ความคิดเห็นที่ 1 ของเหล่านี้ต้องพิสูจน์ แต่ทุกคนที่ได้พิสูจน์ ก็มีทั้งเชื่อและไม่เชื่อ รู้แต่ว่า คุณทำผิดกฎหมาย บางทีอาจถูกจับหรือไม่ถูกจับ ก็ได้ ไม่ใช่หรือ ฮิๆๆๆ จากคุณ : .... (@Ble) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 05:42:25

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นเรื้่องที่อธิบายได้ ทางวิทยาศาสตร์ เป็น Fact ไม่เกี่ยวกับความเชื่อแล้ว จากคุณ : ไฟล์ท B ทีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 06:47:17

ความคิดเห็นที่ 3 เชื่อเรื่องโลกอื่น แต่ไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด จากคุณ : narissup เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 07:50:50

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อ     อยู่ๆเกิดมายังไม่ได้ทำมาหากินอะไรเลย     บางคนเกิดในตระกูลรวยมาก  บางคนเป็นขอทาน     ถ้าไม่ใช่กรรมจากอดีตชาติแล้ว จะเอาอะไรมาอธิบาย     มิฉนั้น คนทุกคนเกิดมาจากท้องแม่ ควรจะสบายเหมือนกัน หรือลำบากเหมือนนะ     ที่แตกต่างกัน ก็เพราะกรรมเก่าไม่เหมือนกันนั่นเอง     วิทยาศาสตร์ก็พยายามอธิบายทุกเรื่องนั่นแหละ ลองถูกลองผิด เปลี่ยนไปเรื่อยๆแต่เรียกให้     โก้ว่า ค้นพบใหม่ ก็ไม่ได้แตกต่างจากวิชาอื่นๆนะ จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 08:00:12

ความคิดเห็นที่ 5 #4 เหอะๆ อธิบายได้ ... -*- ถามแปลกๆ เกิดมาเป็นอะไรเนี่ยนะ ไม่เห็นใช้ตรรกะไรเลย ลองเกิดมารวย แต่ไม่ทำงาน + ใช้เงินฟุ่มเฟือย ต่อให้รวย 100 ล้านก็จนได้ ไม่เกี่ยวกับชาติก่อนไรเลย บางคนเกิดมาจน ลำบาก สุดท้ายกลับมารวยหมื่นล้าน เป็นเพราะความตั้งใจ+ความพยายามล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับชาติก่อนเล้ย ใช่ วิทยาศาสตร์พยายามอธิบายทุกเรื่อง แต่ก็มีเหตุผลรองรับเสมอ แต่ก็ดีกว่า "เชื่อไปเหอะ ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ อย่าไปหาเหตุผล" ซึ่งมันไม่ได้ต่างจากยุคโบราณเลย จากคุณ : AuKub (Aukub) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 08:19:59

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่เชื่อ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่วิทยาศาสตร์เทียมนะ เป๋็นเรื่องความเชื่อแท้ๆ #4 ที่เกิดในตระกูลรวย ก็เพราะพ่อแม่รวยมาจึ๊กกะดึ๋ย จนสเปอร์มผสมกับไข่ เกิดเป็นตัวอ่อน ก็แค่นั้นเอง เหตุ - สร้างเด็ก ผล - มีเด็ก ง่ายๆแค่นี้ ไม่เกี่ยวกับชาติที่แล้ว จากคุณ : alan the lamb เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 08:38:51

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วทำไมทุกคนไม่เกิดมารวยเหมือนกัน ทำไมทุกคนไม่เกิดมาสวยหล่อเหมือนกัน ทำไมทุกคนไม่เกิดมาผิวพรรณดีเหมือนกัน ทำไมคนถึงมีพรสวรรค์ต่างกัน ทำไมไม่เท่ากัน ฯลฯ ช่วยอธิบายหน่อยครับ คนขยันมากมาย  แต่น้อยคนที่ประสบความสำเร็จ เพราะอะไร บางคน อุปสรรคเยอะเหลือเกิน แต่บางคนกลับไม่มี เพราะอะไร จากคุณ : กังหันฟ้าขาว เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 09:05:51

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่เชื่อกฎแห่งกรรม การกระทำของเราย่อมส่งผลมาถึงตัวเองเสมอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จากคุณ : Megrim เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 09:12:40

ความคิดเห็นที่ 9 เชื่อการเวียยนว่ายตายเกิดและกฎแห่งกรรม แต่ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนั้น ประเด็นมันอยู่ที่ไม่ว่าชาติไหนๆก็หนีภัยของวัฏฏะไม่พ้น จนกว่าจะก้าวพ้นวัฏฏะ ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอนอกเรื่อง ส่วนตัวเชื่อเรื่องปาฏิหารย์ แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะตราบใดที่ยังมีกิเลส ปาฏิหารย์เป็นของเมาแก่ผู้ใช้และผู้รับชม ถ้าไม่ตามเหตุตามศีลตามธรรมพระอริยะเจ้าก็ไม่แสดงให้ผู้อื่นเห็นกันหรอก เพราะอาจจะเมาผู้รับชมที่ยังมีกิเลสได้ ดังที่เห็นแสดงก็แสดงเพราะปราบมานะของผู้ที่จะแสดงธรรมให้สดับ จากคุณ : ____ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 09:35:11 A:125.26.215.79 X: TicketID:275953

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่เชื่อกฎแห่งกรรม การกระทำของเราย่อมส่งผลมาถึงตัวเองเสมอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มันค้านกันนะครับ ทำดี ต้องได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มันก็คือผลของกรรมอยู่แล้ว  กรรมคือการกระทำ จากคุณ : กังหันฟ้าขาว เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 09:52:09

ความคิดเห็นที่ 11 ++9  ก้าวพ้นวัฏฏะ  ต้องไม่เอาทั้งดีและชั่วค่ะ จากคุณ : เพลงพันทาง เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 10:31:34

ความคิดเห็นที่ 12 ชอบ คห. 6 จังเลย ตอบชัดเจนและมีคำอธิบาย ขอเสริม น๊ะ ไม่เชื่อ ไม่มีชาติก่อนอย่างที่คนนับถือกัน แต่มีความจริงว่า พ่อแม่คือชาติก่อนของลูก และลูกเป็นชาติหน้าของพ่อแม่ เรื่องชาติภพตามที่สั่งสอนกันมา เป็นกุศโลบาย ให้คนทำดี อย่าทำชั่ว ซึ่งเป็นแก่นธรรม ในพุทธศาสนาและเชื่อว่าศาสนาอื่นก็มีหลักการสำคัญไม่ต่างจาก ทำดีอย่าทำชั่ว แต่พระพุทธเจ้ารู้ความจริงของเอกภพ (สุญตา ไตรลักษณ์ ฯลฯ) จึงสอนต่อว่าให้ทำใจให้บริสุทธิ์ คือศึกษาให้เข้าใจเอกภพ แรถ่ายทอดพุทธธรรม มักมีอุปมาอุปมัย นานเข้า คนกลุ่มหนึ่งหลงเชื่อส่วนที่เป็นอุปมาไป ถ้ายังไม่ทิ้งแก่นธรรม ก็ยังไม่เป็นไร แต่ถ้าหลงไปยึดถือเรื่องอุปมาจนละเลยแก่น ก็ต่าเสียดาย ที่เขียนนี้ คือโอวาทปาติโมกข์ เป็นหัวใจของหลักพุทธ แท้ ๆ น่ะ จากคุณ : swathcu@yahoo.com เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 10:39:05 A:1.46.89.59 X: TicketID:281681

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่โหวต เพราะไม่มีคำตอบที่ตรง และมันไม่ใช่วิทยาศาสตร์เทียม วิทยาศาสตร์เทียมไม่ใช่แค่บอกว่ามัน "ไม่ใช่วิทยาศาสตร์" หรือ "ไม่จริง" นะครับ วิทยาศาสตร์เทียมคือการเอาคำว่า วิทยาศาสตร์ ไปใช้อ้างในสิ่งที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ เป็นการอ้างเท็จคำว่าวิทยาศาสตร์ เรื่อเวียนว่ายตายเกิดไม่ใช่วิทยาศาสตร์ แล้วก็ไม่ใช่วิทยาศาสตร์เทียมด้วย เขาเรียกว่า "non-science" แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 54 13:45:04 จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 10:48:43

ความคิดเห็นที่ 14 ผมเชื่อว่ากรรมคือผลแห่งการกระทำ ทั้งในชาตินี้ และชาติก่อน ๆ มา ซึ่งผลกรรมนั้นจะมาในรูปแบบของแรงดึงดูด และแรงผลัก โดยจากการสังเกตุตัวเองและคนรู้จัก พบว่าแต่ละคนมักจะมีรูปแบบชีวิตที่มีลักษณะซ้ำ ๆ กันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งผมคิดว่าเหตุการณ์เหล่านั้นคือรูปแบบที่ถูกกรรมเก่าของตนดึงดูดเข้ามา เช่น -รุ่นน้องที่รู้จักคนนึงมักจะถูกพวกอันธพาลในโรงเรียนรุมเขม่นและกลั่นแกล้งเสมอ ตั้งแต่ ม.ต้น ม.ปลาย พอเข้ามหาลัยแฟนมันก็โดนหัวโจกอันธพาลมาชอบ และมันก็โดนเขม่นตามเคย ด้วยความเป็นคนไม่ค่อยยอมคน เลยมีเรื่องราวเลือดตกยางออกถึงครูบาอาจารย์บ่อยมาก ๆ (ดีใจแทนมันจริง ๆ ที่กำลังจะจบแล้ว) -เพื่อนซี้ผม ต้องเป็นเบ๊เพื่อนมาตลอด ไปไหนก็โดนเพื่อนข่ม-ดูถูก เหมือนเป็นลูกน้อง (มันเลยไม่ค่อยชอบเพื่อนเก่าเท่าไหร่) พอตอนนี้แต่งงาน ก็โดนเมียข่ม ก่นด่าเหมือนไม่ใช่คน กดดันสารพัน ไล่ออกจากบ้านบ้าง (ยังมีเรื่องเลวร้ายกว่านี้อีก แต่ขอไม่เล่าครับ) ผมว่าผลจากการกระทำขอเรา (หรือที่เรียกว่ากรรม) นั้นมีส่วนกำหนดว่าเราจะเป็นอย่างไร ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต แม้กระทั่งตอนนี้ ถ้าเราลองทำใจให้สงบ แล้วสัมผัสดูว่าจิตใจเรากำลังร้อน หงุดหงิด โกรธเกรี้ยว หรือฟุ้งซ่านอยู่รึเปล่า ถ้าเป็นอย่างงั้น ลองหายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกช้า ๆ ซักสองสามทีแล้วสังเกตุดูใหม่ ถ้ามันเย็นลง สงบขึ้น นั่นก็เป็นเพราะผลจากการกระทำของเรานั่นเอง จากคุณ : รบชนะ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 11:08:13

ความคิดเห็นที่ 15 ผมไม่เชื่อเรื่อง ตายแล้วเกิดใหม่ครับ ทำให้ผมไม่เชื่อเรื่อง ชาติก่อน หรือ ชาติหน้า เพราะสิ่งที่ผมทำตอนนี้ ผลทั้งหมดก็ตกที่ผมเอง ในชาตินี้เท่านั้น ผมเคยคิดนะครับว่า หากมีชาติที่แล้วจริง ตัวผมชาติที่แล้วมันทำดี ทำชั่ว จนมีผลตกลงมาชาตินี้ แล้วยังไงหละ ไอ้ตัวผมชาติที่แล้วมันคือใคร ผมจะไปโทษมันรึ ไม่ได้แน่ เพราะมันคือตัวผม แต่เอะ มันคือตัวเรา ไหงเราจำมันไม่ได้หละ เราจำไม่ได้ แต่ไหงผลที่มันทำตกที่เรา ไม่แฟร์นี้หว่า ตัวมันทำ ตัวมันต้องรับดิ ทำใมเราต้องรับแทนมันหละ งงมั้ยนี้ 55555555555 สรุปแล้วหาคำตอบไม่ได้ผมก็ไม่เชื่อครับ ผมถือว่าสิ่งมีชีวิต เกิด แก่ เจ็บ ตาย ครั้งเดียวครับ ทำดี ผลความดีก็มีผลในชาตินี้เลย จากคุณ : NeoTokyo เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 11:18:17

ความคิดเห็นที่ 16 มันเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลครับ คนที่เชื่อเพราะเค้าเห็นและเข้าใจ แต่ไม่สามารถอธิบายให้คนทั่วไปเห็นและเข้าใจเหมือนเค้าได้ มีเยอะมากครับ สมมุติว่า การที่จะอธิบายให้คนที่ตาบอดสีเข้าใจว่า นี่คือสีเขียว ทำยังไงคนที่ตาบอดสีก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าอะไรคือ สีเขียว การที่คนตาบอดสี เค้าไม่เชื่อ ว่านี่คือสีเขียว เพราะว่าเค้าไม่เห็นว่ามันคือ สีเขียว ไหนลองพิสูจน์ซิ สีเขียวยังไง คนที่มองเห็นทั่วไป ก็ไม่สามารถพิสูจน์และอธิบายให้คนที่ตาบอดสีเข้าใจได้ว่า มันคือสีเขียวยังไง คนตาบอดสีก็ชอบพูดว่า ไหนหล่ะสีเขียว ไม่มีหรอกสีเขียว เพ้อเจ้อ ฟุ่งซ่าน งมงาย พิสูจน์ไม่ได้ ทำไงได้หล่ะ ก็คุณตาบอดสี  T.T จากคุณ : zencott เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 11:49:21

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่เชื่อเพราะมนุษย์เพิ่มมากขึ้นทุกวันมาจากไหน ? มาจากชาติที่แล้วก็ไม่ใช่เพราะชาติที่แล้วประชากรมนุษย์น้อยกว่านี้ หรือว่าชาติที่แล้วมาจากสัตว์ ไดโนเสาร์ เสือ เก้ง ลิง จระเข้ ? ถ้ามาจากสัตว์จริง พวกสัตว์ ทำความดีอะไรถึงเกิดมาเป็น คน ? สัตว์กินพืชทำความดีอะไรถึงได้เกิดมาเป็นคน ทั้งๆที่มันก็หากินไปตามสัญชาติญาณ ส่วนสัตว์กินเนื้อคงไม่ได้เกิดมาเป็นคนเพราะมันชอบฆ่าสัตว์อื่นมากิน เงื่อนไขของความดีอยู่ตรงไหน  ใครกำหนด  ? จากคุณ : ขวดโซดา (ขวดโซดา) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 11:53:26

ความคิดเห็นที่ 18 เชื่อครับ แต่ก่อนก็กึ่ง ๆ ไม่เชื่อ ปัจจุบันเชื่อสนิทใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เวลาผมอ่านกระทู้ห้องศาสนาผมตัดเรื่องวิทยาศาสตร์ทิ้งไปเกือบหมดเลย แหะๆๆ จากคุณ : อิฐมอญ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 11:56:35

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่เชื่ออ่ะ แล้วผมคิดอย่างนี้นะ สมมติผมตายลงชาตินี้ แล้วไปเกิดใหม่ชาติหน้า มันก็ไม่ใช่ตัวผมแล้วดิ่ มันเป็นใครก็ไม่รู้แล้ว แต่สรุปว่าไม่เชื่อครับ จากคุณ : ganblade เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 12:23:58

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าคุณไม่มีอคติคุณก็จะเชื่อครับ   ลองคิดดูในปัจจุบันมีเหตุการณ์ต่างๆมากมายเช่นคนระลึกชาติ คนตายแล้วฟื้น คนเจอวิญญาณ เดจาวู ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้มีมาเรื่อยๆแม้ยุค 2000 ต้องมีอคติเท่านั้นถึงจะปฏิเสธเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 13:39:22

ความคิดเห็นที่ 21 กรรมเก่าในอดีตชาติ? คุณจะมองให้ไกลทำไมครับ เอาแค่กรรมเก่าในชาตินี้ก็เห็นๆกันอยู่แล้ว กรรมในวัยเด็ก ส่งผลให้เป็นตัวเราในวันนี้ เคยทำอะไรไว้ ตอนนี้ก็ได้รับผลอย่างนั้น ไม่จำเป็น ต้องคิดให้ไกลไปถึงชาติที่แล้วว่าจะมีหรือไม่หรอกครับ เอาแค่ชาตินี้แหล่ะ คุณก็เห็นๆอยู่แล้ว ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วอีกอย่างการเวียนว่ายตายเกิดจะมีจริงหรือไม่มีจริง มันก็ไม่ได้สำคัญ อะไรตราบเท่าที่เรายังมีทุกข์อยู่ ศาสนาพุทธตั้งเป้าไว้แค่อย่างเดียวคือการดับทุกข์สิ้นเชิงเท่านั้น การสอนเรื่องเวียนว่ายตายเกิด เป็นแค่อรัมภบทให้ผู้คนเข้าใจความน่ากลัวของสังสารวัฏเท่านั้นเอง จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 13:41:33

ความคิดเห็นที่ 22 โดยส่วนตัวผมเชื่อนะ เชื่อแบบคนตาบอดที่เห็นคนที่เราแน่ใจว่าตาดีจริงบอกมาแล้วจึงเชื่อ เพราะประสาทสัมผัสของมนุษย์ธรรมดาอย่างเรายังมีข้อจำกัด และเมื่อวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ยังผูกอยู่กับประสาทสัมผัสของมนุษย์ เรื่องภพชาติก็ยังเอาวิทยาศาสตร์ของมนุษย์มาพิสูจน์ไม่ได้อยู่ดีนั่นเอง เพราะเรื่องนี้ยังเลยประสาทสัมผัสมนุษย์ไปมาก ถ้าจะให้พิสูจน์ได้จริงๆ ก็ต้องรอให้ประสาทสัมผัสของมนุษย์ทั้งหมดขยายขอบเขตไปมากกว่านี้ก่อน ถึงตอนนั้น เรื่องนี้ค่อยมาพูดกันได้ ทำวิจัยได้ สบาย ๆ แต่ตอนนี้ คนที่รู้เห็นจริงๆ จะมาบอกว่าเป็นอย่างไรนั้นก็บอกกันลำบาก เหมือนอย่างตอนที่พระพุทธเจ้าท่านรู้ท่านเห็น ตอนแรกก็ลำบากใจที่จะสอน เพราะไม่รู้จะอธิบายให้คนที่ไม่รู้ไม่เห็นเท่าเข้าใจได้อย่างไร เหมือนคนตาดีจะอธิบายว่าช้างเป็นอย่างไรให้คนตาบอดฟัง จากคุณ : ABP@BDZ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 15:03:06

ความคิดเห็นที่ 23 #7 แล้วทำไมถึงต้องเท่ากันเล่า ลูกคนจน ก็ต้องจนสิ ไม่แปลก ถ้าเกิดมาจน แล้วยังขี้เกียจ ก็จนต่อไป ถ้าขยัน ฉลาด ก็อาจจะหายจนได้ ลูกคนรวย เกิดมาก็รวย เป็นธรรมดา แต่ถ้าโง่เง่า ต่อไปก็จน ต้นมะม่วง ก็ให้ผลมะม่วง ย่อมไม่ให้ผลมะนาว ที่คิดแบบคห. 7 ก็เพราะไปยึดติด "ตัวกู ของกู" ตอนเกิดใหม่ เพิ่งปฏิสนธิ์ ยังไม่รู้เรื่อง ก็ไม่เกิด "ตัวกู" พอโตขึ้นๆ ก็ยิ่งมี "ตัวกู" มากขึ้น แล้วก็เริ่มมี "ของกู" เพิ่มมาอีก เลยเอา "ตัวกู" มาจับ ว่ามี “ตัวกู” อยู่จริง พาลทึกทักเอาเองว่า “ตัวกู” มันก็จะอยู่ไปชั่วนิรันดร์ ก่อนเกิดก็มี “ตัวกู” อยู่ก่อนแล้ว ตายไปก็มี “ตัวกู” เหลืออยู่เพื่อไปเกิดใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนี้ ทั้งที่ “ตัวกู” นี่เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเองแท้ๆ เลยมาคิดเอาว่า ทำไมถึงมาเกิดที่นั่นที่นี่ ทำไมไม่เกิดเป็นลูกเจ้าสัวธนินทร์หนอ ดับ “ตัวกู” ได้ ก็จบ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 54 15:47:45 จากคุณ : alan the lamb เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 15:44:54

ความคิดเห็นที่ 24 จะเกิดมามั่งคั่ง ยากจน โชคดี โชคร้าย ไม่ต้องไปหาคำตอบ มัน random!!! ถ้าคุณจะต้องโยงทุกอย่างให้เป็นเหตุเป็นผลโดยใช้ความเชื่อที่พิสูจน์ไม่ได้หรือยังพิสูจน์ไม่ได้ (แล้วดันเชื่อตามนั้น) ผมว่าเอาเวลาไปทำงานหาเงินใช้ให้ตัวเองรวยดีกว่า !!! จากคุณ : nopex เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 16:28:00

ความคิดเห็นที่ 25 เรื่องวัฏสงสาร มีอยู่จริง แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการทดลองทางวิทยาศาสตร์ เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ แต่เป็น "กฎแห่งกรรม" แต่พอจะเอากรรมในปัจจุบันชาติมาวิเคราห์ให้เห็นหลักกฎแห่งกรรมได้ง่ายๆ เช่น ถ้าตอนเด็กคุณไม่ขยันเรียน โตขึ้นก็ย่อมมีความสำเร็จในชีวิตต่ำกว่าคนขยัน แต่ ก็พบว่าหลายคนทำไม กลับมีอะไรๆที่ไม่เป็นไปตามกฎที่สิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน ใช้อธิบายได้ ก็ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ชาติ 1    เคย ทำบุญถวายหนังสือธรรมะตลอดชีวิต แต่ก็ไม่ชอบทำบุญถวายที่ดิน ชาติ 2    ตอนเด็กถึงวัยรุ่นทำตัวเป็นอันธพาล เมาหัวราน้ำ  แต่พอวัยกลางคนสำนึกได้เลยบวชเรียนและช่วยเผยแผ่พุทธศาสนา ชาติ 3     ตอนเด็กถึงวัยรุ่น ตั้งใจบวชเรียน  แต่พอกลางคนดันไปติดผู้หญิงแล้วลาสิกลาออกมา และหลงแสงสีเสียงจนปั้นปลายชีวิต ปัจจุบัน อาจมีได้หลายเคยอยู่ที่ว่า ผลบุญ หรือผลบาปส่งผลก่อน หรือส่งผลพร้อมกัน เช่น (บุญและบาปส่งผลพร้อมกัน)อาจเป็นนักเรียนดีเด่น รอบรู้ทุกเรื่อง แต่ต้องมาเกิดเป็นชาวเขา (ยากจนและพ่อแม่ไม่มีทุนส่งเรียน) หรือ (บุญใหญ่ส่งผล) ได้บวชเรียนตั้งแต่เด็ก และผลบุญของการที่บางชาติได้ทำบุญถวายหนังสือธรรมะตลอดชีวิต เลยมีปัญญาคิดได้ว่า ชีวิตฆราวาสคับแคบ ไม่น่ายุ่งเกี่ยง หรือ (บาปส่งผลก่อน) ตอนแรกก็กะจะบวชเรียน แต่กรรมสุราดันมาตัดรอนเลยเกิดโรคทางสมอง เลยสติเลอะเลือน แถมครอบครัวก็ถูกโกงที่ดินอีก เลยทั้งไม่มีที่อยู่และไม่ได้บวชเรียน แบบนี้เป็นต้น ___________________________________________________________________ หวังไว้ว่า อุตส่าห์อธิบายเป็นฉากๆแบบนี้ คงพอวิเคราะห์ได้นะว่า ทำไม่แต่ละคนถึงไม่เหมือนกัน ก็เพราะเหตุในอดีตชาติมีหลายมิติมาก ถ้าเอาตามหลักพุทธศาสนา ว่ากันเป็นอสงขัยปี (ตัวแปรมีนับล้านๆชาติ ล้านๆเคส) จากคุณ : VISANU-CR_072 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 16:45:49

ความคิดเห็นที่ 26 #23 ผมยึด ตัวกู ตรงไหนครับ ผมแค่หาคำอธิบายว่าทำไมทุกคนถึงเกิดมาไม่เท่ากัน สิ่งผมจะสื่อก็คือทุกคนมีกรรมไม่เท่ากัน และกรรมนั้นส่งผลให้ทุกคนไม่เท่าเทียมกัน แล้วตอนปฏิสนธิ เราไปสร้างกรรมอะไรไว้ล่ะ ถึงส่งผลให้เกิดมาไม่เท่ากัน ถ้างั้น ทำไม ถึงต้องปฏิบัติธรรม เพื่อนิพพาน ละจากการเวียนว่ายตายเกิด เพราะการเวียนว่ายตายเกิด คือทุกข์ มันก็เหมือนกับที่คุณบอกว่า ถ้าคนจน ขยันก็อาจจะหายจน ทำไมมันถึงไม่เป็นตรรกะไปเลยแบบคณิต ว่าถ้าขยันฐานะต้องดีขึ้นแน่นอน แต่ลืมไปไหมว่า ในความขยันของหลายๆคน กลับมีอุปสรรคหลายๆอย่างมาขัดขวาง แล้วสาเหตุของอุปสรรคมันคืออะไร เรากำหนดก็ไม่ได้ แล้วเหตุมันมาจากอะไร สำหรับผมเชื่อว่ามันเป็นผลของกรรม ทีนี้ก็ต้องมาดูว่ากรรมตัวนี้มาจากไหนล่ะ ชาตินี้หรือชาติไหน ชาตินี้เราก็คงดูได้ วิเคราะห์ได้ แต่สิ่งที่เราวิเคราะห์ไม่ได้ล่ะ ผมว่าโลกนี้วิทยาศาสตร์ไม่ได้ที่จะอธิบายได้ทุกอย่างนะ สรุปผมก็แค่จะบอกว่าผมเชื่อในการเวียนว่ายตายเกิด และหวังว่าผมจะปฏิบัติได้จนหลุดก็เท่านั้น จากคุณ : กังหันฟ้าขาว เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 17:27:28

ความคิดเห็นที่ 27 ศาสนา กับ วิทยาศาสตร์ มันคู่ขนานกัน ไปด้วยกันจะดีกว่า เถียงกันไม่มีวันจบหรอกครับ ไม่ใช่ว่าเค้าไม่เชื่อในศาสนา แต่บางอย่างมัน "ไม่สมเหตุสมผล" เอาซะเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเค้าจะเป็นคนไม่ดี บางคนทำบุญบ่อยด้วยซ้ำ เค้าเลยเลือกที่จะเชื่อในแบบที่ีเหตุผลรองรับ แค่นั้นเอง จากคุณ : AuKub (Aukub) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 19:35:24

ความคิดเห็นที่ 28 คห. 5 กรรมมันจะมีหลายแบบนะคะ กรรม แปลว่าการกระทำ เราว่าที่คห. 4 เค้าพูดถึง เรื่องการมาเกิดในชาตินี้ คือกรรมเก่าค่ะ แต่ที่คุณพูดถึงคือ กรรมของชาตินี้ค่ะ ที่บอกว่า ลองเกิดมารวย แต่ไม่ทำงาน + ใช้เงินฟุ่มเฟือย ต่อให้รวย 100 ล้านก็จนได้ ไม่ทำงาน + ใช้เงินฟุ่มเฟือย ต่อให้รวย 100 ล้านก็จนได้  นี่ก็คือกรรมค่ะ ที่แปลว่าการกระทำ บางคนเกิดมาจน ลำบาก สุดท้ายกลับมารวยหมื่นล้าน เป็นเพราะความตั้งใจ+ความพยายามล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับชาติก่อนเล้ย ความตั้งใจ+ความพยายาม ก็คือกรรม ที่แปลว่า การกระทำค่ะ ที่จริงคำว่า กรรม ในกระพุทธศาสนา แปลว่า การกระทำค่ะ ประมาณว่า ทำอย่างไรได้อย่างนั้น เหมือนกับว่า สอบตก ก็เพราะไม่อ่านหนังสือสอบ มันเป็นเหตุเป็่นผลกันค่ะ แต่คนสมัยนี้ชอบเอาคำว่า กรรม มาแปลเหมือน เป็นเวรกรรม เป็นเจ้ากรรมนายเวร ซึ่งจริงๆแล้ว กรรม แปลได้คำเดียวคือ การกระทำค่ะ ส่วนเรื่องกรรมเก่า ขอไม่ออกความเห็น ไม่รู้อ่ะ... จากคุณ : elin เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 21:48:32

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่เชื่อเรื่องกรรมเก่า.. เชื่อเรื่องปัจจุบันมากกว่า..  ถ้าทำดีตอนนี้มันก็ได้ดีชาตินี้ตอนนี้ละ..... ทำชั่วตอนนี้มันก็ได้ชั่ว...แต่อาจจะช้าหน่อย เพราะที่นี่เมืองไทย ? การเวียนว่ายตายเกิด การระลึกชาติ...ผมก็ไม่เชื่อ... คนระลึกชาติ ตายแล้วฟื้น..เจอโลกหลังความตาย เคยดูสารคดีตายแล้วฟื้น ฟื้นมา.. ตายไปก็น่าจะไปที่เดียวกันสิ แต่นี่ไหง... สถานที่หลังความตายของแต่ละคน ไม่เหมือนกันเลย.. ก็แล้วแต่ประเทศ แล้วแต่ศาสนา.. หลักฐานอ้างอิงไม่แน่ชัด ฟัง..อ่าน..เล่าต่อๆกันมา เตี๊ยมกัน... เชื่อว่าเป็นกุศโลบาย ให้คนเรามีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจมากกว่า ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ อย่าว่ากัน...... จากคุณ : ton_na_999 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 22:10:45

ความคิดเห็นที่ 30 ทำชั่วตอนนี้มันก็ได้ชั่ว...แต่อาจจะช้าหน่อย เพราะที่นี่เมืองไทย ? จริงที่สุด 55555 จากคุณ : elin เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 22:45:12

ความคิดเห็นที่ 31 ลีโอ ตอลสตอย เขียนไว้ใน “คำสารภาพบาป” ว่า “เมื่อข้าพเจ้าค้นหาความหมายของชีวิต ข้าพเจ้ารู้ว่า ตัวเอง มิอาจพบสิ่งใดในวิถีแห่งความรู้เชิงเหตุผล เว้นแต่การปฏิเสธชีวิต ขณะที่วิถีแห่งศรัทธา ข้าพเจ้าก็ไม่อาจพบสิ่งใดนอกเหนือจากการ- ปฏิเสธเหตุผล ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ยิ่งไปกว่าการปฏิเสธชีวิตเสียอีก ในความรู้เชิงเหตุผลนั้น ใครก็รู้ว่าชีวิตเป็นสิ่งชั่วร้าย แม้ผู้คนมีทางเลือก ที่จะจบชีวิตของตนเอง พวกเขาก็ยังนำพาชีวิตต่อไป เช่นที่ข้าพเจ้ากระทำ ทั้งๆ ที่รู้มานานแล้วว่า ชีวิตนั้นไร้ความหมายและชั่วร้าย ทว่าตามวิถีแห่ง- ศรัทธานั้น ข้าพเจ้าจำต้องละทิ้งเหตุผล อันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการให้ ความหมาย เพื่อที่จะได้เข้าใจความหมายของชีวิต” ชีวิตที่งดงามอยู่ที่ว่า... เราจะประสานความมีเหตุผลและความไร้เหตุผลอย่างพอดีได้อย่างไร ***ศาสนาพุทธ ประกอบไปด้วย หลักปัญญา และ หลักศรัทธา ดังนั้น ผมเชื่อเรื่อง กฎแห่งกรรม ครับ ส่วนเหตุผล คือ ผมไม่เหตุผลให้คุณ ครับ 555 จากคุณ : zen เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 11:38:07 A:118.172.255.241 X: TicketID:303240

ความคิดเห็นที่ 32 ^ ^ ^ ป.ล. กฎแห่งกรรมนี้ รวมถึงเรื่องกรรมเก่าในอดีตชาติและการเวียนว่ายตายเกิด ด้วยนะครับ จากคุณ : zen เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 11:43:43 A:118.172.255.241 X: TicketID:303240

ความคิดเห็นที่ 33 กรรมเป็นเรื่องของเหตุผล หากพระเจ้ามีจริงย่อมมีกรรม หากไม่มีกรรมก็ไม่น่ามีพระเจ้า จากคุณ : kongp (kongp) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:54:39

ความคิดเห็นที่ 34 ผมเชื่อครับ บางอย่างไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ก็ได้ เพราะเครื่องมือบางอย่างก็ยังล้าสมัยอยู่ จึงจำเป็นต้องตัดสินแบบการพิพากษาของศาล ท่านจะตัดสินถูกผิด โดยสอบถามข้อมูลจากโจทย์และจำเลย ถามกลับไปกลับมา แง่นั้น แง่นี้  ใครถูก ใครผิด ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ มันมีวิธีการสอบถามกันได้อยู่ ว่าใครชัวร์หรือมั่วนิ่ม ดังตัวอย่างเรื่องนี้ ด.ญ. พิมพ์วดี วิญญาณของลูกในอดีตชาติ มาช่วยพ่อที่เป็นหมอในชาติปัจจุบัน http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/X3864004/X3864004.html นี่คือ ๑ ใน หลาย ๆ ตัวอย่าง กรณีศึกษาเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดนั้น และเรื่องจิต วิญญาณนั้น มีเรื่องเล่ากันแทบทุกหมู่บ้านในชนบท ว่าเด็กคนนั้นพอพูดได้แล้วก็บอกว่าเคยเกิดเป็นคนนั้นคนนี้ ชื่อนั้นชื่อนี้ แม่ชื่อนั้น ชื่อนี้ เสื้อผ้า ข้าวของ เครื่องใช้สามารถบอกได้หมดว่าอันไหนเป็นของตัว อันไหนไม่ใช่ ซึ่งเด็กไม่น่าจะโกหก ได้ขนาดนั้น คนในเมืองนั้นส่วนมากอยู่หมู่บ้านเดียวกันแต่ไม่รู้จักกัน จึงไม่ค่อยรู้จักเรื่องเหล่านี้เท่าไหร่นัก     กฎการเวียนว่ายตายเกิดนั้น เป็นหลักคำสอนที่สำคัญของพุทธศาสนาทีเดียว เป็นการย้ำระวังให้ทุกคนไม่ประมาท หลักคำสอนที่นำไปปฏิบัติได้ ง่าย  ๆ แต่มีผลดีมหาศาล ทั้งต่อตัวเอง ครอบครัว หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ประเทศ หรือ ต่อโลกก็ว่าได้ คือ ทาน ศีล ภาวนา ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องปฏิบัติพื้นฐานสำหรับ ทุกคน จากคุณ : ไก่แดง เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 11:59:06

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่เชื่อครับ ทั้งสองเรื่อง ผมเชื่อว่า คำว่าชาติก่อนและชาติหน้าเป็นสำนวนของคนสมัยก่อน ชาติก่อนแปลว่าเมื่อวานนี้ ชาติหน้าแปลว่าพรุ่งนี้ ผมเชื่อว่า เกิดหนเดียว ตายหนเดียว จากคุณ : สุเชษฐ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 14:37:21 A:125.25.13.124 X: TicketID:303142

ความคิดเห็นที่ 36 สำหรับคนที่เชื่อเรื่องกรรมในชาตินี้ ถ้าเราเป็นอมตะกันได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องชาติหน้า หรือป่าว เรื่องชาตินี้ชาติหน้า ตรรกะ อาจจะไม่ได้ตรงอย่างด้านบน แต่คุณจะประจักษ์ได้ ก็ต่อเมื่อ คุณได้สัมผัส จิตหนึ่งดับลง แล้วมีอีกจิตที่มีสายกรรมเดียวกันเกิดขึ้น จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 54 09:08:27