ความคิดเห็นที่ 1 อาจจะแตก แต่ไม่สลาย จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 15:53:37

ความคิดเห็นที่ 2 มันคือหนังนะครับ เอามาวิเคราะห์อะไรกับของจริง คงยากหน่อย จากคุณ : chetM เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 16:11:25

ความคิดเห็นที่ 3 ดูศักยภาพในการทำรายได้ของ google สิครับ การขยายตลาดลงมา mobile การครองตลาด search พวกนี้ ไม่สามารถเปลี่ยนทันทีทันใดได้ใน 3-5 ปีแน่ๆครับ จากคุณ : the_architect เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 16:13:30

ความคิดเห็นที่ 4 คิดว่า Facebook จะไปก่อน google ค่ะ แต่อย่างไรก็ดี ไม่มีสิ่งใดหรืออะไรอยู่ยั้งยืนยงค่ะ ทุกสิ่งมีดับสลายไปตามกาลเวลา จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 16:21:46

ความคิดเห็นที่ 5 ตลาด IT เป็นตลาดที่เก็งลำบากครับ   เรายังไม่รู้เลยว่า โลกอินเตอร์เนทหลัง web 2.0 ไปในทิศทางไหน แต่ผมว่ากู้กเกิ้ลคือของจริงครับ  ผ่านการคิดวิเคราะห์มาอย่างดีครับ (งานระดับป.เอก นะครับ) แต่ในหนังwallstreet 2 ข้อมูลมันไม่แน่นเหมือนภาคหนึ่งนะครับ  เทียบความเข้มข้นของเนื้อหาเกี่ยวกับ insider trading ในภาคแรกแทบไม่ได้ เพราะถ้าบอกว่า googleจะฟองสบุ่แตก  ผมกับมองว่าgoogle กำลังจะครองโลกด้วยแอนดร์อยมากกว่าอีก ปีเดียวมาเกตแชร์ จาก 3% มาเป็น 25% นี้ไม่ใช่ฟองสบู่ครับ มันคือการมุ่งที่จะยึดตลาด OS มือถือแล้ว แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 54 16:23:16 จากคุณ : The_Death_oF_Superman เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 16:22:40

ความคิดเห็นที่ 6 โปรเจคกูเกิ้ลก็แตกไปหลายฟองแล้วนี่ครับ แต่ล่มนี่คงยาก ไงๆเซิร์สเอนจิ้นก็ครองตลาดไปอีกนาน เสียหาย wave มาก ถ้าเอากลับมาแล้วใช้เป็นเซอร์วิสในแอนดรอยนะ เทพสุดๆ BB ก็มาเหอะ จากคุณ : ผีฟรีคิก เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 16:25:12

ความคิดเห็นที่ 7 จริงครับ แต่มันอาจจะสลายโดยที่เราคาดไม่ถึง อยู่ที่ว่า ตอนที่มันเติบโต ใครหาประโยชน์จากมันได้มากกว่ากัน ตอน IBM บูม กิจการนักดูแลระบบ ขายระบบ ติดตั้งระบบ ขนย้ายเครื่อง ร่ำรวย ตอนนี้ คนย้ายเครื่องตกงานไปเรียบร้อย ตอน Internet บูม กิจการวาง Network ทำเวบเพจ ร่ำรวย (โยนสาย Lan เมตรละ 100 เขียนเวบหน้าละ 1,000) ตอนนี้ คนทำเวบ เงินเดือนน้อยมาก เป็นธรรมดา จากคุณ : KENG76 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 16:30:21

ความคิดเห็นที่ 8 มันเป็นลักษณะของธุรกิจดอตคอม GoogleและFacebookอาจจะแตกสลาย หรือล่มสลายได้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่นเทคโนโลยี่หรือเจ้าใหม่ที่จะเข้ามา ในอนาคต ถ้าปรับตัวไม่ทันก็อาจจะเหมือนYahooก็ได้ แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 54 16:36:17 จากคุณ : A10 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 16:34:01

ความคิดเห็นที่ 9 ลองดูหุ้นGOOGสิ http://www.google.com/finance?q=NASDAQ:GOOG จากคุณ : GOOG เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 16:37:14 A:192.168.182.23 X:124.120.121.153 TicketID:303890

ความคิดเห็นที่ 10 ฟองสบู่ คำเดียวกัน แต่ความหมายของ ระบบการเงิน กับ บริษัทอย่าง google / facebook ไม่เหมือนกัน , ถ้าเป็นระบบการเงินการธนาคาร อย่างตอนต้มยำกุ้ง นั่นคือมีหนี้เสีย ธนาคารปล่อยกู้แต่เก็บเงินคืนไม่ได้ จึงมีผลกระทบต่อระบบการเงิน และ economic ทั้งหมด  ส่วนของ google / facebook ถ้าวันใด มีเทคโนโลยีตัวใหม่เข้ามา หรือมีคู่แข่งที่ดีกว่า เจ้าของ google / facebook จากที่รวยติดอันดับโลก ก็อาจจะกลายเป็นคนธรรมดาได้ในพริบตา ,  ดังนั้นตอนนี้จะเห็นว่า google พยายามซื้อเว็บเด่นๆ ดังทั้งหลายมาเป็นของตัวเองประมาณ 87 เว็บในตอนนี้ เช่น Picasa , youtube ( มูลค่า 50,000 ล้านบาท ) , Doubleclick ( 90,000 ล้านบาท ) , ITA software ( 20,000 ล้านบาท )  เพื่อเป็นการต่อยอดการดำเนินธุรกิจของเขา แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 54 17:22:46 จากคุณ : The Peak เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 17:14:39

ความคิดเห็นที่ 11 ***      อากู๋คงอยู่ได้อีกนานครับ! เพราะเขามีไลน์ธุรกิจแตกแขนงยิบย่อยออกไปเยอะมาก  ต่อให้วันหนึ่ง "Search Engine" ของอากู๋ต้องพ่ายแพ้ให้กับเจ้าอื่นที่สดกว่า  แต่ไลน์ธุรกิจอย่างอื่นของเขาก็ยังมีอยู่และยังสามารถทำกำไรได้ครับ        แต่ที่ผมว่าน่าห่วงมากๆก็คือทางฟาก "Facebook" มากกว่านะครับ  เพราะถ้าทาง "เฮียมารค์" ยังไม่ยอมทำอะไรให้มันงอกเงยมากกว่าที่เป็นอยู่  วันหนึ่งเมื่อมีโปรแกรมที่สามารถใช้งานได้ดีกว่า ง่ายกว่า ทันสมัยกว่า แจ่มกว่าออกมาครองใจคนหมู่มากได้ล่ะก็        เมื่อนั้น "Facebook" ก็จะต้องประสบชะตากรรมแบบเดียวกับพวกโปรแกรมสนทนาออนไลน์สุดฮิตในอดีตจำนวนมาก  ที่ต้องมาล้มหายตายจากลงไปตามกาลเวลาเพราะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ดีพอครับ      และอีกอย่างหนึ่ง!มูลค่าธุรกิจพันกว่าล้านของเฮียมาร์คอะไรเนี่ย  อย่าลืมนะครับว่าตลาดหุ้นยังไม่ได้รับรองด้วยซ้ำ  ถ้าวันใดวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ข้างต้นขึ้นมาทุกอย่างที่ว่ามีเป็นพันล้านอะไรนั่นก็จะไม่เหลืออะไรเลย ป.ล. ที่เขาว่าผู้ก่อตั้ง "Facebook" รวยเป็นพันล้านเนี่ยไม่ได้หมายความว่าเขามีทรัพย์สินที่เป็นรูปธรรมเช่นที่ดิน เงินทอง อะไรเป็นพันล้านนะครับแต่เป็นมูลค่าของธุรกิจครับ!  ซึ่งเมื่อวันใดที่เขาเกิดพลาดท่าขึ้นมาไอ้เจ้าพันล้านที่ว่ามีมากมายนั่นก็จะหายวับไปในทันทีเลย (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กัับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 17:25:09

ความคิดเห็นที่ 12 อีกอย่าง Google นี่เจ้าพ่อเทคโอเวอร์นะครับ เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามา ถ้าเข้าตากรรมการแล้ว อาจจะโดนเทคง่ายๆ ซะด้วย อย่างเช่น Youtube ถ้าเทคไม่ได้  Google ก้จะทำแข่ง ถึงเวลานึงแล้วอาจจะเข้าขั้นผูกขาดไปเลยก็ได้ ตอนนี้ IOS ที่แข่งกับ เจ้าหุ่นกระป๋องนั้นก็กินบุญเก่าอยู่เหมือนกัน จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 17:32:01

ความคิดเห็นที่ 13 ตราบใดที่เซอเวอร์ facebook ไม่มีล่ม ก็ไม่น่าจะเจ๊งไปได้ครับ เพราะไม่มีใครแข่งเขาเรื่องนี้ได้ จากคุณ : vandalism เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 17:46:13

ความคิดเห็นที่ 14 มีบริษัทไหนอยู่ค้ำฟ้ามั่งหล่ะครับ ? จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 17:57:04

ความคิดเห็นที่ 15 อีกนานครับ คำพูดในหนังเค้าพูดให้ดูเท่ไปงั้นแหละ จากคุณ : keerati Arm เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 18:08:07

ความคิดเห็นที่ 16 google ตอนนี้เริ่มส่อเค้าเรื่องปัญหาแล้วครับ ธุรกิจหลักคือ Search นั้นเริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่ากำลังอยู่ในขาลง ข้อมูลที่ผ่านการสืบค้นด้วย search engine นั้นเริ่มมีข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเรื่อยๆ (เช่นพวก spam หรือ link park) เทคโนโลยีใหม่ที่ทุกคนจับตามองก็คือเรื่อง social network / social power ซึ่งเป็นการถามสมาชิกในสังคมแทนการถามระบบคอมพิวเตอร์ platform ที่ให้บริการนี้ก็เช่น twitter ซึ่งเหมาะสมมาก กับ facebook ที่ถ้าคุณสังเกตุกันจะเริ่มมีการถามตอบกันระหว่างสมาชิกแล้ว (คิดว่าเรียกว่า facebook answer หรืออะไรประมาณนั้น) หรือเว็บต่างๆเช่น Quora เป็นต้น แต่ google ก็ยังมีศักยภาพที่จะปรับตัวได้ทันนะครับ ตอนแรกเริ่มทดสอบ Buzz ซึ่งเป็น social network แบบหนึ่ง (แต่เปิดตัวไม่ดี) Wave ก็เป็น social engine อย่างนึง ซึ่งก็ไม่สำเร็จ แต่ก็พอบอกได้ว่า google เห็นปัญหาและเริ่มพยายามเจาะเข้าสู่ตลาดใหม่นี้ ยังมีโปรเจ็คลับของ google ที่เป็น social web อีกตัวด้วย ผมชอบ google นะ และก็อยากให้อยู่ทำธุรกิจไปนานๆ ตอนนี้ google จะทำการปรับ CEO โดยให้ Larry Page (หนึ่งในผู้ก่อตั้ง) เข้ามาเป็นแทน Eric Schmidt น่าจะแปลว่า google ปรับแนวรบเน้นด้านเทคโนโลยีกับ innovation มากขึ้น ต้องการนำบริษัทกลับไปเหมือนยุคบุกเบิกอีกครั้ง ที่สามารถผลิตเทคโนโลยีแบบเปลี่ยนการใช้งานคอมพิวเตอร์ได้เลย (เพิ่มนิดนึง เรื่อง social network/social power นั้นหลายคนคาดว่าจะมา แต่ยังไม่รู้ว่าจะมาในรูปแบบไหน แนวคิดมันใหม่มาก จะทำเงินจากระบบแบบนี้อย่างไรก็ยังไม่ชัดเจน เช่น twitter หรือแม้แต่ foursquare ก็ยังไม่รู้จะทำเงินอย่างไรดี แต่มีคนมาลงทุนให้เพราะคิดว่าต่อไปน่าจะทำเงินได้ ดังนั้นยังมีเวลาอีกพอควรที่ google จะ innovate และหา business model ครับ) จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 18:31:58

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าดูด้วย Business Model ของ Google แล้วน่าจะแตกยากมาก เพราะ Google ตอบโจทย์ได้ดีมาก และที่สำคัญคือเก็บเงินกับคนที่อยากจะจ่ายคือ Business unit ต่างๆ ที่ต้องการโฆษณา ไม่ใช้รีดเงินจาก end-user หรือผู้ใช้บริการค้นหา นอกจากนี้ยัง provide data content ที่ใช้ในการวิเคราะห์การตลาดที่ดีมากๆ (Google analytics) ซึ่งช่วยตอบโจทย์ธุรกิจ Google จะตายก็ต่อเมื่อเกิดเครื่องมือที่เป็น Google Killer อย่างแรงแหละครับ จากคุณ : ascertain เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 18:46:33

ความคิดเห็นที่ 18 คิดว่า Facebook น่าจะไปก่อนเหมือนกันครับ Google ก็ยังดูท่าทางว่าจะไปต่อได้มากกว่าหลายๆบริษัทในหมวดเดียวกัน แต่จุดอ่อนของเทคโนโลยีก็คือ   สิ่งที่ทำให้เหนือกว่าคู่แข่งในวันนี้ อาจจะเป็นสิ่งล้าสมัยในวันพรุ่งนี้ก็ได้ การเปลี่ยนแปลงมันเร็วเกินไป จากคุณ : สมบัติดี เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 18:55:48

ความคิดเห็นที่ 19 พลังงานสีเขียวนี่ฟองสบู่ของแท้ครับ ใช้ทรัพยาการเปลืองกว่าน้ำมันไม่รู้กี่เท่า จากคุณ : devil amature2 โดนยึด login เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 18:56:21 A:115.87.96.185 X: TicketID:303033

ความคิดเห็นที่ 20 ขึ้น-ลงเป็นเรื่องธรรมชาติครับ ถ้ามีอะไรตอบสนองคนใช้ได้มากกว่าอันนั้นก็จะบูมขึ้นมาเอง เหมือนกรณี Facebook ผมไม่เคยคิดเลยว่า MySpace จะถูก Facebook ยึดที่หนึ่งมาเร็วขนาดนี้ จากคุณ : HunterCotarot เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 19:13:36

ความคิดเห็นที่ 21 เทเลพาธี (Telephathy) - การติดต่อผ่านทางจิต จะมาแทน เฟซบุ๊ค และมือถือ จากคุณ : labor_pu เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 20:04:28

ความคิดเห็นที่ 22 ผม ยังจำหมายเลข ICQ ของผมได้อยู่เลย  เสียดายจัง จากคุณ : เดอะไรท์ เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 20:08:51

ความคิดเห็นที่ 23 facebook ในยุโรป เมกา นี่ไม่ขยายแล้วนะครับ หลายๆคนก็เรื่มที่จะปิดแล้วเพราะว่าเรื่มเบื่อ ไม่มีอะไรใหม่ๆ แถมเรื่องของ privacy อีก เพื่อนผมก็ปิดไปเป็นสิบแล้วในเมกา จากคุณ : nikku เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 20:51:42

ความคิดเห็นที่ 24 ทางกูเกิ้ลกำลังจะออกโซเชี่ยลเน็ทเวิร์กตัวใหม่มาชนเฟสบุ๊กแล้วครับ แต่อย่างไรก็ดีเฟสบุ๊กมาถึงจุดนี้ได้ก็ถึงว่าเกินความคาดหมายมามากๆแล้วครับๆ จากคุณ : Big Worm. เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 21:12:01

ความคิดเห็นที่ 25 แอนดรอยด์กำลังจะแซงไอโฟนในไม่ช้า  ในต่างประเทศนะ ในไทยยกให้ BB เขาไป ...........เฮ้ออออออออออออ  ทำไมดาราไทยมันไม่บ้าพัฒนาแอปกันมั่งฟะ จากคุณ : waphoo เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 22:01:16

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าเกิดขึ้นจริง Google น่าจะไปหลัง Fabecook ครับ เพราะ Google จนทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว ถ้าไม่เละเทะจริงๆ ยังไงก็ยังอยู่แต่ แต่อาจจะลุ่มๆดอนๆ แล้วก็เสียตำแหน่งเบอร์ 1 ให้กับเจ้าอื่น (เหมือนที่ Yahoo, AltaVistaเป็นอยู่ในปัจจุบัน) product ของ google นี่เน้นยิงกราดซะด้วยซ้ำครับ ไม่ใช่งานที่คิดวิเคราะห์มาอย่างดีเท่าไรเลย บางอันเปิด beta มาแบบเงียบๆ มีคนใช้อยู่ในระดับนึง แล้วไม่สำเร็จ ก็ปิดตัวลงไปอย่างเงียบๆ บางอันเปิดมาดีหน่อย แต่ทำเล่นตัวเป็น close beta ปล่อย invite น้อย เจอกระแสตีกลับ คนใช้ไม่รออย่าง Wave ก็มี ส่วน Facebook ถ้าเป็นอย่างปัจจุบัน แล้วเกิดมีคู่แข่งที่ feature เหนือกว่าและนิยมกว่าขึ้นมา Facebook ล้มแบบไม่เหลืออะไรทันทีนะครับ เพราะอย่างที่คุณเจไดบอก ว่าที่เค้าบอกกันว่าตามาร์คมีเงินเท่านั้นเท่านั้น มันเป็นมูลค่าทางตลาดที่เค้าประเมินกันเฉยๆ Facebook ยังไม่ได้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ที่จะได้มีหุ้นเป็นมูลค่าชัดเจน ผมว่ามาร์คก็คงพอจะเห็นจุดนี้แหละครับ แต่การจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นอะไรที่ยุ่งยาก มี requirement ค่อนข้างเยอะ ผมว่าถ้าเคลียร์ requirement ต่างๆได้ครบเมื่อไร มาร์คไม่ลังเลที่จะเอา Facebook เข้าตลาดหลักทรัพย์ทันที่แน่ๆครับ จากคุณ : Go-Kung เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 22:10:37

ความคิดเห็นที่ 27 ถึงฟองสบู่จะแตก นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็คงไม่อดตายหรอกครับ ยังเก็บบุญเก่ากินได้อีกนาน คนที่จะตายหยังเขียดคือพวกแมงเม่าที่ห้อยโหนกับหุ้น หรือตราสารอนุพันธ์ ที่อาศัยฐานของ facebook เป็นตัวกำหนดราคา จากคุณ : praphrut608 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 22:34:29

ความคิดเห็นที่ 28 ตามาร์คนี่ ยังไงก็ไม่ตายหรอก ถ้าล้มอย่างมาก ก็กลับไปโปรแกรมเมอร์ โปรแกรมเมอร์  IBM เงินเดือน start กัน 6000-8000 ดอลล่าร์ต่อเดือนนะครับ ----------------------------------------------------------------------------------- ส่วน Google ไม่น่าจะเรียกว่า เป็น ฟองสบู่อีกแล้วครับ รายได้ของ Google ต่อปี ประมาณ 16 หรือ 8 billion dollars คือเป็น Business Model ที่ ถูกพิสูจน์มาแล้ว ว่าใช้ได้จริง ส่วน Facebook ยังต้องรอการพิสูจน์จริง ๆ ครับ แต่ดูแล้วคงล้มยาก เพราะ engineer เก่ง ๆ เต็มบริษัทไปหมด  (engineer 10% ของ Facebook มาจาก Google นะ เออ) ตอนนี้ Model การโฆษณาของ Facebook ยังไม่รู้ว่า ได้ผลดีแค่ไหน แถม Facebook ไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขอีก จึงไม่มีใครทราบได้ ก็เดากันไปต่าง ๆ นานา เช่น จาก Link นี้ http://www.reuters.com/article/2010/06/18/us-facebook-idUSTRE65H01W20100618 เค้าเดาว่า Facebook ทำได้ $800 dollars ในปี 2009 จากคุณ : คุณชินโซ เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 22:54:40

ความคิดเห็นที่ 29 ระหว่าง Apple, google, Facebook, Microsoft ผมคิดว่า Apple ไปก่อนเพื่อนครับ จากคุณ : massacre เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 23:04:25

ความคิดเห็นที่ 30 การที่ Android เติบโตด้าน os บนมือถือได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันคือซอฟแวร์ฟรีครับ ต้องไม่ลืมในส่วนนี้ คำว่าฟรีก็แปลได้ว่าไม่มีมูลค่าครับ จะทำประโยชน์ในแง่ไหนก็ตาม แต่โดยรวมก็คือ ใครๆก็ใช้ Android ได้ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่มันเติบโตได้ดี แต่มูลค่าของ OS ไม่ได้อยู่ที่ OS เองครับ มันอยู่ที่ซอฟแวร์ที่จะออกมารองรับบน OS นั้นมากกว่า ไม่อย่างงั้นคุณจะบอกว่า มีคนใช้ Linux มากกว่า Windows ยังงั้นเหรอ Com เครื่องไหนก็ลง Linux ได้ แต่ถ้าไม่มี user มันจะมีประโยชน์อะไรให้พัฒนา กลับมาที่เรื่องของ Android Android เองน่าสนใจตรงที่เป็น open sauce ที่บุกเบิกในตลาดใหม่ได้ดี ในด้านของการทำงานที่เน้น touch screen โดยมีพื้นฐานจาก iOS ด้วยส่วนนึง ตรงนี้จะบอกว่า iOS ไม่เกี่ยวกับ Android เลยสักนิด คงจะพูดได้ไม่เต็มปากนักหรอก เพราะ iOS เกิดก่อน Android แต่ iOS ใช้พื้นฐานของ Linux ซึ่งก็เป็นพื้นฐานเดียวกับ Android ถ้า Android คิดว่า Linux ไม่ดี Google เองก็สามารถไปสร้าง Platform OS ใหม่ได้อยู่แล้ว เพื่อจะได้คุยได้ว่าไม่ได้เลียนแบบ iOS แต่ปัญหาการสร้าง platform ใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะนั่นหมายถึง programmer ต้องมาเรียนรู้อะไรๆใหม่ทั้งหมด ค่อนข้างเสียเวลา การต่อยอดจากของเดิมอย่าง Linux คืออะไรที่ดูจะเหมาะกว่า แต่ก็ไม่ผลว่าจะโดนมองว่า เลียนแบบ iOS ที่มาก่อน แล้วก็ประสบความสำเร็จไปแล้วเรียบร้อย จากจำนวน Application ที่มากมายเทียบได้กับ Windows บน PC เลยทีเดียว แต่การแข่งขันที่แท้จริง คงต้องเป็นหลังจากนี้ไปแล้วมากกว่า ว่า Android จะสามารถทำให้ OS ตัวเองได้รับความนิยมมากขนาด มี Programmer เข้ามาทำ software มากมายเท่า iOS หรือไม่ ซึ่ง iOS ใช้เวลาในการเติบโตจาก เด็กหัดเดิน จนตอนนี้สามารถ กระโดดวิ่งได้ ด้วยระยะเวลาเพียง 3 ปี (2007-10) ก็ต้องมาดูกันว่า ภายใน 3 ปีของ Android ซึ่งเริ่มจำหน่ายครั้งแรกในปี 2009 จนถึงปี 2012 Android จะทำซอฟแวร์ออกมาได้มากเพียงไร หลายคนอาจจะเถียงว่าทำไมผมถึงใช้มาตรฐานของ ซอฟแวร์เป็นเกณฑ์ แทนที่จะพิจารณาจาก จำนวนผู้ใช้หรือมือถือที่ขายได้ ในทัศนะของผม ผมว่าไม่ยุติธรรมนักหากพิจารณาจากจำนวนมือถือ เพราะ Apple ผลิต Iphone ออกมาเพียงปีละ 1 รุ่น ไม่มากไปกว่านี้ ขณะที่ Android ผลิตมาปีแรกก็มีจำนวนรุ่นมากกว่า Iphone ที่ผลิตมารวมกันทั้งหมดตั้งแต่ออกจำหน่ายเครื่องแรกซะอีก ไอ้ครั้นจะไปบีบคอให้ Steve Job แกทำออกมาให้มากกว่านี้ก็ไม่สามารถทำได้ แต่Iphone ที่ออกมาเพียงปีละรุ่น ก็สามารถขายดีขนาดที่ขายออกกันได้เป็นรุ่นชนรุ่นต่อเนื่องทั้งปีเลยทีเดียว ซึ่งมีมือถือไม่กี่รุ่นที่ขายดีขนาดทำออกมาไม่พอขายนี่ ในประวัติศาสตร์แถบจะนับนิ้วได้เลยทีเดียว อีกเหตุผลที่ผมมองคือ มือถือ smartphone นั้น ควรจะตัดสินกันด้วย ความเป็น smartphone ถึงจะถูกต้อง หากตัดสินกันแค่ที่ปริมาณเครื่องที่จำหน่าย user ส่วนใหญ่อีกมาก ใช้ Android ราคาถูกเพียงแค่โทรออก และ รับสาย ซึ่งบางคนอาจจะบอกว่า user ios ก็มีที่ซื้อ Iphone มาแล้วทำแค่โทรออกรับสายเหมือนกัน แต่ผมมองว่า ส่วนที่ซื้อ Iphone มา แล้วมาใช้แค่ โทรออก รับสายอย่างเดียวนั้นน่ะ มีน้อย เหตุผลเพราะ มือถือเครื่องตั้งแพงกว่า 2หมื่นกว่าบาท (ไม่รวมเครื่องมือ 2) การเอามาใช้งานเพียงแค่นี้ไม่คุ้มค่าเลย ซื้อมือถือถูกๆมาใช้ก็ไม่ต่างกัน แต่ Android ถูกกว่ามาก แม้จะซื้อมาเพื่อใช้งาน โทรออก รับสายเพียงอย่างเดียว แต่ในราคาที่ไม่แตกต่างจากมือถือธรรมดาที่ไม่มี OS ใครๆก็คงจะเลือก มือถือที่มันทำอะไรได้ หลายๆอย่างไว้ก่อนแน่นอน จากเหตุผล 2 ข้อ ในเมื่อมันชื่อว่าเป็นมือถือที่ำทำอะไรหลายๆอย่างได้เหมือนกัน มาตรฐานที่ดีในการตัดสินความยอดเยี่ยมของมัน จึงควรเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ออกมารองรับมันว่าจะมีมากน้อยเพียงใด หลายๆคนมองว่า iOS มีดีแค่มีเกมส์เยอะเท่านั้น แต่ผมอยากให้เปรียบเทียบกับ PC ของเรา เพราะ Windows เอง Software อื่นที่เราลงมากที่สุดถ้าไม่ใช่ที่มันจำเป็นอยู่แล้ว อย่าง Office โปรแกรมดูหนัง ฟังเพลง โปรแกรมนอกเหนือจากนี้ก็ต้องเป็น Games อยู่แล้ว การที่มีซอฟแวร์เกมส์ออกมามาก นั่นก็แปลได้อย่างหนึ่งว่า คนที่ทำออกมานั้นทำเพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องมีคนเล่นมันอย่างแน่นอน และจะไม่ขาดทุนด้วย เพราะซอฟแวร์ทุกตัวลัวนมีต้นทุนครับ ตันทุนทางความคิด เวลา ทรัพยากร ถ้าทำแล้วเจ๊งหนักๆๆเข้า ใครมันจะอยากเข้าเนื้อตัวเองขนาดนั้นกัน ไม่อย่างนั้นป่านนี้เราคงเห็นเกมส์อีกมากมายบน Linux หรือ Ubuntuu จำนวนมากมายไปแล้ว ทั้งหมดเหล่านี้คือความเห็นทั้งหมด ที่ผมมองเกี่ยวกับ Android และ iOS ครับ ท่านใดมีข้อคิดเห็นแตกต่างอย่างใด ก็สามารถ วิจารณ์ได้ตามสบายครับ ทิ้งท้ายคือ อย่างที่ผมบอกไป ในความเป็นจริงแล้ว สงครามการแข่งขันของ OS 2 ตัวนี้ยังไม่เริ่ม อย่างจริงจังหรอกครับ เพราะAndroid เพิ่งเกิดมาได้เพียงปีกว่าเท่านั้น ถ้าจะวัดกันจริงๆ ควรจะวัดตอนที่ระยะเวลาเท่าๆกัน ซึ่งต้องดูกันว่า เมื่อถึงปี 2012 แล้วนั้น Android จะทำได้ดีมากแค่ไหน เมื่อเทียบกับ iOS เมื่อปี 2010 ครับ จากคุณ : +Carbocat+ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 54 04:03:46

ความคิดเห็นที่ 31 skype ยังอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้เลย คิดว่ามันจะไปช่วง สามปีที่แล้วสะอีก แต่ก็เป็น top apps ใน iphone ได้อยู่ facebook คงอยู่ได้ไม่อมตะหรอกครับ search engine ของ google ก็ยังดีอยู่และพัฒนาเรื่อยๆ ครอบคลุมตลาดหลายส่วน ส่วนที่ว่า apple ไปก่อนนั้นยาก ตอนนี้แผนการตลาดเปลี่ยนจากเมื่อก่อนเยอะ อย่างน้อยผมคนนึงหละที่จะยังซื้อ และมันก็เป็นเฟืองที่ทำให้อยู่รอดต่อไปได้ จากคุณ : Bassism เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 54 10:30:13

ความคิดเห็นที่ 32 facebook ผมก็ปิดไปแล้วเหมือนกัน เรื่องบางเรื่องอยากจะให้เป็นความลับ คนที่รู้กลับเอามาถามโต้งๆซะงั้น แถมยังไม่สามารถกำหนดกลุ่มที่รับรู้สิ่งที่เราจะ Share ได้อีก ความเป็นส่วนตัวและความลับสั่นคลอน เลยไม่มั่นใจใน FB เท่าไหร่ ส่งเมล์เหมือนเดิมดีกว่า จากคุณ : สมบัติดี เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 54 16:38:23

ความคิดเห็นที่ 33 #30 เทียบโอเอสพอได้ครับ แต่เทียบผลงานบริษัทแบบนี้ไม่ได้ รายได้ของแอปเปิ้ลมาจาก ส่วนแบ่งรายได้จากการขายซอฟแวร์บน IPhone(iOS) ดังนั้นซอฟแวร์ขายได้มากถึอว่าดี แต่รายได้ของกูเกิลมาจากเอา โฆษณาไปยัดใส่โปรแกรมฟรีบนแอนดรอยด์! กูเกิลไม่จำเป็นต้องขายซอฟแวร์ได้ คนทำ app ลง แอนดรอยด์จำนวนมากก็ไม่ได้ขาย(สัดส่วนโปรแกรมฟรี ของแอนดรอยด์ สูงกว่าโอเอสมือถือตระกูลอื่นๆมาก) ความสำเร็จของกูเกิลคือ มีคนถือมือถือแอนดรอยด์(ที่รับโฆษณา) กี่คน ฟีเจอร์ของแอนดรอยด์จึงไม่จำเป็นต้องดีมาก เบียดสู้กับ iOS เอาแค่ไม่โดนทิ้งขาด แล้วแจกฟรีให้ชาวบ้านขนไปลงเครื่องขายถูกๆเยอะๆก็พอ จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 54 16:53:53

ความคิดเห็นที่ 34 บริษัทเหล่านี้ ไม่ล้มง่าย ๆ หรอกครับ เช่น IBM ที่แทบหมดบทบาทไปเลย แต่ก็ยังเป้นบริษัทยักษ์ใหญ่อยู่ดี Yahoo นี่ ช่วง internet bubble มูลค่า ร่วงจาก 97 billion เป็น 2 billion นะ เออ แถม โดน Google กระทืบแล้ว กระทืบอีก บริษัทมันก็ยังอยู่นะเออ จากคุณ : คุณชินโซ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 54 22:26:12

ความคิดเห็นที่ 35 FB ตั้งค่า Privacy setting  ได้ค่ะ ลองไปดูให้ละเอียด ตั้งได้หมดเลย  สามารถจำแนกเพื่อนเป็นกลุ่มๆ ได้ด้วย เช่นกลุ่มเพื่อนสนิท เพื่อนไม่สนิท ครอบครัว  หรืออื่นๆ  สามารถ update status ให้แค่คนกลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง หรือ แค่คนเดียวรู้ก็ได้ค่ะ ส่วนรูปภาพ ก็สามารถ privacy  ได้ด้วย จากคุณ : นู๋ก้อย เขียนเมื่อ : วันนักประดิษฐ์ 54 05:29:23

ความคิดเห็นที่ 36 ผมว่า เจ้า Facebook  ไม่เท่าไร แตกได้ เดี๋ยวก็มีตัวอื่นมาเทียบเคียงอีกมากครับ แต่ google มันมีหลายอย่างแตกแขนงไปอีก แตกยาก กว่ามาก แต่ถึงแตกแล้วไง  บริษัทเค้าก็ตั้งหน้าตั้งตา ทำเงิน ขยายธุรกิจ หาโอกาสของเขาอยู่แล้ว จากคุณ : puylogin เขียนเมื่อ : วันนักประดิษฐ์ 54 13:46:31

ความคิดเห็นที่ 37 Google ทีม R&D สุดๆเลยครับ ถ้าไม่สมองไหลก็ไม่มีปัญหานะ จากคุณ : giser เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 21:05:46