ     แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 54 19:53:10 จากคุณ : เฮียเล้ง เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 19:49:20

ความคิดเห็นที่ 18 ตีฆ้องร่วมทุนรถไฟความเร็วสูง "ระยอง-เชียงใหม่" ไม่ใช่แค่ "รถไฟฟ้าสายสีม่วง" โปรเจ็กต์แรกที่รัฐบาลนำร่องการลงทุนผ่าน PPPs สิ่งที่รัฐบาลกำลังผลักดันต่อคือ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง (High Speed Train) เพราะใช้เม็ดเงินลงทุนสูง ต้องให้เอกชนเข้าร่วมอีกแรง นำร่อง 2 สาย เงินลงทุนรวม 307,274 ล้านบาท สายแรก "กรุงเทพฯ-เชียงใหม่" 754 กิโลเมตร เงินลงทุน 232,409 ล้านบาท แนวเส้นทางผ่าน 11 จังหวัด มี 13 สถานี คือ สถานีพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี บ้านตาคลี นครสวรรค์ ตะพานหิน พิษณุโลก พิชัย อุตรดิตถ์ เด่นชัย ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทางเพียง 3.5 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 1,200 บาท รองรับผู้โดยสารได้ 34,800 คน-เที่ยว/วัน มีผลตอบแทน EIRR 13.58% สายที่ 2 "กรุงเทพฯ-ระยอง" 221 กิโลเมตร เงินลงทุน 74,865 ล้านบาท ตัดผ่าน 4 จังหวัด มี 5 สถานี คือ สถานีมักกะสัน ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พัทยาและระยอง ใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 350 บาท รองรับผู้โดยสารได้ 13,200 คน-เที่ยว/วัน ผลตอบแทน EIRR 13.05% รูปแบบการลงทุน มี 4 ทางเลือก คือ 1.รัฐบาลลงทุนทั้งหมด 100% 2.เอกชนลงทุนเฉพาะขบวนรถและ รับผิดชอบการเดินรถและซ่อมบำรุงรถ (10%) โดยรัฐจะลงทุนงานเวนคืน ก่อสร้างทางรถไฟ วางราง ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบสื่อสาร 3.รัฐและเอกชนลงทุน 50% 4.เอกชนลงทุน 30% ทั้ง 4 แนวทางนี้ เปิดเวทีทดสอบความสนใจ (market sounding) จากภาคเอกชนไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา ขณะนี้ "คลัง-คมนาคม" กำลังง่วนอยู่กับการประมวลผลภาพทั้งหมดเสนอให้คณะกรรมการ PPPS ที่มี "ดร.สามสี" ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เป็นประธาน พิจารณาก่อนเสนอ ครม.อนุมัติโครงการ แล้วส่งไม้ต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ เช่น สภาพัฒน์ กระทรวงคมนาคม เป็นต้น ใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี ขณะเดียวกันในเส้นทางคู่ขนาน เพื่อให้โครงการเกิดได้เร็วขึ้น ล่าสุด ทาง "กระทรวงการคลัง" กำลังแก้ไข พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ที่เป็นอุปสรรค เพื่อปลดเปลื้องความเสี่ยงเอกชนให้มากที่สุด เช่น เดิมขั้นตอนตาม พ.ร.บ. จะใช้เวลาดำเนินการ 48 เดือน จะให้เหลือ 1 ปีหรือ 1 ปีครึ่ง เป็นต้น คาดว่ากว่าทุกอย่างจะลงตัวพอดีกับกระทรวงคมนาคมออกแบบรถไฟความเร็วสูง 2 สายนี้เสร็จ ซึ่ง "โสภณ ซารัมย์" รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงคมนาคม ตั้งเป้าปลายปี 2554 นี้ คาดว่าจะลงมือก่อสร้างได้ ส่วนอีก 3 สาย คือ "กรุงเทพฯ-หนองคาย", "กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี" และ "กรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์" จะเจรจาจีนถึงรูปแบบการลงทุนในเร็ว ๆ นี้ ว่าจะเป็นในลักษณะไหน จากคุณ : เฮียเล้ง เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 19:53:33

ความคิดเห็นที่ 19 ท่านอุ้ยวิเคราะห์ได้เฉียบขาด ขนาดความห่างของรางที่เพิ่มมาอีกไม่ถึง ๑๐ซม.นั้น ไม่น่าทำให้ราคาค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นมหาศาลเท่าไหร่นักหรอก แต่เพิ่มขึ้นแน่ๆ แต่ประสิทธิภาพของรถ ไม่น่าจะแตกต่างกันมากมายกับราง ๑.๔๓๕ โดยเฉพาะกับความเร็วที่ต้องการ จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 20:01:11

ความคิดเห็นที่ 20 จากคุณ : ผมแอบชอบคุณ!! เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 20:11:15

ความคิดเห็นที่ 21 จุกเลย ฮิฮิ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 20:29:07

ความคิดเห็นที่ 22 บอกได้คำเดียวว่า ไทยไม่เหมาะกับรถไฟแบบจีนเขาหรอก จากคุณ : spindoctor เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 21:05:31

ความคิดเห็นที่ 23 บอกได้คำเดียวว่า ไทยไม่เหมาะกับรถไฟแบบจีนเขาหรอก จากคุณ : spindoctor เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 21:06:25

ความคิดเห็นที่ 24 บอกได้คำเดียวว่า ไทยไม่เหมาะกับรถไฟแบบจีนเขาหรอก จากคุณ : spindoctor เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 21:06:49

ความคิดเห็นที่ 25 @คห.11 1435 คือ standard gauge ครับ แต่ถ้าวัดระยะทางเฉพาะเอเซีย 1520 อาจจะมีมากกว่า 1435 เสียอีก ส่วนรถไฟราง 1520 มีรองรับทุกยี่ห้อครับ ไม่ได้หายากกว่าเท่าไร ที่ไม่อยากให้ใช้ราง 1435 เหตุผลคือ มันทำให้รถไฟสินค้าทั่วสารทิศจากจีนวิ่งเข้าไทย จนไม่สามารถทำให้ไทยวิ่งรถโดยสารได้ (ดูจากเส้นทาง หนองคาย-กรุงเทพ-ปาดัง)มันกะขนของอย่างเดียว ไม่ได้จะทำทางรถไฟความเร็วสูงให้ไทยหรอก เอะไม่ใช่ แค่ทางรถไฟธรรมดา แต่ใช้รถเบาๆ วิ่ง 200 เอาต่างหาก) ราง 1520 สามารถ "กัน" รถสินค้าจำนวนจากจีนได้ และยังสามารถต่อไปยุโรปได้กว่า 30ประเทศ (ไม่นับอดีตสหภาพโซเวียตนะครับ) ซึ่งถ้าจีนทำด้วย ก็สามารถขนของไปยุโรปได้ด้วยเช่นกัน อย่าโดนหลอกว่ารถไฟความเร็วสูง มันคือ ทางธรรมดา เอารถเบาๆมาวิ่งต่างหาก (เหมือนรถไฟบ้านเราที่เอารถดีเซลรางวิ่ง 160 มาวืง) แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 54 22:13:27 จากคุณ : ถุงกระดาษเปื้อนน้ำตา เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 22:12:22

ความคิดเห็นที่ 26 @คห.15 คุณ digimontamer ถ้าราคาต้นทุนจะสูงขนาดนี้ และยังวิ่งไม่เต็มศักยภาพ ควรที่จะเปลียนจากVelaroเป็นที่วิ่งได้เท่าที่ต้องการ(200) แต่ราคาถูกว่าไม่ดีกว่าหรอครับ Siemens Railjet รุ่นเดียวกับออสเตรีย ที่วิ่งได้ 200-230 ได้ โดยค่าตัวรถอยู่ที่ราว 600-650ล้านบาทต่อชุด ในขณะที่ Siemens Velaro อยู่ที่ 3000-3200ล้านบาทต่อชุด และหัวรถจักรของเรลเจ็ทสามารถนำไปทำรถสินค้าได้อีกด้วย แปลว่าการวิ่งแค่ 200 ต้องมีรถไฟสินค้าวิ่งร่วมแบบเยอะมากแน่ๆ เครดิส จากคุณMNLจากตุรกี จากคุณ : ถุงกระดาษเปื้อนน้ำตา เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 22:25:12

ความคิดเห็นที่ 27 แล้วจะเอาราง 1520 ไปต่อกับยุโรปตรงไหน? จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 03:32:31

ความคิดเห็นที่ 28 ศึกษาข้อมูลมาขาดๆ วิ่นๆ แล้วมาโวยวายแฮะ - -' เค้าจ้างมาขาย Siemens Railjet  หรือครับ? จากคุณ : t_boss32 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 04:41:37

ความคิดเห็นที่ 29 1. ราง 1.52 m นี่ผมเห็นส่วนใหญ่จะใช้กันในประเทศที่เคยเป็นเครืออดีตสหภาพโซเวียตนะครับ จีนสร้างรางแบบนี้เข้ามาในจีนบางส่วนก็เพื่อต่อเชื่อมกับรัสเซียเท่านั้น ประเทศในสหภาพยุโรปส่วนใหญ่ก็ใช้รางขนาด 1.435 m เป็นรางหลักในการเชื่อมรถไฟข้ามประเทศกัน (มีฟินน์แลนด์และโปลแลนด์ที่ใช้รางขนาด 1.52 m สำหรับรถไฟใต้ดินและรถไฟท้องถิ่นบางสาย) ปัญหาคือ สมมติเราไปใช้ราง 1.52 m จริงๆ และเกิดจีนยอมร่วมทุนกับเราจริงๆ เราไม่ได้ควบคุมอะไรให้อำนาจเขาดำเนินการหมด ถ้าเขาจะเอารถสินค้ามาวิ่งจนเต็มความจุรางก็ทำได้อยู่ดี เพราะแค่ตั้งปั้นจั่นขนตู้สินค้าจากแคร่ขนาด 1.435 m มายัดลงแคร่ขนาด 1.52 m และก็ออกวิ่งจากชายแดนลาวข้ามแม่น้ำโขงมาฟากไทยเท่านั้นแล (แต่มันยุ่งยากกว่าเดิม เสนอไปแบบนั้นจีนคงไม่เอาแน่ๆ และรัฐบาลเราก็ต้องไปหาแหล่งเงินกู้หรือผู้ร่วมทุนจากที่อื่นมาแทน) 2. ประเทศเราไม่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศในเครืออดีตสหภาพโซเวียตเลย ประเทศเพื่อนบ้านของเราใช้รางขนาด 1 m กันหมด ทั้งพม่า กัมพูชา มาเลเซีย แล้วเราจะไปสร้างรางเชื่อมกับประเทศในเครืออดีตสหภาพโซเวียตได้อย่างไร ประเทศที่ใช้ราง 1.52 m และใกล้ประเทศไทยที่สุดก็คือ อัฟกานิสถาน (เพราะรัสเซียไปสร้างไว้ให้ตอนยึดครองอัฟกัน) เราจะมีเงินลงทุนมากขนาดเป็นเจ้าภาพไปขอให้พม่า อินเดีย ปากีสถาน สร้างรางขนาด 1.52 m เพื่อขนสินค้าจำนวนมหาศาลจากไทยไปอัฟกานิสถานหรือ....... ซึ่งต่อให้พม่ายอมให้เราสร้าง แต่ผมว่าอินเดียไม่ยอมครับ เพราะเขาก็มีรางขนาดตามมาตรฐานของเขา (1.676 m) เขาก็ต้องบอกว่า จะสร้างก็ต้องทำตามเขาอยู่ดี 3. เรื่องหัวรถจักรที่จะเอามาวิ่งนั้น ต้องเจรจากันอีกยาวครับ ตอนนี้ลุ้นให้สามารถตกลงสัญญาร่วมทุนได้ โดยที่ไทยไม่เสียเปรียบและจีนพึงพอใจจนลงมือสร้างก่อนจะดีกว่า ผมหล่ะกลัวใจจริงๆว่ามันจะเหลว........ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 06:57:41

ความคิดเห็นที่ 30 จุดประสงค์เรื่องนี้ก็เพื่อขนสินค้าอยู่แล้วนิคะ ส่วนการขนคน เป็นเพียงผลพลอยได้ ดังนั้นการจะไปคิดเอากำไรจากค่าโดยสาร มาจ่ายเงินกู้ เห็นทีจะเจ๊งตั้งแต่ยังไม่ดำเนินการ แล้วอีกอย่างนึง การสร้างเป็นรางคู่ ทำให้ได้ความจุรางสูงขึ้นมาก เรียกได้ว่า จะวิ่งรถทุก 5 นาทีก็ย่อมได้ เพราะวิ่งตามกันไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีรถสวน ดังนั้นต่อให้จีนวิ่งรถสินค้าเต็มเหยียด ยังไงก็ยังมี slot ให้วิ่งรถโดยสารแทรกเข้าไปได้ ทำได้ไทยเราได้ค่าผ่านทาง บวกกับค่าโดยสาร เอามาชดเชยค่าใช้จ่ายลงทุน เพราะลำพังค่าโดยสารเพียวๆ คงจะไม่พออย่างที่คุณคำนวณไว้ข้างบน จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 08:54:21

ความคิดเห็นที่ 31 1. ตอนนี้ระบบรางรถไฟ Standard gauge กับ Russian gauge ยังคงต่อสู้กันอยู่ครับ ทั้งสองมาตรฐานหวังจะเป็นผู้นำในการเชื่อมยูเรเซียเข้าด้วยกันครับ ทางรัสเซียก็พยายามจะเชื่อมทางรถไฟของตนเข้ากับจีนและยุโรปกลางเพื่อเป็นผู้นำในการเชื่อมทวีปเข้าด้วยกัน แต่ทางยุโรป-จีน ก็พยายามจะเจาะเข้าไปในรัสเซียเหมือนกัน ตั้งแต่ปี 2007 ที่ปูตินไปเยือนยุโรปตะวันตกและเจรจาพยายามจะขอสร้างทางรถไฟขนาด 1.52 m เข้ามาในยุโรปตะวันตกตอนนี้คืบหน้าไปเล็กน้อยแค่บรรลุข้อตกลงในการสร้างทางรถไฟเข้าไปในออสเตรียครับ ส่วนในจีนยังไม่สามารถเจาะเข้าไปลึกในแผ่นดินจีนได้มากนัก จีนและยุโรปตะวันตกยังคงใช้รางขนาด 1.435 m เป็นมาตรฐานส่วนใหญ่ของตนอยู่ การที่เราจะไปผ่าเหล่าสร้างทางรถไฟขนาด 1.52 m ที่เชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ (แต่ต้องรอไปเชื่อมกับเพื่อนบ้านที่ไกลโพ้นในอนาคต) นั้นย่อมไม่เหมาะสมแน่ๆ ตามนโยบายของ ADB และการประชุมความร่วมมือในเอเชียตะวันออกนั้น มีมติร่วมกันให้ทำการเชื่อมการคมนาคมของภูมิภาคนี้เข้าด้วยกันครับ ซึ่งตอนนี้จีนกำลังรับบทเป็น:-)านในการสร้างทางรถไฟอยู่ โดยพยายามจะเข้าครอบงำและทดแทนทางรถไฟขนาด 1 m ที่ใช้กันแพร่หลายในย่านนี้ ซึ่งหากเราเลือกที่จะไปตามจีนแล้ว ก็ควรจะสร้างทางรถไฟแบบ 1.435 m ครับ เพื่อให้ไทยเชื่อมเข้ากับ จีน-ลาว ได้ และเป็นบันไดในการเชื่อมต่อไปกัมพูชา ไปมาเลเซีย ไปเวียดนาม ในอนาคต ซึ่งจะทำให้อาเซียนได้รับการเชื่อมโยงเข้าเป็นภูมิภาคเดียวกันอย่างแน่นแฟ้น 2. จีนหวังมาสร้างทางรถไฟ ก็เพราะต้องการทางออกทะเล เป็นหนทางเอาไว้ระบายสินค้า และขนวัตถุดิบกลับไป จีนมองเห็นผลประโยชน์มหาศาลนี้อยู่แล้ว ซึ่งไทยเราก็ควรจะใช้ความต้องการของจีนให้เป็นประโยชน์ต่อเรามากที่สุด สินค้าจีนเข้ามาได้ สินค้าไทยก็เข้าไปในจีนได้ เราต้องเร่งผลักดันให้อุตสาหกรรมของเราสามารถแข่งขันกับจีนและอยู่ร่วมกับจีนได้ ไม่ใช่ไปยืนต้านกระแสของจีนเนื่องจากมันต้านไม่ไหว 3. ตอนนี้จีนอยากสร้างทางรถไฟสายนี้จนตัวสั่นแน่ๆ เพราะจีนได้ลงทุนในลาวไปแล้ว ต้องขยายผลต่อให้ถึงที่สุดโดยการเชื่อมไปให้ถึงอ่าวไทยครับ เราใช้ข้อตรงนี้ในการต่อรองกับจีนได้ ไทยเราไม่สร้าง เราก็ไม่เดือดร้อนมากนัก แต่จีนไม่ได้สร้างสิ เขาเดือดร้อนแน่ๆ ใครได้เปรียบในการเจรจามากกว่าก็ไม่ต้องสงสัย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 09:12:52

ความคิดเห็นที่ 32 สรุป เพื่อ ขนส่งสินค้า @ คห. 31 คุณ digimontamer ขอบคุณ คุณdigimontamer มากครับ กระจ่างเลย หายข้อสงสัยแล้ว  ขอบคุณมากครับ @ คห.28 เค้าจ้างมาขาย Siemens Railjet  หรือครับ? ถ้าฉันได้ซัก 1 เปอร์เซนต์จากราคาต่อชุด คงจะดีไม่ใช่น้อยอ่านะ จากคุณ : ถุงกระดาษเปื้อนน้ำตา เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 11:09:35

ความคิดเห็นที่ 33 ผมก็คาดว่าจีนต่อรางมาเพื่อขนสินค้าแน่ๆครับ เหมือนถนนสาย R3A และ R3B ที่ลงทุนทำเสียกว้าง ก็ไม่ได้เอาไว้ให้ชาวพม่าชาวลาวขับรถเที่ยวเป็นหลัก แต่เอาไว้วิ่งรถสินค้าจากจีนลงมาทางใต้เป็นสำคัญ รถขนส่งคนเป็นรองลงไป ซึ่งทางการของ สปป.ลาว ก็ทราบข้อนี้ดี แต่เขาไม่มีทางเลือกมานักและมีอำนาจต่อรองน้อย จึงทำได้เพียงแค่พยายามขอให้จีนทำทางรถไฟผ่านเมืองสำคัญอย่างหลวงพระบางและเวียงจันทน์ครับ เพื่อให้ลาวได้เป็นฮับทางเศรษฐกิจและการขนส่งบ้าง หรืออย่างน้อยๆก็ทำให้ความรุ่งเ่ืรืองมาเยือนนครทั้งสองบ้างก็ยังดี แต่ไทยเรามีอำนาจต่อรองมากกว่า ทางเลือกก็มีมากกว่า ไหนๆจีนก็ออกอาการสนใจจนตัวสั่นขนาดนี้แล้ว เราก็ควรจะเจรจาให้ได้ผลตอบแทนมากที่สุด ได้รับความพึงพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายครับ ซึ่งผมก็หวังว่าแผนการร่วมทุนที่จะนำเสนอออกมานี้จะให้ผลประโยชน์แก่เราอย่างคุ้มค่าครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 13:40:48

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าพูดถึงการบริหารจัดการดีๆ  ขนทั้งสินค้าและคนในขบวนเดียวกัน เอารายได้มาแชร์กัน จะคุ้มทุนใหม?เพราะมีรายได้จากทั้งสองทาง จากคุณ : เต่าเทอร์โบ (udom.t) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 17:36:14

ความคิดเห็นที่ 35 จริงๆสามารถสร้างเป็นขบวนรถรวมก็ได้ครับ สมัยก่อนรถไฟไทยก็มีขบวนรถรวม (รถสินค้า+รถโดยสารไปด้วยกัน) เยอะแยะทีเดียว แต่ปัญหาคือขบวนรถรวมจะเดินรถได้ช้ากว่าขบวนรถโดยสารแท้ๆหน่ะครับ เพราะต้องมีการตัดต่อตู้สินค้าทิ้งเอาไว้ตามสถานีต่างๆที่เป็นจุดหมายของสินค้าด้วยครับ และรถรวมก็จะวิ่งได้ช้ากว่ารถโดยสารปกติครับ แต่ทว่า การมีรถรวมก็ดีเหมือนกันครับ ลดค่าโดยสารลงหน่อย แต่ต้องแลกมาด้วยเวลาที่นานขึ้นอีกนิด ให้ผู้โดยสารมีทางเลือกได้หลากหลายขึ้น จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 20:07:35

ความคิดเห็นที่ 36 โหลดสินค้าค่าระหว่างผ่านทางทุกวันตันละกี่บาทครับ สำหรับรถไฟ  ผมว่าเอามาแชร์ได้นะครับ  เพลอๆได้มากกว่าค่าคนขึ้นรถไฟอีก จากคุณ : หัวปลาทู เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 00:00:34

ความคิดเห็นที่ 37 จำเป็นจะต้องใช้การขนสินค้าเพื่อเลี้ยงตัวเองแน่นอนครับ ลำพังค่าโดยสารสำหรับขนคนนั้นไม่พออย่างที่ผมคำนวนเอาไว้แบบหยาบๆ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 07:13:46

ความคิดเห็นที่ 38 @spindoctor มีเหตุผลอะไรมาอ้างว่า บ้านเราไม่เหมาะกับรถไฟแบบจีน หาเหตุผลมาประกอบด้วยก็ดี ไม่ใช่พูดลอยๆ ไม่รู้จริงไม่ต้องโพสก็ได้ จากคุณ : Can you MMS? เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 17:16:00

ความคิดเห็นที่ 39 สำหรับผมแล้ว สร้างเร็ว ไม่เสียเปรียบซึ่งกันและกัน ไทย-จีน กากี่นั้ง ครับ คุยกันรู้เรื่องอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่เฉพาะสถานีหลักเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ บริเวณใกล้เคียง จังหวัดใกล้เคียงก็ได้อานิสงค์ด้วย เพียงแต่ใครจะมองเห็นโอกาส และเตรียมการกันอย่างไรเท่านั้น ดูคลิป ครับ แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 54 18:41:46 จากคุณ : FORTUNE เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 18:41:11

ความคิดเห็นที่ 40 ทำธุรกิจกับจีนบ่อยๆ บอกตรงๆว่า นิสัยขี้โกง หรือเอาเปรียบ ติดอยู่ในนิสัยคนจีนเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว จากคุณ : เลวอยู่เยอะ เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 02:56:45