ความคิดเห็นที่ 1   คืนวันที่ 26 กันยายน 1983 เขาไปเข้าเวรอยู่ที่ เซอร์ปูคอฟ 15 บังเกอร์ใกล้กรุงมอสโก ซึ่งเป็นศูนย์สำหรับการเตือนภัยสงครามนิวเคลียร์ในเบื้องต้น จู่ๆ หลังเที่ยงคืนเล็กน้อย ก็ปรากฏว่าระบบตรวจจับขีปนาวุธรุ่นใหม่เอี่ยมของสหภาพโซเวียตรายงานว่าพบ ขีปนาวุธข้ามทวีป 5 ลูกถูกยิงมาจากสหรัฐ โดยมารอบแรกก่อน 1 ลูก และรอบหลังอีก 4 ลูก เปตรอฟ ที่เป็นผู้บังคับบัญชาฐานในขณะนั้น มีเวลาแค่ 10 นาทีในการตัดสินใจรายงานไปยังผู้บังคับบัญชา ที่จะรายงานต่อไปยังผู้นำประเทศ เพราะขีปนาวุธจากสหรัฐใช้เวลาในการเดินทางแค่ไม่กี่สิบนาทีก็มาถึงโซเวียต หากเขารายงานช้า ก็จะส่งผลต่อระดับความมีประสิทธิภาพในการป้องกันประเทศ เปตรอฟ ต้องไตร่ตรองว่า การแจ้งเตือนของคอมพิวเตอร์ มีความถูกต้องหรือผิดพลาด เพราะในสถานการณ์ขณะนั้น ขณะที่สงครามเย็นกำลังระอุ หากเขารายงานไปยังผู้นำประเทศ ก็แน่นอนว่าผู้นำประเทศต้องกดปุ่มยิงนิวเคลียร์แน่นอน   เปตรอฟเล่าว่า “ เสียงไซเรนดังขึ้น ตัวหนังสือสีแดงที่หน้าแผงควบคุมกระพริบ เกิดความช็อคกันขึ้นมาทันที ทุกคนกระโดดจากเก้าอี้ และมองมาที่ผม ส่วนผมจะต้องทำอะไรนะหรือ ? ก็ต้องปฏิบัติไปตามระเบียบข้อบังคับที่เป็นคนเขียนขึ้นมาเอง “ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 54 02:01:47 จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 01:50:46

ความคิดเห็นที่ 2 แต่ หลังจากใช้ความคิดเพิ่มเติม ท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจเพิกเฉยต่อการเตือนภัย และระบุว่าเป็นความผิดพลาดของระบบคอมพิวเตอร์ โดยใช้เหตุผลที่ว่าถ้าสหรัฐหวังจะทำสงครามจริง ก็คงไม่ยิงมาแค่ 5 ลูก และคงยิงมาจากหลายฐาน หลัง เวลาผ่านไปหลายนาที เปตรอฟก็โล่งอก เพราะสหภาพโซเวียต ก็ยังคงอยู่ดีมีสุข การตัดสินใจของเขาถูกต้องแล้ว ปัญหาเรื่องนี้เกิดจากการทำงานที่ผิดพลาดของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งผลการสอบสวนในเวลาต่อมา ระบุว่าเกิดมาจากการระเบิดครั้งใหญ่บนดวงอาทิตย์ ที่ก็เกิดขึ้นเป็นประจำ แต่การระเบิดรุนแรงบางครั้งก็ทำให้ดาวเทียมทำงานผิดพลาดได้ เมื่อเรื่องนี้ถูกนำออกเปิดเผยในอีกหลายสิบปีต่อมา แต่ตอนแรกก็ยังไม่มีใครรู้รายละเอียด และสื่อตะวันตกก็รายงานเรื่องนี้กันไปต่างๆนาๆ เปตรอฟบอกว่า “ นักข่าวต่างชาติมากมายเล่ากันเป็นตุเป็นตะเรื่องเหตุการณ์ในวันนั้น ผมเคยอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่บอกว่า หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นจบลง นายทหารที่นั่งอยู่ที่หน้าแผงควบคุม ซัดว๊อดก้าไปครึ่งลิตร และสลบไป 28 ชั่วโมง ที่เซอร์ปูคอฟ เราไม่อนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล ส่วนเบียร์นั้นดื่มได้เป็นบางครั้ง และตัวผมก็นอนไม่หลับไปหลายวัน ในช่วงที่การสอบสวนเริ่มต้นขึ้น “ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 54 02:01:15 แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 54 02:00:56 จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 01:52:22

ความคิดเห็นที่ 3 การ ตัดสินใจของเปตรอฟตอนนั้น ต้องถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากอย่างที่สุด หากพิจารณาถึงสถานการณ์การเมืองที่กำลังร้อนแรงในตอนนั้น ช่วงเวลาดังกล่าวสหรัฐก็ใกล้ที่จะลงมือจัดสร้างขีปนาวุธ เปอร์ชิ่ง 2 ที่สามารถเข้าถล่มโซเวียตได้ในเวลา 12 นาที หากยิงจากเยอรมันตะวันตก ซึ่งไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น เรแกน ผู้นำสหรัฐ ก็เพิ่งเรียกโซเวียตว่าอาณาจักรปีศาจ จากการที่เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนโซเวียตเพิ่งยิงเครื่องบินโดยสารเกาหลีตก เพราะไปละเมิดน่านฟ้าโซเวียต ก่อนหน้านั้นสหรัฐก็เริ่มโครงการสตาร์วอร์ และนาโต้ก็เตรียมที่จะเริ่มการซ้อมรบครั้งใหญ่ ทำให้ฝ่ายผู้นำโซเวียตปักใจเชื่อว่าสหรัฐจะเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อน ถ้าได้รับการแจ้งว่าสหรัฐยิงขีปนาวุธเข้ามา ผู้นำโซเวียตก็คงจะเปิดฉากการตอบโต้อย่างแน่นอน และเมื่อนั้นมหาสงครามนิวเคลียร์ก็จะบังเกิดขึ้น จึงเป็นโชคดีของโลกที่มีคนอย่างเปตรอฟ ที่ได้ใช้การตัดสินใจอันเฉียบแหลมในสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดาแบบนั้น แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 54 02:02:29 จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 01:53:41

ความคิดเห็นที่ 4 ภายหลัง เหตุการณ์ครั้งนั้น โซเวียตได้จัดการแก้ไขระบบคอมพิวเตอร์เตือนภัยใหม่ ข้อมูลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ถูกเก็บเป็นความลับ และเพิ่งนำออกเปิดเผยในปี 1998 หลังจากที่อดีตเจ้านายของเขาเขียนหนังสือบันทึกความทรงจำ ที่ใจความตอนหนึ่งได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่ทางการรัสเซียเองเพิ่งยอมให้สื่อมวลชนในประเทศหยิบยกประเด็นนี้มาพูดถึงในปี 2004 แต่ก็ไม่ค่อยมีใครอยากจะพูดถึงมันมากนัก ผิดกับในฝั่งตะวันตก ซึ่งก็น่าจะมีเหตุผลมาจากการที่ปัญหามาจากฝ่ายโซเวียตเองทั้งหมด รวมถึงในประเด็นที่ว่า แม้โลกจะได้รับการช่วยเหลือ แต่ในขณะเดียวกัน เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องการละเมิดระเบียบข้อบังคับ ที่มีผลต่อการอยู่รอดของทั้งประเทศโดยนายทหารโซเวียตเอง      หลัง เหตุการณ์ครั้งนั้น ในช่วงที่ยังไม่มีใครรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เปตรอฟถูกทางการตำหนิอย่างรุนแรงต่อการละเมิดกฎระเบียบ และไม่เขียนเรื่องนี้ในรายงาน ซึ่งเปตรอฟ ก็ไม่ได้นึกแค้นเคืองเจ้านายโดยบอกว่า “ หากพวกเขาให้รางวัลผมสำหรับกรณีนี้ ใครบางคนก็คงจะต้องถูกลงโทษ และคนแรกๆในบัญชีก็คือวิศวกรที่สร้างระบบตรวจจับขีปนาวุธ คนที่อนุมัติงบหลายพันล้านรูเบิ้ลสำหรับโครงการนี้ “ จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 01:55:59

ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อทุกอย่างได้ข้อสรุป เปตรอฟก็ยังเป็นเปตรอฟคนเดิม เพราะเขาไม่ได้ถูกลงโทษหรือได้รับรางวัลจากการตัดสินใจของเขาในคืนวันนั้น ต่อมาเขาถูกย้ายไปทำงานในตำแหน่งที่มีความอ่อนไหวน้อยกว่าเดิม และตัดสินใจเกษียณราชการก่อนถึงอายุเกษียณ แต่ จริงๆแล้วเปตรอฟได้รางวัลจากการตัดสินใจครั้งนั้นของเขา โดยในปี 2004 The Association of the World Citizens ในซานฟรานซิสโก ได้มอบรางวัล World Citizen Award และเงินอีก 1,000 ดอลลาร์ให้เปตรอฟ ปี 2006 เขาได้รับการเชิดชูเกียรติในการประชุมสหประชาชาติ ที่สำนักงานใหญ่สหประชา ชาติที่นิวยอร์ก และ The Association of the World Citizens ได้มอบรางวัล special World Citizen Award อีกรางวัลสำหรับคุณงามความดีในการป้องกันไม่ให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ของเขา สหรัฐมีการทำภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับชีวิตของเขาด้วย โดยมีชื่อว่า The Man Who Saved the World ซึ่งการถ่ายทำแล้วเสร็จแล้ว รอเพียงการนำออกเผยแพร่ ที่มาข้อมูล:okanation นี่แหล่ะวีรบุรุษตัวจริง หากวันนั้นลุงแกตัดสินใจรายงานไปที่เครมลินโลกคงต้องเผชิญสงครามนิวเคลียร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และคงมีคนล้มตายหลายแสน หลายล้านคน แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 54 01:58:54 จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 01:58:38

ความคิดเห็นที่ 6 สุดยอด มนุษยชาติไม่ต้องเจอสงครามนิวเคลียร์ เพราะการตัดสินใจของคนๆเดียว ...แต่ทำไม รัฐบาลเขา ไม่ยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของโลก เพียงแค่ไม่อยากรับผิดที่ล้มเหลวในการจัดตั้งระบบนี้ เท่านั้นเนี้ยนะ เห็นแก่ตัวมาก จากคุณ : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 02:05:08

ความคิดเห็นที่ 7 ปาด จากคุณ : monasa เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 03:13:41

ความคิดเห็นที่ 8 น่ายกย่องนะครับ กับคนที่กล้าตัดสินใจ กล้าหาญเด็ดเดี่ยวแบบนั้น และเป็นห่วงว่าโลกจะเกิดภัยพิบัติ จากคุณ : นายสาระแน เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 05:54:53

ความคิดเห็นที่ 9 สงครามไม่ได้เกิดกันง่ายๆแบบนั้นหรอกค่ะ ขนาดเกาหลีเหนือจมเรือเกาหลีใต้ไปลำนึง ยิงปืนใหญ่ข้ามแดนมา คนตายไปหลายคน เกาหลีใต้ยังทำได้แค่ฮึ่มฮั่มๆเอง ยิ่งสงครามใหญ่ๆแบบนี้ ยิ่งต้องใช้การพิจารณากันหลายชั้น มหาอำนาจเหล่านี้ เขามีการควบคุม มีกระบวนการตัดสินใจที่เชื่อถือได้ ไม่มีใครบ้าจี้หรอกค่ะ แต่ต้องนับถืออีตาคนนี้ ที่ใจเย็นและใช้สติยั้งคิดก่อนลงมือทำอะไรไป จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 07:42:37

ความคิดเห็นที่ 10 ในทางทหารถือคำสั่งเหนือสิ่งอื่นใดครับ หัวหน้าสั่งให้คุณวิ่งไปหาลูกกระสุนคุณก็ต้องไป ถ้าไม่ไปก็ตายด้วยกระสุนจากหัวหน้า ถ้าวิ่งชาร์จข้าศึกโอกาสรอดยังมี (แม้ว่ามันจะน้อยๆๆๆๆๆมากกกกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ) จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 09:26:17

ความคิดเห็นที่ 11 โอ้ว ถ้าตานี่รายงานไปแล้วเกิดยิงนิวเคลียร์เข้าหากันนะ โลกไม่เหลือแหงๆ จากคุณ : jubchay เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 10:10:11

ความคิดเห็นที่ 12 จะว่างั้นก็ไม่ได้นะครับคุณแตงกวา..... ในยุคสมัยนั้น ถ้าคุณเปตรอฟ รายงานไปว่ามีขีปนาวุธยิงมา รับรองได้มีสงครามนิวเคลียร์เกิดขึ้นแน่ครับ... เพราะสองชาติเค้าตั้งแง่ใส่กันเต็มที่แล้ว ด่ากันไป ด่ากันมา เหลือแค่จุดแตกหักเล็กน้อยก็พร้อมลงมือได้ทันที  โชคดีแล้วครับที่แกไม่ได้รายงานไป... จากคุณ : ฟาฬ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 10:13:41

ความคิดเห็นที่ 13 ...สงครามไม่ได้เกิดขึ้นยากซักเท่าไหร่หรอกครับ ถ้ามันจะเกิด จากคุณ : LegalisM เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 12:02:24

ความคิดเห็นที่ 14 ในยุคนั้นอ่อนใหวมาก การสื่อสารก็ยังไม่ขนาดนี้ ลุงแกสุดยอดมากคับ วู้ มารู้แล้วหวาดเสียว จากคุณ : tunnie555 เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 13:34:27

ความคิดเห็นที่ 15 ถึงจะยุคสงครามเย็นก็ตาม ประเทศมหาอำนาจพวกนี้เขามีสายตรงถึงกัน มี hotline คุยกันระดับประธานาธิบดีได้เลย ระดับฑูตเขาก็ต้องคุยกัน ระดับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเขาก็คุยกัน ระดับกองทัพเขาก็คุยกัน และก็เหมือนทุกครั้ง เขายืนอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศ เขาต้องต่อรองกัน ไม่มีใครอยากก่อสงครามโดยไม่จำเป็นหรอกค่ะ เหมือนคนหมัดหนัก เจอกับคนหมัดหนัก ไม่มีใครอยากเริ่มก่อนหรอกค่ะ ยิ่งอาวุธนิวเคลียร์ด้วยแล้ว ถ้าคุณสั่งยิงไป 10 ลูก รับรองได้ว่า คุณก็จะโดนกลับมา 20 ลูก ดังนั้น รายงานที่ว่าถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์เนี่ย เหมือนๆกับเรื่องฟอร์เวิร์ดเมล์นั่นแหละค่ะ คือ กาหัวไว้ก่อนได้เลยว่าเป็นข่าวมั่ว จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 13:53:35

ความคิดเห็นที่ 16 คิดง่ายไป  สงครามเกิดง่ายจะตาย คุณเอ้ย สงครามในตอนนั้น ใกล้จะเกิดอยู่แล้ว  จริงๆก้เกิดแล้ว เพราะ เกิดเป็นบางพื้นที่ หรือเรียกว่าสงครามตัวแทน เพราะตัวใหญ่ กลัวเสียผลประโยชน์ จากคุณ : joyrisus เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 14:03:24

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าเป็นตาม คห.10 ล่ะก็ ผมโชคดีที่ไม่ได้ไปเป็นทหาร หรือถ้าเป็นแล้วมีผู้บังคับบัญชาห่วยๆ นั่งกินเปอร์เซ็นต์สบายอยู่ในห้องแอร์ แต่ใช้ลูกน้องให้ไปเสี่ยงตายผมขอลาออกไปทำงานกรรมกรยังจะดีกว่า จากคุณ : โอไซริส เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 14:21:01

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้ามันไม่เกิดขึ้นง่ายๆ  ก็แสดงว่า สิ่งที่สตานิสลาฟ เปตรอฟทำนั้น ไม่ได้มีส่วนช่วยให้ไม่เกิดสงคราม แล้วไอรางวัล The Association of the World Citizens ที่เค้าให้นั้น  ก็ให้โดยที่ไม่ได้ไตร่ตรองเลยซินะครับว่า ถึงต่อให้ไม่มีเค้า  โลกนี้ก็ไม่เกิดสงครามนิวเคลียร์ จากคุณ : evilstep เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 14:31:35

ความคิดเห็นที่ 19 สมควรได้รับรางวัลครับ เพราะแสดงว่าเขาไม่ได้เป็นบุคลที่มีความก้าวร้าว มีอคติ ต่อฝ่ายตรงข้าม จนลืมสำนึกของความเป็นมนุษย์ผู้อาศัยบนโลกเดียวกัน พูดง่ายๆว่าเขายังมีความดีอยู่ในตัว เข้าใจว่าการกระทำของตน จะส่งผลต่อคนทั้งโลก ถ้าเอาบุคคลที่มีแต่อคติ หวาดระแวง มีความก้าวร้าว อยู่ในกมลสันดาน มารับตำแหน่งเดียวกัน ผลในวันนั้น จะลงเอยไปอีกแบบ จากคุณ : pommm เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 18:33:13

ความคิดเห็นที่ 20 คุณแตงกวากับศัตรูคู่อริเอาปืนจอกันอยู่สองนาที ถ้าอีกฝ่ายเค้าขึ้นนกแล้วคุณจะทำอะไรครับ จากคุณ : mumakai เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 18:46:24

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิคะ คุณก็หมัดหนัก เพื่อนบ้านคุณก็หมัดหนักเหมือนกัน พอดีคุณได้ยินข่าวลือมาว่า เพื่อนบ้านกำลังจะตีท้ายครัวคุณ คุณเลยเดินไปดัก แล้วต่อยเพื่อนบ้านคุณซะก่อน !?! จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 20:02:15

ความคิดเห็นที่ 22 เวลา10นาทีคิดอะไรได้มากมาย จากคุณ : หยงกี้ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 21:49:06

ความคิดเห็นที่ 23 แตงกวาอวดฉลาดอีกแล้ว จากคุณ : เดียรัจฉานน้อย เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 22:38:38

ความคิดเห็นที่ 24 ผมคิดว่าถ้าตอนนั้นเค้ารายงานไปยังผู้นําประเทศ โซเวียตก็คงต้องยิงสวนกลับไปแน่ๆ อย่าลืมว่ามันคือขีปนาวุธนะครับ เวลานั้นทางโซเวียตคงไม่มีอารมณ์ต่อสาย Hotline คุยหรอก เพราะมันมาจ่ออยู่คอหอยแล้ว ต้องยิงกลับไปแน่นอน จากคุณ : If you're 555 I'm 666 เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 22:41:57

ความคิดเห็นที่ 25 ดังนั้น รายงานที่ว่าถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์เนี่ย เหมือนๆกับเรื่องฟอร์เวิร์ดเมล์นั่นแหละค่ะ คือ กาหัวไว้ก่อนได้เลยว่าเป็นข่าวมั่ว จากคุณ : แ ต ง ก ว า * [Bloggang] เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 13:53:35 [แก้ไข] http://en.wikipedia.org/wiki/Stanislav_Petrov จากคุณ : คุณชายเอก เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 23:24:14

ความคิดเห็นที่ 26 5555555555555555 มั่วจริงๆ นะคุณแตงกวา เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจริงๆ อารมณ์นั้นยังจะเจรจาอยู่เหรอ ถ้ารายงานเรื่องไป ขีปนาวุธนิวเคลีัยร์นะเว้ยเห้ย มีสวนเลยล่ะ แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 54 02:27:09 จากคุณ : Lima Site เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 02:21:07

ความคิดเห็นที่ 27 หลัง เหตุการณ์ครั้งนั้น ในช่วงที่ยังไม่มีใครรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เปตรอฟถูกทางการตำหนิอย่างรุนแรงต่อการละเมิดกฎระเบียบ และไม่เขียนเรื่องนี้ในรายงาน ซึ่งเปตรอฟ ก็ไม่ได้นึกแค้นเคืองเจ้านายโดยบอกว่า “ หากพวกเขาให้รางวัลผมสำหรับกรณีนี้ ใครบางคนก็คงจะต้องถูกลงโทษ และคนแรกๆในบัญชีก็คือวิศวกรที่สร้างระบบตรวจจับขีปนาวุธ คนที่อนุมัติงบหลายพันล้านรูเบิ้ลสำหรับโครงการนี้ “ คุณแตงกวา   เขาได้รับการเตือนจากอุปกรณ์ตรวจจับหลายพันล้านรูเบิ้ล  นะครับ  ไม่ใช่ข่าวลือ  และที่ได้รับการเตือนเป็นขีปนาวุธนิวเคลียร์ครับ  ไม่ใช่ระเบิดน้อยหน่า  ถ้าโซเวียตสายตรงไปถามอเมริกา  แล้วเขาป่าวไม่ได้ยิงรอจนระเบิด  แล้วจะไปตอบโต้ตอนไหนครับ     5 ลูกถ้ายิงมาประเทศไทย ตก เชียงใหม่ ขอนแก่น นครสวรรค์ กรุงเทพ  แค่นี้ก็ง่อยกินแล้วครับ จากคุณ : ฟามวัน ขวาย (FAMWAN) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 11:02:48

ความคิดเห็นที่ 28 สงครามมันมีมูลเหตุหลายๆอย่างเป็นเชื้อ และมีเหตุการณ์มาจุดชนวน บ้างก็เป็นเหตุการณ์ใหญ่ บ้างก็เหตุการณ์เล็กๆ เคยมีสงครามครั้งหนึ่ง กล่าวได้ว่าเริ่มต้นจากเปลวไฟเล็กๆ สงครามครั้งนั้นยาวนานกว่า4ปี คร่าชีวิตคนไปราวๆ8ล้านคน สร้างรอยแผลในประวัติศาสตร์นับไม่ถ้วน สงครามครั้งนั้นคือสงครมโลกครังที่หนึ่ง เปลวไฟเล็กๆนั้นคือเปลวไฟจากปากกระบอกปืนที่สังหารมกุฎราชกุมารของออสเตรีย-ฮังการี และแล้วสงครามก็ระเบิดขึ้นจากเปลวไฟเล็กๆ.... แล้วกลัวว่าประเทศตนเองกำลังจะโดนเปลวไฟจากดวงอาทิตย์ดวงที่ 2...3...4...5 แผดเผานี่...คงไม่น้อยไปหรอกครับที่จะเริ่มสงคราม แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 54 16:33:59 จากคุณ : Rareshunter เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 16:33:39

ความคิดเห็นที่ 29 เคยได้ยินเรื่อง The Hunt for Red October ไม๊ล่ะคะ การที่เรือดำน้ำรัสเซียรุ่นล่าสุดตั้งโขยงนึง วิ่งเต็มฝีจักรมุ่งหน้าหาแนวป้องกันของนาโต้ ไม่ได้แปลว่า จะเกิดสงครามนะคะ บางครั้งการเป็นผู้นำที่กุมอำนาจสูงสุดนี่ก็ต้องมีสติยั้งคิด และต้องใช้วิจารณญานอย่างยิ่งยวดกว่าคนทั่วไป ไม่ใช่สัตว์เซลเดียวนะคะ ที่ไม่ต้องใช้สมอง มีหน้าที่แค่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าเท่านั้น ถ้าจะแค่มีการรายงานตรวจจับจากเครื่องมืออุปกรณ์ราคาหลายพันล้านรูเบิ้ล ก็สามารถยิงตอบโต้ได้เลย แบบนี้ก็ไม่ต้องใช้มนุษย์เป็นผู้สั่งงานแล้วค่ะ ให้ระบบมันยิงสวนอัตโนมัติไปเลย !?! มนุษย์ด้อยกว่าเครื่องจักรด้วยประการทั้งปวง แต่มีอยู่เรื่องนึงที่มนุษย์เหนือกว่าเครื่องจักร ก็อีตรงที่มนุษย์มีสติสัมปชัญญะ มีวิจารณญาน ไต่ตรองให้รอบคอบนี่แหละค่ะ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 19:46:37

ความคิดเห็นที่ 30 เคยได้ยินเรื่อง The Sum of All Fear มั้ยล่ะครับ? ระเบิดนิวเคลียร์ที่'ไม่สมบูรณ์'ลูกเดียวที่โคโลราโด ไม่ทราบที่มาด้วยซ้ำว่าฝีมือใคร ก็เกือบทำให้ทั้งอเมริกาและรัสเซียใช้วิจารณญาน สั่่งให้ทำสงครามเต็มรูปแบบแล้วนะครับ ถ้าไม่ได้ Jack Ryan ยั้งไว้เหมือนตอนRed Octoberก็คงเปิดศึกไปแล้ว แต่ทั้งสองอันนั้นก็เป็นนิยายนะครับ เอาไว้ถกกันสนุกๆ คุณแตงกวาพูดถูกครับว่าคนเป็นผู้นำต้องเป็นผู้มีวิจารณญาณ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเป็นผู้มีความเด็ดขาด และเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศตนเป็นหลัก ถ้ามีรายงานจากอุปกรณ์ที่น่าเชื่อถือว่าประเทศของตนเองกำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการถูกโจมตีขนาดนั้น ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมา รวมถึงข้อพิพาทก่อนหน้านี้ จะมีผู้นำซักกี่คนที่สามารถตัดสินใจโดยเห็นแก่มนุษยชาติเป็นหลักเหมือนลุงผู้นี้ครับ? และในเวลานั้นทั้งสองชาตินิวเคลียร์ก็ยึดหลักปฎิบัติเกี่ยวกับกรณีการถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์เหมือนกันคือ Launch on Warning - ยิงสวนด้วยอาวุธนิวเคลียร์ทันทีเมื่อมีการเตือนการถูกคุกคาม เพราะระเบิดนิวเคลียร์มันไม่เหมือนหมัดครับ มันตั้งการ์ดกันไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายง้างมา สิ่งที่สมเหตุสมผลสำหรับกรณีที่กันหมัดและหนีไม่ได้คืออะไรครับ? แนบลิ้งค์ http://en.wikipedia.org/wiki/Launch_on_warning แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 54 20:07:55 จากคุณ : Rareshunter เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 20:04:10

ความคิดเห็นที่ 31 คุณแตงกวาพอเถอะครับ  ผมขอแล้วกัน แม้จะรู้สึกดีที่ได้อ่านข้อมูลส่วนตรงข้ามกับที่เราคิด  แต่พอมันเริ่มรุงรังก็ไม่สนุกแล้ว จากคุณ : yamaha111 เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 21:39:11

ความคิดเห็นที่ 32 ในประเด็นนี้ผมคิดว่าสิ่งที่ สตานิสลาฟ เปตรอฟ ได้กระทำสมควรได้รับการยกย่องแล้ว เนื่องด้วยการตัดสินใจที่เฉียบแหลม สงบนิ่งใช้สติปัญญาในสถานการณ์ที่กดดันถึงขีดสุด และใช้หัวใจที่มองข้ามความเป็นชาตินิยม คำนึงถึงชีวิตมนุษยชาติเป็นสำคัญ สิ่งที่เป็นประจักษ์พยานในความเป็นวีรบุรุษของเค้าคือ รางวัล World Citizen Award , special World Citizen Award, และการได้รับการกล่าวยกย่องเชิดชูเกียรติกลางที่ประชุมของ สหประชาชาติ สิ่งเหล่านี้คือเป็นประจักษ์พยานในการกระทำของเขา หากวันที่ 26 กันยายน 1983ไม่มี สตานิสลาฟ เปตรอฟ โลกที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้อาจไม่ใช่อย่างที่เห็นก็เป็นได้ แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 54 22:59:05 จากคุณ : skyforce (Skyforce) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 22:57:27

ความคิดเห็นที่ 33 ...... จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 22:58:31

ความคิดเห็นที่ 34 ผมว่าคุณแตงกวามองโลกในแง่ดี(ในช่วงยุคสงครามเย็น)มากไปเยอะมากเลยละครับ เอาจริงๆ ตอนนั้นทางสหรัฐกับโซเวียตกำลังตึงเครียดถึงขีคสุด กว่าจะเริ่มเย็นลงก็ช่วงเจรจาลดหัวรบนิวเคลียร์ จึงลดความตึงเครียดลง ก่อนหน้านั้นสะสมเอากันเอาไว้เต็มที่ แถมยังมีสงครามตัวแทนอย่างรุนแรง จนเกือบจะกลายเป็นชนวนหลายครั้ง ปล. คุณ stanislav petrov มีสาระคดีที่เกี่ยวกับเขาเยอะเลย ส่วนใหญ่จะเป็นสาระคดีสงครามเย็น จากคุณ : Ken Akamatsu เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 03:32:09