ความคิดเห็นที่ 1 ขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่เข้ามาตอบนะครับ ช่วยชี้แนะด้วยนะครับ จากคุณ : จูล่งฝ่าทัพ_รับอาเต๊า เขียนเมื่อ : วันจักรี 54 12:27:11

ความคิดเห็นที่ 2 จูล่งฝ่าทัพ_รับอาเต๊า >> ตอนจูล่ง ฝ่ากองทัพโจโฉ เพื่อช่วยอาเต๊า พอช่วยมาได้ เล่าปี่ก็โยนอาเต๊า ลงกับพื้น แล้วบอกว่า " เจ้าเด็กคนนี้ เกือบทำให้ข้าสูญเสียแม่ทัพคนสำคัญ " ซี่งเล่าปี่ คิดถูกทีเดียว ถ้าวันนั้น จูล่ง ไม่คิดช่วยอาเต๊าไว้ กองทัพของขงเบ่ง คงจะประสพความสำเร็จมากกว่านี้ เพราะโตขึ้นแล้วอาเต๊า ไม่ได้เรื่องจริง ๆ เรื่องเล็ก เรื่องน้อย ไม่เอา เรื่องใหญ่ คิดไม่เป็น ใจไม่กว้าง หูเบา เชื่อแต่คนโน้น คนนี้ โดยไม่ไตรตรองให้รอบคอบ ทำให้เสียงานใหญ่หลายครั้ง สุดท้ายเสียแผ่นดิน จากคุณ : BigMooHuHu เขียนเมื่อ : วันจักรี 54 12:54:41

ความคิดเห็นที่ 3 ฮ่าๆๆ ขอบคุณท่านบิ้กหมูหูหู แต่ตัวข้าพเจ้าคิดว่าท่าน อย่าเพิ่งหันใบเรือออกทะเลเลย ฮ่าๆๆ ท่านอื่นๆ ช่วยเม้นเรื่องงานด้วยนะครับ จากนั้นเราค่อยออกทะเลกัน^^ จากคุณ : จูล่งฝ่าทัพ_รับอาเต๊า เขียนเมื่อ : วันจักรี 54 13:12:20

ความคิดเห็นที่ 4 เอ่อ คห.2 คับ น้องเค้าถามดีๆดันเกรียนอีก พวกฝ่ายผลิตนี่ตัดทิ้งได้เลยคับ ไม่ค่อยได้ใช้ความสามารถ QC ก็ไม่รุ่ง QA พอไหวอยู่ แต่ shipment นี่ก็น่าสนเหมือนกัน แต่ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ จากคุณ : birdInwsad เขียนเมื่อ : วันจักรี 54 13:16:40 A:124.122.174.230 X: TicketID:308232

ความคิดเห็นที่ 5 อะไรก็ได้ค่ะ ไม่ต่างกันมากนักหรอก เลือกอันที่รู้สึกถนัดและชอบมากที่สุด หรือถ้ามีโอกาสมาลอยตรงหน้า ก็รีบคว้าไว้เลยค่ะ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : วันจักรี 54 13:20:55

ความคิดเห็นที่ 6 Import + Export ก้าวหน้าสูงที่สุด สามารถประกอบอาชีพได้เองอีกด้วย จากคุณ : BypassMan เขียนเมื่อ : วันจักรี 54 13:22:38

ความคิดเห็นที่ 7 ผมว่า shipping (import/export) ไม่ต้องใช้ engineer เท่าไหร่นะ ที่เคยเจอก็ำำพวก packaging engineer ออกแบบหีบห่อ จัด pattern วางกล่อง/พาเลตยังไงให้เต็มตู้พอดี ส่วนที่เป็นจุดเด่นของ shipping agent อยู่ที่ฝ่ายเดินพิธีการ ใครเคลียร์เร็ว ทำเอกสารไว ส่งไว ลูกค้าก็จะชอบเป็นพิเศษ ซึ่งไม่ใช้ engineer แน่ๆ งาน warehouse นี่ไม่ต้องใช้ engineer เลยมั้ง มีระบบ automate จัำดการให้เสร็จ มี supervisor, admin กับคนงาน ก็อยู่ได้่แล้ว ส่วนงาน transportation ก็เหมือนกัน วางระบบเรียบร้อยแล้วก็ run ยาว ยิ่งรถขนส่งทุกวันนี้เป็น subcontract ด้วย บริษัทจับงานเอกสารอย่างเดียว ผมว่าถ้าอยากท้า่ทาย คงเริ่มจากสายพื้นฐานอย่าง process / QA แล้วไปต่อ design & development หรือ supplier technical assistant สุดท้ายจบที่เป็น consult ครับ หรือจะเข้า consult ตั้งแต่แรก แต่ก็ต้องเป็นลูกน้องเขาไปก่อน และอาจไม่รู้ลึกเท่าคนจับงานจริงๆ จากคุณ : jaycee เขียนเมื่อ : วันจักรี 54 13:30:23

ความคิดเห็นที่ 8 ขอแชร์ประสบการณ์นิด ในฐานะที่ทำอยู่ด้าน Inventory ทำด้าน QA + QE ก่อนเลยครับ เหตุผล เพื่อจะได้รู้มาตรฐานต่างๆ คุณภาพของสินค้าก่อนแล้วค่อยมาทางด้านคลังสินค้า (มีความรู้เรื่องด้าน Engineer ก็เป็นต้นทุนให้เราครับ)ซึ่งด้านคลังสินค้าเรียนรู้ได้ง่ายถ้าชอบ ยิ่งถ้ามีอารมณ์ศิลป์ (kaizen)ด้วยนี่... และที่สำคัญ ต้องยึดหลักความถูกต้อง แต่ไม่ต้องเถรตรง ประมาณว่า ตีเส้นไว้ให้ไปทางนี้ แต่ไม่ต้องเดินบนเส้น ให้เดินทับเส้นบ้าง ข้างๆเส้นบ้างครับ ทำงานกับอังกฤษ ผู้บริหารเป็นคนไทย ก็อีกแบบ ทำงานกับคนจีนก็อีกแบบ ทำงานกับคนไทยเองก็อีกแบบ ทำงานกับญี่ปุ่น ผู้บริหารคนไทยก็อีกแบบ ท้ายสุดทุกคนชอบคือ ความซื่อสัตย์สุจริตครับ...ไม่มีวันตาย ปล ที่ทำงานเดิมยังโทรมาอยู่เลย...อืมมมมม เพิ่มเติม...ผจก.ด้านคลังสินค้า..ต้องเป็น "เป็ด" เท่านั้นครับ... แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 54 14:09:26 จากคุณ : Sudjarid_sai เขียนเมื่อ : วันจักรี 54 14:04:56

ความคิดเห็นที่ 9 เราทำงานสาย logistics ค่ะ ผ่านมาแล้วเกือบทุกอย่าง ทั้ง shipping Import-Export, Warehouse, Transportation, Inventory, production planning, purchasing จะบอกว่า ถ้าอยากทำสาย logistics ให้รุ่ง ควรเข้าใจ process การผลิตก่อนค่ะ เพราะมันทำให้เรารู้ logic ของการตัดสินใจเพื่อผลิต และกระจายสินค้า ความรู้ทางด้าน engineer ได้ใช้เยอะ ใน warehouse, transportation และ inventory ตามลำดับค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริษัทที่คุณเข้าไป และตำแหน่งที่คุณทำด้วย วงการนี้มีบุคลากรเยอะค่ะ ประเภทแรกเป็นคนทำงานตาม procedure ทำงานเอกสาร ประสานงาน เรียกว่า learning by doing คนที่ทำได้ดีคือคนที่มีประสบการณ์ ชอบแก้ปัญหา ประเภท 2 ทำงานประเภทโปรเจ็ค คิดปรับปรุง ลด cost และพัฒนากระบวนการ ประเภทหลังยังมีน้อยอยู่ค่ะ เนื่องจากการพัฒนาและปรับปรุงงานทางด้านนี้ มีข้อจำกัดหลายอย่าง และแต่ละธุรกิจมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ใครสามารถทำได้ เราว่ายังรุ่งอยู่มาก และค่อนข้างเป็นที่ต้องการของบริษัทชั้นนำ เพื่อนเราหลายคนสามารถเปลี่ยนงานได้โดยไม่ต้องสมัครผ่านที่ไหน แต่ผลงานมันจะประกาศตัวเราเองในวงการ บอกกันปากต่อปาก และจะมีคนชักชวนไปทำงานที่ดีและน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆเองค่ะ ด้วยความที่อยู่สายนี้โดยตรง เราว่างาน logistics หลากหลาย แต่มีไม่กี่คนที่ทำได้ดีค่ะ เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งเลยอยากจะชวนเข้ามาสัมผัสสายนี้ดูบ้างค่ะ อยากให้วงการ logistics ไทย มีคนคุณภาพเยอะๆค่ะ ^^ จากคุณ : นุต เขียนเมื่อ : วันจักรี 54 15:59:56

ความคิดเห็นที่ 10 ตอบดี ๆ ก็ได้จ้า ....      ผมว่าเจ้าของกระทู้ยังเป็นผ้าขาวในวงการทำงาน ก็เลยถามอย่างนั้น ในชีวิตจริงทุกสายงานที่คุณว่ามีโอกาสประสพความสำเร็จได้เหมือน ๆ กัน แต่คนที่ทำงานเหล่านั้น รักในงานที่ไม่เท่ากันแน่ อย่างเช่นคนชอบลุย ชอบพวกพ้อง ให้ไปทำงาน QC/QA คงหงุดหงิดน่าดู แต่ถ้าชอบงานเอกสาร ชอบสถิติ ไม่แคร์โรงงาน ย้ายงานไปได้หลาย ๆ สาย ก็เหมาะ       ถ้าชอบลุย ชอบพวกพ้อง เอาเลย production แต่ถ้าอุตสาหกรรมใหนสนใจเป็นพิเศษ อยากจะฝังตัวในอุตสาหกรรมนั้นก็เอาเลย process engineer ถ้าคิดว่าชาตินี้จะไม่ย้ายสายงานแระ แนะนำครับ แต่ถ้าผ่าน process engineer มาได้ สายงานใหน ๆ ในโรงงานนั้นก็ไปได้หมด แถมไม่มีใครหลอกได้       พวก shipping , purchsing อะไร เทือก ๆ นี้ก็เหมาะกับคนที่คิดว่า เดี๋ยวก็จะย้ายงาน หรือ เดี๋ยวก็จะไปทำอาชีพอิสระเอง เพราะ เส้นทางทำมาหากินมันเยอะครับ เห็นมาหลายคน ไม่อยู่นานซักคน ไปหาเส้นทางรวยอย่างอื่น       สุดท้าย โอกาสในการใช้ความรู้ ได้ความรู้ อะไรที่คุณบอกมา มันก็ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อย่าคาดหวังมากนัก ความรู้รอบตัว ความรู้จักการใฝ่ศึกษาในงาน ความรู้จักคน นี่แหละ จะเป็นบันใดให้ประสพความสำเร็จได้        ถ้าอยากได้ความรู้ ผมว่าไปเป็นอาจาร์ยดีกว่า แต่ถ้าอยากได้เงิน และมีความสุขในงาน เชื่อผมเถอะ ต้องรู้ตัวว่าชอบอะไร แล้วลุยโลด จากคุณ : BigMooHuHu เขียนเมื่อ : วันจักรี 54 17:32:03

ความคิดเห็นที่ 11 คุณตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้แล้วหรือยัง ถ้ายังตั้งให้ได้ก่อน แล้วเรื่องอื่นค่อยแพลนตามเป้าหมายชีวิต ปล. เป้าหมายชีวิต ไม่ใช่ถามว่าควรทำงานสายอะไร งานอะไรรุ่ง เงินเดือนควรเท่าไร ควรตั้งเป้าหมายว่า อยากมีทรัพย์สินเท่าไร ทรัพย์สินอะไรบ้าง ประกอบอาชีพอะไร อยากเป็นอะไร อะไรที่ทำให้ชีวิตมีความสุข แล้วเดินไปทางนั้น จากคุณ : Peet Reloaded เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 13:05:12