ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนที่จะไปเข้าเรื่องขอย้อนความเป็นมาของกระทู้นี้นิดหน่อย เป็นความตั้งใจอย่างมากของผมก่อนที่จะไปทำงานที่ออสเตรเลีย ความใฝ่ฝันของตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก อยากมีบ้านหลังเล็กๆ มีลูกตัวน้อยๆพ่อแม่ลูกผูกพันได้พักผ่อนอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ โดยที่ไม่ทำลายความสมดุลย์ของธรรมชาติ  ขอออกตัวนิดว่าผมไม่ค่อยชอบความทันสมัยหรือเจริญเกินความสมดุลย์แต่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นพอเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งก็สร้างบ้านไม้หลังเล็กๆไว้ที่บ้านนอกจังหวัดพัทลุง ตามที่ตัวเองฝัน จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 02:04:13

ความคิดเห็นที่ 2 และช่วงหยุดยาวประจำปี(ตอนปีใหม่ที่ผ่านมา)ผมและภรรยาได้กลับไปเยี่ยมบ้านและบ้านหลังน้อยนี่แหละที่ผมใช้ชีวิตอยู่ช่วงสั้นๆราว 1 เดือนแต่ก็มีเหตุการณ์ที่สร้างความประทับใจเกิดขึ้นหลายอย่าง เป็นความสุขทางอารมณ์อันสุนทรีย์ที่หาซื้อไม่ได้ครับ บ้านไม้หลังนี้ครับในภาพกำลังขึ้นเช็คความเรียบร้อยหลังคาภาพนี้เสร็จสมบูรณ์เหลือตกแต่งบริเวณนิดหน่อย แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 54 06:52:33 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 54 02:19:50 จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 02:10:19

ความคิดเห็นที่ 3 เรามาเริ่มดูกันตั้งแต่ต้นเลยครับ ที่ดินตรงนี้เป็นที่ดินตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษด้วยความที่ลูกชาวสวนยางพาราก็เลยปลูกยางไว้ครับ พอดีผมได้คุยกับพ่อและแม่อยากสร้างบ้านไม้หลังเล็กๆไว้ผูกแปล นอนนับดาวตากลมห่มธรรมชาติ หรือไว้ อ่านหนังสือยามว่างสักหลัง ตอนแรกเป็นที่ปลูกสวนยางแต่เอาดินมาถมเข้านิดหน่อย เนื่องจากเป็นที่ลุ่ม เมื่อก่อนเคยเป็นคอกหมู ถมดินทำถนนทางเข้าด้วย จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 02:14:31

ความคิดเห็นที่ 4 พอปลูกบ้านเสร็จก็ได้บ้านไม้ลักษณะนี้(เป็นภาพก่อนลงแลกเกอร์ทาสี) จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 02:18:42

ความคิดเห็นที่ 5 มาเดินชมสวนยางค่ะ จากคุณ : beach cabin เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 02:20:58

ความคิดเห็นที่ 6 นับว่าเป็นความโชคดีที่พ่อกับแม่ท่านคิดมองการณ์ไกล ได้ปลูกไม้สะเดาเทียม(ต้นเทียม)ไว้ตามสวนยางพารา ตามริมสวนริมนา หลายต้นและเพียงพอสำหรับตัดลงมาทำบ้านหลังเล็กๆสักหลังสรุปว่าไม้ฟรีครับ ต้นเทียมที่ใช้สร้างบ้านครับ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 02:32:53

ความคิดเห็นที่ 7 มาทำความรู้จักพันธุ์ไม้สะเดาเทียมกันคร่าวๆครับ ชื่อสามัญ สะเดาเทียม   สะเดาเทียมนี้เป็นไม้มีถิ่นกำเนิดจาก อินโดนีเซียเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสงขลา ชื่อวิทยาศาสตร์ Azardirachta excelsa (Jack) Jacobs วงศ์ MELIACEAE ชื่ออื่น สะเดาช้าง ทางภาคใต้แถวบ้านผม(พัทลุงเรียกต้นเทียม เพราะปลูกแรกๆให้อยู่ในร่มไม้อื่นได้ และต่อมาไม่นานต้นสะเดาช้างนี้ก็จะสูงเท่ากับต้นไม้ใหญ่ที่เป็นร่มเงา ด้วยเหตุนี้คนใต้(พัทลุง)จึงเรียกว่าต้นเทียม เทียมแปลว่าเท่า คือสามารถสูงได้เท่ากับต้นอื่นๆทั้งที่ปลูกทีหลัง ต้นใบผล ใหญ่กว่าสะเดาธรรมดา ชอบความชุ่มชื้นจึงจะโตเร็ว หากปลูกที่แล้งๆทางเหนือหรืออิสานจะโตไม่ดี แต่ถ้าบริเวณนั้นมีความชุ่มชื้นดีก็โตได้ดีพอสมควรครับ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ไม่ผลัดใบ สูง 30 - 40 เมตร  ลำต้นตรง เปลือกเรียบเมื่ออายุยังน้อย เมื่อมีอายุมากขึ้นเปลือกลำต้น จะแตกล่อนเป็นแผ่น ขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย ใบเบี้ยวไม่ได้สัดส่วน ปลายใบแหลมเป็นติ่ง ฐานใบเบี้ยวไม่เท่ากัน เนื้อใบหนา เกลี้ยง สีเขียวเป็นมัน ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบหรือปลายกิ่ง ดอกบานสีขาว ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม ผลทรงกลมรี ผลแก่สีเขียว เมื่อสุกจะเป็นสีเหลือง  เนื้อในเมล็ดมีกลิ่นแรงมีเมล็ดเดียว เปรียบเทียบใบกับสะเดาธรรมดา สะเดาเทียมใบใหญ่กว่าครับ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 02:40:26

ความคิดเห็นที่ 8 ดอกสะเดาเทียม เป็นแบบนี้ครับ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 02:43:01

ความคิดเห็นที่ 9 ภาพนี้ทั้งใบและผลสะเดาเทียม จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 02:44:51

ความคิดเห็นที่ 10 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 54 02:52:26 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 54 02:51:49 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 54 02:50:52 จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 02:48:50

ความคิดเห็นที่ 11 แหล่งที่พบ : พบขึ้นทั่วไปทางภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ส่วนมากพบขึ้นอยู่ตามเรือกสวนไร่นา ออกดอก: เดือนมีนาคม ผลแก่ พฤษภาคม - มิถุนายน วิธีขยายพันธุ์: แช่ผลสุกสะเดาเทียมไว้ 1 คืน แล้วขยำให้เปลือกและเนื้อหลุดออก เหลือแต่ส่วนเมล็ดนำไปผึ่งในที่ร่มรำไร จนกระทั่งแห้งจึงนำไปเมล็ดไปเพาะในถุงเพาะกล้าจนงอก โ โดยเมล็ดจะงอกใช้เวลาประมาณ 7  วัน   และใช้ช่วงเวลาที่ใช้ในการเพาะประมาณ 12 เดือนโตเป็นต้นเล็กๆแข็งแรงก่อนจึงย้ายไปปลูกลงดิน ชอบ ดินร่วนปนทราย มีการระบายน้ำและอากาศได้ดี จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 02:53:21

ความคิดเห็นที่ 12 ประโยชน์ : 1... เป็นไม้โตเร็ว เนื้อไม้คุณภาพดี  ปลวกและมอดไม่ค่อยทำลายสะเดาอายุ 20 ปี เนื้อไม้จะแกร่งเหมือนไม้แดง ไม้ประดู่ แก่นมีสีสวย ทำไม้พื้น สร้างบ้าน  ทำเฟอร์นิเจอร์ได้ มอดไม่กิน" 2 ...สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เกือบทุกส่วน ดอกอ่อนใช้รับประทานได้ ต้นสะเดาเทียมมีอายุยืนไปถึง 200 ปีก็มี 3... เมล็ดนำมาสกัดสารทำยาฆ่าแมลง  สารสะกัดจากเม็ดสะเดาเทียมใช้เป็นยาฆ่าแมลงมากกว่าร้อยชนิด โดยเฉพาะที่มีสาร azadirachtin ซึ่งมีผู้นำไปทำยาฆ่าแมลงในเชิงอุตสาหกรรมแล้ว โดยได้รับการรับรองจากองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 4... นำส่วนต่างๆ ของสะเดาเทียมไปผลิตเป็นยารักษาโรคได้สารพัดโรค ตั้งแต่ปวดหัวตัวร้อน เบาหวาน ไปจนถึงการบรรเทาโรคเอดส์   3...เป็นยาสมุนไพรเปลือกต้มทำ ยาแก้บิดหรือท้องร่วง เป็นไม้สารพัดประโยชน์ ชาวอินเดียหลายร้อยล้านคนใช้กิ่งแปลงฟันเป็นประจำมีอัตราเฉลี่ยของการเกิดโรคเหงือกและฟันน้อยกว่าหลายประเทศที่ใช้ยาสีฟันฟูออไรด์ นอกจากนี้ยังเป็นอาหาร ยาบำรุง  ในไม้สะเดาเทียมตัวเดียวมีประโยชน์ถึงถึง 3 ทางคือ เป็นยา อาหาร และเป็นไม้ใช้สอยทำที่อยู่อาศัยได้ ถ้า และคุณสมบัติเด่นอีกประการหนึ่งคือ      สะเดาเทียมปลูกง่าย โตเร็ว ทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด  เพียงเวลา 3 ปี สะเดาโตจากเมล็ดเล็ก ๆ เป็นไม้สูงถึง 20 ฟุต สะเดาเป็นพืชอายุยืน แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 54 03:00:17 จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 02:56:12

ความคิดเห็นที่ 13 วงการค้าไม้อธิบายว่าสะเดาเทียมเป็นไม้ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวมันเอง โดยเฉพาะเนื้อไม้ มอด ปลวกและแมลง มักไม่ทำอันตราย เนื้อไม้สวยงามเหมาะสำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ และตกแต่งภายในอย่างไร คุณภาพเนื้อไม้สะเดาเทียมพอที่จะเปรียบเทียบกับไม้ชนิดอื่นๆ ในท้องตลาดได้ดังนี้           1. ความแข็งแรง มีความแข็งแรงปานกลาง คล้ายไม้ตะเคียนทราย         2.สีของเนื้อไม้ เมื่อแปรรูปทิ้งไว้จะมีสีค่อนข้าง เป็นสีน้ำตาลแดงคล้ายไม้กระท้อน         3.ลายของเนื้อไม้ มีลวดลายสวยงามคล้ายไม้ ยมหอม ตะเคียน สามพอน และไข่เขียว           4.เกรดและราคา เปรียบเทียบได้กับไม้ตะ เคียนทราย จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 03:01:47

ความคิดเห็นที่ 14 และข้างบ้านหลังเล็กๆก็เลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติกครับ(สร้างบ่อปลาก่อนปลูกบ้านอีก)พ่อกับแม่เป็นคนจัดการ ส่วนผมให้ความสนับสนุนครับ (เลี้ยงไว้กินไม่ได้ขาย แจกญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน) จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 03:04:46

ความคิดเห็นที่ 15 ตอนผมกลับไปปีใหม่ก็เลยลุยครับลงไปจับมาย่างกินกัน เนื้อปลาดุกหอม และหวานมันมาก กินกับน้ำจิ้มกินแซ่บครับ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 03:06:52

ความคิดเห็นที่ 16 และช่วงที่ผมใช้เวลาอยู่ที่บ้านหลังนั้น   ตอนวันหยุดกลับไปเยี่ยมบ้าน วันหนึ่งก็มีสัตว์ตัวเล็กๆนำโชคมาเยือน  (ผมคิดอย่างนี้เป็นความเชื่อส่วนตัวครับ) จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 03:19:55

ความคิดเห็นที่ 17 มันตกลงมาจากต้นไม้และคลานมาหาผม ขณะที่ผมออกไปเดินเล่นแถวข้างบ้านจะมีป่าไม้รกๆพวกต้นหมาก(ปาล์มชนิดหนึ่งคนสูงอายุชอบกินกับใบพลู )  พยายามมองหาแม่มันก็ไม่เห็น ตัวยังเล็กมาก  ด้วยความกังวลว่าใครมาเจอแล้วเอาไปขังเลี้ยงไว้ในกรง ผมไม่อยากให้เจ้าสัตว์ตัวน้อยต้องมาขาดอิสระ และอยากให้มันกลับไปอยู่ตามป่าตามต้นไม้ตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น ชีวิตใคร ใครก็ชอบอิสระ แล้วคิดว่าสัตว์ที่มาจากป่าก็สมควรกลับไปสู่ป่า จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 03:23:48

ความคิดเห็นที่ 18 เลยตัดสินใจเอามาดูแลรักษาป้อนกล้วยป้อนนมอยู่ สักราว 1 สัปดาห์ พอเห็นว่ามันสามารถดูแลตัวเองได้ หาอาหารกินได้ผมนำไปปล่อยป่าใกล้บ้านนั่นหละครับ นี่เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆที่ผมรู้สึกได้ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 03:25:48

ความคิดเห็นที่ 19 เข้ามาปาดครับ ตัวเล็กนี่น่ารักดีครับ จากคุณ : oro เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 03:29:51

ความคิดเห็นที่ 20 และสัตว์น้อยตัวนั้นผมก็ไปค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เนตจนเจอครับ มีชื่อเรียกว่า “กระจ้อน”   ตอนแรกผมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตัว กระแต กระจ้อน หรือ กระรอกดินข้างลาย (อังกฤษ: Indochinese Ground Squirrel, Berdmore's Ground Squirrel, ชื่อวิทยาศาสตร์: Menetes berdmorei) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นสัตว์ฟันแทะ เป็นกระรอกขนาดเล็กชนิดหนึ่ง พบเห็นได้ทั่วไปในทุกภาคของประเทศไทย และทุกสภาพภูมิประเทศ แม้แต่ในสวนใจกลางเมือง ไม่ชอบอยู่อาศัยในป่าดิบทึบ ชอบหากินอยู่ตามพื้นดิน มีลำตัวสีน้ำตาลมีแถบสีดำสลับสีอ่อนอยู่ด้านข้างลำตัว จัดเป็นกระรอกดินชนิดหนึ่ง เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงชนิดเดียวที่อยู่ในสกุล Menetes พบได้ทั่วไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความยาวเต็มที่รวมหาง ประมาณ 15-20 เซนติเมตร จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 03:31:59

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วทำไมที่ผมเรียกว่าเป็นสัตว์นำโชคเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ  ผมกับแฟนแหม่มแต่งงานมา 5 แล้ว แต่ยังไม่มีลูก แฟนเคยท้องแล้วแท้งไปหนึ่งครั้ง และตอนหลังตรวจเจอแฟนเป็นเนื้องอกที่ผนังมดลูกมีลูกยากไปหาหมอทำการผ่าตัดแล้วแต่หมอบอกว่าโอกาสมีลูกลำบาก  แต่เป็นความปรารถนาอย่างแรงกล้าของเราเป็นอย่างมากที่อยากมีลูกสักคน พอดีผมเป็นลูกชายคนโตของที่บ้านที่แต่งงานมีครอบครัว น้องสาวกับน้องชาย ยังไม่มีครอบครัว เลยเป็นความหวังของพ่อแม่และญาติๆอยากมีหลานไว้อุ้มสักคน  ไหนๆก็เล่าแล้วคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2553วันสุดท้ายของปีเก่า และอาจเป็นเรื่องเหลือเชื่อหรือบังเอิญก็ได้(ใครไม่เชื่อไม่ผิดครับ) ขณะที่เราปิดไฟเข้ามุ้ง มีหิ่งห้อยแสงนวลบินเข้ามา  ในบ้านทั้งที่เราไม่เห็นหิ่งห้อยแถวนั้นเลยตลอดเวลาที่ไปพักที่บ้านหลังนั้น มันเหมือนเป็นสัญญาณอะไรสักอย่าง  เราสองคนตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 03:40:15

ความคิดเห็นที่ 22 นิมิตรหมายที่ดีแน่ๆ  เลยตกลงกับแฟนเรามาผลิตลูกกันเถอะ(เราเคยพยายามมาหลายครั้งแต่ไม่ประสบความสำเร็จ)     ตั้งแต่ผมเจอเจ้าสัตว์น้อย(กระจ้อน) แล้วนำไปปล่อยป่า มาถึงหิ่งห้อยแสงนวล  เป็นความเชื่อที่ไม่สามารถที่จะอธิบายได้หรือเป็นแค่เหตุบังเอิญความโชคดี (เลยมาตั้งกระทู้ในห้องนี้) แต่เป็นความเชื่อมั่นและกำลังใจที่เกิดกับผมและแฟนอย่างมากแบบไม่เคยรู้สึกมาก่อน  เราต้องมีลูกแน่ ๆ     แค่อยากแจ้งข่าวดี ตอนนี้แฟนผมท้อง ได้ราว เดือนแล้วครับ ไปหาหมอแล้วหมอบอกแฟนผมสุขภาพแข็งแรง และไม่มีปัญหาในการตั้งครรภ์ครับ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 03:43:07

ความคิดเห็นที่ 23 หิ่งห้อยมีการผลิตแสงสีเขียวเหลืองตรงปลายท้อง และมีการเปล่งแสงเป็นจังหวะ ตัวผู้ในแสงเดียวกันจะเปล่งแสงเป็นจังหวะพร้อมกัน หิ่งห้อยต่างชนิดกันจะมีจังหวะในการเปล่งแสงแตกต่างกัน ส่วนตัวเมียจะไม่เปล่งแสงก่อน แต่จะเปล่งแสงตอบก็ต่อเมื่อได้รับแสงจากตัวผู้ชนิดเดียวกัน เป็นการบอกทิศทางให้ตัวผู้บินตามมา และแสงที่เปล่งออกมาอาจจะเปลี่ยนสีได้ตามที่ที่มันอยู่ นักชีววิทยาเรียกแสงของหิ่งห้อยว่าแสงเย็น (cold light) ทั้งนี้เพราะ กระบวนการปล่อยแสงจากตัวหิ่งห้อยให้ความร้อนไม่มาก  ตามปกติหลอดไฟทั่วไป เวลารับกระแสไฟมันจะแปลงไฟฟ้า 90% ของพลังงานไฟฟ้าที่ได้รับเป็นพลังงานความร้อน และแปลงพลังงาน 10% ที่เหลือเป็นแสงสว่าง ดังนั้น เวลาที่เราเปิดไฟทิ้งไว้เป็นเวลานาน ๆ หลอดไฟจึงร้อน แต่ในกรณีหิ่งห้อยมันแปลง 90% ของพลังงานเคมีในร่างกายเป็นแสง   อีก 10% ที่เหลือเป็นพลังงานความร้อน ดังนั้นอุณหภูมิของหิ่งห้อยจึงไม่สูง ทำไมหิ่งห้อยจึงกะพริบแสง หิ่งห้อยกะพริบแสงเพราะใช้สื่อสารกับเพศตรงข้าม (ตัวเมีย)เพื่อบอกความพร้อมในการสืบพันธ์ โดยที่ตัวผู้จะเป็นฝ่ายกะพริบส่งก่อน หากตัวเมียมันเห็นลีลาการกะพริบแสงแล้วมันพอใจ ตัวเมียก็จะกะพริบแสงตอบ เพื่อให้ตัวผู้รู้ว่าอยู่ที่ไหนจะได้บินไปหาถูกนั้นเอง คุณอาจคิดว่าหิ่งห้อยมีหลายร้อยตัว ยิ่งเมื่อรวมกันเป็นฝูงแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าแสงจากตัวใดกะพริบกะต้วใด หิ่งห้อยแต่ละชนิดนั้นมันจะมีลีลาในการกะพริบแสงที่แต่ต่างกันอาทิเช่น การกะพริบแสงช้าเร็วต่างกัน และลีลาการเปล่งออกมาของหิ่งห้อยอาจเป็นไปตาม สิ่งแวดล้อมที่มันอยู่มันจึงรู้ว่าตัวใดกะพริบตอบนั้นเอง แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 54 07:00:35 จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 03:48:58

ความคิดเห็นที่ 24 แถมครับ ภาพนี้แฟนผมนอนเล่นในเปลที่บ้านหลังนั้นครับ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 03:56:32

ความคิดเห็นที่ 25 ไหนๆก้เล่นพันทิพมาราว 3เดือนแล้วดูเปิดเผยตัวนิดหน่อยครับ แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 54 07:01:49 จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 03:59:14

ความคิดเห็นที่ 26 อ้างอิงครับ http://www.vegetweb.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B2/ http://lanpanya.com/bansuanporpeang/archives/27 http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99 http://www.school.net.th/library/webcontest2003/100team/dlnes041/index.html http://www.ipst.ac.th/thaiversion/publications/in_sci/firefly.html จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 04:05:47

ความคิดเห็นที่ 27 ยินดีด้วยค่ะ =) จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 06:56:21

ความคิดเห็นที่ 28 เอาล่ะสิ  มีชื่อน้องให้เลือกมากมายแล้ว  น้องปีใหม่  น้องจ้อน  น้องหิ่งห้อย  น้องห้อย  น้องโหน(เผื่อแฝด)   ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 54 07:01:09 จากคุณ : ยิบยอง เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 07:00:22

ความคิดเห็นที่ 29 เข้ามาดุ เพลินดีครับ ชอบชีวิตเรียบง่าย จากคุณ : กังฟู43 เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 08:12:15

ความคิดเห็นที่ 30 มีเงินน้อยหน่อยแต่มีความสุขมากหน่อย ได้อยู่กับอากาศและบรรยากาศดีๆ บ้านที่เรียกว่าบ้าน แค่นี้ก็ที่สุดละ จากคุณ : LasagnA เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 08:31:57

ความคิดเห็นที่ 31 แฟนเป็นคนออสซี่หรอครับ โชคดีจังจะได้ไปอยู่ที่ออสเตรเลียแล้ว ที่นั่นธรรมชาติมาก ๆ ครับ คนเกือบทุกคนรักธรรมชาติรักสัตว์และตระหนักถึงการอนุรักษ์แทบจะทุกคน เหมือนมันอยู่ในสายเลือดคนที่นั่นเลย ผมเองก็อยู่รัฐ Queensland ถ้าว่าง ๆติดต่อมาเยี่ยมกันบ้างเด้อ จากคุณ : captainnova เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 08:41:26

ความคิดเห็นที่ 32 เคยไปล่องเรือดูหิ่งห้อยที่อัมพวา ก็สนุกดีนะ หิ่งห้อยเยอะดี จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 09:26:12

ความคิดเห็นที่ 33 อยากจะบอกว่า ยินดีด้วยมากๆเลยครับ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริงๆ ปล. บ้านน่าอยู่มากกกกกก ชอบต้นไม้ใหญ่ๆ จากคุณ : Sith Lord Nindle เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 09:59:56

ความคิดเห็นที่ 34 ผมก็กำลังเก็บตังค์ ปลูกบ้านในสวนยามแก่ครับ... ชอบบ้านสวนแบบนี้มากกกก ^^" จากคุณ : TonTon1977 เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 10:02:10

ความคิดเห็นที่ 35 ยินดีด้วยครับ ปล.ผมก็คนพัทลุงนะ ฮ่าๆ จากคุณ : yatiko เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 10:54:50

ความคิดเห็นที่ 36 จะมีน้องแล้ว ยินดีด้วยนะคะ ว่าแต่เจ้ากระรอกดินน่ารักมากมายอ่ะ ตัวจิ๋วเดียวเอง จากคุณ : minafiba เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 11:05:23

ความคิดเห็นที่ 37 ความฝันของคุณคล้ายๆผม ... จากคุณ : A.TheRipper94 เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 11:49:11

ความคิดเห็นที่ 38 คราวต่อไปลองทำอะไรแปลกๆดู เอากระจ้อนไปเสียบไม้ย่าง แล้วเอาปลาดุกมาป้อนกล้วย จากคุณ : (-_-") เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 11:49:27

ความคิดเห็นที่ 39 อยากมีแบบนี้บ้างจัง...อิจฉา จากคุณ : ton_na_999 เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 13:44:12

ความคิดเห็นที่ 40 ดูอบอุ่นมากๆ เลยค่ะ ยิ่งเห็นรูปใน คห. ๑๖ - ๒๐.. โหย.. น่าจุ๊บมากก..ฮ่าๆ ปล. ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ สำหรับข่าวดีเรื่องเจ้าตัวเล็ก :) จากคุณ : g.everyday เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 14:40:28

ความคิดเห็นที่ 41 ชอบกระทู้แบบนี้จังกด like ได้กดไปแล้วนะนี่ จากคุณ : PlusM124 เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 02:52:06

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ที่เข้ามาอ่านและเเสดงความคิดเห็น ยินดีเป็นมิตรกับทุกคนนะครับ ค.ห 28  รับไว้พิจารณาครับชื่อน่ารักทั้งนั้น ค.ห 31  แหมน่าจะรู้จักกันเร็วกว่านี้หน่อย ผมอยู่บริสเบน รับควีนแลนด์ ตั้ง2 ปีแต่ตอนนี้ย้ายมาอยู่แคนเบอร่าเกือบเดือนแล้ว ค.ห. 35  ดีใจจังเจอคนพัทลุงบ้านเดียวกัน ผมอยู่ นาโหนด อ.เมืองครับ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 06:55:32

ความคิดเห็นที่ 43 คห.17 ดีจังเลย ที่ไม่ไปขังใครเขา ข้างบ้านผมเขาเลี้ยงนกกรงหัวจุกกันหลายสิบตัว นั่งเฝ้าทั้งวัน บาปแท้ๆ จากคุณ : รูปเงาะเดินสบาย เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 10:48:06

ความคิดเห็นที่ 44 99 แก้ไขเมื่อ 05 ก.พ. 54 13:58:24 จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 13:57:33