เยี่ยมชม H.T.M.S. Chakri Naruebet เรือธงแห่งราชนาวีไทย
|
 |
เยี่ยมชม H.T.M.S. Chakri Naruebet เรือธงแห่งราชนาวีไทย
สวัสดีครับ แล้วก็มาพบกันอีกครั้งในบทความนี้ครับ เมื่อวันที่ 1-3 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมาผู้เขียนได้มีโอกาสไปดูงานที่จังหวัดชลบุรี เลยได้เข้าพักภายในฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จริงๆแล้วที่ผู้เขียนไปดูงานนั้นเกี่ยวข้องกับหลักการทางธุรกิจครับ(ธุรกิจ แต่พักที่ค่ายทหาร?) แต่ในวันสุดท้ายผู้เขียนก็ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมอาวุธอีกชนิดหนึ่งของกองทัพ เรือไทยด้วย ไม่ต้องสงสัยครับ ผมคิดเหมือนคุณนั่นแหละ เรือที่ผู้เขียนไปเยี่ยมชมนั้นก็คือที่ได้ชื่อว่า เรือธงของราชนาวีไทย(กองทัพเรือไทย)ด้วย นั่นคือเรือหลวงจักรีนฤเบศร(H.T.M.S. Chakri Naruebet) วันนี้ผู้เขียนจะขอพาไปเยี่ยมชมกันครับ
แต่!!! ก่อนอื่นที่จะพาไปเยี่ยมชม เราไปทำความรู้จักกับเรือหลวงจักรีนฤเบศรกันก่อนครับ
เหตุผลที่ต้องมีเรือหลวงจักรีนฤเบศรนั้นคืออะไรกัน?
เหตุผล นั้นก็คือ ในช่วงปี พ.ศ.2532(1989) เกิดพายุไต้ฝุ่นเกย์ในอ่าวไทยบริเวณจังหวัดชุมพรขึ้น ซึ่งเจ้าพายุนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับคนในท้องที่เป็น อย่างมาก โดยที่กองทัพเรือไทยก็ได้รับมอบหมายหน้าที่จากรัฐบาลในการช่วยเหลือ กู้ภัย รวมไปถึง เยียวยาผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบจากไต้ฝุ่นเกย์ แต่ปัญหาก็คือในช่วงเวลานั้น เรือและเรือรบที่กองทัพเรือไทยมีอยู่ขณะนั้น ยังไม่มีขีดความสามารถพอในการฝ่าคลื่นลมในทะเล และความแรงของพายุเข้าไปได้ จึงทำให้การช่วยเหลือและกู้ภัย ประสบปัญหาอย่างมาก
กองทัพเรือไทยก็ได้เล็งเห็นถึง ความ จำเป็นในการจัดหาเรือที่มีขนาดใหญ่ สามารถทนต่อคลื่นลมในทะเลที่รุนแรงได้ เพื่อให้กองทัพเรือไทยสามารถนำเรือนั้นมาใช้ในการช่วยเหลือ กู้ภัย ทางทะเลได้ ทางกองทัพเรือไทยจึงได้มอบความไว้วางใจให้กับบริษัท บาซาน(ฺBazan)ใน ขณะนั้น ซึ่งเป็นบริษัทที่ต่อเรือรบให้กับกองทัพเรือสเปนและกองทัพเรืออื่นๆทั่วโลก เป็นผู้ดำเนินการออกแบบและเป็นผู้รับเหมาหลักในการต่อเรือขึ้นครับ
เรือ หลวงจักรีนฤเบศรได้รับคำั่สั่งให้ต่อเรือในปี 1992 และหลังจากที่บุคลากรของกองทัพเรือไทยได้รับการฝึกจากกองทัพเรือสเปนแล้ว เรือหลวงจักรีนฤเบศรก็ได้ขึ้นระวางประจำการในกองทัพเรือไทยในปี 1997 ครับ โดยที่ชื่อของเรือนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อเรือว่า >"เรือหลวงจักรีนฤเบศร"
คำว่า เรือหลวงจักรีนฤเบศร แปลว่า "ผู้เป็นใหญ่แห่งราชวงศ์จักรี"ครับ เนื่องจากเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่ มีขีดความสามารถสูง และเป็นเรือบรรทุกอากาศยานลำเดียวของประเทศไทยที่สามารถบรรทุกทั้งอากาศยาน ปีกหมุน และปีกตรึงได้ มีขนาดใหญ่ ทำการได้กว้างไกล ชื่อของเรือจึงเหมาะสมแล้วดังนี้ครับ
หมายเลขเรือ
เคยสงสัยกันไหมครับว่า หมายเลขบนเรือหลวงจักรีนฤเบศรที่ใช้หมายเลข "911" นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ตรงนี้สามารถอธิบายได้ตามหลักการกำหนดรหัสหมายเลขตัวเรือ(Hull Number)ครับ
การกำหนดรหัสหมายเลขตัวเรือนั้น เป็นวิธีหนึ่งในการใช้จดจำหรือบ่งบอกว่าเรือลำนั้นคือเรืออะไร ปกติการกำหนดหมายเลขรหัสตัวเรือ ในกองทัพเรือทั่วโลกจะต้องมีการกำหนดรหัสไว้เสมอๆครับ เพราะเป็นการอธิบายว่าเรือชื่ออะไร เพื่อให้เรียกง่าย สังเกต แยกแยะชนิดของเรือได้ง่าย ซึ่งการกำหนดรหัสหมายเลขตัวเรือนั้นจะกำหนดขึ้นตามการแบ่งของแต่ละกองทัพ เรือประเทศต่างๆกันไปครับ พูดง่ายๆคือ หมายเลขรหัสตัวเรือนี้กองทัพเรือแต่ละประเทศจะกำหนดกันไปตามแต่ละประเทศครับ ซึ่งจะกำหนดไม่เหมือนกัน เช่น กองทัพเรือสเปน(The Spanish Navy) ก็จะมีการกำหนดเลขรหัสตัวเรือของตัวเอง ซึ่งจะไม่เหมือนกับกองทัพเรือไทยครับ
การกำหนดรหัสหมายเลขเรือตามการแบ่งของกองทัพเรือไทย
ในส่วนของกองทัพเรือไทย มีการกำหนดหมายเลขตัวเรือหมายเลขแรกซึ่งหมาย
เลขแรกนี้ใช้เรียกประเภทของเรือแต่ละลำดังนี้ครับ
หมายเลขที่ 1 ใช้แทนเรือประเภท เรือบัญชาการและสนับสนุนการยกพลขึ้นบก
หมายเลขที่ 2 ใช้แทนเรือประเภท เรือดำน้ำ
หมายเลขที่ 3 ใช้แทนเรือประเภท เรือโจมตีเร็ว
หมายเลขที่ 4 ใช้แทนเรือประเภท เรือคอร์เวต เรือฟรีเกต เรือพิฆาต
หมายเลขที่ 5 ใช้แทนเรือประเภท เรือตรวจการ
หมายเลขที่ 6 ใช้แทนเรือประเภท เรือวางทุ่นระเบิด
หมายเลขที่ 7 ใช้แทนเรือประเภท เรือยกพลขึ้นบก
หมายเลขที่ 8 ใช้แทนเรือประเภท เรือช่วยรบ
หมายเลขที่ 9 ใช้แทนเรือประเภท เรือบรรทุกอากาศยาน(เรือบรรทุกเครื่องบิน)
ดัง นั้นตามหลักการแบ่งดังนี้แล้ว เรือหลวงจักรีนฤเบศร ซึ่งเป็นเรือที่ใช้บรรทุกอากาศยาน เช่น เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ จึงใช้เลขรหัสตัวเรือเลขแรกสุดว่า 9 ซึ่งหมายถึงเป็นเรือประเภทบรรทุกอากาศยาน นั้นเองครับ
หลังจากนั้นหมายเลขลำดับที่ 2 บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร จะใช้ในการแบ่งลำดับชั้นของตัวเรือ ลำดับชั้น(Class)ของเรือหมายความว่าอย่างไร?
ลำดับ ชั้นของเรือ(Class)ก็คือ ลักษณะของเรือที่มีคุณลักษณะของเรือนั้นเหมือนกันหรือแตกต่างกันไม่มากนัก หากการต่อเรือลำอื่นๆที่ต่อตามลำแรกมามีการกำหนดคุณลักษณะหรือลักษณะ ที่เหมือนหรือคล้ายกับเรือลำแรก ก็จะถูกกำหนดว่าเป็นชั้น(Class)เดียวกัน เพราะมีลักษณะสำคัญของตัวเรือเหมือนๆกัน
การเรียกชื่อชั้นเรือนี้ก็จะเรียกตามชื่อเรือลำแรกที่ต่อขึ้นในชั้นนี้นั่นเองครับ
ต่อ มาคือตัวเลขลำดับสุดท้าย(ลำดับที่ 3) จะหมายถึงลำดับของเรือที่ต่อเสร็จครับ เลขลำดับก็จะเรียงตั้งแต่เลข 1 2 3 ไปเรื่อยๆเป็นต้นไป
อย่างใน เรือหลวงจักรีนฤเบศร รหัสตัวเรือคือ "911" หมายถึง เป็นเรือประเภทที่ "9" คือเรือบรรทุกอากาศยาน เป็นเรือชั้นที่ "1"(ชั้นจักรีนฤเบศร) และเป็นเรือลำที่ "1" ของเรือบรรทุกอากาศยานชั้นนี้ครับ
ภารกิจของเรือ
ภารกิจของเรือหลวงจักรีนฤเบศรมีภารกิจอยู่ 2 ประการใหญ่ๆครับคือ
1.ภารกิจในยามสงบ
2.ภารกิจในยามสงคราม
1.ภารกิจในยามสงบ
ภารกิจ ในยามสงบของเรือหลวงจักรีนฤเบศร คือการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ ค้นหา กู้ภัย การอพยพประชาชน เนื่องจากเรือได้รับการออกแบบมาอย่างดีทำให้สามารถทนต่อคลื่นลมในทะเลได้แม้ จะมีพายุที่รุนแรงก็ตาม โดยสามารถทนต่อคลื่นลมในทะเลได้จนถึงระดับ Sea State 9 ซึ่งระดับนี้คลื่นจะมีความสูงมากถึง 13 เมตร
นอกนั้นภารกิจอีก อย่างของเรือหลวงจักรีนฤเบศรก็คือ การจัดไว้เป็นสถานที่สำหรับให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชม อนึ่งก็คือต้องการประกาศแสนยานุภาพที่ยิ่งใหญ่ของเรือให้ประชาชนชาวไทยได้ รู้จัก ในยามสงบเรือหลวงจักรีนฤเบศร จะจอดอยู่ที่ท่าเรือจุดเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบเพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ครับ ภารกิจอื่นๆของเรือในยามสงบก็คือ ควบคุมและรักษาสิ่งแวดล้อมในทะเลและบริเวณชายฝั่ง คุ้มครองผลประโยชน์ของชาติในทะเล
2.ภารกิจในยามสงคราม
ภารกิจ ในยามสงครามของเรือหลวงจักรีนฤเบศร ก็คือ การเป็นเรือธงควบคุม บังคับบัญชากองเรืออื่นๆในทะเล ในการปฎิบัติการรบขั้นแตกหัก ปฏิบัติการปราบเรือดำน้ำให้กับกองเรืออื่นๆเนื่องจากอากาศยานปีกหมุนบนเรือ อย่างเฮลิคอปเตอร์ที่สามารถใช้ในการปราบเรือดำน้ำได้ รวมไปถึง การป้องกันภัยทางอากาศและผิวน้ำให้กับกองเรือ
ลักษณะสำคัญของเรือหลวงจักรีนฤเบศร
ผู้สร้าง บริษัท บาซาน ประเทศสเปน
วางกระดูกงู 12 กรกฎาคม 2537
ปล่อยเรือลงน้ำ 20 มกราคม 2539
ขึ้นระวางประจำการ 20 มีนาคม 2540
ความยาวตลอดลำ 182.6 เมตร
ความยาวที่แนวน้ำ 164.1 เมตร
ความกว้างกลางลำที่แนวน้ำ 22.5 เมตร
ความกว้างดาดฟ้าบิน 30.5 เมตร
ความสูงถึงดาดฟ้าบิน 18.5 เมตร
ความสูงยอดเสา 42 เมตร
กินน้ำลึกเต็มที่ 6.2 เมตร
ระวางขับน้ำเต็มที่ 11,544 ตัน
ความเร็วมัธยัสต์ 12 นอต
ความเร็วสูงสุด 27 นอต
ระยะปฏิบัติการไกลสุด 10,000 ไมล์ ที่ความเร็ว 12 นอต
ระบบขับเคลื่อน
เครื่องจักรใหญ่แบบ CODOG (COMBINED DIESEL OR GAS TURBINE)
-เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ GM LM 2500 จำนวน 2 เครื่อง
-เครื่องยนต์ดีเซล MTU 16 V 1163 TB จำนวน 2 เครื่อง
คลัชท์ แบบ HYDRAULIC COUPLING และ SELF SYNCRONIZING SHIFTING CLUTCH
เพลาใบจักร จำนวน 2 เพลา หมุนออกนอกตัวเรือ
ใบจักรแบบปรับพิทช์ได้ จำนวน 4 ใบ/พวง
ระบบไฟฟ้า
เครื่องขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จำนวน 4 เครื่อง
เครื่องกำเนิดไฟฟ้า จำนวน 4 เครื่อง
เครื่องจักรช่วยและเครื่องจักรอื่นๆ
เครื่องปรับอากาศ ขนาด 155 ตัน จำนวน 3 เครื่อง
เครื่องทำความเย็น ขนาด 5 ตัน จำนวน 2 เครื่อง
เครื่องปรับแต่งอาการโคลงของเรือ จำนวน 2 ชุดเครื่อง
เครื่องผลิตน้ำจืดแบบ REVERSE OSMOSIS จำนวน 4 เครื่อง
ระบบลิฟท์ จำนวน 5 ตัว
อาวุธ
อาวุธป้องกันตนเองระยะประชิดแบบ SADRAL จำนวน 3 แท่นยิง
อาวุธปืน 20 มม. จำนวน 4 แท่นยิง
อากาศยานประจำเรือ
เครื่องบินขึ้นลงทางดิ่งแบบ AV-8S จำนวน 9 เครื่อง
เฮลิคอปเตอร์แบบ S-70B จำนวน 6 เครื่อง
โรงพยาบาล
ห้องรักษาพยาบาล ประกอบด้วย ห้องตรวจโรค ห้องผ่าตัด ห้องเอกซ์เรย์ และ ห้องทันตกรรม
ห้องผู้ป่วย สามารถรองรับผู้ป่วยได้ จำนวน 15 เตียง
ห้องผู้ประสบภัย สามารถรองรับผู้ประสบภัยได้ จำนวน 26 เตียง
.........................................................
หลัง จากที่ทราบรายละเอียดของเรือหลวงจักรีนฤเบศรแล้ว คราวนี้ก็ตามที่ผู้เขียนได้สัญญาไว้ คราวนี้ผู้เขียนจะพาไปเยี่ยมชมเรือหลวงจักรีนฤเบศรตามที่ได้สัญญาไว้ครับ ซึ่งรายละเอียดเพิ่มเติม เกร็ดอื่นๆ ผู้เขียนจะอธิบายเพิ่มเติมจากรูปเองครับ ไปชมกันเลยครับ
จากรูป เรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือธงของกองทัพเรือไทย
*****ในระหว่างที่ผู้เขียน โพสข้อความอยู่ ขอความกรุณาสมาชิกทุกๆท่าน อย่าพึ่งโพสข้อความขึ้นแทรกนะครับ จนกว่าจะขึ้นอ้างอิงครับ ขอบคุณครับ
แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 54 15:31:47
| จากคุณ |
:
Hacker-MI6  
|
| เขียนเมื่อ |
:
วันมหาสงกรานต์ 54 15:31:16
|
|
|
|
... เข้ามาดู
... เข้ามาเลีย
