ความคิดเห็นที่ 1 รายการผีๆเกือบทุกรายการ ก็ชอบอ้างว่าไปพิสูจน์ทางวิทยาสาสตร์มาแล้ว... แต่พูดปากเปล่า ใครก็พูดได้น่ะนะ - - จากคุณ : Mikegelo เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 23:43:15

ความคิดเห็นที่ 2 คือผมอยากรู้ลึกษณะเด็กที่เป็น Colic นะครับ ผมลองหาข้อมูลดูคร่าวๆบอกว่ายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด? รายการพวกนี้มันเหมือนเป็นเครื่องชี้นำ .. ดูแล้วขัดใจสุดๆ ถึงไม่ดูก็ได้ยินเพราะแม่ผมดู =_='' จากคุณ : หลบเวลา เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 23:47:36

ความคิดเห็นที่ 3 มันเป็นอาการปกติที่เด็กทุกคนจะเป็นครับ ทางจิตวิทยาถือเป็นเรื่องปกติมากๆ คาดว่าเป็นช่วงที่เด็กนอน และปรับตัวต้องนอนคนเดียว เด็กจะร้องเอง ออกอาการเหมือนมีคนคุยด้วย โตขึ้นแล้วหายไปเองครับ จากคุณ : thepthana เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 23:57:16

ความคิดเห็นที่ 4 ก็เด็กเค้าเห็นจริงๆ พวกไม่เชื่อก็อ้า่งโน่นอ้างนี่ อ้างจิตวิทยา มันอ้างได้ที่ไหน นั่นมันตั้งทฤษฎีลอยๆขึ้นมา แล้วก็บอกอธิบายได้ทางจิตวิทยา http://www.pantip.com/cafe/family/topic/N10266562/N10266562.html อย่างกรณีนี้ไม่รู้เด็กจะโดนข้อหาจิตหลอนรึเปล่า 55555 จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 09:29:36

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ รู้ได้ยังไงว่าเด็กเห็น ผมคงไม่กล้าฟันธงว่าเด็กเห็นผีรึเปล่า (เดี๋ยวยาว) แต่คนที่บอกว่าเด็กเห็นรู้ได้ยังไง เดา? การที่คิดว่าเด็ก Colic เกิดจากเห็นผี ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็เป็นแค่ทฤษฎีลอยๆ เหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 10:10:52 จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 10:07:09

ความคิดเห็นที่ 6 อ้าวผมเห็นคนๆนึงยิ้มและยกมือบ๊่ายบายขึ้นมา มันแปลกตรงไหนที่บอกว่าเค้าเห็นใครซักคนนึง จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 10:16:14

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ ไม่แปลก แต่ต้องเติมว่า "อาจจะ"เห็นใครซักคนหนึ่ง นอกจากว่า มีการทดลองหรือมีการศึกษาแล้วพบว่า สาเหตุที่ทำให้คนคนหนึ่งยิ้มและยกมือเกิดจากการเห็นคนเท่านั้น หรือกลับกันคือ ถ้าไม่เห็นคนซักคนหนึ่งมนุษย์จะไม่สามารถยิ้มและยกมือขึ้นบ๊ายบายได้ จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 10:22:08

ความคิดเห็นที่ 8 คนละครึ่งทางครับเรื่องนี้ แต่ผมเชื่ออย่างแรกเรื่อง จิตวิทยามากกว่า เพราะ อย่างสอง ทำผมหมดตังไปกับ ห.ว.ย ไปเยอะละ ฮ่าๆๆๆๆ จากคุณ : Young Money เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 10:23:37

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องแค่นี้ต้องศึกษาทดลองหรือครับ จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 10:29:10

ความคิดเห็นที่ 10 #8 เกี่ยวไรกับหวยล่ะครับ แต่จะว่าไปเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากครับ 1 ใน 1000 ถึงจะเข้าใจ อย่างเช่นผีให้หวยแล้วไม่ถูก อย่างนั้นผีไม่มีจริง จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 10:32:39

ความคิดเห็นที่ 11 ดูรายการนี้แล้วไม่รู้สึกสนใจผีเลย  ใครเป็นแบบผมบ้างครับ จากคุณ : พลังคลื่นเต่าสะท้านฟ้า เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 10:35:09

ความคิดเห็นที่ 12 คห 4 ตามไปอ่านนะกระุทู้ที่ห้อง ชานเรือน ส่วนใหญ่จะทึ่งที่พอจุดธุปให้เด็กที่ร้องๆ เด็กก็ดีขึ้น นอนหลับได้ ..... ทำไมพ่อแม่ไทย ไม่คิดหน่อยว่า เด็กเมาควันธูปหลับไปล่ะ   :-P จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 10:35:59

ความคิดเห็นที่ 13 #9 ไม่จำเป็นต้องทดลองก็ได้ นอกจากว่าต้องการให้ความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น คนบางกลุ่มอาจจะเชื่อโดยไม่จำเป็นต้องมีการทดลองหรือพิสูจน์ (คำที่สวยหรูคือศรัทธา) แต่แน่นอนว่าคนบางกลุ่มไม่ เช่น นักวิทยาศาตร์ คนที่คิดอะไรเป็นเหตุเป็นผล ดังนั้นถ้าคุณไม่สนใจว่านักวิทยาศาสตร์หรือคนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เขาจะเชื่อรึเปล่า ก็ไม่ต้องทดลอง แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 10:41:08 จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 10:40:19

ความคิดเห็นที่ 14 "ผีให้หวยแล้วไม่ถูก อย่างนั้นผีไม่มีจริง" อันนี้ไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ "ผีให้หวยแล้วไม่ถูก ดังนั้นถ้าอยากถูกหวยไม่ควรพึ่งผี" จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 10:44:17

ความคิดเห็นที่ 15 ลูกผมตอนเล็กๆ ก็เป็นโคลิค ที่แน่ๆ ผมไม่เคยจุดธูป (เหมือนพ่อแม่เด็กฝรั่งอีกหลายล้านคนทั่วโลก) ปล. เคยสงสัยว่าผีมันเหมือน DVD หรือไงที่มี Zone มี Region วิธีไล่ผีโซนนี้ใช้กับผีโซนอื่นไม่ได้ จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 10:46:38

ความคิดเห็นที่ 16 12 ส่วนใหญ่ก็แบบนี้แหละครับ มักจะพยายามหักล้างในเรื่องที่หลักฐานอ่อน อย่างพูดเรื่องผี ก็บอกว่าเกิดจากความมืดเห็นไม่ชัดเจน แต่จะพยายามไม่หักล้างประเภทเห็นกลางวันแสกๆ เห็นหลายคน เห็นชัดเจน พอมาเรื่องนี้ ก็พยายามอธิบายเรื่องธูป แต่เรื่องนี้บริบทมันไม่ได้มีแค่ธูป คือน่าเห็นใจครับ แค่เริ่มต้นก็ผิดแล้ว คือการตั้งธงไปแล้วว่าผีไม่มีจริง แล้วพยายามอธิบายโดยยกความเป็นไปได้ต่างๆ เหมือนตั้งธงว่าไอน์สไตน์ไม่มีจริง ก็อธิบายว่าเป็นเรื่องแต่งขึ้นมา เป็นความพยายามสร้างไอดอล สร้างหลักฐานปลอม ยัดเงินให้โกหก โดยไม่ดูว่าที่พยายามอธิบายนั้นมันเป็นไปได้ในทางปฏิบัติหรือเปล่า สรุปคือเหมือนพยายามพูดให้คนเมาเข้าใจนั่นแหละ ความจริงไม่ต้องพูด ไม่ต้องอธิบาย แค่รอให้สร่างเมาเกี๋ยวก็รู้เรื่องเอง เรื่องผีก็เหมือนกัน เค้ากำลังเมาอยู่ พอสร่างเมาปัญญาก็เกิดเองแหละ ก็จะรู้เองแหละ พวกทฤษฎี จิตหลอน สะกดจิตหมู่ จนเห็นผี มันเป็นไปได้หรือเปล่า ในทางปฏิบัติ จะว่าไปทางวิทย์ฝรั่งเองก็ยอมรับแล้วนะครับว่าพวกผีมีจริง จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 10:55:09

ความคิดเห็นที่ 17 จริงๆแล้วมันชื่อรายการ นมอวดผี ครับ จากคุณ : คิดชื่อนานมากๆ เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 10:59:22

ความคิดเห็นที่ 18 colic  ไม่รู้จักอะ รู้จักแต่ lolicon กับ lolita จากคุณ : athit1975 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 11:06:32

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นวันพระ เป็นไปได้ว่าวันพระ อาจมีการจุดธูปบูชาพระมากกว่าวันปรกติ เด็กแพ้ควันธูป เลยงอแง น่ากลัวมากครับ รายการคนอวดผี ถ้าพิมพ์ผิด เยื้องบนขวาเป็นเรื่องแน่ แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 11:09:14 จากคุณ : นายหงุดหงิด เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 11:08:13

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าผมจำไม่ผิดในรายการเด็กมันเป็นมาปีกว่า? เวลาประมาณตี 2 จะร้องทุกวันแบบนี้ ปกติของอาการนี้ก็คือประมาณ 2-3 เดือน อาการของเด็กที่เป็น Colic มันเกี่ยวกับอาหารที่เด็กกินหรือเปล่า? หรือว่าอากาศ อุณภูมิ ณ เวลาที่เด็กร้องน่าจะทดสอบให้หมด มันต้องมีสาเหตุ เป็นผมจะทักแล้วตามกลับมาคอนโดผมเลยนะแต่เข้ายากหน่อย มันใช้คีย์การ์ดเข้า จากคุณ : หลบเวลา เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 11:12:28

ความคิดเห็นที่ 21 เฮ้อ อ่อนใจ จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 11:20:48

ความคิดเห็นที่ 22 คุณ imanust_261204 ถ้ามันเป็นเรื่องของความเชื่อใครจะตั้งธงอย่างไรก็เป็นสิทธิของเขาเพราะว่ายังไม่มีข้อพิสูจน์ที่ได้ 100% จากทั้งสองฝั่ง แต่รู้สึกฝั่งที่เชื่อก็จะพยายามยัดเยียดว่าคนที่ไม่เชื่อคับแคบเหลือเกินทั้งที่พิสูจน์ไม่ได้พอกัน ถ้าคุณคิดว่าข้อสังเกตของฝั่งที่ไม่เชื่อเป็นจริงก็ต้องหักล้างกันด้วยเหตุผลที่พิสูจน์ได้สิครับ อย่างเช่นลองใช้ธูปที่มีผลต่อพี่แต่ไม่ทำให้เด้กเมาควันแล้วเด็กจะหลับไหม ฯลฯ ส่วนเรื่องวิทย์ฝรั่งนี่ใครยอมรับครับหวังว่าคงไม่ใช่พวกรายการล่าผีของ discovery หรอกนะครับพวกนั้้นพิธีกรจบสายวิทย์รึเปล่ายังไม่รู้เลย ถ้ามีการยอมรับรบกวนขอเปเปอร์ได้ไหมครับ ถ้าไม่มีก็ขอชื่อไม่ก็สมมุติฐานที่เขาใช้ทดสอบก็ได้ครับ ถ้ามีจริงก็อยากจะลองศึกษาเหมือนกันจะได้เอามาให้เพื่อนๆ ที่นี่ได้อ่านด้วย จากคุณ : Zkizzik เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 11:22:50

ความคิดเห็นที่ 23 ธูปมันแค่อ๊อฟชั่นแหละครับ มีไม่มีก็ได้ เพราะฝั่งนั้นได้ยินเราอยู่แล้ว แต่พอใช้ธูปมันเหมือนว่าเราให้เกียรติเค้า ส่วนเรื่องกาพพิสูจน์ผัมีจริงหรือไม่ ก็เหมือนการพิสูจน์ว่าไอน์สไตน์มีจริงหรือเปล่า ถ้าคนมันตั้งใจจะไม่เชื่อมันหักล้างได้หมดแหละ แต่เหตุผลที่หักล้างมันฟังขึ้นหรือเปล่ามันอีกเรื่อง สรุปคือรอเค้าหายจากอคติเสียก่อนจะดีกว่า เพราะอคติทำให้โง่ จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 11:36:38

ความคิดเห็นที่ 24 อคติ (Bias) เป็นสิ่งที่ผู้ออกแบบการทดลองพยายามให้เกิดน้อยที่สุด เพราะจะทำให้แปลผลการทดลองที่ผิดพลาดได้ หนึ่งในวิธีที่ยอมรับกันมากที่สุดคือ Double-Blind Randomize Control Trial ซึ่งยังไม่เคยมีใครมาใช้กับสมมติฐานเกี่ยวกับผีแล้วได้ผลที่เชื่อถือได้มาก่อน ส่วนการพิสูจน์ว่ามีคนชื่อไอน์สไตน์จริงรึเปล่าคงไม่ยากเหมือนพิสูจน์เรื่องผี เพราะมีข้อมูลหลักฐานที่เชื่อถือได้ (เอามาเทียบกันได้ไงเนี่ย พิสูจน์ซึงหงอคงยังจะเข้าท่ากว่า เพราะเป็นความเชื่อเหมือนกัน) การพิสูจน์ว่าผีมีจริง กับ ผีทำให้เกิดโคลิค มันคนละเรื่องกัน ถึงผีจะมีจริง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นสาเหตุให้เกิดโคลิค แต่ถ้าผีไม่มีจริง แน่นอนว่า ไม่ใช่สาเหตุของโคลิคแน่ จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 11:51:05

ความคิดเห็นที่ 25 #23 ไม่น่าเข้ามาห้องหว้ากออย่างแรง คิดอะไรไม่มีคำว่าวิทยาศาสตร์เลย ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ตั้งใจไว้ว่าจะไม่เชื่อนะครับ แค่มันพิสูจน์ไม่ได้เลยไม่เชื่อ อะไรก็ตามทางวิทยาศาสตร์หากยังพิสูจน์ว่ามีไม่ได้ ก็จะเรียกมันว่าไม่มี แต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีจริงๆๆ หากวันนึงมีเหตุผลหรือทฤษฎีมากพอที่จะเชื่อได้ ก็จะเชื่อไงครับ ตอนนี้เนื่องจากไม่มีทฤษฎีและหลักฐานใดๆๆ ก็เลยสรุปไปก่อนว่าไม่เชื่อ หากคุณอยากให้เชื่อจริงๆๆ จับผี หรือไม่ก็ชวนเค้ามาให้นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์สิ ถ้าทำได้จริงมีใครบ้างจะไม่เชื่อ เหตุที่เค้าหาเหตุผลออกไปทางอื่นแค่เค้าหาทางที่น่าจะเป็นไปได้ และสามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์มากกว่าหนะครับ อีกอย่างทางวิทยาศาสตร์ถ้าสิ่งนั้นจริง สิ่งนั้นใช่ ในการทดลอง 100 ครั้ง 1000 ครั้งมันก็จะต้องได้ผลเช่นเดิม เช่น น้ำเดือดที่ 100 องศาเซลเซียสที่พื้นโลก ทดลอง 1000000 ครั้ง มันก้ต้อง เดือดที่ 100 องศาเซลเซ๊ยสตลอดโดยที่ควบคุมตัวแปลต่างๆ ให้เหมือนกัน และสามารถมีpaper มายืนยันการทดลองแล้วเป็นที่ยอมรับได้ ส่วนเรื่องผีตอนนี้ผมบอกตรงๆๆ ทางวิทยาศาสตร์มันไม่มีจริงครับ เพราะยังหาเหตุผล หรือหลักฐานทีร่มีไม่ได้ หากวันนึงมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ วิทยาศาสตร์ก็สามารถเปลี่ยนมาบอกว่าผีมีจริงได้ครับ ^_^ จากคุณ : นักเทคนิคการแพทย์น้อย (wan_medtech) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 11:57:00

ความคิดเห็นที่ 26 เทียบกับไอน์สไตน์นั่นแหละเหมาะแล้วครับ เพราะมันเรื่องง่ายๆเหมือนกัน ภาพถ่ายไอน์สไตน์ - มันเมคขึ้นมา ภาพถ่ายผี - มันเมคขึ้นมา คนเห็นไอน์สไตน์ - รับเงิน จิตหลอน คนเห็นผี - รับเงิน จิตหลอน มันงี่เง่าเหมือนกันแหละ จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:04:39

ความคิดเห็นที่ 27 #23 คนละเรื่องเลยครับ เรื่องผีกับไอน์สไตน์ งั้นคุณหาข้อมูลมาสิว่าผีมีจริง ถึงจะเชื่อ ผมเคยกลัวผีช่วงเด็ก เรื่องประมาณนี้เคยเขื่อ แล้วผมเคยเจอไหมล่ะ? ไม่เลย! งั้นบอกหน่อยได้ไหมว่า ผมเข้าไปฉี่ในบ้านร้างโดยไม่ไหว้ตามที่พวกคุณเชื่อกัน ไม่เห็นมีเจ้าที่หน้าใหนมาทำให้...ผมบวมตามที่ๆเขาพูดกันล่ะครับ หาเจ้าที่ที่จะทำให้บวมให้เจอหน่อยครับ แต่ผมมีเหตุผลมาหักล้างแน่ :P จะยกเรื่องโคลิคก็ไม่ได้ เพราะไม่เคยมีลูกครับ ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : teedev เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:12:21

ความคิดเห็นที่ 28 เราเองก็ไม่เชื่อว่าคนจะมีสัมผัสที่ 6 เห็นผีจริงๆ จะเชื่อได้ไงว่าคุณเห็นจริงๆ หรือคุณโกหก คุณคิดไปเอง หรืออยู่ในช่วงจิตใจไม่ปกติ เห็นอะไรก็หวาดระแวงไปหมด หรือเกิดจากจินตนาการอันลึกซึ้ง หรือเกิดจากเป็นโรคทางจิต อันนี้มีหลักฐานพิสูจน์มั้ย ส่วนเรื่องผี มันจะมีจริงหรือไม่ อันนี้ก็ไม่เคยเจอเลยสักครั้ง ไม่เชื่อและไม่ลบหลู่ อยู่เฉยๆ รอการพิสูจน์ แต่ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ หรือมีหลักฐานจริงๆ สักคน แล้วนอกจากคนเหรอที่ตายแล้วจะเป็นผี  หรือหมา แมว สัตว์อื่นๆ บนโลก ตายแล้วเป็นผีมั้ย   เรื่องผีคงเป็นสมมติฐานที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้หรือป่าว????? จากคุณ : Beautiful girl I will surrive เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:13:45

ความคิดเห็นที่ 29 #25 นั่นแหละ ไม่ควรเข้ามาห้องหว้ากออย่างแรง แค่คำว่าวิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจ แบบนี้เด็กตาบอดแต่เกิด ที่ไม่เชื่อว่าการเห็นสิ่งต่างๆเป็นสิ่งมีจริงเพราะพิสูจน์ไม่ได้ เด็กคนนั้นก็ ฉลาดน่ะสิครับ วิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์แห่งเหตุผลต่างหาก แบบนี้ไปตลาดเจอพวกแม่ค้าบอกว่าเจอดารา แบบนี้คุณคงไม่เชื่อสินะครับ นอกจากจะให้พวกแม่ค้าพาดารามาให้ดู ไม่ได้คิดเลยว่า ทำไมพวกเค้าจะต้องโกหก ทำไมต้องสร้างเรื่อง จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:14:05

ความคิดเห็นที่ 30 #28 พวกที่เชื่อเรื่องนี้จิตจะหลอนไปเองครับ ตอนที่ผมยังเชื่ออยู่อตนนอนมักได้ยินเสีย แกรกๆ อะไรก้ไม่รู้ กลัวจะตาย พอมาเลิกกลัว และไม่เชื่อเลย เสียงเหล่านั้นหายไปใหนล่ะ... ? จากคุณ : teedev เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:17:16

ความคิดเห็นที่ 31 27 สรุปว่าคุณไม่เคยเจอผี ดังนั้นผีไม่มีจริง อย่างนั้นผมไม่เคยอะไรซักอย่างอย่างเช่นปลาบางชนิด ผมจะบอกว่าสิ่งนั้นไม่มีจริงได้มั้ยครับ ส่วนเรื่องเจ้าที่ แค่ไข่ไม่บวม คุณก็บอกว่าไม่มีจริงเหรอครับ ง่ายไปเปล่า จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:20:47

ความคิดเห็นที่ 32 #26 ถ้ามีคนบอกว่าวันนี้เห็นไอน์สไตน์เดินแถวสยาม ผมก็ว่าเขาจิตหลอนนะ (อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์นะครับ) จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:23:11

ความคิดเห็นที่ 33 #31 แล้วพวกที่มันไข่บวมล่ะ สาเหตุในสมมุติฐานของคุณคืออะไร? แต่ทางวิทย์ หนังหุ้มปลายอาจโดนฝุ่นหรืออะไรเล็กๆเกาะก็ได้ แล้วมันเข้าไปข้างใน ทำให้เกิดอาการแพ้ แล้วบวม  โอเค เก็ทมะ #แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 12:25:57 จากคุณ : teedev เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:24:27

ความคิดเห็นที่ 34 32 หลักทางวิทยาศาสตร์ไม่ควรสรุปง่ายๆอย่างนั้นครับ จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:26:30

ความคิดเห็นที่ 35 33 ที่คุณว่ามันก็เป็นไปได้ครับ แต่ในการจะบอกว่าผีมีจริงส่วนมาก ส่วนมากเค้าไม่ยกเรื่องง่ายๆ อย่างเช่น ได้กลิ่นอะไรบางอย่าง แล้วบอกว่าเจอผี ส่วนมากจะยกในเรื่องที่เป็นรูปธรรมกว่านั้น เช่นการเจอเป็นตัวเป็นตน จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:29:46

ความคิดเห็นที่ 36 #31 คห.27 เขาไม่เคยเจอผี เขาก็ไม่เชื่อว่าผีมีจริง ก็ถูกแล้วนี่ คือผีจะมีจริงไม่จริง เขาก็ไม่เชื่อ แค่นั้น ส่วนคุณไม่เคยเจอปลาบางชนิด คุณจะไม่เชื่อว่ามีจริงก็ถูกแล้ว ถึงมันจะมีจริง แต่คุณไม่เชื่อว่ามีเพราะไม่เคยเจอก็ฟังดูมีเหตุผลดี หรือคุณจะเชื่อโดยไม่ต้องเคยเห็นก็ได้ เพราะเงื่อนไขในการเชื่อหรือไม่เชื่อของคุณไม่เข้มงวดมาก แต่ผมและคห. 27 ไม่ใช่ จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:30:39

ความคิดเห็นที่ 37 ^ ^ ถามหน่อยครับ  (ข้ามไปหา 35#) คุณยกตัวอย่างแม่ค้าเจอดารา ดาราคนนั้นมีตัวตนจริงไหมครับ ถ้ามีตัวตนจริงโอกาสที่แม่ค้าเจอ จะเป็นไปได้ไหมครับ ? แล้วผีละ..... แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 12:33:46 จากคุณ : MAXReal เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:33:24

ความคิดเห็นที่ 38 #34 งั้นควรสรุปยังไงครับ ถ้าวันนี้มีคนมาบอกว่าเห็นไอน์สไตน์เดินแถวสยาม ควรสรุปว่า 1 ตาฝาด 2 คนหน้าเหมือน 3 โกหก/ปล่อยมุขอำกัน 4 ผีไอน์สไตน์ 5 ไอน์สไตน์ฟื้นคืนชีพ จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:35:29

ความคิดเห็นที่ 39 #36 ก็เหมือนเด็กตาบอดแต่เกิด แล้วไม่เชื่อว่าคนเราสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆนั่นแหละครับ คือเด็กไม่ผิด ผมจะอยู่เฉยๆไม่อธิบายก็ได้ แต่ผมเลือกที่จะี่อนุเคราะห์ จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:36:32

ความคิดเห็นที่ 40 คห 25 พูดแบบนี้ไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่นะ ผมเข้าใจว่าวิทยาศาตร์ก็ไม่ได้ตอบแบบนี้นะ คุณตอบของคุณเองหรือเปล่า ? ไม่ใช่ว่า เพราะวิทยาศาตร์พิสูจน์ได้ ให้ถือว่ามี พิสูจน์ไม่ได้ให้ถือว่าไม่มี เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่วิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่วิทยาศาสตร์เชื่อว่า มี หรือการคำนวนทางทฏษฏีเป็นเช่นนั้น วิทยาศาสตร์ คือกระบวนการ ไม่ใช่ สิ่งที่เอามาตัดสิน ผีจะมีจริง หรือไม่ เรายังไม่มีกระบวนการพิสูจน์ หรือ วิธีการออกแบบการทดลองเพื่อพิสูจน์ รายการทีวี ออกตามดิสคัฟเวอรี่ เค้าก็ออกแบบการทดลองของเค้า แล้วก็พิสูจน์แบบของเค้า ก็ถือว่าเป็นวิทยาศาสตร์ระดับนึง แต่ เชื่อถือได้หรือเปล่า ก็อีกเรื่องนึงใช่มั๊ย อย่างผมบอกว่าผมเคยเห็นผี เป็นประสบการณ์ตรง เจอเต็ม ๆ จะบอกว่าผมตาฝาดก็ได้ หรือ อาจจะอยู่ในสภาวะจิตตก ฯลฯ ก็อธิบายได้ทั้งนั้นแหละ ผมเจอมากับตัวยังไม่ฟันธงเลยว่ามีหรือไม่มี เพราะมันก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ ไม่ใช่ของที่อยากเจอแล้วจะได้เจอเต็มร้อยผีอยู่ตรงนี้ ไปตรงนี้แล้วเจอแน่นอนมันทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะ เราเองก็ยังไม่รู้ลักษณะที่แท้จริง ไม่รู้กระทั่งมันมีจริงมั๊ย รู้แต่ว่า เออ หูเคยได้ยิน ตาเคยเห็น จมูกเคยได้กิน (ไม่เคยจับ กับ ไม่ได้ชิมนะ) สุดท้ายจะบอกว่าทังหมดเป็นสิ่งที่สมองสั่งการสร้างขึ้นมาหลอก ? (ก็อาจจะเป็นไปได้) หรืออาจจะเป็นความบังเอิญที่ประจวบเหมาะ จากคุณ : MaJinSKi เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:37:37

ความคิดเห็นที่ 41 38 ถูกต้องครับ ความเป็นได้มีอยู่ประมาณนั้นแหละครับ แล้วก็ทำการพิสูจน์กันไป จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:38:08

ความคิดเห็นที่ 42 #17 ผมก็คิดว่ารายการ "คนอวดนม" เสียตั้งนาน จากคุณ : พลังคลื่นเต่าสะท้านฟ้า เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:38:57

ความคิดเห็นที่ 43 #36 อ้าว ... แล้วขอคำอธิบายหน่อยครับ ตอย ป.3 พวกเพื่อนผมมันบอกว่าเหนผี และหลายคนด้วย แต่ผมทำไมไม่เห็นล่ะ  เพราะอะไร? หรือเพราะเด็กมันจิตอ่อนเพราะเห็นผี หรือเพราะเด็กมันคิดไปเอง อีกเรื่องตอนปวช. เพื่อนมันถ่ายรุปติดผีได้ (มันบอกว่างั้น) แล้วมันก็ลงไปหมดห้องเลย เหลือผม ผมลองถ่ายจุดๆเดิมที่มันว่าถ่ายเจอ ไม่เห็นจะเจออะไรเลย ขอคำตอบหน่อยครับ จากคุณ : teedev เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:45:25

ความคิดเห็นที่ 44 #39 คุณอธิบายเด็กตาบอดได้ แต่คุณบังคับให้เด็กตาบอดเชื่อไม่ได้ คุณจะบอกเด็กตาบอดมั้ยครับว่า เขามีอคติเลยไม่เชื่อคุณ #43 ถามผิดคนแล้วครับ ผมก็อยู่ฝ่ายไม่เชื่อเพราะไม่เคยเห็นเหมือนคุณนะ ต้องไปถาม imanust_261204 เขาสิ คห.36 ผมแค่อธิบายเขาเท่านั้นแหล่ะ แต่ถ้าผิดก็ขออภัย แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 12:58:55 แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 12:53:51 แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 12:48:53 จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:47:49

ความคิดเห็นที่ 45 ผมว่าถ้าจิตใจคับแคบยากที่วิทยาการจะก้าวหน้าไปได้ครับ แต่อย่างไรผมก็เชื่อว่า ยากที่นักวิทย์คนไทยจะสร้างอะไรใหม่ๆขึ้นมาได้หรอกครับ คงมีแต่พวกฝรั่งเป็นส่วนมากแหละครับ ถ้าดูตามประวัติศาสตร์ล่ะนะ เช่นฝรั่งซักคน ฟังเรื่องผี เรื่องโคลิก เค้าก็อาจจะตั้งสมมุติฐาน 1.จิตหลอน 2.มีจริง แล้วก็ตีความว่าถ้าจิตหลอน นี่เป็นไปได้หรือไม่น่าเป็นไปได้ ที่จะพากันจิตหลอนไปกันหมด ตอนนั้นเขาก็เริ่มคิดแล้วว่าสิ่งเหล่านี้ อาจจะมีจริงก็ได้ เค้าก็ตั้งสมมุติฐานต่อ แล้วมันคืออะไร ก็อาจตั้งได้ว่ามีจริงแต่มันอาจอยู่ในมิติที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 สุดท้ายคนนั้นก็อาจสร้างเครื่องมือที่สามารถแสดงตัวตนของสิ่งเหล่า ให้พวกเราได้เห็นได้ อย่างนี้แหละโลกถึงเจริญต่อไปได้ จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:50:00

ความคิดเห็นที่ 46 เชื่อโดยไมต้องพิสูจน์ -> ใจกว้าง หัวคิดก้าวหน้า ต้องพิสูจน์จึงเชื่อ -> ใจแคบ ?!? คนที่เชื่อโดยไม่ต้องพิสูจน์คือ คนที่เชื่อว่า - นาธานได้เล่นหนังฮอลลีวูด - สมองส่วนกลางมองเห็นได้ - GT200 หาระเบิดได้ - NP Faster ต้านแรงโน้มถ่วงได้ - เหรียญควอนตัมทำให้แข็งแรง - น้ำ MRET รักษาโรคได้ จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:58:09

ความคิดเห็นที่ 47 #45 ผมนี่ไง ที่เคยเปิดใจเชื่อเรื่องที่คุณเชื่อ มันเพราะสังคมที่ผมอยู่ตั้งแต่เกิดสอนให้เชื่อก็ต้องเชื่อ แต่ผมเห็นว่ามันงมงายเกินไป และพิสูจน์ไม่ได้ และเชื่อไปก็ไม่ได้อะไร ไม่ได้ไม่เปิดใจ แต่มันหาข้อพิสูจน์ไม่ได้นี่ แล้วจะเชื่อปทำไม แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 13:00:03 จากคุณ : teedev เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:59:17

ความคิดเห็นที่ 48 46 แล้วใครว่าไม่ต้องพิสูจน์ล่ะครับ แต่การพยายามพิสูจน์นี่ออกแบบการทดลองได้ถูกต้องหรือเปล่านั่นอีกเรื่อง เหมือนใช้ตาฟังเสียง ใช้หูดมกลิ่น จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 13:03:11

ความคิดเห็นที่ 49 คห. 25 ครับมีหลักการทางวิทยาศาสตร์ตรงไหนหรือครับที่บอกว่า วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ให้สรุปว่าไม่มีไปก่อน แบบนี้มันมั่วชัดๆ วิทยาศาสตร์ตรงไหน วิทยาศาสตร์ต้องมีการทดลองมีผลที่น่าเชื่อถือถึงจะสรุปได้ ไม่ใช่มาสรุปมั่วๆตามหลักการของคุณ จากคุณ : ไม่มีน้องสาว เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 13:15:06

ความคิดเห็นที่ 50 # imanust_261204 เฮ้ย คุณเชื่อตามที่เขียนมาทั้งหมดหรือแค่เข้ามาเกรี่ยนเล่นเนี่ย ถ้าไม่ใช่การเกรียนเล่นนี่แสดงว่าคุณสุดที่จะเกินเยียวยาจริงๆ อุตส่าห์มีปัญญาเล่นคอมเล่นเน็ตได้ยังไม่วายเชื่อเรื่องบร้าๆอยู่อีก จากคุณ : ขอแจมด้วย (ธุลีดาว) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 13:20:09

ความคิดเห็นที่ 51 อย่าทะเลาะกันเลย เถียงกันไปมาก็ไม่จบสิ้น เป็นคนไทยเหมือนกัน รักกันไว้เถอะค่ะ แค่นี้ประเทศเราก็แย่มากแล้ว จบเรื่องคนอวดผีดีกว่ามั้ยคะ จากคุณ : Beautiful girl I will surrive เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 13:28:50

ความคิดเห็นที่ 52 เอาแบบนี้ดีกว่ามั๊ยครับ ถ้าเชื่อว่าผีไม่มีจริง อยากขอให้ทำการทดลองเพื่อพิสูจน์ว่า "ผีไม่มีจริง" ที่พิสูจน์ได้ ยังไม่ต้องทำจริงหรอกครับ แค่ลองตั้งสมมุติฐาน ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคุม เครื่องมือที่ใช้ วิธีการทดลอง ว่าเป็นอย่างไร คห 43 ตอน ป.3 เพื่อนคุณ อาจจะเห็นจริง หรืออาจจะแค่ กลัว ตาม ๆ กัน หรือคุณอาจจะไม่ได้สังเกตุเห็นในสิ่งที่คนอื่นเค้าเห็น ตอน ปวช. ตรงจุดที่คุณถ่ายรูป ผีอาจจะไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วก็ได้ (ทำไมถึงคิดว่าผี จะต้องอยู่ที่ ๆ เดียวล่ะ) คห 46 ผมว่าต้องแยกแยะนะครับ ผมก็ไม่ได้เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ผมก็เคยเห็นผี ได้ยิน ได้กลิ่นได้ สัมผัส (โดยที่ผมอาจะคิดไปเอง สมองอาจจะหลอกหลอน) แล้วคนที่เชื่อเรื่องพวกนี้ก็อาจไม่ใช่ การเชื่อโดยไม่ต้องไตร่ตรอง อาจจะได้ข้อมูลไม่ครบ ไม่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ ถูกหลอก ฯลฯ สำหรับผม ผมได้เจอได้สัมผัส ผมก็ไม่ได้กลัวหรืออะไร คิดว่า ต่างคนต่างอยู่มากกว่าไม่ค่อยมีผลอะไรในชีวิตประจำวัน อีกทั้ง ไม่ได้เจอบ่อย ๆ อะไรขนาดนั้นด้วย (ที่จริงควรใช้คำว่า มีประสบการณ์ในเรื่องผี ครั้งหลังสุดก็หลายปีมาแล้ว) จากคุณ : MaJinSKi เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 13:30:05

ความคิดเห็นที่ 53 #50 ที่เกินเยียวยาคุณต่างหากครับ เรื่องวิญญาณเรื่องผีเนี่ย นายกยังเชื่อครับ พระนับแสนก็เชื่อ คนไทยเป็นสิบล้านก็เชื่อ พระพุทธเจ้าก็สอน คุณเป็นคนส่วนน้อยครับ ไม่รู้ว่าเป็นส่วนน้อยที่ฉลาดหรือโง่นะ จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 13:45:06

ความคิดเห็นที่ 54 ห้องวิทยาศาสตร์ ไม่ควรด่ากันด้วยอารมณ์นะครับ ควรจะถกเถียงกันด้วยเหตุผลมากกว่านะ จากคุณ : MaJinSKi เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 13:51:43

ความคิดเห็นที่ 55 เชื่อหรือไม่เชื่อไม่ว่ากันครับ แต่คนที่ฟันธงว่าไม่มีโปรดเอาหลักฐานและการทดลองที่น่าเชื่อถือมาแสดงด้วย อย่ามาสรุปเอาเอง ผมเองก็ไม่ใช่คนที่เชื่ออะไรง่ายๆ แต่การสรุปฟันธงพูดจาอย่างมั่นใจว่าไม่มีจริงเนี้ยขอเถอะ มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์ มันก็แค่ความเชื่อแต่เอาวิทยาศาสตร์มากล่าวอ้าง จากคุณ : ไม่มีน้องสาว เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:00:40

ความคิดเห็นที่ 56 โอววความเห็น 50 จะฉลาดเกินไปแล้ว เรื่องผีเป็นเรื่องบร้าๆไม่มีจริง ที่เห็นนั้นล้วนคิดไปเอง พระพุทธองค์ที่บอกว่าตายแล้วต้องเกิดอีก อะไรนี่ล้วนเชื่อไม่ได้ คุณนี่น่าจะได้รางวัลโนเบลสาขาเกินเยียวยานะครับห้าๆๆๆๆ จากคุณ : max25003 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:04:24

ความคิดเห็นที่ 57 #53 เดี๋ยวอีก 15 นาทีเจอกันครับ เท่าที่เคยเรียนวิชาเกี่ยวกับศาสนา ผมไม่เคยเจอบทเรียนที่สอนให้เชื่อเรื่องผีเลยนะครับ ตู่เอาเองเปล่า... งั้นขอหลักฐานที่คุณบอกว่าพระพุทธเจ้าสอนให้เชื่อเรื่องผีหน่อยครับ ว่าอยู่ในพระไตรปิฎกบทไหน จากคุณ : teedev เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:04:28

ความคิดเห็นที่ 58 ผีนั้นคือภาษาไทยครับภาษาพระเรียกเปรต อมนุษย์ สัมภเวสี จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:07:32

ความคิดเห็นที่ 59 ยืนกันคนละขั้วโลก ไม่คิดจะปรับจูนเข้าหากัน ต่างคนก็ต่างเชื่อในสิ่งที่คิดว่าถูก ชาตินี้ไม่มีทางคุยกันรู้เรื่องหรอกครับ ผีมีจริงมั้ย คงเป็นเรื่องที่ตอบยากครับ เพราะการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันยังตอบได้ไม่แน่ชัด ไม่ใช่พิสูจน์ไม่ได้ แต่ ณ เวลานี้ ยังไม่มีเทคโนโลยีมาช่วยในการพิสูจน์ครับ ส่วนเรื่องโรคโคลิค  จริงๆมันพิสูจน์ได้นะ ถ้าบอกว่าร้องทุกวันพระ วันพระหนหน้าลองพาไปนอนที่อื่นสิ ว่าจะร้องอีกมั้ย เปลี่ยนห้องนอน ต่างๆนาๆ น่าจะพอได้คำตอบอยู่บ้าง ผมก็ไม่เคยเห็นผีนะ และก็ไม่คิดอยากจะเห็น แต่ถ้ามีใครซักคนเดินมาถามผมว่า "ผีมีจริงมั้ย" ด้วยข้อมูลที่ผมมี ผมตอบได้แค่เพียงว่า "ผมไม่รู้ครับ" เท่านั้นจริงๆ.... จากคุณ : panda_bs เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:07:48

ความคิดเห็นที่ 60 "ผีให้หวยแล้วไม่ถูก อย่างนั้นผีไม่มีจริง" นั่นคือที่มาของคำว่า "ผีหลอก !" ครับ จากคุณ : ยัยสมทรง` เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:12:35

ความคิดเห็นที่ 61 พูดถึงเรื่องธูปน่าจะเป็นไปได้นะครับ ถ้าร้องทุกวันพระ คิดว่านี้อาจเป็นสาเหตุก็ได้ เพราะเด็กที่อายุยังน้อยยังไม่มีภูมิคุ้มกันมากและยังไม่คุ้นกับกลิ่นเเปลกปลอมพวกนี้ เราอาจจะไม่ได้กลิ่นมันหรือไม่รู้สึกรำคาญแต่ตัวเด็กเองคงไม่เหมือนเราแน่นอน จากคุณ : หลบเวลา เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:14:45

ความคิดเห็นที่ 62 ตรรกะวิบัติได้แก่ Fallacy of accident - ละทิ้งข้อยกเว้น Fallacy of relative to absolute - เหมารวม Fallacy of begging question- เอาคำถามเป็นคำตอบ Fallacy of false cause (post hoc ergo propter hoc) - เพราะว่าสิ่งนี้เกิด…สิ่งนั้นจึงบังเกิด False dilemma – ทางเลือกลวง Irrelevant conclusion (ignoratio elenchi) – สรุปมั่วซั่ว Slippery slope – ทางลาดชันสู่หุบเหวหายนะ Fallacy of questionable analogy – การเปรียบเทียบอย่างไม่เหมาะสม Double standard – สองมาตรฐาน Argumentum ad Misericordiam – อ้างความน่าเห็นใจ Intentional fallacy – อ้างเจตนา Argumentum ad Ignorantiam – การอ้างความไม่รู้ Argumentum ad Baculum – ใช้อำนาจเข้าข่ม Argumentum ad Populum – อ้างคนหมู่มาก Fallacy of accent (Quoting out from context) – ตัดข้อความเพียงส่วนหนึ่งมาอภิปราย Argumentum ad Hominem – โจมตีบุคคล Argumentum ad Hominem Tu Quoque – แกก็เหมือนกัน ดังนั้นฉันไม่ผิด Strawman fallacy – หุ่นไล่กา เอามาจากกระทู้ท่าน Cryptomnesia http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/06/X7930761/X7930761.html ในกระทู้นี้ผมเห็นหลายข้อเลยล่ะ จากคุณ : meangu เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:15:01

ความคิดเห็นที่ 63 #53 พระพุทธเจ้าสอนตอนไหนว่าให้เชื่อเรื่องผีครับ ขอหลักฐานด้วยครับ มันมีอยู่บทไหนของพระไตรปิฎกหรือเปล่า ถ้าคุณให้หลักฐานไม่ได้ ถ้าคุณหลีกเลี่ยง บ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามนี้หรือไม่อาจที่จะหาหลักฐานมาให้ดูได้ แสดงว่าคุณเป็นคนโกหกหลอกลวง เพราะฉะนั้น ทั้งหมดที่คุณกล่าวมาคงเชื่อไม่ได้ จากคุณ : Pikaboy เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:22:00

ความคิดเห็นที่ 64 # max25003 # imanust_261204 ขอตอบรวมให้พร้อมกันละกัน พระพุทธองค์ทรงสอนให้ใช้ปัญญา ก็ขอให้รบกวนใช้หน่อยละกัน ส่วนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดนั้น อยากจะรู้เหมือนกันว่าท่านทรงสอนจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่ส่วนต่อเติมที่คนมาเขียนกันในยุคหลัง เพราะสิ่งมีชีวิตก็คือก้อนโปรตีนที่มีมีปฏิกริยาเคมีต่อเนื่อง ถ้าปฏิกริยาหยุดก็เป็นแค่เศษเนื้อ ส่วนเรื่องการพิสูจน์นั้นผมก็เห็นการทดลองทางวิทย์เค้าทำกันมาเยอะแยะแล้ว แต่พวกคุณไม่สนใจกันเอง เดี๋ยวไว้มีเวลาจะไปหาอ้างอิงมาให้ ส่วนไอ้การทดลองแบบลองของนั้นผมก็เคยทำด้วยตัวเองมาแล้ว เข้าป่าออกปากด่าท้าให้ออกมาก็ไม่เคยออกมา เอาหัวกะโหลกมาเล่น (ยืมมาจากเพื่อนที่เรียนหมอสมัยนั้น) ตั้งเล่นอยู๋ในห้องเป็นเดือนๆ แถมยังเอามาเขี่ยวบุหรี่อีก ก็ไม่ยักกะโผล่ออกมาหลอก จากคุณ : ขอแจมด้วย (ธุลีดาว) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:22:27

ความคิดเห็นที่ 65 "พระพุทธองค์ทรงสอนให้ใช้ปัญญา" แล้ว "ยังไม่วายเชื่อเรื่องบร้าๆอยู่อีก" นี่ใช้ปัญญาส่วนไหนหรือครับ จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:26:24

ความคิดเห็นที่ 66 #52 ต้องขอโทษจริงๆ ครับ ไม่ได้คิดจะลบหลู่คนที่เชื่อ หรือคนที่เคยเห็นจริงๆ ที่ยกตัวอย่างพยายามให้เห็นว่าอันตรายของการเชื่อโดยข้อมูลไม่พอ หรือเชื่อง่ายๆ นั้นเป็นยังไง ก็เท่านั้นเอง (อีกส่วนก็คือตอบกระทู้ที่พยายามให้เชื่อไว้ก่อน ทั้งๆ ที่ข้อมูลปัจจุบันมันยังไม่พอ) พวกมิจฉาชีพเค้าชอบนะครับ คนที่เชื่ออะไรง่ายๆ จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:26:59

ความคิดเห็นที่ 67 อันที่จริง อย่าคิดว่าเป็นการทะเลาะกันดีกว่า ถือว่าเป็นการโต้วาทีแบบหนึ่ง บังเอิญเห็นบางคห.มันแปลกๆ เลยอดไม่ได้ที่ต้องแย้ง เช่น นายกยังเชื่อ -> ผมต้องเชื่อ? พระนับแสนยังเชื่อ -> ผมต้องเชื่อ? จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:33:16

ความคิดเห็นที่ 68 คห.57 ถูกต้องแล้วครับ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้เชื่อเรื่องผี และสอนว่าคนเราเมื่อตายแล้วจะไปเกิดใหม่ทันที ในภพภูมิที่จิตสุดท้ายก่อนตายของเราของเราไปอยู่ ถ้าจิตสุดท้ายของเราเป็นอกุศลก็จะไปอบายภูมิ ซึ่งอบายภูมิคือ เปรต-อสุรกาย-สัตว์นรก โดยเปรต-อสุรกาย น่าจะเป็นผีที่เชื่อกันในสมัยนี้ และที่พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้เชื่อเรื่องผี ก็เพราะคนที่เชื่อผีสางเทวดาสมัยนั้นมีการกราบไหว้นับถือผีสางเทวดาฟ้าดิน ซึ่งเป็นอวิชชา ไม่ใช่ทางหลุดพ้นครับ ดังนั้นเชื่อผีในสมันนั้นกับตอนนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง การที่คุณบอกว่า พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้เชื่อเรื่องผี แปลว่าไม่มีผี ไม่สามารถเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ เพราะในเรื่อง 31 ภพภูมิมี ภพภูมิที่จัดว่าเป็นผีอยู่ แต่ทางศาสนาพุทธไม่เรียกว่าผีครับเป็น เปรต-อสุรกาย จากคุณ : ไม่มีน้องสาว เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:34:00

ความคิดเห็นที่ 69 แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 14:37:39 จากคุณ : earth world เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:36:11

ความคิดเห็นที่ 70 67 ผมไม่ได้บอกให้เชื่อ แต่แนะว่าก่อนจะปฏิเสธอะไรแบบสิ้นเชิง ควรดูรอบข้างมั่ง ไม่ใช่ว่าคุณต้องเชื่อนะ อย่าไปท้าพิสูจน์เดี๋ยวมันจะไม่เจอ แนะนำเลยเรื่องไปบ้านร้างบ้านเฮี้ยน ไม่เกินสิบบ้านแล้วบอกไม่เจอ ผมจะปล่อยไปเลยไปเซ้าซี้ ไว้ตายแล้วให้ไปรู้เองเห็นเอง จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:42:04

ความคิดเห็นที่ 71 .. แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 14:43:16 จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:42:35

ความคิดเห็นที่ 72 ... แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 14:43:26 จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:42:47

ความคิดเห็นที่ 73 #65  นั่นมันหมายถึงคุณใช่เปล่าครับ ผมว่าใช่นะ :) จากคุณ : teedev เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:46:22

ความคิดเห็นที่ 74 #ธุลีดาว ปัญญาที่พระพุทธเจ้ากล่าวถึงคือปัญญาทางธรรมที่เกิดจากการเจริญสติภาวนาครับ ไม่ใช่ปัญญาที่คุณคิดเอาเอง จะยกตัวอย่างขอให้เข้าใจจริงๆหน่อยครับไม่ใช่ยกมาไปเรื่อย จากคุณ : ไม่มีน้องสาว เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:46:39

ความคิดเห็นที่ 75 #65  นั่นมันหมายถึงคุณใช่เปล่าครับ ผมว่าใช่นะ :) จากคุณ : teedev เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:46:47

ความคิดเห็นที่ 76 75 ผมว่าคุณมากกว่านะครับ จากที่ดูตอบมานะ เช่น ผมฉี่แล้วไข่ไม่บวม แปลว่าผีไม่มีจริง คือสรุปง่ายไปไม่ได้ปัญญา จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:50:22

ความคิดเห็นที่ 77 ลุ่มหลงไสยศาสตร์ = พร้อมที่จะเชื่อโดยไม่พิสูจน์ ทดลอง ลุ่มหลงวิทยาศาสตร์ = พร้อมที่จะไม่เชื่อ โดยไม่พิสูจน์ ทดลอง จากคุณ : Varalbastra เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 15:17:25

ความคิดเห็นที่ 78 สงสัยจะถึงร้อย จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 15:19:42

ความคิดเห็นที่ 79 จบได้แล้วมั๊งครับ ? เถียงแบบนี้มันไม่ใช่วิทยาศาตร์เลย แล้วก็ไม่ได้ใช้อ้างอิง วิทยาศาตร์ใด ๆ เรื่องผี นี่ผมว่า เรายังรู้จักมันน้อยมาก ๆ เราไม่รู้ว่ามันเป็นปฏิกริยาที่เกิดจากภายในสมองเราเอง สภาวะสะกดจิตหมู่ อุปทานไปเอง ฯลฯ มันเพราะผมว่ามันก็เป็นแค่สมมุติฐาน ยังไม่มีการพิสูจน์ เป็นการอ้างอิง ที่มีความน่าเชื่อถือมาก ๆ (แต่มันก็ยังตอบประสบการณ์ที่ผมเคยเจอไม่ได้) มีก็มี ไม่มีก็ไม่มี มันไม่มีผลอะไรกับการใช้ชีวิตเลย จากคุณ : MaJinSKi เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 15:25:28

ความคิดเห็นที่ 80 ...รายการนี้ปัญญาอ่อนที่สุด ตั้งแต่มีรายการพวกผีผีมาเลย... จากคุณ : เจ็บเพื่อเข้าใจ เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 15:40:36

ความคิดเห็นที่ 81 เด็กร้องโคลิคเพราะว่าเค้ารู้สึกไม่เหมือนอยู่ในท้องแม่ค่ะ   เราพิสูจน์มาแล้วพอเค้าร้อง เราก็ห่อตัวเค้าแน่น ๆ เอาเค้าไปอยู่ในห้องเงียบ ๆ เปิดไฟสลัว ๆ โยกตัวนิดหน่อยเค้าก็หลับ   แต่เรื่องวันพระเนี่ยเคยเจอครั้งนึง  แต่ตอนนั้นยังไม่พบวิธีการห่อตัวแน่น ๆ แล้วเอาเข้าห้อง คนแถวบ้านบอกให้ไหว้พระ พอไหว้ก็ไหว้เค้าก็หาย  ไม่มีอะไรให้ชวนสงสัย เกี่ยวกับ อาการโคลิคของเด็กเลยค่ะ  ว่าจะเป็นเพราะว่าไสยศาสตร์ หรือ วิทยาศาสตร์ เชื่อมันทั้ง สองอย่างนั้นแหละ  ไม่ต้องเถึยงกันเน้อ  ใจร่ม ๆ นะคะ แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 15:53:00 จากคุณ : เจ้อ้วนเองจ้า เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 15:52:22

ความคิดเห็นที่ 82 โคลิคผมไปไกลถึงเพียงนี้ ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ขอบคุณทุกท่านครับ ที่เข้ามาเสนอเข้ามาเเสดงความคิดเห็นกันนะครับ :) สำหรับผมสิ่งสำคัญคือไม่เอาความเชื่อที่ตัวเองมีไปข่มเหงคนอื่นไปบังคับให้คนอื่นต้องเชื่อ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 15:57:16 แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 15:54:44 จากคุณ : หลบเวลา เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 15:54:15

ความคิดเห็นที่ 83 #76 ที่ผมบอกไม่เชื่อ เพราะเรื่องผมไม่เจอผีครับ ไม่ใช่เรื่องไข่บวม ติดใจอะไรเกี่ยวกับไข่หรือครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : teedev เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 16:04:09

ความคิดเห็นที่ 84 @คห.80  ปัญญาอ่อนยังไง สนุกออก เราชอบดู ตื่นเต้นดี เรื่องผีบางทีมันก็ไม่มีเหตุผลที่จะอธิบาย ของแบบนี้ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก เราเชื่อว่ามี ของแบบนี้พิสูจน์ไม่ได้ มันต้องสัมผัส จากคุณ : ซึนเดเรกโกะ เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 16:06:27

ความคิดเห็นที่ 85 ผีไม่มีจริงครับ คนที่บอกว่าเห็นที่ผี ผมว่า..... 1.เห็นหรือได้ยินอะไรก็ทึกทักว่าเป็นผี เพื่อมาสนับสนุนความเชื่อตัวเอง 2.ดัดจริตอยากมีเรื่องเล่าผี ก็เลยโกหก 3.บ้า จากคุณ : pipek (yukraider) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 16:14:06

ความคิดเห็นที่ 86 งั้นกลับมาที่เรื่องโคลิคแล้วกัน ปกติจะวินิจฉัยโคลิคจะต้องแยกสาเหตุอื่นๆ ออกแล้ว เช่น ร้องเพราะหิว ผ้าอ้อมเปียก ไม่สบายตัว เจ็บตรงไหนสักแห่ง เวลาเด็กร้อง จึงต้องพยายามหาสาเหตุก่อน (เด็กบางคนใส่ถุงมือ แล้วด้ายในถุงมือรัดนิ้วก็ทำให้เจ็บได้) ดังนั้นถ้าเด็กมีโรคอะไรบ้างอย่างที่ทำให้เจ็บปวด ทุกข์ทรมานอยู่ แล้วบังเอิญเป็นวันพระ แทนที่พ่อแม่จะพยายามหาสาเหตุ หรือพาไปตรวจ มัวแต่จุดธูป ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตราย เหมือนกรณีน้ำดื่มรักษาโรคที่เคยมีคนถาม ผมก็แนะนำว่า ถ้ายังไปตรวจรักษาตามนัดก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามัวแต่ดื่มน้ำวิเศษแล้วไม่ไปตรวจตามนัดค่อนข้างอันตราย จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 16:33:23

ความคิดเห็นที่ 87 อาการโคลิคนี่คืออาการเจ็บแบบที่ไม่สามารถระบุที่ได้ใช่ไหมครับแต่อาจจะมีปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย ที่ผมคิดไว้ก็ที่เคยตอบไปก่อนหน้านั้นเเล้วคือ อาหาร อุณภูมิ สิ่งหรือสิ่งเเปลกปลอมที่หายใจเข้าไป ผ้าอ้อม(แต่บางคนว่าผ้าอ้อมก็ไม่มีอะไร)   น่าจะประมาณนี่นะแต่พ่อแม่เองไม่ทราบและหาสาเหตุไม่ได้บวกกับความเชื่อเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็น กลายเป็นว่าจุดธูปไหว้พระ .. กลิ่นหรือควันธูปจะไกลถ้าอยู่ในที่เปิด แล้วเเม่กับเด็กเองก็คงต้องนอนด้วยกัน เป็นไปได้ไหมว่าึคงจะนอนใกล้ๆห้องพระที่จุดธูปเอาไว้ รายการพวกนี้มักไม่ค่อยรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองนำเสนอ ... ผมว่าแย่มากๆ แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 16:51:20 จากคุณ : หลบเวลา เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 16:49:06

ความคิดเห็นที่ 88 #64 คิดว่าถ่อยแล้วเท่หรือครับ ร่างกายที่มีคนบริจาคมาเอามาเพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา เอามาเป็นที่เขี่ยบุหรี่เนี่ยนะ เหมาะสมกับคำตอบของคุณที่เห็นในกระทู้นี้จริงๆ  แล้วใครมันให้ยืมวะเนี่ยถ้ามีคนรู้เยอะๆ คงจะมีคนอยากบริจาคศพหลังจากเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกบานเลยทีนี้ จากคุณ : Zkizzik เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 17:03:46

ความคิดเห็นที่ 89 คนที่บอกว่าผีไม่มีจริง คุณเชื่อเรื่องเวรกรรม บาปบุญ ชาตินี้ ชาติหน้า เวียนว่ายตายเกิดหรือป่าว อยากรู้จัง? ^^ จากคุณ : ซึนเดเรกโกะ เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 17:05:52

ความคิดเห็นที่ 90 เชื่อเรื่องเวรกรรมกรรม ชาตินี้ชาติหน้าผมไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้าสอนไว้ ไม่เชื่อมั่นในประไตรปิดฎทั้งหมดครับ เชื่อในแนวทางอันควรปฎฏิบัติจากพระพุทธเจ้าเท่านั้น เวรกรรม คือ Reaction จาก action ของเราครับไม่ได้หมายความว่า เราทำสิ่งไดที่ไม่ดีไปแล้วแล้วสิ่งนั้นจะเกิดกับตัวหรอกนะครับ แต่เป็นเมื่อเราทำสิ่งใดแล้วจะก่อไห้เกิดผลกระทบขึ้นมาอาจในเมื่อ เมื่อเราขโมยของ เราก็ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่ดีอยู่แล้วนี่ครับ ผมเชื่อแบบนี้นะ พระพุทธเจ้าก็สอนไว้เป็นวิทยาศาสตร์ อยู่แล้วนะครับ จากคุณ : ดาวดำ เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 17:24:24 A:58.9.26.169 X: TicketID:305871

ความคิดเห็นที่ 91 #89 เรื่องชาตินี้ชาติหน้า ผมว่าติงต๊องครับ จากคุณ : pipek (yukraider) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 18:09:13

ความคิดเห็นที่ 92 ความคิดเห็นของผม ผมจะขอใช้หลักการของออคแคม Occam's Razor เลือก ผมเลือกทฤษฎีที่ง่ายกว่า คือเป็นเพียง Colic เท่านั้น (หรือภาพหลอนก็ตามที) มากกว่าที่จะเลือกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะผี หรือวิญญาณ เพราะผมมองว่าทางเลือกหลัง ซับซ้อนมากกว่า และไม่ได้ให้ความถูกต้องได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดแต่อย่างใด ผมไม่ได้บอกว่าผี หรือวิญญาณไม่มีจริงแต่อย่างใด แต่ผมบอกว่ามันน่าจะเป็นไปได้น้อยกว่าเท่านั้นเอง จากคุณ : meangu เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 18:49:38

ความคิดเห็นที่ 93 ก็อยากเชื่ออยู่หรอกนะ แต่... ก็เหตุผล กับหลักฐาน มันไม่ชี้ไปในทางนั้นเลย แล้วจะทำใจให้เชื่อได้ยังไง จากคุณ : -*- (Aukub) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 20:07:25

ความคิดเห็นที่ 95 ขอถามเพิ่มเติมสำหรับคนที่เชื่อเรื่องผีครับ ว่าทำไมผีแต่ละประเทศแต่ละวัฒนธรรมถึงไม่เหมือนกัน ผี ของคนที่นับถือ คริสต์ จะต่างกับพุทธหรือไม่ และสำหรับ พุทธนั้น ก็ยังแบ่งเป็นอีกหลายนิกาย ซึ่งแต่ละนิกายก็เห็นผีไม่ได้เป็นแบบเดียวกัน ดังนั้นจึงอยากทราบคำอธิบายดีๆสำหรับเรื่องนี้หน่อยครับ จากคุณ : ขอแจมด้วย (ธุลีดาว) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 20:47:34

ความคิดเห็นที่ 96 เสียดายที่พวกเราต่างจำตอนที่พวกเราเป็นเด็กทารกไม่ได้ คงจะได้เลิกเถียงกันว่าตอนนั้นเราร้องไห้กันทำไม ?! เห็นผีหรือเปล่า ?! จากคุณ : Pride เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 22:54:55

ความคิดเห็นที่ 97 สิ่งที่วิทยาศาสตร์พืสูจญ์ไม่ได้  หรือยังไม่ได้พิสูจญ์  หรือพิสูจญ์ไม่ได้เป็นผล .... เเสดงว่าสิ่งนั้นย่อมไม่มีอยู่จริง  ไม่ต้องเถียง จบ .... จากคุณ : คนหน้าตาดี ไม่อยากมีแฟน เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 00:04:09

ความคิดเห็นที่ 98 คห.97 ขอถามหน่อยใครสอนคุณ มีตำราไหนบอกหรือคุณคิดเอง จากคุณ : ไม่มีน้องสาว เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 01:05:53

ความคิดเห็นที่ 99 คห 94 อย่าเพิ่งลบนะครับ พรุ่งนี้ผมจะมาแตกประเด็น จากคุณ : MaJinSKi เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 01:11:53

ความคิดเห็นที่ 100 ยังไม่มีคนที่เชื่อเรื่องผีคนไหนพิสูจน์อะไรให้ผมเห็นเลยว่าผีมีจริง เอาแต่บอกว่าอย่าลบหลู่...อะไรก็ไม่ร้ ปล.เคยท้าด้วย...ก็ไม่เห็นมา - -" (100 เฟ้ย!!!!!!!!) แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 54 01:51:50 จากคุณ : ปลาวาฬภูเขา เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 01:51:23

ความคิดเห็นที่ 101 นั่งดูชาวพุทธตีกันนี่มันสนุกดีแฮะอ้างคำสอนกันแต่ไม่เห็นเอาส่วนของคำสอนนั้น ๆ มาแสดงให้ดู แล้วตรรกะวิบัตินี่ขอทีเหอะกระทู้นี้มาให้พรึ่บเลย เพลา ๆ fallacy กันบ้างก็ได้ ปล.แต่ผมข้องใจนะของที่มันไม่มีจะเอาอะไรมาพิสูจน์ให้มันรู้ว่าไม่มีฟระ กลับกันพวกที่คิดว่ามีเอาสิ่งที่ตนเองบอกว่ามีมแสดงให้เห็นว่ามีจะง่ายกว่าไหม หรือทำไม่ได้อีก ? ปล. 2 อ้อ ผมยังไม่ลืมนะ คนที่บอกว่าพวกนักวิชาการฝรั่งบอกยอมรับว่ามีผีน่ะ ผมยังไม่เห็นหลักฐานงานวิจัย หรือเปเปอร์เลยนะ อย่าเบี่ยงประเด็น หรือแกล้งลืมล่ะ จากคุณ : หมูคุงMk.II เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 05:42:16

ความคิดเห็นที่ 102 "ของที่มันไม่มีจะเอาอะไรมาพิสูจน์ให้มันรู้ว่าไม่มี" นี่แหละครับตรรกะวิบัติที่สุด จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 07:06:54

ความคิดเห็นที่ 103 ที่จริงเรื่องนี้มันง่ายมากๆเด็กประถมก็ยังรู้ เหมือนคนในโรงเรียนพากันบอกว่า เจอศรรามมา อีกคนก็บอกว่าโกหกเปล่า ตาฝาดเปล่า สร้างเรื่องเปล่า นั่นแหละสิ่งที่เป็นกันในกระทู้นี้ มันเป็นเรื่องคอมมอนมากๆ เห็นมันก็คือเห็นแหละ นี่ก็บอกจิตหลอน คิดไปเอง เชื่ออย่างนั้นจริงๆเหรอครับ ว่าจะมีคนทีเห็นภาพหลอน แล้วเชื่อภาพนั้นจริงๆว่าเป็นจริง แล้วมายังสามารถพิมพ์เล่าในกระทู้ได้ กันเป็นร้อยคน ยังคงมีสติอยู่ ผมว่ามันน่าอนาถนะครับ ที่มาต้องพิสูจน์ว่า ที่คนในโรงเรียน พากันบอกว่าเจอศรรามกันเป็นร้อยคนนั้น พวกนั้นไม่ได้โกหก ไม่ได้ตาฝาด มันน่าอนาถนะครับ ที่ต้องพิสูจน์ว่า เหตุการณ์ 11 กันยา ไม่ใช่เรื่องเมคขึ้นมา มีการใช้ CG รึเปล่า มันน่าอนาถนะครับ ที่ผมเอารู้ปถ่ายตอนไปเที่ยวมา แล้วเพื่อนถามว่า นี่ตัดต่อหรือเปล่า มันน่าอนาถนะครับ ที่ต้องพิสูจน์ว่าพระนเรศวรมีจริงหรือเปล่า มันน่าอนาถนะครับ ที่บางกลุ่มเค้าเชื่อจริงๆว่า คนที่เห็นผีพร้อมกันหลายๆคน พวกนั้นจิตหลอน ถูกสะกดจิตหมู่ ผมว่ามันเข้าขั้นจริงๆ ถึงจะเชื่ออะไรอย่างนั้นได้ แล้วมาหลงตัวเองว่าฉลาด สรุปว่าเกินเยียวยานั่นแหละ จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 07:24:56

ความคิดเห็นที่ 104 ผมว่าเค้าเก่งนะครับ คนแรกบอกเห็นผีจะจะชัดๆ นี่ก็บอกว่าจิตหลอน ตาฝาด คนที่สองเจอนี่ก็บอก จิตหลอน ตาฝาด คนที่ร้อยเจอกันเป็นหมู่คณะ นี่ก็บอก จิตหลอน ตาฝาด ยังคงรักษาความเชื่อตัวเองได้อย่างเหนียวแน่น ผมว่าเค้าเก่งจริงๆนะ เป็นผมคงยอมเชื่อไปนานแล้ว ห้าๆๆๆๆๆ จากคุณ : Alcohol 0% เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 07:47:48

ความคิดเห็นที่ 105 ว่าจะเจิมที่ 100 พลาดซะได้ เถียงกันต่อนะครับ เผื่อจะได้คห.ที่ 200 จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 08:29:50

ความคิดเห็นที่ 106 ในกระทู้ผมเจอคนบ้า ego สูง อยู่คนนึง จากคุณ : toy1152 เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 08:32:15

ความคิดเห็นที่ 107 #63 ผมไปหาข้อมูลจากห้องศาสนามาตอบแล้วนะ ผมไม่หนีหรอก แต่รู้คร่าวๆว่าพระพุทธองค์ไม่ได้สอน ผีตามที่ผมนิยาม คือคนที่ตายแล้ว เหลือเป็นวิญญาณที่ยังอยู่ในโลก แบบเดียวกับที่ คุณ imanust_* พูดถึง ไอ้พวกที่ว่ากันว่าอยู่ตามบ้านร้าง หลอกคนแลบลิ้นปลิ้นตา ฯลฯ แต่ตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่าคนที่ตายจะไปเกิดไปภพภูมิอื่นตามกรรมที่ทำไว้ นั่นคือสวรรค์หรือนรกนั่นเอง ส่วนผีที่พระองค์สอนที่บอกว่ามีคือ พวกเปรต อสุรกาย แค่นี้ล่ะครับ จากคุณ : ข้าวเช้ายังไม่ได้กิน (teedev) เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 09:51:02

ความคิดเห็นที่ 108 #102 ครับแล้วต้องทำยังไงถึงจะรู้ว่ามันไม่มีล่ะครับ ช่วยอธิบายให้คนความรู้น้อยอย่างผมได้เข้าใจทีเถอะ ลืมประโยคของผมข้อที่ว่า"สิ่งที่ตนเองบอกว่ามีมาแสดงให้เห็นว่ามีจะง่ายกว่าไหม" ไปรึเปล่า แบบนี้มันง่ายกว่าบอกว่าไม่มีอีกนะ จากคุณ : หมูคุงMk.II เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 10:09:35

ความคิดเห็นที่ 109 นศ แพทย์ เล่นนกเขาอาจารย์ใหญ่ !?!?!? จากคุณ : MaJinSKi เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 11:43:04

ความคิดเห็นที่ 110 #108 การพิสูจน์ว่าไม่มีมันก็ยากพอ ๆ กับการพิสูจน์ว่ามีนั่นแหละครับ วิธีการเดียวกันกระบวนการเดียวกัน แต่สมมุติฐานต่างกัน เพียงแต่ผมขอให้พิสูจน์ว่าไม่มี เพราะมันง่ายต่อการชี้แจงให้เห็นภาพมากกว่า เพราะความไม่รู้ของตัวเราทำให้เราไม่สามารถตั้งคำถามหรือออกแบบการทดลองได้ ลองคิดดูสิครับ ถ้าผีมีจริง ? ผีจะอยู่ในรูปแบบใด เป็นสสาร เป็นพลังงาน เป็น ฯลฯ มีมวลมั๊ย ? เคลื่อนไหวได้มั๊ย ? การเคลื่อนไหว วิธีการเคลื่อนไหว เหมือนกับที่มนุษย์ใช้มั๊ย? ส่วนใหญ่ที่ทุกคนรู้จักผี ก็มาจากคำบอกเล่าต่อ ๆ ต่าง ๆ การถ่ายทอดมาอีกต่อหนึ่ง ซึ่งมันเป็นความเข้าใจของคน ๆ นั้น เช่นรายการต่าง ๆ เชื่อว่าผีเป็นพลังงาน เป็น ฯลฯ เขาก็ทดลองด้วยเครื่องมือตามแบบที่เขาคิดว่าจะพิสูจน์ได้ ซึ่งก็เหมือนคนตาบอด (เหมือนเราเอา ไฮกรอมิเตอร์ เป็นเครื่องมือควบคุมในการวัดอุณหภูมิ ) จากคุณ : MaJinSKi เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 11:57:20

ความคิดเห็นที่ 111 ดวงจันทร์มีผลอะไรกับเด็กหรือเปล่า เด็กทารกจึงชอบร้องไห้ตอนวันพระ จากคุณ : false เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 12:18:54

ความคิดเห็นที่ 112 #103 ถ้าเรื่องศรราม(ทำไมต้องศรรามด้วยนะ)หล่ะก็ แสดงว่าคนพูดอะไรมาก็ต้องเชื่อ มันอนาถที่จะไม่เชื่อคนอื่นหรอครับ เรื่องศรรามนี่ทำให้ผมนึกถึงว่า คุณเชื่อไหมว่า "อพอลโล13 ไปถึงดวงจันทร์จริงๆ" จากคุณ : psyche odd เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 12:59:33

ความคิดเห็นที่ 113 สิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นจะไม่มีอยู่ แต่แค่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ตราบใดที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่า ไม่มี ก็ไม่แปลกถ้าเราจะเชื่อว่าผีมีจริง คนที่เชื่อก็ไม่ได้แปลว่าบ้า หรือ ติงต๊อง สำหรับเรา ผี ก็คล้ายๆกับ UFO อ่ะ มีจริงหรือป่าวก็ไม่รู้ แต่เชื่อว่ามี ถ้าเราเชื่อว่าผีมีจริงแล้วแปลว่าเราบ้า งั้น บ้านเราหรือคนอื่นๆ ก็คงบ้า ที่ยังไหว้เจ้าทุกตรุษจีน ที่ยังทำบุญ ถวายสังฆทาน เพราะเชื่อว่าจะอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไปแล้วได้ ที่ยังกรวดน้ำทุกครั้งหลังจากทำบุญหรือสวดมนต์เพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ถ้าผีไม่มีจริง ทำไมถึงต้องมี บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ ทั้งหมดก็แค่ ความเห็นส่วนตัวค่ะ จากคุณ : ซึนเดเรกโกะ เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 13:41:11

ความคิดเห็นที่ 114 เฮ้ ทำไมลบ คห 94 ที่ผมอธิบายเรื่องที่ผมทำถูกลบอ่ะ อย่าบอกนะว่าเรื่องเล่นนกเขา ส่วน 109 ที่แตกประเด็นไปก็ถูกลบซะและ สงสัยเรื่องนกเขาเป็นเรื่องต้องห้าม จากคุณ : ขอแจมด้วย (ธุลีดาว) เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 14:56:31

ความคิดเห็นที่ 115 หึหึ คงกลัวมีปัญหา กับเรื่องจรรยาบรรณ ของแพทย์ ๆ หรือเปล่า ? ตัดบางคำที่ดูแรงไปนิดส์ แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 54 16:29:04 จากคุณ : MaJinSKi เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 16:28:22

ความคิดเห็นที่ 116 พิสูจน์ว่า ไม่มี เนี่ยนะเห็นภาพง่ายกว่า ก็ถ้ามันมีตามที่อัางเอามาให้ห็นเลยมันจะเห็นได้ง่ายกว่าอีกไม่ใช่เหรอครับ หรือผมเข้าใจอะไรผิด ปล.ถามนิดนึง ถ้าไม่เห็นแล้วห้ามตีความว่ามันไม่มีนี่ใกล้เคียงกับความเชื่อแบบงมงายเลยนะ -_-" ผมถึงว่ายังมีบางคนเชื่อโหร เชื่อหมอดูยิ่งกว่ากรมอุตุ ฯ หรือนักธรณีวิทยาซะอีก จากคุณ : หมูคุงMk.II เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 16:38:03

ความคิดเห็นที่ 117 มาม่าล้นตลาด จากคุณ : Tysonlovers เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 17:22:51