PANTIP.COM : X10454272 -- รั่ว กับ ระเบิด ผลต่างกันหรือไม่ (นิวเคลียร์) -- [วิทยาศาสตร์]

ความคิดเห็นที่ 18

ระเบิดนิวเคลียร์ ก็เป็นปฏิกิริยานิวเคลียร์เหมือนกันครับ มันไม่มีหรอกสกปรกมากสกปรกน้อยหรอก ส่วนสูตรที่ว่า มีแต่จะเอาแรงเท่าไหร่ ซึ่งปัจจุบันที่สหรัฐฯ รัสเซีย ฝรั่งเศส จีน อีกชาตินึงจำไม่ได้แล้ว มีในครอบครองนั้น รุนแรงกว่าที่ ฮิโรชิม่า นางาซากิ ประมาณ 100 เท่า

และสูตรนั้นก็ไม่ได้เลือกว่าจะมีรังสีปนเปื้อนเท่าไหร่ เพราะมันควบคุมไม่ได้ครับ ระเบิดไปแล้ว ก็จะปล่อยรังสีในขั้นต้นออกมารอบทิศทาง ซึ่งตัวที่อันตรายที่สุดคือ นิวตรอน เพราะจะไปเหนี่ยวนำทำให้ ธาตุทุกชนิดกลายเป็นธาตุกัมมันตรังสี แม้แต่อ็อกซิเจน ไนโตรเจน ไฮโดรเจนในอากาศยังถูกเหนี่ยวนำ แต่ครึ่งชีวิตมันไม่ยาวนาน ไม่กี่วินาทีมันก็เสถียรแล้ว มันจึงไม่อันตราย แต่ธาตุอื่นๆ ที่เป็นส่วนประกอบของสิ่งก่อสร้าง รถยนต์ และอื่นๆ นี่แหละที่จะมีธาตุที่มีครึ่งชีวิตยาวนาน และจะแผ่รังสีออกมาจนกว่ามันจะเสถียรนั่นแหละครับ

ดังน้ัน รังสีจากระเบิดนิวเคลียร์จะทำให้ปนเปื้อนมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับที่ระเบิด ถ้าระเบิดในอากาศ ปนเปื้อนน้อยสุด รองลงมาคือในน้ำ บนดิน และใต้ดิน ตามลำดับครับ

แต่ นิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้า ที่ได้ทำการปิดเตาปฏิกรณ์แล้วจะไม่ปล่อยอนุภาคนิวตรอนออกมาเพื่อเหนี่ยวนำให้ธาตุอื่นกลายเป็นธาตุกัมมันตรังสีนะครับ จะมีก็แต่รังสีแกมม่า ที่สามารถทำให้ธาตุอื่นๆ กลายเป็นธาตุกัมมันตรังสีได้ แต่ความทะลุทะลวงก็ไม่เท่าอนุภาคนิวตรอน และก็ไม่ได้ผลิตออกมามากเหมือนอย่าง อัลฟ่า หรือเบต้า ดังนั้นการปนเปื้อนน้อยกว่าระเบิดนิวเคลียร์แน่นอนครับ ส่วนความร้อนที่เกิดขึ้นเกิดจากการ decay ของตัวสารกัมมันตรังสีและญาติโกโหติกาทั้งหลายที่มันผลิตขึ้นมาระหว่างปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าจะ shut down

นอกจากนั้นนะครับ ระเบิดนิวเคลียร์จะทำให้เกิดฝุ่นกัมมันตรังสีตั้งแต่ตอนระเบิด เกิดเป็นกลุ่มควันลอยสูงขึ้นฟ้าที่เรียกว่า เมฆดอกเห็ด หรือ Mushroom Cloud แล้วหลังจากนั้นก็จะถูกลมพัดกระจายไปเป็นบริเวณกว้าง จนไปตกยังที่ที่ห่างออกไป ที่เรียกว่า ตกธุลี หรือ Fallout ยิ่งบริเวณนั้นมีซากปรักหักพังเยอะมากเท่าไหร่ ฝุ่นละอองกัมมันตรังสี ก็จะยิ่งเยอะ และพัดกระจายได้เป็นบริเวณกว้างกว่ามาก ผิดกับโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้ระเบิด หรือระเบิดแค่อาคาร ความเสียหายจะเป็นวงแคบกว่าเยอะนะครับ

ดังนั้นที่บอกให้ระเบิดไปเลยเนี่ย ยิ่งหายนะครับ เพราะฝุ่นเยอะ เศษซากเยอะ ฝุ่นกัมันตรังสีก็จะเยอะไปด้วย ค่อยๆ รั่วดีกว่าเยอะครับ

คิดว่าน่าจะเข้าใจได้มากขึ้นนะครับ ยังงัยระเบิดนิวเคลียร์ก็รุนแรงกว่าโรงไฟฟ้าระเบิดอยู่แล้วครับ อีกอย่างนะครับ ระเบิดนิวเคลียร์กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดนั้นไม่เหมือนกันนะครับ มันคนละปฏิกิริยากันเลย ระเบิดนิวเคลียร์เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ ถ้าโรงไฟฟ้าระเบิดจะเกิดจากแรงดันไอน้ำ และปฏิกิริยาเคมีอย่างไฮโดรเจนสัมผัสกับอากาศ หรือเหตุอื่นๆ ไม่ใช่ที่ตัวแกนเชื้อเพลิง เพราะแกนเชื้อเพลิงไม่ได้ใช้ ยูเรเนียม หรือพลูโตเนียมเสริมสมรรถนะ ในระดับ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ของสารตั้งต้น

อธิบายมาถึงตรงนี้ทำให้คิดไปได้อีกว่า ลองเทียบดูระหว่าง ระเบิดนิวเคลียร์ กับ แกนเชื้อเพลิงนิวเคลียร์นะครับ

ระเบิดนิวเคลียร์ส่วนใหญ่จะใช้ ยูเรเนียม-238 มาเสริมสมรรถนะ คือยิงนิวตรอนเข้าไปให้กลายเป็น ยูเรเนียม-235 หรือเป็น พลูโตเนียม-239 ซึ่งมันจะไม่เสถียรเป็นอย่างมาก พูดง่ายๆ คือมันพร้อมที่จะสลายตัวแล้วให้พลังงานออกมาอย่างรุนแรง ตลอดเวลา เปรียบเหมือนหนูที่ติดจั่นน่ะครับ พอเราเปิดกรงปุ๊บ หนูมันก็จะวิ่งจู๊ดไปเลย สภาพเดียวกัน พอระเบิดนิวเคลียร์จุดระเบิดปุ๊บ มันก็ตูมไปทุกทิศทุกทาง ซึ่งในระเบิดนิวเคลียร์จะมีธาตุทั้งสองชนิดนี้อยู่มากกว่า 90% ของระเบิดทั้งลูก

ส่วนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โดยมาก จะใช้ ยูเรเนียม-238 ซึ่งเป็นยูเรเนียมธรรมชาติ ไม่ต้องไป enrich หรือเสริมสมรรถนะก็สามารถนำมาใช้ได้ แต่ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบ PWR และ BWR อย่างของโรงไฟฟ้าฟุกุชิม่า จำเป็นจะต้องใช้ ยูเรเนียม-235 ประมาณ 3% เพื่อช่วยในการเร่งปฏิกริยาในตอนเริ่มต้น มิฉะนั้น มีแต่ยูเรเนียม-238 เพียวๆ จะเกิดปฏิกริยานิวเคลียร์ได้ยากกว่า แต่โรงไฟฟ้าบางแห่งก็ผสม พลูโตเนียม-239 เข้าไปแทน ยูเรเนียม-235 ที่เรียกว่า แกนเชื้อเพลิงบบ MOX อันนี้ก็แล้วแต่สูตร

จะเห็นได้ว่า ตัวที่อันตราย ที่มันไม่เสถียรอย่าง พลูโตเนียม-239 และ ยูเรเนียม-235 ในโรงไฟฟ้านั้นมีน้อยกว่าในระเบิดนิวเคลียร์เกือบ 10 เท่า ดังนั้นจะให้ความรุนแรงของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Meltdown หรือแค่รั่วไหล จะมากกว่าระเบิดนิวเคลียร์นั้นเป็นไปไม่ได้เลยครับ

และก็ในโลกนี้ก็ยังมีระบบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ปลอดภัยกว่าแบบ PWR และ BWR นั่นก็คือ แบบ CANDU ซึ่งไม่ได้ใช้ยูเรเนียมหรือพลูโตเนียมเสริมสมรรถนะเลย แต่จะใช้ยูเรเนียมธรรมชาติเป็นแกนเชื้อเพลิง ใช้น้ำมวลหนักเป็นตัวหน่วงนิวตรอน ซึ่งปลอดภัยกว่าแบบใช้น้ำมวลเบาด้วย

ก็เป็นไปตามนี้ครับ มีอะไรยังสงสัยก็ถามกันต่อได้นะครับ ตอบได้ก็จะตอบ ตอบไม่ได้ก็จะบอกว่าไม่รู้นะครับ
แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 54 13:11:47

จากคุณ : zedth

เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 12:08:23