ตอนสมัย Roman ใช้เกลือ Na2CO3 จาก egypt เป็น flux ครับ
ทำให้แก้วในช่วง Roman มี Na และ Ca เยอะเพราะมาจากเกลือธรรมชาติ
และ Ca จากทรายริมหาดที่มีเปลือกหอยปนเรียกว่า "Natron glass"
ส่วนก่อนหน้านั้น (before Roman)กับหลัง 8 AD (Islam period) ใช้พืชที่มี
Alkali เยอะมาเผาให้เป้นขึ้เถ้าแล้วเอาไป
ละลายน้ำสกัดเอา Alkali มาใช้ครับ แก้วช่วงนั้นจะมี Na น้อย แต่มี Mg
และ K เยอะครับ เรียก "Plant ash glass"
ส่วนแถบจีนจะใช้ Pb มาเป็น Flux และมี Ba ปนมากับ Pb mineral อยู่ช่วงหนึ่ง
เรียก "Lead-barium glass" ยุคหลังจากนั้นจะใช้แร่ของ K มาเป็น flux
แต่ไม่มี Mg ครับเป็น "Potash glass"
ถ้าเป็นแถบยุโรปจะใช้ต้นไม้ใหญ่มาเผา
จะมี K ปริมาณมาก เรียก "Potash glass" เหมือนกันแต่ Mg น้อย
มีรายละเอียดมากกว่านี้ครับ อันนี้พอคร่าวๆ
ไม่มีการรายงานว่าใช้กระดูกในการผลิตแก้วครับ
ลองไปดูปริมาณของ Mg และ K ดูอีกทีครับ
เพราะในพืชก็มี P เหมือนกัน
alkali ทำหน้าที่เป็น flux จะต้องมีปริมาณ 10-20wt% ครับ อาจเป็น Na เพรียวๆหรือ Mg+K หรือ K หรือ Pb อย่างเดียวในปริมาณสูงครับ
ทั้งนี้ถ้าผิวของแก้วสัมผัสกับความชื้นนานๆ alkali elements สามารถละลาย
ออกไปที่สิ่งแวดล้อมได้ ทำให้วัดปริมาณของ alkali elements ได้น้อยกว่าความเป็นจริงครับ
แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 54 16:19:30
แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 54 16:16:24
แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 54 16:12:46
แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 54 16:09:41