ความคิดเห็นที่ 1 - ปลูก - โต - เก็บเกี่ยวผลผลิต - แปรรูป - จำหน่ายและส่งออก   - โดนกักตุนโดยผู้มีอิทธิพล - คนในแวดวงวงการเมืองเข้าไปมีผลประโยชน์ - น้ำมันขาดตลาด - ชาวบ้านเดือดร้อน - รัฐบาลเร่งมาแก้ไข - นักการเมืองทะเลาะกันออกสื่อ - ชาวบ้านมีน้ำมันใช้ - เริ่มวงจรอุบาทว์อีกรอบ - ประเทศชาติล่มจม - จบข่าว -_-* (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 10:51:11

ความคิดเห็นที่ 2 คร่าวๆนะครับ จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 11:06:53

ความคิดเห็นที่ 3 1.โรงหีบน้ำมันปาล์มส่วนใหญ่ก็จะอยู่ใกล้ๆสวนปาล์มครับ  เนื่องจากทะลายปาล์มที่เก็บจากต้น จะต้องรีบหีบครับ ไม่งั้นทิ้งไว้นานๆ เอนไซม์ที่อยู่ในปาล์มจะย่อยกรดไขมัน ทำให้คุณภาพน้ำมัน ที่ได้จะตกลงเร็วมาก โดยผลผลิตที่ได้จากการหีบหลักๆก็คือ น้ำมันปาล์มดิบ (Crude Palm Oil: CPO) กับน้ำมันปาล์มเมล็ดในดิบ (Crude Palm Kernel Oil: CPKO) จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 11:11:14

ความคิดเห็นที่ 4 เหมือนกับผมคุ้นๆว่า น้ำมันที่ใช้ในอาหาร หรือนมข้นหวานคือ Palm Olien ส่วนผงซักฟอกจะเป็นน้ำมันปาล์มเมล็ดในดิบ ผมเข้าใจถูกไหมครับ และต้นทุนส่วนใหญ่ ในอุตสาหกรรมปาล์มอยู่ที่ไหนเหรอครับ แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 11:24:09 จากคุณ : Pongkm (Pongkm) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 11:19:19

ความคิดเห็นที่ 5 หลังจากได้น้ำมันปาล์มดิบแล้ว ก็จะส่งเข้าโรงกลั่นครับ เพื่อผลิตน้ำมันเพื่อบริโภคต่อไป ทำไมเราต้องกลั่น เนื่องจากน้ำมันปาล์มดิบ มีกรดไขมันอิสระ สิ่งแปลกปลอมเช่นยางไม้ และมีสีเข้มมาก อันเนื่องมาจากเบต้าแคโรทีนในตัวน้ำมันปาล์มเอง จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 11:22:50

ความคิดเห็นที่ 6 ขั้นตอนการขจัดยางไม้ จะใช้กรดเข้าไปในกระบวนการเพื่อขจัดสิ่งแปลกปลอมออกไปซะ จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการฟอกสี แต่การฟอกสีน้ำมันปาล์ม ไม่เหมือนการฟอกสีผ้านะครับ การฟอกสีน้ำมันปาล์ม จะใช้สารดูดซับพวก bleaching clay หรือ activated carbon สารดูดซับพวกนี้ จะมีรูพรุนมาก และจะเข้าไปจับเอาสารแขวนลอยออกจากน้ำมัน จากนั้นเราก็จะกรองเอาแต่น้ำมันใสๆออกมา ทิ้งสิ่งสกปรกไว้เบื้องหลัง น้ำมันที่ได้จากการฟอกสี จะมีสีสวยแล้ว แต่กลิ่นหืนยังไม่พึงประสงค์ จึงต้องมาจัดการอีก ด้วยการต้มน้ำมันให้มีอุณหภูมิสูงในสภาวะสูญญากาศ เพื่อแยกกรดไขมันอิสระออกไป น้ำมันปาล์มที่ได้ จะมีสี กลิ่น เหมาะจะนำไปประกอบอาหารได้แล้วครับ จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 11:33:24

ความคิดเห็นที่ 7 คุณเถ้าลอยนี่ตัวจริง แล้วที่ว่า เอาน้ำมันจากกระทรวงพลังงานมานี่คือน้ำมันส่วนนั้นมันอยู่ขั้นตอนไหนครับ จากคุณ : Lapetus เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 11:55:55

ความคิดเห็นที่ 8 น้ำมันปาล์มผ่านการกลั่น เหมาะในการนำไปประกอบอาหารแล้วก็จริง แต่ด้วยที่น้ำมันปาล์ม ค่อนข้างเป็นน้ำมันพืชที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันอิ่มตัวสูงจึงเป็นไขง่ายที่อุณหภูมิห้อง จนถึงขนาดน้ำมันพืชเจ้านึงออกโฆษณาสำทับว่าน้ำมันพืชจากถั่วเหลือง แช่ตู้เย็นแล้วไม่เป็นไข 555 ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวด จึงต้องทำการแยกไขออกก่อนบรรจุลงขวด ไม่งั้นน้ำมันเป็นไขคาshelf  กระทบถึงภาพลักษณ์แบรนด์ได้ กระบวนการแยกไข (Fractionation) โดยเต็มน้ำมันลงแทงค์ แล้วค่อยๆลดอุณหภูมิน้ำมันลง ทำให้น้ำมันปาล์มบางส่วน ฟอร์มตัวเป็นผลึกของแข็ง แล้วค่อยๆเลี้ยงผลึกให้โตขึ้นๆ พอเลี้ยงได้ที่ ก็ทำการกรองเอาไขออก ได้น้ำมันปาล์มใสๆที่เรียกว่า น้ำมันปาล์มโอเลอีน (Palm Olein: PL) พร้อมบรรจุลงขวด+ปี๊บต่อไป ส่วนไขที่ได้ เป็นน้ำมันปาล์มสเตียรีน (Palm Sterine: PS) เอาไปทำอะไรต่อ เดี๋ยวว่ากัน จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:14:50

ความคิดเห็นที่ 9 ปลูก >ใส่ปุ๋ย ใส่ยา >ขาย ลานปาล์ม>โรงงานรับซื้อ >กักตุน ผลิตออกน้อย รอโก่งราคา>รัฐบาลตกใจ สั่งอุดหนุน > ทยอยปล่อย ราคางาม จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 14:54:02

ความคิดเห็นที่ 10 มันติดตรงเอาของกินไปเติมรถนั่นแหละครับ ตอนนี้มันสำปะหลังปาเข้าไปตันละ 3400 บาท แต่ก่อนแกว่งอยู่ที่ 800-1800 บาท เพราะมีการเอาไปทำเอทานอลเติมรถยนต์รอซักพักพวกแป้งมันก็ขึ้นราคาตามรับรองอ่วมอีก พอมันขึ้นราคาก็ไปเอาอ้อยมาทำเอทานอลทีนี้น้ำตาลขึ้นราคาอีกรับรองยาววววววววววว เงินเฟ้อบาน จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 16:05:21

ความคิดเห็นที่ 11 มารอฟังคุณเถ้าลอย จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 18:34:32

ความคิดเห็นที่ 12 น้ำมันปาล์มสเตียรีน (Palm Sterine: PS) ที่ได้มาเอาไปใช้ได้หลายอย่างครับเช่น เอาไปใช้ทอด, ทำเนยเทียม, Shortening(เนยขาว) กระบวนการทำเนยเทียมกับเนยขาว จะใช้ไขมันหลายๆชนิดมาทำการผสมกันตามสูตร แต่กลิ่นและสี บรรจุกล่องเตรียมขายได้ครับ จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 22:47:58

ความคิดเห็นที่ 13 มาว่ากันต่อที่ตัวเมล็ดใน น้ำมันปาล์มเมล็ดในดิบ ก็ต้องเอามาผ่านกระบวนการกลั่นเหมือนกับน้ำมันปาล์มดิบ ผลผลิตน้ำมันปาล์มเมล็ดในส่วนนึง ใช้ผสมทำเนยเทียม อีกส่วนเอาไปผ่านกระบวนการ ไฮโดรจีเนชั่น โดยเป็นการเติมไฮโดรเจนลงไปในน้ำมัน เพื่อเพิ่มความอิ่มตัวให้น้ำมัน น้ำมันปาล์มเมล็ดในผ่านไฮโดรจิเนชั่น (Hydrogenate Palm Kernel Oil: HPKO) เป็นผลิตภัณฑ์ตั้งต้นในการผลิตครีมเทียมครับ ผสมกับกลูโคสไซรัป ฟรีสดรายเป็นผง จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 22:51:39

ความคิดเห็นที่ 14 การเก็บรักษาน้ำมันที่ผ่านการกลั่น มีหลายวิธี โดยหลักๆ จะเป็นการป้องกันการเกิดปฏิกิริยา กับอ็อกซิเจนกับน้ำมัน 1. เก็บในถังปิดที่เติมไนโตรเจน ไล่ O2 2.เติมสารกันหืน ซึ่งมีหลายตัวครับ กลุ่มที่ละลายในน้ำมัน BHA, BHT, TBHQ, Tocopherol(วิตามิน อี) กลุ่มที่ละลายในน้ำ Asscorbic acid(วิตามิน ซี) พวกที่มีปัญหาคือพวกที่ละลายในน้ำนี่ละ เพราะมันไม่ละลายในน้ำมัน เวลาผสมลงไปในน้ำมัน มันจะไม่ค่อยกระจายตัว ต้องฉีดให้เป็นละออกฝอยแขวนลอยไปในน้ำมัน จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 22:58:21

ความคิดเห็นที่ 15 น้ำมันพืชจะแปลกอยู่อย่าง โดยปกติน้ำมันยิ่งโซ่ของคาร์บอนยิ่งยาว จะมีแนวโน้มเป็นของแข็งมากกว่า แต่สำหรับน้ำมันพืช จะตรงกันข้ามเลย คือยิ่งโซ่ยาว จะยิ่งเป็นไขยาก จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 23:04:00

ความคิดเห็นที่ 16 น้ำมันมะพร้าวกับปาล์มเมล็ดใน จะมี C12 กับ C14 อยู่มาก น้ำมันปาล์ม จะเป็น C16, C18:1 น้ำมันถั่วเหลือง จะเป็น C18:1, C18:2 เพราะโซ่ยิ่งยาว น้ำมันพืชจะมีโอกาสไม่อิ่มตัวสูงขึ้น ทำให้เป็นไขยาก อย่างน้ำมันถั่วเหลือง โซ่ของกรดไขมันอิสระยางถึงคาร์บอน 18อะตอม และยังเป็นโซ่ที่มีพันธะคู่ 1-2ต่ำแหน่งอยู่มาก ทำให้น้ำมันถั่วเหลืองเป็นไขยากกว่าน้ำมันปาล์ม จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 23:09:50

ความคิดเห็นที่ 17 แต่คุณสมบัติของปาล์ม ที่มีพันธะคู่อยู่น้อยนี่แหละ ทำให้มันเหมาะกับการใช้ทอดเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากพันธะคู่ จะถูกเข้าทำปฏิกิริยาได้ง่ายเมื่อถูกความร้อน โดยการเสื่อมคุณภาพของน้ำมันหลักๆ จะมี3ส่วน 1.การเกิดอ็อกซิเดชั่น จากการทำปฏิกิริยากับ O2 2.การเกิดปฏิกิริยา hydrolysis จากการทำปฏิกิริยากับน้ำที่ติดมากับอาหารที่ใช้ทอด 3.การเกิดปฏิกิริยา polymerization โดยไขมันจะต่อกันเองเป็นสายยาวขึ้น ทีนี้น้ำมันปาล์มพันธะคู่น้อย มีที่ว่างให้ทำปฏิกิริยาไม่มากเท่าถั่วเหลือง เลยทนความร้อนได้ดี ดังนั้น ถ้าใช้ทอดจริงๆเป็นอุตสาหกรรม อย่างพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จะใช้ PO ในการทอด เนื่องจากทนร้อนกว่า แถมยังถูกกว่า PL อีกด้วย จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 23:15:21

ความคิดเห็นที่ 18 ได้ความรู้เยอะเลย จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 11:17:00

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณคุณเถ้าลอยมากค่ะ . จากคุณ : suttimon เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 23:38:22