ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเกิดจริง รีบเอาไอโอดีน ให้คนคิดกินก่อนเลย จากคุณ : King Bamboo เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 13:43:30

ความคิดเห็นที่ 2 ต้องบอกว่าในสมัยก่อน คนไทยส่วนหนึ่งโง่จากการเป็น โรคเอ๋อ เพราะต่อมไทรอยด์ทำงานได้น้อย เนื่องจากขาดไอโอดีนในตอนแรกคลอด จากคุณ : Mdiic~* เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 13:43:33

ความคิดเห็นที่ 3 สรุปคือ "จริง" ครับ จากคุณ : Mdiic~* เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 13:44:18

ความคิดเห็นที่ 4 จริงครับ เพราะท่านที่บอกเรามาว่าเราโง่นั้น  เป็นประสบการณ์จริงของท่านผู้นั้น นั่นเองงงงงงง เพราะท่านไม่เคยกัดก้อนเกลือกินเหมือนพวกเรา .... -*- จากคุณ : แมงปอซ่า เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 13:46:13

ความคิดเห็นที่ 5 วิธีการสื่อสารออกมาผิดครับ "เพิ่มไอโอดีน   เพิ่มไอคิว" เนี้ย เด๋วคนปกติก็พากันเฮโลไอกินไอโอดีนกันวุ่นวายอีก ไอโอดีน มันป้องกันโรคคอพอก กับโรคเอ๋อ ซึ่งหากเกิดกับเด็กมารดาขณะตั้งครครภ์ หรือเด็กทารก เสี่ยงต่อการที่เด็กจะพิการทางสมอง ไอโอดีนมันช่วยกันเด็กไม่ให้เป็นปัญญาอ่อนครับ ไม่ได้ช่วยให้เด็กเพิ่มไอคิว จากคุณ : The_Death_oF_Superman เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 13:49:52

ความคิดเห็นที่ 6 คนคิดไม่ได้ตั้งสมมติฐานว่า เพราะ"โง่"จึงให้ไอโอดีน แต่ตั้งสมมติฐานว่า เพราะคนเป็น"โรคคอพอก" จึงต้องให้ไอโอดีน สรุปว่า จขกท. ตั้งสมมติฐานผิดประเด็นครับ เพิ่มเติม ผู้คิดโครงการในขณะนั้นคือนายแพทย์อมร นนทสุต อดีตปลัดกระทรวงสาธารสุข แต่จำไม่ได้ว่าตอนนั้นท่านดำรงตำแหน่งอะไร แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 14:15:13 จากคุณ : ผู้วิเศษในเมืองแห่งความเหงา เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 14:06:48

ความคิดเห็นที่ 7 มันจริงครับ เพียงแค่การสื่อสารมันผิดพลาด(ไม่รู้มันผิดที่ ใคร อาจจะเป็น จขกท แปลงสารมาผิด หรือได้ยินมาถูกแล้วก็ถือว่าผิืดจากคนโน้นแล้วกัน) แต่พวกที่เฮโลมาด่ากันก่อนนี่คิดอย่างไรกันหรือ..... การขาดสารไอโอดีนทำให้คนเป็น โรคเอ๋อ ถ้าเพิ่มสารให้ตรงตามระดับความต้องการของร่างกายแล้ว คนเราก็จะไม่เป็น และมีสติปัญญาในระดับปกติมนุษย์ืัทั่วไปพึงเป็น ไม่ใช่กินเยอะแล้วเป็นอัจฉริยะซะที่ไหน เขาเพิ่มไม่ได้เพิ่มในอาหารเขาเพิ่มในเครื่องปรุงอาหาร อย่างพวกเกลือสินเธาว์ที่ไม่ได้มาจากทะเล มันไม่มีไอโอดีน เมื่อก่อนคนแถวบ้านเป็นมาก อยู่ห่างไกลทะเลใช้แต่เกลือบ่อ หลังจากมีโครงการของหลวงมาให้เติมสาร ปริมาณคนเป็นโรคเอ๋อและคอพอกหายไป หมดแล้ว เมื่อก่อนหมู่บ้านนึงๆมี หลายสิบคน คอเป็นเหนียงยานเหมือนไก่ กรุณาอ่านให้ครอบคลุมก่อนแดกดันนะคร๊าบ จากคุณ : บุรี เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 14:45:03

ความคิดเห็นที่ 8 ผลการศึกษาพบว่า เด็กไทยในวัยเด็กเล็กระดับชั้นอนุบาลและประถม มีไอคิวระดับปกติเมื่อเทียบกับมาตราฐานสากล เต่เมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้นเป็นวัยรุ่น ไอคิวเฉลื่ยของเด็กไทยอยู่ที่ 91 ซึ่งถือว่า เด็กไทยปัจจุบันเฉลื่ยแล้ว เกือบปัญญาอ่อน จากการศึกษาเรื่องไอโอดินและไอคิว พบว่า เ็ด็กทารกที่อยู่ในครรถ์ถ้าขาดสารไอโอดีนจะเกิดมาปํญญาอ่อน (เป็นโรคเอ๋อ) การขาดสารไอโอดีนในเด็กเล็กและเด็กโตส่งผลกับสติปํญญาบ้างเล็กน้อยแต่ไม่มาก ข้อสรุป จริงๆควรเป็นดังนี้ เด็กไทยเล็กๆมีไอคิวอยู่ในระดับปกติ แสดงว่า เด็กไทยที่อยู่ในครรถ์และเด็กเล็กๆไม่ได้่ขาดสารไอโอดิน เด็กไทยที่โตเป็นวัยรุ่นมาไอคิวลดลง ไม่ได้เกิดจากการขาดสารไอโอดีน (น่าจะเกิดจากพันธุกรรม เพราะไอคิวเฉลี่ยของวัยรุ่นไทยก็ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน) จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 14:48:03 A:192.168.22.120 X:58.137.178.82 TicketID:117365

ความคิดเห็นที่ 9 เพราะมีบางสี เขาเอาประเด็นใส่่ไอโอดินมาด่า รมต. ที่บ้านก็มาแบบนี้เหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 15:14:56 จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 15:13:11

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้ามันไม่ได้เพิ่มภาระให้ผู้บริโภค(ราคาแพงขึ้น) ก็ใส่ไว้ดีกว่าครับ ป้องกันเด็กๆที่จะเกิดมาในอนาคตเป็นโรคเอ๋อ โรคคอพอก จากคุณ : Houdini เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 15:32:40

ความคิดเห็นที่ 11 แปลงสารหลายรอบจนเดี๋ยวนี้จะแปลว่า เด็กไทยโง่จากขาดไอโอดีนอย่างเดียวแล้ว แต่ตัวต้นมันมาจากนี้ ลองอ่านดู http://www.unicef.org/thailand/tha/media_6328.html ========================================= สติปัญญาของเด็กในประเทศไทยถูกคุกคามโดยภาวะขาดไอโอดีน กรุงเทพฯ 2 พฤษภาคม 2548 - สติปัญญาของเด็กจำนวนมากกว่าครึ่งในประเทศไทยอาจลดลง เนื่องจากไม่ได้รับไอโอดีนอย่างเพียงพอ ตามรายงานความคืบหน้าเพื่อขจัดภาวะขาดไอโอดีนขององค์การยูนิเซฟ รายงาน “การทบทวนความก้าวหน้าของประเทศไทยในการขจัดภาวะขาดไอโอดีนอย่างยั่งยืน” (A review of progress towards sustainable elimination of iodine deficiency in Thailand) ชี้ว่าเพียง 51% ของจำนวนครัวเรือนในประเทศไทยใช้เกลือที่ผสมไอโอดีนในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งการใช้เกลือผสมไอโอดีนเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าช่วยส่งเสริมการบริโภคไอโอดีนในปริมาณที่พอเพียงได้ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนครัวเรือนที่ใช้เกลือผสมไอโอดีนเหลือแค่เพียง 35% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขในประเทศอื่น เมื่อเปรียบเทียบกับ 83% ในเวียดนาม และ 75% ในลาว ไอโอดีนมีความสำคัญอย่างมากต่อพัฒนาการทางสมอง โดยเฉพาะในช่วงตั้งภรรค์ และในช่วง 2-3 ขวบปีแรกของเด็ก  นักวิจัยพบว่าประชาชนในชุมชนที่บริโภคไอโอดีนต่ำกว่าระดับมาตรฐานมีระดับไอคิวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึง 13.5 จุด ตามข้อมูล การตรวจปริมาณไอโอดีนในปัสสาวะของสตรีมีครรภ์ในปี 2546 พบว่ามีระดับไอโอดีนเพียง 115 ไมโครกรัมต่อลิตร เมื่อเทียบกับปริมาณมาตรฐานซึ่งควรอยู่ในระดับที่สูงกว่า 150 “รัฐบาลจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้างสังคมแห่งความรู้ได้ หากปราศจากการส่งเสริมให้เด็กได้รับไอโอดีนในระดับที่เพียงพอ ถ้าเราไม่ส่งเสริมการผลิตและการบริโภคเกลือผสมไอโอดีน นั่นก็หมายถึงเด็กจำนวนนับล้านที่จะไม่ได้รับสิทธิในการพัฒนาศักยภาพอย่างเต็มที่” นางอิเนส ซาลิทิส ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยกล่าว การผสมไอโอดีนในเกลือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการส่งเสริมการบริโภคไอโอดีนในปริมาณที่เพียงพอ เพราะเกลือเป็นอาหารที่ประชาชนทุกคนบริโภคในระดับที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ และเป็นกระบวนการที่ง่ายและสามารถทำได้แม่แต่ในโรงงานเล็กๆ ในปัจจุบัน ประเทศไทยไม่มีข้อบังคับทางกฏหมายที่ระบุว่าเกลือที่ประชาชนใช้บริโภคจะต้องผสมไอโอดีน รวมทั้งเกลือที่ให้สัตว์บริโภค และในการผลิตอาหาร ด้วยเหตุนี้เกลือที่มีจำหน่ายในท้องตลาดจึงมีทั้งชนิดที่ผสมและไม่ผสมไอโอดีน ผู้บริโภคจึงจำเป็นที่จะต้องเลือกซื้อชนิดที่ถูกต้อง ผู้ผลิตเกลือหลายรายยินดีที่จะผสมไอโอดีนในเกลือที่ผลิต โดยมีข้อแม้ว่าผู้ผลิตคู่แข่งจะต้องปฏิบัติเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน  “หากรัฐบาลออกกฏหมายให้ผู้ผลิตทุกรายผสมไอไอดีนลงในผลิตภัณฑ์เกลือ สตรีและเด็กในประเทศไทยจะได้รับการปกป้องจากภาวะขาดไอโอดีน” นางคาเรน คอดลิ่ง เจ้าหน้าที่ด้านโภชนาการประจำองค์การยูนิเซฟ สำนักงานประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกและแปซิฟิค ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะผู้เขียนรายงานกล่าว รายงาน “การทบทวนความก้าวหน้าของประเทศไทยในการขจัดภาวะขาดไอโอดีนอย่างยั่งยืน” (A review of progress towards sustainable elimination of iodine deficiency in Thailand) เป็นความร่วมมือกันระหว่างสภาที่ปรึกษาระหว่างประเทศเพื่อการควบคุมภาวะผิดปกติจากการขาดไอโอดีน (ICCIDD) องค์การยูนิเซฟ และองค์การอนามัยโลก ซึ่งเสนอผลการศึกษาของคณะผู้เชี่ยวชาญที่ปฏิบัติการประเมินสถานการณ์ในประเทศไทยในระหว่างวันที่ 18-28 เมษายน 2547 การประชุมปฏิบัติการในระดับภูมิภาคเรื่องการขจัดภาวะขาดไอโอดีนจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 2-4 พฤษภาคม 2548 ในกรุงเทพฯ ที่โรงแรมแลนมาร์ค โดยที่รปะชุมจะถกผลการศึกษาจากรายงานฉบับดังกล่าว พร้อมทั้งแนวทางและวิธีการที่ทุกประเทศในภูมิภาคนี้จะดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการบริโภคเกลือไอโอดีนซึ่งหมายถึงการลดภาวะขาดไอโอดีนได้สำเร็จ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ พรธิดา พัดทอง องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย โทรศัพท์ 02 356-9484 ========================================= ถ้าในสายตาสีม่วง สีเขียวทำอะไรก็ผิด ทางสายตาสีเขียว สีม่วงทำอะไรก็ผิดเหมือนกัน แต่เราอยู่กันที่หว้ากอ ก็ ค้นอ่านวาทะต้นฉบับที่มาที่ไปกันหน่อยก็แล้วกันนะครับ เพิ่มเติม สำหรับหัวกระทู้ ถ้าตาแป๊ะหวานเย็นเข้ามา ก็ระบุไปเลยว่าเป็นการวิจัยของ Unicef และ สธ นะครับ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 15:49:11 จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 15:45:07

ความคิดเห็นที่ 12 จขกท.เอ๊ยยย ! โง่เพราะขาดไอโอดีน มันป้องกันได้ เขาจึงให้ไงล่ะ รู้จักวัคซีนไหม  ยังไม่ป่วยก็ให้ได้ ถ้าภูมิใจว่า ชาติเราแข็งแรงก็ไม่ต้องฉีดวัคซีนงั้นหรือเปล่า รบกวนค้นข้อมูล คำค้นคือ ขาดไอโอดีน เอ๋อ คอพอก ดูก่อนโหวต (พวกมากไม่ใช่แปลว่าถูกต้อง) และเรื่องนี้ผมคิดว่าเป็นนโยบายที่ดีครับ จากคุณ : natefang เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 15:56:19

ความคิดเห็นที่ 13 บ้าไปกะมัน จากคุณ : มุดสลัม silyfool เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 16:09:48 A:202.176.140.196 X: TicketID:267004

ความคิดเห็นที่ 14 วันๆไม่ต้องทำไร หนังสือหนังหาไม่ต้องอ่าน นั่งแหลกมันแต่ไอโอดีนนี่แหละ จากคุณ : mahaveera เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 16:14:00

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านข่าวต้นทางก็ยังสงสัย ว่าวัดว่าขาดไอโอดีนจากปัสสาวะของสตรีมีครรภ์ เลยสรุปว่า "สติปัญญาของเด็กในประเทศไทยถูกคุกคามโดยภาวะขาดไอโอดีน" ผมแปลกใจว่า ทำไมไม่มีการวิจัยหรือเก็บตัวอย่างจริงๆ ว่าเด็กวัยรุ่นบ้านเรา มีภาวะคอหอยพอกจำนวนมากจริงๆหรือไม่? สมัยเด็กๆผมอยู่บ้านนอก จะมีสาธารณสุขมาตรวจที่โรงเรียนเป็นประจำครับ ใครมีอาการเขาก็สั่งจ่ายยาหรือแนะนำเรื่องเกลือไป(ตอนนั้นผมไม่ขาดนะ :P) แบบนี้สิถึงจะอ้างได้ว่า สงสัยว่าสติปัญญาต่ำมาจากภาวะขาดไอโอดีนในเด็กวัยรุ่นจริงๆ เพราะมีเด็กที่เกิดอาการจริงๆ แต่นี่ไม่เห็นมีรายงานออกมาด้วยเลย แต่สรุปจากการวัดที่แม่อย่างเดียวล้วนๆซะงั้น และข่าวต้นทางก็จะแย้งอีกข่าวหนึ่งที่บอกว่า ไอคิวเฉลี่ยในเด็กเล็กบ้านเราไม่ได้ต่ำ แต่ไปต่ำตอนวัยรุ่นซะอีก ซึ่งถ้ามองโดยรวมจากสองข่าว ก็อาจจะเป็นปัญหาคนละเรื่องเลยก็ว่าได้ ป.ล. ใครด่าใครผมไม่รู้ ถ้าไม่มีคนเริ่มแขวะก่อนนะครับ :P จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 16:17:04

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องนี้ หมอแมว ได้ช่วยอธิบาย ให้เข้าใจง่ายๆเอาไว้แล้วครับ ไอโอดีน เกี่ยวอะไรกับไอคิว -=Byหมอแมว=- http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2010/08/X9625381/X9625381.html จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 16:28:34

ความคิดเห็นที่ 17 ข่าวครับ **************************** ดีเดย์ 31 ธ.ค.เกลือ-น้ำปลา-ซอส-ซีอิ๊ว เสริมไอโอดีน ป้องกันคนไทยไอคิวต่ำ อย.เร่งผลักดัน เสริมไอโอดีนในผลิตภัณฑ์ 4 ประเภท ทั้ง เกลือบริโภค น้ำปลา น้ำเกลือปรุงอาหาร และผลิตภัณฑ์ปรุงรสที่ได้จากการย่อยโปรตีนของถั่วเหลือง เช่น ซอสปรุงรส ซีอิ๊ว ป้องกันคนไทยไอคิวต่ำ มีผลบังคับใช้วันที่ 31 ธ.ค.53 ที่ฉลากเกลือบริโภค ต้องระบุว่า “เกลือบริโภคเสริมไอโอดีน” ส่วนผลิตภัณฑ์ปรุงรสดังกล่าว ต้องระบุว่า “ใช้เกลือบริโภคเสริมไอโอดีน” หรือระบุปริมาณไอโอดีนอย่างใดอย่างหนึ่ง มีผลให้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ปรุงรสดังกล่าวเสริมไอโอดีนไปโดยปริยาย เตือน! ผู้ประกอบการ ให้รีบปฏิบัติตามกฎหมายหากพบฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ที่ต้องการให้คนไทยไม่ขาดสารไอโอดีน ไอคิวไม่ต่ำไปกว่าสถิติที่องค์การอนามัยโลกเคยสำรวจ โดยออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขจำนวน 4 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ 4 ประเภท ได้แก่ เกลือบริโภค น้ำปลา น้ำเกลือปรุงอาหาร และผลิตภัณฑ์ปรุงรสที่ได้จากการย่อยโปรตีนของถั่วเหลือง เช่น ซอสปรุงรส ซีอิ๊ว ต้องเสริมไอโอดีนตามปริมาณที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2553 เป็นต้นไปนั้น ขณะนี้ อย.ได้เร่งผลักดันและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 ประเภท สามารถปฏิบัติได้ตามกฎหมาย โดยต้องขออนุญาตขึ้นทะเบียนกับ อย.โดยจะต้องมีเลขสารบบในเครื่องหมาย อย.พร้อมฉลากต้องแสดงว่ามีการเสริมไอโอดีนด้วยตัวอักษรที่ชัดเจน ซึ่งการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์ปรุงรสดังกล่าวเสริมไอโอดีน ทำให้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว มีสารไอโอดีนเสริมด้วยโดยปริยาย ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เสริมไอโอดีนได้โดยพิจารณาจากข้อความที่แสดงเพิ่มเติมบนฉลาก เช่น “ใช้เกลือบริโภคเสริมไอโอดีน” หรือ “ใช้เกลือเสริมไอโอดีน” หรือ “ผสมเกลือไอโอดีน” อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ที่กฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว หากผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ 4 ประเภทดังกล่าวรายใดไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะมีความผิด ในกรณีต่างๆ เช่น - กรณีไม่ได้ขออนุญาตเลขสารบบอาหาร หรือแสดงฉลากไม่ถูกต้อง ต้องถูกปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท - กรณีคุณภาพมาตรฐานไม่เป็นไปตามประกาศฯ กำหนด เข้าข่ายเป็นอาหารผิดมาตรฐาน ต้องถูกปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท - กรณีที่ส่วนประกอบที่เป็นคุณค่าทางอาหารขาด หรือเกินกว่าร้อยละ 30 จากเกณฑ์ต่ำสุดหรือสูงสุด เข้าข่ายอาหารปลอม ต้องถูกจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5 พันบาทถึง 1 แสนบาท เลขาธิการ อย.กล่าวในตอนท้ายว่า หลังจากที่ประกาศฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว อย.จะดำเนินการติดตามตรวจสอบ รวมทั้งเฝ้าระวังสถานที่ผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าว หากพบว่าผู้ประกอบการรายใดไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก็จะดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคได้ว่า สามารถได้รับสารไอโอดีนอย่างทั่วถึง และป้องกันโรคขาดสารไอโอดีนได้อย่างยั่งยืน เพื่อสติปัญญาของคนไทยจะได้ไม่ด้อยกว่าชาติอื่น ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 16:53:37 แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 16:38:59 จากคุณ : nat1234 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 16:36:47

ความคิดเห็นที่ 18 - -" คือ สมองของเด็ก อะครับ มันพัฒนาเต็มที่ถึง 6 ขวบ มันเลยมีผลโดยตรง กับศักยภาพสมอง ของเด็ก โยงผลมาตั้งแต่ ในท้องแม่ แล้วละครับ แล้วก็ เค้าไม่ได้บังคับกินนะครับ เค้าแค่เสริม เข้าไป - -" เราก็ใช้ชีวิตตามปกติ แล้วก็ได้ไอโอดีน เิพิ่ม ขึ้นมา ผมไม่เห็นว่าจะเสียหายตรงใหนนะครับ ส่วน ไอ้คำว่าโง่นั้น ผมว่านักข่าว ลงเอาเองแล้วละ....- -" จากคุณ : Itchy เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 16:46:46 A:58.8.161.135 X: TicketID:303916

ความคิดเห็นที่ 19 คนคิด ขาด iodine ครับ จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 17:32:34

ความคิดเห็นที่ 20 สภาวะขาดไอโอดีนสมัยนี้ไม่ค่อยพบหรอก และต้องขาดค่อนข้างมาก จึงจะเอ๋อได้ เด็กไทยที่เอ๋อก็มีไม่มากนัก เพียงแต่ว่าไอคิวต่ำ และจะต่ำลงไปเรื่อย ๆ เพราะดำเนินการเรียนรู้ที่ผิดหลัก ตั้งแต่เด็กยังเล็กก็ให้เรียนเรื่องยาก แต่ให้เรียนแล้วดูเหมือนไม่ต้องรู้ (คือไม่ต้องให้จำเนื้อหาที่เรียน) ถึงมาเรียนชั้นสูงขึ้น ก็ยังไม่มีความรู้สมภูมิ คำ "ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง" ก็ทำให้ครูจำนวนมากไม่สอน ให้เด็กเรียนเอง และให้ส่งการบ้าน ก็ถือว่าเป็นการเรียนแล้ว เด็กหัดค้นจากเน็ทตั้งแต่เล็ก พ่อแม่ค้นให้มีมากมาย ค้นแล้วลอกส่ง โดยอาจไม่ได้อ่าน หรือส่งงานแล้วครูก็ไม่ได้ตรวจ มีงานส่งก็ให้ผ่านขึ้นชั้นไปเรื่อย ๆ นี่เป็นต้นเหตุของไอคิวที่ตกต่ำ ที่สำคัญที่สุด ให้ไอโอดีนแล้วไม่พัฒนาหลักการเรียนรู้ให้ถูก เด็กไทยก็ไม่มีทางมีไอคิวเพิ่มขึ้นหรอก จากคุณ : swathcu@yahoo.com เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 17:51:55 A:1.47.111.173 X: TicketID:281681

ความคิดเห็นที่ 21 ครัวเรื่อนไม่กระทบ  ภาคอุตสาหกรรมกระทบสิครับท่าน บางประเทศห้ามใส่น้ำปลาเสริมไอโอดีน  ...เลยงานเข้า จากคุณ : env42_tay เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 19:32:42

ความคิดเห็นที่ 22 IQเด็กไทยต่ำผมเชื่อว่าส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากขาดIodineแน่ๆ จากคุณ : Megrim เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 20:02:34

ความคิดเห็นที่ 23 คนไทยโง่เพราะ ศธ.ครับ ไม่ใช่ไอโอดีน จากคุณ : Schweissnaht เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 20:46:34

ความคิดเห็นที่ 24 ความโง่เกิดจากหลายสาเหตุมารวมกัน ถ้าตัดทิ้งได้ซักสาเหตุนึง แล้วง่ายๆ ทำไมจะไม่ตัดล่ะ จากคุณ : ERWA เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 21:59:58

ความคิดเห็นที่ 25 อ้าว สงสัยฟังผิด เห็น มีคนออกมาพูดว่า เด็กไทย , IQ -> เลยต้องใส่สาร IQ เอ๊ย ไอโอดีน จากคุณ : ตาแป๊ะหวานเย็น เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 23:39:52

ความคิดเห็นที่ 26 จริงครับ จัดหนักๆให้รัฐมนตรีเลยครับ แต่ว่าเขาเป็นไครอะ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 07:15:51

ความคิดเห็นที่ 27 สาเหตุจากคอหอยพอก เอ๋อ ปํญญาอ่อน มากจากไอโอดีน สาเหตุจาก IQ ต่ำ มาจาก ขาดไอโอดีน เพราะขาดไอโอดีนทำให้คอพอก เอ๋อ ปัญญาอ่อน!!!!!!! ถึงกับผวากันเลยทีเดียว จากคุณ : สามสิบห้าบาทแน่ะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 08:51:23 A:223.205.96.106 X: TicketID:228785

ความคิดเห็นที่ 28 ต้องเสริม B12 ด้วย จะได้ฉลาดกับเค๊า จากคุณ : TheMATABA เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 09:52:36

ความคิดเห็นที่ 29 แล้วมันดีกว่าไม่ใส่ป่าวละ  ถ้าอะไรดีกว่า ก็อย่ามาคิดแง่ลบตั้งป้อม เมกาเจอว่าน้ำที่มีฟูออไรด์ ช่วยให้ฟันไม่ผุ  เขาก็เลยใส่ ในน้ำปะปาให้คนกินได้  ไม่เห็นเกี่ยวว่าคนเมกาฟันไม่ดีตรงไหน จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 09:54:45

ความคิดเห็นที่ 30 ในแง่ข่าวสารก็สำคัญ  ต้องจุดเทียนทางปัญญาด้วยครับ จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 10:56:27

ความคิดเห็นที่ 31 คนไทยอ่านหนังสือกันน้อยครับ เลยทำให้ความรู้น้อย ไอโอดีนก็อาจจะมีส่วน แต่การอ่านทำให้เราไม่โง่ได้เยอะเลย จากคุณ : Lecherous (tatamonji) เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 14:11:26

ความคิดเห็นที่ 32 บ้านเราก็อย่างนี้ละ พอทุกเรื่องเอาไปโยงการเมืองแล้วก็ยุ่งพิลึก ของที่มันพอจะแก้ได้พอเจอ effect การเมียเข้าก็เกิดอัตตาว่าเฮ้ยนี่ฝั่งตรงข้าม ดังนั้นตูไม่เชื่อไม่ทำ จุดสำคัญคือ Iodine ถ้ามีงานวิจัยว่ามีการขาด ก็จัดไปอย่าให้ขาด แต่อย่าคิดว่า Iodine เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของปัญหา เรื่องอ่านหนังสือน้อย เรื่องการสอนแบบครอบ เรื่องการเลี้ยงดูและการสอน ก็ต้องแก้เช่นกัน และก็ยังมีเรื่องสมองไหล เด็กเก่งจบมาหางานในไทยที่จะใช้ความสามารถได้ก็ถูกกดเงินเดือน ท้ายสุดก็ไปต่างประเทศที่เขาตอบแทนดีๆหมด ตรงนี้ก็เป็นปัญหาอีกนั่นแหละ ผมว่ามุมมองที่ปฏิเสธ Iodine ว่าเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมดนี่ค่อนจะเป็นปัญหานะ และเป็นปัญหาที่มาจากการเลือกเชื่อหรือไม่เชื่อตามฝั่งการเมืองเสียเยอะด้วย ตรงนี้คนในฝั่งการเมืองที่ว่าที่อยู่ในหว้ากอก็ต้องพยายามแก้ความคิดเหมารวมของพวกตัวเองไปด้วย เรื่องตรงนี้มันคล้ายๆกับตอนที่มีสื่อสีหนึ่งเอาเรื่องไมโครเวฟอันตรายมาตีข่าวแล้วพวกฝั่งสีหนึ่งก็เฮโลเชื่อเพราะสีเดียวกัน เราต้องแยกแยะ การเมืองก็เรื่องหนึ่ง ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ก็อีกเรื่องหนึ่ง อย่าให้เขวไปเชื่อหรือไม่เชื่อเพราะสีต่าง นี่แหละ คือสิ่งที่จำเป็นสำหรับประเทศเราตอนนี้ จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 15:29:38

ความคิดเห็นที่ 33 สมมุติว่าใส่เท่าไหร่ก็ไม่ฉลาดสักทีจะว่ายังไง จากคุณ : Dequardo เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 22:57:31

ความคิดเห็นที่ 34 คห 33 1 งานวิจัยของ Unicef และ สธ ไม่ตรงความเป็นจริง 2 Iodine ไม่มีผลต่อพัฒนาการของสมองจริง 3 ปัจจัยเสริมตัวอื่นๆเลวลงกว่าเดิม ก็ต้องแก้ประเด็นที่ผิดไป แต่นั่นก็แค่ข้อสันนิฐาน และไม่มีน้ำหนักที่จะหักล้างประเด็น 1 กับ 2 ยังไงก็ต้องเสริม Iodine และยังไงก็ต้องเน้นไม่ให้ข้อที่ 3 มีผลมากขึ้นอยู่ดี จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 00:09:50