ความคิดเห็นที่ 1 งบประมาณสร้างรางตามต่างจังหวัดคาดว่าไม่มี ส่วนมากจะทำรางเดี่ยว แล้วค่อยทำรางหลีกตามสถานีเอา เพราะรถวิ่งไม่ชุกชุมเหมือน กทม. จากคุณ : aekerteam เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 13:11:27

ความคิดเห็นที่ 2 เงินค่ะ ไม่มีเงิน รางวางมาตั้งแต่สมัยก่อนนานมาแล้ว ซึ่งสมัยนั้น การคมนาคมขนส่งคงยังไม่คับคั่งเท่าปัจจุบัน ก็เลยวางแค่รางเดี่ยวก็พอเพียงแล้ว  พอมาตอนนี้รถวิ่งกันมากขึ้น ต้องรอสับหลีก เพราะสวนกันไม่ได้ ครั้นจะมาเริ่มวางรางตอนนี้ ก็ไม่มีเงินซะอีก แต่เห็นว่า รฟท. กำลังได้งบก้อนใหญ่ เพื่อปรับปรุงระบบรถไฟทั่วประเทศ ซึ่งลำดับแรกๆก็คงเป็นเรื่องการวางรางคู่นี่แหละค่ะ ตอนนี้ก็สำเร็จไปหลายช่วงแล้ว รอบๆกทม. ก็มีอยู่หลายสายที่เป็นรางคู่ แต่ไกลๆออกไป ก็ยังรางเดี่ยวอยู่ คงต้องค่อยๆทำไป จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 13:14:44

ความคิดเห็นที่ 3 สเกล 40 กม. กับ 4,000 กม. มันต่างกันเยอะนะครับ จากคุณ : dial-up เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 13:26:27

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ครับ จากคุณ : iiixe_user เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 13:30:42

ความคิดเห็นที่ 5 ไปที่ลาดกระบังสิครับผมเห็นใช้มานานแล้วนะ แต่สำหรับนิสิตนักศึกษามากกว่า คนแถวนั้นน้อยเพราะมีรถส่วนตัวขับกันเยอะ จากคุณ : kongp (kongp) เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 13:41:46

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นว่าจะทำมานานแล้วนี่ ตอนนี้ถึงไหนแล้วไม่รู้ จากคุณ : Dequardo เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 13:43:11

ความคิดเห็นที่ 7 รถไฟไทย ช่างเป็นดินแดนมหัศจรรย์พันลึกเสียนี่กระไร ยิ่งกว่าneverlandของปีเตอร์แพนปะทะบ้านผีปอบ มีทั้งโจรสลัดและปอบหยิบ เมื่อไหร่หนอ!บ้านเมือง จะมีคนดีลุกขึ้นมาแปลงร่างปราบเหล่าร้ายพวกนี้ เอาไปถ่วงน้ำซะที ลูกเรือพร้อมแล้วครับ กัปตัน จากคุณ : เอาเมียไปเก็บที เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 13:47:53 A:61.7.190.96 X: TicketID:195832

ความคิดเห็นที่ 8 เคยได้ยินคุณสมัคร พูดถึงนโยบาย ทำรถไฟรางคู่ ตั้งแต่สมัยไหนแล้วก็ไม่รู้ มันไม่เกิดสักที จากคุณ : ..ฟ้าใส.. เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 13:57:36

ความคิดเห็นที่ 9 เอาสหภาพออก แล้วทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ในเวลาอันสั้น จากคุณ : จับได้โดยละม่อม Return เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 13:59:43

ความคิดเห็นที่ 10 รถไฟไทย 100 ปี ถ้าทำรางคู่ปีละ 50 กม. ป่านนี้ประเทศไทยจะมีรถไฟรางคู่ 5,000 กม. แล้วใช่หรือไม่ หรือเอาแค่ 10 ปีๆละ 50 กม. ตอนนี้จะได้รางคู่ถึง 500 กม. แล้วใช่หรือไม่ แสดงว่าผู้บริหารการรถไฟตลอดเวลาที่ผ่านมาไร้ซึ่งวิสัยทัศน์ใช่หรือไม่ ที่ต้องรองบก้อนโตก้อนเดียวเพื่อจะทำ จากคุณ : Big Worm. เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 14:00:54

ความคิดเห็นที่ 11 งานนี้ เป็นอุบัติเหตุ ที่เกิดขึ้นจากความประมาทและสัปเพร่าของคนเพียงคนเดียว ที่สับรางไม่ดี ทำให้รถไฟซึ่งควรจะวิ่งอยู่บนสองรางคู่กันที่สถานี กลับกลายมาอยู่บนรางเดียวกัน ปกติที่สถานี จะมีหลายราง ขนานกันอยู่ ปล. รถไฟ ไม่สมควรลงน้ำออกทะเล อาจทำให้รถไฟขึ้นสนิมได้ จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 14:02:22

ความคิดเห็นที่ 12 กฟท หน่วยงานนี้ขึ้นชื่อเรื่อง ความซื่อสัตย์ ไม่โกงกิน อยู่แล้วครับ ทำส้วมห้องละ 8 ล้าน ค่าเช่าที่ดิน ฯลฯ แต่งบมันได้น้อยจริงๆ นาคร๊าฟ เชื่อหน่อยเต๊อะ จากคุณ : xhai เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 14:04:04

ความคิดเห็นที่ 13 รู้สึกเหมือนเอาทรัพยากรของชาติ ภาษีของประชาชน ไปให้พวกปลิงเกาะกินอีกแล้ว อยากให้เอาระบบรางออกมาจัดการ แยกจากระบบเดินรถไฟ เป็นคนละบริษัทไปเลย จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 14:08:50

ความคิดเห็นที่ 14 มันไม่ใช่ไม่มีเงินหรอกครับ ผมว่าไม่มีสมองมากกว่า จากคุณ : กัดจัง เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 14:12:24

ความคิดเห็นที่ 15 คำถามง่าย แต่ตอบยาก จากคุณ : Sueak! เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 14:21:38

ความคิดเห็นที่ 16 มันไม่มีทรงทำได้ครับพูดไปก็แค่นั้น ลงชื่อก็แล้วยื่นหนังสือก็แล้ว ฟ้องศาลก็แล้ว ยังทำอะไรไม่ได้เลย จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 14:40:13

ความคิดเห็นที่ 17 ต้นเหตุ -ไม่มีวิสัยทัศน์ ..........ในการหาเงิน และบริการ จากคุณ : atto-zepto-yocto เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 15:05:55

ความคิดเห็นที่ 18 ความสามารถในการคิดจะทำ ไม่มีครับ จากคุณ : mangwan เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 15:12:33

ความคิดเห็นที่ 19 จากความเห็นที่ 5  นำมาใช้ประมาณเวลาพอได้ครับ มีแผนทำรถไฟรางคู่สายตะวันออก ตั้งแต่ปี 2533 แต่จนแล้วจนรอด จนปี 2538 ก็ยังไม่ได้ทำ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 15:20:19

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นเกิดปัญหาเดิมๆ รถไฟชนกันเพราะสับรางผิดออกบ่อย น่าจะทำรางคู่นะคะ กลุ้มแทนเอาตังค์ไปทำไรกันหมด สิ่งที่ควรทำกลับไม่ทำ - -' จากคุณ : โลกนี้ช่างโหดร้ายนัก เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 15:51:12

ความคิดเห็นที่ 21 อุบัติเหตุที่พัทลุงเป็นการชนกันในย่านสถานีเนื่องจากสับประแจผิดครับ ไม่เกี่ยวกับทางเดี่ยวทางคู่เลยนา สถานีรถไฟพัทลุงมีรางทั้งหมด 4 ราง ครับ และชานชลาอีก 2 แห่ง พอทีรถสินค้ามันจอดตายอยู่ที่กลางทาง ข.36 เลยเดินทางต่อไม่ได้ ต้องถอดหัวไปลากรถสินค้าจากกลางทางใกล้ๆสถานีปากคลองกลับมาที่สถานีรถไฟพัทลุงครับ ทีนี้ตอนถอยเนี่ย พนักงานคุมประแจสับรางผิด แทนที่จะส่งรถสินค้าเข้ารางที่ 2 ดันส่งเข้ารางประธานที่ ข.36 จอดทำการอยู่ มันเลยชนกันเต็มโครม งานนี้พนักงานคุมประแจผิดเต็มครับ ต้องสอบสวนกันต่อไป แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 54 16:01:04 แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 54 15:59:31 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 15:57:02

ความคิดเห็นที่ 22 ผมเดินไปเรียนข้ามรางรถไฟเที่ยวละ4ราง ไม่เกี่ยวกับกระทู้เท่าไหร่ จากคุณ : กรุงเทพ-บางลี่ เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 16:01:39

ความคิดเห็นที่ 23 ส่วนทำไมถึงไม่ทำทางคู่ทั้งประเทศ คำตอบก็คือไม่มีงบประมาณครับ การรถไฟเป็นรัฐวิสาหกิจก็จริง แต่การจะสามารถสร้างเส้นทางเพิ่มเติมหรือสร้างรางเพิ่มเติมได้นั้น จำเป็นที่จะต้องอาศัยการอนุญาตและความเห็นชอบของรัฐบาลครับ จึงจะดำเนินการกระทำได้ (เพราะต้องมีการออกพระราชกฤษฏีกาเวนคืนพื้นที่ หรือขับไล่ผู้ที่เข้ามาอาศัยในพื้นที่ของการรถไฟ) ดังนั้นถึงการรถไฟอยากจะทำ แต่รัฐบาลไม่อนุมัติและไม่มีงบประมาณลงมาก็กระทำไม่ได้ครับผม อีกประการก็คือ ในหลายๆเส้นทางมีรถไฟวิ่งผ่านจำนวนน้อยครับ ไม่คุ้มมูลค่าในการทำทางคู่ เลยต้องใช้ทางเดี่ยวไปก็พอ อย่างเช่นช่วงระหว่าง ปราจีนบุรี-อรัญประเทศ เป็นต้น ทั้งวันมีรถไฟโดยสารวิ่งอยู่ 4 ขบวน 8 เที่ยว ทำทางคู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 16:04:31

ความคิดเห็นที่ 24 ผมสงสัย แล้วพนักงานโดนทำโทษอะไรบ้าง คงไม่ใช่แค่หักเงินเดือนหรือตักเตือนเพราะเป็นเหตุสุดวิสัยหรอกนะ จากคุณ : นฤมลประการ เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 16:14:02

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านความเห็น 23 คงรู้แล้วใช่ปะว่าทำไมถึงไม่ทำ เห็นปะ รถไฟสามารถโยนความผิดให้คนอื่นได้เสมอ จากคุณ : ผีหัวดำ เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 16:32:33

ความคิดเห็นที่ 26 #23 อ่านแล้วน่าจะเข้าใจถึงวิสัยทัศน์ของรฟท. "วัวไม่หาย เราไม่ล้อมคอกเด็ดขาด" พูดอย่างกับเวลาจำเป็นขึ้นมามันจะสร้างเสร็จใน 2 วัน จากคุณ : Tama2kun เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 16:56:20

ความคิดเห็นที่ 27 เงินมันไม่มีนะซิ จากคุณ : Pu121 เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 17:55:46

ความคิดเห็นที่ 28 ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า รฟท. เป็นทั้ง ผู้ให้บริการ ผู้ควบคุมกฏ และก่อสร้างสาธารณูปโภค ยกตัวอย่างถ้าเป็นการขนส่งทางถนน - กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท เป็นผู้ก่อสร้างถนนให้คนอื่นวิ่งใช้ฟรีๆ โดยแต่ละปี ทั้งสองหน่วยงานได้รับงบประมาณก้อนโตสำหรับก่อสร้าง - กรมการขนส่งทางบก เป็นผู้ควบคุมกฏระเบียบการใช้รถใช้ถนนให้มีการใช้งานได้โดยถูกต้อง และมีความปลอดภัย - ผู้ให้บริการ ก็มีมากมาย ตั้งแต่ บขส. ขสมก. เจ๊เกียว รถแดง รถยนต์ส่วนบุคคล รถบรรทุก ฯลฯ แตละหน่วยงาน ทั้งสามพวก ต่างก็ได้รับงบประมาณ ในการดำเนินงานตามภารกิจของตน แต่กรณีของรถไฟ ซึ่งทำหน้าที่ทั้งสามพร้อมๆกัน แต่ได้รับงบประมาณหยิบมือเดียว เมื่อเทียบกับทางถนน แล้วมันจะไปทำอะไรได้มากล่ะ ลำพังจะพึ่งแต่ค่าโดยสาร ก็ไม่พอรับประทานแล้วเจ้าค่ะ ไม่ต้องคิดจะไปสร้างราง หรือทำอะไรเพิ่มเลย ถ้าลองให้ บขส. ต้องออกเงินตัดถนนเอง ก็รับรอง เจ๊งพอกัน จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 18:47:00

ความคิดเห็นที่ 29 การรถไฟการบริหารจัดการแย่ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาหล่ะ จากคุณ : ninejpv46 เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 18:53:32

ความคิดเห็นที่ 30 วิสัยทัศน์ มี     งบประมาณ  เงินลงทุน หาได้  มี คนนั่ง คนจะใช้ บริการ  มี แต่ทั้งหมดมันไปขัดผลประโยชน์ คนใน  คนนอก เท่านั้นเองไม่มีอะไรหรอก.... แต่ก็ไม่ได้ว่า  รฟท  อย่างเดียวนะ ถ้ารัฐจะเอาไปเงินลงเอง.....เงินคงไม่ใช้น้อยก็มีระดับท่านๆ  รอจะ.......อยู่ และต้องให้ รฟท ทำเอง  มันเลยอยู่เงื่อนไขที่ว่าลงทุนสูง  แต่ ควบคุมไม่ได้ ห้ามยุ่งกับสหภาพ  ไม่รู้จะกินต่ออีกทอดหรือเปล่า  การบริการจะแย่ บริหารแย่ ยังไง รัฐ  คนนอก ห้ามยุ่ง    ผล คือโอกาส  เจ๊ง สถานเดียว   ทุกวันนี้ รัฐเลย  ไม่ลงทุน แต่จำเป็น....ต้องอุดหนุนพอไม่ให้ตาย หรือ เอกชนจะลงทุนทำแต่ก็อยู่ในเงื่อนไขที่จะขัดต่อสหภาพ   เพราะต้องไปควบคุมค่าใช้จ่าย แปรรูป ก็กระทบอีก   และความน่าเชื่อถือในเอกชนนั้นๆจะทำเิงินเข้ากระเป๋าตัวเองแบบหน้ามืดหรือเปล่า.... ... มันเลยอยู่ในภาวะ คนใน   ถึงจะบริการแย่ยังไง  รัฐ คนนอกห้ามยุ่งกับผลประโยชน์  ตรู แต่บางคนใน รฟท ก็กลัวคนนอกมางาบผลประโยชน์จากรัฐก็มี  เช่น ที่ดิน กับ คนนอก  ของาบด้วยคน  จริงๆจะหาเอกชนมาทำแบบไม่งาบหรืองาบน้อย ก็ได้  แต่ที่นี่เมืองไทย... เลยไม่รู้จะไปทางไหนดี.... แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 54 19:47:10 จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 19:25:49

ความคิดเห็นที่ 31 ลองแปรรูปซิ  แล้วจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 54 19:28:01 จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 19:26:43

ความคิดเห็นที่ 32 ผมก็ว่างั้นแปรรูปดูแล้วรู้ว่ามันเวิร์ก ขนาดไหน จากคุณ : PredatorNeverdie เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 19:43:59

ความคิดเห็นที่ 33 ดูเอาเถิด ปัจจุบันการรถไฟมีหนี้สินราวๆ 7.3 หมื่นล้านบาท แบ่งออกเป็น 1. เงินกู้ที่มาจากงานด้านโครงสร้างพื้นฐาน 14,320 ล้านบาท คือรัฐบาลเป็นคนให้การรถไฟกู้มาจัดสร้างทางเพิ่มเติม หลักๆก็เช่นการทำทางคู่ช่วง ฉะเชิงเทรา-มาบตาพุต และการสร้างทางสาย ชุมทางคลองสิบเก้า-ชุมทางแก่งคอย) 2. เงินกู้เพื่อบริหารด้านรถจักรและล้อเลื่อน 12,331 ล้านบาท อันนี้เป็นค่าซ่อมบำรุงรถจักร โบกี้รถไฟต่างๆ ค่าอะไหล่ และค่าที่รัฐบาลให้การรถไฟกู้เพื่อจัดซื้อหัวรถจักรในยุคสมัยต่างๆ 3. เงินกู้เพื่อจัดสร้างโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ 22,345 ล้านบาท รัฐบาลให้การรถไฟกู้เพื่อเอามาสร้าง 4. เงินกู้ที่ทำให้เกิดหนี้สินอื่นๆ (กู้เพื่อแก้ไขการขาดสภาพคล่อง) อีก 23,854 ล้านบาท ข้อ 2. กับ 4. คงจะต้องโทษการบริหารเงินทองของการรถไฟเอง แต่ 1. กับ 3. เนี่ยเป็นหนี้สินที่รัฐบาลยัดเยียดมาให้ทั้งสิ้น ตกลงใครเป็นตัวก่อหนี้กันแน่ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 20:31:12

ความคิดเห็นที่ 34 สินทรัยพ์ของการรถไฟถูกนักการเมืองเบียดบังมาแต่สมัยอดีต ตัวอย่างก็คือขุมทรัพย์ขนาดมหึมาย่านสวนจตุจักร ที่การรถไฟโดยด่าว่า บริหารอย่างไรทำไมเก็บไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย......... แต่ขอให้ท่านลองอ่านข่าวนี้ดูก่อนครับ ที่มาของข่าวจาก หน้า 8 ข่าวสดรายวัน ฉบับที่ 7344 ประจำวันที่ 7 มกราคม 2554 "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ส่งหนังสือแจ้งกทม. จะไม่ต่อสัญญาเช่าที่ตลาดนัดจตุจักร ซึ่งล่าสุดตนได้หารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ ได้พิจารณาว่าจะต้องเป็นไปตามโครงสร้างเดิมที่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดูแล แต่หาก รฟท.จะบริหารเองจะต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เนื่องจากครม.มีมติเมื่อปี 2522 ให้ กทม.เป็นผู้บริหารส่วน เรื่องผลตอบแทนในค่าเช่าขณะนี้มอบหมายให้นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. หารือกับคมนาคมอีกครั้ง ด้านนายพรเทพกล่าวว่า สำหรับค่าเช่าที่เหมาะสมนั้นน่าจะมีราคาต่ำกว่าองค์การตลาดสินค้าเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) ประมาณ 30% หรือคิดเป็นจ่ายค่าเช่าให้ รฟท.เพิ่มขึ้นเป็น 44 ล้านบาทต่อปี จากเดิม 22 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว รฟท.น่าจะยอมรับได้" สรุปก็คือ ตามมติ ครม. เมื่อปี 2522 ได้บีบให้การรถไฟเอาที่ดินบริเวณสวนจตุจักรให้ กทม. เช่าครับ เพื่อเป็นสถานที่ให้ผู้ค้าขายจากแถวสนามหลวงอพยพมาขายสินค้ากันในสวนจตุจักรแทน โดย กทม. ทำการเช่าจากการรถไฟด้วยค่าเช่าปีละมากถึง 1.6 ล้านบาท (ช่วงปี 2530-34) และได้เจรจาเพิ่มเป็นปีละ 2.7 ล้านบาท (ปี 2535-39) และเพิ่มเป็นปีละ 3.4 ล้านบาท (ระหว่างปี 2540-2551) จนตอนหลังการรถไฟขอเพิ่มเป็นปีละ 20.8 ล้านบาท ในปี 2551-53 และ 24.2 ล้านบาทในปีที่ผ่านมาครับ แต่ กทม. บอกว่าการรถไฟเก็บค่าเช่าที่แพงเกินไปครับ กทม. จ่ายไม่ไหวหรอก เพราะสัญญาใหม่ กทม. บอกว่าจ่ายได้มากสุดแค่ปีละ 44 ล้านบาทเท่านั้น คำถามคือ ท่านก็ทราบดีว่า แผงค้าในจตุจักรแค่ค่าเซ้งก็ล่อกันเป็นล้านๆบาท กับแผงขนาดไม่กี่ตารางเมตร แล้ว กทม. ได้ค่าเช่าปีละเท่าไหร่ แต่เอามาจ่ายให้การรถไฟปีละ 20 ล้านบาทเศษๆ..... จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 20:40:31

ความคิดเห็นที่ 35 """แผงค้าในจตุจักรแค่ค่าเซ้งก็ล่อกันเป็นล้านๆบาท กับแผงขนาดไม่กี่ตารางเมตร แล้ว กทม. ได้ค่าเช่าปีละเท่าไหร่ แต่เอามาจ่ายให้การรถไฟปีละ 20 ล้านบาทเศษๆ....""" ต้นสัญญาที่จ่ายให้กับกทม. คงไม่กี่บาท ที่แพง เพราะมีความต้องการสูง เซ้งต่อๆกันไป ปั่นราคากันจนเป็นล้านมากกว่า จะให้กทม.ได้เงินเยอะ กทม.ก็ต้องรื้อสัญญา กทม.จะกล้ารึ ทั้งคนเช่า และคนในกทม.ที่มีผลประโยชน์อยู่กับการให้เช่า จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 21:03:20

ความคิดเห็นที่ 36 อย่าว่าแต่รางเลย เครื่องไม้เครื่องมือในการซ่อมอุปกรณ์ ต่างๆ ยังไม่มีของใหม่ๆให้เลย จากคุณ : ชปว038 เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 21:46:44

ความคิดเห็นที่ 37 การรถไฟจะไม่ต่อสัญญาเช่าตลาดนัดจตุจักรกับ กทม. ครับ เพราะการรถไฟบอกว่าจะบริหารงานเอง น่าจะทำรายได้มากถึง 1.5 พันล้านบาทต่อปีทีเดียว โดยจะขจัดพวกเช่าช่วงออกไปให้หมด แต่โดนต่อต้านจากทั้ง กทม. และแผงผู้ค้าในตลาดว่าเอาเปรียบเกินไปและไม่เห็นใจประชาชน ท่านนายกเลยออกมาเล่นเองดังข่าวว่า จะพยายามดูแลให้การรถไฟยอมต่อสัญญากับ กทม. ครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 21:52:20

ความคิดเห็นที่ 38 ^ งั้นถามต่อหน่อย ทำไมจุฬาทำได้ มันอยู่ที่ผู้บริหารหรือเปล่า ดูเหมือนการรถไฟจะทำอะไรก็ติดขัดปัญหาไปซะหมด ผมว่าทุกองค์กรก็มีปัญหา และผู้บริหาร ผู้ว่า ที่จ้างกันมาแพงๆ ก็เพื่อมาแก้ปัญหาเหล่านั้น จากคุณ : กะต่อ เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 01:22:12

ความคิดเห็นที่ 39 จุฬาลงกรณ์มีอำนาจจัดการทรัพย์สินของตนอย่างเต็มที่ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมหาวิทยาลัยออกนอกระบบแล้ว แต่การรถไฟไม่ใช่เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่ผูกติดกับรัฐบาล จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 06:30:58

ความคิดเห็นที่ 40 ู^ ^ งั้นต้องแปรรูปครับ จะได้ไม่ผูกกับรัฐบาล จากคุณ : เกิดในที่สว่าง เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 11:15:25

ความคิดเห็นที่ 41 ... ถ้าการรถไฟเข้ามาบริหารตลาดจตุจักร ในความเป็นจริงก็คือ ดึงกลับมาแล้วก็เรียกเอกชนเข้ามารับช่วงบริหารต่อไปแทน ใครอยากได้ก็ต้องมีการจ่ายใต้โต๊ะแน่ ๆ จากคุณ : ปลาทูออนไลน์ เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 12:15:09

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่มีทางแก้ปัญหาเลยหรือครับ เอาแบบจริงจังเลย (อันนี้ถามจริงๆ นะครับ สงสัยมานานแล้ว) จากคุณ : LedZepp เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 12:34:16

ความคิดเห็นที่ 43 คงยากพอๆกับบอลไทยจะไปมวยโลกแหล่ะครับ จากคุณ : Peet Reloaded เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 13:40:07

ความคิดเห็นที่ 44 ทางแก้ในความเห็นของผมก็คือ ทำการแยกการรถไฟออกเป็นหน่วยจัดการด้านทรัพย์สิน, หน่วยจัดการด้านการเดินรถ, หน่วยจัดการด้านการบำรุงทาง แยกขาดจากกันไปเลยหน่ะครับ ด้านทรัพย์สินนี่ก็เน้นหารายได้จากการดูแลที่ดินของการรถไฟล้วนๆ ด้านการเดินรถก็เน้นที่การดูแลด้านการโดยสารรถชนิดต่างๆ ด้านการซ่อมบำรุงก็ดูแลด้านการซ่อมราง รถ และขยายเส้นทางไปด้่วยเลย แต่รัฐบาลคงจะต้องอัดฉีดเม็ดเงินลงมาช่วยในการก่อตั้งและทำการขยายเส้นทางให้การรถไฟเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้มากขึ้น จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 13:45:48

ความคิดเห็นที่ 45 นอกเรื่องหน่อย เพิ่งเห็นข่าว ค่าเช่าตลาดจตุจักรที่กทม.ได้จริง แค่แผงละ 120 บาทเองครับ แต่เจ้าของสิทธิ์แผง ไปปล่อยเช่าช่วงต่อ ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 15000 บาทถึง 40000 บาท หรือเซ๊งไปเลยแผงละ 1.5ล้าน-3ล้านบาท ส่วนต่างมหาศาล มันเข้ากระเป๋าใคร? ทำไมมันไม่เข้ากับเจ้าของที่แท้จริงเลยล่ะ? คำถาม ทำไมถึงทำให้เกิดการเช่าช่วงกันได้ นั่นแปลว่าสัญญาที่ผู้ค้าทำไว้กับผู้บริหารตลาดไม่รัดกุมตั้งแต่แรกน่ะซี (มันก็มีนอกมีในตั้งแต่แรกแล้วล่ะ) ลองดูตัวอย่างการบริหารจัดการเช่าพื้นที่ขายในห้างสรรพสินค้าได้ ค่อนข้างรัดกุมมาก และสัญญาต้่องปีต่อปี ขึ้นค่าเช่าตลอด เปลี่ยนหน้าร้านโดยไม่ผ่านการตรวจของศูนย์ ก็โดนยกเลิกได้ทันที ต้องปรับปรุงหน้าร้านตาม trend ของห้างทุกปี ผู้เช่าแทบไม่มีโอกาสไปหากำไรจากการให้เช่าช่วงได้สักเท่าไร จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 14:03:38

ความคิดเห็นที่ 46 1. ถ้ามันเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก = เกิดจากความผิดพลาดของระบบ 2. ถ้ารู้ว่ามีความผิดพลาดของระบบแต่ไม่แก้ไข = จงใจให้เกิดข้อผิดพลาด 3. จงใจให้เกิดข้อผิดพลาด = มีผลประโยชน์แอบแฝง แล้วทำไมคนที่ตรวจสอบระบบถึงไม่แก้ไข --> กลับไปเข้าข้อที่ 2 จากคุณ : vermillion เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 15:29:38

ความคิดเห็นที่ 47 ใช่ครับ ค่าเช่าแผงค้าขายที่จตุจักรนี่เดือนละ 32 บาทกว่าๆต่อพื้นที่ค้าขาย 1 ตร.ม เท่านั้น ที่ กทม. เรียกเก็บจากผู้ค้า แต่มูลค่าจริงๆมันมหาศาลมาก เพราะมีการเช่าช่วงต่อๆกันยาวเป็นหางว่าว (ผู้เช่ายุคแรกๆที่ย้ายมาจากสนามหลวงเมื่อราวๆปี 2520 นี่จะเหลือกี่แผงผมก็ไม่แน่ใจ) กทม. ทำการป้องกันตรงนี้ล้มเหลวอย่างรุนแรง ทำให้ กทม. อ้างว่าเก็บค่าเช่าได้เท่านี้ (กทม. ได้ส่วนต่างจากค่าเช่าราวๆ 50% จากทั้งหมดที่ต้องส่งให้การรถไฟ) เลยไม่มีเงินไปจ่ายเป็นค่าเช่าที่ให้การรถไฟ จ่ายได้เต็มที่แค่ปีละ 20 ล้านเท่านั้นแหล่ะ พอการรถไฟจะลงมาเล่นเองบริหารเอง ก็โดนเสียงต่อต้านจาก กทม. และท่านนายกก็อยากจะเล่นด้วยสิ นี่คือปัญหาของเหลือบไรที่กินบนที่ดินการรถไฟหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 54 15:39:06 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 15:32:55

ความคิดเห็นที่ 48 เจอกระทู้รถไฟทีไร ยาวทุกที ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : Jaw_m เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 23:27:32