PANTIP.COM : X10417880 ถ้าดึงนักวิทย์ตปท.มาสอนในรร. เด็กบ้านเราหัววิทย์กว่านี้ไหมครับ? []

ความคิดเห็นที่ 11

ถ้านักวิทย์สอนไม่เป็น ถึงจะเก่งแค่ไหนก็แทบจะไม่ช่วยอะไรค่ะ ดีไม่ดีทำเด็กเกลียดวิชานั้นไปเลย

ยิ่งถ้าเป็นคนต่างชาติ ต่างภาษาด้วย ยิ่งยากในการสื่อสารค่ะ

ส่วนตัวเห็นด้วยกับคห. 4 ค่ะ
ปัญหาการศึกษาไทยมาจากที่ระบบ

เราเรียนจบมหาวิทยาลัยมาได้หลายปีแล้ว แต่ก็มีกลับไปสวัสดีอาจารย์ที่สอนสมัยมัธยมบ้าง และหลายครั้งก็สงสารอาจารย์ค่ะ อาจารย์จะบ่นเรื่องระบบการศึกษา ระบบการสอบเข้าให้ฟัง ซึ่งเราไม่เคยรู้เลยว่ามันเน่าได้ขนาดนี้ และมันเป็นระบบที่ทำลายอาจารย์มากกว่าจะช่วยเหลือนักเรียนด้วย

เดี๋ยวนี้อาจารย์แทบไม่มีอำนาจใดๆ ในการสอนและลงโทษเด็กเลย
กฎกระทรวงออกมาว่่าห้ามให้เด็กสอบตกซ้ำชั้น (ถ้าจำไม่ผิด กฎข้อนี้ออกมาใช้กับเด็กประถมนะ) เพราะจะทำให้เด็กอับอายและไม่เรียนหนังสือต่อ แต่กลายเป็นว่า ทำให้เด็กไม่เห็นความสำคัญของการตั้งใจเรียน สอบได้ 0 คะแนนก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ผิดปกติอะไร การบ้านไม่ส่ง งานไม่ส่งก็ไม่เดือดร้อนอะไร เพราะยังไงก็ไม่มีวันสอบตกซ้ำชั้น ครูไม่มีอำนาจใดๆ ไปบีบบังคับให้เด็กทำตามได้เลย พอตำหนิเด็กมากๆ ก็โดนผู้ปกครองต่อว่า และรวมตัวเป็นสมาคมผู้ปกครองมาเอาครูที่ว่าลูกตัวเองมากๆ ออก

เฮ้อ.. ระบบการศึกษาก็เน่า สามัญสำนึกของพ่อแม่ผู้ปกครองก็แย่... โอ๋ลูกกันมากเกินไป
เกลียดมากๆ กับการที่ว่าจะต้องให้อภัยเด็กทุกอย่างทุกเรื่อง ด้วยเหตุผลว่า เพราะเขายังเด็ก ยังไม่รู้เรื่องอะไร ... ก็ถ้าไม่รู้เรื่องอะไร ก็ต้องสอนให้รู้เรื่องสิ ไม่ใช่ปล่อยให้ไม่รู้เรื่องอย่างนั้นตลอดไป และใช้เป็นข้ออ้างในการปฎิเสธความผิดตลอดกาล

อีกทั้งการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เน้นคะแนนในห้องเรียน และข้อสอบเข้าก็ไม่ได้มาตรฐาน จนทำให้ทั้งโรงเรียนมัธยม และ มหาวิทยาลัยต้องจัดสอบตรง สอบนอกรอบ สอบเข้าโครงการเด็กเก่งพิเศษ เพื่อคัดเอาเด็กที่มีคุณภาพมารักษาชื่อเสียงของสถาบันไว้ และกลายเป็นการแบ่งชนชั้นนักเรียนกันเลย...

ในเรื่องของการพัฒนาเด็กหัววิทย์น่ะ การสอนแบบท่องจำเนี่ย เรายังพอรับได้ แต่การสอนที่เน้นเพื่อใช้สอบเข้าเท่านั้น เน้นทริกการหาคำตอบเนี่ย เราว่ามันแย่ยิ่งกว่าการสอนแบบท่องจำอีก
มันกลายเป็นว่าเด็กไม่ได้รับความรู้ที่แท้จริง รู้แค่ว่าจะตอบข้อสอบอย่างไร แต่ไม่รู้เลยว่า วิชาที่เรียนไปน่ะมีพื้นฐาน แนวคิดจากไหน เพราะอะไรถึงเป็นแบบนี้ และถ้ามีกรณีผิดแผกไปจะส่งผลอะไร เด็กคิดวิเคราะห์อะไรแบบนี้แทบไม่ได้เลย

อย่างที่เคยติวเลขให้รุ่นน้อง เพลียมากๆ เพราะเวลาให้ทำโจทย์(ตรีโกณฯ) ทุกคนจะถามว่า แล้วต้องใช้สูตรไหน.. ซึ่งเราก็จะตอบไปว่าใช้วิธีไหนก็ได้ให้ได้คำตอบออกมา แต่ก็เริ่มต้นกันไม่ถูกอยู่ดี บางคนท่องสูตรไปเป็นสิบๆ สูตร แต่ใช้ไม่เป็น และไม่เคยรู้เลยว่า เจ้าสิบๆ สูตรที่ว่านั้นน่ะมาจากสูตรเดียวกันทั้งหมด แค่ย้ายข้างสมการไปมาแค่นั้นเอง...
ยิ่งถ้าให้โจทย์ประยุกต์ที่เขียนยาวๆ เช่นว่า ให้หาขนาดที่ดินที่ให้จำนวนด้านขนาดด้านกับขนาดมุมมา แต่ไม่ได้เขียนในรูปสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ หาไม่ได้ค่ะ... เพราะไม่รู้จะใช้สูตรไหน และตัวเลขที่ให้มามันแทนค่าอะไรได้...
เคยพยายามสอนแบบจะแตกที่มาของสูตรให้ กลายเป็นว่าเด็กไม่มีความอดทนพอ ขอแต่สูตรสำเร็จไปท่องอย่างเดียวเลย ไม่มีความพยายามในการเข้าใจสูตรกันเลย

เด็กเดี๋ยวนี้เรียนเพื่อทำคะแนนสอบค่ะ ไม่รู้ว่าเป้าหมายชีวิตตัวเองคืออะไร เลือกเข้าคณะตามๆ เพื่อน ตามๆ กระแสไป เข้าไปก็เรียนเพื่อสอบให้ผ่านๆ น้อยคนที่จะคิดหรือมองว่าไอ้ที่เรียนน่ะ มันจะเอาไปใช้กับงานในอนาคตยังไง ใช้กับชีวิตประจำวันใดๆ ได้บ้าง มุ่งหาแต่สูตรสำเร็จในการสอบ สูตรสำเร็จในการสมัครงาน สูตรสำเร็จในการใช้ชีวิต... สูตรสำเร็จมันเป็นเพียงแค่เปลือก แค่ผิวขององค์ความรู้ มันเปราะบางและสลายง่าย น้อยคนจะพยายามเรียนให้ถึงกระพี้ ให้เข้าใจถึงแก่น

ถ้าอยากให้เด็กไทยหัววิทย์จริง ต้องปลูกฝังตั้งแต่ความคิดเลยค่ะว่า ไม่ใช่ทำทุกอย่างให้เป็นไปตามสูตรสำเร็จและไม่เคยมีคำถามว่าเพราะอะไรถึงต้องทำตามสูตรสำเร็จ หรือ เพราะอะไรมันถึงกลายเป็นสูตรสำเร็จ อย่าสักแต่ว่าเชื่ออย่างเดียว รู้จักสร้างคำถาม และกล้าถาม ถ้าไม่กล้าถามก็ต้องกล้าที่จะค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง

จากคุณ : S.S.

เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 54 08:20:54