ความคิดเห็นที่ 1 ข้อสอบมันยากขึ้นด้วยค่ะ เพราะมีการแข่งขันสูง อจ.ก็ต้องพยายามออกข้อสอบให้มันยากมากยิ่งขึ้น จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 18:47:45

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่แน่ใจนะสมัยรุ่นผมเรียน ม.ปลายก็ประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ง่าย ๆ ได้แล้ว แต่สมัยนี้คำนวนได้แต่ประกอบไม่ได้ - -* จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 18:49:32

ความคิดเห็นที่ 3 อาจารย์ในโรงเรียนมันสอนแค่ต้นหญ้า แต่ออกข้อสอบอวกาศ ดังนั้นคนที่ไม่ไปเรียนกับมันก็ไม่รู้เรื่อง ผลออกมาก็เลย สอบตก สอบซ่อม สอบได้คะแนนน้อย จากคุณ : aekerteam เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 18:50:51

ความคิดเห็นที่ 4 1. เรื่องจริงครับ เอาชัด ๆ ว่าเอาข้อสอบย้อนหลัง 30 ปีมาดูได้เลยครับ ระดับความยากต่างกันมาก ทั้ง ๆ ที่เป็นข้อสอบเข้ามหาลัยเหมือนกัน (เมื่อก่อนเรียก Entrance, เดี๋ยวนี้คือ GAT, PAT จุดประสงค์เดียวกันคือใช้คะแนนกลาง ยื่นได้ทุกมหาลัย) 2. จะโทษการศึกษาอย่างเดียวก็ไม่ได้หรอกครับ ของพวกนี้ ต้องช่วยกันทั้งนั้นแหละครับ ทั้งตัวนักเรียน ผู้ปกครอง ครู-อาจารย์ ทิศทางจากกระทราวงศึกษาธิการ อีกอย่างหนึ่งเลย คือ เด็กสมัยนี้เอาเวลาไปเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์+โทรศัพท์เยอะมาก จนทำให้ไม่อยากทำอย่างอื่น เมื่อก่อนตัวเลือกการเล่นมีไม่มากหรอกครับ อ่านหนังสือ เล่นกีฬา ดนตรี อีกอย่างหนึ่ง คือ สังคมเรายังมองเห็นเรื่องวุฒิการศึกษา เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าประสบการณ์ หรือความคิดสร้างสรรค์ ทำให้มีคนอยากได้ปริญญากันมาก เมื่อ Demand มากขึ้น Supply ก็ต้องเพิ่มตาม การเรียนป.ตรี ให้จบ ก็ง่ายขึ้นด้วย หลาย ๆ อย่างทำอะไรง่าย ๆ (มักง่าย) แล้วมันสบาย ก็เลยไม่รู้จักความลำบาก ทำให้แก้ปัญหายาก ๆ ไม่ได้ ที่บ่น ๆ มานี่ หลาย ๆ อย่าง ตัวผมเองก็มักง่ายเหมือนกันครับ (มันสบายนี่นา) ซึ่งมันก็เป็นความเห็นส่วนตัวของผมคนเดียว คนอื่นคิดเหมือน หรือคิดต่าง ร่วมแบ่งปันกันได้ครับ จากคุณ : basicguy เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 18:52:34

ความคิดเห็นที่ 5 จะว่าไปเคยเอาข้อสอบวิชาป.ตรี ของรุ่นพี่ซัก 10 ปีก่อนมาดู ข้อสอบออกยากมากๆ เรียกว่าแทบทำไม่ได้เลย ต่อมาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ก็สังเกตเหมือนกันว่า ข้อสอบหลายปีก่อนๆของเค้าก็ยากมากๆเหมือนกัน แทบทำไม่ได้เลย แสดงว่าถ้ายึดเรื่องนี้เป็นเกณฑ์ คงไม่ใช่แค่ที่ไทยอะครับ จากคุณ : ผมรู้ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 19:13:47

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้านับเฉพาะคะแนนเฉลี่ย อาจจะจริง แต่อย่าลืมว่าเนื้อหายัดใส่มากขึ้นเรื่อยๆ เด็กเดี๋ยวนี้เรียนเยอะกว่าเมื่อก่อนมากจริงๆ จนเด็กส่วนใหญ่อาจตามเนื้อหาไม่ทัน แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องชม เด็กรุ่นใหม่มีนิสัยไม่เชื่ออะไรง่ายๆมากขึ้น กล้าแสดงออก ไม่สงสัยแล้วถามทันที เจอครูทำผิด กล้าแย้งตรงๆ (จนครูหัวโบราณหาว่าเด็กไม่มีสัมมาคารวะ) อ้อ เด็กเดี๋ยวนี้เรียนคอมกันเร็วขึ้น เขียนโปรแกรมกันเร็วขึ้น เข้าถึงองค์ความรู้ได้ง่ายขึ้น ถือเป็นข้อได้เปรียบจากเด็กรุ่นก่อนๆเหมือนกัน #5 กลับกัน สมัยผมจะ entrance ทำข้อสอบย้อนหลังสิบปี พบว่าปีใหม่ๆยากขึ้นมากกว่านะ โจทย์ซับซ้อนขึ้นด้วย เดี๊๋ยวนี้มันสลับกันแล้วเรอะ? หรือหมายถึงเนื้อหาข้อสอบระดับมหาวิทยาลัย อันนี้ไม่แน่ใจ จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 19:30:44

ความคิดเห็นที่ 7 หลายสาเหตุครับ     แต่สาเหตุใหญ่สาเหตุหนึ่งคือครู    ครูสมัยก่อนมีจิตวิญญาณความเป็นครูสูงมาก    ไม่ยอมปล่อยเด็กเลย     สอนแล้วเด็กต้องรู้ให้ได้    ไม่เข้าใจก็เคี่ยวเข็ญอยู่นั่นแหละ   และบทโหดสูงด้วย    เพราะสมัยนี้เฆี่ยนก็ไม่ได้   แต่สมัยก่อนเกือบจะตามใจครูเลย     แถมทางบ้านรู้ว่าโดนครูทำโทษมาพ่อแม่ฟาดซ้ำอีก      เด็กบางคนไม่มีเงินครูก็ส่งเสียให้เรียนเอง   ให้เงินเด็กใช้     เด็กบางคนบ้านมีปัญหาครูก็รับไปอาศัยอยู่กับครู (อันนี้แม่ผมเอง) แต่มองในอีกมุมหนึ่ง    ก็เพราะแนวความคิดเปลี่ยนไป     สมัยนี้ไม่ใช่ว่าเรียนในห้องเรียนได้ดีแล้วจะประสบความสำเร็จได้เสมอไป       แต่ละคนก็มีหนทางของตนเอง     ความสามารถ - พรสวรรค์ของเขาอาจจะไม่ได้อยู่กับหลักสูตรที่เรียนก็ได้ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 19:32:01

ความคิดเห็นที่ 8 สมัยก่อนเด็กเก่งกว่านี้หรือเปล่า - อืมมม ต้องดูว่าสถาบันไหนครับ บางสถาบันนโยบายการบริหารไม่ดี ทำให้เด็กไม่เลือก พอเด็กไม่เลือกคะแนน ent ก็ตก เด็กที่เข้ามามาตรฐานก็ต่ำลง อาจารย์สอนด้วยมาตรฐานเดิมก็ทำให้เด็กไม่ผ่าน กลายเป็นปัญหาอีก ไอ้เราจะลดมาตรฐานก็ไม่ได้ด้วย มะหลักมะเหลื่อ กลืนไม่เข้า คายไม่ออกเหลือเกิน แต่ที่เห็นชัดคือ "ความรับผิดชอบ" ลดลงเยอะครับ เดี๋ยวนี้สิ่งล่อตาล่อใจให้สติหลุดไปจากเรื่องการเรียนมีเยอะมาก แทนที่จะเอาพลังงานมาทุ่มกับการเรียนสัก 70% กลายเป็นเหลือ 10% การที่เด็กเรียนไม่ดีเป็นเพราะตัวเด็กหรือระบบการศึกษาไทย - ทั้ง 2 อย่างรวมกันครับ บวกสภาพสังคม ครอบครัว วัฒนธรรม และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายด้วย ตอนสอนอยู่เด็กบางคนเราก็เปิดใจเค้า ทำให้เค้ามาสนใจวิชาที่เราสอนไม่ได้ บางคนวาดภาพเก่งมาก แต่มาเรียนวิศวะคอมพ์ เพราะว่าที่บ้านไม่อยากให้ไปเรียนด้านนิเทศ หรือ ศิลปะ จากคุณ : เชฟต่าย เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 19:46:12 A:14.207.142.119 X: TicketID:019311

ความคิดเห็นที่ 9 ตามคห 7 ครูสมัยก่อนเหมือนพ่อแม่คนที่สองจริงๆ จากคุณ : Manta Ray กระเบนราหู เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 20:08:19

ความคิดเห็นที่ 10 อ่านหนังสือไม่ออก แล้วสอบผ่านมาถึง ม.ปลายเยอะมาก ผมว่าคุณภาพนักเรียนตกลงจริง แต่ไม่ใช่ความผิดของเด็ก จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 20:26:14

ความคิดเห็นที่ 11 ข้อ 1. ไม่รู้ เพราะไม่ได้คลุกคลีกับเด็กมหาลัย แต่ข้อ 2 อยากตอบว่าเด็กก็เหมือนผ้าขาว ผ้าขาวยุคก่อนกับผ้าขาวยุคนี้มันก็เหมือนกันนั่นแหละ จากคุณ : oryze เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 20:30:11

ความคิดเห็นที่ 12 สมัยก่อนครูมีเวลาทุ่มเทกับการสอนลูกศิษย์มากกว่า เพราะไม่ต้องมาทำผลงานวิชาการ เขียนรายงานความก้าวหน้าบ้าเลือดกันอย่างทุกวันนี้ จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 20:40:10

ความคิดเห็นที่ 13 จะมองมุมเดียวแล้วโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ถูกนะครับ ปัญหามันพ่วงกันมาทั้งระบบแล้วครับ เริ่มจากที่บ้าน พ่อแม่ ตามใจ หรือบางทีก็ปล่อยปละละเลย จนเด็กนิสัยเสีย ทำให้ทุกอย่างจนเด็กขี้เกียจ รอแต่คนทำให้ ดูง่ายๆ แต่จะพิมพ์ค้นหาคำถามเก่าๆ ยังขี้เกียจกันเลย พอมาถึงโรงเรียน เจอครูที่ไม่มีจิตสำนึกของความเป็นครูเข้าไปอีก แต่ครูบางคนก็น่าสงสาร อยากจะมีเหมือนกัน ไอ้จิตสำนึกเนี่ย บ้านต้องเช่า ข้าวต้องซื้อ แถมเบิกค่ารักษาพยาบาล พ่อแม่โดนตัดทิ้งอีก โยนไปให้บัตรทอง (อยากพิมพ์ต่อแต่เดี๋ยวนอกประเด็น) เงินกู้อีก ดิ้นรนกันเข้าไป ไหนจะเห็นแก่ตัว ทำผลงาน หาทางหาเงินเพิ่มสารพัด สังคมก็แสนดี อะไรที่มันไม่ดี ก็ประโคมออกสื่อกันเข้าไป เด็กเสพแต่สิ่งเลวๆ สื่อดีๆ ทำได้ไม่กี่น้ำหรอก เจ๊งไม่เป็นท่า ผู้ใหญ่ในสังคมเลย เห็นแก่เงิน ยัดมันเข้าไป ค่านิยมฟุ้งเฟ้อ ปรนเปรอเด็กด้วยวัตถุ สุดท้าย ก็ผิดกันทุกฝ่ายแหล่ะครับ รวมถึงผมด้วย จากคุณ : ตาบอดสี เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 21:02:31

ความคิดเห็นที่ 14 ใช้คำว่าสมัย เป็นตัวแบ่งเวลา จึงไม่กำหนดระยะที่แน่ชัดก็แล้วกัน สมัยก่อน ผู้ที่จะเป็นครู ต้องเป็นผู้ที่เรียนเก่ง สอบได้ที่ 1 นี่ได้ไปเป็นครูแน่นอน เรียนไม่เอาไหน สอบได้ที่โหล่ ไม่มีที่ไหนเขารับไปเป็นครุ เมื่อสังคมเปลี่ยนไป ไม่มีที่จะไปแล้ว จึงไปเรียนครู สมัยที่มีวิทยาลัยครู เอนทรานซ์ที่ไหนไม่ได้แล้ว ไปเรียนครู ทุกวันนี้พัฒนาเลิกวิทยาลัยครู แต่ก็ยังสอนวิชาครู ไปไหนไม่รอดแล้ว ไปเรียนครูเช่นเดิม ครูคือเรือจ้าง เรือจ้างรั่ว ผุพัง ก็พานักเรียนล่มลงไปด้วย จากคุณ : ข้าพเจ้า เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 21:20:08 A:192.168.200.189 X:101.108.30.58 TicketID:295916

ความคิดเห็นที่ 15 การวัดผลต่างกัน เปรียบเทียบตรงๆไม่ได้ แต่เพราะเราเองหวังพึ่งแต่ระบบมากเกินไป ไม่ได้ร่วมช่วยแก้ไขด้วยครับ หรืออาจยังไม่รู้จริงพอจะไปร่วม แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 54 21:45:44 แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 54 21:33:43 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 21:22:49

ความคิดเห็นที่ 16 เปิดเทอมนี้ สมศ เข้าเหมือนสรรพากรเข้า ยังไม่ได้เขียนหลักสูตรเลย ต้องนั่งสอนหนังสือ อย่างเดียว เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย จากคุณ : ทาสเทวี เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 22:16:26

ความคิดเห็นที่ 17 ความรู้ไม่แน่ใจ เพราะไม่เคยเอ็นท์ จึงไม่ขอออก คห. ที่แน่ๆ ความรับผิดชอบ ความเกรงใจ ระเบียบวินัย คนสมัยก่อนมีมากกว่าแน่นอน ไม่เชื่อไปถามนายจ้าง หรือคนทำงานเก่าๆ มักจะบอกกันว่า - เด็กจบใหม่เกี่ยงงาน ถือว่าจบสูง จะให้ไปใช้แรงบ้างเป็นครั้งคราวก็ไม่พอใจ - เด็กจบใหม่ไม่สู้งาน มาใหม่พอเจองานยากๆ หน่อยลาออกเลยก็มี - อันนี้ได้ยินมาจากคนเคยทำแผนกสัมภาษณ์งาน เขาบอกเด็กสมัยนี้คำถามแรกคือค่าแรง ส่วนเมื่อหลายปีก่อนคือลักษณะงาน ( ข้อนี้ขออภัยที่ใส่อารมณ์ ถ้าผมเป็นคนสัมภาษณ์แล้วเจอคนถามค่าแรงก่อน ผมกาหัวทิ้งเลยทันที ไม่มีอุทธรณ์ ) ปล.ไม่ใช่ว่าตัวเองดีเลิศ นี่ครบ 10 ปีนามแฝงนี้แล้ว ชีวิตยังไม่ไปไหนเลย เหตุแห่งกรรมคือขี้เกียจ + โลเลล้วนๆ ( แต่เห็นเด็กเดี๋ยวนี้ รู้สึกว่าหนักกว่าตัวเองอีก วันๆ เห็นขลุกอยู่แต่ร้านเกม พ่อแม่หลายคนบ่นว่าไม่ใช่แค่การเรียนตก แต่ถึงขนาดถูกให้ออกเพราะรู้ว่าตกแต่ก็ไม่พยายามไปซ่อมก็มีมาแล้ว ) จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 00:14:36

ความคิดเห็นที่ 18 ประหลาดใจ... คุณ TonyMao มีอายุแล้วเหรอครับ.. นึกว่ายังหนุ่มๆ.... -_-? อ่านมาสักพักนึงแล้ว ทำให้นึกถึงสุภาษิตจีนที่บอกว่า "ธุรกิจจีนรุ่งเรือง 3 ชั่วอายุคน" - พ่อแม่ ลำบาก สร้างกิจการตั้งต้น - ลูก ลำบาก ทำกิจการให้เติบใหญ่ - หลาน สบาย ทำไปวันๆ กันบุญเก่า สุดท้ายล่มสลาย ความรักความหวังดีของพ่อแม่ผู้ปกครอง ก็สร้างให้เด็กรุ่นใหม่เป็นแบบนี้ด้วยเหมือนกัน มีใครเห็นด้วยบ้างว่า ตอนนี้สังคมเราชอบความ "สบาย" มากกว่าความ "ท้าทาย" พ่อแม่ รักลูกหลาน อยากให้ลูกหลานสบาย ไม่อยากให้ลำบาก ก็ตามใจแล้วก็สปอยล์กันเข้าไป เด็กเล็กติดกระดุมช้า พ่อแม่ก็รำคาญ จัดการติดให้เลยดีกว่าเพราะว่าเร็วดี ไม่ยอมให้โอกาสเด็กได้สร้างข้อผิดพลาด เพื่อที่จะได้ปรับปรุงและพัฒนาด้วยตัวเอง "ความผิดพลาดจำเป็นสำหรับการเรียนรู้" ถ้าเรามัวแต่ปกป้องเด็กจนเป็นไข่ในหินอย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่เด็กจะแข็งแกร่งหล่ะครับ สัมผัสกับเด็กมาช่วงนึงของชีวิตครับ เด็กที่เรียนไม่เก่งจากประสบการณ์ผมแบ่งเป็นประเภทดังนี้ครับ 1) หัวไม่ดี มีปัญหาด้านการเรียนรู้ (Learning disability) อันนี้มีครับ แต่ว่ามีน้อย 2) หัวปกติ แต่สิ่งที่เรียนไม่ใช่สิ่งที่อยากรู้ ก็เลยไม่สนใจ อันนี้ก็ไม่รู้จะทำไงครับ เป็นกรณีที่ยากจริงๆ ชั่วโมงให้ทำ lab เขียนโปรแกรม แต่เอาเกมส์มาเล่นในห้อง เตือนแล้วก็ไม่ฟัง ถึงเวลาส่งงานก็ copy งานส่ง คะแนนก็ช่างมันเพราะว่าน้อยกันทั้งห้อง (แงๆๆๆ ประสบการณ์อันขมขื่น T-T) 3) หัวปกติ อยากรู้ แต่ไม่มีวิธีการเรียนรู้ที่ดี สัมผัสกับวงการศึกษามาช่วงนึง เห็นต่างจากคนรุ่นเก่าครับ ที่ว่า ต้องขยันจึงจะเก่ง ผมสังเกตุเห็นเด็กเก่งๆหลายคนพบว่า เค้าไม่ได้ใช้ความพยายามแบบหัวปักหัวปำนะครับ แต่เค้ามีเทคนิค คนนึงตอนนี้อยู่ PwC ก็เป็นคนมีระเบียบมากๆ จัดเก็บเอกสารเป็นระเบียบค้นหาง่าย อีกคนได้เลื่อนเป็น Senior ที่ MFEC คนนี้ก็บริหารจัดการเวลาดีมากๆ รวบงานที่ใกล้เคียงกันมาทำทีเดียว บางคนมีเทคนิคในการจด lecture แบบพิเศษที่ทำให้จำง่าย ทบทวนง่าย โอ้ว... เทคนิคสารพัด ผมเป็นคนนึงครับ ที่พ่อแม่พยายามคะยั้นคะยอบังคับให้กลับไปทำงานบริษัท ด้วยเหตุผลว่า เรียนมาก็สูง ประสบการณ์ก็พอมี จะมาลำบากทำกิจการเป็นของตัวเองทำไมไปอยู่บริษัทดีๆกว่า สบายๆ แต่โชคดีที่ดื้อ เลยอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ สรุปผมว่า ที่เด็กรุ่นใหม่ไม่มีใจเรียนรู้เท่าเด็กรุ่นเก่าก็เพราะ "ความรักสบายมากกว่าความท้าทาย" กำลังทำร้ายเราอยู่ครับ ปล. ก่อนที่จะ submit แม่ผมก็บ่นกับหลานว่า "เห็นมั๊ย พวกเธอหน่ะสบาย พวกชั้นเมื่อก่อนลำบากแค่ไหน.. .-_-" เอาเถอะ แม่อวยพรก่อนนอนรั้บรองคืนนี้ฝันดี... ^-^ จากคุณ : เชฟต่าย เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 00:52:13 A:14.207.142.119 X: TicketID:019311

ความคิดเห็นที่ 19 หลักสูตรแกนกลางยากขึ้นกว่าเดิม สมมติว่าคุณเรียนสมัยก่อนตอน ม.2 หลักสูตรนั้น ได้นำมาให้เด็ก ป.5 เรียนในปัจจุบันค่ะ ที่ดูชัดเจน และแตกต่างกันเห็นๆคือ ภาษาอังกฤษ หลักสูตรปี 33 ยังพอไหว เด็กพอเรียนได้ มาเปิดดูหนังสือภาษาอังกฤษ ป.1 ปี 51 ป.5 ก็ยังอ่านไม่ออก การศึกษาไทยล้มเหลวเพราะหลักสูตร ที่ไม่เหมาะกับวัยและลักษณะการเรียนรู้ของเด็ก สมัยก่อน เราเรียนภาษาอังกฤษเกือบทุกวัน หลักสูตร 51 ให้เด็ก ป.1 เรียน 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หนังสือตามหลักสูตร 51 ฝรั่งที่มาฝึกสอน ก็ยังสอนไม่ได้ บอกว่ายากเกินวัย ล้มเหลวกันทั่วประเทศ คุณครูก็บ่น แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 54 01:25:32 จากคุณ : คนของเจ้าน้อย เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 01:16:12

ความคิดเห็นที่ 20 ตั้งแต่พรบ.ประกันคุณภาพการศึกษา ออกมา  คุณภาพเด็กแย่ลง จากคุณ : Captain_A เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 01:36:49

ความคิดเห็นที่ 21 อยากเข้ามาแชร์ แต่เจอบางคหเรียกคนเป็นครูว่า "มัน" หมดอารมณ์ตอบ บางครั้งคนไม่มีสัมมาคารวะก็ไม่ควรค่าแก่การสั่งสอนหรอกครับ อย่าโทษครูเลย ว่าตัวเองเถอะครับ (@_@) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 02:31:35

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ ครูสมัยนี้บางคนยังมีเรียกลูกศิษย์ว่า มรึง เลยครับ  ถึงจะยอมรับว่าเด็กไม่มีสัมมาคาราวะมันเยอะ แต่ครูที่ทำตัวให้สมครูสมัยก็นี้ก็น้อยลงเยอะเหมือนกัน ส่วนตัว เด็กเจนเก่า (ก่อนเน็ตจะรุ่งเรือง) มีความสามารถการค้นคว้าข้อมูลและซึมซับดีกว่า ใครทำรายงานสมัยก่อนจะเข้าใจว่า ได้มาเรื่องนึง ปวดตับ เพราะกูเกิล้มันไม่มี!! หรืออีกแง่ ช่วงที่มีก็ไม่แพร่หลาย ต้องหาหนังสืออ่าน สรุปย่ออะไรต่างๆเอง บางที่ตอนนั้น เขียนมือด้วย คห.17 บางครั้งการถามค่าแรง ส่วนตัวผมนะ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะสมัยนี้กับสมัยก่อนอัตราเงินมันต่างกัน อีกทั้งเราไม่รู้ว่าฐานะครอบครัวชีวิตคนมาสัมภาษณ์เป็นอย่างไง เพื่อนผมบางคนไปสัมภาษณ์มันก็ต้องถาม เพราะมันเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตต่อไป ถ้าว่าถ้าเรตเงินที่ได้มันต่ำเกินไป มันจะเอาเงินที่ไหนส่งให้พ่อแม่ เลี้ยงตัว จ่ายค่าบ้าน ผมว่าการถามเรื่องนี้มันก็ปกติ แต่อาจโดนท้วงเรื่องการให้ความใส่ใจอย่างแรก ส่วนตัวผมไม่ปฎิเสธว่าคนเราทำงาน มันก็ต้องสนใจว่าได้เงินเท่าไหร่อยุ่แล้ว แต่ถ้ามันถามแต่เงิน ไม่ถามอย่างอื่นเลย นี่สิ น่าคิด เป็นผม ผมก็กา แสดงว่าไม่ได้ใส่ใจกับการงานเลย แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 54 02:49:20 แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 54 02:48:04 จากคุณ : recnalxam เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 02:46:55

ความคิดเห็นที่ 23 อย่าพูดถึงเด็กโรงเรียนต่างจังหวัดนะ (ที่ไม่ใช่โรงเรียนประจำจังหวัด หรือในตัวเทศบาล) อันนั้นเรียนเหมือนไม่ได้เรียน หลานผมเอง เลยต้องเอามากวดวิชาทุกปิดเทอม จากคุณ : I love Alpha เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 06:31:27

ความคิดเห็นที่ 24 ผมว่าเด็กสมัยนี้ก็เหมือนสมัยก่อนแหละครับ เด็กเรียนก็มี เด็กเล่นก็มี เด็กเลวก็มี แต่ว่าผู้ใหญ่ที่เป็นนักวิชาการส่วนมากเคยเป็นเด็กเรียนมาก่อน และผู้คนแวดล้อมของเขาก็คงเป็นแบบนั้น พอต้องมาเจอเด็กเล่น เด็กเลว เลยไปสรุปเอาเองว่า เด็กสมัยนี้มันห่วยแตก การสรุปแบบนี้ทำให้ผมคิดว่า ผู้ใหญ่ที่สรุปแบบนี้นั่นแหละที่มันเป็น ผู้ใหญ่สมัยนี้มันห่วยแตก ผมเห็นเพื่อนๆมาหลายกลุ่มครับ แล้วตอนนี้ก็เห็นเด็กหลายกลุ่มเหมือนกัน ก็เลยเข้าใจครับ ว่า เด็กสมัยนี้มันไม่ได้ห่วยแตก(ไปกว่าสมัยก่อนหรอกครับ) อ่านคอมเม้นท์บางท่านที่บอกว่าเด็กถามค่าแรงแล้วกาหัวเลย ส่วนตัวผมหากบริษัทไม่ตอบเรื่องค่าแรงตอนนัดสัมภาษณ์ผมก็กาหัวเหมือนกันครับ แฟร์ๆ ครับ ไม่ใช่บริษัทเลือกพนักงานฝ่ายเดียวครับ พนักงานก็เลือกบริษัทเช่นกัน ถ้าบริษัทไม่ให้ถามเรื่องค่าแรง ก็ควรจะเขียนระบุไว้ในประกาศรับสมัครเลย คนที่อยากได้ค่าแรงตามที่ประกาศเท่านั้นจะได้ไปสมัคร จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 08:35:14

ความคิดเห็นที่ 25 เพราะแต่ก่อน เป็นระบบเอ็นหรือเปล่า สมัยนี้ โอเน็ท อีเน็ท แอเน็ท ฯลฯ จากคุณ : LAPD21 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 08:45:27

ความคิดเห็นที่ 26 จะว่าไป ข้อสอบจะยากหรือจะง่าย มันก็มีเด็กสอบได้คะแนนเต็ม นะครับ เรื่องนี้มันต้องดู หลาย ๆ อย่างประกอบ การศึกษามันต้องเข้าถึง ทุกพื้นที่ในประเทศไทยให้ได้ ถ้าไม่ได้ มันก็เป็นอยู่อย่างนี้แหละ จากคุณ : lovodath เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 10:02:29

ความคิดเห็นที่ 27 เพราะความเหลื่อมล้ำกันระหว่างสมองของเด็กนักเรียนเอง โรงเรียน และสังคม+โอกาส เลยต้องเผชิญกับปัญหาแบบนี้ เด็กเก่งก็เก่งเกินมาตรฐานมาก เด็กอ่อนก็อ่อนกว่ามาตรฐาน อีกส่วนหนึ่งเป็นเด็กกลางๆ ที่ไม่ค่อยเด่นชัด ถ้าเอาข้อสอบแบบง่ายๆ มีหวังผ่านหมด วัดอะไรกันไม่ได้ ถ้าเป็นข้อสอบกลางๆ จะแยกได้แต่เฉพาะเด็กไม่เก่งกับเก่ง แต่ถ้าเผื่อข้อสอบยากมาก จะแยกออกระหว่างเด็กเก่งกับเก่งมาก ที่บอกว่า เดี๋ยวนี้เพราะเด็กเก่ง เค้าเก่งมากจริง จนต้องทำข้อสอบให้ยาก เวลาออกข้อสอบประเภทนี้ จนทำให้มีผลต่อเด็กเรียนอ่อน จากจุดนี้ ถึงได้คิดว่า เพราะความเหลื้อมล้ำมันมากไปนั่นเอง จนผู้ออกข้อสอบ ปฏิบัติให้เป็นผลสัมฤทธิ์ยากมาก ในการที่จะให้ครอบคลุมทั้งหมด จากคุณ : TheMATABA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 10:20:38

ความคิดเห็นที่ 28 f จากคุณ : f เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 14:28:20 A:115.87.6.103 X: TicketID:312772

ความคิดเห็นที่ 29 คนบนๆตอบหมดไม่รู้จะตอบไรดีแฮะ-*- แต่ถ้าหมายถึงคะแนนโอเน็ตล่ะก็...   ลองไปทำข้อสอบ16ตัวเลือกดูสิครับ จากคุณ : น้องตีปสุดหล่อข้ามทางช้างเผือก เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 16:44:26

ความคิดเห็นที่ 30 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 16:45:54

ความคิดเห็นที่ 31 เอาง่าย คนสมัยต้องมาตอบคำถามแบบนี้หรือเปล่า วันแม่ ควรจัดโต๊ะ จัดดอกไม้ ทำอาหารอะไรให้คุณแม่กิน นิดเป็นคนสวย ท้องก่อนแต่ง จะจัดการปัญหาท้องก่อนแต่งอย่างไร น้ำขวด 1 ลิตร ใส่ถั่วเขียวได้กี่เม็ด จากคุณ : bmjas เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 17:35:40

ความคิดเห็นที่ 32 สมัยก่อน ไม่มีคอม ไม่มีเกมส์ครับ  สมัยนี้เกมส์ออนไลน์ อินเตอร์เนต บีบี ไอโฟน มีแต่สิ่งที่จะทำให้เด็กหลงทางมากขึ้น จากคุณ : คุณหลอกดาว เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 19:27:16

ความคิดเห็นที่ 33 เ่ท่าที่อ่านมาผมว่าทุกข้อของปัญหาที่พูดกันมาทั้งหมดนี้ถูกหมดครับ จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง จะอ่านที่เวบไหนๆก็จะได้คำตอบประมาณนี้กันหมดเลย แต่เชื่อหรือไม่ครับ ไม่ค่อยมีใครเสนอวิธีการแก้ปัญหาเลย จากคุณ : Santi เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 54 15:40:08 A:58.8.174.119 X: TicketID:044871

ความคิดเห็นที่ 34 จริง... .............. ................ จากคุณ : บุรุษแห่งเสียงสาน เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 54 12:11:22