ความคิดเห็นที่ 1 เพราะเราไม่รักษาป่าไม้   ป่าไม้เลยไม่รักษาเรา จากคุณ : หัวโตนะ เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 23:12:00

ความคิดเห็นที่ 2 ยิ่งมีพื้นผิวมาก ความแรงของน้ำยิ่งน้อย แรง cohesive ยิ่งเยอะ ความสามารถในการไหลต่ำลง จากคุณ : ชาลีฟ เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 23:39:15

ความคิดเห็นที่ 3 มีวิธีทดลองง่ายๆนะครับ ลอง หาไม่กระดาน ซักหนึ่งแผ่น เอียง ทำมุม กับพื้น อย่าให้ถึงมุมฉากนะข้างนึง เอาผ้าขนหนูวางไว้อีกข้างปล่อยว่างๆ เทน้ำจากด้านบนให้ไหลลงมา รอดูผล ของการไหลระหว่างน้ำด้านที่ ปูผ้าขนหนูกับไม่ได้ปู แล้วเทียบกับ เวลาฝนตก ลงบนภูเขา ที่มีป่าไม้ กับไม่มีป่าไม้ครับ จากคุณ : wipeout เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 23:57:45

ความคิดเห็นที่ 4 น้ำป่า หรือ น้ำท่วมฉับพลัน (flash flood) คือน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากในบริเวณที่ลุ่มต่ำ ในแม่น้ำ ลำธารหรือร่องน้ำที่เกิดจาก ฝนที่ตกหนักมากติดต่อกันหรือจากพายุฝนที่เกิดซ้ำที่หลายครั้ง น้ำป่าอาจเกิดจากที่สิ่งปลูกสร้างโดยมนุษย์ เช่น เขื่อนหรือฝายพังทลาย สาเหตุของ น้ำป่าเกิดจากการอิ่มตัวของผืนดินจากฝนที่ตกมากเกิดขีดความสามารถในการดูด ซับน้ำ ทำให้ปริมาณของน้ำฝนที่ตกลงมาทั้งหมดไหลไปตามผิวพื้นดินจากที่เคยถูกซึมซับ ไว้ได้ น้ำจะรวมตัวไหลสู่ที่ต่ำอย่างรวดเร็ว ในระหว่างทางก็จะมีน้ำป่าส่วนอื่นเพิ่มปริมาณสมทบทลักลงไปตามร่องน้ำอย่าง รวดเร็ว ยิ่งชันและมีพื้นที่รับน้ำมาก ก็ยิ่งมีความเร็วและพลังที่รุนแรงมากขึ้น ผลที่ตามมาคือการเพิ่มระดับน้ำตามทางน้ำอย่างรวดเร็วนับเป็นวินาทีจนอพยพหนี ไม่ทัน น้ำป่าอาจเกิดได้จากเหตุอื่น เช่นการอุดขวางทางน้ำโดยก้อนน้ำแข็งในประเทศเขตหนาว หรืออาจเกิดจากการแตกร้าวพังทลายของเขื่อนกั้นน้ำดังกล่าวมาแล้ว ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศต่างๆ และขอแตกประเด็น โคลนถล่ม เกิดจาก การสั่นไหวอย่างรุนแรง (Sudden shock) หรือการเกิดแผ่นดินไหว ฝนตกหนัก (Heavy rainfall) ฝนที่ตกหนักและยาวนานอาจทำให้พื้นดินที่เอียงเทอิ่มตัวด้วยน้ำ และเกิดการเสียสมดุล ด้วยเหตุนี้การย้ายมวลจึงเกิดขึ้นบ่อยในบริเวณที่มีฝนตกชุก การระเบิดของภูเขาไฟ (Volcanic eruption) อ่านเพิ่มได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1#.E0.B9.82.E0.B8.84.E0.B8.A5.E0.B8.99.E0.B8.96.E0.B8.A5.E0.B9.88.E0.B8.A1.E0.B9.83.E0.B8.99.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B9.80.E0.B8.97.E0.B8.A8.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2 จากคุณ : fg เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 00:07:38

ความคิดเห็นที่ 5 ท่าทางจะไม่เคยเที่ยวป่า...ว่างๆไปด้วยกันไหมอ่ะ ไม่รู้อธิบายยังไงดี...... เอาเป็นว่า..มีฝน..มีกระแสน้ำน้ำ...มีที่ซึมซับ..และมีเที่ปิดกั้นทางไหลของน้ำ...พอปริมาณมากเกินไปก็ทะลักพังทะลาย... จากค่อยๆมาค่อยๆไหล...ก็กลายเป็นน้ำป่าไหลหลาก...นำพาทุกสรรพสิ่งจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ เล่าให้ฟังเฉยๆนะ เคยเข้าไปทีลอซู...ประมาณเกือบ10ปีที่แล้ว ช่วงหน้าปลายฝนต้นหนาว... โอ้โห...อย่างสวยเลย... พอดีเห็นฝนตกอยู่ลูกเขาทางโน้น ใจคอไม่ดี..ไม่ไหวกลับกันดีกว่า ขากลับออกมาได้ซักพัก...รถ2-3คันกำลังคาอยู่บนเนิน..ขึ้นต่อไม่ไหว..ดินมันลื่นมาก...(เขาเรียกว่าดินมันปู) ต้องวินซ์ขึ้นมาทีละคัน...(4WDทุกคันนะนั่น)ซักพักได้ยินเสียงโครมครามก้องป่า....มาจากทุกทิศทุกทาง  มองหน้ากันเลิกลั่ก   นั่นล่ะ..น้ำป่าล่ะ....เจอมากะตัว...มาแต่น้ำไม่พอ..โคลนเอย..กิ่งไม้เอย..ท่อนซุงเอย..ทำอะไรไม่ถูกหาหลักหาที่กำบังไว้ก่อน  ไหลซ่ามาเหมือนมีกะละมังยักษ์ถูกเททิ้งลงมา...ซักพักรถแต่ละคัน ค่อยๆไหลลงไปกองรวมกันเป็นจุดเดียวที่เนินข้างล่างโน่น....บ้างกระจกแตก....บ้างตะแคงข้าง...บ้าง แม้กระทั่งชาวบ้านคนในพื้นที่ยังขวัญเสียกระโดดลงไปกราบบนบานกับกอไผ่ ขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขาเป็นการใหญ่... พี่ชายผมเองเกือบโดนรถไหลเบียดทับตาย...ดีที่มุดลงใต้ท้องรถ...รอดมาได้เนี่ย... เล่นซะเกือบ5ชั่วโมง...กว่าจะออกมาถึงอุ้มผาง.........แต่ละคน...สภาพยังกับมนุษย์โคลน เกือบได้กินข้าวลิงก็คราวนั้นแหล่ะ...55555 จากคุณ : พิงค์วู เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 00:14:27

ความคิดเห็นที่ 6 น้ำป่าไหลหลาก น่าจะเป็นอย่างนี้ไหมครับ ภูเขาที่เกิดซ้อนกันหลายๆลูกจนกลายเป็นเทือกเขา  ด้านบนจะมีพื้นที่กว้าง พอฝนตกหนัก ดินอิ่มน้ำ น้ำก็จะไหลจากบนภูเขาลงไป ถ้าพื้นดินข้างล่างเป็นป่า ก็จะไหลไปสมทบกับน้ำในป่า ทำให้มีปริมาณมาก ไหลลงสู่ที่ต่ำ  เรียกว่าน้ำป่าไหลหลากครับ ส่วนต้นไม้อุ้มน้ำ พอฝนตกหนักดินอิ่มน้ำ  น้ำก็จะไหลพัดพาเอาดินไปด้วย  แต่ดินเหล่านี้จะถูกรากของต้นไม้และพืชอื่นๆยึดเกาะเอาไว้ ไม่ให้ไหลไปครับ  เรียกว่าต้นไม้อุ้มน้ำ แต่ถ้าน้ำมีปริมาณมากและดินไม่เหนียวพอ ก็จะถูกน้ำเซาะเอาดินละลายไปกับน้ำ เมื่อปริมาณดินไหลออกมาก ต้นไม้ไม่มีที่ยึดเกาะก็จะล้มลงไหลไปขัดกับต้นไม้อื่น เกิดการขวางทางน้ำขึ้นมา เมื่อไปสมทบกันหลายต้น ก็จะเป็นกำแพงครับ  แต่พอน้ำไหลมาสมทบมากขึ้น กำแพงทานแรงดันไม่ไหว จะถูกน้ำดันไปกระแทกต้นไม้อื่นให้ล้มตามด้วยครับ จากคุณ : บุญถิ่น เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 07:47:41

ความคิดเห็นที่ 7 ที่ข้าเจ้าเคยเรียนมานะ จริงๆแล้วต้นไม้ไม่ได้อุ้มน้ำ อย่างที่สูเจ้าเข้าใจนะ เพียงแต่ต้นไม้ชะลอความเร็วของฝนที่ตกลงมา เพื่อให้ดินซับน้ำไว้ให้มากที่สุด ถ้าเรามีต้นไม้มาก หนาแน่น ฝนที่ตกลงมาหนักเร็วและแรง น้ำที่อยู่บนดินก็จะไหลลงสู่ใต้ดินลงไปอย่างช้าๆได้ทัน แต่ถ้าน้ำไหลลงสู่ใต้ดินได้ไม่ทัน น้ำข้างบนมีเยอะไม่มีหนทางจะไหลไป น้ำมันก็จะละลายหน้าดิน พาดินโคลนถล่มลงมา ทับสูเจ้านี่แหละ สูเจ้าลองเทน้ำลงพื้นดินที่ราบเรียบสิ พอหน้าดินอิ่มตัวน้ำ น้ำมันก็ไหลเป็นทางแหละ มันเป็นความแรงของน้ำอ่ะ ลองนึกถึงฝายแม้วนะ มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ชะลอการไหลของน้ำอ่ะ ไม่รู้พวกสูเจ้าเคยเห็นไหม แต่ที่รู้ๆ ข้าเจ้า ก็ไม่เคยเห็นฝายแม้วของจริง จากคุณ : ลูกศิษย์ของอ. ที่จบ Forest ^^ (houisjung) เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 14:42:59

ความคิดเห็นที่ 8 ปล. ต้นไม้มันก็อุ้มน้ำแหละ แต่มันอุ้มไว้ไม่เยอะหรอก มันบอกว่าหนัก อิอิ จากคุณ : houisjung เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 14:50:17