ความคิดเห็นที่ 1 อยากรู้เหมือนกันครับ รอฟัง ชอบคำถามแนวนี้จัง จากคุณ : FotoSexy เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 14:00:48

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเป็นไปตาม หัวข้อ เลยนะครับ "ถ้ามนุษย์สามารถจำลองสภาวะสมองทั้งหมดก่อนตายได้" ในที่นี้หมายถึง "ได้" แล้วนะ คำตอบ 1 -ถ้าตัวคุณตายไปแล้ว เราสามารถ สร้างตัวคุณ ขึ้นใหม่ (ด้วยเทคโนโลยี่โคลนในอนาคต) ที่เหมือนคุณทุกอย่าง แม้ความทรงจำทั้งหมด แต่ทว่า อย่างไรมันก็มี ชีวภาพเหมือนคุณ ทุกอย่าง ตัวคุณที่ตาย ก็ยังอยู่ในหลุม ส่วนเรื่องวิญญาณ นั้น ไม่มีจริงทางวิทยาศาสตร์ ทางครอบครัวของคุณไม่สามารถแยกเลยว่า ตัวคุรตัวใหม่ ต่างจากเดิมยังไง เพราะโคลนมา และ ถ่ายทอดระบบสมองให้ทั้งหมด 2 -ไม่สามารถยืนยันในทางวิทยาศาสตร์ เพราะว่าา ข้อแรกในปัจจุบันยังไม่ได้มีอย่างนั้น แต่มีแนวโน้มว่า การเกิดการตาย เป็นเพียงอุดมคติ ของมนุษย์ในสังคมนี้ สังคมศาสตร์ ไม่ใช่ วิทยาศาสตร์ ดังนั้นเลยไม่สามารถตอบได้ชัดเจน 3 - ไม่มี จิตเป็นกระบวนการของสมอง ถ้าแยกส่วน กระบวนการไม่สามารถเกิดขึ้น 4 - การเป็นตัวเรา คือ องค์ประกอบในปัจจุบัน ตามอุดมการณ์ เป็นสังคมศาสตร์ ไม่สามารถชี้ชัดว่า คืออะไร แต่ มีแนวโน้มว่า ตัวเรา เป็น กลไกทางธรรมชาติ เพื่อการอยู่รอดและสื่อสาร 5 - ไม่ครับ เวลาที่ตัวใหม่ทางกายภาพจะถูกนับ1ใหม่ แต่มีอายุเสื่อมตามสภาพเซล (หากดทคโนโลยี่นี้เป็นจริง และ นี่เป็นการคาดเดาทั้งหมด) ซึ่งหมายความว่า สิ่งแวดล้อมไม่ได้เปลี่ยนตาม การเปลี่ยนแปลงของคุณ แก้วที่วางบนโต๊ะ ตกแตก ดราเปลี่ยนแก้วใบใหม่ ขึ้นมาใช้แทน แน่นอนว่า แก้วใบใหม่ไม่ใช่ใบเดิม และ โตีะก็ไม่เกี่ยวข้องกับการแตกของแก้วใบแรก แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 54 14:37:51 จากคุณ : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 14:31:31

ความคิดเห็นที่ 3 ลบลง Recycle Bin แล้ว เรียกคืนมาใหม่ได้ไหม เหอะๆ จากคุณ : moshita เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 15:45:51

ความคิดเห็นที่ 4 ลองไปหาหนังเรื่อง 6th day มาดูสิครับ เป็นแบบที่ จขกท. พูดมาแบบนี้เลยนี่แหละ จากคุณ : Limelight เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 16:37:05

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ ^ ตาผมมีหลายจุดเลยอ่ะ ทำไงดี จากคุณ : atto-zepto-yocto เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 16:47:26

ความคิดเห็นที่ 6 1.อาจจะว่าได้ แต่คงต้องไฮเทคสุดๆ 2.จากคำพูดที่ว่าทุกปฏิกิริยาก่อนตาย แสดงว่ามีการตายสิ 3.ขึ้นกับว่าความหมายของ"เรา" คืออะไร ถ้าเราคือความทรงจำก็อยู่ทุกที่ เหมือนก๊อปปี็ซีดีเพลงก็อยู่ในทุกก็อปปี้ 4.จะใช่ตัวเราก่อนตายหรือเปล่า ขึ้นกับ"เรา"คืออะไร ถ้าคือความทรงจำก็อยู่ทุกที่ 5.ไม่เหมือน 6.รู้ได้เพราะมีคนบอกหรือพบหลักฐาน จากคุณ : มังกรใจเย็น เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 16:48:56

ความคิดเห็นที่ 7 อันนี้มีคำตอบในทางพุทธศาสนา ในพระไตรปิฎกพระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า มนุษย์ประกอบด้วยกายหยาบ และจิตซึ่งเปรียบเสมือนพลังงานอย่างหนึ่ง พลังงานไม่หายไปไหน เมื่อกายหยาบดับลง จิตจะไปจุติทันทีดังนั้นในบางคนที่เพิ่งเกิดมาหากจิตยังมี link กับอดีตอยู่บ้าง กายหยาบใหม่อาจจะมีความทรงจำบางอย่างหรือความสามารถบางอย่างที่ติดมาด้วยได้ ส่วนกายหยาบเก่าที่ดับแล้วก็จะค่อยๆ สลายกลายเป็นธาตุซึ่งหมายถึงอะตอมไป เหมือนคำว่าทุกสิ่งบนโลกล้วน อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตาคือไม่มีตัวตน จริงๆ แล้วคำสอนของพระพุทธเจ้าก็คือวิทยาศาสตร์ ลองศึกษาพระไตรปิฎกหรือลองอ่านหนังสือเรื่อง ไอสไตน์รู้พระพุทธเจ้าเห็นดูจะมีคำอธิบายไว้ จะเชื่อหรือไม่ต้องลองศึกษาดู จากคุณ : pon-pon เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 18:46:53 A:58.137.0.146 X: TicketID:202091

ความคิดเห็นที่ 8 .....     1. ถ้าเราตายไปแล้ว เราสามารถกลับมามีจิตใจเหมือนเดิมเป็นตัวเรา ได้หรือไม่      ไม่ได้ครับ เพราะ สมอง กับ จิต นั้นแยกกันอย่างสิ้นเชิงครับ เราอาจจะ Copy สมองได้ แต่ จิต Copy ไม่ได้ครับ สังเกตได้จาก เวลาอกหัก ไม่มีส่วน ใดของร่างกายได้รับผลกระทบเลย แม้แต่สมอง แต่จิตนั้นได้รับความเจ็บปวด     ดังนั้น เราจึงเชื่อว่า จิต กับ สมองแยกอยู่กันคนละส่วน 2. แสดงว่าความเกิดความตายก็ไม่มีจริง เป็นแค่สภาวะที่มารวมกันใช่หรือไม่      ถูกครับ เพราะจริงๆแล้ว เราไม่มีตัวตนครับ ถ้าลองนั่งสมาธิไปถึงขั้นหนึ่ง ร่างกายของเราจะหายไปครับ (จากความรู้สึกของเราเอง) 3.ถ้าจำลองหลายหน่วย เข่น 100 หน่วย แต่ละหน่วยจะเป็นจิตเราแยกออกไป แล้วใจ เราจะอยู่ที่หน่วยใหน ทุกหน่วย หรือ ไม่มีเลย     จิตเราอยู่ทุกส่วนของร่างกายครับ การนั่งสมาธิ ก็คือการรวมจิตจากทุกส่วนให้ เข้ามารวมเป็นก้อนเดียวกันตามที่เรากำหนดไว้ ดังนั้น สมาธิจะต้องเหลือเพียงอารมณ์ เดียวเท่านั้น เช่น การท่องพุทธ-โธ พร้อมกับจับความรู้สึกของลมเข้าออกด้วยนั้น ไม่ทำให้เกิดเป็นสมาธิ เพราะมันกลายเป็น 2 อารมณ์ไป คือ ลมหายใจเข้าออก 1 และ บริกรรมพุทธ-โธ อีก 1 ดังนั้น ถ้าต้องการให้เกิดสมาธิต้องทิ้งคำบริกรรมทิ้งไป ให้ เหลือเพียงความรู้สึกเข้าออกของลมเท่านั้น จึงจะเหลือเพียงอารมณ์เดียว    ขณะที่เริ่มทำสมาธิ เราจะยังคงรู้สึกถึงประสาทสัมผัสทั้ง 6 ได้เต็ม แต่เมื่อจิตเริ่ม รวมกันได้มากขึ้น จิตจะเริ่มถอนออกจากส่วนต่างๆ เช่น ถอนออกจากขา ก็จะทำให้ รู้สึกว่าขานั้นหายไป พอจิตถอนออกจากหู ก็จะไม่ได้ยินเสียงอีกต่อไป เป็นต้น 4.ถ้ามีทุกหน่วย ความเป็นตัวเรา จะอยู่ตรงหน่วยใหน จะใช่ตัวตนเดียวกับเราก่อนตาย หรือไม่    ถูกต้องครับ จิตเรามีอยู่ทุกหน่วย จิตจะออกจากร่างได้เพียงพอกรณีเดียวคือ ต้อง รวมจิตให้ได้ก่อนครับ ถ้าในกรณีตาย จิตจะถอนออกมารวมตัวกันเองเพราะไม่สามารถ อาศัยร่างนี้อีกต่อไปได้ แต่เมื่อไปเกิดใหม่ จิตก็จะไปเข้าไปในร่างแล้วแยกย้ายไป ทำหน้าที่ในแต่ละส่วน 5.เมื่อสภาวะจำลองนี้ จำลองแม้แต่การรับรู้สภาพแวดล้อม  โลกจะเป็นแบบเดิมก่อน ตาย คือโลกเป็นไปตามจิต  เหมือนการย้อนเวลาหรือไม่     ไม่ใช่ครับ สภาพวะที่เป็นจริงนั้นเราไม่สามารถรู้ได้ยกเว้นต้องแยกจิตให้ออก สังขารให้ได้ก่อน เพราะที่จริงแล้ว เราถูกหลอกอยู่ครับ เช่น โน๊ตบุคส์ ทีวางอยู่ตรงหน้า มีจริงหรือไม่ ไม่แน่ใจ ก็เลยเอามือไปสัมผัสดู อ่อ....มันมีอยู่จริง แต่ถ้าประสาทการ จับสัมผัสนั้นถูกหลอกด้วย นั้นก็หมายความว่า การจับก็ไม่สามารถจะบอกได้ว่า สิ่งนั้น มีจริงหรือเปล่า ดังนั้น สภาพแวดล้อมที่เราเห็นนั้น ถูกกำหนดมาจากสมองครับ เพื่อ หลอกให้จิตรับรู้ เพราะสมองถูกสร้างและโปรแกรมมาพร้อมกับร่างกายครับ จิตที่อาศัย อยู่ในร่างนี้ สมองจึงทำหน้าที่สร้างสภาพวะแวดล้อมหลอกจิตอยู่ครับ 6.เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ขณะนี้เราเป็นแค่สิ่งที่เหมือนต้นแบบ เราอาจจะเป็น copy ครั้งที่ 1000,000,000,000... ล้านแล้วก็ได้ และถ้าสภาพแวดก่อนตายและสร้างใหม่ต่อเนื่อง กัน  เราจะแทบไม่รู้ว่าเคยเกิด เคยตายใช่หรือไม่    ที่ท่านกำลังนั่งอ่านการสนทนาในกระทู้นี้ จริงๆแล้ว ไม่มีใครนั่งคุยอยู่กับท่านครับ สมองของท่าน สร้างสภาพแวดล้อมขึ้นมาให้จิตได้คุยได้สนทนาและโต้ตอบกันเอง ผมเองก็ไม่มีตัวตนครับ ท่านเป็นผู้สร้างผมขึ้นมาเอง ดังนั้น เราจึงไม่รู้สึกว่าเคยได้ตายหรือไม่มาก่อนหน้านี้                                                                                                           ++ แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 54 04:01:00 จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 21:47:07

ความคิดเห็นที่ 9 น่าสนุกดีนะครับ จากคุณ : มะพร้าวอ่อน เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 54 00:22:49 A:118.174.163.220 X: TicketID:171598

ความคิดเห็นที่ 10 โอ้ว ท่านสองนิ้วชี้ มีภูมิธรรม(พื้นปรกติ) ลึกซึ้งมาก จากคุณ : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 54 06:44:47

ความคิดเห็นที่ 11 ตามที่คุณ 2 นิ้วชี้ตอบ คือตั้งอยู่บน จิตแยกจากสมอง แต่หมอ หรือวงการแพทย์เขาเชื่อว่า จิตใจ การรับรู้เป็นแค่กลไกของสมอง ไฟฟ้าที่เชื่อมโดย สะพานไฟฟ้า ควบคุมโดยสารเคมี และ ฮอร์โมน   ถ้ายึดตามแพทย์ ถ้าเราวิทยาการถึง เช่น 5000 ปีข้างหน้า  หมายความว่าเราสามารถ จำลองความทรงจำ และ ความรู้สึกของตัวตน  จำนวนเท่าไรก็ได้ใช่หรือไม่ ความเป็นตัวตนที่แยกออกจากกันได้   ความเป็นเราจะไปอยู่ที่ร่างใหน     มันเกินที่ผมจะเข้าใจครับ  นึกดูคล้ายๆการแยกร่างจุติ อวตาล คือจิตเดียวแยกได้หลายร่าง แต่คนละกรณีกับการโคลนนิ่ง นะครับ เพราะนั่นจำลองแค่เซลส์พื้น ฐาน ไม่ได้จำลองทุกปฎิกิริยาทั้งทางเคมี ชีว และ ฟิสิกส์ในสมอง จากคุณ : พิซซ่าหน้าปลาเค็ม เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 54 09:53:17

ความคิดเห็นที่ 12 ^^^^ ถ้าควบคุมโดยสมอง มนุษย์ส่วนนึง จะต้องเหมือนสัตว์ทั่วไป ที่คิดแต่การมีชีวิต ดำเนินไปตามวิถีแบบสัตว์ วิวัฒนาการเอาตัวรอดแบบสัตว์ พัฒนาการแบบสัตว์ แค่ก้าวกระโดดกว่า เพราะสมองดีกว่า แต่ทำไมมนุษย์บางคน แยกออกมาละเอียดกว่า ทำไมจึงพยายามอยู่เหนือการมีชีวิต เช่นการปฏิบัติตนออกจากวิถีสัตว์โลก ทำไมอวัยวะสมองเหล่านั้นถึงได้สั่งการให้มนุษย์ ออกนอกกรอบพื้นฐานของการมีชีวิตแบบสัตว์อื่น เช่นละเวทนาได้ ละกิเลสได้ อยู่เหนือเหตุผลอารมณ์ ความคิดโลกของโลก จนสามารถมองเห็นภาพรวมของโลกเหมือนคนที่อยู่สูงบนยอดเขามองมายังเบื้องล่างเห็นทุกอย่าง ตั้งแต่อาการของจิต อาการของทุกข์ สุข หิว อิ่ม เกิด ตาย จนเข้าใจทุกอย่างบนโลก อย่างสิ้นสงสัย แต่สัตว์ทั่วไปทำไม่ได้และมนุษย์หลายคนก็ทำไม่ได้ อยากทราบครับ   ดังนั้นมนุษย์ที่ค้นพบจิตตัวเองค้นพบตัวเอง มีจริงหรือไม่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว นักวิทยาศาสตร์ แพทย์ หมอ หลายคนเป็นคนที่ยืนอยู่สายกามภพอย่างชัดเจน แต่นัิกวิทยาศาสตร์ แพทย์ หมอ หลายคนที่ยืนอยู่ในทางสายกลาง และยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกคือทางแห่งวิสุทธิ์ ย่อมเห็นและไม่เห็นตามกำลังใช่หรือไม่ คงไม่ต่างจาก คนเรียน ป.เอก หลายใบ แต่ก็ยังโกงกิน บางคน ป.4 ไม่โกงกิน จบ ป.เอกใบเดียวหรือหลายใบก็ไม่โกงกิน ดังนั้นความรู้ของโลกเหล่านี้่ที่ยึดถือมาปรุงแต่งเป็นของตนเองแล้วบอกว่าเหนือกว่าคนนี้คนนั้นแม้แต่โลกก็เป็นเพียงของโลก ที่สมมุติขึ้นมาแล้วเมื่อตายลงก็คืนสู่โลก เพราะรู้ตาม ๆ กันมาแ่ต่ก็โอ้อวดกันใช่หรือไม่ ดูแค่สึนามิกวาดล้างทุกอย่างไปกลับสู่ดินเป็นสมมุติหรือไม่ ที่เราเรียกกัน ยกเว้นคนที่มีจิตค้นพบจิตย่อมมองออกว่านี่เป็นของโลก หรือนี่เป็นของใคร แล้วไม่ยึดถือไม่ถือตนเหนือ แต่โดยโวหารโลกย่อมยกย่องว่าเหนือ แต่โวหารธรรมคนเหล่านี้ย่อมรู้ตนว่าตนเองไม่ได้เหนือสิ่งใด เพราะธรรมเกิดขึ้นเมื่อค้นพบแล้วพูด ตั้งอยู่เมื่อจำ ดับไปเมื่อหยุดและคนพูดตายลง ดังนั้นธรรมและวิทยาการต่าง ๆ ก็ยังอยู่ในธรรมชาติ แต่เราไร้ซึ่งตัวตนแท้จริง เหลือแต่จิตบริสุทธิ์ คือพลังงานจิตที่มีความรู้ตื่นเบิกบาน ต่างจากตอนแรกมีพลังงานแต่ไม่ีมีความรู้แท้จริงของโลก ที่ว่าไม่รู้เหตุแห่งทุกข์นั้น หรือว่าจริง ๆ แล้วต่อให้ไม่พบไม่รู้เหตุเกิด แห่งทุกข์ ทุกคนก็ไม่ได้เกิดอีกแน่นอน เพราะทุกอย่างว่างเปล่า   แต่เท่าที่เราทดลอง ทดสอบเราจะเห็นว่าพลังงานใด ๆ ในโลกย่อมกลับสู่สภาวะพลังงานนั้น ๆ สสารนั้น ๆ ดังนั้นหากมนุษย์มีพื้นฐานเป็นพลังงานย่อมกลับสู่สภาวะพลังงานนั้น เช่นกลับสู่ย่านความถี่ หรือคลื่นพลังงานตามชั้นบรรยากาศนั้น ๆ และถูกถ่ายทอดสู่วัตถุต่าง ๆ เช่นหลักการไฟฟ้าสถิต เป็นต้น ทำให้วัตถุนั้น ๆ เกิดศักย์ทางไฟฟ้า นั่นคือการเกิดโดยไม่สามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง แต่เป็นโดยกรรมวิธีปฏิกิริยาทางธรรมชาติ แต่จะเหนือการเกิดได้ ต้องควบคุมพลังงานได้ ด้วยการฝึกอย่างนั้นหรือเปล่า ฝึกควบคุมพลังงานตนเอง (ควบคุมจิต)  ไม่ให้เป็นไปตามสภาวะโลก หนาวไม่หนาว ร้อนไม่ร้อน หิวไม่หิว ทุกข์ไม่ทุกข สุขไม่สุข เมื่ือสวนทางสภาวะโลกแล้ว พลังงานย่อมมีอำนาจในตัวเองเป็นศักดิ์สิทธิ์ ไม่ไหลไปตามกระแส เพราะทวนได้ การทวนกระแสก็คงคล้าย การฝึกยิมนาสติกให้ร่างกายอ่อนไหวยืดหยุ่น แรก ๆ ยากฝืนทนเจ็บทรมาน เมื่อนานเข้าง่ายดายยิ่งกว่าคิด จิตก็เช่นกันใช่ไหม เมื่อทำได้ อิสระจึงตั้งมั่นอยู่ไม่ถูกครอบงำใด ๆ สภาวะนิพพานจึงเกิดขึ้นเป็นวิมุติอย่างนั้นหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 54 10:47:54 จากคุณ : ดัชสัน (powerinvincible) เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 54 10:41:09

ความคิดเห็นที่ 13 2. แสดงว่าความเกิดความตายก็ไม่มีจริง เป็นแค่สภาวะที่มารวมกันใช่หรือไม่     ตอบแบบลึกๆก็ใช่  ว่ายังงั้นก็ได้ครับ  3.ถ้าจำลองหลายหน่วย เข่น 100 หน่วย แต่ละหน่วยจะเป็นจิตเราแยกออกไป แล้วใจ     เราจะอยู่ที่หน่วยใหน ทุกหน่วย หรือ ไม่มีเลย      จิตเกิดที่ ธาตุต่างกันกระทบกัน   ตัวจิตไม่บ่งถึงความมีชีวิตแต่เป็นเหตุความมีชีวิต จากคุณ : กัป' เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:28:10