ความคิดเห็นที่ 1 เห็นหัวกระทู้แล้ว จขกท ล่อเป้าใช่มั้ยเนี่ย เพี้ยนตรงไหน อยากรู้ - - จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 09:55:45

ความคิดเห็นที่ 2 คือ ในเมื่อ ไม่มีใครสังเกต ใน หลุมดำได้ มันก็เหมือน กล่องของขวัญ ที่ยังไม่ได้แกะ แหละครับ ทุกคนมีสิทธิ ที่จะเดาว่า ในกล่องมันคืออะไร ส่วนใหญ่ มักจะจินตนาการ เป็นสิ่งที่ตนอยากให้เป็น แต่ เรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า นักวิทยาศาสตร์ ก็คนเหมือนกัน กิน-ขี้-ปี้-นอน เขาไม่ผิดครับที่จะคิดอะไร แต่ คนที่ไปว่าเขานี่สิ แน่ใจหรือครับว่า คิดเองเป็น มีจินตนาการ มั่งไหม? จากคุณ : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:05:45

ความคิดเห็นที่ 3 สมัยก่อน ก็คิดว่าอันนั้นอันนี้ เป็นไปไม่ได้ คนคิดมันบ้าบอ เพี้ยน ปัจจุบัน หึึ หึ เอาเป็น รอดูกันต่อไป อีก หลายร้อย หลายพันปี เกิดมันเป็ความจริงขึ้นมา ใครจะไปรู้ จากคุณ : Maxilla เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:09:04

ความคิดเห็นที่ 4 นักวิทยาศาสตร์ เชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ด้วยหรือ คราวนี้ศาสตราจารย์ฝรั่งเสนอแนวคิดเอง กะเหรี่ยงเอเซียจะกล้าเถียงหรือ คุณพ่อฝรั่งบอกมาเองนะ ========= มีอะไรอีกมากมาย ที่มนุษย์ยังไม่รู้ และอาจจะไม่รู้ได้เลยตราบสิ้นเผ่าพันธ์ ยิ่งงมงายในวิทยาศาสตร์มากเท่าไหร่ ยิ่งโง่ลงเท่านั้น ============= แล้้วเรื่องนี้ มันเกี่ยวอะไรกับ ไอแซค นิวตัน จากคุณ : ข้าพเจ้า เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:09:48 A:192.168.200.189 X:101.108.25.253 TicketID:295916

ความคิดเห็นที่ 5 บีะ คุณเองไปสำรวจหลุมดำเองมาแล้วรึ ประกาศในงานวิชาการแล้วรึ จึงรู้ว่าเป็นอย่างไร? จากคุณ : Zeichnung (Zeichnung) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:10:33

ความคิดเห็นที่ 6 โลกกลม ? เพี้ยนจริง ๆ "พูดแบบนี้บระจ้าไม่ปลื้มนะ" :) จากคุณ : dd เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:15:00 A:125.27.128.193 X: TicketID:312754

ความคิดเห็นที่ 7 วงโคจรก้นหอย? งั้นก็คงอยู่ไ้ด้ไม่นานละครับ สักพักคงถูกดูดลงไปในหลุมนั่นละ จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:30:48

ความคิดเห็นที่ 8 #7 ก้นหอยแบบนี้นะครับ จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:39:52

ความคิดเห็นที่ 9 อาณาบริเวณระหว่าง event horizon และ singularity อาจจะมีวงโคจรที่ "เสถียร" ให้อนุภาคหรือแม้แต่ดาวเคราะห์ทั้งดวงโคจรรอบๆ ใจกลางของหลุมดำได้ โดยเฉพาะภายในหลุมดำขนาดใหญ่ที่ใจกลางกาแล็กซี่ ^ ^ ^ ถ้ามันมีวงโคจรที่เสถียรจริง สิ่งมีชีวิตหรือดาวเคราะห์ที่ถูกกล่าวอ้าง ก็อาจจะเป็นไปได้นะ แต่ผมยังงงๆอยู่ว่ามันมีวงโคจรที่เสถียรได้ยังไง อย่างที่ คห.7 บอก ถ้าเป็นวงโคจรก้นหอยสักพักก็ต้องถูกดูดลงไป หรือว่ามันใช้เวลานานมากกว่าจะถูกดูด จึงทำให้มีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นได้ ถ้างั้นแปลว่าอาณาบริเวณของหลุมดำนั้นต้องกว้างใหญ่เหลือคณานับเลยทีเดียว จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:42:47

ความคิดเห็นที่ 10 ความคิดเห็นที่ 8 ดูภาพแล้วยังงงๆน่ะครับ อธิบายเพิ่มหน่อย เส้นสีรุ้งนั่นคืออะไรครับ ขอบเขตแรงดึงดูดของหลุมดำเหรอครับ จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:44:10

ความคิดเห็นที่ 11 ภาพนี้ผมเอามาจากบทความต้นฉบับครับ เขาบอกว่าเส้นสีรุ้งคือวงโคจรของอนุภาคแสง ส่วนเส้นสีน้ำเงินคือวงโคจรของดาวเคราะห์ครับ จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:46:33

ความคิดเห็นที่ 12 ้ถ้าแสงยังโคจรแบบนี้ ก็แปลว่าดาวเคราะห์ดวงนี้ยังไม่ได้อยู่ในอาณาบริเวณของหลุมดำไม่ใช่เหรอครับ (ยังมีแสงส่องถึงอยู่) แบบนี้จะเรียกว่าภายในหลุมดำได้หรือ จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:49:12

ความคิดเห็นที่ 13 จินตนาการ ก่อให้เกิดความรู้ใหม่ๆในปัจจุบันนะครับ จากคุณ : กยิราเจ กยิราเถนัง เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:52:59

ความคิดเห็นที่ 14 มันเป็นจินตนาการครับ เป็นเรื่องดีนะผมว่า ถ้ามันไม่จริง เด๋วพอเทคโนโลยีพัฒนาไปอีกขั้น ก็คงมีหลักฐานหรือทฤษฏีอื่นมาหักล้างเอง อย่าไปว่าเค้าเลย จากคุณ : Aukub เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:54:08

ความคิดเห็นที่ 15 เพี้ยนตรงไหน จากคุณ : Ballmakoto2 เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:57:56

ความคิดเห็นที่ 16 ต่อให้เป็นตามรูปใน คห.8 วงโคจรมันก็ไม่น่าจะทำให้ดาวเคราะห์อยู่ได้หรอกครับ ถ้าเรานิยามคำว่า " วงโคจร " คือต้องเป็นการเคลื่อนที่เป็นกรอบไปทางด้านใดด้านหนึ่งแล้วมาสัมผัสที่จุดเดิม ( จะเป็นวงกลม วงรี หรือเป็นเหลี่ยมก็ช่าง ) ตาม คห.8 ก็ไม่น่าจะเรียกวงโคจรได้อะครับ จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:58:33

ความคิดเห็นที่ 17 เขาก็คำนวณแล้วเสนอว่าเป็นไปได้ ถ้าเจ้าของกระทู้คิดว่าไม่ใช่ก็คำนวณหรือทำการทดลองหักล้างสิครับ ทำได้ไหมล่ะ เพิ่มเติม รูปนี้มาจาก http://www.inr.ac.ru/ ไม่แน่ใจ 100% แต่คิดว่าน่าจะเป็นคนในข่าว ข้อมูลของสถาบันที่ทำอยู่ลองอ่านดูแล้วไม่ใช่สถาบันกระจอกงอกง่อยนะครับ http://www.inr.troitsk.ru/eng/english.html แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 54 11:09:44 จากคุณ : นายข่วย เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 11:06:02

ความคิดเห็นที่ 18 มันเป็นผลจากการคำนวนไม่ใช่หรือครับ ถ้าพูดให้ชัดๆคือ "จากทฤษฏีที่เรามีอยู่ คำนวนแล้ว มีความเป็นไปได้" ไม่เห็นเพี้ยนตรงไหน ไม่ใช่ว่านั่งฝันกลางวันแล้วพูดขึ้นมาลอยๆนี่ครับ แล้วเดียวพอมีข้อมูลมากขึ้นทฤษฏีนี้ก็อาจจะถูกล้มล้างไปก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นตัวเลขในอุดมคติที่เป็นไปได้แต่อาจจะไม่มีจริง ผลการคำนวนกับฝันกลางวันนี่คนละเรื่องกันเลยนะครับ แล้วนอกนั้นนิวตั้นต้องกุมขมับตั้งแต่มีทฤษฏีสัมพันทภาพแล้วครับ จากคุณ : NOVA เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 11:14:25 A:58.64.119.177 X: TicketID:237558

ความคิดเห็นที่ 19 จขกท.คงเข้าใจว่า โลกยังเป็นศูนย์กลางของจักรวาล จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 11:14:33 A:183.89.234.21 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ ข่าวน่าสนใจดี ยังไม่ได้เชื่อหรือปฏิเสธความคิดนี้ แต่ขอหาข้อมูลต่อแปปนะ ข่าว http://borderlandsciences.tumblr.com/post/4529174846/vyacheslav-i-dokuchaev-asks-is-there-life-inside Vyacheslav I. Dokuchaev asks “Is there life inside black holes?” in a recent research paper, speculating that “advanced civilizations may inhabit the interiors of supermassive black holes, being invisible from the outside and basking in the light of the central singularity and orbital photons.” This thought experiment reminds us of the hypothesis that we could be living inside a black hole, and what better place to hide from prying eyes and unwanted attention? เพิ่มเติม http://arxiv.org/abs/1103.6140 ลองหาเปเปอร์มาดูหน่อยดีกว่า น่าสนใจดี ตอนนี้ผมไม่ได้เกี่ยวข้องด้านวิชาการมานานแล้ว ใครหาได้รบกวนแชร์ทีครับ ยูเรก้า..... ได้มาละ http://arxiv.org/PS_cache/arxiv/pdf/1103/1103.6140v2.pdf อ่านสรุปในหน้า 7 ยิ่งน่าสนใจ The advanced civilizations may live safely inside the supermassive BHs in the galactic nuclei without being visible from outside. The naked central singularity illuminates the orbiting planets and provide the energy supply needed for living. An additional highlighting at night come from the eternally circulating photons. It worth to mention also some troubles (or advantages?)for living inside BH: the possible causality violation, and the growing energy density in the very vicinity of Cauchy horizon. อาจมีสิ่งมีชีวิตและอารยธรรมระดับสูงอยู่ซึ่งพลังงานที่ใช้ในการดำรงชีวิตมาจาก central singularity อืมมมม์ ไม่แน่นะ ตอนนี้อาจมีใครสักคนในนั้นคิดคำนวณอยู่ว่าข้างนอกนั่นอาจมีระบบซึ่งดาวเคราะห์โคจรรอบดาวฤกษ์แล้วโดนด่าว่าเป็นไอ้บ้าอยู่ก็ได้ แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 54 11:44:44 แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 54 11:44:23 แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 54 11:24:48 จากคุณ : นายข่วย เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 11:21:07

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วทำไม มันจะ "เป็นไปไม่ได้" หละครับ ช่วยบอกสาเหตุด้วยนะครับ จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 11:42:24

ความคิดเห็นที่ 22 เป็นไปได้ มันไม่ได้อยู่ ในหลุมดำอยุ่แล้ว น่าจะอยู่นอกขอบฟ้าเหตุการณ์ ด้วยซ้ำนะครับผม จากคุณ : joyrisus เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 11:49:27

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่เพี้ยนเลยก็มันเป็นแค่ทฤษฎีมีข้อบ่งชี้ แต่ก่อนใครว่าโลกกลมเขาก็หาว่าเพี้ยน กาลิเลโอ เกือบถูกเผาทั้งเป็นเพราะไปกล่าวว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ หลุมดำก็พบโดยการคำนวน ทางคณิตศาตร์ก่อนจะมีการพิสูจน์ ทฤษฎีแบบนี้มีแยอะแยะรอการพิสูจน์อยู่ จากคุณ : yaithan เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 12:11:35 A:223.204.224.117 X: TicketID:311809

ความคิดเห็นที่ 24 .... จากคุณ : Alnilam เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 12:35:24

ความคิดเห็นที่ 25 วิทยาศาสตร์ไม่มใช่ศาสนา ที่ห้ามแตะต้องคำสอนของศาสดา อีกอย่างไอแซ๊คนิวตันเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ล้มล้างทฤษฏีเก่าเหมือนกันนะ จากคุณ : bloodsoap_cdaz เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 12:51:27

ความคิดเห็นที่ 26 ระบบประสาทสัมผัส เราเป็นแบบนี้ จึงเห็นแบบนี้ ดังนั้น จะบอกว่า สิ่งที่เราเห็น คือความจริงไม่ได้ อาจมีสิ่งมีชีวิตในระบบอื่น ที่ไม่เหมือนมนุษย์เลยก็ได้ .......จักรวาลแต่ละจักรวาลจะมีลักษณะเหมือนจริง ตามทีประสาทสัมผัสรับรู้ สิ่งมีชีวิตในแต่ละจักรวาลก็จะบอกว่าตัวเองเป็นของจริง จักรวาลอื่นเป็นมายา เช่นเดียวกับที่เราบอกว่า โลก คือของจริง ภพภูมิ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตในภพอื่น ก็จะยืนยันว่า จักรวาลของตนคือของจริง กำลังสติของสิ่งมีชีวิตในแต่ละจักรวาล รับได้เฉพาะความถี่นั้น จึงรับรู้แต่เรื่องราวของจักรวาลนั้น หรือ จะสรุปง่ายๆว่า จักรวาลมีตัวตนขึ้นมาก็เพราะมันถูกสังเกต หลวงปู่ดุลย์ อตุโล เคยตอบคำถามที่ว่า สิ่งต่างๆที่ผู้บรรลุญาน อ้างว่าได้ไปเห็นในสวรรค์ นรก ภพภูมิต่างๆ จริงหรือไม่ หลวงปู่ตอบว่า “ที่เห็นนั้น เขาเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็นไม่จริง” ซึ่งคำตอบนี้ ตรงกับ การอธิบายของไฮเซนเบิร์ก ผู้วางพื้นฐานทฤษฎีควอนตัมว่า “ปรากฏการณ์ที่เห็นเป็นจริง แต่โลกที่ถูกเห็นไม่ใช่ของจริง” (Only phenomena are real , the world beneath phenomena is not real) ถ้าถามไอน์สไตน์ว่า เรานั่งรถจากกรุงเทพ ไปชลบุรี ระยะทาง 80 กิโลเมตร ถามว่า 80 กิโลเมตรจริงหรือไม่ เขาก็คงจะตอบว่า ระยะทางที่เห็นเป็นจริง แต่ ระยะทางที่ถูกเห็นไม่ใช่ของจริง จากหน้า 55 หนังสือ ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น เล่ม 2 จากคุณ : Metaphysics เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 12:51:45 A:110.168.77.82 X: TicketID:246265

ความคิดเห็นที่ 27 คงได้แนวคิด จาก ใจกลางพายุใหญ่ หรือตา พายุ อากาศ บริเวณนั้น จะสงบ สดใสกระมังครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 13:11:23

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านดูแล้วมันก็เป็นไปได้นะครับ น่าคิด แต่มันก็ยังเป็นแค่ทฤษฎี อีกอย่าง ทฤษฎีของนิวตันก็โดนไอสไตน์ทำให้ด่างพร้อยเหมือนกัน เพราะมันใช้กับระดับจักรวาลไม่ได้ จขกท.ใจแคบไปนะครับผมว่า -0- เหมือนยึดติดว่าหลุมดำมันคือสถานที่ที่มีแรงโน้มถ่วงสูงอย่างเดียว ไม่สามารถเกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นได้ แต่อะไรๆมันก็เป็นไปได้ -0- เราไม่ใช่เจ้าจักรวาลนะครับ อย่าเอาตัวมนุษย์เป็นตัวตั้งเสมอไป ในหลุมดำ มันใช้กฎฟิสิกส์ของเราไม่ได้หรอก เปิดใจครับ เปิดใจ... จากคุณ : THANODOM (THANODOM) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 13:11:42

ความคิดเห็นที่ 29 แล้วเกี่ยวไรกะนิวตันอ่ะ ไอน์สไตน์ ก็แย้งนิวตันไปแล้ว ไม่เห็นเป็นไรเลย มันเป็นวิทยาศาสตร์ สามารถลบล้างได้ด้วย เหตุผล จากคุณ : สมบัติดี เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 13:32:18

ความคิดเห็นที่ 30 ตาพายุเป็นที่มีลมสงบได้นี่ครับ จากคุณ : CANDIX กลากไก่ชน เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 13:52:37 A:115.87.244.96 X: TicketID:065895

ความคิดเห็นที่ 31 เพี้ยนตรงไหน กุมขมับตรงไหน หดหู่ตรงไหน สมมุติฐานทางวิทยาศาสตร์ มันก็สามารถตั้งได้เรื่อยๆ ถ้ามีหลักฐานสนับสนุน หรือมันเข้าเค้าก็จะมีคนหาหลักฐานมาสนับสนุน ถ้าไม่มีอะไรยืนยัน สักพักมันก็ตกยุคไปเอง จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 13:55:35

ความคิดเห็นที่ 32 เคยอ่านในหนังสือเมื่อหลายปีก่อนพูดถึงว่า ที่จริงแล้ว "เอกภพ" ของเราก็คือ "หลุมดำ" นี่แหละ และเราๆ ท่านๆ ก็กำลังอยู่ในหลุมดำอันนั้น จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 14:04:58

ความคิดเห็นที่ 33 อยู่ในหลุมดำนะถูกต้องแล้วครับ เพราะทั้งหมดที่กล่าวนั้นอยู่ในขอบฟ้าเหตุการณ์(อาณาเขตของหลุมดำแสงไม่สามารถออกมาได้แล้ว) ที่แสงไม่สามารถหนีออกมาได้ โดยแสง(เส้นรุ้งที่เห็น)เป็นแสงที่เข้าไปอยู่ในขอบฟ้าเหตุการณ์แล้วแต่สามารถคงสภาวะโคจรอยู่รอบๆ singularity โดยไม่ตรงลงไปข้างในได้ ส่วนดาวเคราะห์นั้นเมื่อเข้าไปในขอบฟ้าเหตุการณ์แล้วถ้ายังสามารถคงตัวเป็นดาวเคราะห์อยู่ได้ และสามารถรักษาวงโคจรไว้ได้โดยบังเอิญ ก็จะโดนแรงดึงดูดมหาศาลอัดให้เล็กลงระดับอะตอม นอกจากนี้เพื่อที่จะสามารถรักษาวงโคจรรอบ singularity ไว้ได้จำเป็นต้องมีความเร็วที่สูงมากเกือบเท่าความเร็วแสง(99.9999999%ของความเร็วแสง) การที่ต้องโคจรเร็วขนาดนั้นวัตถุจะเล็กลงมากๆๆๆๆๆๆๆ ตามกฏสัมพันธภาพ ทำให้ดาวเคราะห์ดังกล่าวสามารถหลบอยู่ในขอบฟ้าเหตุการณ์ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่ไม่ตกลงไปใน singularity ดังนั้นถ้ามีสิ่งมีชีวิตจริงสิ่งมีชีวิตนั้นก็จะต้องตัวเล็กลงอัตราเดียวกับการหดตัวของดาวเคราะห์ ที่โดนแรงกระทำของหลุมดำ+ความเร็วเกือบเท่าแสง ถ้าอธิบายผิดถูกอย่างไร ก็ขออภัยณ.ที่นี้ จากคุณ : Ken Akamatsu เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 14:12:28

ความคิดเห็นที่ 34 เราเข้าใกล้หลุมดำได้ขนาดไหนกันครับ ณ.ตอนนี้ งั้นการเดาสุ่ม ก็เท่ากับเป็นวิทยาศาสตร์ งั้นหรือ? จากคุณ : หัวใจในลังกระดาษ เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 14:17:58

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ ^ เยี่ยมเลยครับ แต่ยังสงสัยนิดหน่อยตรงที่ว่า ตามรูปดาวเคราะห์มันโคจรอยู่นอกขอบฟ้าเหตุการณ์ไม่ใช่เหรอครับ แบบนี้ก็ไม่ได้เรียกว่าอยู่ในหลุมดำสิ น่าจะเรียกว่าโคจรภายนอกหลุมดำมากกว่า หรือว่าในรูปแสดงภาพคลาดเคลื่อน จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 14:19:02

ความคิดเห็นที่ 36 ความคิดเห็นที่ 16 ต่อให้เป็นตามรูปใน คห.8 วงโคจรมันก็ไม่น่าจะทำให้ดาวเคราะห์อยู่ได้หรอกครับ ถ้าเรานิยามคำว่า " วงโคจร " คือต้องเป็นการเคลื่อนที่เป็นกรอบไปทางด้านใดด้านหนึ่งแล้วมาสัมผัสที่จุดเดิม ( จะเป็นวงกลม วงรี หรือเป็นเหลี่ยมก็ช่าง ) ตาม คห.8 ก็ไม่น่าจะเรียกวงโคจรได้อะครับ จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) --------------------------------------------------------------------------------- ^ ^ ^ วงโคจรไม่จำต้องกลับมาสัมผัสที่จุดเดิมครับ คุณTonyMao_NK51 ยกตัวอย่างเช่นดาวพลูโตที่มีวงโคจรเป็นวงรี และดาวพุธที่มีวงครจรเป็นวงรีโดยไม่ต้องกลับสัมผัสจุดเดิม จากคุณ : Ken Akamatsu เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 14:19:24

ความคิดเห็นที่ 37 เยี่ยมเลยครับ แต่ยังสงสัยนิดหน่อยตรงที่ว่า ตามรูปดาวเคราะห์มันโคจรอยู่นอกขอบฟ้าเหตุการณ์ไม่ใช่เหรอครับ แบบนี้ก็ไม่ได้เรียกว่าอยู่ในหลุมดำสิ น่าจะเรียกว่าโคจรภายนอกหลุมดำมากกว่า หรือว่าในรูปแสดงภาพคลาดเคลื่อน จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา ---------------------------------------------------------------------------------- ^ ^ ^ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด เส้นสีรุ้งนั้นไม่ใช่อาณาเขตของขอบฟ้าเหตุการณ์ครับ ขอบฟ้าเหตุการณ์จะมีขนาดใหญ่กว่านี้ แต่เส้นสีรุ้งคือแสงที่เล็ดลอดเข้าไปในขอบฟ้าเหตุการณ์แล้วไม่สามารถออกมาได้ แต่ว่าสามารถรักษาวงโคจรของตัวเองรอบ singularityไว้ได้ (เสถียรพอดี) ทำให้ไม่สามารถออกมาได้(มองไม่เห็นเพราะอยู่ในขอบฟ้าเหตุการณ์)  แต่ก็ไม่ตกลงไปใน singularity ครับ ถ้าอธิบายผิดถูกอย่างไร ก็ขออภัยณ.ที่นี้ แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 54 14:36:10 แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 54 14:27:04 จากคุณ : Ken Akamatsu เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 14:25:50

ความคิดเห็นที่ 38 คิดว่าการจะเกิดภูมิปัญญาหรือสิ่งมีชีวิตขึ้นเนี่ย มันต้องมีปัจจัยด้านความหลากหลาย มีตัวแปร มีความน่าจะเป็นหลายๆอย่างเกี่ยวพันกัน สภาพภายในระกว่างซิงกุราลิตี้กับขอบฟ้าเหตุการณ์นั่น มันน่าจะมีพลังงานที่เข้มจนเกินไป ทำให้ทุกๆอย่างไปตามกระแสหลักอย่างเดียว ไม่เกิดความหลากหลายพอที่จะเกิดภูมิปัญญา หรือสิ่งมีชีวิตได้หรอก จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 14:37:05 A:10.0.1.74 X:180.183.122.223 TicketID:208572

ความคิดเห็นที่ 39 คิดว่าน่าจะเป็นแบบนี้นะครับ ดำ คือ singularity ชมพู คือ วงโคจรของแสง น้ำเงิน คือ วงโคจรของดาวเคราะห์ เขียว คือ ขอบฟ้าเหตุการณ์ (ไม่ได้แสดงในรูปจากข่าว) ส่วนเรื่องสิ่งมีชีวิตจะมีไหมก็คงสุดจะคาดเดา เพราะกฏของพิสิกข์อาจเอามาใช่ใน ขอบเขตของหลุมดำไม่ได้ = =a จากคุณ : Ken Akamatsu เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 14:44:39

ความคิดเห็นที่ 40 เข้าใจตามคุณ Ken Akamatsu ว่าครับ ในภาพประกอบนั้นคืออยู่ในขอบฟ้าเหตุการณ์ทั้งหมด เส้นสีรุ้งเป็นแนวการเคลื่อนที่ของอนุภาคแสงหลังจากที่หลุดไปอยู่ในขอบฟ้าเหตุการณ์แล้ว ไม่ได้หมายความว่าในหลุมดำจะมีแสงแค่ตามเส้นนั้น แต่หมายถึงว่าแสงในนั้นจะไม่ได้วิ่งเป็นเส้นตรง แต่วิ่งเป็นเกลียวดังภาพ ส่วนเส้นสีฟ้าที่เป็นแนวเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ก็เช่นกัน ยังคงอยู่ในขอบฟ้าเหตุการณ์ เพราะขอบฟ้าเหตุการณ์ไม่ได้อยู่แค่ตรงเส้นสีรุ้งครับ วงโคจรนี้ไม่จำเป็นต้องวนกลับมาอยู่จุดเดิม แค่เป็น loop หมุนรอบจุด singularity แล้วไม่หลุดออกไป (หรือถูกดูดเข้าไป) ก็ใช้ได้แล้ว ส่วนที่บอกว่าในหลุมดำมีแสง ก็ใช่ครับ เพราะว่าหลุมดำดูดเอาแสงเข้าไปด้วย เพราะฉะนั้นข้างในมีแสงแน่นอนครับ ถ้ามันโคจรอยู่รอบๆ singularity ได้โดยไม่โดนดูดเข้าไปซะก่อน แต่คนที่อยู่ข้างนอกขอบฟ้าเหตุการณ์จะมองไม่เห็นเท่านั้น จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 14:53:13

ความคิดเห็นที่ 41 อะไรก็ตามที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ให้แน่ฟันธงลงไปได้ มันก็สาารถเป็นไปได้ทั้งนั้นครับ เพราะในเมื่อตัวคุณเองก็ยังไม่เคยไปทัวร์หลุมดำเลยสักครั้ง แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่ามันไม่เป็นอย่างที่เขาคิด ทุกอย่างมันเป็นไปได้ครับถ้ายังไม่มีบทสรุป จากคุณ : หลาน (หลานคุณยายจ๋า) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 15:12:06

ความคิดเห็นที่ 42 คห.36 OK ครับ แต่ยังน่าสงสัยอยู่ว่า ดาวเคราะห์จะโคจรรอบอะไร? แล้วการอยู่ในหลุมดำ มันต้องถูกบีบอัีดอย่างมหาศาล ถ้าจะมีสิ่งมีชีวิตได้ ผมยังนึกไม่ออกเลยว่ามันจะหน้าตาเป็นยังไง ดาวฤกษ์ให้แสงสว่างและความอบอุ่นก็ไม่มี ( แล้วมันจะกินอะไร? ) จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 15:18:09

ความคิดเห็นที่ 43 เรื่องหลุมดำไม่รู้ รู้แต่ว่าฟิสิกส์นิวตัวมันแค่เริ่มต้น จากคุณ : Peet Reloaded เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 15:21:01

ความคิดเห็นที่ 44 อืมม น่าคิด อ่านข่าวเผินๆ ก็นึกว่าคนพูดมันคงเพี้ยน พอดูเครดิตคนพูดแล้ว ก็ต้องมาคิดตามให้ลึกหน่อย... จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 15:31:57

ความคิดเห็นที่ 45 OK ครับ แต่ยังน่าสงสัยอยู่ว่า ดาวเคราะห์จะโคจรรอบอะไร? <<< ดาวเคราะห์โคจรรอบsingularity คล้ายๆการที่ดาวเคราะห์โคจรรอบดาวดาวฤกษ์ แต่อยู่ในขอบฟ้าเหตุการณ์อีกที แล้วการอยู่ในหลุมดำ มันต้องถูกบีบอัดอย่างมหาศาล <<< ใช่ครับดาวเคราะห์ขนาดเล็กลงเหลือขนาดอะตอมเลยทีเดียวเชียว ยังมีผลกระทบจากความเร็วเกือบเท่าแสงอีก ถ้าจะมีสิ่งมีชีวิตได้ ผมยังนึกไม่ออกเลยว่ามันจะหน้าตาเป็นยังไง <<< ผมเองก็จนปัญญาเหมือนกัน คาดว่า ฮอว์กิง ก็คิดไม่ออก อาจต้องไปถามสติ็ฟจ็อปดู ดาวฤกษ์ให้แสงสว่างและความอบอุ่นก็ไม่มี ( แล้วมันจะกินอะไร? ) <<< มีแสงครับ ความอบอุ่นก็น่ามีเพราะมีพลังงานอยู่ข้างในขอบฟ้าเหตุการณ์อยู่มหาศาล อันนี้อ่านตามที่คุณชิวตัวเป็นขนอธิบาย น่าจะเข้าใจดีขึ้น คำอธิบายของคุณชิวตัวเป็นขน เข้าใจง่ายดี^^b ถ้ามีพลังงานก็น่าจะมีอะไรให้กินละมั้ง จากคุณ : TonyMao_NK51 จากคุณ : Ken Akamatsu เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 15:44:07

ความคิดเห็นที่ 46 วิทยาศาสตร์มันต้องคิดนอกกรอบซิ ไม่งั้นมันจะมีอะไรใหม่ๆได้ไง หนึ่งบวกหนึ่งไม่ จำเป็นต้องได้สองเสมอไป ถ้าไม่คิดนอกกรอบเราคงไม่มีไอโฟนใช้รอก จากคุณ : poo ja/poo_ja_8@hotmail.com เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 15:52:49 A:119.46.90.100 X: TicketID:313600

ความคิดเห็นที่ 47 สำหรับหลุมเล็ก ผมว่าพอดาวเคราะห์มันเข้าไปในขอบฟ้าเหตุการณ์แล้ว มันไม่ได้ถูกบีบจนเล็กหรอกครับ มันโดนแรงไทดัลฉีกจนเหลือแต่อะตอมโดดๆมากกว่า อาจโดนฉีกตั้งกะก่อนเข้าอีกต่างหาก เหมือนโดนย่อยสลายก่อนส่งเข้าหลุมแหละครับ แต่ถ้าเป็นหลุมยักษ์ก็ไม่อยากเดาครับ ว่าจะเป็นยังไง เพราะจินตนการไม่ออก จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 16:24:19

ความคิดเห็นที่ 48 ว้าว ยิ่งอ่านคำอธิบายแล้วยิ่งรู้สึกไซไฟสุดๆ สถานทึ่ที่แสงไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรง <<< แค่แสงเดินทางด้วยความเร็วที่ไม่เท่ากัน การไหลของเวลาก็ไม่เท่ากันแล้ว แล้วแสงที่เดินทางบิดเบี้ยว จะทำให้กฏทางฟิสิกส์เปลี่ยนแปลงหรือเปล่า ไหนจะสภาพทีู่กบีบอัดจนเล็กเท่าอะตอม และความเร็วเกือบเท่าแสงอีก การโคจรที่ไม่เป็นวงรีอีก พลังงานภายในที่สูงมากๆอีก กฏเกณฑ์ทางฟิสิกส์ในนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปมากก็ไม่ใช่เร่่ื่แปลกเลย บางทีถ้ามีสิ่งมีชีวิตภายในนั้น สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นอาจจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสงเป็นเรื่องปกติก็ได้นะ จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 16:57:53

ความคิดเห็นที่ 49 I hate Physics จากคุณ : ด.ช.แม่น เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 17:01:07

ความคิดเห็นที่ 50 ยังไม่เคยมีใครบอกได้ "จริงๆ" ว่าในหลุมดำมีอะไรไม่ใช่หรอคะ? . . . ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ค่ะ :) จากคุณ : I See Me เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 19:33:11

ความคิดเห็นที่ 51 เพี้ยน ยังไง หว่า ?? หลุมดำ อาจจะเป็นประตู ไปอีก มิติ ก็ได้ใคร จะรู้ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 19:38:48

ความคิดเห็นที่ 52 ตอนนี้เรามีทฤษฎีไม่ครอบคลุมพอที่จะเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับหลุมดำครับ เป็นเรื่องปกติของวิทยาศาสตร์ที่ทฤษฎีสามารถถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข และล้มล้างได้เมื่อมีการวิจัยใหม่ๆ ขึ้น ไม่แน่ว่าอาจมีอีกจักรวาลหนึ่งอยู่ในหลุมดำก็ได้ แต่ใครก็ตามในนั้นเขาไม่อยากให้เราเข้าไปเลยสร้างหลุมดำมาครอบ แต่วงโคจรแบบนี้เข้าใจยากจัง ผมงงว่ามันจะโคจรอยู่ได้ยังไง จากคุณ : LunaticNeko เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 19:57:05

ความคิดเห็นที่ 53 ฟิสิกส์ นิวตัน คือ สัจธรรม <- ผิดแล้ว จากคุณ : Epsilon5th เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 20:49:36

ความคิดเห็นที่ 54 ทฤษฏีหลังๆนี้ เริ่มจะพิสูจน์ยากขึ้นทุกที จนบางครั้งอย่างทฤษฏี 11 มิติ นี้ ผมมองว่ามันแทบจะไม่ต่างจากยกให้พระเจ้าสร้างโลกสักเท่าไหร่เลย จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 20:56:27

ความคิดเห็นที่ 55 ปวดขมับกับ จขกท. มั่กๆ จากคุณ : kraab เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 00:48:10 A:115.87.102.90 X: TicketID:211923

ความคิดเห็นที่ 56 ตามกฏฟิสิกส์ ที่เรามี มันอธิบาย ได้ว่ามันมีความเป็นไปได้ แต่ กฏฟิสิกส์ที่เรามี ใช้ได้กับเอกภพภายหลัง Bigbang แต่ในพื้นที่พิเศษเช่น หลุมดำ ไม่มีใครรับรองได้ว่า จะใช้ได้(ในที่นี้ เค้าสมมติว่ามันใช้ได้) จากคุณ : ZGMF-X10A เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 01:18:34

ความคิดเห็นที่ 57 ก็จากการคำนวนทางฟิสิก โลกเรา ดันคำนวนไปได้ถึง 11 มิติ นะ อย่างที่เรารู้กันจักวาลประกอบไปด้วยตัวเลขทางฟิสิกส์ต่างๆ จากคุณ : Ballmakoto2 เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 07:46:46

ความคิดเห็นที่ 58 ไม่เพี้ยนเลยสักนิดครับแล้วแนวคิดน่าสนใจมากๆด้วยสิ สักพักคงมีนิยายวิทยาศาสตร์เอาไปต่อยอดแหงๆ จากคุณ : นายเบียร์ เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 10:31:35

ความคิดเห็นที่ 59 คนตั้งกระทู้นั้นแหล่ะเพี้ยน พูดเหมือนรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ทั้งที่จริงแล้วยังรอการพิสูจน์แค่หลักคิดของคุณก็ไม่วิทยาศาสตร์แล้ว จากคุณ : NuNuDa เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 18:23:09

ความคิดเห็นที่ 60 ความรู้ของนิวตั้น ก็แค่กระผีกริ้นของจักรวาล มันอาจใช่หรือไม่ใช่ อย่าไปมั่นมาก นิวตั้นเองกกุมขมับมากกว่าที่มีคนคิดว่าเขาภูกไม่มีผิด (เพราะมันผิดหลักวิทยาศาสตร์ ที่ความรู้ใหม่หักล้างความรู้เดิมๆ เสมอ) จากคุณ : กระต๊อบน้อย เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 18:29:08

ความคิดเห็นที่ 61 วิทยาศาสตร์ มันจะเลิศเลอขนาดไหนนะ  มันก็ต้องลองผิดลองถูกทั้งนั้น ถ้ามัวไม่คิดนอกกรอบ ป่านนี้ มนุษย์ชาติคงวิ่งแก้ผ้าโทงๆ เป็นมนุษย์หินเหมือนยุคไดโนเสาร์ เออ......แปลกดีนะ  เรียนวิทย์ยิ่งมาก กลายเป็นประตูแคบลงเรื่อยๆ  ห้ามคิดอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้ารู้ว่าคิดอย่างนั้นถูกแล้ว ไม่มีการผิดพลาดเลย ป่านนี้คนคงเหาะได้แล้วมั้ง นักวิทย์ที่แท้จริง ต้องเพี้ยน เพราะฉลาดกว่าคนส่วนมากซึ่งคิดตามไม่ทัน ก็หาว่าเพี้ยน กาลิเลโอ บอกโลกกลม สมัยนั้นหาว่าบ้าเลย ยิ่งกว่าเพี้ยนไหมละ ถูกจับกักบริเวณจนตาย หลังจากนั้นถึง 400 ปี ชาวโลกจึงรู้ว่าโลกกลม นักวิทย์ที่คิดค้นเป็นคนแรกๆ โดนว่าเพี้ยนทุกคน จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 22:46:52