ความคิดเห็นที่ 1 ขออภัยโหลดช้าหน่อยเนตช้ามากวันนี้ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 12:05:00

ความคิดเห็นที่ 2 แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 54 12:26:00 จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 12:08:11

ความคิดเห็นที่ 3 สถานีอวกาศนานาชาติเพิ่งฉลองครบรอบ10ปี เมื่อวันที่2 พ.ย 2010ที่ผ่านมาไม่นานนี้เอง ตั้งแต่เริ่มส่งสถานีอวกาศขึ้นไปโคจรในอวกาศตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.ปี2000 และทำงานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้ สถานีอวกาศนานาชาติมีผู้มาเยือนแล้ว 196คน จาก 8ประเทศ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 12:27:47

ความคิดเห็นที่ 4 สถานีอวกาศนานาชาติสามารถมองเห็นจากโลกด้วยตาเปล่าและนับเป็นดาวเทียมที่ใหญ่ที่สุดที่ได้เคยโคจรรอบโลก ในภาพมนุษย์อวกาศชาวรัสเซีย โอเลค โคตอฟ (cosmonaut-oleg-kotov)ขณะปฏิบัติงานที่สถานีอวกาศนานาชาติ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 12:35:06

ความคิดเห็นที่ 5 มนุษย์อวกาศหญิงเทรซี่-คาลด์เวล ไดสัน Tracy- caldwell dyson ในอิริยาบทสบายๆที่สถานีอวกาศนานาชาติที่โคจรอยู่เหนือพื้นโลก จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 12:40:26

ความคิดเห็นที่ 6 นับตั้งแต่กระสวยอวกาศ , Zarya(ส่วนหนึ่งของสถานีอวกาศนานาชาติ) เปิดเผยโฉมเมื่อครั้งแรก เมื่อ เวลา 01:40 EST 20 พฤศจิกายน 1998,สถานีอวกาศนานาชาติวัดระยะทางการโคจรรอบโลกได้ 68,519 รอบวงโคจร หรือประมาณ 1.7 พันล้านไมล์ (2.7 พันล้านกิโลเมตร จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 12:43:18

ความคิดเห็นที่ 7 นับถึง วันที่ 2 พฤศจิกายน 2010 วันที่ครบรอบ10ปี ที่มีการเปิดตัวสถานีอวกาศนานาชาติ  มีการปล่อยยานขึ้นสู่สถานีอวกาศรวม 103ลำ เป็นของรัสเซีย 67ลำ   กระสวยอวกาศ 34   เป็นของยุโรป 1 และญี่ปุ่น1 จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 12:46:11

ความคิดเห็นที่ 8 มีการออกไปเดินในอวกาศ spacewalks ทั้งหมด  150 ครั้ง เพื่อปฏิบัติงานรวมแล้ว กว่า 944  ชั่วโมง เติมข้อมูลครับ ภาพนี้อาจะไม่เกี่ยวกับสถานีอวกาศนานาชาติโดยตรง เพราะเป็นเหตุการณ์ก่อนก่อตั้งสถานีอวกาศนานาชาติ แต่เป็นการเดินในอวกาศครั้งสำคัญเหมือนกัน ภาพสุดยอดการทำงาน ของนักบินอวกาศที่มีชื่อว่า “บรูซ แมคแคนด์เลส”  ที่ลอยอยู่เหนือพื้นผิวโลกแบบ “ฟรี ฟลายอิ้ง” ห่างจากยานอวกาศ 320 ฟุต (ประมาณ 98 ม.) โดยใช้อุปกรณ์ที่มีชื่อว่า Manned Manuevering Unit หรือ MMU ซึ่งเป็นเครื่องเจ็ทไนโตรเจนแบบสะพายหลัง  – ถ่ายเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 1984 (พ.ศ. 2527) แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 54 08:38:08 จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 12:53:08

ความคิดเห็นที่ 9 ขออนุญาตไปทำงานเดี๋ยวคืนนี้กลับมาต่อให้เสร็จครับ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 12:55:16

ความคิดเห็นที่ 10 ต่อได้อีกนิดครับ ภาพนี้เป็น หินจากดวงจันทร์ที่นำกลับมายังโลกโดยยานอพอลโล 11, และถูกนำขึ้นไปอยู่บน สถานีอวกาศนานาชาติ ตัวอย่างหินดวงจันทร์อายุปี 3.6 พันล้านปี ถูกส่งไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ เพื่อเป็นเกียรติในวาระ  ครบรอบ 40 ปีในเดือนกรกฎาคมปี 2009 ที่มีการส่งยานอวกาศขึ้นไปลงบนดวงจันทร์ได้สำเร็จ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:06:04

ความคิดเห็นที่ 11 สถานีอวกาศนานาชาติ ทำหน้าที่เป็นห้องปฏิบัติการวิจัย ที่มีสภาพแวดล้อมสภาวะไร้น้ำหนัก (microgravity ) ที่ลูกเรือทำการทดลองทางชีววิทยา, เคมี, ยา สรีรวิทยาและฟิสิกส์เช่นเดียวกับการสังเกตทางดาราศาสตร์และอุตุนิยมวิทยา จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:08:13

ความคิดเห็นที่ 12 ลักษณะของการปฏิบัติงานในอวกาศ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:15:13

ความคิดเห็นที่ 13 ว้าววว อยากไปๆ ต้องหาทางไปให้ได้ซักครั้งในชีวิต ฮึ่มม.. จะเป็นคนไทยคนแรกเลย (555 บ้าไปแล้ว ไปดีฝ่า  ฟิ้ววว!!!) แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 54 13:23:04 จากคุณ : สายลมแห่งจักรวาล (สายลมแห่งจักรวาล) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:16:24

ความคิดเห็นที่ 14 มาต่อให้เสร็จคืนนี้นะครับขออนุญาตไปทำงานก่อนนะครับ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:16:49

ความคิดเห็นที่ 15 เรื่องน่ารู้อีกอย่าง(หรือว่ารู้กันหมดแล้ว) ISS ถือว่าเป็น the most expensive object ever constructed แบบว่าทิ้งอันดับสองไม่เห็นฝุ่น ด้วยค่าตัวมูลค่า 157,000,000,000 US Dollar คิดเป็นเงินไทยเท่าไร ก็คูณดู ผมลองเอาอันดับสองถึงสิบมารวมกัน ยังไม่เท่าเลย -*- จากคุณ : taechawat เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:35:23

ความคิดเห็นที่ 16 อืมม ดู เวิ้งว้างปล่าวเปลี่ยวดีจัง อยากดู คลิบลับ การรีแลก คน บนนั้นจัง ว่าจะทำอะไรกัน ตีรัมมี เชียร์ บอล มวย หรือ ออกกำลังกาย จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 14:36:46

ความคิดเห็นที่ 17 #13 ISS เคยต้อนรับนักท่องเที่ยวอวกาศแล้ว 5 คน ทุกคนล้วนเป็นเศรษฐี ดังนั้นแค่รวยๆและร่างกายแข็งแรงซักนิด มีเงินหลักสิบล้าน$ ก็มีโอกาสได้ไปสูงอยู่ แต่ต้องรีบๆด้วยนะ เพราะ ISS จะปฏิบัติการณ์อยู่ถึงประมาณปี 2020 หรืออาจต่อเวลาไปอีกเล็กน้อย เพิ่มให้กระทู้ ISS ปัจจุบันยังไม่เสร็จสมบูรณ์ซะทีเดียว ยังเหลือภารกิจกระสวยอีก 3 ครั้ง และโมดุลวิทยาศาสตร์รัสเซียอีก 1 ชิ้นใหญ่ 23 กุมภาพันธ์นี้กระสวยอวกาศก็จะขึ้นไปยัง ISS อีกครั้งด้วย ISS ถือเป็นโครงการร่วมของชาติมหาอำนาจด้านอวกาศที่ต้องการสร้างสถานีของตัวเอง แต่งบไม่พอกัน เริ่มวางแผนกันตั้งแต่หลังสงครามเย็นสิ้นสุดไม่นาน สุดท้ายมันคือผลพลอยได้ของโครงการอวกาศพวกนี้รวมกัน - โครงการสถานีอวกาศฟรีดอม (สหรัฐ) - โครงการสถานีอวกาศเมียร์ 2 (รัสเซีย) - โครงการห้องทดลองลอยฟ้าโคลัมบัส (ยุโรป) - โครงการห้องทดลองลอยฟ้าคิโบ (ญี่ปุ่น) และใช้องกรณ์อวกาศหลักทั่วโลก โดยมีหัวหอกอยู่ 5 องกรณ์คือ - NASA (สหรัฐ) ร่วมกับของบราซิล - ESA (สหภาพยุโรป) - Roscosmos (รัสเซีย) - JAXA (ญี่ปุ่น) - CSA (แคนาดา) NASA จะเน้นการส่งชิ้นส่วนไปประกอบ เพราะเป็นประเทศเดียวในโลกที่มียานบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่และหนักมากๆได้(กระสวยอวกาศ) ทางรัสเซียจะส่งลูกเรือประจำสถานี เรียกว่า Expedition ประจำสถานีคราวละประมาณ 3 เดือน ปัจบันอยู่ีที่ Expedition 26 แคนาดาออกแบบและสร้างแขนกลที่สลับซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา ส่วนญี่ปุ่นและยุโรปสร้างโมดุลทดลองหลายโมดุลส่งให้สหรัฐ ระหว่างการสร้าง ISS ยังมีการปฎิวัติด้านอวกาศอีกหลายอย่าง เช่น - ยุโรปสร้างยาน ATV (Automatic transfer vehicle) ยานสัมภาระอัตโนมัติที่บรรทุกได้มากที่สุดที่ 7.7 ตัน ซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยสร้าง - HTV (H-II transfer vehicle) ยานส่งสัมภาระสัญชาติญี่ปุ่นส่งของได้หนัก 6 ตัน อันเป็นการพัฒนาด้านอวกาศที่สำคัญของญี่ปุ่น - โมดุลเชื่อมต่อ ที่เรียกกันว่า Node สามจุดบนสถานี ถูกออกแบบให้รองรับการต่อเติมและเคลื่อนย้ายส่วนประกอบได้ รวมไปถึงให้ยานสำรวจและส่งมนุษย์สู่ดวงจันทร์รุ่นต่อไป (Altair) มาเชื่อมต่อได้อีกด้วย - ฯลฯ นึกไม่ออกละ ISS เป็นที่สุดในเกือบทุกด้าน สำหรับสิ่งก่อสร้างในอวกาศ ตอนนี้มันมีปริมาตรมากที่สุด ใหญ่ที่สุด หนักที่สุด มียานไปเยือนมากที่สุด มีคนไปอยู่มากที่สุด อีกไม่นานมันจะปฏิบัติการณ์ในอวกาศนานที่สุด และโคจรรอบโลกได้นานที่สุด เอาชนะสถาีนีอวกาศเมียร์ได้ สำหรับผม ISS เป็นสิ่งก่อสร้างที่อัศจรรย์ที่สุดเท่าที่มนุษยชาติเคยประดิษฐ์ขึ้น มันเป็นสัญลักษณ์ก้าวสำคัญในการเข้าสู่ยุคสำรวจอวกาศใหม่ของมนุษย์ และแสดงถึงความร่วมมือกันของมนุษย์อีกด้วย ผลงานวิจัยนับพันๆกำลังหลั่งไหลมาจากบนนั้น อันเป็นผลวิจัยที่จะผลักดันมนุษย์สู่ยุคใหม่ทั้งเรื่องการแพทย์ วัสดุศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ของแรงโน้มถ่วงต่ำ จักรวาลวิทยาและการศึกษาดาวเคราะห์อันเป็นบ้านของเราเอง ปล. นี่ผมมาแย่งจขกท.บอกข้อมูลรึเปล่าเนี่ย ปล.2 โหวตให้ครับ Edit: แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 54 15:19:56 จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 14:59:48

ความคิดเห็นที่ 18 ญี่ปุ่นนี่ฉลาดนะ ถึงแม้อาจจะไม่ส่งไปเองเท่าไร แต่มีส่วนร่วมเยอะเหมือนกันนะ จีนตอนนี้รวยๆ สงสัยอยากสร้างของตัวเองไม่เอี่ยวใคร จากคุณ : อั้ม ติ่งเหลือม เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 15:10:47

ความคิดเห็นที่ 19 1แสน5หมื่นล้านเหรียญ US  *0* จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 22:17:01

ความคิดเห็นที่ 20 ชอบ สมัยเด็กฝันเฝื่องฉันจะไปอยู่บนนั้นบ้าง จากคุณ : มาดามชะนี เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 22:38:57

ความคิดเห็นที่ 21 อยากไปๆๆๆๆๆ ฝันไว้ว่าอยากเห็นโลกในอวกาศซักครั้ง (คงได้แค่ฝันจริงล่ะน่อ..55+) ลงชื่อไว้ก่อนนะคะ พรุ่งนี้มาตามอ่านต่อค่ะ จากคุณ : Kaoru_LH เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 22:56:04

ความคิดเห็นที่ 22 ทุกคนมาแสดงความคิดเห็นหรือ เพิ่มเติมข้อมูลได้.นะครับผมจะได้ความรู้เพิ่มเหมือนกัน สถานีอวกาศนานาชาติ จะมีลูกเรือมนุษย์อวกาศ ที่อยู่ปฏิบัติงานประจำ 6 คนและมีการส่งมนุษย์อวกาศคนอื่นๆขึ้นไปปฏิบัติงานเป็นบางคราว ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ทำกันมาอย่างต่อเนื่องนับแต่ส่งสถานีอวกาศนานาชาติขึ้นไปตั้งแต่ 31 ตุลาคม 2000,   ถือเป็นโปรแกรมอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดของมนุษย์ในอวกาศมากกว่าสถานีอวกาศเมียร์ Mir ที่ทำไว้ 3,644 วัน จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 23:08:25

ความคิดเห็นที่ 23 สถานีอวกาศนานาชาติ รวมทั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ของยาน รวมพื้นที่ทั้งหมดเทียบได้กับพื้นที่ของสนามฟุตบอล  รวมทั้งหมดทุกโซนแล้วมีน้ำหนัก  827,794ปอนด์  (375,481 กิโลกรัม)  มีความซับซ้อนของสถานีแต่มีความสะดวกสำหรับการใช้ชีวิตพอสมควรประกอบด้วยมากกว่าห้าห้องนอน, และมีสองห้องน้ำและมีห้องยิม ไว้ออก กำลังกาย แบบแปลนรูปร่าง ของสถานียานอวกาศนานาชาติ ดูคร่าวๆเอาก็ได้ ขออภัยที่คำอธิบายแผนผังเป็นภาษาอังกฤษหมดนะครับ แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 54 23:17:29 จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 23:16:21

ความคิดเห็นที่ 24 มี 3.3 ล้านสายของรหัสซอฟแวร์บนพื้นโลกสนับสนุนและทำงานร่วมกันกับ 1.8 ล้านสายของรหัสซอฟแวร์ของสถานีอวกาศนานาชาติ ในภาพเป็นห้องควบคุมสถานียานอวกาศนานาชาติ(Controlroom)ภาคพื้นดินซึ่งอยู่ที่องค์การนาซ่า(NASA)อเมริกา จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 23:23:41

ความคิดเห็นที่ 25 มีหุ่นยนต์แขนยาว 55ฟุตของสถานีอวกาศ  มีความสามารถในการยกน้ำหนักได้ 220,000ปอนด์ ซึ่งเป็น น้ำหนักของกระสวยอวกาศ ที่ใช้โคจร จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 23:29:39

ความคิดเห็นที่ 26 การปะทุของภูเขาไฟคลีฟแลนด์ Cleveland, เกาะ Aleutian Islands,        รัฐอลาสก้า Alaska สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าจากสถานีอวกาศนานาชาติ -- .ในภาพเป็นการปะทุเมื่อ 23 May 2006 เห็นได้จากสถานีอวกาศนานาชาติ จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 23:37:45

ความคิดเห็นที่ 27 75-90 กิโลวัตต์ของพลังงานที่ใช้กับสถานีอวกาศนานาชาติเป็นพลังานที่ได้รับจากแผงโซลา solar panels (พลังงานแสงอาทิตย์) จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 23:40:18

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย http://www.acclaimimages.com/_gallery/_pages/0124-0609-2102-2108.html http://www.nasa.gov/mission_pages/station/main/index.html http://en.wikipedia.org/wiki/International_Space_Station http://www.astronautix.com/craft/intation.htm จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 23:47:04

ความคิดเห็นที่ 29 ดูภาพแล้วเสียวท้องน้อยวูบ ๆ  ใครเป็นบ้าง จากคุณ : Sakuder เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 23:48:17

ความคิดเห็นที่ 30 โลกเรานี่สวยจริงๆน่ะ จากคุณ : น้ำก้นแก้ว เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 00:35:02

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพใน คห.8 เห็นที่ไรก็เสียว ถ้าถูกแรงดึงดูดโลกดูดลงไป ไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูก หรือถ้าเดินไปไกลกลับสถานีไม่ได้ ไม่อยากจะคิดเลย จากคุณ : aekerteam เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 00:35:03

ความคิดเห็นที่ 32 เรื่องน่ารู้อีกอย่าง(หรือว่ารู้กันหมดแล้ว) ISS ถือว่าเป็น the most expensive object ever constructed แบบว่าทิ้งอันดับสองไม่เห็นฝุ่น ด้วยค่าตัวมูลค่า 157,000,000,000 US Dollar คิดเป็นเงินไทยเท่าไร ก็คูณดู ผมลองเอาอันดับสองถึงสิบมารวมกัน ยังไม่เท่าเลย -*- ----------------------------------------------------------------- เอามาคูณแล้วครับ (เรตดอลล่าร์ 30 บาท/$) ได้ทั้งสิ้น 4,710,000,000,000 บาท (อ่านว่า 4.71 ล้านล้านบาท) ส่วนงบประมาณแผ่นดินประจำปี 2554 (ปีนี้) ของไทย 2,070,000,000,000 บาท (อ่านว่า 2.07 ล้านล้านบาท) หรือคิดง่ายๆ ว่าใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน 2 ปีถึงจะสร้างได้ ป่ะ พวกเราไปเสียภาษีกัน :D จากคุณ : เด็กวัดสะพานใหม่ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 00:40:54

ความคิดเห็นที่ 33 อยากไปดื่มด่ำ เคว้งคว้าง ล่องลอย บ้างจัง ..... จากคุณ : Ultra-Period (Moonlight-Eclipse) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 01:28:33

ความคิดเห็นที่ 34 รู้สึกหวิวๆท้องน้อยเหมือนกันครับ คงเสียวน่าดูถ้าโดนดูดลงมาโลก เหอะๆ เค้าไปเดินในอวกาศไม่มีสายอะไรดึงไว้เลยเหรอ จากคุณ : Lima Site เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 01:46:38

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณที่หาอะไรดีๆมาให้ดูเสมอๆครับ จากคุณ : oro เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 01:47:12

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้าเทียบหน่วยเวลา ความรู้สึกตอนอยู่บนอวกาศ จะเหมือนกับตอนอยู่ในโลกไหมครับ จากคุณ : RelationShip เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 02:52:14

ความคิดเห็นที่ 37 เหมือนๆกันครับ #36 ความเร็วขนาดสถานีอวกาศนานาชาติที่ 17500 ไมล์ต่อชม. ยังไม่มากพอจะทำให้ผลของทฤษฏีสัมพัทธภาพชัดเจนจนมนุษย์รู้สึกได้ บนนั้นก็มีนาฬิกาเทียบเวลากับที่ต่างๆบนโลกอยู่แล้วด้วย แต่น่าอิจฉานักบินอวกาศบนนั้น ที่ได้เห็นดวงอาทิตย์ขึ้น-ตกแสนสวยงามตั้งวันละ 16 รอบแน่ะ จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 03:14:53

ความคิดเห็นที่ 38 เคยดูสารคดีของสถานีอวกาศนานาชาติ ตอนที่ประกอบ มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆๆ ต้องให้พอดีแปะๆ... จากคุณ : nuanapa เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 03:36:43

ความคิดเห็นที่ 39 ชอบกระทู้แบบนี้ อ่านเพลินชวนให้ตัวเองฝันใฝ่เย๊อะะ แฮ่ๆ จากคุณ : ดินแดนแห่งเจ้าตัวร้าย เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 03:59:13

ความคิดเห็นที่ 40 ผมสงสัยว่า เวลามันหมดอายุการใช้งานแล้ว จะกำจัดมันยังไง แยกชิ้นส่วน เอากลับโลก? ติดจรวดให้บินไปให้ไกลๆจากโลก? ระเบิดทิ้ง? อันนี้คงจะยาก เพราะชิ้นส่วนคงกระเด็นไร้ทิศทาง เป็นอันตรายต่อดาวเทียวอื่นๆและกระสวยที่ขึ้นไปในอนาคตอีก จากคุณ : echo "Platalay"; เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 09:50:03

ความคิดเห็นที่ 41 คงปลดออกเป็นท่อนเล็ก ๆ เหมือนตอนขนขึ้นไปน่ะครับ แล้วก็ปล่อยตกลงมาเหมือนอุกาบาต แต่กำหนดเป้าหมายเป็นมหาสมุทร ถ้าชิ้นส่วนเผาไหม้ไม่หมดก็ไม่โดนคน (เหมือนสถานีอวกาศเมียร์) จากคุณ : ลูกนกตกต้นไม้ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 11:34:54

ความคิดเห็นที่ 42 #40 ทำเหมือนเมียร์ครับ ติดตัวขับดัน ลดระดับ ลดความเร็วและปล่อยให้ทั้งสถานีตกลงสู่มหาสมุทรแบบควบคุมได้ พวกมันจะเผาไหม้และแยกตัวเป็นส่วนๆก่อนจะตกทะเลไป แต่ก็เป็นบริเวณไม่กว้างมากนักครับ น่าเสียดายที่เรายังไม่มีศักยภาพพอจะเอามันกลับมาตั้งบนโลกได้ จำต้องเผาเงินมหาศาลทิ้งไป เสียดายจริงๆ จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 14:57:03

ความคิดเห็นที่ 43 ชอบ ๆ อย่างอื่นก็น่าสนใจ แต่... ขอบอกว่า นักบินอวกาศหญิง น่ารักมาก โพสต์ท่างามเสียด้วย จากคุณ : red_devil เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 15:29:36

ความคิดเห็นที่ 44 ^ ^ อย่าหวังเลยครับ อย่างเราๆ เป็นได้แต่ "หมาเห่า สถานีอวกาศนานาชาติ" (สูงกว่าหมาเห่าเครื่องบิน) ^ _ ^ จากคุณ : - (SoSoS) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 15:40:03

ความคิดเห็นที่ 45 ความคิดเห็นที่ 37     เหมือนๆกันครับ #36 ความเร็วขนาดสถานีอวกาศนานาชาติที่ 17500 ไมล์ต่อชม. ยังไม่มากพอจะทำให้ผลของทฤษฏีสัมพัทธภาพชัดเจนจนมนุษย์รู้สึกได้ ^ ^ ^ เป็นความเร็วสัมพัทกับพื้นโลกหรือเปล่าครับ หรือสถานีอวกาศเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสัมบูรณ์เท่านั้นจริงๆ พอดีสงสัยว่า ไม่เช่นนั้นการที่นักบินอวกาศ ออกไป space walk กัน อาจจะโดนทิ้งอยู่กลางอวกาศแบบไม่เห็นฝุ่นเลยก็ได้ครับ จากคุณ : basicball เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 16:11:06

ความคิดเห็นที่ 46 ^__^ จากคุณ : เซ็งอูฐ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 16:19:36

ความคิดเห็นที่ 47 ตอนเด็กๆ ผมคิดอยากเป็นนักบินอวกาศ พอ 10 ปีถัดมา . . . เริ่มรู้แล้วว่า "เป็นไปไม่ได้" 5555 แค่เลขพื้นฐานยังตกเลย ^^ จากคุณ : Kisugi เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 16:46:11

ความคิดเห็นที่ 48 ผมอ่านการ์ตูนเอา ได้ฟิลดี เรื่อง Passport Blue น่ะครับ จากคุณ : ชื่ออะไร เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 18:09:43

ความคิดเห็นที่ 49 ^ ^ ^ เป็นการ์ตูนที่ผมสามารถอ่านได้ สามสี่รอบ แบบไม่ข้ามเลยทีเดียว จากคุณ : Bassism เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 19:42:37

ความคิดเห็นที่ 50 สัมพัทธ์กับผิวโลกครับ #45 นักบินอวกาศออกไปทำ spacewalk กันบ่อยๆนอกตัวสถานี จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 19:50:24

ความคิดเห็นที่ 51 เกรงว่างบประมาณแค่สองปียังไม่พอน่ะสิ เพราะไทยเราไม่มีเทคโนโลยีพอฮะตอนนี้ จากคุณ : ลิเทียมพอลิเมอร์ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 20:58:31

ความคิดเห็นที่ 52 สวยจัง จากคุณ : เฮียปอ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 22:26:51

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณมากๆครับ ได้ความรู็และภาพสวยมากเลย ชอบรูป ความคิดเห็นที่ 8 มากเลยครับ ขนาดของสถานีใหญ่เท่าสนามฟุตบอล แต่พออยู่บนนั้นแล้วดูเล็กจิ๋วไปเลยอ่ะ จากคุณ : เหนื่อยใจคิดชื่อไม่ออก เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 23:13:21

ความคิดเห็นที่ 54 # 5 ผมว่า นักบินอวกาศหญิงโพสต์ท่าที่ไม่สบายนักหรอกครับ เพราะมันเป็นสภาพไร้น้ำหนัก คงต้องเกร็งกล้ามเนื้อกันเยอะทีเดียว ดีไม่ดีมีคนช่วยดันเธอติดขอบหน้าต่างอีกต่างหาก..หุ หุ ...แต่ภาพสวยครับ.. จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 10:03:07

ความคิดเห็นที่ 55 ถ้าสมมติมีคนไปตายอยู่ในอวกาศ ศพจะเป็นอย่างไร และจะลอยไปไหนครับ? จากคุณ : ebonydevil เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:17:53

ความคิดเห็นที่ 56 ตามฝันกันต่อไป 55 วลีฮิต จากคุณ : kamsor เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 17:02:57

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณจขกท.คับที่นำเรื่องราวดีๆหาชมยากมาฝาก ภาพสวยจิงๆ เห็นแล้วอยากมีโอกาสขึ้นไปบนนั้นมั่ง คห.ที่43 เรื่องเปิดประตูสู่สวรรค์น่าอ่านมากครับ ไว้จะลองหามาอ่าน(แค่ชื่อเรื่องก็พาไปไกล อิอิ) จากคุณ : Wazza27 (Wazza27) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 18:28:24

ความคิดเห็นที่ 58 อยากรู้ว่า ตอนประกอบ ประกอบกันยังไงอ่ะครับ เข้าใจว่า แยกเป็นชิ้นๆแล้วเอาึึ้ขึ้นไปต่อข้างบน แล้วต่อยังไง? ใช้แขนกลต่อ โดยบังคับจากกระสวยอวกาศอารมเล่นคีบตุ๊กตา? จากคุณ : Proximitron เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 20:39:47

ความคิดเห็นที่ 59 ^ ^ การประกอบจะเป็นคล้ายๆแบบนี้ครับ ISS จะใช้แขนกลสองชุด - แขนแรกเป็นแขนของกระสวยอวกาศ ชื่อ Shuttle Remote Manipulator System (SRMS) สร้างโดยองค์กรณ์อวกาศแคนานา (CSA) ชื่อเล่น Canadarm1 - อีกแขนเป็นของ ISS ชื่อ Mobile Servicing System (MSS) ชื่อเล่นว่า Canadarm2 สร้างโดยแคนาดาเช่นกัน การย้ายชิ้นส่วนจะเริ่มจาก Cargo bay ของกระสวยอวกาศ ใช้แขนกลหยิบมาแล้วเอาแขนของ ISS หยิบไปประกอบอีกที การหยิบจับประกอบสถานีจะไม่ใช้แบบคีบเอาครับ แต่จะใช้จุดเชื่อมต่อจุดเดียว (คล้ายๆ airlock จิ้มแล้วยก) เจ้า Canadarm2 นี่เป็นแขนกลที่สลับซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา และยังสามารถเลื่อนไปมาได้ตลอดแนวยาวของ ISS (ตามแนว Truss หลัก) มีส่วนยึดเกาะตอนปลายให้พาคนไปซ่อมแซมสถานีได้อย่างทั่วถึง ตามคลิปนี้เลย จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 21:23:43

ความคิดเห็นที่ 60 สำหรับท่านที่อยากทราบวิธีสร้าง ISS ตั้งแต่เริ่มโมดุล Zarya ปี 1998 ถึงเสร็จสมบูรณ์ด้วย MLM ในปลายปีนี้ Edit: เจอ Animation ใหม่ อันนี้เป็นของปัจจุบันละ ดูในความเห็นต่อไปละกันครับ แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 21:44:30 แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 21:44:03 จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 21:30:37

ความคิดเห็นที่ 61 ส่วนนี่ภาพเทียบความใหญ่ของสถานีอวกาศที่โลกเคยมีมา ใหญ่ที่สุดในภาพคงไม่ต้องบอกกัน ด้านซ้ายใหญ่อันดับสองคือ ISS ตอนหายนะกระสวยโคลัมเบีย ถัดมาอีกทางซ้าย เป็นสถานีอวกาศอันโด่งดัง เมียร์ (Mir) ของโซเวียต และที่มีืชื่ออีกสถาีนีนึง ลำดับที่สามทางขวา คือสกายแลป (Sky Lab) ของสหรัฐ เพิ่มเติม ที่เหลือๆอยู่นั่นเป็นของโซเวียต เหล่าสถานีอวกาศซาลยุต (Salyut) รุ่นบุกเบิกครับ แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 21:38:09 จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 21:36:36

ความคิดเห็นที่ 62 คลิปการประกอบสถานีอวกาศนานาชาติตั้งแต่สร้างยันเสร็จ ตลอดเวลาตั้งแต่ 1998-2011 ครับ จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 21:45:19

ความคิดเห็นที่ 63 มนุษย์เรานี่เก่งจริงๆ ทำไปได้ไง ความจริงมีมนุษย์ต่างดาวช่วยชิมิ บอกมาเถอะ... จากคุณ : เอาจริงๆ (พายบลูเบอรี่ไอศครีมกะทิ) เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 14:47:49

ความคิดเห็นที่ 64 "เจไดหนุ่ม" ขอเอาภาพ "อาหารสำเร็จรูป" ที่เป็นเสบียงสำหรับนักบินอวกาศของนาซ่ามาให้เพื่อนๆดูกันครับ ป.ล. สังเกตุว่าอาหารส่วนใหญ่จะถูกใส่ไว้ในแพ็คสูญญากาศครับ  เพื่อเป็นการช่วยยืดอายุของอาหารต่างๆไม่ให้เน่าเสียเร็วแลเป็นการสะดวกเวลากินครับ  เนื่องจากในยุคแรกๆนั้นยังไม่มีการนำช้อนขึ้นไปในอวกาศ  นักบินจึงต้องดูดกินอาหารเอาจากซองครับ (รูปนี้เป็นอาหารในยุคปัจจุบันครับ) (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 15:22:26

ความคิดเห็นที่ 65 โดยจากเท่าที่ "เจไดหนุ่ม" เคยทราบมาประวัติของอาหารแลเครื่องดื่มที่มนุษย์อวกาศใช้ดื่มกินกันนอกโลกนั้นจะมีคร่าวๆดังนี้ (ของทางนาซ่านะครับ)      เรื่องของเรื่องก็คือในการส่งมนุษย์อวกาศคนแรกขึ้นไปนอกโลกนั้นเกิดขึ้นโดย "อดีตสหภาพโซเวียต" ครับ ("ยูริ กาการิน" กับ "ยานวอสตอร์ก") แลเนื่องจากในตอนนั้นการส่งมนุษย์ขึ้นไปใช้เวลาเพียงแป๊ปเดียวก็เดินทางกลับผิวโลก  นักบินจึงไม่จำเป็นต้องพกพาอาหารหรือเสบียงกรังติดตัวไปด้วย  แต่ว่าในช่วงต้นยุค 1960' พวกมะริกันกันชนคนเสรีได้สร้าง "โครงการเมอร์คิวรี่" ขึ้นเพื่อส่งมนุษย์ขึ้นไปอยู่ในอวกาศโดยใช้เวลาที่นานกว่าเดิม  นั่นจึงทำให้ต้องมีการนำอาหารไปให้นักบินบนยานด้วยครับ      ซึ่งอาหารชุดแรกๆนั้นจะนิยมทำให้กลายเป็นของเหลวเหมือนอาหารเด็กครับ  เพื่อเป็นการง่ายต่อการรับประทานจัดเก็บแลช่วยประหยัดน้ำหนักบรรทุกของสัมภาระต่างๆบนกระสวยอวกาศ  แต่ปัญหามันก็มีอยู่ครับในเมื่อเกิดเสียงบ่นจากบรรดานักบินอวกาศว่าอาหารพวกนั้นไม่ได้มีรสชาติหรือความอร่อยอะไรเลย  จึงทำให้ทางนักวิจัยของ "นาซ่า" ต้องเร่งทำการปรับปรุงเมนูอาหารและเครื่องดื่มต่างๆใหม่อีกครั้ง **รูปอาหารของนักบินอวกาศอเมริกันชนคนเสรีในช่วงโครงการเมอร์คิวรี่ตอนต้น ยุค60ครับ  ซึ่งในภาพจะประกอบไปด้วยซุปเห็ด น้ำส้ม โกโก้ น้ำสับปะรด เนื้อไก่บดรวมกับเกรวี่ ลูกแพร์ สตอร์เบอร์รี่ เนื้อวัวบดเละๆกับผัก ซึ่งจะเห็นได้ว่าอาหารหลักๆนั้นจะถูกทำให้เหลวครับจึงไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบของนักบินอวกาศเท่าไหร่** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 15:26:26

ความคิดเห็นที่ 66 ***      จนกระทั่งช่วง "โครงการเจมินี่" ราวปี ค.ศ.1965 อาหารของนักบินอวกาศจึงได้ถูกปรับปรุงให้มีรสชาติและรูปร่างซึ่งน่าทานมากขึ้น  อีกทั้งยังมีเมนูต่างๆให้นักบินได้เลือกมากกว่าเดิมอาทิ ค็อกเทลกุ้ง เนื้อไก่เป็นชิ้นๆ หรือกระทั่งพุดดิ้ง  ซึ่งอาหารต่างๆในช่วงนี้จะต้องผ่านกระบวนการ "ฟรีซ-ดราย" นั่นคือพอปรุงเสร็จก็จะถูกทำให้เย็นอย่างรวดเร็วแลผ่านกระบวนการรีดน้ำให้แห้งครับ      ทีนี้พอนักบินอวกาศจะกินก็ทำเพียงแกะซองออกแล้วเอาปืนฉีดน้ำยิงใส่เข้าไปครับ (ใช่ครับ! ใช้ปืนฉีดน้ำ-_-") โดยอาหารในช่วงนี้แม้จะเริ่มมีสีสันขึ้นแต่สิ่งที่ยังเป็นปัญหาก็คือเรื่องของความร้อนครับ  เพราะอาหารในยุคนี้จะยังไม่มีการใส่น้ำร้อนนักบินจึงต้องกินอาหารเย็นชืดไปพลางๆก่อน      จวบจนกระทั่งมาถึงยุค70'ซึ่งเป็นจุดเริ่มของ "โครงการอะพอลโล่" ที่พวกมะริกันได้ทำการส่งมนุษย์ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์เป็นครั้งแรก  ในยุคนี้เเองสิ่งประดิษฐ์อัจฉริยะที่ชื่อว่า "พลาสติก" ได้ถูกคิดขึ้นแลนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายแม้กระทั่งในยานอวกาศครับ  ซึ่งช่วงนี้เองที่มีการนำ "น้ำร้อน" กับ "ช้อนพลาสติก" ไปใช้กับอาหารบนยานเป็นครั้งแรก        แลที่สำคัญอีกอย่างคือยังมีการนำ "เว็ตแพ็ค" ซึ่งทำจาก "พลาสติก" แล "อลูมิเนียมฟอยด์" ไปใช้เก็บอาหารทำให้อาหารหลายอย่างไม่ต้องผ่านกระบวนการฟรีซดรายน์  จึงทำให้นักบินอวกาศสามารถลดขั้นตอนในการเตรียมอาหารลงไปได้มาก  นอกจากนี้ "เว็ตแพ็ค" ยังช่วยคงความสดใหม่ของอาหารให้ดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้นครับ **รูปอาหารของนักบินอวกาศมะริกันในช่วงต้นยุคทศวรรษที่ 1970 ครับ  ซึ่งจะมีการใช้กล่องเก็บอาหารเพื่อบรรจุอาหารต่างๆให้เป็นระเบียบมากขึ้น** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 15:31:10

ความคิดเห็นที่ 67 *****      และเมื่อก้าวเข้าสู่ยุคทศวรรษที่1980ซึ่งกระสวยอวกาศลำแรกของโลกได้ทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ  ห้วงเวลานั้นนี้อาหารของนักบินอวกาศก็ได้รับการปรับปรุงแต่งเติมจนดูคล้ายกับอาหารที่เราๆท่านๆกินกันอยู่ทุกวี่วัน (มีแม้กระทั่ง "เหล้ารัม" ปราศจากแอลกอฮอลล์ซึ่งทำจากน้ำอ้อย)  อีกทั้งนักบินอวกาศในยุคนี้ยังสามารถเลือกเมนูอาหารที่จะนำขึ้นไปกินได้ด้วยตัวเอง  และในกระสวยเองยังมี "ห้องครัวและเตาอบ" ซึ่งสร้างมาเป็นพิเศษสำหรับการปรุงอาหารอีกด้วยครับ      จวบจนกระทั่งทุกวันนี้เมนูอาหารบนยานอวกาศก็ยังเต็มไปด้วยความหลากหลาย  โดย5เดือนก่อนจะออกกระทำภารกิจนักบินอวกาศจะถูกส่งตัวไปยัง "Space Food Systems Laboratory" ที่ "Johnson Space Center" ในรัสเท็กซัส  ทั้งนี้เพื่อทำการชิมและให้คะแนนอาหารต่างๆนับสิบเมนู  ซึ่งเมนูที่ได้รับคะแนนมากเป็นอันดับต้นจะถูกจัดขึ้นไปให้นักบินรับประทานบนยานระหว่างกระทำภารกิจในห้วงอวกาศครับ **รูปนักบินอวกาศของกระสวย "STS-105" กำลังเลี้ยงฉลองกันด้วยเครื่องดื่มที่ได้รับแจกครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 15:34:57

ความคิดเห็นที่ 68 *****      ซึ่งเป็นที่แน่นอนครับว่าในยุคปัจจุบันก่อนที่อาหารต่างๆจะได้รับการอนุญาตให้นำขึ้นไปบนยานอวกาศได้นั้น  จำต้องมีการตรวจสอบซ้ำอีกครั้งโดยนักโภชนาการเพื่อคำนวณถึงปริมาณสารอาหารต่างๆที่เหมาะสมกับนักบินบนยาน  เนื่องจากร่างกายของนักบินอวกาศนั้นจะใช้พลังงานและแร่ธาตุต่างๆไม่เหมือนกับมนุษย์บนโลก  จึงจำเป็นต้องมีการคำนวณปริมาณสารอาหารที่ได้รับอย่างแม่นยำครับ     โดยอาหารทั้งหมดนั้นจะถูกใส่เข้าไปในกระสวยล่วงหน้าประมาณ2-3วันก่อนการ ปล่อย  ซึ่งปรกติแล้วปริมาณของอาหารจะถูกคำนวณจากจำนวนนักบินและความยาวนานของภารกิจ  นอกจากนี้ยังมี "อาหารฉุกเฉิน" ซึ่งให้แคลอรี่สูงถึง "2,000แคลลอรี่/วัน" สำหรับเวลาเกิดเหตุขัดข้องบนยานหรือกระสวย  ซึ่งโดยมากอาหารฉุกเฉินนี้จะถูกเตรียมเผื่อไว้สำหรับนักบินอวหาศเป็นเวลาประมาณ2-3สัปดาห์ครับ      และเนื่องจากบนกระสวยอวกาศในยุคปัจจุบันนี้ก็ยังคงไม่มีการใช้ "ตู้แช่เย็น" ครับ  ทำให้อาหารและเครื่องดื่มต่างๆต้องถูกเก็บในกรรมวิธีต่างๆกัน  ซึ่งวันนี้ "เจไดหนุ่ม" จะมาแนะนำรูปแบบการเก็บรักษาอาหารอย่างคร่าวๆดังนี้ครับ - "กระบวนการฟรีซ-ดรายน์" หรือการทำให้เย็นแล้วขจัดน้ำออกให้หมด  ซึ่งใช้กันมาหลายสิบปีแล้ว  โดยอาหารอย่างซีเรียล อาหารน้ำๆ ซุปต่างๆ จะใช้วิธีนี้ครับ - "กระบวนการลดความชื้นในอาหาร" ซึ่งเป็นการขจัดความชื้นบางส่วนออกจากอาหาร  โดยอาหารจำพวกผลไม้ตากแห้งจะใช้วิธีนี้ - "กระบวนการผ่านความร้อน" คือการใช้ความร้อนสูงเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียในอาหาร  โดยอาหารจำพวกเนื้อปลาหรือผลไม้บางอย่างจะใช้วิธีนี้ครับ - "กระบวนการฉายรังสี" วิธีนี้อาหารจะถูกบรรจุใน "แพ็คฟอยล์" ก่อนจะผ่านการฉายรังสีแกมม่าและอิเล็คตรอนเพื่อยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย  โดยวิธีการฉายรังสีแบบนี้ได้รับการรับรองจากองค์กรอนามัยโลกแล้วว่ามีความปลอดภัยครับ - "อาหารธรรมชาติหรือของสด" อาทิเช่นคุ๊กกี้ บิสกิต ผลไม้สด ซึ่งไม่ต้องผ่านกระบวนการใดๆทั้งสิ้นแค่แพ็คใส่ "ห่อสูญญากาศ" แล้วนำไปกินได้เลย  แต่ข้อเสียคืออากหารชนิดนี้จะมีอายุการเก็บรักษาที่สั้นกว่าครับ     ส่วนพวกเครื่องปรุงรสอาหารต่างๆอย่างเกลือหรือพริกไทยนั้นจะถูกเก็บเอาไว้ในรูปแบบของเหลวครับ  เพื่อป้องกันการกระจายตัวเวลาอยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก  อาทิเช่นเกลือจะถูกผสมในน้ำหรือพริกไทยจะผสมในน้ำมันเป็นต้นนั่นเองครับ **รูปนักบินอวกาศในยุค70'กำลังรับประทานอาหารครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 15:39:47

ความคิดเห็นที่ 69 **ปิดท้ายกันด้วยรูปของ "ถาดบรรจุอาหาร" สำหรับนักบินอวกาศในปัจจุบันครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 15:41:35

ความคิดเห็นที่ 70 เอ เคยได้ยินมาว่าอุณหภูมิในอวกาศมันเย็นมาก ทำไมเค้าไม่ทำตู้ที่มีตัวระบายความร้อนไปในอวกาศละ (ติดลบบาน เย็นแน่ๆไม่ใช้ไฟด้วย -0-) จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 20:54:45

ความคิดเห็นที่ 71 ตอนไปนาซ่า เค้าจะมีพวก ขนมแบบที่ทำให้พวกนักบินอวกาศ เค้ากินกันบนยาน มีสตอเบอร์รี่แห้ง มีไอครีมวนิลา/ช็อคโกแลค และก็มีพวกซุปไรพวกนี้ เวลากินไปรู้สึกเหมือนกินโฟมเลยอะ มันแห้ง ๆ..... พูดถึง ยานอวกาศนึกถึงเรื่องโจ๊กที่เพื่อนเล่าให้ฟังคะ เมื่อตอนที่สหรัฐ เพิ่งส่งมนุษย์ขึ้นไปสำรวจอวกาศครั้งแรกๆ นั้น มนุษย์อวกาศพบปัญหาว่า ปากกาของเขานั้น ไม่สามารถใช้ได้บนอวกาศ เนื่องจากสภาพไร้น้ำหนัก ทางองค์การนาซา จึงได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา ให้ไปวิจัยคิดค้น หาทางแก้ไข ในที่สุด หลังจากใช้งบประมาณไปหลายสิบล้านเหรียญ สหรัฐก็สามารถผลิตปากกาชนิดพิเศษ ที่สามารถเขียนได้ทุกสภาวะ จะแนวนอน แนวตั้ง ตะแคงเขียน ตีลังกาเขียน หรืออยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก หรือแม้แต่ใต้น้ำ เขียนได้ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ไปจนถึงร้อนจัด เรียกได้ว่า เป็นปากกาที่จะเอาไปใช้ที่ไหนก็ได้ ทางรัสเซีย ซึ่งก็ส่งมนุษย์ไปบนอวกาศเข่นเดียวกะสหรัฐ ก็เจอกับปัญหานี้เช่นเดียวกัน .. ปากกาเขียนไม่ออก . . . . . . . . . . . แต่รัสเซียเปลี่ยนมาใช้ ดินสอ จากคุณ : Rainny7 เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 22:49:26

ความคิดเห็นที่ 72 ^ FW นี้อีกแล้ว = = จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 22:58:43

ความคิดเห็นที่ 73 แล้วอาบน้ำ หรือ ฉี่ หรือจะคี่ แล้วจะเอาทิ้งไหนละ หรือปล่อยออกข้างนอก แบบบ้านเรา ๆ จากคุณ : kloyman เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 02:54:19

ความคิดเห็นที่ 74 แจ๋วไปเลย จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 03:18:25

ความคิดเห็นที่ 75 อยากไปด้วยคน :-P จากคุณ : xemmy เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 11:42:48

ความคิดเห็นที่ 76 ผมขอแจมละกันนะครับ. สำหรับ ISS มีชื่อนามเรียกขานสถานีฐานว่า NA1SS (Callsign) เวลาผ่านเหนือหัวไป ถ้านักบินอวกาศว่าง ไม่ติดภารกิจ อาจมาเปิดวิทยุเล่นกับคนบนโลก หรือบางทีอาจจะส่งเป็นสัญญาณภาพลงมา Slow-scan TV (SSTV) ภาพข้างล่าง เป็นภาพที่รับได้ ตอน ISS ผ่านประเทศไทยแถวๆเหนือหัว ตอนปี 2008 รับได้จากคลื่นย่านวิทยุสมัครเล่น ใช้เสาอากาศธรรมดา (ถ้าคนทั่วไป คงจะรู้จัก วอ. กันนะครับ) แต่ถ้าประชาชนทั่วไป จะเล่นได้แค่ความถี่ประชาชน (ที่ยาม รปภ หรือร้านอาหาร ประสานงาน ใช้กัน) ถ้าอยากเล่นความถี่อื่นก็ต้องไปสอบ อย่างย่านที่รับมาจาก ISS นี้ อยู่ในย่านวิทยุสมัครเล่น 144-146 MHz ถ้าใครสนใจ ลองสอบเป็นวิทยุสมัครเล่นดูครับ จริงๆแล้ว เราอยากคุยกับนักบินอวกาศแทบไม่ต้องยุ่งยากทำเอกสารเป็นเรื่องเป็นราวไปยังนาซ่า แต่แค่รอ ISS บินข้ามหัวไปเท่านั้นเอง จากคุณ : Supolacs เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 21:36:43

ความคิดเห็นที่ 77 เขาคงไม่ให้นำ ทุเรียน ขึ้นไปด้วยแหงๆ จากคุณ : Made In Lanna เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 23:02:28

ความคิดเห็นที่ 78 จำได้ลาง ๆ ว่าในโครงการเจมีนี่  เอ็ดเวิร์ด ไวด์ ได้ทำการแอบนำขนมปัง ขึ้นไปด้วย เมื่อถึงวงโครจ เค้าก็บอกกับ ฮุสตันว่า ผมกำลังกินขนมปังที่ผมซื้อและแอบนำขึ้นมาเอง ถึงแม้มันจะกินยากซักหน่อย แต่ให้ตายเถอะ ยังไงมันก็ยังอร่อยอยู่ดี และเข้านี่เองที่เป็นผู้เดินบนอวกาศคนแรกของโลก หลังจากที่ลอยอยู่นอกตัวยาน 22 นาที เจมส์ แม็คเดวิส บอกให้เค้ากลับเข้ายานแม่ ตอนนั้นเค้าบอกว่า มันเป็นช่วงเวลาที่น่าเสียใจที่สุดตั้งแต่ผมเกิดมา... จากคุณ : hideto b1 เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:34:46

ความคิดเห็นที่ 79 จะลำบากแค่ไหนกับการมี sex ในสภาพไร้น้ำหนัก จากคุณ : modeller เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 03:38:38