ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่านะ ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัว เค้า2คนหรอ จากคุณ : ..NuPaopaO.. เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 12:42:11

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่านะ ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัว เค้า2คนหรอ จากคุณ : ..NuPaopaO.. เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 12:42:23

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่จริงครับ จากคุณ : PAo_ReVoLT เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 12:46:15

ความคิดเห็นที่ 4 ในหนังไม่ได้บอกเหรอครับว่า จ๊อบ ก็ไปเอา GUI กับ เมาส์ มาจาก Xerox อีกที จากคุณ : Buff_Power เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 12:51:44

ความคิดเห็นที่ 5 GUI นั่น ขโมยแนวคิด พอได้ แต่จะเรียกว่าขโมยก็ไม่เต็มปาก ส่วน OS นั่นคนละเรื่องเลย จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 13:04:44

ความคิดเห็นที่ 6 เขาเรียกว่า R&D แปลว่าหาข้อมูลมาแล้วพัฒนาต่อ แต่บังเอิญเป็นข้อมูลที่ชาวบ้านเคยทำมาแล้ว (เรียกแบบสวยนะ) จากคุณ : aloha_123 เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 13:07:05

ความคิดเห็นที่ 7 ออกจะสนิทสนม ถ้าไม่แต่งงานแล้ว มีหวังโดนนินทา อ่วม   จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 13:08:18

ความคิดเห็นที่ 8 มั่วละครับ จากคุณ : yugioh2500 เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 13:08:29

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่เชื่อดูรูป จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 13:08:41

ความคิดเห็นที่ 10 ***      ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องน่าจะเป็น "บิลเกตต์ แอนด์ เดอะแก๊งค์" ไปนำผลงานและแนวคิดบางส่วนของ "สตีฟจ๊อบส์และแอ๊ปเปิ้ล" มาพัฒนาต่อยอดให้ดูดีกว่าตัวต้นตำรับมากกว่าครับ  ซึ่งเรื่องแบบนี้มีให้เห็นกันในทุกวงการทำให้เราจะไปโทษ "บิลเกตส์" ก็ไม่ได้  เพราะถ้า "แอ๊ปเปิ้ล" ในเวลานั้นสามารถทำ "OS" ที่แจ่มกว่าออกมาได้ก่อนที่ "วินโดวส์ NT และ95" จะคลอด  ผมว่าเหตุการณ์ที่แอปเปิ้ลต้องเจอภาวะชะงักชะงันไปนับทศวรรษก็คงไม่เกิดขึิน        และส่วนตัวผมคิดว่าหลังจาก "วินโดวส์" ก้าวพ้นยุคของ "ดอส" ไปมันก็เริ่มเข้าที่เข้าทางและมีแนวทางของตัวเองชััดเจนแล้ว  โดยเฉพาะในรุ่น "วินโดวส์95" ที่เขี่ยแอ๊ปเปิ้ลตกกระป๋องแบบถีบหัวส่งลงโลงฝังดินกันไปเลยทีเดียว  เสียแต่ว่าทาง "ไมโครซอฟท์" ดันลืมตอกตะปูปิดฝาโลงจึงทำให้ "ท่านศาสดา" สามารถฟื้นคืนชีพแหกโลงออกมาผงาดได้อีกครั้งหนึ่ง  แต่ช่วงเวลาที่ท่านศาสดาหลบไปจำศีลและเปิดบริษัทอนิเมชั่นนั้นทางไมโครซอฟท์ก็มีโอกาสกอบโกยผลกำไรและผูกขาดการเป็นเจ้าตลาดไปเรียบร้อยแล้ว -_-" (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 13:10:42

ความคิดเห็นที่ 11 อย่างที่ท่านเจไดว่า... คนเดียวทำไม่ได้หรอกครับ คนทำ OS วงการก็มีอยู่กระหย่อมนึง พูดไปก็รู้จักกันเองหมด เดี๋ยวก็ย้ายไปตรงนั้นตรงนี้ โปรแกรมเมอร์พูดคุยพบปะกันตลอด เปิดเน็ตอ่านบล็อกบ้าง ไอเดียมันก็กระฉูดอยู่ในแวดวงมันล่ะนะ จ๊อบส์กับเกตต์ก็แค่เป็นหัวหน้าคอยดูแลอีกที ไม่ได้ลงมือทำเอง ถ้าจะฟ้องร้อง มันก็เป็นเรื่องของธุรกิจอีกที ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะออกขายก่อนกันแน่มากกว่า จากคุณ : เด็กวัดสะพานใหม่ เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 13:19:43

ความคิดเห็นที่ 12 ผมว่าวินโดว์เป็นอะไรที่แจ่มมากในยุคนั้น หลุดพ้นจากกรอบเดิมๆ จากคุณ : ผีฟรีคิก เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 13:20:20

ความคิดเห็นที่ 13 เค้าไม่เรียกขโมยหรอกครับ น่าจะเรียกว่าได้แรงบันดาลใจมากว่า เพราะถ้าขโมย มันหมายถึงเอาซอสโค้ดเค้าไปใช้ทื่อๆเลยนะครับ เพราะจุดๆนั้น บิลเกต เกิดอาการโวย และบอกว่า Apple ทำได้ยังไง เราต้องทำได้บ้างและต้องไม่แพ้ ตัวอย่างในภาพยนต์ที่ตัดมาของจขกท น่าจะเป็นตอนที่ Apple ล้ม IBM ได้สำเร็จแล้ว แต่ก็หารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังโดน MS ตลบหลังอยู่เหมือนกัน ภาพยนต์นี้ดีนะครับ อยากให้มีภาคต่อเสียด้วยซ้ำ ภาค 2 ความรุ่งเรื่องของ MS และการเลียแผลของ Apple ภาค 3 การกลับมาของ Apple และ ความพยายามดึงตลาดของ MS ภาค 4 สงครามภาคต่อของ Apple กับ MS และการเปิดตัวของ Google ภาค 5 Apple ปะทะ MS ปะทะ Google คงสนุกไม่น้อย แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 54 14:05:33 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 54 13:56:45 จากคุณ : CaminoReal เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 13:54:02

ความคิดเห็นที่ 14 เค้าเก่งพอที่จะเขียนโปรแกรมเองได้ทั้งคู่ เรียกขโมยก็ไม่ถูกนักหรอกครับ มันคือการเอาแนวคิดมาพัฒนาต่อ Apple เอา GUI มาจาก Xerox Microsoft เอาแนวคิด OS มาจาก Apple FaceBook ก็เอาแนวคิดมาจากคนอื่น ที่เป็นเรื่องฟ้องร้องกันอยู่ตอนนี้ จากคุณ : prodotcom เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 14:25:47

ความคิดเห็นที่ 15 สตีฟ จ๊อบ กะจะทำธุระกิจด้านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเพียงเจ้าเดียวครับ(กะรวยคนเดียว) เมื่อได้รู้จัก บิล เกตส์   และเห็นว่า บิล เกตส์ มีความแนวคิดด้านซอฟต์แวร์  ชวนให้มาร่วมงานด้วย แต่ในความในใจ บิล เกตส์  ไม่ต้องการเป็นลูกน้อง สตีฟ จ๊อบ และอยากสร้างอะไรๆที่เป็นของตน เลยแอบดูแอบศึกษา และคิดค้น จนเป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่ น่าคิดนะถ้า  บิล เกตส์   ทำให่วินโดเป็นที่นิยมได้ คอมพวเตอร์ส่วนบุคคล ยี้ห้อ Apple คงแพงมากกว่านี้แน่ๆ จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 14:38:40

ความคิดเห็นที่ 16 น่าจะเป็นอย่างนั้น เมื่อสมัยก่อนที่เราใช้ยังเป็น win 3.1 แต่เพื่อนมันใช้เครื่องแม็ค พอมันเปิดให้ดู โอ้แม่เจ้า ทำไมมันทันสมัยอย่างนี้ เหมือน os win สมัยนี้ แล้วจะไม่ให้คิด ได้อย่างไรว่า ms จะไปก๊อป apple มา จากคุณ : jengchai เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 15:08:17

ความคิดเห็นที่ 17 ใช้ linux ฮะ.......... Microsoft แพง  .... จากคุณ : เปิดโลก เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 15:08:37

ความคิดเห็นที่ 18 Linux ก็แพง ครับ มันมีคอส ตามหลังแบบที่ Microsoft เทียบไม่ติดเลย แต่มันนิ่งกว่า จากคุณ : ZGMF-X10A เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 17:22:04

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่อง "วินโดวส์"นั้น เฮียแกพยายามปิดฝาโลง APPLE ทุกวิธีทางครับ ไม่ใช่แค่ แอปเปิลเท่านั้นที่เฮียแกฆ่า รวมไปถึง โปรแกรม เข้าเวป ที่ต้องตายจากไปและต้องขายกิจการรวมไปถึงโปรแกรมฟังเพลงผ่านคอม เพราะแกดันแถม 2โปรแกรมนี้ติดมาในวินโดว์ จนเป็นเรื่องฟ้องร้องมาแล้ว                                ส่วนแมคนั้นเกือบตายเช่นกัน แต่รอดเพราะก่อนตายแมคได้สร้างความจงรักภักดีของสินค้าไว้และสร้างความเชื่อที่ว่าการใช้แมค คือบุคคลมีสไต           เนื้อหาตรงนี้หาอ่านต่อที่หนังสือ  3 ก๊กฉบับผู้บริหารได้เลยครับ เป็นเนื้อหาที่สนุกมาก อ่านแล้วจะรู้การเอาตัวรอดการสู้การโจมตีของวงการธุระกิจอย่างสนุกยังกับ สามก๊กเลย จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 19:08:51

ความคิดเห็นที่ 20 ลีนุ๊กแพง??? เพี้ยนมากมาย ถ้าบอกว่าค่าใช้จ่ายแพงก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะตัวจริงๆ มันแจกฟรี แต่คนรู้จักมันน้อยกว่า windows ค่าจ้างอาจจะแพงกว่าได้ ส่วนบิล เกต ต้องพูดถึง MS DOS มันก๊อป CPM มาต่างหาก windows มันมากจาก OS/2 ของ IBM ร่วมมือกันแล้ว พอได้ เทคโนโลยี่มา ก็แตกออกมาทำเอง เหมือน PS กับ Nin ร่วมกัน แบบเอาความรู้ พอรู้แล้วก็ออกมาทำเอง ต้องอ่านเยอะ ประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์มาเยอะมาก อย่าเดา ที่เขียนมาก็ไม่ค่อยแน่ใจ เำพราะมันนานจนลืมรายละเอียดไป มากแล้ว แต่ตัวละครไม่น่าผิดความจริง หว้ากอ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ตูเลยใช้จินตนาการตอบกระทู้ตลอยเลย จากคุณ : .eAT เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 20:04:02

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่จริงค่ะ เรียกว่าได้แนวคิดและแรงบันดาลใจมากกว่า เพราะ apple ทำออกมาขายเชิงพาณิย์แล้วประสบผลสำเร็จ ไมโครซอฟท์ก็เลยเอามั่ง เกิดเป็นวินโดวส์ตามมา จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 21:05:51

ความคิดเห็นที่ 22 เอาแนวคิด Mac มาทำเองจนเป็น Windows แต่สิ่งที่ทำให้ Windows เป็นที่นิยมมากกว่าก็คือใช้กับ hardware ของผู้ผลิตอื่นได้โดยไม่ต้องซื้อมาทั้งชุดเหมือนของ Apple ครับ จากคุณ : HunterCotarot เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 21:20:02

ความคิดเห็นที่ 23 ก็เป็นบทเรียนของ Mac ครับว่ากะจะผูกขาดก็เลยโดน wins ตลบหลังซะ แอ๊ปเปิ้ลขายทั้ง software และ hardware MS ที่เป็นคนเปิดช่องว่า software อย่างเดียวก็ขายได้ and the rest is history จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 22:16:06

ความคิดเห็นที่ 26 R&D Reverse Engineering & Devloping จากคุณ : what do you want from me? เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 22:57:49

ความคิดเห็นที่ 27 Apple มันแพ้ ในตลาด PC โดยรวม เพราะมันคิดโลภมาก โดยการพยายามจะผูกขาดฮาร์ดแวร์ สุดท้ายก็เลยไปไม่รอด ต้องมาใช้มาตรฐาน x86 ของ Intel ร่วมกับ PC อื่นๆ จากคุณ : ตายเพราะตัวเอง เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 23:03:31 A:210.246.73.80 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 28 ทั้งคู่ก็ไปขโมยมาจาก XEROX เหมือนกัน -*- (หรือ IBM หว่าจำไม่ได้) 55+ จากคุณ : เรียกผมว่าท่านขุน เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 02:01:55

ความคิดเห็นที่ 29 จากคุณ : My life in Japan. เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 07:21:31

ความคิดเห็นที่ 30 xerox ผมว่า apple ไม่ได้ขโมยนี่หน่าเจรจาขอซื้อนะ จากคุณ : alices (komsitnings) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 09:55:14

ความคิดเห็นที่ 31 ศิลปินที่ดีลอกเลียน ศิลปินเอกขโมย (หนังเค้าว่าไว้) จากคุณ : ช้างดอกไม้ เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 02:36:24

ความคิดเห็นที่ 32 ขโมยแค่แนวคิดครับ ผลิตภัณฑ์มีลิขสิทธิ์ ไปลอกเลียนแบบไม่ได้อยู่แล้ว จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 12:50:55

ความคิดเห็นที่ 33 ถ้าไม่มี apple ก็ไม่มี windows ล่ะนะ สตีฟ จ๊อบเป้นผู้เปลียนโลกตัวจริง ทั้งอดีด และปัจจุบัน จากคุณ : นาคน้อยคอยรัก เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 15:59:58

ความคิดเห็นที่ 34 ผมว่าบิลเกต ใจกว้างครับ เพราะซอฟแวร์เขาเลยทำให้ฮาร์ดแวร์เจ้าอื่นเติบโต ไม่ว่าจะเป็น เมาส์ คีบอร์ด เคส แรม เมนบอร์ด ฯลฯ บิลเกตนี่แหละเปลี่ยนโลกตัวจริง ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่มีคอมในราคาที่เอื้อมถึงได้เลย จากคุณ : aotthekop เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 01:31:46