 |
สุดยอดด สวยจัง ในที่สุดก็ได้สักที เสียดายว่ายังได้มาแค่ 6 อยากได้แบบ เต็มๆ เน้นๆ ฝูงบินมาเลย
Gripen เป็นเครื่องบินรบในยุค (Generation) ที่ 4.5 ซึ่งทั่วโลกแบบยุคของเครื่องบินรบเป็น 5 Generations พวกระดับ 5 นี่ก็อย่าง F-22 Raptor, F-35 Lightning ll
ส่วน F-16 อยู่ใน Generation ที่ 4
ในส่วนของ Generation ที่ 4.5 ที่ปกติแล้วจะเป็น 1-2-3-4... มานั่น ตรง .5 ตรงนี้เขาอธิบายไว้ว่า มันพัฒนาขึ้นมาจาก 4 ก็ตรงที่
ได้รับการออกแบบไม่ว่าจะยืนพื้นบน Airframe ซึ่งก็คือการออกแบบโครงสร้างภายนอกต่างๆ (aerodynamics, materials etc.) ไม่ว่าจะเป็นของเดิม หรือออกแบบใหม่เลยก็ตาม แต่สิ่งที่แตกต่างออกมาคือ มีการใช้วัสดุที่หลากหลายออกเพื่อ ลดน้ำหนัก, เพิ่มระยะทำการ ฯลฯ
พวกลุ่มเครื่องบินที่เป็น New airframes designs นี่หลักๆ จะได้เห็นจากการใช้ Carbon fiber เป็นส่วนประกอบ
เครื่องบินกลุ่มนี้ (Gen. 4.5 / New airframe designs) นี่ก็อย่างเช่น ..
Eurofighter Typhoon, Dassault Rafale และก็ Saab JAS 39 Gripen ของไทยเรานี่ล่ะครับ
Gripen เป็นเครื่อง multirole เห็นว่าเข้ามาแทนที่เครื่อง F-5 ที่แก่มากแล้ว (ว่าไป F-16 บางกลุ่มของเราก็เห็นว่าแก่ใช้ได้แล้วเหมือนกันนิ) ผมไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่ แต่เหมือนๆ ว่าเดี๋ยวนี้เครื่องบินรุ่นใหม่ๆ ก็น่าจะ multirole กันหมดแล้วมั้ง?
เครื่อง F-5 เป็น fighter/attacker ส่วนเครื่อง F-16 เราก็ fighter/multirole
ถ้าเทียบกับ F-16 ...
เอาที่ Performance ก่อนเลยแล้วกัน
Max. Speed: F-16 Mach 1.2 // Gripen Mach 2.0
Combat radius: F-16 550 กิโลเมตร (กับระเบิด 450 กิโลฯ 6 ลูก) // Gripen 800 กิโลเมตร *เดี๋ยวอธิบาย combat radius ด้านล่างนะฮะ
Ferry range (ระยะบินมัธยัสต์): F-16 4,220 k.m. // Gripen 3,200 k.m.
Thrust-to-weight ratio: F-16 1.097 // Gripen 0.97
Wing loading (น้ำหนักเฉลี่ย/พื้นที่ของปีก): F-16 431 k.g./ตารางเมตร // Gripen 336 k.g./ตารางเมตร
**combat radius พูดง่ายๆ คือ ระยะที่เครื่องบินสามารถบินออกไปปฏิบัติการได้ในระยะเวลาหนึ่งๆ ก่อนจะต้องบินกลับมาที่ฐานเพื่อเติมน้ำมันและออกไปทำภารกิจอีกครั้ง มันต่างจาก Range หรือระยะการบิน เพราะระยะการบินก็คือระยะที่บินไปได้ไกลแค่ไหนจนกว่าน้ำมันจะหมด โดยทั่วไปแล้ว combat radius ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย เช่นว่า มีถังน้ำมันสำรองหรือไม่, น้ำหนัก, รวมถึง ระดับความสูง
นิดนึงคือ ระดับความสูงเกี่ยวไรด้วย? ก็คือ ยิ่งบินสูง เครื่องบินจะยิ่งกินน้ำมันน้อย เพราะได้แรงกดอากาศ/ความหนาแน่นของอากาศ ช่วย
thrust-to-weight ratio หรืออัตราส่วนแรงผลักต่อน้ำหนัก เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ เลขยิ่งมากยิ่งแรง แรงกระชากยิ่งดี ยิ่งทำให้บินได้คล่องตัว ปราดเปรียว ตรงนี้จะเห็นว่า Gripen น้อยกว่า F-16 อยู่นิดหน่อย แต่คิดว่าคงไม่เป็นไร เท่าที่เห็น แม้แต่ F-22 Raptor ก็ยังมี T/W อยู่ราวๆ 1 กว่าๆ เหมือนกัน
ส่วนหนึ่งอาจเพราะ แรง T/W นี้โดยทั่วไปก็เท่ากับ แรง G ที่เครื่องสามารถสร้างได้ (และย่อมมีผลกระทบต่อนักบินด้วยเช่นกัน) กระมัง
wing loading เป็นอีกตัวชี้วัดที่สำคัญ ไม่ได้หมายถึงน้ำหนักบรรทุกที่ปีกแต่อย่างใด แต่หมายถึง น้ำหนักเฉลี่ยที่พื้นที่ปีกต้องแบก งงเหมือนกัน 555 เปรียบเทียบง่ายๆ ได้ว่า เครื่องบินยิ่งมีปีกใหญ่ พื้นที่ปีกเยอะ ยิ่งสร้างแรงยกได้ง่าย บรรทุกได้เยอะ สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงน้อย ว่างั้น ทำให้ไม่ต้องแปลกใจเวลาเห็นเครื่องบินบางเครื่องที่ ปีกเล็กมาก ซึ่งพวกนั้นก็บินได้ แต่ต้องอาศัยแรงเครื่องยนต์มาก เพื่อให้เกิดแรงยกจากพื้นที่ปีกที่เล็กนั่นเอง
อย่าง ต.ย. ข้างบน Gripen ปีกของมันต้องแบกน้ำหนักเครื่องที่ 336 k.g. ต่อพื้นที่ปีก 1 ตารางเมตร เปรียบเทียบกับ F-16 ที่ปีกของมันต้องแบบน้ำหนัก 431 k.g. ต่อพื้นที่ปีก 1 ตารางเมตร แปลว่า Gripen ดีกว่า
เรื่องอาวุธ หรือ Armarment ยาวแหะ คร่าวๆ แล้วกัน -*-
F-16
ที่คุ้นๆ หูเราคงเป็น Sparrow, Sidewinder, AMRAAM, Python-4 นี่เป็นพวก air-to-air
ส่วน air-to-ground ก็มี Maverick, Shrike,HARM
และ Anti-ship ก็ได้ Harpoon, Penguin
Gripen
บอกตามตรงว่าไม่ค่อยรู้จักแหะ -*-
AIM-9, AIM-120, Skyflash, Rb.75, KEPD.350, Rbs. 15F (anti-ship) อันหลังสุดนี่น่าจะได้เห็นใครเอามาแปะให้ดูกันไปแล้ว สุโค่ยยย
JAS เรา ราคาส่งออกไม่รวมภาษี อยู่ที่ระหว่าง 40-61 ล้านเหรียญ/ลำ ของเราซื้อมาเท่าไหร่ดูได้นะ ผมลืมแล้ว 555
ทั่วโลกใช้กันอยู่ 5 ประเทศรวมไทยเราด้วย มี สวีเดน, เช็ค, ฮังการี, อัฟริกาใต้ ทั้งหมดมีร่วมๆ 200 ฝ่าๆ ลำ
คร่าวๆ ๆ เท่านี้
อนึ่ง. บ่ใช้ผู้เชี่ยวชาญ ตรงไหนผิดพลาดขออภัย ท้วงติง/แก้ไข ด้วยนะครับ เพื่ออรรถรสอันดีในการเสพกระทู้ของเราชายไทยทุกคน!
จากคุณ |
:
art_sarawut
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ก.พ. 54 22:26:15
|
|
|
|
 |